ตำรวจ.ภูเก็ต รวบเอเย่นต์ ค้ายานรกรายใหญ่ พร้อม ยาบ้า 12,000 เม็ด ยาไอซ์ 230 กรัม อาวุธปืนและเครื่องกระสุน โดยเปิดร้านขายปลาสวยงามบังหน้า เครือข่ายเรือนจำจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (1ก.ค.57) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต. กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รองผบช.ภ.8 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.อ.สมชาย โปณะทอง ผบ.ศฝ.นศท.มทบ.41 นาวาเอกเพชรรัตน์ เทียนจันทร์ รองผู้อำนวยการกิจการพลเรือน กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พ.ต.อ. อรุณ แกล้ววาที พ.ต.อ. อารยะพันธ์ พุกบัวขาว รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท. จรัล บางประเสริฐ หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายวีระยุทธ หรือ อ๋อง สันสกฤต อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/153 ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมของกลาง ยาบ้า 12,000 เม็ด ยาไอซ์ 230 กรัม อาวุธปืน ขนาด.22 ยี่ห้อ ASTRA UNCETA CIA-GUENRNICN ( SPAIN) ไม่ทะเบียน จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุน ขนาด .22 จำนวน 5 นัด โดยสามารถจับกุมได้ที่ ร้านขายปลาสวยงาม (ตลาดนัดท้ายรถข้างการไฟฟ้าภูเก็ต) ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ต่อเนื่องห้องพักเลขที่ 46 ฟ้าใหม่แมนชั่น ม.5 ถนนประชาอุทิศ 1 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
นอกจากนั้นยังได้ยึดทรัพย์ตามพ.ร.บ.ปปง. ประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ คาวาซากิ สีส้ม รุ่นนินจา สีเขียว หมายเลขทะเบียน ขมธ 778 ภูเก็ต จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ คาวาซากิ รุ่นKSR สีส้ม หมายเลขทะเบียน 307 ภูเก็ต จำนวน 1 คัน
พล.ต.ต. กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รองผบช.ภ.8 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า นาย อ๋อง ตั้งตนเป็นเอเย่นต์ ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตมานาน โดยเปิดร้านขายปลาสวยงาม บังหน้า ตรงตลาดนัด บขส.เก่า อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงวางแผนล่อซื้อและทำการจับกุมได้พร้อมของกลาง ที่ร้านขายปลาสวยงามดังกล่าว ก่อนจะนำตัวไปขยายผลค้นห้องพักเลขที่ 46 ฟ้าใหม่แมนชั่น ม.5 ถ.ประชาอุทิศ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต สามารถตรวจยึดของกลางได้อีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นยาเสพติดของเครือข่ายนายลีม ผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ที่ผู้ต้องหารู้จักกันขณะถูกจับกุมในเรือนจำ โดยจะมีลูกน้องของนาย ลีม นำมาวางไว้ตามจุดต่างๆในเขตอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต และ นายอ๋อง จะเป็นคนไปรับมาเก็บไว้ที่ห้องพักดังกล่าว ก่อนจะนำออกขายให้กับเครือข่าย ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
จากการสอบถาม นาย อ๋อง หลังจากพ้นโทษมาเมื่อปี 2555 ได้มาประกอบอาชีพขายปลาสวยงาม และเพาะพันธ์สุนัขขายบ้าง หลังจากนั้นได้มีเครือข่ายของนาย ลีม ติดต่อมาให้จำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และได้รับปากทางเครือข่ายว่าจะทำ และได้ยอมรับว่าทำมาแล้วจำนวน 3 ครั้ง แต่ในครั้งที่ 4 ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียก่อน โดยเพิ่งรับยาเสพติดมายังไม่ได้เอาไปจำหน่ายให้ลูกค้า
ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต พร้อมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
การจัดระเบียบแท็กซี่ป้ายดำและกลุ่มอุทธิพลมีการดำเนินคดีแล้ว 113 ราย พร้อมยกเลิกระบบคิว ใช้ระบบ Call Center รับผู้โดยสาร
พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบแท็กซี่ป้ายดำและกลุ่มผู้มีอิทธิพล ด้วยขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 116 ราย ผู้ต้องหา 113 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว โดยเยกเป็น ผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ 111 ราย ผู้ต้องหา 108 คน ดำเนินคดีผู้บริหารเทศบาล 5 ราย ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำผิด
อย่างไรก็ตามทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จะมีการขยายผลผู้กระทำผิดต่อไป ส่วนมาตรการการจัดระเบียบ ทางตำรวจจะร่วมกับฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการทุกพื้นที่ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตที่ได้กำหนดไว้ ประกอบด้วย ไม่มีระบบคิว มีสถานที่จอดรถและมี Call Center ผู้ประกอบการ โรงแรมต้องให้ความร่วมมือ รวมถึงจะมีการเข้มงวดมาตรฐานของรถและมาตรฐานคนขับ โดยจะมีการบันทึกคนขับที่ชัดเจน ซึ่งจะมีการดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จะมีการขยายผลผู้กระทำผิดต่อไป ส่วนมาตรการการจัดระเบียบ ทางตำรวจจะร่วมกับฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการทุกพื้นที่ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตที่ได้กำหนดไว้ ประกอบด้วย ไม่มีระบบคิว มีสถานที่จอดรถและมี Call Center ผู้ประกอบการ โรงแรมต้องให้ความร่วมมือ รวมถึงจะมีการเข้มงวดมาตรฐานของรถและมาตรฐานคนขับ โดยจะมีการบันทึกคนขับที่ชัดเจน ซึ่งจะมีการดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด
เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อ.สวี จับกุมชาวบ้านลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวน นาสัก-ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร
เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อ.สวี จับกุมชาวบ้านลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวน นาสัก-ทุ่งระยะ อ.สวี จ.ชุมพร ได้ผู้ต้องหา 6 คน พร้อมเลื่อยยนต์
(2 ก.ค.57) เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้สายที่ 2 นำโดย นายบัญชา ขาวศิริ หัวหน้าชุด และนายอรัญ ทันการ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชพ.12 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมกำลัง ได้ปิดล้อม เข้าจับกุมผู้ต้องหา ลักลอบตัดไม้ขนาดใหญ่ เขตป่าสงวนนาสัก-ทุ่งระยะ หมู่ 8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ได้ผู้ต้องหาจำนวน 6 คน ได้แก่ นายอดิศักดิ์ รัตนศรี อายุ 40 ปี นายบุญชู สระนาม อายุ 34 ปี นายวิทยา อินธิเดช อายุ 34 ปี นายลิขิต ทุ่มทอง อายุ 33 ปี นายทองดี รัตนศรี อายุ 64 ปี และ นายพงษ์ศักดิ์ ผิวสำอาง อายุ 49 ปี พร้อมของกลางเป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ กว่า 10 ท่อน เลื่อยยนต์ จำนวน 1 เครื่อง และรถกระโตโยต้าวีโก้ ตอนครึ่ง สีขาว ทะเบียน บบ 7316 ชุมพร 1 คัน
