วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

กลุ่ม กปปส.นครศรีธรรมราช ยังเฝ้าศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง ป้องกันเจ้าหน้าที่เข้มมาเอาบัตรเลือกตั้ง

ที่ศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง บ้านหนองแร้ง ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช กลุ่ม กปปส.จากหลายพื้นที่มารวมตัวมากกว่าพันคนขึ้น ร่วมเป่านกหวีด ฟังแกนนำปราศรัยโจมตรีรัฐบาล ที่ยังให้มีการเลือกตั้ง สส.ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์2557 บนเวทีที่ตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง และตั้งเต็นท์หลายเต๊นท์เป็นที่กำบังแดด และใช้เป็นโรงครัวทำอาหาร ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน ลมแรง การจราจรติดขัดในช่วงถนนเอเชีย สาย 41 ขาขึ้น เนื่องจากผู้มาร่วมชุมนุม ใช้เป็นที่จอดรถ 1 ช่องจราจร เหลือให้เดินรถได้ช่องทางเดียว และรถบางคันจอดอยู่ในร่องกลางถนน อีกส่วนหนึ่งจอดอยู่ในเส้นทางขาล่อง ตรงข้ามศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง

โดยการรวมตัวของกลุ่ม กปปส. มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น หลังจากมีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่มาเอาบัตรเลือกตั้งของหลายจังหวัดที่ติดค้างอยู่ภายในศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

กปปส.ชุมพร และ กปปส.สุราษฎร์ธานี ได้ตั้งเวทีอยู่บริเวณหน้าศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ริมถนนสายเอเซีย 41 ต.ขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร เพื่อขัดขวางไม่ให้ ไปรษณีย์ชุมพร กระจายหีบบัตรเลือกตั้ง

เมื่อคืนวันที่ 28 ม.ค. 57 ที่ผ่านมา กลุ่ม กปปส.สุราษฎร์ธานี และมวลชนในจังหวัดชุมพร ได้มาร่วมตัวที่ศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ริมถนนสายเอเซีย 41 ต.ขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร เพื่อสกัดไม่ให้บัตรเลือกตั้งออกไปจากศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร หลังทราบว่า บัตรเลือกตั้งทั่วไปที่จะใช้ในการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 ของพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนบน คือ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา และ ภูเก็ต จำนวนหลายล้านใบถูกส่งมาจากกรุงเทพฯ อยู่ในศูนย์ไปรษณีย์ชุมพรแห่งนี้ โดยบรรยากาศการชุมนุมมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาร่วมชุมนุมและรับฟังการปราศรัยของแกนนำจากรถเครื่องเสียง ซึ่งมีการกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีข่าวว่าจะมาเอาบัตรเลือกตั้งในศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร พร้อมยืนยันไม่ได้ขัดขวางการเลือกตั้ง แต่ต้องมีการปฏิรูปประเทศก่อน ซึ่งมวลชนทยอยกันมาเรื่อยๆ จนเต็มพื้นที่หน้าศูนย์ไปรษณีย์ดังกล่าวทำให้เส้นทางจราจรบนถนนสายเอเซีย 41 ขาขึ้นบริเวณพื้นที่ชุมนุมถูกปิดไปหนึ่งช่องทาง โดยรถที่สัญจรบนถนนต้องเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมูลนิธิ มาช่วยให้ความสะดวกในการจราจร

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ยังทำงานกันอย่างปกติ ผู้ชุมนุมไม่ได้ขัดขวางการทำงานแต่อย่างใด ส่วนห้องที่คาดว่าเป็นสถานที่เก็บบัตรเลือกตั้ง ยังถูกล็อคปิดไว้อย่างแน่นหนา

ขณะที่วันที่ 29 ม.ค. 57 เวลา 10.30 น. ได้มีกลุ่ม กปปส.ชุมพร จำนวนหนึ่ง เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดชุมพร เพื่อมาขอร้องให้ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ หยุดการปฏิบัติงาน พร้อมกับขอให้ออกไปจากอาคารศาลากลาง เพราะทางกลุ่ม กปปส.ชุมพร จะทำการปิดอาคารศาลากลางแห่งนี้ ด้วยการนำแผ่นป้ายข้อความว่า " ขออภัยผู้ปกครอง พี่น้อง ประชาชน ถึงเวลาทวงคืนประเทศไทย ปิดทำการ จนกว่ารัฐบาลจะลาออก โดย กปปส.ชุมพร" มาติดไว้ที่หน้าประตูทางเข้า เพื่อทำการกดดันรัฐบาล พร้อมกับต่อต้านการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นี้ โดยจังหวัดชุมพรมีการประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ที่ห้องเกาะลังกาจิว ของศูนย์เฉพาะกิจสนับสนุนและประสานงานการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ของกระทรวงหมาดไทย โดยมี นายชาติชาย อุทัยพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายอำเภอ และหน่วยงานในกระทรวงมหาดไทยในจังหวัดชุมพรเข้าร่วมประชุม เพื่อรับฟังนโยบายในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งในขณะที่กำลังประชุมอยู่ ก็ได้มีกลุ่ม กปปส.ชุมพร เป่านกหวีดกดดันอยู่หน้าห้องประชุม จนต้องยุติการประชุม

หลังจากนั้น กลุ่ม กปปส.ชุมพร ได้เดินเป่านกหวีดไปตามห้องต่างๆ เพื่อขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ หยุดปฏิบัติงาน และให้ออกจากสำนักงาน โดยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ก็ได้ทำตามที่ กลุ่ม กปปส.ชุมพร ขอร้อง เนื่องจากเกรงว่า จะเกิดการกระทบกระทั้งกันขึ้นได้ระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่ม กปปส. ขึ้น โดยกลุ่ม กปปส.ชุมพร ได้ประกาศว่าจะปิดหน่วยงานราชการจนถึง วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พร้อมกับเรียกร้องให้ข้าราชการในจังหวัดชุมพรหยุดงาน และให้ออกมาร่วมกับกลุ่ม ซึ่งกลุ่ม กปปส.ชุมพร และ กปปส.สุราษฎร์ธานี ได้ตั้งเวทีอยู่บริเวณหน้าศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ริมถนนสายเอเซีย 41 ต.ขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร เพื่อขัดขวางไม่ให้ ไปรษณีย์ชุมพร กระจายหีบบัตรเลือกตั้ง

กปปส.ทุ่งสง ชุมนุมกันที่ศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง ประมาณพันคน เฝ้าไม่ให้มีการขนย้ายบัตรเลือกตั้ง สส.ที่ติดค้าง ขนย้ายส่งจังหวัดภาคใต้หลายจังหวัด

สถานการณ์โดยทั่วไป ส่วนราชการ สถานศึกษา ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง และ อำเภอต่าง ๆ เปิดทำการตามปกติแล้ว

ส่วนกลุ่ม กปปส.ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง รวมตัวชุมนุมกันที่ศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง ติดกับถนนเอเชียสาย 41 ต.นาโพธิ์ ประมาณพันคน ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นมา หลังจากมีข่าวว่า กกต.ระดมตำรวจมาเอาบัตรเลือกตั้ง เฝ้าไม่ให้มีการขนย้ายบัตรเลือกตั้ง สส.ที่ติดค้าง ขนย้ายส่งจังหวัดภาคใต้หลายจังหวัดไม่ทัน ตั้งแต่การเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา และปิดถนนช่วงขาขึ้น 1ช่องทาง ให้เดินรถได้ช่องทางเดียว แต่ในช่วงเย็นถึงช่วงดึก ปิดถนนเอเชียในช่วงขาขึ้นสองช่องทางจราจร เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม

กปปส.ทุ่งสงทำกิจกรรมขัดขวางการเลือกตั้งกว่าพันคนในช่วงเย็นถึงช่วงดึก

สถานการณ์โดยทั่วไป ส่วนราชการ สถานศึกษา ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง และ อำเภอต่าง ๆ เปิดทำการตามปกติแล้ว

ส่วนกลุ่ม กปปส.ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง รวมตัวชุมนุมกันที่ศูนย์ไปรษณีย์ทุ่งสง ติดกับถนนเอเชียสาย 41 รอยต่อ ต.หนองหงส์ กับ ต.นาโพธิ์ เฝ้าไม่ให้มีการขนย้ายบัตรเลือกตั้ง ในช่วงเช้าจำนวนมากไม่มาก และไม่ปิดถนนช่วงขาขึ้น แต่จะรวมตัวันมาก ทำกิจกรรมกว่าพันคนในช่วงเย็นถึงช่วงดึก มีกิจกรรมปราศรัย มีศิลปินนักร้องมาแสดงให้ชม ปิดถนนเอเชียในช่วงขาขึ้นด้วย เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม

กปปส.สุราษฎร์ธานีเดินขบวนเรียกร้องขอปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

มวลชน กปปส.สุราษฎร์ธานีเดินขบวนเรียกร้องขอปฏิรูปก่อนเลือกตั้งและขอให้ทุกภาคส่วนออกมาร่วมแสดงจุดยืนโค่นล้มระบอบทักษิณ

