ภูเก็ตประชุมหัวหน้าส่วนราชเน้นการปฏิบัติตามนโยบายของ คสช.พร้อมทั้งเร่งสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. 57 ที่ ห้องประชุม 1 อาคารศูนย์ประชุมกลุ่มจังหวัดฯ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 3/2557 โดยมี นางสาว สมหมาย ปรีชาศิลป์ นาย สมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ นาย จำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม
สำหรับวาระก่อนการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มีการมอบรางวัล การประกวดชุมชน ท้องถิ่นสะอาด ปราศจากลูกน้ำยุงลาย ระดับจังหวัดภูเก็ต จำนวน 5 ราย การมอบโล่การประกวดคณะกรรมการหมู่บ้านดีเด่น ประจำปี 2556 จำนวน 2 ราย และมอบประกาศนียบัตร รางวัลชั้นที่ 1 ของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จำนวน 3 ราย และรับมอบเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดภูเก็ตจากประธานมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตเพื่อนำไปใช้ในราชการต่อไป ทั้งนี้วาระการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ การแต่งตั้งโยกย้ายหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานมาดำรงตำแหน่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต คือ นาง อารี เตชะวันโต ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้ขอความร่วมมือให้ทุกส่วนราชการให้มีการปฏิบัติตามแนวทาง และนโยบายของ คสช. โดยเฉพาะในเรื่องของการปรองดอง สามัคคี สมานฉันท์ ซึ่งได้ใช้ศาสนาเป็นตัวเชื่อมโยงสานสัมพันธ์ในโครงการหมู่บ้านศีล 5 ในดำริสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งการปราบปราม ยับยั้ง การบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ การจัดการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ การจัดระเบียบชายหาดโดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อกฎหมายของพ.ร.บ.การควบคุมอาคารในการรื้อถอน การบริหารจัดการรถยนต์สาธารณะ(TAXI) การแก้ไขปัญหาการร้องทุกข์ของประชาชนในพื้นที่ สลายความขัดแย้งของปัญหาต่างๆ ทั้งนี้ให้เจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติงานอย่างสุจริต โปร่งใส เป็นธรรม เพื่อเป็นการคืนความสุขแก่ประชาชน ตลอดจนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสอดส่องดูแล และแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้หมดไป เพื่อความสงบสันติ และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขของประชาชนต่อไป
วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ตามแนวทางของ คสช. พร้อมเริ่มดำเนินการจดทะเบียน ตั้งแต่ 7 กรกฎาคม
จังหวัดภูเก็ต จัดประชุมการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ตามแนวทางของ คสช. พร้อมเริ่มดำเนินการจดทะเบียน ตั้งแต่ 7 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป
วันนี้ (30 มิ.ย. 57) ที่ห้องประชุมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต ทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร และตำรวจ เพื่อเตรียมการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวการค้ามนุษย์ ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 67,68,70 และคำสั่ง ที่ 73 และ 74 ของ คสช. อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งมอบหมายภารกิจงานตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานตามประกาศและคำสั่ง คสช.
ทั้งนี้สืบเนื่องจากประกาศและคำสั่งดังกล่าว จังหวัดภูเก็ตได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์จังหวัดภูเก็ต ขึ้นเพื่อเป็นการขับเคลื่อนคำสั่งดังกล่าวให้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยแบ่งภารกิจเป็น 3 ภารกิจ ประกอบด้วย ภารกิจที่ 1 การสำรวจเรือประมงและแรงงานต่างด้าวในเรือประมง ทั้งที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องและไม่ถูกต้อง เพื่อจัดระเบียบแรงงานประมง มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต และสมาคมชาวประมงภูเก็ต เป็นผู้รับผิดชอบภารกิจที่ 2 เปิดการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวใหม่ แบบ One Stop Service มอบหมายให้สำนักงานปกครองจังหวัดภูเก็ต โดยสำนักทะเบียนอำเภอและท้องถิ่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้รับผิดชอบดูแล ซึ่งจะมีการจัดทำทะเบียน ประวัติและออกบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพ และการออกใบอนุญาตการทำงานแก่แรงงานต่างด้าวโดยทางจังหวัดภูเก็ตพร้อมเปิดให้บริการ จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวใหม่ แบบ One Stop Service ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป โดยใช้ที่ว่าการอำเภอทั้ง 3 อำเภอในจังหวัดภูเก็ต เป็นศูนย์ปฏิบัติการ
ส่วนภารกิจที่ 3 การจัดโซนนิ่งให้แรงงานต่างด้าวให้อยู่เป็นสัดส่วน และควบคุมดูแลการเข้าออก มอบหมายให้ กองอำนายการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต สำนักงานป้องกันจังหวัดภูเก็ต เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลต่าง ๆ เป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ ยังต้องดูแลเรื่องสุขลักษณะอนามัยการป้องกันการแพร่ของโรคระบาดในแรงงานต่างด้าว ทั้งในสถานที่ทำงานและสถานที่พักอาศัย รวมทั้งในเรือประมงด้วย ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รวมถึงเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลต่างเป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าว ซึ่งได้ลงทะเบียนแล้ว ประกอบด้วย พม่า จำนวน 116,000 คน หรือ ร้อยละ 98 กัมพูชา 890 คน หรือ ร้อยละ 1 และ ลาว 721 คน หรือ ร้อยละ 1 นอกจากนี้ ในส่วนของเรือประมงในจังหวัดภูเก็ตนั้น ซึ่งมีการสำรวจไปก่อนหน้านี้ มีจำนวนทั้งหมด 791 ลำ เข้าข่ายมีแรงงานต่างด้าว จำนวน 378 ลำ
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็น มาตรการเร่งด่วน ในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวระยะที่ 1
วันนี้ (30 มิ.ย. 57) ที่ห้องประชุมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต ทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร และตำรวจ เพื่อเตรียมการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวการค้ามนุษย์ ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 67,68,70 และคำสั่ง ที่ 73 และ 74 ของ คสช. อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งมอบหมายภารกิจงานตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานตามประกาศและคำสั่ง คสช.
ทั้งนี้สืบเนื่องจากประกาศและคำสั่งดังกล่าว จังหวัดภูเก็ตได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์จังหวัดภูเก็ต ขึ้นเพื่อเป็นการขับเคลื่อนคำสั่งดังกล่าวให้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยแบ่งภารกิจเป็น 3 ภารกิจ ประกอบด้วย ภารกิจที่ 1 การสำรวจเรือประมงและแรงงานต่างด้าวในเรือประมง ทั้งที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องและไม่ถูกต้อง เพื่อจัดระเบียบแรงงานประมง มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต และสมาคมชาวประมงภูเก็ต เป็นผู้รับผิดชอบภารกิจที่ 2 เปิดการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวใหม่ แบบ One Stop Service มอบหมายให้สำนักงานปกครองจังหวัดภูเก็ต โดยสำนักทะเบียนอำเภอและท้องถิ่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้รับผิดชอบดูแล ซึ่งจะมีการจัดทำทะเบียน ประวัติและออกบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพ และการออกใบอนุญาตการทำงานแก่แรงงานต่างด้าวโดยทางจังหวัดภูเก็ตพร้อมเปิดให้บริการ จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวใหม่ แบบ One Stop Service ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป โดยใช้ที่ว่าการอำเภอทั้ง 3 อำเภอในจังหวัดภูเก็ต เป็นศูนย์ปฏิบัติการ