จากการสอบสวน ทั้งหมดเป็นชาวบ้านในพื้นที่ใกล้ที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบ บริเวณป่าใกล้เคียงยังพบตอไม้ขนาดใหญ่ถูกโค่นจำนวนมาก คาดว่าชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวเคยลักลอบขึ้นไปตัดไม้มาแล้วหลายครั้ง จึง ควบคุมทั้งหมด ส่งให้พนักงาน สอบสวน สถานีตำรวจภูธรตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหากระทำความผิดเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัดไม้ทำลายป่า ต่อไป
(2 ก.ค.57) เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้สายที่ 2 นำโดย นายบัญชา ขาวศิริ หัวหน้าชุด และนายอรัญ ทันการ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชพ.12 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมกำลัง ได้ปิดล้อม เข้าจับกุมผู้ต้องหา ลักลอบตัดไม้ขนาดใหญ่ เขตป่าสงวนนาสัก-ทุ่งระยะ หมู่ 8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ได้ผู้ต้องหาจำนวน 6 คน ได้แก่ นายอดิศักดิ์ รัตนศรี อายุ 40 ปี นายบุญชู สระนาม อายุ 34 ปี นายวิทยา อินธิเดช อายุ 34 ปี นายลิขิต ทุ่มทอง อายุ 33 ปี นายทองดี รัตนศรี อายุ 64 ปี และ นายพงษ์ศักดิ์ ผิวสำอาง อายุ 49 ปี พร้อมของกลางเป็นท่อนไม้ขนาดใหญ่ กว่า 10 ท่อน เลื่อยยนต์ จำนวน 1 เครื่อง และรถกระโตโยต้าวีโก้ ตอนครึ่ง สีขาว ทะเบียน บบ 7316 ชุมพร 1 คัน
จากการสอบสวน ทั้งหมดเป็นชาวบ้านในพื้นที่ใกล้ที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบ บริเวณป่าใกล้เคียงยังพบตอไม้ขนาดใหญ่ถูกโค่นจำนวนมาก คาดว่าชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวเคยลักลอบขึ้นไปตัดไม้มาแล้วหลายครั้ง จึง ควบคุมทั้งหมด ส่งให้พนักงาน สอบสวน สถานีตำรวจภูธรตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหากระทำความผิดเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัดไม้ทำลายป่า ต่อไป
อาวุธสงครามและอาวุธที่ยึดได้บางส่วนมาใช้ประโยชน์ได้
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว อาวุธสงครามและอาวุธที่ยึดได้ในปฏิบัติการรอบ 1 เดือนที่ผ่านจะดำเนินการกับของกลางอย่างไรต้องฟังคำสั่ง หน.คสช. คาดว่าอาจนำบางส่วนมาใช้ประโยชน์ได้
ตามที่ คสช.ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้มีการนำส่ง อาวุธสงคราม อาวุธที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พร้อมกับการระดมกวาดล้าง ตรวจค้น กดดัน ผู้ที่มีอยู่ในครอบครอง ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ของกลาง เป็นจำนวนมาก พลโทวลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ในส่วนของภาคใต้ สามารถยึดปืนสงครามและทั่วไปได้ประมาณ 570 กระบอก เครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก ซึ่งต้องรอคำสั่ง คสช.ในการดำเนินการกับของกลางเหล่านี้
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว จากนี้ไปจะต้องรุกการปฏิบัติงานด้านการปราบปราม ตรวจสอบ ในกลุ่มของ ผู้มีอิทธิพล ผู้บุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ รวมถึงขบวนการค้ายาเสพติด ด้วย
ตามที่ คสช.ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้มีการนำส่ง อาวุธสงคราม อาวุธที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พร้อมกับการระดมกวาดล้าง ตรวจค้น กดดัน ผู้ที่มีอยู่ในครอบครอง ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ของกลาง เป็นจำนวนมาก พลโทวลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ในส่วนของภาคใต้ สามารถยึดปืนสงครามและทั่วไปได้ประมาณ 570 กระบอก เครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก ซึ่งต้องรอคำสั่ง คสช.ในการดำเนินการกับของกลางเหล่านี้
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว จากนี้ไปจะต้องรุกการปฏิบัติงานด้านการปราบปราม ตรวจสอบ ในกลุ่มของ ผู้มีอิทธิพล ผู้บุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ รวมถึงขบวนการค้ายาเสพติด ด้วย
จ.สุราษฎร์ธานี จัดกิจกรรมเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป “คืนความสุขให้คนในชาติ”
จ.สุราษฎร์ธานีจัดโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป "คืนความสุขให้คนในชาติ”
นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวเปิดโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป "คืนความสุขให้คนในชาติ” ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีในวันนี้(2 ก.ค.57) ทุกหน่วยงานในจังหวัดสุราษฎร์ธานีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ได้บูรณาการเร่งดำเนินการ ให้ประชาชนทุกภาคส่วน ได้เกิดความรัก ความสามัคคี มีความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมที่จะก้าวไปสู่การเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ให้เป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้องและยั่งยืนสืบไป
ทางด้าน พลตรีธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี กล่าวว่าได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป "คืนความสุขให้คนในชาติ”ครั้งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ลดความขัดแย้งในสังคมทุกระดับ ตามนโยบาย คสช.
ส่วนนายสิรยศ อาจหาญ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าว หน่วยงานในสังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 สุราษฎร์ธานี ทั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ สถานีวิทยุกระจายเสียง ร่วมทั้งสถานีวิทยุกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวิภาวดี ได้ร่วมกันประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดกิจกรรมในโครงการฯให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด เพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น ตามนโยบาย คสช.
สำหรับกิจกรรมตามโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป "คืนความสุขให้คนในชาติ” ในวันนี้ ประกอบด้วยการแข่งขันกีฬาฟุตบอลศิลปินดาราเชื่อมสามัคคีสื่อมวลชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและผู้นำท้องถิ่น การแสดงดนตรี วง สวท.สุราษฎร์ฯแบนด์ ศิลปินปักษ์ใต้และมายากล จาก นพค.46 และการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินระดับประเทศ อาร์สยาม บ่าววี หลวงไก่ บิว กัลยาณี กล้วยแสตมป์ แกรมมี่ ฯลฯ ต่อด้วยมโนราห์สามัคคี คณะแดงปรีดา บัณฑิตศิลป์ด้วย
นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวเปิดโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป "คืนความสุขให้คนในชาติ” ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีในวันนี้(2 ก.ค.57) ทุกหน่วยงานในจังหวัดสุราษฎร์ธานีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ได้บูรณาการเร่งดำเนินการ ให้ประชาชนทุกภาคส่วน ได้เกิดความรัก ความสามัคคี มีความเข้าใจที่ถูกต้อง พร้อมที่จะก้าวไปสู่การเดินหน้าปฏิรูปประเทศ ให้เป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้องและยั่งยืนสืบไป
ทางด้าน พลตรีธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี กล่าวว่าได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป "คืนความสุขให้คนในชาติ”ครั้งนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ลดความขัดแย้งในสังคมทุกระดับ ตามนโยบาย คสช.
ส่วนนายสิรยศ อาจหาญ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าว หน่วยงานในสังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 สุราษฎร์ธานี ทั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ สถานีวิทยุกระจายเสียง ร่วมทั้งสถานีวิทยุกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวิภาวดี ได้ร่วมกันประชาสัมพันธ์และถ่ายทอดกิจกรรมในโครงการฯให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด เพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น ตามนโยบาย คสช.
สำหรับกิจกรรมตามโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป "คืนความสุขให้คนในชาติ” ในวันนี้ ประกอบด้วยการแข่งขันกีฬาฟุตบอลศิลปินดาราเชื่อมสามัคคีสื่อมวลชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและผู้นำท้องถิ่น การแสดงดนตรี วง สวท.สุราษฎร์ฯแบนด์ ศิลปินปักษ์ใต้และมายากล จาก นพค.46 และการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินระดับประเทศ อาร์สยาม บ่าววี หลวงไก่ บิว กัลยาณี กล้วยแสตมป์ แกรมมี่ ฯลฯ ต่อด้วยมโนราห์สามัคคี คณะแดงปรีดา บัณฑิตศิลป์ด้วย
ชุดเฉพาะกิจปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตควบคุมตัว ผู้ต้องหาในคดี4รายพร้อมสำนวนส่งให้อัยการจังหวัดพิจารณา
ชุดเฉพาะกิจปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตควบคุมตัว ผู้ต้องหาในคดี4รายพร้อมสำนวนส่งให้อัยการจังหวัดพิจารณา
พลตำรวจตรีปวีณ พงศ์ศิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในชุดเฉพาะกิจปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยคณะร่วมกันควบคุมตัว ผู้ต้องหาในคดี4ราย ขึ้นรถคุมขังตำรวจแห่งชาติ คือนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต ที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา รวมทั้งนายสุทัศน์ ไฝขาว ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ตำบลกะรน, นายมาลิก เป็นสุข และนายอารี หมาดหลาย ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ตำบลกมลา โดยผู้ต้องหาทั้งหมดอ้างว่า มีอาการเจ็บป่วย และปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวนหรือขอประกันตัวไปในวงเงิน รายละ 75,000 บาท โดยนำตัวไปส่งที่สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตพร้อมเอกสารสำนวนมากถึง 5,585 แผ่น ครอบคลุมคดีที่เกี่ยวข้อง จำนวน 12 คดี โดยมี นายพิสิทธิ์พล ภูมิศิริสวัสดิ์ อัยการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้รับมอบตัวผู้ต้องหา
วันนี้ ครบกำหนดที่พนักงานสอบสวนจะต้องส่งสำนวนการสอบสวนคดีกลุ่มแท็กซี่ที่มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต ที่มีการจับกุม จำนวน 109 คน จาก112 หมายจับส่งให้อัยการจังหวัด เป็นคดีการสอบสวนทั้งหมด 112 คดีและพลตำรวจโทปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8มีความเห็นทางคดี ให้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคน จึงได้เสนออัยการจังหวัดภูเก็ตในวันนี้ โดยคณะพนักงานสอบสวนนำสำนวนการสอบสวนให้อัยการจังหวัดภูเก็ตพร้อมผู้ต้องหาที่มีการประกันตัว เพื่อให้พิจารณาคดีเพื่อสั่งฟ้องไปยังศาลจังหวัดภูเก็ต ต่อไป นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8ให้ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนขยายผล กลุ่มมาเฟียในภูเก็ตต่อไปและจะมีการจับกุมต่อเนื่องและขยายผลยังบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
พร้อมกันนี้ประสานงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง. ลงมาทำการขยายผล เพื่อยึดทรัพย์ ที่กลุ่มผู้กระทำผิด ดำเนินการผิดกฎหมาย นำทรัพย์ เหล่านี้ ที่ได้ไป กลับคืนมา สู่แผ่นดินสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มแท็กซี่ กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น ให้รีบนำข้อมูลเหล่านี้ มาให้คณะสอบสวนสืบสวนชุดนี้เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของท่านเพื่อติดตามทรัพย์สินกลับคืนมา ถ้าเสียไปแล้ว ถ้ารับความร่วมมือมากเท่าใด จังหวัดภูเก็ตจะสะอาดมากขึ้นเท่านั้น ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนในคดีที่ควบคุมตัวเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนนี้คือ รายนายสมปอง ดาบเพชร , นายอิทธิพร สังข์แก้ว รองนายกเทศมนตรีกะรน นายวันชัย แซ่ตัน ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลกะรน และนายวีระศักดิ์ อเนกวงศ์สวัสดิ์ ปลัดเทศบาลตำบลกะรน นั้น ในขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์เพื่อส่งฟ้องต่อไปเร็วๆนี้