เย็นวันที่ 27 ม.ค.56 มวลชน กปปส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากหลากหลายสาขาอาชีพจำนวนหนึ่ง พร้อมใจเดินขบวนจากศาลากลางจังหวัดไปยังศาลหลักเมือง ผ่านถนนสายหลักในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี พร้อมปราศรัยผ่านรถขยายเสียงเรียกร้องขอปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง และโจมตีการทำงานของรัฐบาล นอกจากนี้ยังได้เรียกร้องให้ข้าราชการและประชาชนทุกภาคส่วนได้ออกมาร่วมแสดงจุดยืนโค่นล้มระบอบทักษิณ และขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในขณะที่ส่วนราชการเกือบทุกหน่วยงานยังคงปิดทำการ ตามคำร้องขอของกลุ่ม กปปส. โดยภายในศูนย์ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเพียงศาลจังหวัดที่ยังคงเปิดทำการให้บริการประชาชน โดยมีกำลัง อส.จำนวนหนึ่ง ดูแลความปลอดภัยเฝ้ารักษาทรัพย์สินของทางราชการ บริเวณประตูทางเข้าด้านข้างอาคารศาลากลางจังหวัด

ในขณะที่ประตูทางเข้าด้านหน้าศาลากลางถูกปิดด้วยผืนป้ายอารยะขัดขืนทวงคืนประเทศไทย และล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา

บรรยากาศเทศกาลตรุษจีนที่สุราษฎร์ธานีไม่คึกคัดมากนักจากเหตุชุมนุมทางการเมืองและราคาพืชผลเศรษฐกิจที่ลดต่ำลง

บรรยากาศการไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ เนื่องในเทศกาลตรุษจีนของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่คึกคักเท่าที่ควร มีประชาชนทำพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้า ตามศาลเจ้าต่างๆไม่หนาแน่นมากนัก โดยที่ศาลเจ้าปึงเถ่ากง ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มีชาวไทยเชื่อสายจีนมาไหว้เจ้าน้อยกว่าทุกปี ซึ่งผู้ที่มาไหว้เจ้าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีนี้เงียบกว่าทุกปี เพราะส่วนใหญ่จัดพิธีเซ่นไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษอยู่ที่บ้าน โดยคาดว่าช่วงกลางคืนน่าจะมีประชาชนออกมาไหว้เจ้าขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์กันมากขึ้น ส่วนบรรยากาศตามบ้านเรือน ห้างร้านต่างก็พบว่าค่อนข้างเงียบเหงาเช่นกัน ประชาชนส่วนหนึ่งจัดพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันโดยมีเครื่องเซ่นไหว้ไม่มากนัก เนื่องมาจากสถาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยแน่นอน ราคาพืชผลเศรษฐกิจของจังหวัดมีราคาลดลง โดยเฉพาะยางพาราที่ราคาลดลงมาก ประกอบกับประชาชนชาวสุราษฎร์ธานีส่วนหนึ่ง อาศัยวันหยุด เดินทางไปร่วมชุมนุมทางเมืองที่กรุงเทพมหานคร ทำให้บรรยากาศเทศกาลตรุษจีน เงียบเหงากว่าทุกปี

ขณะที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มีการประดับเมืองให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาลตรุษจีน โดยการประดับธงทิว โคมไฟ สัญลักษณ์เทศกาลตรุษจีน และประดับไฟที่สวยงามในเขตเมือง พร้อมทั้งจัดทำมังกรประดับไว้บริเวณสะพานนริศริมแม่น้ำตาปีด้วย

มหาวิทยาลัยและโรงเรียนในพื้นที่ ควรมีส่วนร่วมการสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู

คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตเห็นว่า มหาวิทยาลัยและโรงเรียนในพื้นที่ ควรมีส่วนร่วมการสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู

นายมานพ ชาชิโย คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกประกาศคุรุสภาฉบับใหม่ บังคับบัณฑิตครูต้องสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไม่มีการได้รับโดยอัตโนมัติ โดยจะเริ่มใช้กับนักศึกษาใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 เป็นต้นไปว่า ตามมาตรฐานใหม่นี้ เมื่อนักศึกษาสำเร็จการศึกษาแล้ว ก็ต้องสอบ อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนี้ แนวทางการสอบนั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกันว่า จะเป็นไปในลักษณะใดชัดเจน แต่มีความเห็นว่า ควรที่จะสอบสมรรถนะครู เช่นการสอน ที่จะสามารถเอาไปใช้ได้จริง แต่ ไม่ใช่การสอบความรู้หรือ เป็นการสอบข้อเขียนเพียงอย่างเดียว ตลอดจนเป็นการสอบตกหรือสอบผ่านครั้งเดียว และ ใช้ไปอีก 5 ปี ไม่น่าจะถูกต้องนัก เพราะครูไปทำหน้าที่สอนเป็นหลัก และความรู้ในวิชาต่างๆนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่ต้องมีอยู่แล้ว

นอกจากนี้ คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวด้วยว่าการสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ควรที่จะให้มหาวิทยาลัยต้นสังกัดนักศึกษาที่เกี่ยวข้อง และโรงเรียนหรือสถานศึกษาในพื้นที่เข้ามาร่วมด้วย ทั้งกรณีการออกข้อสอบ การวัดผล เพราะ ทางคุรุสภานั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่มีอะไร รองรับ สำหรับผู้ที่จะต้องสอบกันทั้งประเทศ และเฉพาะนักศึกษา ที่อยู่ในระบบของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มีประมาณ 2,000 คน อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 นี้เป็นต้นไป จะพิจารณารับนักศึกษาสายครุศาสตร์ลดลง โดย เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุม ในเรื่องนี้ ที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่29 มกราคมนี้และสถาบันการศึกษาอุดมศึกษา ที่ผลิตบัณฑิตด้านนี้ ทั่วประเทศ จะต้องดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลจาก สปฐ. ที่ใช้บุคลากรครู เป็นหลักทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา นั้น ต้องการใช้ ปีละประมาณ 20,000 กว่าคนแต่ทุกสถาบันการศึกษาผลิตบัณฑิต ครู ได้มากถึง 30,000 กว่าคนทีเดียว ดังนั้น ในเวลานี้จึงมีแนวทางในการผลิตบัณฑิตด้านอื่น เช่น ในสายภาษาต่างประเทศ รวมทั้งสายวิทยาศาสตร์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต

กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง พบระนองขาดกรรมการประจำหน่วยร้อยละ 90 และหวั่นปัญหาการแจกจ่ายบัตรเลือกตั้ง

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งเดินทางมาร่วมประชุมติดตามปัญหาการเตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ภาคใต้ โดยได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดระนองเป็นจังหวัดแรก หลังจากร่วมประชุมหารือกับ คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดระนอง ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ได้สรุปปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญคือ ขาดกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งมากถึง ร้อยละ 90 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด เนื่องจากประชาชนส่วนมากไม่กล้าให้ความร่วมมือเนื่องจากเกรงจะมีปัญหากับกลุ่มมวลชนที่เข้ามากดดันซึ่งนายสมชัยกล่าวว่าได้ขอให้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ดำเนินการหาผู้มาปฏิบัติหน้าที่อย่างถึงที่สุดก่อน จนถึงเวลา 08.00 น. ของวันเลือกตั้ง คือวันที่ 2 กุมภาพันธ์ หากยังหากรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้ไม่ครบ 9 คน ก็คงจะต้องประกาศงดการลงคะแนนเลือกตั้งในหน่วยนั้นไป

อีกส่วนที่เป็นกังวลคือเรื่องของบัตรเลือกตั้ง ในส่วนของบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตได้มาถึงจังหวัดระนองแล้ว ก็ต้องมีการกระจายให้แก่ทางอนุกรรมการเขตต่าง ๆ ภายในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็ยังมีความกังวลกลุ่มมวลชนแนวร่วมของกปปส.ระนอง จะเข้ามาขัดขวางกดดันการแจกจ่ายบัตรเลือกตั้ง ส่วนบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้ยังไม่สามารถลำเลียงมายังแต่ละจังหวัดได้ ติดอยู่ที่ทำการไปรษณีย์ชุมพร ไปรษณีย์ทุ่งสง และไปรษณีย์หาดใหญ่ ซึ่งถูกกลุ่มมวลชน

กปปส.ปิดล้อมไม่ให้นำออกมาใช้ หากไม่สามารถนำออกมาได้ การเลือกตั้งในภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด จะไม่สามารถเลือก ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้

กกต.นครศรีธรรมราช หารือและขอรับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เพื่อขับเคลื่อนการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. นี้

กกต.นครศรีธรรมราช หารือและขอรับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เพื่อขับเคลื่อนการเลือกตั้ง วันที่ 2 ก.พ. นี้ แม้จะขณะนี้จะมีปัญหาของบัตรเลือกตั้งที่ติดค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ยังไม่ครบ ผอ.กกต. และ กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ทยอยลาออก

ที่สำนักงาน กกต.นครศรีธรรมราช วันนี้ พล.ต.สุวัฒน์ เรืองสกุล ประธาน กกต.นครศรีธรรมราช เชิญผู้เกี่ยวข้องประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในการปฏิบัติงาน และ หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากได้ประชุมไปเมื่อวานนี้อีกครั้ง เพื่อหาทางออกในปัญหาที่เกิดขึ้นกับการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากขณะนี้ระยะเวลากระชั้นเข้ามาอย่างมาก ซึ่งปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นคือ การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง 2,010 หน่วย ที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่กว่า 2 หมื่นคน ยังไม่สามารถจัดคนมาได้ครบถ้วน ผู้อำนวยการเลือกตั้ง และ กกต.ประจำเขตเลือกตั้ง ทยอยลาออกอย่างต่อเนื่อง และปัญหาบัตรเลือกตั้งที่ยังไม่สามารถนำออกมาจากที่ทำการไปรษณีย์เขต 8 อ.ทุ่งสง ได้

