วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557
ผู้ ว่าฯสงขลา มอบเงินรางวัลนักกีฬาและผู้ฝึกสอน พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่ชมรมกีฬาดีเด่น และมอบประกาศเกียรติคุณให้กับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา จากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ กีฬาคนพิการแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 – 2557
วันนี้ (29 เม.ย.57) ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบเงินรางวัลนักกีฬาและผู้ฝึกสอน พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่ชมรมกีฬาดีเด่น และมอบประกาศเกียรติคุณให้กับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา จากการแข่งขันกีฬาแห่ง ชาติ กีฬาคนพิการแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 – 2557 ในโอกาสประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ประจำเดือนเมษายน ของจังหวัดสงขลา
นายพิทักษ์ สุวรรณวงค์ นักวิชาการส่งเสริมกีฬา สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จังหวัดสงขลา โดย ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดสงขลา และสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ กีฬาคนพิการแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 – 2557 ผลปรากฏว่า จังหวัดสงขลา ได้รับเหรียญรางวัล จากการแข่ง ดังนี้
การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 18 – 29 มี.ค. 2556 ณ จังหวัดมหาสารคาม ได้รับเหรียญทอง 4 เหรียญ ชนิดกีฬากอล์ฟ เทนนิส , เปตอง และกีฬามวยปล้ำ , เหรียญเงิน 5 เหรียญ ชนิดกีฬามวยปล้ำ ,ยกน้ำหนัก 2 เหรียญ ยิงปืน และกีฬาวูซู และเหรียญทองแดง 6 เหรียญ ชนิดกีฬากอล์ฟ, เปตอง 2 เหรียญ ,มวยปล้ำ,ยกน้ำหนัก และยิงปืน รวมเงินรางวัลที่ได้รับทั้งสิ้น 136,200 บาท
การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 5 – 15 มกราคม 2557 ณ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับเหรียญทอง 1 เหรียญ ชนิดกีฬาเทนนิส เหรียญเงิน 4 เหรียญ ชนิดกีฬาเปตอง ,ฟุตซอล มวยปล้ำ และกีฬาสนุกเกอร์ และเหรียญทองแดง 8 เหรียญ ชนิดกีฬา กรีฑา, เทนนิส บิลเลียด มวลปล้ำ 2 เหรียญ ยูโด 2 เหรียญ และกีฬาเอ๊อกซ์ตรีม รวมเงินรางวัลทั้งสิ้น 118,600 บาท
การแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 10 -14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับเหรียญทอง 7 เหรียญ ชนิดกรีฑา 6 เหรียญ และกีฬาเปตอง เหรียญเงิน 3 เหรียญ ชนิดกีฬากรีฑา 2 เหรียญ และกีฬาเปตอง และเหรียญทองแดง 3 เหรียญ ชนิดกีฬากรีฑา เชปัคตะกร้อ และกีฬาว่ายน้ำ รวมเงินรางวัลทั้งสิ้น 183,600 บาท
การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 13 – 23 มีนาคม 2557 ณ จังหวัดศรีษะเกษ ได้ รับเหรียญทอง 3 เหรียญ ชนิดกีฬาบริดจ์ 2 เหรียญ และกีฬาปันจักสีลัต เหรียญเงิน 12 เหรียญ ชนิดกีฬากรีฑา 4 เหรียญ บริดจ์ ปันจักสีลัต 2 เหรียญ เทควันโด , บริดจ์ 2 เหรียญ , ปันจักสีลัต เปตอง 2 เหรียญ มวลปล้ำ 2 เหรียญ ยกน้ำหนัก ยูโด 2 เหรียญ และกีฬาวูซู รวมเงินทั้งสิ้น 209,900 บาท
จากการได้รับเหรียญในการแข่งขันกีฬาดังกล่าว จังหวัดสงขลา โดย ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา ร่วมกีบมูลนิธิเพื่อการพัฒนากีฬาจังหวัดสงขลา และมูลนิธิกีฬาจังหวัดสงขลา (ชิต นิลพานิช) ได้มอบเงินรางวัลให้กับนักกีฬาและผู้ฝึกสอนที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา ดังนี้
เหรียญทอง เหรียญละ 10,000 บาท , เหรียญเงิน เหรียญละ 5,000 บาท และเหรียญทองแดง เหรียญละ 3,000 บาท ส่วนเงินรางวัลค่าเหรียญผู้ฝึกสอน จะได้รับ 40% ของแต่ละเหรียญรางวัล
และในโอกาสเดียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ชมรมกีฬาดีเด่น จังหวัดสงขลา ซึ่งมีผลงานจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ,คนพิการแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 – 2557 อีกด้วย
จังหวัดสงขลา เปิดโครงการนำร่องการช่วยเหลือพี่น้อง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ "เสน่ห์ถิ่นแดนใต้" ขับเคลื่อนงานออกแบบ เตรียมความพร้อมเปิด AEC
เช้าวันนี้ (29 เม.ย. 57) เวลา 09.00 น. ที่ โรงแรมบีพีสมิหลา บีช โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท อ.เมืองสงขลา นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดโครงการนวัตกรรมของที่ระลึกสำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมและเปิดช่องทางการตลาดสินค้าของที่ระลึกใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ 3 กุล่ม คือ อาหาร ผ้า/เครื่องแต่งกาย และของใช้ที่ระลึก ได้รับการพัฒนาศักยภาพและมีความสามารถเชื่อมโยงตลาดในและต่างประเทศ ภายในงานจัดให้มีการเสวนา "แนวโน้มการพัฒนาสินค้าที่ระลึกด้วยเสน่ห์ถิ่นแดนใต้" และให้คำปรึกษาการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ อาทิ การพัฒนาผลิตสินค้าที่ระลึก การพัฒนาฉลาก/ บรรจุภัณฑ์ และการพัฒนาสื่อส่งเสริมการตลาด
นายประสาทสุข นิยมราษฎร์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง มีศักยภาพและอัตลักษณ์แตกต่างที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว จังหวัดสงขลาและสตูล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ต่างมีภูมิปัญญาท้องถิ่นทีเป็นเสน่ห์ให้มิตรประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียมาเยือนได้เสมอ การพัฒนาสินค้าที่ระลึกเพื่อตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ จึงมีความสำคัญ และจะทำให้ธุรกิจการผลิตสิ่งทอ อาหาร และของตกแต่งต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าที่ระลึกในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีศักยภาพและมีความยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีการแข่งขันด้านการตลาดสูงมาก
นายประสาทสุข นิยมราษฎร์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง มีศักยภาพและอัตลักษณ์แตกต่างที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว จังหวัดสงขลาและสตูล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ต่างมีภูมิปัญญาท้องถิ่นทีเป็นเสน่ห์ให้มิตรประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียมาเยือนได้เสมอ การพัฒนาสินค้าที่ระลึกเพื่อตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ จึงมีความสำคัญ และจะทำให้ธุรกิจการผลิตสิ่งทอ อาหาร และของตกแต่งต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าที่ระลึกในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีศักยภาพและมีความยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีการแข่งขันด้านการตลาดสูงมาก
ยุสรา วาจิ//ข่าว
จิรพัฒน์ วงศ์กระจ่าง//ภาพ
จิรพัฒน์ วงศ์กระจ่าง//ภาพ
จังหวัดสตูล ฝึกอบรมการป้องกันและระงับอัคคีภัยโดยใช้ถังเคมีดับเพลิงขั้นต้น รองรับการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด ประจำปี ๒๕๕๗
( ๒๘ เม.ย.๕๗) สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล จัดฝึกอบรมการป้องกันและระงับอัคคีภัยโดยใช้ถังเคมีดับเพลิงขั้นต้น ให้แก่เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่ปฏิบัติงานภายในศาลากลางจังหวัด ณ บริเวณลานด้านหน้าศาลากลางจังหวัด จัดกิจกรรมสาธิตการใช้ถังเคมีดับเพลิงระงับเหตุจากถังแก๊สหุงต้ม สาธิตการกู้ชีพ และนิทรรศการเครื่องมือกู้ชีพต่าง ๆ โดยมีนายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมชมการสาธิตการใช้ถังเคมีดับเพลิงในครั้งนี้ด้วย
นายสำเริง วงศ์มุณีวรณ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล กล่าวว่า จังหวัดสตูลได้มีการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พร้อมรับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น ทั้งทางด้านบุคลากร ยานพาหนะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ กำหนดฝึกซ้อมจำนวน ๓ ครั้ง ได้แก่วันที่ ๒๘ เมษายน เป็นการฝึกอบรมการป้องกันระงับอัคคีภัย การใช้ถังเคมีดับเพลิงขั้นต้น วันที่ ๑ พฤษภาคม ฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะและการฝึกซ้อมแผนเฉพาะหน้าที่ ณ โรงแรมพินนาเคิลวังใหม่ และวันที่ ๘ พฤษภาคม จะเป็นการฝึกซ้อมแผนเต็มรูปแบบ โดยมีการสมมุติเหตุการณ์เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ณ บริเวณอาคารศาลากลางจังหวัดสตูล หลังเก่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าระงับเหตุ และให้ความช่วยเหลืออพยพผู้ประสบภัยไปยังที่ปลอดภัย และนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งในการฝึกซ้อมแผนครั้งนี้จะมีการประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ และผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ทั้งหน่วยพยาบาล หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย การประสานขอรับการสนับสนุนรถดับเพลิง การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และด้านอื่น ๆ เพื่อนำผลการฝึกซ้อมฯ มาประเมินและวิเคราะห์จุดบกพร่องต่าง ๆ ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