พลตำรวจตรีปวีณ พงศ์ศิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในชุดเฉพาะกิจปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยคณะร่วมกันควบคุมตัว ผู้ต้องหาในคดี4ราย ขึ้นรถคุมขังตำรวจแห่งชาติ คือนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต ที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา รวมทั้งนายสุทัศน์ ไฝขาว ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ตำบลกะรน, นายมาลิก เป็นสุข และนายอารี หมาดหลาย ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ตำบลกมลา โดยผู้ต้องหาทั้งหมดอ้างว่า มีอาการเจ็บป่วย และปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวนหรือขอประกันตัวไปในวงเงิน รายละ 75,000 บาท โดยนำตัวไปส่งที่สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตพร้อมเอกสารสำนวนมากถึง 5,585 แผ่น ครอบคลุมคดีที่เกี่ยวข้อง จำนวน 12 คดี โดยมี นายพิสิทธิ์พล ภูมิศิริสวัสดิ์ อัยการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้รับมอบตัวผู้ต้องหา
วันนี้ ครบกำหนดที่พนักงานสอบสวนจะต้องส่งสำนวนการสอบสวนคดีกลุ่มแท็กซี่ที่มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต ที่มีการจับกุม จำนวน 109 คน จาก112 หมายจับส่งให้อัยการจังหวัด เป็นคดีการสอบสวนทั้งหมด 112 คดีและพลตำรวจโทปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8มีความเห็นทางคดี ให้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคน จึงได้เสนออัยการจังหวัดภูเก็ตในวันนี้ โดยคณะพนักงานสอบสวนนำสำนวนการสอบสวนให้อัยการจังหวัดภูเก็ตพร้อมผู้ต้องหาที่มีการประกันตัว เพื่อให้พิจารณาคดีเพื่อสั่งฟ้องไปยังศาลจังหวัดภูเก็ต ต่อไป นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8ให้ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนขยายผล กลุ่มมาเฟียในภูเก็ตต่อไปและจะมีการจับกุมต่อเนื่องและขยายผลยังบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
พร้อมกันนี้ประสานงานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง. ลงมาทำการขยายผล เพื่อยึดทรัพย์ ที่กลุ่มผู้กระทำผิด ดำเนินการผิดกฎหมาย นำทรัพย์ เหล่านี้ ที่ได้ไป กลับคืนมา สู่แผ่นดินสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกลุ่มแท็กซี่ กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น ให้รีบนำข้อมูลเหล่านี้ มาให้คณะสอบสวนสืบสวนชุดนี้เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของท่านเพื่อติดตามทรัพย์สินกลับคืนมา ถ้าเสียไปแล้ว ถ้ารับความร่วมมือมากเท่าใด จังหวัดภูเก็ตจะสะอาดมากขึ้นเท่านั้น ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนในคดีที่ควบคุมตัวเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนนี้คือ รายนายสมปอง ดาบเพชร , นายอิทธิพร สังข์แก้ว รองนายกเทศมนตรีกะรน นายวันชัย แซ่ตัน ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลกะรน และนายวีระศักดิ์ อเนกวงศ์สวัสดิ์ ปลัดเทศบาลตำบลกะรน นั้น ในขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์เพื่อส่งฟ้องต่อไปเร็วๆนี้
ผู้ประกอบการรถโดยสารบริการสองแถว และรถแท็กซี่บนเกาะสมุยบางส่วนรวมตัวค้าน คสช. จัดระเบียบรถโดยสารบริการทุกประเภท ป้องกันการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวบนเกาะสมุย
ผู้ประกอบการรถโดยสารบริการสองแถว และรถแท็กซี่บนเกาะสมุยบางส่วนรวมตัวค้าน คสช. จัดระเบียบรถโดยสารบริการทุกประเภท ป้องกันการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวบนเกาะสมุย
จากกรณีที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันบูรณาการจัดระเบียบคืนพื้นผิวการจราจรให้ประชาชน และแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการ โดยมีพื้นที่อำเภอเกาะสมุยเป็นพื้นที่เป้าหมาย ที่เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวหลักที่จะต้องจัดระเบียบการจราจร เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา การจอดรถกีดขวางทางเท้า และจอดรถกีดขวางการจราจร ริมฟุตปาธ
ต่อมา หลังจากที่ตำรวจภูธรบ่อผุด ได้ทำการจัดระเบียบคืนพื้นผิวการจราจรในพื้นที่ถนนย่านเศรษฐกิจ ถนนเลียบชายหาดเฉวง พร้อมมีการกำหนดจุดจอดรถด้วยการตีเส้นสัญญาณจราจรอย่างชัดเจน เพื่อรับส่งผู้โดยสาร ของรถแท็กซี่มิเตอร์ และรถสองแถวไปแล้วนั้น ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่กลุ่มคนขับรถสองแถวกะกลางคืน ทำให้กลุ่มคนขับรถสองแถว และกลุ่มคนขับรถแท็กซี่กะกลางกลางคืน ได้นัดรวมตัวกันที่บริเวณศาลาพรุเฉวง พร้อมมีการประชุมกันเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทบทวนการกำหนดจุดจอดรถรับส่งผู้โดยสาร
ด้าน ด.ต. พงษ์ศักดิ์ บุญมาศ หัวหน้างานจราจรอำเภอเกาะสมุย กล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการกำหนดจุดจอด ห้ามจอดรถรับส่งผู้โดยสาร หรือจอดในลักษณะแช่เป็นเวลานาน หากจอด หรือหยุดรถรับส่งผู้โดยสาร หรือลูกค้าให้จอดในที่ที่ทางเจ้าหน้าที่ทำป้าย หรือสัญลักษณ์ให้จอดเท่านั้น เนื่องจากถนนในย่านเลียบหาดเฉวง เป็นถนนเดินรถทางเดียว หรือวันเวย์อยู่แล้ว หากมีการจอดอย่างพร่ำเพรื่อ หรือจอดแช่เพื่อรอรับผู้โดยสารก็จะทำให้รถติด ที่สำคัญรถนักท่องเที่ยวไม่สามารถจอดได้ และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
จากกรณีที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันบูรณาการจัดระเบียบคืนพื้นผิวการจราจรให้ประชาชน และแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการ โดยมีพื้นที่อำเภอเกาะสมุยเป็นพื้นที่เป้าหมาย ที่เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวหลักที่จะต้องจัดระเบียบการจราจร เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา การจอดรถกีดขวางทางเท้า และจอดรถกีดขวางการจราจร ริมฟุตปาธ
ต่อมา หลังจากที่ตำรวจภูธรบ่อผุด ได้ทำการจัดระเบียบคืนพื้นผิวการจราจรในพื้นที่ถนนย่านเศรษฐกิจ ถนนเลียบชายหาดเฉวง พร้อมมีการกำหนดจุดจอดรถด้วยการตีเส้นสัญญาณจราจรอย่างชัดเจน เพื่อรับส่งผู้โดยสาร ของรถแท็กซี่มิเตอร์ และรถสองแถวไปแล้วนั้น ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่กลุ่มคนขับรถสองแถวกะกลางคืน ทำให้กลุ่มคนขับรถสองแถว และกลุ่มคนขับรถแท็กซี่กะกลางกลางคืน ได้นัดรวมตัวกันที่บริเวณศาลาพรุเฉวง พร้อมมีการประชุมกันเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทบทวนการกำหนดจุดจอดรถรับส่งผู้โดยสาร