นายสมบัติ จันทรา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกกต.นครศรีธรรมราช กล่าวที่ มวลชนปิดล้อมที่ทำการไปรษณีย์เขต 8 ทุ่งสง ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมานั้น ทำให้ไม่สามารถนำบัตรออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกต.นครศรีธรรมราช มีบัตรเลือกตั้งอยู่บางส่วนแล้ว แต่ในส่วนที่ติดค้างอยู่วันนี้ จะได้มีการประสานงานกับ ผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก กกต.ให้เข้ามาสนับสนุนการเลือกตั้ง เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อนำบัตรออกมาใช้ในการเลือกตั้งวันที่ 2 กพ.นี้ โดย กกต.จะพยายามทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ ซึ่งบัตรเลือกตั้งที่ติดค้างอยู่นั้น เป็นบัตรเลือกตั้งของ จังหวัดพัทลุง ตรัง กระบี่ และนครศรีธรรมราช พร้อมขอร้องให้มวลชน อย่าได้ขัดขวางการทำหน้าที่ตามบทบาทภารกิจของ กกต. และส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยในการเลือกตั้ง

พบซาก วาฬเพชฌฆาต น้ำหนักกว่า 200 กก. เกยหาดชุมพร

เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางจังหวัดชุมพร เข้าตรวจสอบ ซากวาฬขนาดใหญ่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดคอสน หมู่ที่ 11 ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร ซากวาฬที่ พบ วัดจากส่วนหัวถึงปลายหางยาว 5 เมตร ลำตัวกว้าง 80 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม สภาพสมบูรณ์ แต่เนื้อเริ่มเน่า มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ จึงช่วยกันยกขึ้นใส่กระบะของรถกระเช้า เพื่อนำไปตรวจสอบทางวิชาการที่ศูนย์ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางจังหวัดชุมพร

นายอติชาต อินทองคำ นักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางจังหวัดชุมพร เปิดเผยซากวาฬที่พบเป็นวาฬพันธุ์เพชฌฆาตดำ ซึ่งเป็นสัตว์หายากที่ใกล้สูญพันธุ์แล้ว มีอายุไม่ต่ำกว่า 6 ปี และตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 วันเพราะสภาพของซากวาฬเริ่มเน่าเหม็นแล้ว ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามาจากอะไร และวาฬชนิดนี้หากินอยู่ในทะเลเปิดซึ่งห่างจากชายฝั่งมาก คาดว่าวาฬเพชฌฆาตดำตัวนี้คงเสียชีวิตตั้งแต่อยู่กลางทะเล จากนั้นจึงถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยหาด หลังจากนี้ คงต้องผ่าซากวาฬเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดก่อนนำเนื้อไปฝังเหลือเพียงส่วนกะโหลกเก็บไว้ใช้เพื่อการศึกษาต่อไป

นายอำเภอทุ่งสงประชาสัมพันธ์ เชิญชวนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

นายอำเภอทุ่งสง ยืนยันทำตามหน้าที่ ไม่ได้อยู่ฝ่ายใด หนักใจการเลือกตั้ง สส. ขอความร่วมมือเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง ช่วยปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว นายอำเภอทุ่งสงประชุมหัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ห้องประชุมที่ว่าการ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นการประชุมร่วมครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่ง นายอำเภอทุ่งสง กล่าวถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ว่า ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องปฏิบัติงานไปตามหน้าที่ ด้วยความเป็นมืออาชีพ ขอยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด มีความเป็นห่วงเรื่องเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง ต้องใช้บุคลากรกว่า 2 พันคน ประจำหน่วยเลือกตั้ง 176 หน่วย ในเขตเลือกตั้งที่ 5 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช รู้สึกหนักใจ กับการหาคนมาทำหน้าที่ เป็น ผู้อำนวยการ กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ที่บางคนอาจติดภารกิจ

อย่างไรก็ตามนายอำเภอขอให้ทำหน้าที่ตามที่ทางราชการและกฎหมายกำหนดไว้ หากมีเหตุสุดวิสัยในการทำหน้าที่ กฎหมายได้กำหนดการปฏิบัติเป็นทางออกไว้ให้ และขอให้หัวหน้าหน่วยงานเตรียมกำลังคนสำรองไว้สนับสนุนการจัดการเลือกตั้งด้วย

ส่วนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 คาดว่าคงไม่มีปัญหา เพราะเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ เชิญชวนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

โครงการฝึกทบทวนการป้องกันการก่อความไม่สงบ

วันที่ 29 ม.ค. 2557 เวลา 09.00 น. ณ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร ที่ 1 นายกองเอก ชาติชาย อุทัยพันธ์ รองผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดโครงการฝึกทบทวนการป้องกันการก่อความไม่สงบ ประจำปี 2557 เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพและเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ ให้กับกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เพิ่มประสิทธิภาพในการระงับควบคุมเหตุการณ์มิให้ลุกลามขยายออกไปจนถึงขั้นก่อจลาจล และสามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองในการรักษาความสงบเรียบร้อย และแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้ยุติโดยเร็ว

นายกองเอก ชาติชาย อุทัยพันธ์ กล่าวด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศในปัจจุบัน ได้ขยายวงกว้างจากส่วนกลาง สู่ภูมิภาคจนถึงระดับชุมชน ทำให้ประชาชนแบ่งเป็น 2 ฝ่าย อย่างชัดเจน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ประชาชนเข้ามามีส่วนในการชุมนุมเคลื่อนไหว เรียกร้องผลประโยชน์ ซึ่งบางกรณีเป็นการกระทำผิดกฏหมาย ละเมิดสิทธิเสรีภาพ มีการใช้กำลังก่อความไม่สงบ และทวีความรุนแรงจนกลายเป็นการจลาจล สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการและประชาชนทั่วไป

ขณะที่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งเป็นกองกำลังประจำถิ่น มีภารกิจและหน้าที่ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน ในการรักษาความสงบเรียบร้อย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการฝึกอบรม เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองในการรักษาความสงบเรียบร้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการอบรมครั้งนี้มีผู้บังคับบัญชาสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนเข้ารับการอบรมจำนวน 5 นาย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจำนวน 72 นาย รวม 76 นาย ใช้ระยะในการฝึกอบรม 2 วัน โดยได้รับเกียรติจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนของกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร มาให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติ

กปปส.จังหวัดกระบี่ หาแนวทางรณรงค์ให้มีการปฎิรูปก่อนการเลือกตั้ง

กปปส.จังหวัดกระบี่ เรียกแกนนำ กปปส.ทั้งจังหวัด ประชุมด่วน หาแนวทางรณรงค์ให้มีการปฎิรูปก่อนการเลือกตั้ง

วันที่ 29 ม.ค.57   นายป้อมเพชร สุคนธกนิษฐ เลขานุการ กปปส.จังหวัดกระบี่ และเครือข่ายแกนนำกปปส.ระดับอำเภอทั้งจังหวัด ประมาณ 50 คน ร่วมประชุมเพื่อยกระดับการชุมชมเพื่อให้มีการปฎิรูปประเทศ ก่อนมีการเลือกตั้ง โดยได้ประชุมพร้อมกันที่ สวนอาหารฟิชชิ่ง พาร์ค โดยในที่ประชุมได้ระดมความคิดเพื่อหาแนวทางในการรณรงค์ให้มีการปฎิรูปก่อนการเลือกตั้ง และจะรวบตัวกันคัดค้านการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ พร้อมทั้งได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชน โดยเห็นจากสถานการณ์ปัจจุบัน ประเด็นการเลือกตั้งทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมอย่างกว้างขวาง เห็นได้ชัดว่าสังคมไทยไม่พร้อมและไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งในขณะนี้ หากรัฐบาลฝืนผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งเกิดขึ้นให้ได้ ทาง กปปส.เห็นว่านอกจากจะไม่เป็นการแก้ปัญหาของสังคมแล้ว ยังเป็นการทวีความรุนแรงให้เกิดขึ้นในสังคมอีกด้วย และต่อให้การเลือกตั้งในครั้งนี้ทำให้รัฐบาลได้บริหารประเทศอีกครั้ง ก็เชื่อว่ารัฐบาลก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างแน่นอน และเชื่อว่าการปฎิรูปโครงสร้างของประเทศก่อน เช่น การปราบวงจรคอรัปชั่น ปฎิรูปการเมือง เพราะปัญหาบ้านเมือง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ล้วนแล้วแต่มาจากการเมืองส่วนใหญ่ จึงจำเป็นจะต้องปฎิรูปประเทศ ให้ดีเสียก่อนเท่านั้นที่จะทำให้ประเทศไทยมีทางออกมุ่งสู่การพัฒนาต่อไปได้

ทาง กปปส.จังหวัดกระบี่ได้ดำเนินการรณรงค์ไม่ให้เกิดการเลือกตั้ง โดยกำหนดแนวทางดังนี้

1. ระดมมวลชน แสดงพลัง ขอร้องให้ กกต.ไม่ให้จ่ายอุปกรณ์การเลือกตั้ง ไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ

2. นำมวลชนไปขอร้องไม่ให้ กกต.และอำเภอ ยับยั้งการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยให้ปฎิรูปประเทศก่อนแล้วจึงจะเลือกตั้ง

และล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.แกนนำ กปปส.กระบี่นำมวลชนทยอยเดินทางมาชุมนุมปิดประตูสำนักงาน กกต.กระบี่ เพื่อไม่ให้มีการดำเนินการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ. นี้

แกนนำเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดระนอง แสดงจุดยืนในการคัดค้านการเลือกตั้ง โดยยึดหลักสันติและไม่ใช้ความรุนแรง

นายสุชีพ พัฒน์ทอง แกนนำเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดระนอง ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง ที่โรงแรมที่นี่ดี อำเภอเมืองจังหวัดระนอง ในเวลา 09.30 น.วันนี้ เพื่อแสดงจุดยืนในการคัดค้านการเลือกตั้ง โดยยึดหลักสันติและไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งนายสมชัยกล่าวชื่นชมมวลชนที่จังหวัดระนอง ว่าที่ผ่านมาทางกลุ่มมวลชนได้ยึดหลักความมีเหตุมีผล และยืดหยุ่นไม่ให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพี่น้องประชาชนในพื้นที่มากเกินไป ซึ่งถึงแม้จะมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่การได้พูดคุยทำความเข้าใจในครั้งนี้ แสดงถึงจุดร่วมที่ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียใด ๆ เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นความพยายามในการสื่อสารที่ในที่สุดจะทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น

ส่วนความเคลื่อนไหวอื่น ๆ กลุ่มแกนนำแนวร่วม กปปส.ระนองนัดประชุมกันในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ ไม่ระบุสถานที่ เพื่อเตรียมการเคลื่อนไหวกดดันการเลือกตั้งในระหว่างวันที่ 1 และ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ต่อไป

กปปส.กระบี่ ปิด สนง. กกต. เรียกร้องให้ล้มเลิกการเลือกตั้ง

ที่บริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกระบี่มีคณะ กปปส.จ.กระบี่ ได้เดินทางมารวมตัวชุมนุมที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด เพื่อเรียกร้องไม่ให้ กกต.จ่ายอุปกรณ์การเลือกตั้ง ไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ใน 3 เขตเลือกตั้งของจังหวัดกระบี่ พร้อมนำรั้วเหล็กมาปิดเส้นทางการจราจรบริเวณหน้า กกต. จำนวน 1 ช่องทาง และให้รถเลี่ยงไปเส้นทางอื่น เพื่อใช้เป็นสถานที่รองรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทยอยเดินทางมาชุมนุม ขณะที่แกนนำขึ้นปราศรัยบนรถขยายเสียงเรียกร้องประชาชนร่วมชุมนุมคัดค้านการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.

นายป้อมเพชร สุคนธกนิษฐ ประธานกปปส.จ.กระบี่ กล่าวถึงประเด็นการเลือกตั้งทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมอย่างกว้างขวาง เห็นได้ชัดว่าสังคมไทยไม่พร้อมและไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งในขณะนี้ หากรัฐบาลฝืนผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งเกิดขึ้นให้ได้ ทาง กปปส.เห็นว่านอกจากจะไม่เป็นการแก้ปัญหาของสังคมแล้ว ยังเป็นการทวีความรุนแรงให้เกิดขึ้นในสังคมอีกด้วย และเชื่อว่าการปฎิรูปโครงสร้างของประเทศก่อน เช่น การปราบวงจรคอรัปชั่น ปฎิรูปการเมือง เพราะปัญหาบ้านเมือง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ล้วนแล้วแต่มาจากการเมืองส่วนใหญ่ จึงจำเป็นจะต้องปฎิรูปประเทศก่อน ที่จะทำให้ประเทศไทยมีทางออกมุ่งสู่การพัฒนาต่อไปได้

ดังนั้น ทาง กปปส.จังหวัดกระบี่ จึงต้องรณรงค์ไม่ให้เกิดการเลือกตั้ง โดยกำหนดโดยนำมวลชน รวมตัวชุมนุมที่หน้า สำนักงาน กกต. เพื่อแสดงพลัง คัดค้านการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 กพ.นี้ และ ขอร้องให้ กกต.ไม่ให้จ่ายอุปกรณ์การเลือกตั้ง ไปยังหน่วยเลือกตั้งต่างๆ รวมกว่า 500 หน่วย ใน 3 เขตเลือกตั้งของจังหวัดกระบี่ และเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งให้ยกเลิก หรือไม่สนับสนุนการเลือกตั้งในครั้งนี้

กลุ่ม กปปส. จังหวัดชุมพร แสดงออกในการไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. นี้

วันนี้ 30 ม.ค. 2557 เวลาประมาณ 10.30 น. ณ บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 ค่ายอาภากรเกียรติวงศ์ นายกฤษณ์ แก้วรักษ์ ประธาน กปปส.ชุมพร และนายประเวท คำผง ได้นำกลุ่มกปปส. จังหวัดชุมพร บางส่วนมาร่วมตัวกันเพื่อแสดงออกในการไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. นี้ หลังทราบว่าบัตรเลือกตั้งของเขตพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 และ 3 จังหวัดชุมพรถูกนำมาไว้ที่ค่าย ตชด. 41 แห่งนี้ โดย แกนนำ ได้ผลัดเปลี่ยนกันกล่าวปราศรัย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ขัดขวางการเลือกตั้ง แต่มาเพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่ กกต. เห็นว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งครั้งนี้และไม่พร้อมที่จะเลือกตั้งก่อนการปฏิรูปประเทศ

ขณะที่สถานการณ์การชุมนุม ที่บริเวณหน้าศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร กลุ่ม กปปส.สุราษฎร์ธานี และชุมพร ยังคงปักหลักชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีมวลชนจากจังหวัดพังงา เดินทางมาสมทบพร้อมกับตั้งเต้นท์นอนกันภายในศูนย์ไปรษณีย์ดังกล่าว และช่วงเช้าของวันนี้ (30 ม.ค.57) กลุ่ม กปปส. จากจังหวัดระนอง และ ภูเก็ต ได้เดินทางมาสมทบอีกจำนวนมาก หลังทราบว่าบัตรและอุปกรณ์การเลือกตั้งทั่วไปที่จะใช้เลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 ของพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนบน คือ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา และ ภูเก็ต จนทำให้ศูนย์ไปรษณีย์ชุมพรต้องหยุดการทำงาน เนื่องจากมีการตั้งเต้นท์รอบพื้นที่ พร้อมกับตั้งจอทีวีแอลซีดีให้ผู้มาร่วมชุมนุมได้ชมการถ่ายทอดสดการชุมนุมของ กปปส. จากส่วนกลาง

นอกจากนี้ บริเวณหน้าศูนย์ไปรษณีย์ชุมพร ต.ขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร ซึ่งติดถนนสายเอเซีย 41 ผู้มาร่วมชุมนุมเดินทางมาด้วยรถยนต์และได้จอดรถไว้ริมถนนดังกล่าวจนทำให้ต้องปิดเส้นทางจราจรไปหนึ่งช่องทาง โดยรถที่สัญจรบนถนนยังวิ่งได้ปกติ

สนง.เกษตรจังหวัดสงขลา เร่งรัดการตรวจสอบพื้นที่เปิดกรีดและบันทึกข้อมูลในระบบ ตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557

วันนี้ (29 ม.ค. 57) ที่โรงแรมวีว่า อ.เมือง จ.สงขลา นายพีระพันธ์ แสงใส เกษตรจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ การดำเนินงาน "โครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบปี 2557" เพื่อวางแผนเร่งรัดการตรวจสอบพื้นที่เปิดกรีดและบันทึกข้อมูลในระบบ โดยมีเกษตรอำเภอและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรผู้รับผิดชอบงานเข้าร่วมประชุมกว่า 70 คน

นายพีระพันธ์ แสงใส เกษตรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบปี 2557 โดยให้มีการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรและออกใบรับรองเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราเพื่อรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลในอัตราไร่ละ 2,520 บาท ตามพื้นที่เปิดกรีดจริง ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ ซึ่งในขั้นตอนการรับการขึ้นทะเบียนได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2556 แล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการตรวจสอบพื้นที่เปิดกรีดและบันทึกข้อมูลในระบบ สำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลาได้เร่งรัดให้สำนักงานเกษตรอำเภอทั้ง 16 อำเภอ ตรวจสอบพื้นที่เปิดกรีดและบันทึกข้อมูลในระบบให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับเงินความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทั่วถึง



จันจิรา บัวน้อย//ข่าว
29 ม.ค.57
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

เทศบาลเมืองเขารูปช้าง ปล่อยแถวป้องกันและระงับอัคคีภัยเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์เทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 57

วันนี้ (30 ม.ค. 57) ที่ศูนย์ซ่อมเครื่องจักรกล อบจ. สงขลา นายประสงค์ บริรักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการป้องกันและระงับอัคคีภัยเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2557 เพื่อให้เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานรักษาความสงบอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สมาชิกชมรมตำรวจชุมชนตำบลเขารูปช้าง ได้เตรียมพร้อมเป็นกรณีพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีน

นายบรรหาญ โพธิกุล รองปลัดเทศบาลเมืองเขารูปช้าง กล่าวว่า เทศบาลเมืองเขารูป โดยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายป้องกันและรักษาความสงบ สำนักปลัดเทศบาล ได้จัดโครงการป้องกันและระงับอัคคีภัยเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2557 เป็นกรณีพิเศษ จำนวน 4 วัน คือระหว่างวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 57 ซึ่งวันตรุษจีน ถือเป็นประเพณีสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอัคคีภัยขึ้นได้ เพื่อความไม่ประมาท และเป็นการเตรียมความพร้อมไว้รองรับสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น เทศบาลเมืองเขารูปช้าง จึงได้จัดเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย งานรักษาความสงบ สมาชิกอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาลเมืองเขารูปช้าง สมาชิกชมนมตำรวจชุมชนประจำตำบลเขารูปช้าง พร้อมรถยนต์ดับเพลิง รถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิง รถยนต์ตรวจการณ์อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ในด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ออกสำรวจตรวจตรา และดูแลตามจุดต่างๆ หรือสถานที่ที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย เพื่อให้ประชาชนเขตเทศบาลเมืองรูปช้าง มีความมั่นใจ อบอุ่นใจ และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

สำหรับพิธีปล่อยแถวตามโครงการป้องกันและระงับอัคคีภัยเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2557 ในครั้งนี้ มีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าร่วม 12 หน่วยงาน ประกอบด้วย อบจ.สงขลา เทศบาลนครสงขลา เทศบาลตำบลพะวง อำเภอเมืองสงขลา ท้องถิ่นจังหวัดสงขลา สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 กองกำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา และวิทยาลัยเทคโนโลยีสงขลา...