นายสำเริง วงศ์มุณีวรณ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล กล่าวว่า จังหวัดสตูลได้มีการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พร้อมรับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น ทั้งทางด้านบุคลากร ยานพาหนะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ กำหนดฝึกซ้อมจำนวน ๓ ครั้ง ได้แก่วันที่ ๒๘ เมษายน เป็นการฝึกอบรมการป้องกันระงับอัคคีภัย การใช้ถังเคมีดับเพลิงขั้นต้น วันที่ ๑ พฤษภาคม ฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะและการฝึกซ้อมแผนเฉพาะหน้าที่ ณ โรงแรมพินนาเคิลวังใหม่ และวันที่ ๘ พฤษภาคม จะเป็นการฝึกซ้อมแผนเต็มรูปแบบ โดยมีการสมมุติเหตุการณ์เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ณ บริเวณอาคารศาลากลางจังหวัดสตูล หลังเก่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าระงับเหตุ และให้ความช่วยเหลืออพยพผู้ประสบภัยไปยังที่ปลอดภัย และนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งในการฝึกซ้อมแผนครั้งนี้จะมีการประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ และผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ทั้งหน่วยพยาบาล หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย การประสานขอรับการสนับสนุนรถดับเพลิง การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และด้านอื่น ๆ เพื่อนำผลการฝึกซ้อมฯ มาประเมินและวิเคราะห์จุดบกพร่องต่าง ๆ ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
ราคายางตกต่ำลงมาจากสต็อกยางของจีนและของไทย
รักษาการ ผอ.สกย. ระบุว่าเหตุที่ราคายางตกต่ำลงมาจากสต็อกยางของจีนและของไทยเอง ยังมีอยู่จำนวนมาก
นายประสิทธิ์ หมีดเส็น รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เปิดเผยในโอกาสที่มาตรวจติดตามการดำเนินงานของ สกย.สุราษฎร์ธานีถึงสาเหตุที่ทำให้ราคายางพาราตกต่ำลง ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการยางจากต่างประเทศลดลง สต็อกยางที่ตกค้างอยู่มีจำนวนมากเกินความต้องการของภาคอุตสาหกรรมยางล้อ โดยสต็อกยางในประเทศไทยมี 200,000 ตัน และสต็อกยางในประเทศจีนมีอีก 300,000 กว่าตัน รวมกันแล้วยังมีสต็อกยางถึง 500,000 กว่าตัน เป็นอุปสรรคในการปรับตัวสูงขึ้นของราคายางพารา
รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางกล่าวถึงองค์ประกอบที่จะทำให้ราคายางพาราสูงขึ้น มีหลายปัจจัย ทั้งเรื่องสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ปริมาณยางในตลาด อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเราด้วย เป็นส่วนสำคัญต่อการปรับตัวขึ้นของราคายางพารา
นายประสิทธิ์ หมีดเส็น รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เปิดเผยในโอกาสที่มาตรวจติดตามการดำเนินงานของ สกย.สุราษฎร์ธานีถึงสาเหตุที่ทำให้ราคายางพาราตกต่ำลง ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการยางจากต่างประเทศลดลง สต็อกยางที่ตกค้างอยู่มีจำนวนมากเกินความต้องการของภาคอุตสาหกรรมยางล้อ โดยสต็อกยางในประเทศไทยมี 200,000 ตัน และสต็อกยางในประเทศจีนมีอีก 300,000 กว่าตัน รวมกันแล้วยังมีสต็อกยางถึง 500,000 กว่าตัน เป็นอุปสรรคในการปรับตัวสูงขึ้นของราคายางพารา
รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางกล่าวถึงองค์ประกอบที่จะทำให้ราคายางพาราสูงขึ้น มีหลายปัจจัย ทั้งเรื่องสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ปริมาณยางในตลาด อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเราด้วย เป็นส่วนสำคัญต่อการปรับตัวขึ้นของราคายางพารา
กองกำลังเทพสตรี สกัดจับแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 71 คน ลักลอบเข้าเมืองทางชายแดนไทย-พม่า
ทหารชุด ฉก.ร.25 ระนอง กองกำลังเทพสตรี สกัดจับแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 71 คน ลักลอบเข้าเมืองทางชายแดนไทย-พม่า หลบซ่อนตัวในสวนปาล์ม รอนายหน้าส่งต่อไปทำงานต่างจังหวัด เตรียมขยายผลติดตามรวบผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนี
พ.ต.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผบ.ร้อย ร.2521 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี พร้อมด้วยกำลังทหาร 15 นาย เข้าตรวจสอบสวนปาล์มน้ำมัน บริเวณบ้านหินใหญ่ หมู่ 8 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี จ.ระนอง ภายหลังจากที่ได้มีการสกัดจับรถกระบะอีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน บล 5630 สุราษฎร์ธานี บรรทุกแรงงานต่างด้าวชาวพม่ามาเต็มคัน แต่คนขับหลบหนีไปได้ จึงนำนายหน้าชาวพม่ามาสอบถาม ทราบว่าขบวนการลักลอบค้าแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ได้นำแรงงานเถื่อนเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในสวนปาล์มดังกล่าวเพื่อรอทยอยส่งไป ทำงานตามโรงงาน สถานประกอบการไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ รวมไปถึงประเทศมาเลเซีย จึงเข้าทำการปิดล้อมสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้ทั้งหมด เป็นชาวพม่าแยกเป็นชาย จำนวน 55 คน หญิง จำนวน 16 คน รวม 71 คน และพบรถกระบะอีซูซุอีกหนึ่งคัน หมายเลขทะเบียน บจ 8317 พังงา อยู่ในบริเวณสวนปาล์ม มีกระเป๋าแรงงานเต็มกระบะ คนขับอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีรอดไปได้
พ.ต.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผบ.ร้อย ร.2521 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี พร้อมด้วยกำลังทหาร 15 นาย เข้าตรวจสอบสวนปาล์มน้ำมัน บริเวณบ้านหินใหญ่ หมู่ 8 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี จ.ระนอง ภายหลังจากที่ได้มีการสกัดจับรถกระบะอีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน บล 5630 สุราษฎร์ธานี บรรทุกแรงงานต่างด้าวชาวพม่ามาเต็มคัน แต่คนขับหลบหนีไปได้ จึงนำนายหน้าชาวพม่ามาสอบถาม ทราบว่าขบวนการลักลอบค้าแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ได้นำแรงงานเถื่อนเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในสวนปาล์มดังกล่าวเพื่อรอทยอยส่งไป ทำงานตามโรงงาน สถานประกอบการไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ รวมไปถึงประเทศมาเลเซีย จึงเข้าทำการปิดล้อมสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้ทั้งหมด เป็นชาวพม่าแยกเป็นชาย จำนวน 55 คน หญิง จำนวน 16 คน รวม 71 คน และพบรถกระบะอีซูซุอีกหนึ่งคัน หมายเลขทะเบียน บจ 8317 พังงา อยู่ในบริเวณสวนปาล์ม มีกระเป๋าแรงงานเต็มกระบะ คนขับอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีรอดไปได้
มาตรการควบคุมถังก๊าซหุงต้ม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน แจ้งว่ามาตรการควบคุมถังก๊าซ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ นำมาคัดแปลงประกอบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการ PTT Composite Plus ลงใต้ใส่ใจคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้บริโภค เพื่อตอบสนองนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการสร้างความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของผู้บริโภคในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแลกเปลี่ยนถังเหล็ก ปตท. ขนาด ๑๕ กิโลกรัม (กก.) ให้เป็นถังคอมโพสิต ขนาด ๑๑ กิโลกรัม ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ (ไม่รวมค่าน้ำก๊าซ) เงื่อนไขการแลกเปลี่ยน เฉพาะถังเหล็ก ปตท. ขนาด ๑๕ กก. สภาพพร้อมใช้งาน ผู้ใช้สิทธิ์ต้องแสดงบัตรประชาชน ที่ระบุมีถิ่นที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส สามารถใช้สิทธิ์ได้เพียง ๑ ใบ ต่อ ๑ บัตรประชาชน เท่านั้น