ด้าน ด.ต. พงษ์ศักดิ์ บุญมาศ หัวหน้างานจราจรอำเภอเกาะสมุย กล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการกำหนดจุดจอด ห้ามจอดรถรับส่งผู้โดยสาร หรือจอดในลักษณะแช่เป็นเวลานาน หากจอด หรือหยุดรถรับส่งผู้โดยสาร หรือลูกค้าให้จอดในที่ที่ทางเจ้าหน้าที่ทำป้าย หรือสัญลักษณ์ให้จอดเท่านั้น เนื่องจากถนนในย่านเลียบหาดเฉวง เป็นถนนเดินรถทางเดียว หรือวันเวย์อยู่แล้ว หากมีการจอดอย่างพร่ำเพรื่อ หรือจอดแช่เพื่อรอรับผู้โดยสารก็จะทำให้รถติด ที่สำคัญรถนักท่องเที่ยวไม่สามารถจอดได้ และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน
จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการแก่นายจ้างและสถานประกอบการ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
ที่ โรงแรมบีพี สมิหลา บีช อ.เมืองสงขลา เวลา 09.30 น. วันนี้(2 ก.ค. 57) นายชัยวัฒน์ ศิรินุพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานพิธีเปิด "การประชุมเชิงปฏิบัติการนายจ้างและสถานประกอบการในการจ้างงานคนพิการตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550" โดยมีนายจ้างและสถานประกอบการ ผู้พิการสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นายจรัส ชุมปาน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า การจัดงานในครั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา จัดขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และตามกฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้อนรับคนพิการเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคน โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องรับคนพิการที่สามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดเข้าทำงานในอัตรา 100 คน ต่อคนพิการ 1 คน เศษของทุก 100 คน หากเกิน 50 คน ต้องรับคนพิการเพิ่มอีก 1 คน ทั้งนี้นายจ้างหรือเจ้าของประกอบการที่มิได้รับคนพิการเข้าทำงานตามที่กำหนด ให้ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเป็นรายปี หรือให้สัมปทานจัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงาน ฝึกงาน หรือการให้การช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ โดยนับจำนวนลูกจ้าง ให้นับทุกวันที่ 1 ตุลาคม ของแต่ละปี สำหรับจังหวัดสงขลามีจำนวนสถานประกอบการที่ต้องปฏิบัติตามกฏหมายการจ้างงานคนพิการ จำนวน 177 แห่ง
โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการนายจ้างและสถานประกอบการในการจ้างงานคนพิการประจำปี 2557 ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ สำนักงานจัดหางานจังหวัดสงขลา และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสงขลา รวมทั้งองค์กร, สมาคมคนพิการ นายจ้างและสถานประกอบการในจังหวัดสงขลาที่ให้ความสนใจในเรื่องกฎหมายการจ้างงานคนพิการ เพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป
นายจรัส ชุมปาน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า การจัดงานในครั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสงขลา จัดขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และตามกฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้อนรับคนพิการเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคน โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องรับคนพิการที่สามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดเข้าทำงานในอัตรา 100 คน ต่อคนพิการ 1 คน เศษของทุก 100 คน หากเกิน 50 คน ต้องรับคนพิการเพิ่มอีก 1 คน ทั้งนี้นายจ้างหรือเจ้าของประกอบการที่มิได้รับคนพิการเข้าทำงานตามที่กำหนด ให้ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเป็นรายปี หรือให้สัมปทานจัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงาน ฝึกงาน หรือการให้การช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ โดยนับจำนวนลูกจ้าง ให้นับทุกวันที่ 1 ตุลาคม ของแต่ละปี สำหรับจังหวัดสงขลามีจำนวนสถานประกอบการที่ต้องปฏิบัติตามกฏหมายการจ้างงานคนพิการ จำนวน 177 แห่ง
โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการนายจ้างและสถานประกอบการในการจ้างงานคนพิการประจำปี 2557 ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ สำนักงานจัดหางานจังหวัดสงขลา และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสงขลา รวมทั้งองค์กร, สมาคมคนพิการ นายจ้างและสถานประกอบการในจังหวัดสงขลาที่ให้ความสนใจในเรื่องกฎหมายการจ้างงานคนพิการ เพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป
ยุสรา วาจิ//ข่าว
วิชราวุฒิ แกล้วกล้าหาญ//ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
วิชราวุฒิ แกล้วกล้าหาญ//ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
ผวจ.พัทลุง มอบนโยบายการปฏิบัติงานและเยี่ยมผู้นำศาสนาอิสลามที่อำเภอกงหรา
ผวจ.พัทลุงมอบนโยบายการปฏิบัติงานและเยี่ยมผู้นำศาสนาอิสลาม
เมื่อที่ผ่านมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง มอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ข้าราชการ กำนันผู้ใหญ่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อำเภอกงหรา และเยี่ยมผู้นำศาสนาอิสลาม ประกอบด้วย อิหม่าม คอเต็บ บิหล่าน ทั้งจังหวัดพัทลุง เน้นเรื่องความสมานฉันท์ปรองดอง
เมื่อที่ผ่านมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง มอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ข้าราชการ กำนันผู้ใหญ่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อำเภอกงหรา และเยี่ยมผู้นำศาสนาอิสลาม ประกอบด้วย อิหม่าม คอเต็บ บิหล่าน ทั้งจังหวัดพัทลุง เน้นเรื่องความสมานฉันท์ปรองดอง
ผู้ว่าพัทลุง เปิดศูนย์เรียนรู้ ที่บ้านไร่เหนือกงหรา
ผู้ว่าพัทลุง เปิดศูนย์เรียนรู้ ที่บ้านไร่เหนือกงหรา