สุรินทิพย์ คงสุข/ข่าว
ชิดนัย แก้วมณีโชติ/ภาพ
30 ม.ค. 57
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

รองผู้ว่าฯสงขลา ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็ม ครั้งที่ 1/2557 เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในรอบปี

วันนี้ (30 ม.ค. 57) ที่โรงแรมราชมังคลาสงขลาเมอร์เมด อ.เมือง จ.สงขลา นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีทีเอ็ม ตามโครงการโรงแยกก๊าชและท่อส่งก๊าชธรรมชาติไทย – มาเลเซีย ครั้งที่ 1/2557 โดยมี ปลัดจังหวัดสงขลา นายอำเภอจะนะ ผู้แทนนายอำเภอหาดใหญ่ นาหม่อม เทพา และอำเภอสะเดา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสงขลา ผู้เชียวชายแต่ละอำเภอ ๆ ละ 1 คน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน จำนวน 18 คน

ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2542 อนุมัติการร่วมทุนระหว่างการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และเปโตรนาส บริษัทน้ำมันแห่งชาติของมาเลเซีย เพื่อดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย และได้จัดตั้ง บริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2543 เพื่อรับผิดชอบโครงการดังกล่าว และสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (เดิม) ได้เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการโรงแยกก๊าซ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2544 และในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ได้กำหนดจัดตั้งกองทุนพัฒนาอาชีพ และสังคมทีทีเอ็ม ขึ้นเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ขึ้น ตามการพัฒนาที่ยั่งยืน

สำหรับการจัดการประชุมในวันนี้ เพื่อเป็นการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานกองทุนพัฒนาอาชีพและสังคมทีที เอ็ม ประจำปี 2556 ในพื้นที่ 5 อำเภอได้แก่ อ.จะนะ เทพา นาหม่อม หาดใหญ่ และ อ.สะเดา ซึ่งประกอบด้วย 3 กองทุน ดังนี้ กองทุนพัฒนาหมู่บ้าน จำนวน 10 ล้านบาท / ปี , กองทุนพัฒนาอาชีพประมง จำนวน 1 ล้านบาทต่อปี และกองทุนนกเขาชวาเสียงอำเภอจะนะ จำนวน 1 ล้านบาทต่อปี รวมเป็นจำนวนเงิน 12 ล้านบาทต่อปี โดยได้ดำเนินโครงการ ทั้งสิ้น จำนวน 277 โครงการ ซึ่งแล้วเสร็จ 276 โครงการ ล่าช้ากว่ากำหนด 1 โครงการ คือ โครงการกองทุนพัฒนาหมู่บ้านอำเภอสะเดา หมู่ที่ 4 ต.ปริก อ.สะเดา แต่จนวันนี้ได้มีการดำเนินการครบแล้ว 100% ครบทุกโครงการ



จันจิรา บัวน้อย/ข่าว
ชิดนัย แก้วมณีโชติ/ภาพ
30 ม.ค.56
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

กอ.รมน.จังหวัดสงขลา จัดเสวนา “นานาทรรศนะ สู่ฝัน...สันติสุข”เพื่อแสวงหาแนวทางระดมความคิดในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้ (30 ม.ค. 57) ที่วิทยาลัยการอาชีพนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา นายดลเดช พัฒนรัฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
เป็นประธานเปิดการประชุมเสวนา ภายใต้หัวข้อ “นานาทรรศนะ สู่ฝัน...สันติสุข” จัดโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา มีนักเรียน นักศึกษา จากสถาบันการศึกษาในพื้นที่ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย เข้าร่วมโครงการ จำนวน 120 คน

นายอำนวย เจียรวิวัฒนวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานกิจการมวลชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2557 กระทั่งปัจจุบัน ได้สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน สูญเสียโอกาสในการดำรงชีวิตและการพัฒนาในทุกรูปแบบ ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งความสูญเสียดังกล่าว ล้วนเกิดจากการกระทำอย่างโหดเหี้ยมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่มีความคิดและการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรม ด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่ต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพกว่า 10,000 ชีวิต เพราะสิ่งที่ผู้ก่อเหตุความรุนแรงพยายามดำเนินการมาตลอด คือการข่มขู่ ขู่เข็ญ คุกคาม และทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้ตกอยู่ในความหวาดกลัว และยอมจำนน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลมีเจตนารมณ์ที่จะใช้มาตรการต่าง ๆ ที่จะแก้ไขปัญหาให้ทุกพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข บนความหลากหลายที่เท่าเทียมกัน โดยได้พัฒนาแนวทางและกลไกแก้ปัญหามาเป็นลำดับ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย และยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นองค์กรขับเคลื่อนตามนโยบาย

การจัดประชุมเสวนา มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาแนวทางระดมความคิดในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาในเชิงบูรณาการแล้ว คงถึงเวลาที่ภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคประชาชน และเยาวชน ที่ต้องก้าวข้ามมิติของความรุนแรง และความทรงจำที่เลวร้ายในอดีตด้วยกันร่วมกันแสวงหาทางออกจากปัญหา เพื่อมุ่งสู่ฝัน...สันติสุข สามารถคืนรอยยิ้มและความสุขสู่ชายแดนใต้ที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง



นราวดี อาแซบากา/ข่าว 
วิชราวุฒิ แก้วกล้าหาญ/ภาพ
30 ม.ค. 57  
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

จังหวัดสงขลา ประชุม คกก.แก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน สรุปสถิติอุบัติเหตุ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557

ที่ห้องประชุมตำรวจภูธร จ.สงขลา วันนี้ (30 ม.ค.) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน จ.สงขลา จัดประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อร่วมวิเคราะห์ สังเคราะห์สาเหตุ และปัจจัยที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สงขลา รวมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เหมาะสมกับสถานการณ์พื้นที่จังหวัด และร่วมกันติดตามความก้าวหน้าการบังคับใช้กฎหมายตามข้อมูลสืบสวนอุบัติเหตุทางถนน เพื่อแก้ไข และป้องกันอย่างบูรณาการ โดยมี พ.ต.อ.ฐปกรณ์ เทิดรัตนพงศ์ ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา เป็นประธานประชุม

พ.ต.อ.ฐปกรณ์ เทิดรัตนพงศ์ กล่าวว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของ จ.สงขลา ทั้งจำนวนครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ และจำนวนผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต โดยเฉพาะช่วงอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุ 64 ครั้ง เสียชีวิต 6 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 73 คน ทั้งนี้ ประเภทถนนที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือทางหลวงแผ่นดิน ,บริเวณจุดเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือทางตรง ,สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ การเมาสุรา ,ยานพาหนะที่เกิดอุบัติสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ ,การไม่ปฏิบัติตามาตรการหลัก คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย และช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ 16.01 - 18.00 น. และ 20.01-00-00 น.



วิชราวุฒิ แกล้วกล้าหาญ/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พระราชทานพวงมาลาวางหน้าหีบศพ ร.ต.ต.นิยม สุวรรณมณี เหยื่อคนร้ายลอบวางระเบิดที่ธารโต

วันนี้ 29 ม.ค. 57 เวลา 17.30 น. ที่ ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดเนรัญชราวาส เขตเทศบาลตำบลบันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ประธานในพิธีอัญเชิญพวงมาลาพระราชทาน วางหน้าหีบศพ ร.ต.ต.นิยม สุวรรณมณี อายุ 54 ปี ตำแหน่ง รอง.สว.สส.สภ.ธารโต ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ บริเวณทางโค้งบนถนนสายบ้านแหร – บ้านบัวทอง หมู่ที่ 4 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา ขณะนั่งรถยนต์ตราโล่ของทางราชการ หมายเลขทะเบียน 93085 พร้อมลูกน้องรวม 5 นาย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่สกัดกั้นคนร้ายที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่บ้านบัวทอง เหตุเกิดเมื่อช่วงสายของวันที่ 24 ม.ค. 57 ที่ผ่านมา

ภายในงานมี พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา, นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ นายอำเภอบันนังสตา นายบุญเติม รองเลื่อน นายอำเภอธารโต ข้าราชการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และครอบครัวเข้าร่วมในพิธี โดยกำหนดพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.ต.นิยม สุวรรณมณี ในวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ นี้