ส่วนภารกิจที่ 3 การจัดโซนนิ่งให้แรงงานต่างด้าวให้อยู่เป็นสัดส่วน และควบคุมดูแลการเข้าออก มอบหมายให้ กองอำนายการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต สำนักงานป้องกันจังหวัดภูเก็ต เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลต่าง ๆ เป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ ยังต้องดูแลเรื่องสุขลักษณะอนามัยการป้องกันการแพร่ของโรคระบาดในแรงงานต่างด้าว ทั้งในสถานที่ทำงานและสถานที่พักอาศัย รวมทั้งในเรือประมงด้วย ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รวมถึงเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลต่างเป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับจังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าว ซึ่งได้ลงทะเบียนแล้ว ประกอบด้วย พม่า จำนวน 116,000 คน หรือ ร้อยละ 98 กัมพูชา 890 คน หรือ ร้อยละ 1 และ ลาว 721 คน หรือ ร้อยละ 1 นอกจากนี้ ในส่วนของเรือประมงในจังหวัดภูเก็ตนั้น ซึ่งมีการสำรวจไปก่อนหน้านี้ มีจำนวนทั้งหมด 791 ลำ เข้าข่ายมีแรงงานต่างด้าว จำนวน 378 ลำ
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เป็น มาตรการเร่งด่วน ในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวระยะที่ 1
ภูเก็ตยูไนเต็ดไล่ถล่มอุทัยธานีฟุตซอลคัพขาดลอย 11- 0
ภูเก็ตยูไนเต็ดไล่ถล่มอุทัยธานีฟุตซอลคัพขาดลอย 11-0 การแข่งขันฟุตซอลพรีเมียร์ลีก 2014 เลกที่สอง ที่สนามโรงยิมเนเซี่ยม 4,000 ที่นั่งสะพานหิน ทีมสโมสรภูเก็ตยูไนเต็ด ทีมอันดับที่ 3 ของตาราง เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมอุทัยธานีฟุตซอลคลับทีมท้ายตาราง
เปิดเกมในครึ่งเวลาแรกเป็นภูเก็ตยูไนเต็ดเจ้าบ้านที่ครองเกมได้เหลือกว่าและสามารถยิงประตูขึ้นนำทีมมาเยือน 6 ประตูต่อ 0 เกมในครึ่งเวลาหลังยังเป็นทีมเจ้าบ้านที่ครองเกมได้เหนือกว่าและสามารถทำประตูเพิ่มอีก 5 ประตู ขึ้นนำทีมมาเยือนอุทัยธานี 11 ประตูต่อ 0 ช่วงท้ายเกมอุทัยธานีพยายามแก้เกมเพื่อทางประตูคืนแต่ไม่ผ่านแนวรับทีมภูเก็ตยูไนเต็ดจบเกมการแข่งขันทีมเจ้าบ้านเอาชนะคู่แข่งไปอย่างขาดลอย 11 ประตูต่อ 0 รั้งอันดับที่ 3 ของตาราง
เปิดเกมในครึ่งเวลาแรกเป็นภูเก็ตยูไนเต็ดเจ้าบ้านที่ครองเกมได้เหลือกว่าและสามารถยิงประตูขึ้นนำทีมมาเยือน 6 ประตูต่อ 0 เกมในครึ่งเวลาหลังยังเป็นทีมเจ้าบ้านที่ครองเกมได้เหนือกว่าและสามารถทำประตูเพิ่มอีก 5 ประตู ขึ้นนำทีมมาเยือนอุทัยธานี 11 ประตูต่อ 0 ช่วงท้ายเกมอุทัยธานีพยายามแก้เกมเพื่อทางประตูคืนแต่ไม่ผ่านแนวรับทีมภูเก็ตยูไนเต็ดจบเกมการแข่งขันทีมเจ้าบ้านเอาชนะคู่แข่งไปอย่างขาดลอย 11 ประตูต่อ 0 รั้งอันดับที่ 3 ของตาราง
ฟุตบอล 7 คน ศภว.คัพครั้งที่ 5 มศ.รุ่นสุดท้ายเฉือนชัยชัยพฤษ์ คว้าแชมป์ ล้างตาสำเร็จ
เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 27 มิ.ย.57ที่สนามทีเอ็กซ์ ปาร์ค ซอคเกอร์ สเตเดียม ตำบลรัษฏาอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มีการจัดการแข่งขันฟุตบอล 7 คน ศภว.คัพ ครั้งที่ 5 ตั้งแต่วันที่15-27 มิถุยายน 2557 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ความรัก ความสามัคคีของศิษย์เก่า ศภว.ทุกรุ่น โดยมีทีมเข้าร่วมจำนวน 41 ทีม ตั้งแต่วันที่15-27 มิถุนายน 2557
สำหรับคู่ชิงชนะเลิศในประเภทรุ่นจิ๋ว ระหว่างทีม p.w. 99 กับทีมศภว.104 ผลปรากฏว่าทีม p.w. 99 ชนะ ทีมศภว.104 อย่างสนุก 2-1 ประตู รุ่นเล็ก ระหว่างทีมปะการัง 29 กับทีมอันดา-ฟ้าขาว ผลปรากฏว่าทีมปะการัง 29 ชนะทีมอันดา-ฟ้าขาว ด้วยจุดโทษ สุดมัน 7-6 ประตู รุ่นกลางทีมลมหวล 27 กับทีมเขารัง 28 ผลปรากฏว่าทีมลมหวล 27 ชนะทีมเขารัง 28 อย่างเฉียดฉิว 2-1 ประตู และรุ่นใหญ่ทีมมศ.รุ่นสุดท้าย กับทีมชัยพฤกษ์ ศภว.22,24 ผลปรากฏว่าทีมมศ.รุ่นสุดท้ายเฉือนชนะทีมทีมชัยพฤกษ์ ศภว.22,24 ได้อย่างสนุก 3-2 ประตู
อย่างไรก็ตามในช่วงค่ำวันเดียวกันมี นายณ ชัย เขมนิพัทธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย นายเรวัต อารีรอบ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดภูเก็ต นายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายก่อเกียรติ จิตต์เกื้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว มาร่วมเป็นเกียรติมอบถ้วยรางวัลให้กับทีมชนะเลิศทั้งรุ่นจิ๋ว รุ่นเล็ก รุ่นกลางและรุ่นใหญ่ อีกทั้งยังมีรางวัลดาวซัลโว และรางวัลอื่นๆ นอกจากนี้ยังศิษย์เก่าภูเก็ตวิทยาลัย จำนวนมากชมร่วมคอนเสิร์ตอย่างสนุกสนานในวันปิดการแข่งขันฯ และในการจัดการแข่งขันฟุตบอลศภว.คัพครั้งที่ 6 รุ่นเขารังเป็นเจ้าภาพ
สำหรับคู่ชิงชนะเลิศในประเภทรุ่นจิ๋ว ระหว่างทีม p.w. 99 กับทีมศภว.104 ผลปรากฏว่าทีม p.w. 99 ชนะ ทีมศภว.104 อย่างสนุก 2-1 ประตู รุ่นเล็ก ระหว่างทีมปะการัง 29 กับทีมอันดา-ฟ้าขาว ผลปรากฏว่าทีมปะการัง 29 ชนะทีมอันดา-ฟ้าขาว ด้วยจุดโทษ สุดมัน 7-6 ประตู รุ่นกลางทีมลมหวล 27 กับทีมเขารัง 28 ผลปรากฏว่าทีมลมหวล 27 ชนะทีมเขารัง 28 อย่างเฉียดฉิว 2-1 ประตู และรุ่นใหญ่ทีมมศ.รุ่นสุดท้าย กับทีมชัยพฤกษ์ ศภว.22,24 ผลปรากฏว่าทีมมศ.รุ่นสุดท้ายเฉือนชนะทีมทีมชัยพฤกษ์ ศภว.22,24 ได้อย่างสนุก 3-2 ประตู
อย่างไรก็ตามในช่วงค่ำวันเดียวกันมี นายณ ชัย เขมนิพัทธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย นายเรวัต อารีรอบ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดภูเก็ต นายประดิษฐ์ แสงจันทร์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายก่อเกียรติ จิตต์เกื้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะแก้ว มาร่วมเป็นเกียรติมอบถ้วยรางวัลให้กับทีมชนะเลิศทั้งรุ่นจิ๋ว รุ่นเล็ก รุ่นกลางและรุ่นใหญ่ อีกทั้งยังมีรางวัลดาวซัลโว และรางวัลอื่นๆ นอกจากนี้ยังศิษย์เก่าภูเก็ตวิทยาลัย จำนวนมากชมร่วมคอนเสิร์ตอย่างสนุกสนานในวันปิดการแข่งขันฯ และในการจัดการแข่งขันฟุตบอลศภว.คัพครั้งที่ 6 รุ่นเขารังเป็นเจ้าภาพ
เกิดอุบัติเหตุ รถเก๋งชนเสาไฟฟ้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 2 ราย
เกิดอุบัติเหตุ รถเก๋งชนเสาไฟฟ้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 2 ราย
เวลา 04.45 น.วันนี้ (1 ก.ค.57)เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนเสาไฟฟ้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายโกญจนาท ตติยวิวัฒน์ อายุ 23ปี คนขับรถ นายอภิวัฒน์ เมฆพะโยม อายุ 20 ปี เสียชีวิตคาที่ติดกับซากรถ และนายอลงกรณ์ หิมวังทอง อายุ 22 ปี ส่วนผู้ได้รับเจ็บสาหัส 2 ราย คือ นายณัฐวุฒิ รอดอยู่ อายุ 23 ปี และ นายทรงพล เมฆพะโยง อายุ 17 ปี หลังจากได้รับแจ้ง ร.ต.ท.นรินทร์ รอดชู พนักงานสอบสวน ร้อยเวร สภ.เมือง จ.ชุมพร พร้อม เจ้าหน้าที่กู้ภัย มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถนนสายแยกปฐมพร-เมืองชุมพร ช่องทาง ออกจากเมืองชุมพร บริเวณ เยื้องห้างสรรพสินค้าแม็คโคร หมู่ที่ 5 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กก 3428 ชุมพร พลิกคว่ำหงายท้อง อยู่ริมถนน สภาพพังยับเยิน ตรวจสอบ บนถนนมีรอยล้อรถสีดำเป็นทางยาว บริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูง และท่อปลูกต้นไม้ริมถนน ซึ่งห่างจากตัวรถ ประมาณ 10 เมตร มีรอยชนอย่างรุนแรง