เวลา ๑๑.๐๐ น. ที่ผ่านมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานเปิดที่ทำการศูนย์เรียนรู้โครงการตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามพระราชดำริ และเยี่ยมชมฝายขนาดเล็ก หมู่บ้านเดียวกัน และเยี่ยมชมน้ำตกไพร่วัลย์ น้ำตกที่สวยที่สุดของจังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่ที่บ้านพูด ตำบลคลองเฉลิม อำเภอกงหรา พร้อมฝากนายอำเภอ ดูแลเรื่องธรรมชาติและความสะอาด ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน
เวลา ๑๑.๐๐ น. ที่ผ่านมา ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานเปิดที่ทำการศูนย์เรียนรู้โครงการตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามพระราชดำริ และเยี่ยมชมฝายขนาดเล็ก หมู่บ้านเดียวกัน และเยี่ยมชมน้ำตกไพร่วัลย์ น้ำตกที่สวยที่สุดของจังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่ที่บ้านพูด ตำบลคลองเฉลิม อำเภอกงหรา พร้อมฝากนายอำเภอ ดูแลเรื่องธรรมชาติและความสะอาด ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน
ผวจ.พัทลุง พบสื่อมวลชนพัทลุง
ผวจ.พัทลุง พบสื่อมวลชนพัทลุง
ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พบปะสื่อมวลชนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ขอความร่วมมือสื่อมวลชนร่วมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในสังคม กิจกรรมจัดที่สวนอาหารควนมะพร้าว โดยจัดสำรับพัทลุง เป็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ให้สื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์ด้านอาหารให้จังหวัดพัทลุง
ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พบปะสื่อมวลชนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ขอความร่วมมือสื่อมวลชนร่วมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในสังคม กิจกรรมจัดที่สวนอาหารควนมะพร้าว โดยจัดสำรับพัทลุง เป็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ให้สื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์ด้านอาหารให้จังหวัดพัทลุง
ตำรวจตรังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารแถลงข่าวการจับกุมกวาดล้างยาเสพติดและอาวุธปืน พร้อมยึดทรัพย์ รวม 5 แสนบาท
ที่สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง พลตำรวจตรีจีระวัฒน์ อุดมสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง และร่วมกับพันตำรวจเอก สิทธินันท์ สังฆพันธ์ ผู้กำกับการ สภ.ห้วยยอด ร.อ.นพรัตน์ มหัตเสน ตัวแทนเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จังหวัดตรัง และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน ของ กอ.รมน.จังหวัดตรัง,ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรห้วยยอด ทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดและเป้าหมายอาวุธปืนในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ห้วยยอด โดยมีผลการปฏิบัติการดังนี้คือ จับกุมฐานความผิดมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และ พรบ.อาวุธปืน 3 ราย 3 คน ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ หรือเกียบ คิดถูก, นางสาวศิริพร หรือนิค สุขดำ และนายสุทัศน์ นับทอง พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 557 เม็ด ยาไฮซ์ จำนวน 0.25 กรัม ,กัญชา น้ำหนัก 40.79 กรัม ,อาวุธปืน จำนวน 5 กระบอก ,เครื่องกระสุนปืน สงคราม ขนาด 5.56 มม. จำนวน 20 นัด, เครื่องกระสุนปืนขนาด.357 จำนวน 61 นัด ,เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 26 นัด .,เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 20 นัด ,เครื่องกระสุนปืนขนาด เบอร์ 12 จำนวน 1 นัดและ ตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อดำเนินการตาม พรบ.มาตรา การปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด รวม 505,400 บาท นอกจากนี้ยังตรวจยึด รถจักรยานยนต์ จำนวน 12 คัน อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ต้องหาที่จับได้ในข้อหาเสพสารเสพติด อีกจำนวน 19 คนซึ่งหนึ่งในนั้นมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี รวมอยู่ด้วย และยังมีผู้ต้องหาบางส่วนเป็นผู้ต้องหาเครือข่ายเรือนจำจังหวัดสงขลา
นายกเทศมนตรีนครตรังลงพื้นที่เยี่ยม ให้กำลังแก่ผู้ป่วยชาวชุมชนควนขนุน พร้อมมอบที่นอนลมป้องกันแผลกดทับ
นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง พร้อมด้วยนายประสาน อ่อนน้อม ประธานสภาเทศบาลนครตรัง นายสมหมาย ยอดเพชร ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตรัง เดินทางไปยังชุมชนควนขนุน เพื่อเยี่ยมและติดตามอาการป่วยของ นางสมชวน เอกวิไล อายุ 66 ปี ที่ป่วยเป็นอัมพฤต ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และเป็นแผลกดทับบริเวณสะโพก โดยก่อนหน้านี้ นายอภิชิตฯได้เดินทางมาดูอาการและมอบเตียงผู้ป่วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือในการปรับเปลี่ยนอริยบทไม่ให้เกิดแผลกดทับ และให้ง่ายต่อการดูแล ในครั้งนี้จึงประสานกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม นำที่นอนลมซึ่งสามารถช่วยกระจายแรงกดทับของผู้ป่วยได้ ป้องกันการเกิดแผลกดทับ นางสาวรินทนา ซกซื่อ อายุ 33 ปี หลานสาว ผู้ดูแล กล่าวว่า ตั้งแต่ได้เตียงผู้ป่วย ในโครงการโรงพยาบาลหมื่นเตียงประมาณ 1 เดือน อาการป่วยก็ดีขึ้น แผลกดทับที่มีอาการอักเสบและมีหนองก็แห้งขึ้น สมานตัวได้ดี เนื่องจากทางญาติๆได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และเตียงที่ได้รับมาก็สามารถช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายได้หลากหลายอริยบท โดยจะปรับเปลี่ยนท่าทางทุก 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับ ในวันนี้ดีใจที่ทาง นายกฯแจ็ค ได้นำที่นอนลมมามอบให้ จะสามารถลดอาการแผลกดทับได้ดีกว่าที่นอนปกติ ทั้งนี้ตนเองขอบคุณทางเทศบาลนครตรัง ขอบคุณนายกฯที่ได้จัดทำโครงการดีๆเช่นนี้ ช่วยเหลือคนจนและผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอยากให้มีโครงการนี้ไปตลอด
นายกเทศมนตรีนครตรังเปิดการอบรมด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างความสัมพันธ์ ที่ดีกับสื่อมวลชน