นายนิแอ  สามะอาลี / ข่าว

บรรยากาศวันไหว้ตรุษจีนที่ยะลาคึกคัก เจ้าหน้าที่ดูแลเข้ม

วันนี้ 30 ม.ค. 57 บรรยากาศวันไหว้ในเทศกาลตรุษจีน ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา  ที่โรงแรมบ้านสวน PP  (สถานที่ประกอบกิจการโรงแรมในพื้นที่ จ.ยะลา) ย่านการค้าและชุมชนประชานุกูล หลังศาลเจ้าแม่ก่อเหนี่ยวยะลา ซึ่งเป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ญาติพี่น้องได้เดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่จังหวัดยะลาพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อร่วมกันฉลองเทศกาลตรุษจีน มีการเส้นไหว้บรรพบุรุษ เผากระดาษเงินกระดาษทอง จุดประทัด ตามประเพณี เพื่อส่งไปให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นไปด้วยความคึกคัก ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่ อส. ตำรวจ และเจาหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 อ.เมืองยะลา ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้วิทยุ สั่งการ ให้มีการเพิ่มมาตรการป้องกัน และ ดูแลรักษาความปลอดภัย ให้มีการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ และ รถยนต์ เป้าหมายที่ผิดสังเกต พร้อมให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาให้กับทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร หวังกลุ่มคนร้ายอาจใช้ในการก่อเหตุร้าย ในช่วงเทศกาลตรุษจีน


นายนิแอ  สามะอาลี / ข่าว

เลขาธิการ ศอ.บต.ระบุ พร้อมส่งเสริมหลักสูตรการเรียนท่องจำอัลกุรอาน (ระบบฮาฟีเซาะห์) ควบคู่กับการเรียนสายสามัญ

วันที่ 29 มกราคม 2557 (เวลา 10.30 น.) ที่โรงเรียนสตรีอิสลามวิทยามูลนิธิ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้  เปิดงานเมาลิดสัมพันธ์ ปีฮิจเราะห์ศักราช 1435 โดยมีนายอีรฟาน สุหลง ผู้จัดการโรงเรียนสตรีอิสลามวิทยามูลนิธิ ผู้บริหารโรงเรียน อาจารย์ และนักเรียนหญิงจำนวนกว่า 1,000 คนให้การต้อนรับ นอกจากนี้เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้พบปะเยี่ยมเยียนคณะครูและนักเรียนในโรงเรียนอีกด้วย

นายอีรฟาน สุหลง ผู้จัดการโรงเรียนสตรีอิสลามวิทยามูลนิธิ กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดหน่วยงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่เปิดรับเฉพาะ นักเรียนหญิงล้วนแห่งเดียวของจังหวัดยะลา ดำเนินการสอนในภาควิชาศาสนาควบคู่กับภาควิชา สามัญ โดยภาควิชาศาสนา จะเริ่มตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 - 10 (1 อิบตีดาอี - 3 ซานาวี) และภาคสามัญ ตั้งแต่ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 ปัจจุบันมีห้องเรียนมากมาย อาทิเช่น ห้องสมุด ห้องบริการอินเตอร์เน็ต ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ห้องพิมพ์ดีด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องตัดเย็บ ห้องปฏิบัติการทางภาษา เป็นต้น ซึ่งวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 จะครบรอบ 50 ปีของโรงเรียน โดยจะสร้างนักเรียนสตรีมุสลิมต้นแบบสู่อนาคต และในภายภาคหน้าจะยกระดับมาตรฐานการศึกษาการจัดเรียนระบบฮาฟีเซาะห์ ซึ่งเป็นหลักสูตรการเรียนท่องจำอัลกุรอานควบคู่กับหลักสูตรวิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมต้น นอกจากนี้จะมีหลักสูตรระบบนานาชาติเข้ามาสอน อย่างเช่น ภาษาอาหรับ เพื่อสร้างความมั่นใจว่านักเรียนเมื่อเรียนจบแล้วจะได้ใช้ภาษาอาหรับได้อย่างถูกต้อง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ก่อนอื่นขอชื่นชมนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ที่สอบเข้าสถาบันอุดมศึกษาได้เกือบทั้งหมด เป็นการแสดงออกให้เห็นถึงคุณภาพทางการศึกษา ต้องขอบคุณผู้บริหารโรงเรียนที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมในพื้นที่และได้สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถติดต่อกันมาถึง 50 ปี ทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมที่จะส่งเสริมทุนการศึกษาให้กับนักเรียนได้มีโอกาสไปเรียนในต่างประเทศที่เปิดกว้างขึ้น รวมถึงสนับสนุนโครงการหลักสูตรการท่องจำอัลกุรอานของโรงเรียนที่จะมีขึ้นในปีหน้า เพราะเชื่อว่าไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตามที่ได้รับรู้ถึงอัลกุรอานแล้ว จะสัมผัสได้ว่าอัลกุรอานเป็นความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ และในวันเมาลิดเป็นวันประสูติของนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) ถือเป็นวันสำคัญของศาสนาอิสลาม อยากให้นักเรียนได้ร่วมกันรำลึกถึงคุณงามความดีขอบนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) เพื่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้ากับพื้นที่แห่งนี้ โดยในอนาคตอยากให้มีศูนย์การเรียนรู้ทางการศึกษา โดยให้ชุมชนได้บริหารจัดการร่วมกันกับรัฐบาล


สำนักสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต.

ชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งผู้นำศาสนา นักศึกษาจีนมหาวิทยาอิสลามยะลา ร่วมงานเฉลิมฉลองต้อนรับเทศกาลตรุษจีน สะท้อนถึงพหุวัฒนธรรมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

วันที่ 29 มกราคม 2557  เวลา 11.30 น. ที่ห้องประชุม 1 อาคารอเนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมงาน “สานสัมพันธ์เชื้อสายจีนชายแดนใต้” เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองต้อนรับเทศกาลตรุษจีน จัดโดยชมรมชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดยะลา โดยมีนายเดชรัฐ สิมศิริ  ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายฟุ้ง สุขเสรีทรัพย์ ประธานชมรมชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดยะลา นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ ประธานชมรมชาวไทยเชื้อสายจีนจังหวัดปัตตานี นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา นายอับดุลเร๊าะห์หมาน อับดุลสมัด ประธานสมาพันธ์คณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้  นายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี นักศึกษาจีนมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ตัวแทนสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีนจากมูลนิธิต่างๆ และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้  กว่า 200 คน เข้าร่วมภายในงาน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ศอ.บต.ให้ความสำคัญกับเชื้อชาติและศาสนา ในการให้ความเสมอภาคเท่าเทียมกันโดยไม่ได้เน้นถึงจำนวนหรือปริมาณ เพราะเชื้อชาติหรือศาสนาเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบังคับหรือเลือกได้ ต้องให้การเคารพและความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกันในทุกศาสนาและเชื้อชาติที่มี เพื่อให้พี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขภายใต้พหุวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างกัน โดยสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจน คือ ป้ายของ ศอ.บต.จะมีทั้ง 4 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษามลายู และภาษาจีน ซึ่งภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญควรได้รับการส่งเสริม โดยเฉพาะภาษาจีนถือเป็นที่สำคัญอย่างยิ่งในการติดต่อค้าขาย เพราะเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดและมีจำนวนประชากรมากที่สุดอีกด้วย ถือเป็นยุทธศาสตร์ในการเข้าสู่อาเซียนและความเจริญทางด้านการค้าขาย ทั้งนี้โอกาสที่ติดตัวนอกจากเชื้อชาติแล้วยังมีภาษาและถือเป็นการให้เกียรติบรรพบุรุษสายเลือดของเราอีกด้วย

นายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเข้าใจและมีความสุข จะแยกย้ายกันไปก็ตามศาสนกิจ มุสลิมปฏิบัติศาสนกิจในมัสยิด ชาวพุทธปฏิบัติศาสนกิจในวัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากมีความเข้าใจกัน ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติอย่างเช่นในวันนี้ การให้เกียรติกันทุกศาสนาถือเป็นความสำคัญเช่นกันในพื้นที่ที่มีความแตกต่างทางด้านศาสนา วันนี้เป็นวันสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีน จึงขออวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง มีความเจริญรุ่งเรือง และขอให้ประเทศชาติมีความสงบสุข

นอกจากนี้เลขาธิการ ศอ.บต.ยังได้ส่งความสุขผ่านการ์ดอวยพรปีใหม่เนื่องในเทศกาลปีใหม่ของชาวจีนหรือวันตรุษจีนอีกด้วย



สำนักสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต.

เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้ากรมกิจการชายแดน หารือแนวทางแก้ไขและพัฒนาด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย

วันที่ 29 มกราคม 2557  เวลา 14.00 น.  พลโทบุญชู เกิดโชค เจ้ากรมกิจการชายแดน และคณะ เข้าพบ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาด่านชายแดน โดยมีนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรีสมโภชน์ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ผู้อำนวยการสำนัก/กอง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมหารือที่ห้องประชุมปฏิบัติการ (ห้องประชุม OR) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

ที่ประชุมมีข้อสรุปร่วมกันว่า กรมศุลกากรควรมีระบบการจัดการตรวจคนเข้าเมือง ให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนให้เจริญเติบโต เตรียมเปิดประตูสู่อาเซียน นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่เป็นรั้วเดี่ยวร่วมกันและเป็นรั้วที่มากกว่าการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) แต่ควรเป็นระบบเฝ้าดู ที่สามารถบันทึกพิสูจน์และรับรองใบหน้าบุคคลที่ผ่านรั้วชายแดนได้ เพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการรักษาความมั่นคง และตั้งกองกำลังทหาร 5 กองพันดูแลรั้วตลอดแนวชายแดน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการตามแนวชายแดนในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางชายแดน รวมถึงการแก้ไขปัญหาการลักลอบขนน้ำมันเถื่อน การสร้างหมู่บ้านชายแดนคู่ขนาน เพื่อกระชับความร่วมมือชุมชนบริเวณชายแดน การแก้ไขปัญหารถตู้ของผู้ประกอบการไทย ในการขนส่งผู้โดยสารไปมาเลเซีย และการกวดขันตรวจจับขบวนการค้ามนุษย์



สำนักสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต.