จากการสอบสวนทราบว่า นายโกญจนาท ตติยวิวัฒน์ อายุ 23ปี คนขับรถ พร้อมเพื่อนอีก 4 คน เดินทางจากในตัวเมือง จ.ชุมพร ขับรถมุ่งหน้า ไปแยกปฐมพร ถึงที่เกิดเหตุรถเกิดเสียหลัก พุ่งชนเสาไฟฟ้าอย่างรุนแรง ก่อนพลิกคว่ำหลายตลบ จนเพื่อนที่นั่งในเก๋งกระเด็นออกจากตัวรถ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
เวลา 04.45 น.วันนี้ (1 ก.ค.57)เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนเสาไฟฟ้า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายโกญจนาท ตติยวิวัฒน์ อายุ 23ปี คนขับรถ นายอภิวัฒน์ เมฆพะโยม อายุ 20 ปี เสียชีวิตคาที่ติดกับซากรถ และนายอลงกรณ์ หิมวังทอง อายุ 22 ปี ส่วนผู้ได้รับเจ็บสาหัส 2 ราย คือ นายณัฐวุฒิ รอดอยู่ อายุ 23 ปี และ นายทรงพล เมฆพะโยง อายุ 17 ปี หลังจากได้รับแจ้ง ร.ต.ท.นรินทร์ รอดชู พนักงานสอบสวน ร้อยเวร สภ.เมือง จ.ชุมพร พร้อม เจ้าหน้าที่กู้ภัย มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถนนสายแยกปฐมพร-เมืองชุมพร ช่องทาง ออกจากเมืองชุมพร บริเวณ เยื้องห้างสรรพสินค้าแม็คโคร หมู่ที่ 5 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กก 3428 ชุมพร พลิกคว่ำหงายท้อง อยู่ริมถนน สภาพพังยับเยิน ตรวจสอบ บนถนนมีรอยล้อรถสีดำเป็นทางยาว บริเวณเสาไฟฟ้าแรงสูง และท่อปลูกต้นไม้ริมถนน ซึ่งห่างจากตัวรถ ประมาณ 10 เมตร มีรอยชนอย่างรุนแรง
จากการสอบสวนทราบว่า นายโกญจนาท ตติยวิวัฒน์ อายุ 23ปี คนขับรถ พร้อมเพื่อนอีก 4 คน เดินทางจากในตัวเมือง จ.ชุมพร ขับรถมุ่งหน้า ไปแยกปฐมพร ถึงที่เกิดเหตุรถเกิดเสียหลัก พุ่งชนเสาไฟฟ้าอย่างรุนแรง ก่อนพลิกคว่ำหลายตลบ จนเพื่อนที่นั่งในเก๋งกระเด็นออกจากตัวรถ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ประเมินสถานการณ์ให้ประชาชนได้ใช้ช่วงรอมดอนปฏิบัติศาสนกิจด้วยความสะดวก และมีความสุข จะประกาศเคอร์คิวเมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
พลโทวลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ขณะนี้ชาวมุสลิมได้เข้าสู่เดือนรอมฎอน เดือนแห่งความประเสริฐสุด อยากให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตตามปกติ แม้ว่า คสช.จะให้อำนาจในการประเทศเคอร์ฟิวในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ก็ตาม ดังนั้น ขณะนี้ได้มีการเฝ้าระวังและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
พลโทวลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว เดือนรอมะฏอนนี้ เป็นเดือนที่ ชาวมุสลิม จะถือศีลอด คือไม่รับประทานและดื่มตลอดช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นถึงดวงอาทิตย์ตก งดเว้นอบายมุขทุกชนิด และร่วมกันทำความดี ซึ่งเป็นไปตามหลักคำสอน ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน จึงอยากให้ทุกคนได้ปฏิบัติศาสนิกด้วยความสะดวก และมีความสุข
พลโทวลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว เดือนรอมะฏอนนี้ เป็นเดือนที่ ชาวมุสลิม จะถือศีลอด คือไม่รับประทานและดื่มตลอดช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นถึงดวงอาทิตย์ตก งดเว้นอบายมุขทุกชนิด และร่วมกันทำความดี ซึ่งเป็นไปตามหลักคำสอน ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน จึงอยากให้ทุกคนได้ปฏิบัติศาสนิกด้วยความสะดวก และมีความสุข
ประธาน สภาอุตสาหกรรมระนอง. ย้ำไม่เห็นด้วยกับแรงงานผิดกฏหมายทุกรูปแบบ. และสนับสนุนศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ
ประธาน สภาอุตสาหกรรมระนอง. ย้ำไม่เห็นด้วยกับแรงงานผิดกฏหมายทุกรูปแบบ. และสนับสนุนศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (one stop service) จะช่วยแก้ปัญหาได้.
นายเมธ์ทัศน์. รังสิยานันต์. ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนองกล่าวจากการที่สหรัฐอเมริกา. มีการจัดอันดับการค้ามนุษย์ในประเทศไทย. ให้อยู่ในอันดับเทียร์ 3 นั้น ทำให้มีการกีดกันทางการค้า. โดยขณะนี้ทางจังหวัดระนอง. ถือว่ายังไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น. แต่ก็มีผลกระทบทางอ้อมสำหรับผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการราย ใหญ่เพื่อที่จะส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาบ้างเล็กน้อย. แต่เป็นกังวลในเรื่องของภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมประมงและทางการ เกษตรบางอย่างซึ่งอาจทำให้ความน่าเชื่อถือลดน้อยลง ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง. ยังได้ย้ำจุดยืนว่า. ทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนองไม่เห็นด้วยกับแรงงานผิดกฏหมายทุกรูปแบบรวมถึง การค้ามนุษย์. โดยจังหวัดระนองถือว่าเป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาร์. มีการทำการค้าผ่านแดน. จึงต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้ค้าต่างประเทศโดยในขณะนี้ทางสภาอุตสาหกรรม
จังหวัดระนองได้มีการชี้แจงไปยังผู้ค้าต่างประเทศให้เข้าใจถึงกระบวนการใน การบริหาร จัดการแรงงานต่างด้าว. และสถานการณ์การค้ามนุษย์ของจังหวัดระนองและประเทศไทย.
นอกจากนี้ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง. เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (one stop service). ซึ่งสามารถที่จะช่วยในการลดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการและแรงงาน ต่างด้าว. ที่จะทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฏหมายต่อไป
นายเมธ์ทัศน์. รังสิยานันต์. ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนองกล่าวจากการที่สหรัฐอเมริกา. มีการจัดอันดับการค้ามนุษย์ในประเทศไทย. ให้อยู่ในอันดับเทียร์ 3 นั้น ทำให้มีการกีดกันทางการค้า. โดยขณะนี้ทางจังหวัดระนอง. ถือว่ายังไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น. แต่ก็มีผลกระทบทางอ้อมสำหรับผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการราย ใหญ่เพื่อที่จะส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาบ้างเล็กน้อย. แต่เป็นกังวลในเรื่องของภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมประมงและทางการ เกษตรบางอย่างซึ่งอาจทำให้ความน่าเชื่อถือลดน้อยลง ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง. ยังได้ย้ำจุดยืนว่า. ทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนองไม่เห็นด้วยกับแรงงานผิดกฏหมายทุกรูปแบบรวมถึง การค้ามนุษย์. โดยจังหวัดระนองถือว่าเป็นจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาร์. มีการทำการค้าผ่านแดน. จึงต้องมีการทำความเข้าใจกับผู้ค้าต่างประเทศโดยในขณะนี้ทางสภาอุตสาหกรรม
จังหวัดระนองได้มีการชี้แจงไปยังผู้ค้าต่างประเทศให้เข้าใจถึงกระบวนการใน การบริหาร จัดการแรงงานต่างด้าว. และสถานการณ์การค้ามนุษย์ของจังหวัดระนองและประเทศไทย.
นอกจากนี้ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง. เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (one stop service). ซึ่งสามารถที่จะช่วยในการลดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการและแรงงาน ต่างด้าว. ที่จะทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฏหมายต่อไป
โครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ “คืนความสุขให้คนในชาติ”
จังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี กอ.รมน.สุราษฎร์ธานีและ สวท.สุราษฎร์ธานี กำหนดจัดโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ "คืนความสุขให้คนในชาติ”
นายสิรยศ อาจหาญ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผย ด้วยนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ต้องการคืนความสุขให้คนในชาติ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 กรมประชาสัมพันธ์ จึงได้บูรณาการร่วมกับจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี กอ.รมน.สุราษฎร์ธานีและจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดทำโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ "คืนความสุขให้คนในชาติ” ด้วยการจัดแข่งขันกีฬาฟุตบอลเชื่อมความสามัคคีของทุกภาคส่วน และจัดคอนเสิร์ตคืนความสุขให้คนในชาติ จากศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติตามแนวพระราชดำริฯเศรษฐกิจพอเพียง จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพให้แก่ประชาชนด้วย เพื่อให้มีความสุขอย่างยั่งยืนและก่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ขึ้น
ทั้งนี้ได้กำหนดจัดกิจกรรม โครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ "คืนความสุขให้คนในชาติ”ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2557นี้ ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเวลา 15.00 น. มีการแข่งขันฟุตบอลศิลปินดาราเชื่อมสามัคคีกับสื่อมวลชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและผู้นำท้องถิ่น 16.00 น.การแสดงดนตรี วง สวท.สุราษฎร์ธานีแบนด์ ศิลปินปักษ์ใต้และมายากล จาก นพค.46 และเวลา 20.00 น.การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินระดับประเทศ อาร์สยาม บ่าววี หลวงไก่ บิว กัลยาณี กล้วยแสตมป์ แกรมมี่ ฯลฯ ต่อด้วยมโนราห์สามัคคี คณะแดงปรีดา บัณฑิตศิลป์
นายสิรยศ อาจหาญ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผย ด้วยนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ต้องการคืนความสุขให้คนในชาติ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 กรมประชาสัมพันธ์ จึงได้บูรณาการร่วมกับจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี กอ.รมน.สุราษฎร์ธานีและจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดทำโครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ "คืนความสุขให้คนในชาติ” ด้วยการจัดแข่งขันกีฬาฟุตบอลเชื่อมความสามัคคีของทุกภาคส่วน และจัดคอนเสิร์ตคืนความสุขให้คนในชาติ จากศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติตามแนวพระราชดำริฯเศรษฐกิจพอเพียง จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพให้แก่ประชาชนด้วย เพื่อให้มีความสุขอย่างยั่งยืนและก่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ขึ้น
ทั้งนี้ได้กำหนดจัดกิจกรรม โครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ "คืนความสุขให้คนในชาติ”ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2557นี้ ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเวลา 15.00 น. มีการแข่งขันฟุตบอลศิลปินดาราเชื่อมสามัคคีกับสื่อมวลชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและผู้นำท้องถิ่น 16.00 น.การแสดงดนตรี วง สวท.สุราษฎร์ธานีแบนด์ ศิลปินปักษ์ใต้และมายากล จาก นพค.46 และเวลา 20.00 น.การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินระดับประเทศ อาร์สยาม บ่าววี หลวงไก่ บิว กัลยาณี กล้วยแสตมป์ แกรมมี่ ฯลฯ ต่อด้วยมโนราห์สามัคคี คณะแดงปรีดา บัณฑิตศิลป์
จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายนายลีม จากเรือนจำจังหวัดเชียงราย ยึดของกลาง ยาบ้า 12,000 เม็ด และยาไอซ์ 320 กรัม
ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตสามารถจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายนายลีม จากเรือนจำจังหวัดเชียงราย ยึดของกลาง ยาบ้า 12,000 เม็ด และยาไอซ์ 320 กรัม
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันที่1 กรกฎาคมนี้ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พลตำรวจตรีกระจ่าง สุวรรณรัตน์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วย พันเอกสมชาย โปณะทอง ผู้บังคับการศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 41จังหวัดนครศรีธรรมราช, นาวาเอกเพ็ชรรัตน์ เทียนจันทร์ รองผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พันตำรวจเอกอรุณ แกล้ววาที, พันตำรวจเอก อารยะพันธ์ พุกบัวขาว รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม นายวีระยุทธ หรืออ๋อง สันสกฤต อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/153 หมู่ที่3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สามารถยึดของกลาง ยาบ้า 12,000 เม็ด ยาไอซ์ 230 กรัม มูลค่่ารวมประมาณ 3,000,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ปาล์มบันทึกข้อมูล 1 เครื่อง รวมทั้ง อุปกรณ์เสพยาบ้า 1 ชุด อาวุธปืนขนาด.22 มิลลิเมตร ยี่ห้อ ASTRA UNCETA CIA-GUENRNICN (SPAIN)ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 5 นัด โดยสามารถจับกุมได้ที่ ร้านขายปลาสวยงามไม่มีเลขที่ ตลาดนัดจตุจักร หรือตลาดท้ายรถ เยื้องสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ตตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต และขยายผลต่อเนื่อง ไปตรวจค้นห้องพักเลขที่ 46 ฟ้าใหม่แมนชั่น หมู่ที่5 ถนนประชาอุทิศ 1 ตำบลรัษฎา นอกจากนั้น ยังยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ปปง. ประกอบไปด้วย รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ สีส้ม รุ่นนินจา สีเขียว ป้ายทะเบียน ขมธ 778 ภูเก็ต1 คัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KSR สีส้ม ป้ายทะเบียน307 ภูเก็ตอีก1 คัน รวมมูลค่า 250,000 บาท
พลตำรวจตรีกระจ่าง สุวรรณรัตน์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตสืบทราบว่า นายวีระยุทธ หรืออ๋อง สันสกฤตตั้งตนเป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตมานาน โดยเปิดร้านขายปลาสวยงามบังหน้า จึงวางแผนจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามและล่อซื้อ และสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ในที่สุดสำหรับ แก๊งยาเสพติดรายนี้ เป็นยาเสพติดของเครือข่ายของนายลีม ผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดเชียงราย ที่ผู้ต้องหารู้จักกัน ในสมัยที่เป็นผู้ต้องขังในคดียาบ้าประมาณ 1,000 เม็ด และถูกจองจำนานเป็นเวลา 7 ปี และพึ่งพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว สำหรับพฤติกรรมในการลักลอบค้ายาเสพติด นั้นจะมีลูกน้องของนายลีม ไม่ทราบนามสกุล นำยาเสพติดมาวางไว้ตามจุดต่างๆ ในเขตอำเภอเมืองภูเก็ต และผู้ต้องหาจะเป็นคนไปรับมาเก็บไว้ที่ห้องพักฟ้าใหม่แมนชั่น ก่อนที่จะนำออกขายให้แก่กลุ่มประชาชนหรือวัยรุ่นในพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้นายวีระยุทธ หรืออ๋อง สันสกฤต ผู้ต้องหา ให้การว่าหลังจากพ้นโทษในคดียาบ้ามาตั้งแต่เมื่อปี 2555ได้ประกอบอาชีพขายปลาสวยงาม และเพาะพันธุ์สุนัขขาย ต่อมาปรากฏว่ามีเครือข่ายของนายลีม ติดต่อมาให้เป็นเอเยนต์จำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และรับปากว่าทำงานให้ และยอมรับว่าลักลอบจำหน่ายยาเสพติดต่อเนื่องกัน3 ครั้งแล้ว แต่ในครั้งที่ 4นี้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียได้เสียก่อน และเพิ่งรับยาเสพติดมายังไม่ได้เอาออกไปจำหน่ายให้ลูกค้า ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า, ยาไอซ์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันที่1 กรกฎาคมนี้ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พลตำรวจตรีกระจ่าง สุวรรณรัตน์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วย พันเอกสมชาย โปณะทอง ผู้บังคับการศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 41จังหวัดนครศรีธรรมราช, นาวาเอกเพ็ชรรัตน์ เทียนจันทร์ รองผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พันตำรวจเอกอรุณ แกล้ววาที, พันตำรวจเอก อารยะพันธ์ พุกบัวขาว รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม นายวีระยุทธ หรืออ๋อง สันสกฤต อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/153 หมู่ที่3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สามารถยึดของกลาง ยาบ้า 12,000 เม็ด ยาไอซ์ 230 กรัม มูลค่่ารวมประมาณ 3,000,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ปาล์มบันทึกข้อมูล 1 เครื่อง รวมทั้ง อุปกรณ์เสพยาบ้า 1 ชุด อาวุธปืนขนาด.22 มิลลิเมตร ยี่ห้อ ASTRA UNCETA CIA-GUENRNICN (SPAIN)ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนขนาดเดียวกัน 5 นัด โดยสามารถจับกุมได้ที่ ร้านขายปลาสวยงามไม่มีเลขที่ ตลาดนัดจตุจักร หรือตลาดท้ายรถ เยื้องสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ตตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต และขยายผลต่อเนื่อง ไปตรวจค้นห้องพักเลขที่ 46 ฟ้าใหม่แมนชั่น หมู่ที่5 ถนนประชาอุทิศ 1 ตำบลรัษฎา นอกจากนั้น ยังยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ปปง. ประกอบไปด้วย รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ สีส้ม รุ่นนินจา สีเขียว ป้ายทะเบียน ขมธ 778 ภูเก็ต1 คัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ รุ่น KSR สีส้ม ป้ายทะเบียน307 ภูเก็ตอีก1 คัน รวมมูลค่า 250,000 บาท
พลตำรวจตรีกระจ่าง สุวรรณรัตน์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตสืบทราบว่า นายวีระยุทธ หรืออ๋อง สันสกฤตตั้งตนเป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตมานาน โดยเปิดร้านขายปลาสวยงามบังหน้า จึงวางแผนจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามและล่อซื้อ และสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ในที่สุดสำหรับ แก๊งยาเสพติดรายนี้ เป็นยาเสพติดของเครือข่ายของนายลีม ผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดเชียงราย ที่ผู้ต้องหารู้จักกัน ในสมัยที่เป็นผู้ต้องขังในคดียาบ้าประมาณ 1,000 เม็ด และถูกจองจำนานเป็นเวลา 7 ปี และพึ่งพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว สำหรับพฤติกรรมในการลักลอบค้ายาเสพติด นั้นจะมีลูกน้องของนายลีม ไม่ทราบนามสกุล นำยาเสพติดมาวางไว้ตามจุดต่างๆ ในเขตอำเภอเมืองภูเก็ต และผู้ต้องหาจะเป็นคนไปรับมาเก็บไว้ที่ห้องพักฟ้าใหม่แมนชั่น ก่อนที่จะนำออกขายให้แก่กลุ่มประชาชนหรือวัยรุ่นในพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้นายวีระยุทธ หรืออ๋อง สันสกฤต ผู้ต้องหา ให้การว่าหลังจากพ้นโทษในคดียาบ้ามาตั้งแต่เมื่อปี 2555ได้ประกอบอาชีพขายปลาสวยงาม และเพาะพันธุ์สุนัขขาย ต่อมาปรากฏว่ามีเครือข่ายของนายลีม ติดต่อมาให้เป็นเอเยนต์จำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และรับปากว่าทำงานให้ และยอมรับว่าลักลอบจำหน่ายยาเสพติดต่อเนื่องกัน3 ครั้งแล้ว แต่ในครั้งที่ 4นี้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียได้เสียก่อน และเพิ่งรับยาเสพติดมายังไม่ได้เอาออกไปจำหน่ายให้ลูกค้า ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า, ยาไอซ์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามลูกเสือ อำเภอเกาะสมุย เนื่องในวันลูกเสือแห่งชาติ
เกาะสมุยจัดพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามลูกเสือ อำเภอเกาะสมุย เนื่องในวันลูกเสือแห่งชาติ
วันนี้ ( 1 ก.ค.57 ) นายเจริญ ใจสว่าง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเกาะสมุยเป็นประธานในพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามลูกเสือ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ 1 กรกฎาคม โดยมีคณะลูกเสือ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และลูกเสือชาวบ้านเข้าร่วมหลาย 100 คน โดยนายเจริญ ใจสว่าง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเกาะสมุย กล่าวว่าการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติในปีนี้ ซึ่งตรงกับปีมหามงคล วโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ 86 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมายุ 82 พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 62 พรรษา ซึ่งคณะลูกเสือ เนตรนารี ได้ร่วมกันทบทวนคำปฏิญาณ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของลูกเสือ เนตรนารีและผู้บังคับบัญชา ต้องถือปฏิบัติอย่างจริงใจ
ส่วนการสวนสนามเพื่อแสดงความเข้มแข็งพร้อมเพรียงของลูกเสือ เนตรนารี และผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติตามประเพณีที่ปฏิบัติกันมาทุกปี และยังเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเทิดพระเกียร บำเพ็ญสาธารณประโยชน์และพิธีทางศาสนาถวายเป็นราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีมหามงคลในวโรกาสอันสำคัญยิ่งนี้ด้วย
สำหรับวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ตรงกับ วันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พุทธศักราช 2454 เป็นต้นมา กิจการลูกเสือก็ได้สืบทอดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีความก้าวหน้าตามยุคตามสมัยมาโดยลำดับจนครบรอบ 103 ปีในปีนี้
วันนี้ ( 1 ก.ค.57 ) นายเจริญ ใจสว่าง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเกาะสมุยเป็นประธานในพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามลูกเสือ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ 1 กรกฎาคม โดยมีคณะลูกเสือ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ และลูกเสือชาวบ้านเข้าร่วมหลาย 100 คน โดยนายเจริญ ใจสว่าง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเกาะสมุย กล่าวว่าการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติในปีนี้ ซึ่งตรงกับปีมหามงคล วโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ 86 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมายุ 82 พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 62 พรรษา ซึ่งคณะลูกเสือ เนตรนารี ได้ร่วมกันทบทวนคำปฏิญาณ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของลูกเสือ เนตรนารีและผู้บังคับบัญชา ต้องถือปฏิบัติอย่างจริงใจ
ส่วนการสวนสนามเพื่อแสดงความเข้มแข็งพร้อมเพรียงของลูกเสือ เนตรนารี และผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติตามประเพณีที่ปฏิบัติกันมาทุกปี และยังเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเทิดพระเกียร บำเพ็ญสาธารณประโยชน์และพิธีทางศาสนาถวายเป็นราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีมหามงคลในวโรกาสอันสำคัญยิ่งนี้ด้วย
สำหรับวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ตรงกับ วันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พุทธศักราช 2454 เป็นต้นมา กิจการลูกเสือก็ได้สืบทอดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีความก้าวหน้าตามยุคตามสมัยมาโดยลำดับจนครบรอบ 103 ปีในปีนี้
จังหวัดสงขลา ประชุมศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เร่งดำเนินการตามแนวทาง คสช.
ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสงขลา อ.เมืองสงขลา บ่ายวันนี้ (1 ก.ค. 57) นายชัยวัฒน์ ศิรินุพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็น ประธานในการประชุมคณะกรรมการประจำศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปจังหวัดสงขลา โดยมี ปลัดจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจ นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายชัยวัฒน์ ศิรินุพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สั่งการในที่ประชุมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 พิจารณาดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป เพื่อให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือนและประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกกลุ่ม ทุกสี ได้หันหน้ามาปรองดอง นำพาประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติ นำไปสู่ความสงบสุขอย่างถาวร นั้น จังหวัดสงขลา จึงได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปให้เกิดความสามัคคี ปรองดองในทุกระดับ และเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มข้าราชการพลเรือ ตำรวจ ทหาร ประชาชนทั่วไป รวมถึงการสร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มแกนนำต่างขั้ว โดยให้ใช้ห้องประชุมเฟื่องฟ้า ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสงขลา เป็นศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) เพื่อรวบรวมข้อมูล ผลความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค รวมทั้งการกำกับติดตาม ดูแลการดำเนินงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในระดับพื้นที่ และได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาคณะกรรมการและคณะทำงานศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดสงขลา
โดยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2557 ที่ผ่าน จังหวัดสงขลา ได้ประกาศจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ภายใต้ความแตกต่าง และได้ดำเนินกิจกรรมอันเป็นการเริ่มต้น (Kick-off) ภารกิจการขับเคลื่อนการทำงานของศูนย์ฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2557 บริเวณหน้าศูนย์การค้า ลี การ์เด้นท์ พลาซ่า หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้จัดกิจกรรมภายใต้ชื่องาน "เรารักสงขลา ชาวสงขลาร่วมคืนความสุขให้คนไทยทั้งชาติ"
นายชัยวัฒน์ ศิรินุพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สั่งการในที่ประชุมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 พิจารณาดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป เพื่อให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือนและประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกกลุ่ม ทุกสี ได้หันหน้ามาปรองดอง นำพาประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติ นำไปสู่ความสงบสุขอย่างถาวร นั้น จังหวัดสงขลา จึงได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปให้เกิดความสามัคคี ปรองดองในทุกระดับ และเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มข้าราชการพลเรือ ตำรวจ ทหาร ประชาชนทั่วไป รวมถึงการสร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มแกนนำต่างขั้ว โดยให้ใช้ห้องประชุมเฟื่องฟ้า ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสงขลา เป็นศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) เพื่อรวบรวมข้อมูล ผลความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค รวมทั้งการกำกับติดตาม ดูแลการดำเนินงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในระดับพื้นที่ และได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาคณะกรรมการและคณะทำงานศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดสงขลา
โดยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2557 ที่ผ่าน จังหวัดสงขลา ได้ประกาศจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ภายใต้ความแตกต่าง และได้ดำเนินกิจกรรมอันเป็นการเริ่มต้น (Kick-off) ภารกิจการขับเคลื่อนการทำงานของศูนย์ฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2557 บริเวณหน้าศูนย์การค้า ลี การ์เด้นท์ พลาซ่า หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้จัดกิจกรรมภายใต้ชื่องาน "เรารักสงขลา ชาวสงขลาร่วมคืนความสุขให้คนไทยทั้งชาติ"
ยุสรา วาจิ//ข่าว
วิชราวุฒิ แกล้วกล้าหาญ//ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
วิชราวุฒิ แกล้วกล้าหาญ//ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
ฉก.31 ยังคงปิดล้อมพื้นที่ตากใบค้นหาคนร้ายซุ่มยิง นปพ.ภูธร ตากใบ เสียชีวิต 2 นาย คาดมีคนร้ายบาดเจ็บหลบหนี 2 ราย
( 1 ก.ค. 57 ) หลังจากเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรตากใบ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ลาดตระเวนเส้นทาง ขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทางด้วยรถจักรยานยนต์ 3 คัน 6 นาย ตามเส้นทางตากใบ – เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย และชาวบ้านถูกลูกหลงจากเหตุปะทะได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 28 มิ.ย. 57 ที่ผ่านมา
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 31 ยังคงจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัยรวมถึงเข้าคุมในพื้นที่ของ ต.เกาะสะท้อนเกือบทั้งหมดเพื่อค้นหาคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีส่วนหนึ่งหลบซ่อนตัวในพื้นที่และส่วนหนึ่งหลบหนีไปประเทศมาเลเซียแล้ว โดยใช้เส้นทางร่องน้ำตามแนวชายแดน
และจากการเข้าพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ฉก.31 ทำให้ทราบในเบื้องต้นว่ามีคนร้ายได้รับบาดเจ็บจากการปะทะหลบหนีไปด้วย 2 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการออกติดตามตัว โดยอาจจะมีคนในพื้นที่ให้การช่วยเหลือ
ส่วนอาการบาดเจ็บของนางสีตีมารีแย บินบือซา ซึ่งถูกลูกหลงจากเหตุปะทะกันขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับแล้ว แพทย์ได้นำกระสุนที่บริเวณสะโพกซ้ายออกแล้ว ส่วนนายอารี เรียบร้อย มีบาดแผลบริเวณปากแพทย์ยังคงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งทั้ง 2 นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 31 ยังคงจัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัยรวมถึงเข้าคุมในพื้นที่ของ ต.เกาะสะท้อนเกือบทั้งหมดเพื่อค้นหาคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีส่วนหนึ่งหลบซ่อนตัวในพื้นที่และส่วนหนึ่งหลบหนีไปประเทศมาเลเซียแล้ว โดยใช้เส้นทางร่องน้ำตามแนวชายแดน
และจากการเข้าพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ฉก.31 ทำให้ทราบในเบื้องต้นว่ามีคนร้ายได้รับบาดเจ็บจากการปะทะหลบหนีไปด้วย 2 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการออกติดตามตัว โดยอาจจะมีคนในพื้นที่ให้การช่วยเหลือ
ส่วนอาการบาดเจ็บของนางสีตีมารีแย บินบือซา ซึ่งถูกลูกหลงจากเหตุปะทะกันขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับแล้ว แพทย์ได้นำกระสุนที่บริเวณสะโพกซ้ายออกแล้ว ส่วนนายอารี เรียบร้อย มีบาดแผลบริเวณปากแพทย์ยังคงต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งทั้ง 2 นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);
นำเสนอโดย โสรายา สาเรป
ค้าขายตามชายแดนเดือนรอมฎอนคึกคัก อาหารคาว-หวาน-ผลอินทผาลัมใช้ละศีลอด
( 1 ก.ค. 57 ) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการค้าขายบริเวณด่านชายแดนตากใบ – มาเลเซีย ในพื้นที่ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการขายอาหารคาว อาหารหวาน ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียข้ามชายแดนมาหาซื้ออาหารเพื่อใช้ละศีลอดในช่วงเย็นของเดือนรอมฎอนกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ รายได้เฉลี่ยต่อวัน 3,000 บาท
นอกจากนี้ในพื้นที่ของ อ.ตากใบ มีการทำขนมหวานที่หลากหลายผู้ซื้อจะได้สนใจเพิ่มขึ้น อาทิ การทำขนมวุ้นจากเปลือกไข่ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆและผู้ปกครอง
ขณะที่ผลอินทผาลัมถือเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในช่วงเดือนรอมฎอน นอกจากใช้รับประทานในครอบครัวแล้วยังนิยมซื้อแจกให้แก่กันด้วย ทำให้ยอดขายผลอินทผาลัมเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);
นอกจากนี้ในพื้นที่ของ อ.ตากใบ มีการทำขนมหวานที่หลากหลายผู้ซื้อจะได้สนใจเพิ่มขึ้น อาทิ การทำขนมวุ้นจากเปลือกไข่ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆและผู้ปกครอง
ขณะที่ผลอินทผาลัมถือเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในช่วงเดือนรอมฎอน นอกจากใช้รับประทานในครอบครัวแล้วยังนิยมซื้อแจกให้แก่กันด้วย ทำให้ยอดขายผลอินทผาลัมเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);
นำเสนอโดย โสรายา สาเรป
อบรมอาสายุวกาชาด เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ให้อาสายุวกาชาดมีความรักสามัคคี มีจิตอาสาเสียสละ บำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
อบรมอาสายุวกาชาด เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ให้อาสายุวกาชาดมีความรักสามัคคี มีจิตอาสาเสียสละ บำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
วันนี้ (1 กรกฎาคม 2557) ณ สวนอาหารตาลคู่รีสอร์ท ตำบลปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมอาสายุวกาชาด ประจำปี 2557 โดยมีนางเลขา ซื่อธานุวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวรายงานถึงโครงการฝึกอบรมอาสายุวกาชาด ประจำปี 2557 ซึ่งสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จัดทำโครงการฝึกอบรมอาสายุวกาชาดขึ้น เพื่อให้อาสายุวกาชาดมีความรู้ ความเข้าใจ ในการดำเนินกิจกรรมอาสายุวกาชาด ให้มีความแพร่หลายในกลุ่มเยาวชน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีการจัดตั้งเครือข่ายอาสายุวกาชาดเพิ่มขึ้น ตลอดจนให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในภารกิจของสภากาชาดไทย และเกิดทักษะในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสภากาชาดไทย เกี่ยวกับการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิต มีความรักสามัคคี มีจิตอาสาเสียสละ บำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งปลูกฝังให้เกิดความหวงแหนและรักแผ่นดินเกิด โดยระยะเวลาในการอบรมตั้งแต่วันที่ 1-4 กรกฎาคม 2557 รวม 4 วัน 3 คืน เนื้อหาสาระในการอบรมเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายมนุษนยธรรมระหว่างประเทศ, รอบโลกกับกาชาด, บทบาทหน้าที่ของอาสายุวกาชาดและการบริการชุมชน ทักษะการดำเนินชีวิตเกี่ยวกับความรักชาติ ความปรองดอง ความสามัคคี สมานฉันท์ หน้าที่พลเมือง และประชาธิปไตย การพัฒนาคุณภาพชีวิต การปฐมพยาบาล การดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการเผยแพร่อุดมการณ์และหลักการกาชาดไปสู่เยาวชนกลุ่มต่าง ๆ ส่งเสริมให้มีกิจกรรมอาสายุวกาชาดขึ้นในสถานศึกษา เพื่อปลูกฝังและพัฒนาให้เยาวชนมีคุณภาพ ทั้งด้านความคิด จิตใจ มีความเสียสละ มีจิตใจเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม รู้จักสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น การอบรมอาสายุวกาชาดในครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้เพิ่มเครือข่ายอาสายุวกาชาดที่จะสนับสนุน ช่วยเหลือกิจกรรมเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้ง 23 อำเภอ โดยสมาชิกอาสายุวกาชาดเหล่านี้จะได้ไปจัดตั้งชุมชนอาสายุวกาชาดในสถานศึกษา เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนมีความคิด มีจิตใจเป็นสาธารณะในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ รู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม เป็นเยาวชนที่ดีในอนาคต
วันนี้ (1 กรกฎาคม 2557) ณ สวนอาหารตาลคู่รีสอร์ท ตำบลปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมอาสายุวกาชาด ประจำปี 2557 โดยมีนางเลขา ซื่อธานุวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวรายงานถึงโครงการฝึกอบรมอาสายุวกาชาด ประจำปี 2557 ซึ่งสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จัดทำโครงการฝึกอบรมอาสายุวกาชาดขึ้น เพื่อให้อาสายุวกาชาดมีความรู้ ความเข้าใจ ในการดำเนินกิจกรรมอาสายุวกาชาด ให้มีความแพร่หลายในกลุ่มเยาวชน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีการจัดตั้งเครือข่ายอาสายุวกาชาดเพิ่มขึ้น ตลอดจนให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในภารกิจของสภากาชาดไทย และเกิดทักษะในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสภากาชาดไทย เกี่ยวกับการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิต มีความรักสามัคคี มีจิตอาสาเสียสละ บำเพ็ญตนให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งปลูกฝังให้เกิดความหวงแหนและรักแผ่นดินเกิด โดยระยะเวลาในการอบรมตั้งแต่วันที่ 1-4 กรกฎาคม 2557 รวม 4 วัน 3 คืน เนื้อหาสาระในการอบรมเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายมนุษนยธรรมระหว่างประเทศ, รอบโลกกับกาชาด, บทบาทหน้าที่ของอาสายุวกาชาดและการบริการชุมชน ทักษะการดำเนินชีวิตเกี่ยวกับความรักชาติ ความปรองดอง ความสามัคคี สมานฉันท์ หน้าที่พลเมือง และประชาธิปไตย การพัฒนาคุณภาพชีวิต การปฐมพยาบาล การดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการเผยแพร่อุดมการณ์และหลักการกาชาดไปสู่เยาวชนกลุ่มต่าง ๆ ส่งเสริมให้มีกิจกรรมอาสายุวกาชาดขึ้นในสถานศึกษา เพื่อปลูกฝังและพัฒนาให้เยาวชนมีคุณภาพ ทั้งด้านความคิด จิตใจ มีความเสียสละ มีจิตใจเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม รู้จักสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น การอบรมอาสายุวกาชาดในครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้เพิ่มเครือข่ายอาสายุวกาชาดที่จะสนับสนุน ช่วยเหลือกิจกรรมเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้ง 23 อำเภอ โดยสมาชิกอาสายุวกาชาดเหล่านี้จะได้ไปจัดตั้งชุมชนอาสายุวกาชาดในสถานศึกษา เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนมีความคิด มีจิตใจเป็นสาธารณะในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ รู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม เป็นเยาวชนที่ดีในอนาคต
พรรณี กลสามัญ /ภาพ-ข่าว
นครศรีธรรมราช เพิ่มขีดความสามารถด้านตลาดเกษตรมืออาชีพ
นครศรีธรรมราช เพิ่มขีดความสามารถด้านตลาดเกษตรมืออาชีพ เตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียน
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.57 ที่ห้องประชุมโรงแรมทวินโลตัสนครศรีธรรมราช ว่าที่ร้อยตรี ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเพิ่มขีดความสามารถบุคลากรทางด้านการตลาดการเกษตรมืออาชีพ ซึ่งจัดโดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช มีเจ้าหน้าที่ สถาบันเกษตรกร บุคลากรทางการเกษตร เกษตรกร ผู้ประกอบการที่ผลินสินค้าเกษตร โดยเฉพาะพืช ผัก ผลไม้และสินค้าเกษตรแปรรูป จากจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี พัทลุงและนครศรีธรรมราช เข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน
นายศุภชัย สงประสพ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เนื่องจากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยตนบน ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรทางด้านการตลาดสินค้าเกษตร โดยได้อนุมัติงบประมาณตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จำนวน 839,500 บาท เพื่อดำเนินการโครงการเชื่อมโยงและเจรจาธุรกิจสินค้าเกษตรกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียน หรือ AEC ซึ่งการจัดกิจกรรมเพิ่มขีดความสามารถบุคลากรทางด้านการตลาดการเกษตรมืออาชีพ ประกอบด้วยกิจกรรมย่อย 2 กิจกรรม คือ โครงการเพิ่มขีดความสามารถบุคลากรทางด้านการตลาดการเกษตรมืออาชีพ และจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรของกลุ่มจังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ได้รับทราบข้อมูลทางด้านการตลาดสินค้าเกษตรทั้งในต่างประเทศ จากผู้มีประสบการณ์โดยตรง สามารถนำความรู้และประสบการณ์จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาเป็นแนวทางการดำเนินการ การส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ลดปัญหาสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ และเพื่อเชื่อมโยงด้านการตลาดสินค้าเกษตรในกลุ่มจังหวัด
โดยได้รับเกียตริจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านการตลาด มาเป็นวิทยากรบรรยาย อาทิ นายวิรัตน์ บาหยัน ผู้จัดการ สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าส่งออกผลไม้ไทย เป็นต้น
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.57 ที่ห้องประชุมโรงแรมทวินโลตัสนครศรีธรรมราช ว่าที่ร้อยตรี ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเพิ่มขีดความสามารถบุคลากรทางด้านการตลาดการเกษตรมืออาชีพ ซึ่งจัดโดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช มีเจ้าหน้าที่ สถาบันเกษตรกร บุคลากรทางการเกษตร เกษตรกร ผู้ประกอบการที่ผลินสินค้าเกษตร โดยเฉพาะพืช ผัก ผลไม้และสินค้าเกษตรแปรรูป จากจังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี พัทลุงและนครศรีธรรมราช เข้าร่วมประชุมกว่า 300 คน
นายศุภชัย สงประสพ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เนื่องจากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยตนบน ได้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรทางด้านการตลาดสินค้าเกษตร โดยได้อนุมัติงบประมาณตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 จำนวน 839,500 บาท เพื่อดำเนินการโครงการเชื่อมโยงและเจรจาธุรกิจสินค้าเกษตรกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียน หรือ AEC ซึ่งการจัดกิจกรรมเพิ่มขีดความสามารถบุคลากรทางด้านการตลาดการเกษตรมืออาชีพ ประกอบด้วยกิจกรรมย่อย 2 กิจกรรม คือ โครงการเพิ่มขีดความสามารถบุคลากรทางด้านการตลาดการเกษตรมืออาชีพ และจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรของกลุ่มจังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ได้รับทราบข้อมูลทางด้านการตลาดสินค้าเกษตรทั้งในต่างประเทศ จากผู้มีประสบการณ์โดยตรง สามารถนำความรู้และประสบการณ์จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาเป็นแนวทางการดำเนินการ การส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ลดปัญหาสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ และเพื่อเชื่อมโยงด้านการตลาดสินค้าเกษตรในกลุ่มจังหวัด
โดยได้รับเกียตริจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านการตลาด มาเป็นวิทยากรบรรยาย อาทิ นายวิรัตน์ บาหยัน ผู้จัดการ สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าส่งออกผลไม้ไทย เป็นต้น
คณะลูกเสือจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนาม
คณะลูกเสือจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนาม เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (1 ก.ค.57) นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2557 ณ สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งคณะลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 จัดขึ้น โดยจัดให้มีพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามของลูกเสือ เนตรนารี สมาชิกผู้บำเพ็ญประโยชน์ ลูกเสือชาวบ้าน และผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2454 ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ในอันที่จะนำเอาวิชาการและความรู้จากกระบวนการลูกเสือ มาฝึกเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีความซื่อสัตย์ กล้าหาญ อดทน เสียสละ มีวินัย มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งคณะลูกเสือแห่งชาติ จึงได้ถือฤกษ์วันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ อีกทั้งเป็นการแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติด้วย มีผู้เข้าร่วมพิธีประมาณ 600 คน
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบประกาศเกียรติคุณแก่โรงเรียนที่ชนะการแข่งขันประกวดระเบียบแถวลูกเสือ ระดับจังหวัด จำนวน 4 โรงเรียน มอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือดีเด่น 8 ราย
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การฝึกอบรมของคณะลูกเสือแห่งชาติ มีจุดมุ่งหมายสำคัญ ที่จะปลูกฝังความสุจริต ความเข้มแข็ง ความอดทน ความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย และสร้างเสริมสมรรถภาพหลาย ๆ ด้าน ให้แก่มวลชน เพื่อให้แต่ละคนนำเอาศักยภาพหรือคุณสมบัติภายในตนเองออกมาใช้สร้างสรรค์ประโยชน์ ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ได้อย่างครบถ้วนแท้จริง เหตุนี้ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างถูกต้องตามแบบวิธีการของลูกเสือ จึงเป็นคนที่มีคุณภาพ เหมาะสมที่จะเป็นกำลังสำคัญ ที่จะจรรดลงรักษาประเทศชาติ ให้เจริญรุ่งเรืองมั่นคงสืบไป
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (1 ก.ค.57) นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2557 ณ สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งคณะลูกเสือเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 จัดขึ้น โดยจัดให้มีพิธีทบทวนคำปฏิญาณและสวนสนามของลูกเสือ เนตรนารี สมาชิกผู้บำเพ็ญประโยชน์ ลูกเสือชาวบ้าน และผู้บังคับบัญชาลูกเสือ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2454 ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ในอันที่จะนำเอาวิชาการและความรู้จากกระบวนการลูกเสือ มาฝึกเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีความซื่อสัตย์ กล้าหาญ อดทน เสียสละ มีวินัย มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งคณะลูกเสือแห่งชาติ จึงได้ถือฤกษ์วันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ อีกทั้งเป็นการแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติด้วย มีผู้เข้าร่วมพิธีประมาณ 600 คน
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบประกาศเกียรติคุณแก่โรงเรียนที่ชนะการแข่งขันประกวดระเบียบแถวลูกเสือ ระดับจังหวัด จำนวน 4 โรงเรียน มอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือดีเด่น 8 ราย
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การฝึกอบรมของคณะลูกเสือแห่งชาติ มีจุดมุ่งหมายสำคัญ ที่จะปลูกฝังความสุจริต ความเข้มแข็ง ความอดทน ความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย และสร้างเสริมสมรรถภาพหลาย ๆ ด้าน ให้แก่มวลชน เพื่อให้แต่ละคนนำเอาศักยภาพหรือคุณสมบัติภายในตนเองออกมาใช้สร้างสรรค์ประโยชน์ ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ได้อย่างครบถ้วนแท้จริง เหตุนี้ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างถูกต้องตามแบบวิธีการของลูกเสือ จึงเป็นคนที่มีคุณภาพ เหมาะสมที่จะเป็นกำลังสำคัญ ที่จะจรรดลงรักษาประเทศชาติ ให้เจริญรุ่งเรืองมั่นคงสืบไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานพวงมาลาหลวงหน้าหีบศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่โรงเรียนทุ่งมะขามป้อม หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง วางพวงมาลาหลวงและพวงมาลาพระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ และพวงมาลาของพระบรมวงศานุวงศ์ หน้าหีบศพ สิบตำรวจโท สุวิทย์ ทวีตา ผู้บังคับหมู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ สถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเมื่อเวลา 23.30 น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 6 นาย ได้ออกปฏิบัติหน้าที่โดยใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน เป็นพาหนะลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยเส้นทางไปตามถนนสายตาบา – ตากใบ หมู่ที่ 1 ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ ขังหวัดนราธิวาส เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวน ใช้อาวุธปืนสงครามซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว เกิดเหตุการณ์ยิงปะทะกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย คือ สิบตำรวจโทสุวิทย์ ทวีตา และสิบตำรวจตรีวินัย ขาวสาย โดยครอบครัวของสิบตำรวจโทสุวิทย์ ทวีตา ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่โรงเรียนทุ่งมะขามป้อม หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 3 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ฌาปนสถานวัดภูมิประสิทธิ์ ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง การที่ได้รับพระราชทานพวงมาลาหลวง นับเป็นเกียรติสูงสุดของครอบครัวสิบตำรวจโทสุวิทย์ ทวีตา ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงห่วงใยในการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่ยังปฏิบัติงานอยู่และเสียชีวิตไปแล้ว ในโอกาสนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พวงมาลาพระราชทาน และพวงมาลาประทานวางหน้าหีบศพด้วย
โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 3 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ ฌาปนสถานวัดภูมิประสิทธิ์ ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง การที่ได้รับพระราชทานพวงมาลาหลวง นับเป็นเกียรติสูงสุดของครอบครัวสิบตำรวจโทสุวิทย์ ทวีตา ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงห่วงใยในการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่ยังปฏิบัติงานอยู่และเสียชีวิตไปแล้ว ในโอกาสนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พวงมาลาพระราชทาน และพวงมาลาประทานวางหน้าหีบศพด้วย
ชมรม TO BE NUMBER ONE ประชุมเตรียมการรับการประเมิน
ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง นายแพทย์วิฑูรย์ เหลืองดิลก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง ประธานการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการประกวด TO BE NUMBER ONE ระดับประเทศ หลังจากที่จังหวัดตรังได้รับกาคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบ 5 ประเภท จากที่ 7 ประเภทที่ส่งเข้าประกวด และในครั้งนี้ คณะกรรมการจะติดตามประเมินในพื้นที่ในการประกวดระดับประเทศ โดยคณะกรรมการติดตามประเมินในวันแรกวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาลจำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ประเภทที่ได้ผ่ายเข้ารอบเป็นที่แรก สำหรับรางวัลที่จังหวัดตรังผ่านเข้ารอบต่อไปประกอบด้วย 1. จังหวัด TO BE NUMBER ONE 2. ประเภทสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา(ต้นแบบ) ได้แก่โรงเรียนกันตังพิทยากร 3. ประเภทสถานศึกษาระดับอาชีวะศึกษา(ดีเด่น) ได้แก่วิทยาลัยเทคนิคตรัง 4. ประเภทสถานประกอบการขนาดใหญ่(ดีเด่น) ได้แก่ บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด และ 5. ประเภทชุมชน(ดีเด่น) ได้แกบ้านนาบ่อ ตำบลบ่อน้ำร้อน อำเภอกันตัง ซึ่งคณะกรรมการจะติดตามประเมินในพื้นที่จริงทุกจุด และจุดต่อมาในวันที่ 8 กรกฎาคม เวลา 08.30 นง ตรวจความพร้อมของจังหวัด TO BE NUMBER ONE ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นจุดหลักของการติดตามจากคณะกรรมการตรวจประเมิน โดยจะมีคณะกรรการของจังหวัดตรัง ชมรม TO BE และรวมถึงประชาชนร่วมให้การต้อนรับ หลังจากนั้นในช่วงบ้ายจะได้ตรวจติดตามชมรม TO BE NUMBER ONE ของวิทยบาลัยเทคนิคตรัง และโรงเรียนกันตังพิทยากร และในวันรุ่งขึ้นจะเป็นการตรวจติดตามชุมชนบ้านนาบ่อ ตำบลบ่อน้ำร้อน เป็นแหล่งสุดท้าย ซึ่งในขณะนี้ชมรม TO BE NUMBER ONE ทุกชมรม กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อรับการตรวจติดตามอย่างเต็มที่
ตรังแถลงข่าวการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว
ที่ห้องประชุมพระยารัษฎา ศาลากลางจังหวัดตรัง ชั้น 5 นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พลตรีสนอง คงยั่งยืน ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกทุ่งสง ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ตำบล กะปาง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และนายสุธรรม บัวแก้ว จัดหางานจังหวัดตรัง ร่วมแถลงข่าว การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว จังหวัดตรังมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ที่จดทะเบียนและขออนุญาตทำงานถูกต้อง จำนวน 10,891 คน สัญชาติเมียนมาร์ จำนวน 8,487 คน สัญชาติลาว จำนวน 864 คน สัญชาติกัมพูชา จำนวน 1,540 คน จังหวัดตรังได้ดำเนินการตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างเคร่งครัด ไม่มีการเร่งรัดจับกุมกวาดล้างแรงงานต่างด้าว โดยมอบหมายให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดตรัง จัดทำบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 เพื่อนำข้อมูลมาจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว กำหนดจัดโซนนิ่ง ขจัดการเอารัดเอาเปรียบ กักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้ายร่างกาย และการค้าประเวณีของแรงงานต่างด้าวจะดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด วันที่ 7 กรกฎาคม 2557
จังหวัดตรังจะจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จจังหวัดตรัง (ONE STOP SERVICE) เพื่อให้นายจ้าง/สถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ออกมาดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีการบูรณาการร่วมกันกับ สำนักทะเบียน สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานสาธารณสุข เพื่อจัดทำประวัติ ออกใบอนุญาตทำงานและตรวจสุขภาพ และแจ้งข่าวสารให้ครอบคลุมทั่วถึงคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาหรืออยู่ในจังหวัดตรังโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย หรือการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้ไปรายงานตัว ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จจังหวัดตรัง และศูนย์ฯ พิจารณาออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราวแก่คนต่างด้าว มีอายุ 60 วัน นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต ซึ่งคนต่างด้าวสามารถทำงานกับนายจ้างได้ตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว สำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จะได้ดำเนินการนำแรงงานต่างด้าวมาจดทะเบียนให้ถูกต้อง
จังหวัดตรังจะจัดตั้งศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จจังหวัดตรัง (ONE STOP SERVICE) เพื่อให้นายจ้าง/สถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ออกมาดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีการบูรณาการร่วมกันกับ สำนักทะเบียน สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานสาธารณสุข เพื่อจัดทำประวัติ ออกใบอนุญาตทำงานและตรวจสุขภาพ และแจ้งข่าวสารให้ครอบคลุมทั่วถึงคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาหรืออยู่ในจังหวัดตรังโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย หรือการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว หรือทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้ไปรายงานตัว ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จจังหวัดตรัง และศูนย์ฯ พิจารณาออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราวแก่คนต่างด้าว มีอายุ 60 วัน นับแต่วันที่ออกใบอนุญาต ซึ่งคนต่างด้าวสามารถทำงานกับนายจ้างได้ตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกประกาศให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว สำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย จะได้ดำเนินการนำแรงงานต่างด้าวมาจดทะเบียนให้ถูกต้อง
จัดหางานตรัง จัดประชุมชี้แจงแนวทางการจัดทำบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าว และการเตรียมความพร้อมจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ
ที่ห้องประชุมพระยารัษฎา ศาลากลางจังหวัดตรัง ชั้น 5 นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พลตรีสนอง คงยั่งยืน ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกทุ่งสง ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมชี้แจงแนวทางการจัดทำบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าว และการเตรียมความพร้อมจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว และการป้องกันการปราบปรามการค้ามนุษย์ (MOU) ปัจจุบันนี้มีแรงงานต่างด้าวเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่มาทำงานในตำแหน่งกรรมการและรับใช้ในบ้าน มีทั้งที่ทำงานถูกต้องตามกฎหมายและผิดกฎหมาย ทำให้เกิดปัญหามากมายต่อสังคม ต่อประเทศชาติ มีแรงงานต่างด้าวถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ถูกทำร้ายร่างกาย การใช้แรงงานต่างด้าวเด็ก การค้าประเวณีของแรงงานต่างด้าว ซึ่งเข้าลักษณะการค้ามนุษย์ได้
จังหวัดตรังมีคนต่างด้าวจดทะเบียนและขออนุญาตทำงาน จำนวน 11,131 คน ปัญหาจึงเกิดน้อยมาก แต่การป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว นายจ้าง/สถานประกอบการมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องมีส่วนร่วมและต้องปฏิบัติตามกฎหมายจริงจัง จัดกิจกรรมให้ความรู้ ข่าวสารต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมสร้างความรัก ความสามัคคี ลดความขัดแย้งระหว่างแรงงานไทยกับแรงงานต่างด้าว การที่ คสช. ได้ออกประกาศมาตรการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้างและการค้ามนุษย์ เพื่อจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในประเทศครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้แรงงานต่างด้าวที่เหมาะสม และในการประชุมวันนี้จะได้ทราบแนวทางการจัดทำบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวและการเตรียมความพร้อมจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จอย่างถูกต้อง จำนวน 150 คน และนายจ้าง/สถานประกอบการตกลงร่วมกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดตรัง จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของจังหวัดตรัง
จังหวัดตรังมีคนต่างด้าวจดทะเบียนและขออนุญาตทำงาน จำนวน 11,131 คน ปัญหาจึงเกิดน้อยมาก แต่การป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว นายจ้าง/สถานประกอบการมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องมีส่วนร่วมและต้องปฏิบัติตามกฎหมายจริงจัง จัดกิจกรรมให้ความรู้ ข่าวสารต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมสร้างความรัก ความสามัคคี ลดความขัดแย้งระหว่างแรงงานไทยกับแรงงานต่างด้าว การที่ คสช. ได้ออกประกาศมาตรการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้างและการค้ามนุษย์ เพื่อจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในประเทศครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับนายจ้าง/สถานประกอบการจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้แรงงานต่างด้าวที่เหมาะสม และในการประชุมวันนี้จะได้ทราบแนวทางการจัดทำบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวและการเตรียมความพร้อมจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จอย่างถูกต้อง จำนวน 150 คน และนายจ้าง/สถานประกอบการตกลงร่วมกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดตรัง จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของจังหวัดตรัง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)