ที่อาคารอเนกประสงค์เทศบาลนครตรัง นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง เป็นประธานเปิดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ การอบรมด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชน ตาโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ โดยกองวิชาการและแผนงาน เทศบาลนครตรังจัดขึ้น เนื่องจากปัจจุบันองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ให้ความสำคัญในด้านการประชาสัมพันธ์เป็นอย่างมาก มีการใช้สื่อประชาสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เทศบาลนครตรังซึ่งดำเนินงานโครงการผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาสังคม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงต้องมีการประชาสัมพันธ์ทั้งภายนอกและภายในองค์กร เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องชัดเจน สำหรับการอบรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การสร้างความสัมพันธ์ ที่ดีกับสื่อมวลชน พัฒนางานประชาสัมพันธ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร โดยมีกิจกรรมการอบรมให้ความรู้ด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชน และในวันที่ 6-10 กรกฏาคม 2557จะมีการทัศนศึกษาดูงานที่กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีสื่อมวลชนในจังหวัดตรังเข้าร่วม ซึ่งได้รับเกียรติจากคุณนาถนภา ทินกร อดีตประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส เป็นวิทยากรพิเศษ นาย อภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวว่า ตนเองได้ให้ความสำคัญกับสื่อมวลชน ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานให้ ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างเทศบาลกับประชาชน
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจัดโครงการอบรมมารยาทไทย รุ่นที่ 1 แก่ครูผู้สอนเพื่ออบรมนักเรียนในสังกัด
ที่โรงแรมธรรมรินทร์ธนา อ.เมืองตรัง นายประยูร หนูสุก วัฒนธรรมจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมมารยาทไทย รุ่นที่ 1 แก่ครูผู้สอนเพื่ออบรมนักเรียนในสังกัด โดยมีคณะครูจากสำนักงายเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1 สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาเขต 13 เทศบาลนครตรัง ข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตรัง เข้าร่วมทั้งสิ้น 150 คน มารยาท เป็นสหธรรมที่ทุกคนจะต้องยึดเป็นหลักประพฤติปฏิบัติ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ มารยาทเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นแบบแผนแห่งพฤติกรรมแบบแผนความคิด ความรู้ และผลงานที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น เมื่อมนุษย์เกิดขึ้นมาในสังคมและได้อาศัยสังคมอยู่ร่วมกันจำเป็นที่จะต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กันตามกระบวนการของสัตว์สังคมจึงมีการจัดระเบียบทางสังคมเพื่อควบคุมความประพฤติของสมาชิกให้อยู่ร่วมกันโดยสันติภายใต้กฎเกณฑ์หรือระเบียบที่สังคมได้วาไว้เป็นบรรทัดฐาน ในเรื่องของมารยาทก็เช่นกัน ถ้าทุกสังคมเข้าใจเรื่องมารยาทของตนและสังคมอื่น ความเข้าใจซึ่งกันและกันแม้ในสังคมเดียวกันแต่เป็นคนละยุคคนละสมัยก็สามารถเข้าใจอยู่ร่วมกันได้ แต่ถ้าสิ่งใดดีอยู่แล้วควรรักษาไว้เพื่อเป็นมรดกแก่ลูกหลาน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สามารถแสดงให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกได้ เช่น คนไทยมีการแต่งกายแบบของไทย และมีระเบียบประเพณี วัฒนธรรมเป็นเครื่องหมายให้รู้ว่าเป็นคนไทย วัฒนธรรมของไทยที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งชนต่างชาติรู้จักกันดี คือการไหว้เป็นการทักทายปราศรัย และแสดงคารวะต่อกันตามสมควรแก่วัยทั้งในเวลาพบหรือจะจากกัน การไหว้นี้คนไทยทำได้นิ่มนวล อ่อนโยน ชนชาติอื่นทำตามได้ยาก แม้การแดงความเคารพในแบบอื่น ๆ ก็ตาม คนไทยจะทำได้คล่องแคล่ว แนบเนียนจนเป็นที่สังเกตว่าเป็นคนไทย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ชาติไทยเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนานั่นเอง
วัฒนธรรมจังหวัดตรัง ได้กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุดังกล่าวจึงได้จัดโครงการอบรมรมมารยาทไทย ประจำปี 2557 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเสริมบุคลิกลักษณะของตนเองให้เป็นผู้มีเสน่ห์เป็นที่ชื่นชมนิยมหรือนับถือแก่ผู้ได้พบเห็นได้ติดต่อด้วย และเพื่อส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติมีสุขภาพดี เพราะท่วงท่าทีเป็นมารยาทอันดีงามนั้นทำให้ร่างกายมีความสมดุลยไม่เป็นสาเหตุของโรคภัยในภายหลัง ตลอดจนเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม สังคมมีความสงบสุข ทำให้ผู้ที่อยู่ในสังคมเดียวกันไม่ได้รับความเดือดร้อน หรือเพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น โดยดำเนินการอบรมในเดือนกรกฎาคม เป็น 2 รุ่น ๆ ละ 150 คน ประกอบด้วยข้าราชการครู ครูผู้ดูแลเด็กของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตรัง
วัฒนธรรมจังหวัดตรัง ได้กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุดังกล่าวจึงได้จัดโครงการอบรมรมมารยาทไทย ประจำปี 2557 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเสริมบุคลิกลักษณะของตนเองให้เป็นผู้มีเสน่ห์เป็นที่ชื่นชมนิยมหรือนับถือแก่ผู้ได้พบเห็นได้ติดต่อด้วย และเพื่อส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติมีสุขภาพดี เพราะท่วงท่าทีเป็นมารยาทอันดีงามนั้นทำให้ร่างกายมีความสมดุลยไม่เป็นสาเหตุของโรคภัยในภายหลัง ตลอดจนเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม สังคมมีความสงบสุข ทำให้ผู้ที่อยู่ในสังคมเดียวกันไม่ได้รับความเดือดร้อน หรือเพื่อป้องกันมิให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น โดยดำเนินการอบรมในเดือนกรกฎาคม เป็น 2 รุ่น ๆ ละ 150 คน ประกอบด้วยข้าราชการครู ครูผู้ดูแลเด็กของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตรัง
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เรียกประชุมคณะทำงาน คปป.เร่งขับเคลื่อนภารกิจเร่งด่วนตามคำสั่ง คสช.
ที่ศาลากลางจังหวัดตรัง ชั้น 3 นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังในฐานะประธานศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฎิรูปจังหวัดตรัง ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนภารกิจเร่งด่วนตามคำสั่งของ คสช. โดยภารกิจเร่งด่วนตามนโยบายของ คสช. ที่ได้มอบหมายให้จังหวัดดำเนินการ มีจำนวน 14 ภารกิจ ดังนี้ 1.การชี้แจงทำความเข้าใจให้ภาคส่วนต่าง ๆ ให้เข้าใจเหตุผลความจำเป็นในการเข้ามาควบคุมอำนาจของคสช. 2. การปกป้องสถาบันของชาติ 3.การป้องกันการสร้างสถานการณ์ 4.การชุมนุมทางการเมือง ซึ่งห้ามมีการชุมนุมทางการเมือง การปราบปรามตรวจสอบการลักลอบจัดเก็บอาวุธในพื้นที่ 5. การเผยแพร่ข่าวสารในลักษณะต่อต้าน คสช. 6.การลักลอบตัดไม้ โดยให้มีการตรวจสอบการลักลอบตัดไม้ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และให้ดำเนินคดีโดยทันที 7.การตรวจสอบการเล่นการพนันทุกประเภท 8.การติดตมทวงหนี้ชาวนา ในลักษณะข่มขู่ลูกหนี้ 9. การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 10. ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ การจัดกิจกรรมระดับอำเภอตำบล ระดับหมู่บ้าน ตำบล การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อการปฎิรูป รวบรวมส่ง คปป.ภายในวันที่ 10 กรกฎาคม 11.การส่งมอบอาวุธปืนสงคราม 12.การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว 13.การทุจริตและประพฤติมิชอบ และ 14.การแก้ไขต้นทุนการผลิต ทั้งนี้เพื่อให้การขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าว มีประสิทธิภาพ ทางจังหวัดได้กำหนดให้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกวันพุธ ของสัปดาห์ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการปฏิบัติงานและแผนการดำเนินงานในสัปดาห์ต่อไปให้ทางจังหวัดทราบ
จ.ตรัง ปลูกต้นไม้ตามโครงการปลูกต้นไม้เข้าพรรษา เพื่อความปรองดองสมานฉันท์
ที่ บริเวณถนนสายคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย (คลองชลประทาน) หมู่ที่ 10 ตำบลโคกหล่อ บรรจบหมู่ที่ 8 ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานปลูกต้นไม้ตามโครงการปลูกต้นไม้เข้าพรรษา เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ โดยมี นายนิพันธ์ ศิริธร ปลัดจังหวัดตรัง กล่าวรายงาน จังหวัดตรังได้กำหนดจัดทำ โครงการปลูกต้นไม้เข้าพรรษา เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามัคคี เกิดความปรองดองสมานฉันท์ เสริมสร้างหลักศีลธรรมในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา อีกทั้งยังส่งเสริมการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว สร้างทัศนียภาพที่สวยงาม และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของจังหวัดตรังตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ โดยจะดำเนินการปลูกต้นศรีตรัง จำนวน 400 ต้น ริมถนนสายคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย (คลองชลประทาน) หมู่ที่ 10 ตำบลโคกหล่อ บรรจบหมู่ที่ 8 ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกจิตสำนึกและสร้างทัศนคติให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของต้นไม้ รวมตลอดถึงเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและสร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้กับจังหวัดตรัง และเพื่อส่งเสริมการทำความดีเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา และเสริมสร้างหลักศีลธรรมที่ดีงามตามวิถีของชาวพุทธ
จังหวัดกระบี่ ประชุมมอบหมายภารกิจรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
จังหวัดกระบี่ประชุมมอบหมายภารกิจรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
วันนี้ 1 กรกฎาคม 2557 เวลา 13.00 น.ณ วัดเขาพนม ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม.จ.กระบี่ น.อ.เกรียงไกร เสนสวัสดิ์ ราชองครักษ์ และ นายนายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เป็นประธานประชุมเตรียมความและมอบหมายภารกิจในการรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุซึ่งมีกำหนดการเสด็จทรงตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถ ณ วัดเขาพนม ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 โดยมีกำหนดการดังนี้ใน เวลา ๑๖.๐๐ น. –พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จโดยรถยนต์ที่นั่ง ถึงวัดเขาพนม (วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาชัย)ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกระบี่ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกจังหวัดกระบี่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และคณะกรรมการจัดงานเฝ้ารับเสด็จนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ และผู้แทนคณะกรรมการจัดงานถวายพวงมาลัย เสด็จเข้าภายในพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องมนัสการบูชาพระพุทธ ทรงกราบ ประทับพระเก้าอี้ ทรงศีล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กราบทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานฯเสด็จไปยังอุโบสถทรงวงพวงมาลัยสักการะพระพุทธปางลีลา
ทรงคมเสด็จเข้าภายในอุโบสถทรงพระสุร่าย ทรงเจิม ทรงปิดทองลูกนิมิต แล้วทรงตัดสาแหรกลูกนิมิตลงในหลุม (ขณะนี้ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตรดุริยางค์)ทรงจุดธูปเทียนเครื่องมนัสการบูชาพระประธานอุโบสถ
เสด็จออกจากอุโบสถทรงปลูกต้นสาละ (จำนวน ๑ ต้น)เสด็จเข้าภายในพลับพลาพิธีทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ประทับพระเก้าอี้ทรงหลั่งทักษิโณทก
(พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา)นายอำเภอเขาพนม กราบทูลเบิกผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสมทบทุนบำรุงวัด เข้ารับของที่ระลึก (จำนวน ๑๒๐ ราย)-เสด็จไปทรงกราบที่หน้าเครื่องมนัสการ
ทรงลาพระสงฆ์
วันนี้ 1 กรกฎาคม 2557 เวลา 13.00 น.ณ วัดเขาพนม ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม.จ.กระบี่ น.อ.เกรียงไกร เสนสวัสดิ์ ราชองครักษ์ และ นายนายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เป็นประธานประชุมเตรียมความและมอบหมายภารกิจในการรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุซึ่งมีกำหนดการเสด็จทรงตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถ ณ วัดเขาพนม ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 โดยมีกำหนดการดังนี้ใน เวลา ๑๖.๐๐ น. –พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จโดยรถยนต์ที่นั่ง ถึงวัดเขาพนม (วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาชัย)ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดกระบี่ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกจังหวัดกระบี่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และคณะกรรมการจัดงานเฝ้ารับเสด็จนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ และผู้แทนคณะกรรมการจัดงานถวายพวงมาลัย เสด็จเข้าภายในพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องมนัสการบูชาพระพุทธ ทรงกราบ ประทับพระเก้าอี้ ทรงศีล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กราบทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานฯเสด็จไปยังอุโบสถทรงวงพวงมาลัยสักการะพระพุทธปางลีลา
ทรงคมเสด็จเข้าภายในอุโบสถทรงพระสุร่าย ทรงเจิม ทรงปิดทองลูกนิมิต แล้วทรงตัดสาแหรกลูกนิมิตลงในหลุม (ขณะนี้ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตรดุริยางค์)ทรงจุดธูปเทียนเครื่องมนัสการบูชาพระประธานอุโบสถ
เสด็จออกจากอุโบสถทรงปลูกต้นสาละ (จำนวน ๑ ต้น)เสด็จเข้าภายในพลับพลาพิธีทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ประทับพระเก้าอี้ทรงหลั่งทักษิโณทก
(พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา)นายอำเภอเขาพนม กราบทูลเบิกผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสมทบทุนบำรุงวัด เข้ารับของที่ระลึก (จำนวน ๑๒๐ ราย)-เสด็จไปทรงกราบที่หน้าเครื่องมนัสการ
ทรงลาพระสงฆ์
หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)