ผู้ว่าฯ ยะลา ประธานพิธีมอบเครื่องแบบชุดนักเรียนพระราชทานแก่นักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 ที่ยะลา

วันที่ 30 ม.ค. 57 เวลา 10.30 น. ที่หอประชุมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 เลขที่ 129 บ้านบาโงโต๊ะอาลี หมู่ที่ 2 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ประธานในพิธีมอบเครื่องแบบนักเรียนพระราชทานที่ได้รับการเลื่อนชั้น แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จำนวน 295 ชุด โดยมี นายมามะซูฟี อารง ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 นายปรีชา ชนะกิจกำจร นายอำเภอรามัน ส่วนราชการ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา คณะครูอาจารย์ บุคคลากรทางการศึกษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 ร่วมให้การต้อนรับ

โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา จัดตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเพื่อรองรับเด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา เด็กกำพร้า และเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ได้รับบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง เป็นโรงเรียนประเภทศึกษาสงเคราะห์ เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รับนักเรียนสหศึกษา และมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ให้ความอนุเคราะห์รับเข้าเรียนโครงการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ปัจจุบันมีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 468 คน เปิดสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ซึ่งมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ โดยทางโรงเรียนมีการน้อมนำพระบรมราโชบายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานแก่นักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 12 ข้อ 1.รู้จักรักษาความสะอาดทั้งกายและใจ 2.รู้จักช่วยตนเอง 3.เป็นเด็กดี มีความเมตตากรุณา 4.มีความซื่อสัตย์สุจริต 5.ตรงต่อเวลา 6.มีความกตัญญูกตเวที 7.มีความขยันหมั่นเพียร 8.มีความประพฤติเรียบร้อย 9.มีความโอบอ้อมอารี 10.รู้รักสามัคคี อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข 11.รู้จักการทำสวน เลี้ยงสัตว์ และนำไปจำหน่าย 12.รู้จักมัธยัสถ์ อดออม ฝากเงินไว้ในบัญชีธนาคารเพื่ออนาคต มาเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน มีการนำระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน

นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ในนามของประชาชนชาวจังหวัดยะลา รู้สึกทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้มีพระเมตตาแด่พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดยะลาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ที่มอบสิ่งเครื่องแบบนักเรียนพระราชทานแก่นักเรียน ทำให้นักเรียนทุกคนรู้สึกในพระมหากรุณาธิคุณและจะได้ตั้งใจเล่าเรียน มีความประพฤติดี รู้รักสามัคคี เป็นการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ และสนองพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สืบไป



ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

กลุ่มจักรยานพังงา ร่วมปั่นบุญ สมทบทุนสร้างศาลาสำนักสงฆ์บ้านเกาะเคี่ยม ต.บางเตย อ.เมืองพังงา

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 30 มกราคม 2557 ชมรมจักยานเพื่อสุขภาพจังหวัดพังงา ร่วมกับชมรมจักรยานในพื้นที่ใกล้เคียง จัดกิจกรรม "ปั่นบุญ สมทบทุนสร้างศาลาสำนักสงฆ์บ้านเกาะเคี่ยม ต.บางเตย อ.เมืองพังงา” โดยมีสมาชิกจากชมรมต่างๆเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

นายสุมาศ จรสุวรรณ ประธานชมรมจักยานเพื่อสุขภาพจังหวัดพังงา กล่าวว่า ทางชมรมฯโดยการสนับสนุนของสมาคมกีฬาจังหวัดพังงา ได้จัดกิจกรรมต่างๆต่อเนื่องอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการ ปั่นจักรยานเพื่อเทิดพระเกียรติฯ การปั่นเพื่อร่วมรณรงค์ในกิจกรรมของทางจังหวัดพังงา การส่งทีมเข้าร่วมกิจกรรมของชมรมจักรยานฯในพื้นที่ต่างๆและ การจัดการแข่งขันในทัวร์นาเม้นท์ต่างๆ ส่วนในเวลาปกติตนเองพร้อมด้วยสมาชิกบางส่วน ก็จะร่วมกันปั่นจักรยานไปตามเส้นทางต่างๆเกือบทุกวัน จนวันหนึ่งก็ได้มาพบกับสำนักสงฆ์แห่งนี้ ซึ่งพบว่ายังขาดแคลนสาธารณูปโภคอยู่หลายอย่าง ก็เลยนำมาพูดคุยกันในชมรมฯ จนมีมติให้จัดกิจกรรมนี้ขึ้น

นายจักรพงษ์ วาหะรักษ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 บ้านเกาะเคี่ยม ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เปิดเผยว่า ชุมชนบ้านเกาะเคี่ยม มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 250 ครัวเรือน ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีนับถือศาสนาพุทธประมาณ95 ครัวเรือน ทำให้ประชาชนทั่วไป มักจะไม่รู้ว่ามีสำนักสงฆ์ตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งแท้จริงแล้ว สำนักสงฆ์แห่งนี้มีมานานหลายร้อยปีแล้ว โดยที่ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องของศาสนาภายในชุมนุมเลย สำหรับวันนี้ก็ได้รับเงินสมทบทุนรวม18,810 บาท คุณสุทัศน์และคุณสุจิตรา วีริยานันท์ สร้างสุขาให้ 1 หลัง วิทยาลัยเทคนิคพังงาก็จะเข้ามาดูแลในเรื่องของระบบไฟฟ้าทั้งหมด

ตร.ทางหลวงพังงา จับยาบ้า 403 เม็ด ผู้ต้องหาสารภาพ

เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.วันที่ 29 มกราคม 2557 ภายใต้การควบคุมสั่งการของ พ.ต.ต.มนพร ลิขิตมานนท์ สว.ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. นำโดย ร.ต.ท.วินัย สายคุ้ม รอง สว.ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล. พร้อมด้วย ร.ต.ต.สุระชาติ สะใบบาง รอง สว.(ป.)ส.ทล.1 กก.ทล. ด.ต.กฤต แก้วศรีอ่อน ด.ต.นำชัย บุญวิโรจน์ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.7 บก.ทล ร่วมกันออกตรวจและตั้งจุดสกัดในพื้นที่รับผิดชอบ ที่บริเวณริมถนนสาย ทล.415 ระหว่างกม.5 - กม.6 ถนนสายอำเภอทับปุด-อำเภอเมืองพังงา เขตตำบลถ้ำน้ำผุด อ.เมือง จ.พังงา ในขณะตั้งจุดสกัดได้มีชายฉกรรจ์จำนวน 2 คน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั่งซ้อนท้ายกันมาจากอำเภอทับปุด เมื่อเจอการตั้งจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ส่อท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่ชุดจึงส่งสัญญาณไฟให้ชะลอความเร็วและหยุด เพื่อขอตรวจค้น ทราบต่อมาว่า ผู้ขับขี่รถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง-ดำ รุ่นเวฟ 125 หมายเลขทะเบียน กทท 722 พังงา คันดังกล่าว คือ นายวัฒนา โล่คำ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117/3 หมู่ที่ 6 ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และผู้นั่งซ้อนท้ายคือ นายนภดล ธรรมศรี อายุ 34 ปี อยู่เลขที่ 13/5 หมู่ที่ 7 ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา ซึ่งทั้ง 2 คนมีอาชีพ รับจ้างกรีดยางพารา ซึ่งจากผลการตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 403 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงินแบบกดปิดกดเปิด ใส่อยู่ในถุงพลาสติกใสและพันทับด้วยเทปกาวสีดำ ก่อนห่อด้วยกระดาษสมุดสีขาวแบบมีเส้นบรรทัดซุกซ่อนไว้ในถุงพลาสติกหูหิ้วชนิดสีขาวขุ่น ใส่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังข้างซ้าย และพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องอยู่ในกระเป๋ากางเกงหน้าขวามือของนายนภดล และจากการตรวจค้นตัวนายวัฒนา พบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าขวามือ เจ้าหน้าที่ได้ยึดไว้เป็นของกลาง จึงแจ้งข้อกล่าวหาในเบื้องต้นว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า)ไว้ครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ให้การรับสารภาพ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายพร้อมกับของกลางทั้งหมด ส่ง พงส.สภ.เมืองพังงา อ.เมือง จ.พังงา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนนายนภดล ธรรมศรี สารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวตนทั้งสองได้รับการว่าจ้างจากนางตน(ไม่ทราบชื่อจริง) อายุประมาณ 40 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ใกล้กับโรงเรียนการอาชีพอำเภออ่าวลึก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ นำไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา โดยได้รับค่าจ้างคนละ 5,000 บาท และรับว่าทำมาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนถูกจับกุมในครั้งนี้

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดพิธีถวายพระกุศลแด่สมเด็จพระสังฆราช ในโอกาสครบวันสิ้นพระชนม์ 100 วัน