สถานที่ดำเนินการแลกเปลี่ยน ร้านค้าก๊าซที่ ปตท. กำหนดจำนวน ๔๒ แห่ง ส่วนจังหวัดยะลามี ๑๓ แห่ง แบ่งเป็นอำเภอเมือง ๕ แห่ง โรงบรรจุก๊าซ หจก.ยะลาสหพันธ์แก๊ส ร้านเจริญกิจพาณิชย์ ร้านเลิศรส ร้านเขมิกา สมนึก ร้านครูตั๋ม อำเภอบันนังสตา ๑ แห่ง ร้านฟารีดาการไฟฟ้า อำเภอยะหา ๑ แห่ง ร้านพรชัย ไชยจรัส อำเภอธารโต ๑ แห่ง ร้านปรีชา รัตนโชติกานนท์ อำเภอเบตง ๒ แห่ง ร้านแสงดีการไฟฟ้า ร้านวุฒิชัยพาณิชย์ อำเภอกรงปินัง ๑ แห่ง ร้านรอแอเม๊าะ มีตามี อำเภอกาบัง ๑ แห่ง ร้านนางจิรวรรณ ดาวกระจาย อำเภอรามัน ๑ แห่ง ร้านนายรอซาดี โมงสะเอะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป – วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗
โรสนาเดียร์ ซาดา ส.ปสช.ยะลา ข่าว
พิจารณารับรางวัลอนุสรณ์สงขลานครินทร์ ประจำปี ๒๕๕๗
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ขอเชิญเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับรางวัลอนุสรณ์สงขลานครินทร์ ประจำปี ๒๕๕๗ เพื่อรับพระราชทานโล่เกียรติยศในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจะได้รับรางวัล ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งการประกาศเกียรติคุณ เป็นผู้อุทิศตน เสียสละ เพียรพยายามในการดำเนินงานให้สำเร็จ แสดงถึงการอุทิศตน ความเสียสละ เพียรพยายามนอกเหนือจากความรับผิดชอบในหน้าที่การงานปกติ เป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ไม่มีประวัติเสื่อมเสียทั้งด้านส่วนตัวและหน้าที่การงานอาชีพ เป็นบุคคลสัญชาติไทย ที่มีกำหนดหรือภูมิลำเนาในภาคใดก็ได้ มีผลงานที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ภาคใต้
ผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อควรเป็นบุคคลที่ประพฤติตนตามแนวทางพระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมราชชนก ที่ว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านธรรมมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์”
สามารถส่งข้อมูลของบุคคลที่ประสงค์จะเสนอชื่อพร้อมประวัติและผลงานของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลอนุสรณ์สงขลานครินทร์ ประจำปี ๒๕๕๗ ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยตรง ภายในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มเสนอชื่อได้ที่ www.yala.go.th หัวข้อประชาสัมพันธ์
ผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อควรเป็นบุคคลที่ประพฤติตนตามแนวทางพระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมราชชนก ที่ว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านธรรมมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์”
สามารถส่งข้อมูลของบุคคลที่ประสงค์จะเสนอชื่อพร้อมประวัติและผลงานของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลอนุสรณ์สงขลานครินทร์ ประจำปี ๒๕๕๗ ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยตรง ภายในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มเสนอชื่อได้ที่ www.yala.go.th หัวข้อประชาสัมพันธ์
โรสนาเดียร์ ซาดา ส.ปชส.ยะลา ข่าว
เรือนจำภูเก็ต นำกิจกรรมลูกเสือ พัฒนาด้านคุณธรรม จริยธรรม สร้างทัศนะที่ดีต่อสังคม
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ เรือนจำจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือวิชาสามัญขั้นความรู้เบื้องต้น (คุณคือคนสำคัญ) โดยมี นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ. เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ วิทยากร และสมาชิกลูกเสือ เนตรนารี เข้าร่วม
นายระพินทร์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ มีภารกิจในการควบคุม บำบัด ฟื้นฟูและแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคม โดยกำหนดกลยุทธ์ว่า ผู้ต้องขังได้รับการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังติดยาเสพติดได้รับการบำบัดฟื้นฟู จึงได้ดำเนินการจัดการศึกษาทั้งวิชาสามัญ วิชาชีพการศึกษาตามอัธยาศัย ตลอดจนอบรมในลักษณะต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะด้านคุณธรรมและจริยธรรม ด้านการปลูกฝังให้ผู้ต้องขังเป็นผู้เสียสละ ทำตนให้เป็นประโยชน์มีระเบียบวินัยในตนเอง ให้ผู้ต้องขังเห็นคุณค่าในตนเอง มีความรับผิดชอบ สามารถทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อีกทั้งปลูกฝังให้มีความเคารพยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
สำหรับโครงการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือวิชาสามัญขั้นความรู้เบื้องต้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 เมษายน- 2 พฤษภาคม 2557 มีผู้ต้องขังเข้าร่วม จำนวน 80 คน เพื่อให้ผู้ต้องขังทั้งชายและหญิง ได้มีความรู้ความเข้าใจ เรื่องของลูกเสือไทย ลูกเสือโลก ตลอดจนการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคต เป็นการเสริมสร้างศรัทธา และทัศนคติที่ดีต่อกิจกรรมลูกเสือ เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความสามัคคี ความเป็นผู้มีระเบียบวินัย เสียสละ มีทัศนคติที่ดีต่อสังคมและรู้จักตนเองสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อให้ผู้ต้องขังได้มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ยึดมั่นในกฎ คำปฏิญาณตนของลูกเสือ และสามารถนำไปใช้ปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อปลูกฝังกล่อมเกลาให้ผู้ต้องขัง มีจิตใจเมตตา เสียสละ มีสัมพันธภาพอันดีกับเพื่อนมนุษย์ทั่วไป
นายระพินทร์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ มีภารกิจในการควบคุม บำบัด ฟื้นฟูและแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคม โดยกำหนดกลยุทธ์ว่า ผู้ต้องขังได้รับการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังติดยาเสพติดได้รับการบำบัดฟื้นฟู จึงได้ดำเนินการจัดการศึกษาทั้งวิชาสามัญ วิชาชีพการศึกษาตามอัธยาศัย ตลอดจนอบรมในลักษณะต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะด้านคุณธรรมและจริยธรรม ด้านการปลูกฝังให้ผู้ต้องขังเป็นผู้เสียสละ ทำตนให้เป็นประโยชน์มีระเบียบวินัยในตนเอง ให้ผู้ต้องขังเห็นคุณค่าในตนเอง มีความรับผิดชอบ สามารถทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อีกทั้งปลูกฝังให้มีความเคารพยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
สำหรับโครงการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือวิชาสามัญขั้นความรู้เบื้องต้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 เมษายน- 2 พฤษภาคม 2557 มีผู้ต้องขังเข้าร่วม จำนวน 80 คน เพื่อให้ผู้ต้องขังทั้งชายและหญิง ได้มีความรู้ความเข้าใจ เรื่องของลูกเสือไทย ลูกเสือโลก ตลอดจนการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคต เป็นการเสริมสร้างศรัทธา และทัศนคติที่ดีต่อกิจกรรมลูกเสือ เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความสามัคคี ความเป็นผู้มีระเบียบวินัย เสียสละ มีทัศนคติที่ดีต่อสังคมและรู้จักตนเองสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อให้ผู้ต้องขังได้มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ยึดมั่นในกฎ คำปฏิญาณตนของลูกเสือ และสามารถนำไปใช้ปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อปลูกฝังกล่อมเกลาให้ผู้ต้องขัง มีจิตใจเมตตา เสียสละ มีสัมพันธภาพอันดีกับเพื่อนมนุษย์ทั่วไป
พ่อเมืองภูเก็ตดึงทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาการปิดถนนประท้วงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเมืองท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 เม.ย. 57 ที่ห้องประชุมศาลากลางภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมหารือวาระยามเช้า โดยมี ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ และนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภุเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ. ภูเก็ต พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม
นายไมตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า กรณีปัญหาการปิดถนนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเกิดขึ้นถึง 2 แห่ง โดยที่แรกที่บ้านหมากปรก ต. ไม้ขาว อ. ถลาง และครั้งที่ 2 ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต. วิชิต อ. เมืองภูเก็ต ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้ถนนสัญจรไปมา อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้ง 2 แห่ง หัวหน้าส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้กระทบกับการท่องเที่ยวน้อยที่สุด โดยในส่วนของการแก้ปัญหาถนนทางโค้งเจ้าฟ้าตะวันตกมอบให้แขวงการทางภูเก็ต ร่วมกับเทศบาลตำบลวิชิตเข้าไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน ขณะที่การปิดถนนบ้านหมากปรกในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย. 57) เวลา 19.00 น. ที่มัสยิดบ้านหมากปรก ผวจ.ภูเก็ตจะนำส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ภาคประชาชน มาหารือทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก
นายไมตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า กรณีปัญหาการปิดถนนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเกิดขึ้นถึง 2 แห่ง โดยที่แรกที่บ้านหมากปรก ต. ไม้ขาว อ. ถลาง และครั้งที่ 2 ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต. วิชิต อ. เมืองภูเก็ต ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้ถนนสัญจรไปมา อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้ง 2 แห่ง หัวหน้าส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้กระทบกับการท่องเที่ยวน้อยที่สุด โดยในส่วนของการแก้ปัญหาถนนทางโค้งเจ้าฟ้าตะวันตกมอบให้แขวงการทางภูเก็ต ร่วมกับเทศบาลตำบลวิชิตเข้าไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน ขณะที่การปิดถนนบ้านหมากปรกในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย. 57) เวลา 19.00 น. ที่มัสยิดบ้านหมากปรก ผวจ.ภูเก็ตจะนำส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ภาคประชาชน มาหารือทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก
กรมควบคุมมลพิษจัดอบรมการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแก่ หน่วยงานภาครัฐท้องถิ่นและรัฐวิสหกิจหวังให้การจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการของหน่วยงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 29 เม.ย. 57 ที่ ดวงจิตรีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดภูเก็ต นายสุวิทย์ รัตติยวงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นประธานกล่าวเปิดอบรมและชี้แจงนโยบายการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ โดยมี นายถาวร จิรพัฒนโสณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ตร่วมเป็นวิทยากร มีตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย หน่วยงานในกำกับของรัฐ และองค์การมหาชน เข้าร่วม
นายสุวิทย์ กล่าวว่า เพื่อให้การจัดฝึกอบรมวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กรมควบคุมมลพิษจึงได้จัดทำแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ.2556 – 2559 ขึ้น และได้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 และอยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี โดยในแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2551 – 2554 ซึ่งขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วม ขณะเดียวกันจะขยายผลสู่การปฎิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ มหาลัย หน่วยงานในกำกับของรัฐ และองค์การมหาชน เพื่อส่งเสริมให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตและการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กว้างขวางขึ้น และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่กระบวนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนในทุกๆ ภาคส่วน กรมควบคุมมลพิษจึงได้จัดฝึกอบรมวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครั้งนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงการวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานภาครัฐรวมทั้งขยายผลตามเป้าหมายในแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมปีพ.ศ.2556 – 2559 และหวังว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นเกิดการปฎิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปสู่องค์กรต่างๆ ตามแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ
นายสุวิทย์ กล่าวว่า เพื่อให้การจัดฝึกอบรมวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กรมควบคุมมลพิษจึงได้จัดทำแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ.2556 – 2559 ขึ้น และได้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 และอยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี โดยในแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2551 – 2554 ซึ่งขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วม ขณะเดียวกันจะขยายผลสู่การปฎิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ มหาลัย หน่วยงานในกำกับของรัฐ และองค์การมหาชน เพื่อส่งเสริมให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตและการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กว้างขวางขึ้น และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่กระบวนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนในทุกๆ ภาคส่วน กรมควบคุมมลพิษจึงได้จัดฝึกอบรมวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครั้งนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงการวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานภาครัฐรวมทั้งขยายผลตามเป้าหมายในแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมปีพ.ศ.2556 – 2559 และหวังว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นเกิดการปฎิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปสู่องค์กรต่างๆ ตามแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตำบลป่าคลอก จังหวัดภูเก็ต เยี่ยมเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง และติดตามผลงานการวิจัยพัฒนาสาหร่ายพวงองุ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรภูเก็ต
เมื่อวันที่ 28 เม.ย.57 นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตำบลป่าคลอกเพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้ง ที่ฟาร์มสาธิต หมู่ที่ 2 บ้านบางแป ต.ป่าคลอก อ.ถลางและศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต อ.ถลาง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการพัฒนากุ้งในจังหวัดภูเก็ต ตามยุทธศาสตร์การเกษตรของจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายธวัช ศรีวีระชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต พร้อมด้วย นายเกียรติคุณ เจริญสวรรค์ ประมงจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม โดยมีชมรมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งจังหวัดภูเก็ตให้การต้อนรับ
นายไมตรี อินทุสุต กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งในครั้งนี้ ว่า กุ้งนั้นถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ฝั่งอันดามันทั้ง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล โดยในแต่ละปีสามารถผลิตกุ้งได้ถึงปีละกว่า 1 แสนตัน เป็นผลผลิตรวมถึงครึ่งหนึ่งของประเทศซึ่งเป็นจีดีพีเศรษฐกิจทางประมงของจังหวัดภูเก็ต ถึงร้อยละ 4 และเกษตรอื่น ๆ ร้อยละ 3 เนื่องจากกุ้งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีราคาสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2556 เป็นต้นมา ความต้องการบริโภคกุ้งมีจำนวนลดลง เนื่องจากประเทศไทยและอาเซียนประสบปัญหาจากโรคตายด่วน หรือ อีเอ็มเอส ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาทางด้านการผลิต จากเดิมที่สามารถผลิตกุ้งได้วันละ 5,000 กิโลกรัม เหลือเพียง 2,000 กิโลกรัมต่อวัน และในปัจจุบันเหลือเพียง 500 กิโลกรัมต่อวันเท่านั้น ลดลงถึงร้อยละ 60 - 70 โดยสภาวการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ
ดังนั้นในวันนี้ถือโอกาสมาดูความคืบหน้าของการพัฒนากุ้งในจังหวัดภูเก็ต ได้รับรายงานว่า จากผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ทางภูเก็ตมีชมรมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งทั้งสิ้นจำนวน 55 ราย โดยเพาะเลี้ยงกุ้งจำนวน 77 บ่อ โดย ร้อยละ 60 จะอยู่ในพื้นที่ตำบลป่าคลอก สำหรับการแก้ปัญหาในเรื่องของโรค EMS นั้น ทางเกษตรกร มีการเพาะจุลินทรีย์ และนำมาขยาย เห็นว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเป็นการรักษาคุณภาพน้ำด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความเสียหาย มีการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบโซเซียนเมิร์ส สำหรับเพื่อร่วมภาคีเพาะเลี้ยงกุ้งด้วย
นอกจากนั้น การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมบริเวณแปลงเพาะพันธ์สาหร่ายพวงองุ่นหรือ สาหร่ายเม็ดพริก ที่บริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต อีกด้วย ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตพร้อมจะสนับสนุนงบประมาณ และส่งเสริมให้ทางศูนย์ ฯ ขยายพันธุ์สาหร่ายดังกล่าว และส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปเพาะเลี้ยงในฟาร์มกุ้ง เพื่อเป็นทางเลี้ยงใหม่สำหรับเกษตรกร ในการเสริมการเพาะเลี้ยงกุ้ง โดยสามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้
นายไมตรี อินทุสุต กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งในครั้งนี้ ว่า กุ้งนั้นถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ฝั่งอันดามันทั้ง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล โดยในแต่ละปีสามารถผลิตกุ้งได้ถึงปีละกว่า 1 แสนตัน เป็นผลผลิตรวมถึงครึ่งหนึ่งของประเทศซึ่งเป็นจีดีพีเศรษฐกิจทางประมงของจังหวัดภูเก็ต ถึงร้อยละ 4 และเกษตรอื่น ๆ ร้อยละ 3 เนื่องจากกุ้งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีราคาสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2556 เป็นต้นมา ความต้องการบริโภคกุ้งมีจำนวนลดลง เนื่องจากประเทศไทยและอาเซียนประสบปัญหาจากโรคตายด่วน หรือ อีเอ็มเอส ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาทางด้านการผลิต จากเดิมที่สามารถผลิตกุ้งได้วันละ 5,000 กิโลกรัม เหลือเพียง 2,000 กิโลกรัมต่อวัน และในปัจจุบันเหลือเพียง 500 กิโลกรัมต่อวันเท่านั้น ลดลงถึงร้อยละ 60 - 70 โดยสภาวการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ
ดังนั้นในวันนี้ถือโอกาสมาดูความคืบหน้าของการพัฒนากุ้งในจังหวัดภูเก็ต ได้รับรายงานว่า จากผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ทางภูเก็ตมีชมรมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งทั้งสิ้นจำนวน 55 ราย โดยเพาะเลี้ยงกุ้งจำนวน 77 บ่อ โดย ร้อยละ 60 จะอยู่ในพื้นที่ตำบลป่าคลอก สำหรับการแก้ปัญหาในเรื่องของโรค EMS นั้น ทางเกษตรกร มีการเพาะจุลินทรีย์ และนำมาขยาย เห็นว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเป็นการรักษาคุณภาพน้ำด้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความเสียหาย มีการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบโซเซียนเมิร์ส สำหรับเพื่อร่วมภาคีเพาะเลี้ยงกุ้งด้วย
นอกจากนั้น การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมบริเวณแปลงเพาะพันธ์สาหร่ายพวงองุ่นหรือ สาหร่ายเม็ดพริก ที่บริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต อีกด้วย ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตพร้อมจะสนับสนุนงบประมาณ และส่งเสริมให้ทางศูนย์ ฯ ขยายพันธุ์สาหร่ายดังกล่าว และส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปเพาะเลี้ยงในฟาร์มกุ้ง เพื่อเป็นทางเลี้ยงใหม่สำหรับเกษตรกร ในการเสริมการเพาะเลี้ยงกุ้ง โดยสามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้
ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต แจงรอบ 7 เดือนมีเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค 26 เรื่อง ได้ข้อยุติ 5 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นคดีซื้อขายที่ดินและบ้านจัดสรร
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2557 โดยมีนายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายเกรียงศักดิ์ สุขสมบูรณ์ ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
สำหรับการประชุมครั้งนี้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนมายังคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 7 เรื่อง ได้ข้อยุติ 1 เรื่อง และส่ง สคบ. กลางพิจารณา 6 เรื่อง
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 จนถึงวันที่ 29 เมษายน 2557 คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคทั้งหมด จำนวน 26 เรื่อง อยู่ระหว่างการดำเนินการ 21 เรื่อง ดำเนินการได้ข้อยุติ จำนวน 5 เรื่อง แยกเป็นเรื่องของ การไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา 13 เรื่อง ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า จำนวน 11 เรื่องและไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโฆษณา จำนวน 2 เรื่อง รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ผู้บริโภค จำนวน 10 ราย ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคดีที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน บ้านจัดสรร คอนโนมิเนียม เป็นต้น
อย่างไรก็ตามจากเรื่องร้องเรียนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทางคณะกรรมการได้มีการดำเนินการทุกเรื่อง โดยเชิญผู้ร้อง ผู้ถูกร้องมาพูดคุยกันเพื่อหาข้อสรุป และหลาย ๆ เรื่องสามารถตกลงกันได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนเรื่องที่ไม่สามารถตกลงกันได้ก็ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
สำหรับการประชุมครั้งนี้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนมายังคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 7 เรื่อง ได้ข้อยุติ 1 เรื่อง และส่ง สคบ. กลางพิจารณา 6 เรื่อง
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 จนถึงวันที่ 29 เมษายน 2557 คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคทั้งหมด จำนวน 26 เรื่อง อยู่ระหว่างการดำเนินการ 21 เรื่อง ดำเนินการได้ข้อยุติ จำนวน 5 เรื่อง แยกเป็นเรื่องของ การไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา 13 เรื่อง ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า จำนวน 11 เรื่องและไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโฆษณา จำนวน 2 เรื่อง รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ผู้บริโภค จำนวน 10 ราย ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคดีที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน บ้านจัดสรร คอนโนมิเนียม เป็นต้น
อย่างไรก็ตามจากเรื่องร้องเรียนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทางคณะกรรมการได้มีการดำเนินการทุกเรื่อง โดยเชิญผู้ร้อง ผู้ถูกร้องมาพูดคุยกันเพื่อหาข้อสรุป และหลาย ๆ เรื่องสามารถตกลงกันได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนเรื่องที่ไม่สามารถตกลงกันได้ก็ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
จังหวัดพังงา จัดประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการ ติดตามผลความก้าวหน้าการปฏิบัติราชการของหน่วยงานต่างๆในรอบเดือนเมษายน ๒๕๕๗
วันนี้ (๒๙ เม.ย. ๕๗) เวลา ๐๙.๓๐ น. นายธำรงค์ เจริญกุลผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหากิจ นายอำเภอ และองค์กรภาคเอกชน (การประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการ) ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานเข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้เพื่อสรุปภารกิจการ ติดตามผลความก้าวหน้าการปฏิบัติราชการของหน่วยงานต่างๆในรอบเดือนที่ผ่านมา รวมถึงปัญหา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาข้อคิดในการปฏิบัติราชการ
สำหรับระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญในครั้งนี้ ประกอบด้วย การเตรียมจัดงานรัฐพิธีถวายราชสดุดีเนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี ๒๕๕๗ การจัดงานสมโภช "รูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม” ระหว่างวันทา ๓-๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ วัดบางทรายน้อย หมู่ที่ ๗ ต.มะลุ่ย อ.ทับปุด การจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองพังงา ประจำปี ๒๕๕๗ ในวันที่ ๓ พ.ค. และ การเปิดรับคำขอรับจัดสรรเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน
สำหรับระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญในครั้งนี้ ประกอบด้วย การเตรียมจัดงานรัฐพิธีถวายราชสดุดีเนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี ๒๕๕๗ การจัดงานสมโภช "รูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม” ระหว่างวันทา ๓-๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ วัดบางทรายน้อย หมู่ที่ ๗ ต.มะลุ่ย อ.ทับปุด การจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองพังงา ประจำปี ๒๕๕๗ ในวันที่ ๓ พ.ค. และ การเปิดรับคำขอรับจัดสรรเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน
พังงาประสบภัยแล้ง กปภ.สาขาท้ายเหมือง แจ้งงดจ่ายน้ำประปาเป็นการชั่วคราว พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วน
การประปาส่วนภูมิภาคสาขาท้ายเหมือง ของดจ่ายน้ำประปาเป็นการชั่วคราว ในเขตพื้นที่ ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง ตำบลนาเตย ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งฝนไม่ตกทิ้งช่วงเป็นเวลานานกว่าปกติทำให้ไม่ สามารถทำการผลิตน้ำประปาได้ จึงมีความจำเป็นต้องของดจ่ายน้ำเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2557 เป็นต้นไป และการประปาส่วนภูมิภาคสาขาท้ายเหมืองร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาคเขต 4 กองระบบจำหน่าย ทำการแจกจ่ายน้ำโดยรถน้ำของ กปภ. พร้อมด้วยรถน้ำของหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลอย เทศบาลตำบลโคกกลอย องค์การบริหารส่วนตำบลนาเตย เทศบาลตำบลท้ายเหมือง องค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมือง ทั้งนี้การประปาส่วนภูมิภาคสาขาท้ายเหมืองได้รับงบประมาณเร่งด่วน 140,000.-บาท (เงินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) เพื่อทำการติดตั้งโรงสูบน้ำดิบชั่วคราวบริเวณสะพานนาเตย หมู่ที่ 7 ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ถ้าแล้วเสร็จภายใน 7 วัน จะสามารถสูบ-จ่ายน้ำประปาได้เป็นช่วงเวลา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเขตพื้นที่จ่ายน้ำของการประปาส่วน ภูมิภาคสาขาท้ายเหมืองต่อไป
ส.ปชส.พังงา
สำนักงานขนส่งจังหวัดตรัง ประกาศนายทะเบียนจังหวัดตรัง เรื่อง รถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีติดต่อกันครบ 3 ปี
ประกาศนายทะเบียนจังหวัดตรัง
เรื่อง รถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีตคิดต่อกันครบสามปี
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522
***********
ตามที่พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 ให้รถคันที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี การจดทะเบียนเป็นอันระงับไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35/3 แห่งพระราชบัญญัติรถุยนต์ พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 นายทะเบียนจังหวัดตรัง จึงขอประกาศ ดังนี้
1. ให้เจ้าของรถทีทะเบียนถูกระงับตามบัญชีแนบท้ายประกาศ ส่งคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถและนำใบคู่มือจดทะเบียนรถมาแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อบันทึกหลักฐานการระงับทะเบียนรถภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้แจ้งและปิดประกาศฉบับนี้
2. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เจ้าของรถที่ทะเบียนถูกระงับรายใด ไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งพันบาท และนายทะเบียน ผู้ตรวจการ หรือผู้ที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกมอบหมายมีอำนาจยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถได้
3. สำหรับภาษีรถที่ค้างชำระ เจ้าของรถยังมีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่ค้างให้ครบถ้วน พร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ แต่สามารถขอผ่อนชำระภาษีที่ค้างได้ รายละเอียดปรากฏตามรายงานรถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีติดต่อกันครบ 3 ปี ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557
จึงประกาศเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557
(นายสุภกิจ ชิณณะเสถียร)
นายทะเบียนจังหวัดตรัง
เรื่อง รถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีตคิดต่อกันครบสามปี
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522
***********
ตามที่พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 ให้รถคันที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี การจดทะเบียนเป็นอันระงับไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35/3 แห่งพระราชบัญญัติรถุยนต์ พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 นายทะเบียนจังหวัดตรัง จึงขอประกาศ ดังนี้
1. ให้เจ้าของรถทีทะเบียนถูกระงับตามบัญชีแนบท้ายประกาศ ส่งคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถและนำใบคู่มือจดทะเบียนรถมาแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อบันทึกหลักฐานการระงับทะเบียนรถภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้แจ้งและปิดประกาศฉบับนี้
2. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เจ้าของรถที่ทะเบียนถูกระงับรายใด ไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งพันบาท และนายทะเบียน ผู้ตรวจการ หรือผู้ที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกมอบหมายมีอำนาจยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถได้
3. สำหรับภาษีรถที่ค้างชำระ เจ้าของรถยังมีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่ค้างให้ครบถ้วน พร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ แต่สามารถขอผ่อนชำระภาษีที่ค้างได้ รายละเอียดปรากฏตามรายงานรถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีติดต่อกันครบ 3 ปี ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557
จึงประกาศเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557
(นายสุภกิจ ชิณณะเสถียร)
นายทะเบียนจังหวัดตรัง
ปชส.ตรัง นำสื่อมวลชนและเครือข่าย จัดเวทีเสวนาและศึกษาดูงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนพอเพียง ตามโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง โดย นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง นำคณะสื่อมวลชนทุกแขนงและเครือข่ายอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านพร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 30 คน ทัศนศึกษาดูงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนพอเพียงบ้านในกอย ของนายนัน ชูเอียด ณ บ้านเลขที่ 217 หมู่ที่ 9 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ตามโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และจัดกิจกรรมเวทีเสวนา "สื่อมวลชนกับการประชาสัมพันธ์โครงการพระราชดำริ” นายนัน ชูเอียด ประธานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านในกอย ได้กล่าวว่า ศูนย์การเรียนรู้บ้านในกอยแห่งนี้ แรกเริ่มมีปัญหาจากการประกอบอาชีพในการทำสวนยาง ซึ่งขณะนั้นยางแผ่นมีราคาตำต่ำ แกนนำกลุ่มและสมาชิกมีแนวคิดหาวิธีการที่เหมาะสมในการประกอบอาชีพ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ จึงได้ริเริ่มปลูกยางพาราพันธุ์ดีแทนที่นา การนำสละพันธุ์เนินวงษ์จากจังหวัดจันทบุรีเข้ามาปลูก สร้างรายได้จนสามารถปลูกทดแทนการทำสวนยางพารา หรือการปลูกพืชผสมผสานในที่ดินสวนยางพาราได้ จนถึงปัจจุบันนี้นอกจากชุมชนบ้านในกอยสามารถพึ่งพาตนเองได้แล้ว ยังเป็นต้นแบบในการเรียนรู้ให้กับชุมชนอื่น ๆ สถานศึกษา และหน่วยงานที่สนใจ เข้าชมและให้ความรู้ได้ตลอดเวลา
สำหรับการปลูกพืชแซมยางนั้น ทางศูนย์ฯ ได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักเหมียงแซมยางเสริมรายได้ โดยในพื้นที่ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน มีเกษตรกรปลูกแซมยางกว่า 300 ไร่ ซึ่งเป็นการปลูกแบบปลอดสารพิษ สามารถเก็บขายได้กิโลกรัมละ 50 บาท กิ่งตอนกิ่งละ 10 บาท กิ่งตอนชำถุงละ 20 บาท ซึ่งถือเป็นรายได้เสริมแก่เกษตรกรชาวสวนยาง อีกทั้งการปลูกผักเหมียงในสวนยางยังสามารถสร้างความชุ่มชื้นทำให้ต้นยางให้น้ำยางในปริมาณที่มากกว่าในพื้นที่อื่น อีกทั้งขณะนี้ สละพันธุ์เนินวงษ์มีรสชาติที่หวานอร่อย ซึ่งขายในราคากิโลกรัมละ 50 บาท ซึ่งทำรายได้ให้ปีละ 70,000-100,000 บาท นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ได้ทดลองปลูกต้นอินทผาลัม เพื่อเป็นรายได้เสริม รวมทั้งจะขยายพื้นที่ปลูกสละพันธุ์สุมาลีในเนื้อที่ 8 ไร่ และในอนาคตจะขยายให้เต็มพื้นที่ที่ตนมีอยู่ 50 ไร่ นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมเวทีเสวนา "สื่อมวลชนกับการประชาสัมพันธ์โครงการพระราชดำริ ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ณ บ้านเขาชัน ย้อนรอยประวัติศาสตร์รัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2432 คราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสพัทลุง ได้ทรงเสด็จจับกรจงที่บ้านเขาชัน จ.พัทลุง เพื่อนำไปเลี้ยง และใช้บ้านเขาชันและหมู่เกาะสี่ เกาะห้า เป็นที่ประทับส่วนพระองค์และ พระราชโอรส ปัจจุบันบริเวณที่เสด็จจับกรจง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้ นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า เพื่อให้สื่อมีความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ในอันที่จะได้นำความรู้ไปปรับใช้สำหรับตัวเอง ทราบบทบาทหน้าที่ของสื่อ ในการหาช่องทางที่จะนำเสนอสิ่งที่ได้จากการศึกษาดูงานไปสู่ประชาชน ให้ประชาชนมีสติอยู่กับปัญหาได้ นอกจากนี้สื่อยังมีโอกาสมาสัมผัสเรียนรู้ ทราบถึงปัญหา การแก้ปัญหา สิ่งดึงดูดใจนำมาปรับใช้ นำไปเผยแพร่ได้อย่างถูกต้อง ให้ผู้รับสื่อนำไปใช้ได้ นำเสนอข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนหยิบไปใช้ได้ซึ่งจะทำให้สื่อได้เกิดมุมมองใหม่ มีแนวคิดที่กว้างไกลออกไป อีกทั้งนำไปขยายผลและเผยแพร่พระราชกรณียกิจ พร้อมทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน
สำหรับการปลูกพืชแซมยางนั้น ทางศูนย์ฯ ได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักเหมียงแซมยางเสริมรายได้ โดยในพื้นที่ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน มีเกษตรกรปลูกแซมยางกว่า 300 ไร่ ซึ่งเป็นการปลูกแบบปลอดสารพิษ สามารถเก็บขายได้กิโลกรัมละ 50 บาท กิ่งตอนกิ่งละ 10 บาท กิ่งตอนชำถุงละ 20 บาท ซึ่งถือเป็นรายได้เสริมแก่เกษตรกรชาวสวนยาง อีกทั้งการปลูกผักเหมียงในสวนยางยังสามารถสร้างความชุ่มชื้นทำให้ต้นยางให้น้ำยางในปริมาณที่มากกว่าในพื้นที่อื่น อีกทั้งขณะนี้ สละพันธุ์เนินวงษ์มีรสชาติที่หวานอร่อย ซึ่งขายในราคากิโลกรัมละ 50 บาท ซึ่งทำรายได้ให้ปีละ 70,000-100,000 บาท นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ได้ทดลองปลูกต้นอินทผาลัม เพื่อเป็นรายได้เสริม รวมทั้งจะขยายพื้นที่ปลูกสละพันธุ์สุมาลีในเนื้อที่ 8 ไร่ และในอนาคตจะขยายให้เต็มพื้นที่ที่ตนมีอยู่ 50 ไร่ นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมเวทีเสวนา "สื่อมวลชนกับการประชาสัมพันธ์โครงการพระราชดำริ ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ณ บ้านเขาชัน ย้อนรอยประวัติศาสตร์รัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2432 คราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสพัทลุง ได้ทรงเสด็จจับกรจงที่บ้านเขาชัน จ.พัทลุง เพื่อนำไปเลี้ยง และใช้บ้านเขาชันและหมู่เกาะสี่ เกาะห้า เป็นที่ประทับส่วนพระองค์และ พระราชโอรส ปัจจุบันบริเวณที่เสด็จจับกรจง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้ นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า เพื่อให้สื่อมีความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ในอันที่จะได้นำความรู้ไปปรับใช้สำหรับตัวเอง ทราบบทบาทหน้าที่ของสื่อ ในการหาช่องทางที่จะนำเสนอสิ่งที่ได้จากการศึกษาดูงานไปสู่ประชาชน ให้ประชาชนมีสติอยู่กับปัญหาได้ นอกจากนี้สื่อยังมีโอกาสมาสัมผัสเรียนรู้ ทราบถึงปัญหา การแก้ปัญหา สิ่งดึงดูดใจนำมาปรับใช้ นำไปเผยแพร่ได้อย่างถูกต้อง ให้ผู้รับสื่อนำไปใช้ได้ นำเสนอข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนหยิบไปใช้ได้ซึ่งจะทำให้สื่อได้เกิดมุมมองใหม่ มีแนวคิดที่กว้างไกลออกไป อีกทั้งนำไปขยายผลและเผยแพร่พระราชกรณียกิจ พร้อมทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน
กำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ตำบลลำภูรา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบางดี และครูโรงเรียนบางดีวิทยา ในการซ่อมแซมอุปกรณ์การเรียน นำของเก่ามาปรับปรุงใหม่ เพื่อเตรียมก่อนเปิดเทอม
นายสนิท ชูเมือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ขอความร่วมช่วยเหลือจากพันเอกฐนิตพนธ์ หงส์วิไล ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ตำบลลำภูรา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ขอกำลังทหารมาช่วยเหลือในการซ่อมแซมอุปกรณ์การเรียนให้กับนักเรียนที่โรงเรียนบางดีวิทยาคม หมู่ที่ 10 ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง หลังได้รับหนังสือขอความร่วมมือจึงได้สั่งการให้ร้อยโทบุญส่ง ทองมาก รองผู้บังคับกองร้อยสนับสนุนการรบ นำกำลังพลจำนวน 10 นาย ไปช่วยองค์การบริหารส่วนตำบลบางดีและครูโรงเรียนบางดีวิทยาคม โดยการนำโต๊ะ เก้าอี้ ที่ชำรุดใช้งานไม่ได้ มาทำการซ่อมแซมและทาสีใหม่ ซึ่งมีโต๊ะที่ชำรุดจำนวนมาก การที่นำโต๊ะ เก้าอี้ มาเก่ามาทาสีและซ่อมแซมใหม่ ทำให้ทางโรงเรียนประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อโต๊ะ เก้าอี้ ใหม่ได้จำนวนมาก
นอกจากนี้ทางพระวิเชียร สุทธิญาโน เจ้าอาวาสที่พักสงฆ์ถ้ำพญานาคราช อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ได้บริจาคเงินช่วยเหลือโรงเรียน 3หมื่นบาท ในการซื้ออุปกรณ์ที่นำมาซ่อมแซมให้กับโรงเรียน ทั้งนี้โรงเรียนบางดีวิทยาคม เปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มีนักเรียน จำนวน 375 คน คณะครูและนักการภารโรง จำนวน 30 คน ส่วนที่เด็กเรียนที่เดินทางมาเรียนนั้นเป็นเด็กนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอดและเด็กที่มาจาก อำเภอบางยัน จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากอยู่ใกล้และเป็นเขตรอยต่อระหว่างจังหวัด การที่หน่วยทหารเข้ามาช่วยเหลือทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่าวนท้องถิ่นและโรงเรียน สร้างความดีใจให้กับโรงเรียนเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ทางพระวิเชียร สุทธิญาโน เจ้าอาวาสที่พักสงฆ์ถ้ำพญานาคราช อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ได้บริจาคเงินช่วยเหลือโรงเรียน 3หมื่นบาท ในการซื้ออุปกรณ์ที่นำมาซ่อมแซมให้กับโรงเรียน ทั้งนี้โรงเรียนบางดีวิทยาคม เปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มีนักเรียน จำนวน 375 คน คณะครูและนักการภารโรง จำนวน 30 คน ส่วนที่เด็กเรียนที่เดินทางมาเรียนนั้นเป็นเด็กนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอดและเด็กที่มาจาก อำเภอบางยัน จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากอยู่ใกล้และเป็นเขตรอยต่อระหว่างจังหวัด การที่หน่วยทหารเข้ามาช่วยเหลือทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่าวนท้องถิ่นและโรงเรียน สร้างความดีใจให้กับโรงเรียนเป็นอย่างมาก
อบจ.ตรังจัดโครงการฝึกอบรมเทคนิคการลับมีดกรีดยางให้กับชาวบ้านบนเกาะมุกด์ ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง
ที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนบ้านเกาะมุกด์ หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จ.ตรัง นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจ.ตรัง นายสิทธิ หลีกภัย เลขานุการนายกอบจ.ตรัง เจ้าหน้าที่กองแผนและงบประมาณ อบจ.ตรัง และผู้ใหญ่บ้าน เป็นประธานและร่วมในพิธีเปิดการฝึกอบรม "หลักสูตรเทคนิคการลับมีดกรีดยางพารา” รุ่นที่ 8 ประจำปีงบประมาณ 2557 โดยองค์การบริหารส่วนจ.ตรัง ได้ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจ.ตรัง จัดทำโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ในปีงบประมาณ 2557 จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นอีก มีเป้าหมายในการฝึกอบรม จำนวน 3,000 คน จำนวน 30 รุ่น แบ่งการฝึกอบรมเป็นรุ่นๆละ 100 คน ใช้เวลาฝึกอบรม 1 วัน สำหรับครั้งนี้มีเข้าร่วมการฝึกอบรมจำนวน 100 คน โดยสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจ.ตรัง เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการถ่ายทอดให้ความรู้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมครั้งนี้ทางองค์การบริหารส่วนจ.ตรังเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้กรีดยางพาราให้เป็นนักลับมีดกรีดยางที่มีฝีมือ เรียกว่า "ช่างลับมีดกรีดยางมือชีพ”
โดยทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการลับมีดกรีดยาง การดูแลรักษาสวนยางพาราที่ถูกต้อง ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งโค่นต้นยางเพื่อปลูกแทนรอบใหม่ และที่สำคัญคือทุกคนจะได้ทราบหลักการกรีดยางอย่างน้อย 4 ประการคือ การลับมีดอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพส่งผลให้มีปริมาณน้ำยางในการกรีดต่อครั้งสูง,การกรีดอย่างไรให้น้ำยางมากที่สุด,กรีด ยางอย่างไรให้ต้นยางเสียหายน้อยที่สุดและกรีดได้นานที่สุดและกรีดยางอย่างไร จึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทั้งนี้นอกจากความรู้และเทคนิคต่างๆแล้ว ผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับมีดกรีดยางและหินลับมีดคนละ 1 ชุดเพื่อนำไปฝึกปฏิบัติจริง สำหรับเกาะมุกด์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลชื่อดังแห่งหนึ่งของจ.ตรัง การเดินทางต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะเพียงอย่างเดียว ใช้เวลาจากท่าเรือโดยสารประมาณ 25-30 นาที มีประชาชนประกอบอาชีพทำสวนยางพารากว่าร้อยละ 50 ของประชากรบนเกาะ หรือกว่าพันคน
โดยทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการลับมีดกรีดยาง การดูแลรักษาสวนยางพาราที่ถูกต้อง ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งโค่นต้นยางเพื่อปลูกแทนรอบใหม่ และที่สำคัญคือทุกคนจะได้ทราบหลักการกรีดยางอย่างน้อย 4 ประการคือ การลับมีดอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพส่งผลให้มีปริมาณน้ำยางในการกรีดต่อครั้งสูง,การกรีดอย่างไรให้น้ำยางมากที่สุด,กรีด ยางอย่างไรให้ต้นยางเสียหายน้อยที่สุดและกรีดได้นานที่สุดและกรีดยางอย่างไร จึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทั้งนี้นอกจากความรู้และเทคนิคต่างๆแล้ว ผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับมีดกรีดยางและหินลับมีดคนละ 1 ชุดเพื่อนำไปฝึกปฏิบัติจริง สำหรับเกาะมุกด์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลชื่อดังแห่งหนึ่งของจ.ตรัง การเดินทางต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะเพียงอย่างเดียว ใช้เวลาจากท่าเรือโดยสารประมาณ 25-30 นาที มีประชาชนประกอบอาชีพทำสวนยางพารากว่าร้อยละ 50 ของประชากรบนเกาะ หรือกว่าพันคน
นายกอบจ.ตรัง ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านบนเกาะมุกด์ หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง นายสิทธิ หลีกภัย เลขานุการนายกอบจ.ตรัง ลงพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านเกาะมุกด์ ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านจากนายอนุชา กึกก้อง ผู้ใหญ่บ้าน นายอะเหร็น พระคง ประธานชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง และชาวบ้านในพื้นที่ โดยปัญหาเร่งด่วนคือขาดแหล่งน้ำกิน น้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง ชาวบ้านเดือดร้อนหลายร้อยครัวเรือน / ปัญหาการบริหารจัดการขยะ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพอนามัยและภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และปัญหาถนนหนทาง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อบจ.ตรัง จะส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ เพื่อแก้ปัญหาต่อไป
จ.ตรัง เตรียมจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557
ที่ห้องประชุมหาดเจ้าไหม ศาลากลางจังหวัดตรัง ชั้น 5 นายนิพันธ์ ศิริธร ปลัดจังหวัดตรัง เป็นประธานในการประชุมหารือการจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก จังหวัดตรังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 11-17 พฤษภาคม 2557 โดยกำหนดแนวทางการจัดกิจกรรมมากมาย อาทิ การรณรงค์ให้พุทธศาสนิกชนแต่งกายด้วยชุดสีขาว หรือชุดปฏิบัติธรรมโดยพร้อมเพรียงกัน และรณรงค์การลด ละ เลิกอบายมุข การประดับธงทิวตามอาคารบ้านเรือน ร้านค้า สถานที่ราชการ การเจริญจิตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ การแสดงตนเป็นพุทธมามกะบูชา เนืองในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ การเดิน-วิ่งสมาธิ การจัดนิทรรศการ เป็นต้น การอุปสมบทหมู่ 199 รูป (จังหวัดละ 2 รูป) ระหว่างวันที่ 4-19 พฤษภาคม 2557 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งนี้ วันวิสาขาบูชาเป็นวันที่มีความสำคัญยิ่งทางพุทธศาสนา ที่ทุภาคส่วนจะต้องให้ความสำคัญและร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันดังกล่าวอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการส่งเสริมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญมั่นคงสืบไป
จังหวัดกระบี่ มอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจำนวน 3 ราย
จังหวัดกระบี่มอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจำนวน 3 ราย
วันนี้ 29 เมษายน 2557 เวลา 09.30 น.ณ ห้องประชุมพนมเบญจา ชั้น ๕ ศาลากลางจังหวัดกระบี่(หลังใหม่)นายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนเมษายน 2557 โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เข้าร่วมประชุมประมาณ 150 คน มีวาระก่อนการประชุมประจำเดือนที่สำคัญได้แก่การมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจำนวน 3 รายได้แก่ นายโกวิท ดารารักษ์ สังกัดสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่ นางเอมอร ปิติ สังกัดโรงเรียนอนุบาลกระบี่ และนายโมทฐดล หนูเชื้อ สังกัดที่ทำการปกครองจังหวัดกระบี่
สำหรับแนวทางในการทำงานของข้าราชที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้มีแนวทางจนได้รับคัดเลือกเป็นข้าราชการดีเด่นส่วนใหญ่ว่า เป็นการทำงานที่เน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงานจะลง พื้นที่บ่อยเพื่อรับทราบปัญหา พร้อมทั้งมีการจัดเวทีประชาคม เพื่อรับฟังความคิดเห็น ของประชาชน ให้มีการแสดงออกมากที่สุด ให้ชาวบ้านรู้สึกว่าเป็นเจ้าของชุมชนอย่างแท้จริง สำหรับผลงานที่ดีเด่นที่ผ่านมาก็จะเป็นการให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องที่สำคัญ เช่นเศรษฐกิจพอเพียง โดยจะพยายามบอกกับชาวบ้านถึงการลดรายจ่าย สร้างรายได้ ให้รู้จักประหยัดอดออม รณรงค์ให้มีการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ครบทุกหมู่บ้าน รวมทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชน จัดให้มีการเรียนรู้เทคโนโลยีที่เหมาะสม จนประสบผลสำเร็จให้ประชาชนในจังหวัดกระบี่มีความรู้สึกรักจังหวัดกระบี่ ให้ปลอดจากยาเสพติด
สัมภาษณ์ นายโมทฐดล หนูเชื้อ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดกระบี่
หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
ขนส่งจังหวัดกระบี่ ตั้งเป้าประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย ปี 57 หมวดอักษร กฉ ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
ขนส่งจังหวัดกระบี่ ตั้งเป้าประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย ปี 57 หมวดอักษร กฉ ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
นายวรวุฒิ มาอินทร์ ขนส่งจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าสำนักงานขนส่งจังหวัดกระบี่กำหนดจัดให้มีการประมูลหมายเลขทะเบียนรถซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยมของประชาชนหรือป้ายเลขสวย ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หมวดอักษร กฉ ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม 57 -1 มิถุนายน 57 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ห้องนพรัตน์ธารา โรงแรมมาริไทม์ ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ โดยหมายเลขทะเบียนรถที่จะนำมาประมูลครั้งนี้ มีจำนวน 301 หมายเลข และแผ่นป้ายทะเบียนรถทั่วไป
โดยพื้นหลังป้านทะเบียนจะเป็นภาพกราฟฟิคที่โดดเด่นสวยงาม แสดงถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดกระบี่ ซึ่งจะเป็นรูปเขาขนาบน้ำ และทะเบียนรถยนต์ที่ได้จากการประมูลจะเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ที่ประมูลได้ สามารถนำไปขายต่อ หรือมอบให้บุคคลอื่นก็ได้ สำหรับเงินรายได้ที่ได้จากการประมูลทั้งหมดจะนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อใช้ในการรณค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือผู้พิการจากการใช้รถใช้ถนน เป็นการให้ผู้ร่วมประมูลหมายเลขทะเบียนเลขสวย เป็นผู้สร้างกุศลอีกทางหนึ่ง
สำหรับปี 57 นี้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดกระบี่ได้ตั้งเป้าประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย ปี 57 หมวดอักษร กฉ ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท โดยเงินที่ได้ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ประโยชน์เพื่อช่วยเหลือสังคม
ผู้ที่สนจะเข้าร่วมประมูลสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 57 ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดกระบี่ และวันที่ 31 พฤษภาคม 57 -1 มิถุนายน 57 สามารถลงทะเบียนได้ที่ บริเวณสถานที่จัดการประมูล ณ ห้องนพรัตน์ธารา โรงแรมมาริไทม์ ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 075-611288 และ 075611856
หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)