จังหวัดนครศรีธรรมราชเชิญชวนร่วมตักบาตรและสวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยามสูตร ถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในโอกาสครบวันสิ้นพระชนม์ 100 วัน

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชกำหนดจัดพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ 100 รูป ถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในโอกาสครบวันสิ้นพระชนม์ 100 วัน ในวันที่ 31 มกราคม 2557 เวลา 07.00 น. ณ หน้าสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นเวลา 16.00 น. ได้จัดประกอบพิธีสวดพระพุทธมนต์ธรรมนิยามสูตร และพิธีสวดพระอภิธรรม ณ วิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงขอเชิญชวนหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา พุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราช และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาเข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน การแต่งกายชุดสุภาพสีเทา หรือสีนวล หรือชุดขาวปฏิบัติธรรม



ส.ปชส.นศ. เมื่อ : 30 ม.ค. 2557

ขอเชิญเฝ้ารับเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชา ทินัดดามาตุ

จังหวัดนครศรีธรรมราช ขอเชิญเฝ้ารับเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จทรงวางศิลาฤกษ์มณฑป วัดคีรีกันทร์ อำเภอลานสกา วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ กำหนดเสด็จทรงวางศิลาฤกษ์มณฑป เพื่อประดิษฐานพระเถราจารย์ ณ วัดคีรีกันทร์ หมู่ที่ 3 ตำบลเขาแก้ว อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 โดยเครื่องบินที่นั่งถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เวลา 16.00 น. มีผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช และข้าราชการเฝ้ารับเสด็จ จากนั้นเวลา 16.30 น. รถยนต์ที่นั่งถึงวัดคีรีกันทร์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์มณฑป เพื่อประดิษฐานพระเถราจารย์ วัดคีรีกันทร์ และเสด็จทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้ารับเสด็จ

จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงขอเชิญชวนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า เฝ้ารับ-ส่งเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ณ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และวัดคีรีกันทร์ ในวันและเวลาดังกล่าว โดยพร้อมเพรียงกัน



ส.ปชส.นศ. เมื่อ : 30 ม.ค. 2557

ประกาศองค์การบริหารส่วนตำบลเชียรเขา เรื่องบันทึกแก้ไขรายละเอียดแนบท้ายประกาศสอบราคาจ้าง โครงการก่อสร้างประตูระบายนำ้ระบบปิด/เปิด จำนวน 10 โครงการ ลงวันที่ 17 มกราคม 2557

ประกาศองค์การบริหารส่วนตำบลเชียรเขา เรื่องบันทึกแก้ไขรายละเอียดแนบท้ายประกาศสอบราคาจ้าง โครงการก่อสร้างประตูระบายนำ้ระบบปิด/เปิด จำนวน 10 โครงการ ลงวันที่ 17 มกราคม 2557


อบต.เชียรเขา เมื่อ : 30 ม.ค. 2557

สอบราคาจัดซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง

ด้วยเรือนจำอำเภอทุ่งสง ได้เรียกสอบราคาซื้อเครื่องสำรองไฟฟ้าพร้อมติดตั้ง จำนวน ๑ งาน เป็นเงินทั้งสิ้น ๙๘๗,๐๐๐.- บาท ( เก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน ) โดยกำหนดขอรับเอกสารและยื่นซองสอบราคา ตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๕.๐๐ น. ณ งานพัสดุ ฝ่ายบริหารทั่วไป เรือนจำอำเภอทุ่งสง และกำหนดเปิดซอง สอบราคา ในวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ น. เป็นต้นไป


เรือนจำอำเภอทุ่งสง คุณกรรณิกา เหมาะหมั่น
30 ม.ค. 2557

ผลิตภัณฑ์กระจูด สร้างรายได้ ส่งเสริมอาชีพ แก่เกษตรกรตำบลเคร็ง

ผลิตภัณฑ์กระจูด สร้างรายได้ ส่งเสริมอาชีพ แก่เกษตรกรตำบลเคร็ง อ.ชะอวด สหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราชสนับสนุนงบประมาณซื้อเครื่องรีดและเครื่องย้อมสีกระจูดพร้อมระบบบำบัดน้ำเสีย

นายนารถพงศ์ สุนทรนนท์ สหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์จากกระจูด ถือเป็นภูมิปัญญาที่มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาอย่างยาวนานในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีต้นกระจูดอยู่เป็นจำนวนมาก เกษตรกรในตำบลเคร็งมีการจักสานกระจูดเป็นอาชีพหลัก ส่งผลให้การทำผลิตภัณฑ์กระจูดเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอชะอวดเกษตรกรในตำบลเคร็งจึงได้มีการรวมกลุ่มขึ้น เพื่อรวบรวมผลิตภัณฑ์กระจูดของเกษตรกรในหมู่บ้านจัดจำหน่ายและส่งออกไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อกลุ่มสตรีสหกรณ์การเกษตรศุภนิมิตชะอวด สังกัดสหกรณ์การเกษตรศุภนิมิตชะอวดพัฒนา จำกัด โดยมีมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย อำเภอชะอวด ร่วมให้การสนับสนุน และมีคุณอุบลวรรณา แป้นด้วง เป็นประธานกลุ่มสตรีสหกรณ์ฯ

สหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์กระจูดที่ทางกลุ่มจัดทำมีหลากหลายและมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง อาทิ กระเป๋า เสื่อ กล่องใส่กระดาษชำระ รองเท้า ที่รองจาน ตะกร้า กระบุง จานเปล ที่นอนสัตว์เลี้ยง กล่องมีฝา เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างล้านผลิตมาจากกระจูดทั้งสิ้น นอกจากการทำผลิตภัณฑ์จากกระจูดแล้ว กิจกรรมภายในกลุ่มสตรีสหกรณ์ฯ ยังได้ดำเนินการรับฝากเงินจากสมาชิกภายในกลุ่มเพื่อเป็นการส่งเสริมการออมอีกทางหนึ่งด้วย สำหรับความสำเร็จของกลุ่มสตรีสหกรณ์ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2545 ผลิตภัณฑ์กระจูดของกลุ่มได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ระดับสองดาว ปี พ.ศ. 2547 ผลิตภัณฑ์กระจูดของกลุ่มได้รับการคัดสรรตามโครงการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ปี 2547 (OTOP Product Champion) ปี พ.ศ. 2548 ผลิตภัณฑ์กระจูดของกลุ่มได้รับใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และใบรับรองสินค้ามาตรฐานสหกรณ์ (สมส.) จากกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช สนับสนุนเงินอุดหนุนจ่ายขาดเพื่อพัฒนาอาชีพในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้กับกลุ่มสตรีสหกรณ์การเกษตรศุภนิมิตชะอวด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 150,000.-บาท เพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องรีดกะจูด จำนวน 2 เครื่อง ๆ ละ 50,000 บาท และที่ย้อมสีพร้อมระบบบำบัดน้ำเสีย จำนวน 1 ชุด เป็นเงิน 50,000 บาท เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มสอดรับกับแผนพัฒนาการสหกรณ์แผนกลยุทธ์กรมส่งเสริมสหกรณ์และวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์

ผู้ที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์กระจูด ติดต่อได้ที่คุณอุบลวรรณา แป้นด้วง บ้านเลขที่ 100 หมู่ที่ 3 บ้านควนยาว ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช 80180 หรือโทรศัพท์ 08-7888-5702



ส.ปชส.นศ. เมื่อ : 30 ม.ค. 2557

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรัง ประกาศเรื่อง หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินสูญหาย

ประกาศ  สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรัง
เรื่อง  หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินสูญหาย

ด้วย นายจำนงค์  แก้วเมือง อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138 หมู่ที่ 3 ตำบลอ่าวตง อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ขอออกใบแทนหนังสืิออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปทีืดิน (ส.ป.ก.4-01) โครงการป่าใส-ป่าแก่ สารบัญทะเบียนที่ดินเลขที่ 1298 เล่ม 13 หน้า 98  อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ในที่ดินแปลงเลขที่ 1 กลุ่มที่ 177  เนื้อที่ 10-1-75 ไร่ และสารบัญทะเบียนที่ดินเลขที่ 994  เล่ม 10 หน้า 94 อำเภอวังวิืเศษ จังหวัดตรัง ในที่ดินแปลงเลขที่ 3 กลุ่มที่ 78  เนื้อที่ 15-3-05 ไร่ ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลอ่าวตง อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง เนื่องจากหนังสืออนุญาตฯ ฉบับดังกล่าวสูญหายไม่ทราบสาเหตุ

สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรัง (ส.ป.ก.ตรัง) จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกัน ผู้ใดพบเห็นหรือยึดถือเอกสาร ส.ป.ก.4-01 ดังกล่าวไว้โปรดส่งคืนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรัง หรือผู้ใดมีข้อโต้แย้ง  คัดค้านประการใด ขอให้โต้แย้ง คัดค้านต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรัง (ส.ป.ก.ตรัง) เลขที่ 80 หมู่ที่ 3 ถนนเลี่ยงเมือง ตำบลบางรัก อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศ หากไม่มีผู้ใดโต้แย้ง หรือคัดค้าน ทางราชการจะดำเนินการออกใบแทนหนังสืออนุญาตฯ ให้แก่ผู้ขอต่อไป

จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน



ประกาศ  ณ  วันที่  14 มกราคม พ.ศ. 2557
(ลงนาม)      สุนิสา  ควัฒน์กุล
(นางสุนิสา  ควัฒน์กุล)
ปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรัง