วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โครงการสมัชชาป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม

นายปฐม สาธิตานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิด "โครงการสมัชชาป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม" จัดโดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองในการป้องกันและแก้ไขปัญหา พร้อมกับสร้างแกนนำให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในชุมชนเบื้องต้นได้ โดยมีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด กรรมการผู้ทรงวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด คณะอนุกรรมการสหวิชาชีพจังหวัด คณะกรรมการส่งเสริมความประพฤตินักเรียน นักศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เข้าร่วมเสวนาและระดมความคิดเห็นในการหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำนวนมาก

สืบเนื่องมาจากปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น ปัจจุบันเป็นปัญหาสำคัญ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางประเพณีวัฒนธรรมสังคม รวมทั้งความเชื่อทางเพศที่ผิดๆ ซึ่งการตั้งครรภ์ไม่พร้อมอาจก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวและสังคม เนื่องจากสภาพความไม่พร้อมของบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบทั้งสองฝ่าย ปัญหาการปรับตัว ฐานะ วุฒิภาวะ ความรับผิดชอบ การทะเลาะเบาะแว้ง ย่อมทำให้เกิดปัญหาภายในครอบครัวตลอดจนการหมดโอกาสในการเรียนต่อ เพราะต้องรับภาระหน้าที่ความเป็นพ่อแม่ก่อนวัยอันควร ซึ่งมีผลต่อการสร้างรากฐานการดำเนินชีวิตตามสังคมที่ยอมรับได้

ดังนั้นการเรียนรู้และเข้าใจผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ไม่พร้อม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ต่อพฤติกรรมทางเพศจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร เป็นองค์กรขับเคลื่อนการทำงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 จึงได้จัดโครงการเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในสังคมต่อไป 

กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวิชาการ ภายใต้ชื่อ “ภาคภูมิ...ยินดี ศักดิ์ชาวชุมพร”

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 57 สำนักงานเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวิชาการ ภายใต้ชื่อ "ภาคภูมิ...ยินดี ศักดิ์ชาวชุมพร” ครั้งที่ 4 โดยได้รับเกียรติจาก นายเกษม สดงาม ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เดินทางมาเป็นประธานพร้อมด้วย นายวัลลพ สงวนนาม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 โดยนักเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียน ในสังกัดเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ กว่า 600 คน

ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 ได้พัฒนาคุณภาพการศึกษา ภายใต้แนวคิดหลักการเชื่อโยงนโยบายสู่การปฏิบัติ เร่งพัฒนาคุณภาพอย่างเป็นระบบ ด้วย 8 จุดเน้นสู่ระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ครบถ้วนการประเมิน จัดให้มีการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษาโดยเครือข่ายสถานศึกษา จัดกลุ่มคุณภาพโรงเรียน ประเมินความพึงพอใจอย่างรอบด้าน บรรลุเป้าหมายความสำเร็จ "เด็กชุมพรวันนี้ เก่งดีถ้วนหน้า” ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 เพื่อนำเสนอผลงานของนักเรียนที่ได้เข้าร่วมประกวดและแข่งขันในงานศิลปะหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 63 และเผยแพร่ความก้าวหน้าทางวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของครูและนักเรียน รวมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติ ซึ่ง ชุมพรเขต 1 ได้รับรางวัลเหรียญทองสูงสุดระดับชาติ ไม่นับนักเรียนร่วม 35 เหรียญทอง 15 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง และหากนับนักเรียนร่วมด้วย จะได้เป็นลำดับที่ 2 ระดับชาติ 44 เหรียญทอง 17 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง

ทั้งนี้ภายในงานได้จัดกิจกรรมหลายอย่าง อาทิ การจัดนิทรรศการและการสาธิตผลงานทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของนักเรียนที่ผ่านการประกวดและการแข่งขันระดับชาติมาแสดงผลงาน การเสวนาทางวิชาการของครูผู้สอนที่พัฒนานักเรียนจนประสบความสำเร็จ และการมอบโล่และเกียรติบัตรสำหรับ 34 โรงเรียนที่ได้รับรางวัลระดับชาติ 

สำรวจเส้นทางการจราจรสายใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดของถนนสายรอบเกาะสมุย

 รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุยนำทีมสำรวจเส้นทางการจราจรสายใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดของถนนสายรอบเกาะสมุย

วันนี้ ( 27 ก.พ.57 ) นายสุธรรม สามทอง รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย กล่าวขณะนำทีมสำรวจเส้นทางการจราจรสายใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางการจราจร และเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดของถนนสายรอบเกาะสมุยด้วยปัจจุบันเกาะสมุยมีปัญหาการจราจรติดขัดมากขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนมากนิยมเช่ารถยนต์เพื่อขับไปเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ บวกกับถนนรอบเกาะสมุยเป็นถนนที่รถวิ่งได้สองเลนเท่านั้นจึงเกิดปัญหาการจราจรติดขัดอย่างมาก โดยเฉพาะเส้นทางถนนสายรอบเกาะ คือเส้นทางบริเวณบ้านแม่น้ำจนถึงถนนเส้นทางฝั่งเฉวงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างมาก

เทศบาลนครเกาะสมุยจึงได้ลงสำรวจเส้นทางการจราจรสายใหม่ที่ตัดถนนจากแม่น้ำซอย1 ไปจนถึงถนนเส้นละไมซึ่งขณะนี้ได้มีการออกสำรวจติดตั้งป้ายจราจร และป้ายบอกสถานที่ตำแหน่งท่องเที่ยวหลักๆ โดยเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด

สำหรับเส้นทางสายใหม่ที่ลงสำรวจนั้น ปกติจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวบ้างส่วนได้มีการใช้เส้นทางอยู่แล้วแต่ยังไม่มากนักเนื่องจากหลายคนยังไม่รู้จักเส้นทางซึ่งหลังจากมีการติดตั้งป้ายจราจรเสร็จสิ้นแล้ว เทศบาลนครเกาะสมุยก็จะมีแผนประชาสัมพันธ์ในการเปิดเส้นทางสายใหม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับรู้ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง  

พังงา แล้งอย่างหนักในรอบ 8 ปี เกษตรจังหวัดเตรียมขอพระราชทานฝนหลวงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

จังหวัดพังงา ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักในรอบ 8 ปี เกษตรจังหวัดเตรียมขอพระราชทานฝนหลวงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

นายยรรยง วัฒนศรี เกษตรจังหวัดพังงา กล่าวใน พื้นที่หลายแห่งในจังหวัดพังงาประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วง และเกิดภัยแล้งต่อเนื่องมานานกว่า 3 เดือน ทำให้พื้นที่การเกษตรหลายแห่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมทั้งเกิดอัคคีภัยเผาผลาญไม้ผล และไม้ยืนต้นเสียหายแล้วหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในอำเภอตะกั่วป่า อำเภอเมืองพังงา อำเภอท้ายเหมือง และอำเภอคุระบุรี ซึ่งความแห้งแล้งทำให้เกิดไฟป่าเผาต้นยางพารา และต้นปาล์มน้ำมันได้รับความเสียหายไปแล้วไม่น้อยกว่า 800 ไร่ ทั้งนี้ จึงได้แจ้งเตือนให้เกษตรกรเฝ้าระวังอัคคีภัย และหาทางป้องกันไว้เป็นการด่วน รวมทั้งให้จัดหาแหล่งน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง เพื่อป้องกันความเสียหายทางด้านการเกษตรอีกด้วย

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเกษตรขณะนี้คือ พืชขาดแคลนน้ำ จะทำให้ผลผลิตลดต่ำลง ซึ่งจังหวัดพังงา มีพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ประกอบด้วย ยางพารา จำนวน 807,834 ไร่ ปาล์มน้ำมัน จำนวน 153,392 ไร่ ไม้ผล จำนวน 69,903 ไร่ เพื่อเป็นการแก้ไข และลดความรุนแรงของปัญหา ทางจังหวัดพังงาได้ส่งรายงานสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงที่เกิดขึ้นในจังหวัดพังงาตั้งแต่ปลายปี 2556 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ส่งผลกระทบต่อน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ถึงอธิบดีฝนหลวงและการบินเกษตรเพื่อขอความอนุเคราะห์พิจารณาปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่จังหวัดพังงาต่อไป

จังหวัดสตูล จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ประจำปี ๒๕๕๗

(๒๗ ก.พ.๕๖) นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดสตูล ประจำปี ๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมโต๊ะหยงกง ศาลากลางจังหวัดสตูล

ทั้งนี้จังหวัดสตูล ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งประจำปี ๒๕๕๗ เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้ง ด้วยการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อการเลี้ยงสัตว์ และน้ำเพื่อการเกษตร สาระสำคัญการประชุม จังหวัดได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสตูล รวบรวมข้อมูล เตรียมขอฝนหลวง จากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งได้มาจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ เป็นการเฉพาะ ณ กองบิน ๕๖ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป พร้อมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานในจังหวัด อาทิ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล กองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๕ หน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ ๔๕ สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสตูล แขวงการทางสตูล เป็นต้น จัดสรร รถบรรทุกน้ำ/เครื่องจักร เพื่อช่วยเหลือปัญหาภัยแล้ง โดยมีสำนักงานการประปาภูมิภาคสาขาสตูล สนับสนุนน้ำประปาให้แก่ส่วนราชการที่มาขอรับเพื่อนำไปแจกจ่ายราษฎรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค โดยผู้ได้รับความเดือดร้อนสามารถสอบถามรายละเอียดเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล โทรศัพท์ ๐-๗๔๗๒-๒๑๒๑–๒

เครือข่ายประชาสัมพันธ์สงขลา เยี่ยมชม ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อ.คลองหอยโข่ง ตามโครงการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

วันนี้ (27 ก.พ.57) ที่ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อ.คลองหอยโข่ง  จ.สงขลา สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรมเวทีเสวนาและศึกษาดูงานโครงการตามพระราชดำริ เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจ พระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยมี สมาชิกอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน (อปม.) และสื่อมวลชนของจังหวัดสงขลา กว่า 50 คน เข้าร่วมกิจกรรม

นายดำรง เศวตพรหม ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลากล่าวว่า การศึกษาดูงานฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริฯ เป็นกิจกรรมตามโครงการตามพระราชดำริ เพื่อประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา ได้รับมอบหมายจากกรมประชาสัมพันธ์ ในการจัดกิจกรรมโครงการเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจ พระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความตระหนักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหา กษัตริย์ไทย

สมาชิกอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน (อปม.) และสื่อมวลชน ซึ่งเป็นเครือข่ายประชาสัมพันธ์ของจังหวัดสงขลา ที่มาเยี่ยมชมศึกษาดูงานในครั้งนี้ สามารถนำ ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการศึกษาดูงานครั้งนี้ ไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สู่ชุมชน สู่ประชาชนอย่างกว้างขวางต่อไป

สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ดูงานแหล่งเรียนรู้ในการทำอาชีพทางการเกษตร อาทิ พื้นที่แปลงเกษตร นาข้าว งานประมง งานปศุสัตว์ งานพืชผัก พืชไร่ ไม้ผล งานเพาะเห็ด งานปรับปรุงดิน เป็นต้น และในภาคบ่ายกิจกรรมเสวนาแนวทางการนำความรู้ที่ได้รับจากการดูงานโรงการ ฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อไป

ผู้ว่าฯ สงขลา เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดสงขลา พร้อมมอบเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ”

ที่ศาลากลาง จ.สงขลา อ.เมืองสงขลา วันนี้ (27 ก.พ.) นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดสงขลา พร้อมเป็นประธานมอบเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมประชุม จำนวนกว่า 200 คน    

ในโอกาสนี้ นายกองตรี จิรโรจน์ สำแดง ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย ได้มีประกาศว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดนอัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ประดิษฐานบนเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” และต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” แก่ผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน เพื่อมอบแก่ผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ และผู้ประกอบคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อกิจการกองอาสารักษาดินแดน และประเทศชาติเป็นส่วนรวมสมควรได้รับการยกย่องเป็นพิเศษ

กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดน จึงได้มีประกาศเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2556 มอบเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” แก่ นายศิลปชัย เรือนสูง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง นายอำเภอคลองหอยโข่ง

พระราชทานเพลิงศพ กปปส.ยะลา เหยื่อสลายการชุมนุม มวลชนนับ 1,000 เข้าร่วมไว้อาลัย

วันที่ 27 ก.พ. 57 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ฌาปณสถาน ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.อ.เพิ่มศักดิ์ พวงสาโรจน์ หัวหน้าคณะทำงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คณะที่ 1 เป็นประธานในพิธี พระราชทานเพลิงศพ นายศรัทธา แซ่ด่าน แกนนำ กปปส.ยะลา จ.ยะลา ที่ถูกยิงเสียชีวิต จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 18 ก.พ.57 ที่ผ่านมา โดยมีนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล สว.ปัตตานี ญาติและมวลชน กปปส.ยะลา กว่า 2,000 คน เข้าร่วม ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าโศกเสียใจของญาติพี่น้อง และมวลชนผู้ร่วมอุดมการณ์

โอกาสนี้ ด.ญ.อัญมนี แซ่ด่าน บุตรสาว ได้อ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานหีบเพลิง แก่ นายศรัทธา แซ่ด่าน ซึ่งนับเ ป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เป็นเกียรติอันสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และวงศ์ตระกูลแซ่ด่านอย่างหาที่สุดมิได้  จากนั้นประธานในพิธีได้มอบธงชาติ และมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวจำนวนหนึ่ง

สำหรับนายนายศรัทธา แซ่ด่าน เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2513 ที่ต.ตะเครียะ อ.ระโนด จ.สงขลา เป็นบุตรของคุณพ่อแดงและคุณแม่ขิน แซ่ด่าน มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา 12 คน เป็นบุตรคนที่ 8 ของครอบครัว สมรสกับนางจงจิตร แซ่ด่าน มีบุตร 3 คน สำหรับนายศรัทธา แซ่ด่าน อดีตเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสะเตงนอก เมื่อปี 2551 เป็นประธานชมรมเยาวชนสัมพันธ์ในชุมชนสวนส้มยะลา จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน และทำหน้าที่เป็น ผบ.ร้อยอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) ในโครงการพระราชดำริ ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ วาระสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ได้เข้าร่วมชุมนุม กปปส.กับมวลมหาชน ณ กรุงเทพมหานคร และถูกยิงที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า จากการสลายการชุมนุม และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ก.พ.57 (เวลา 18.30 น.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ได้เป็นประธานในพิธีสวดอภิธรรมศพนายศรัทธา แซ่ด่าน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือส่วนตัวจำนวนหนึ่งให้กับนางจงจิตร แซ่ด่าน ครอบครัวผู้สูญเสีย


ยุทธนา จันทร์วิมาน  ส.ปชส.ยะลา

ศอ.บต.หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันหามาตรการการเสริมสร้างความปลอดภัย และความเข้มแข็งของหมู่บ้านในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้บ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อการสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในภาพรวม โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนเป้าหมายอ่อนแอที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสงขลา นายอำเภอ ป้องกันจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อปรึกษาหารือร่วมกำหนดมาตรการการเสริมสร้างความปลอดภัยและความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชนในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 (เวลา 14.30 น) ณ ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารเอนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)  โดยมีพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักประสานนโยบายสังคมจิตวิทยา  และผู้อำนวยการสำนัก/กอง ศอ.บต. เข้าร่วมประชุม

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นนั้น ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันทำอย่างไรให้ประชาชนมีความปลอดภัย รวมถึงการสร้างหลักประกันและหามาตรการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น โดยเฉพาะกับผู้บริสุทธิ์และกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ เช่น พระ ครู เด็ก สตรี คนชรา ให้พวกเขามีความปลอดภัย ขณะเดียวกันจะต้องจัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปพูดคุยกับพระเพื่อลดความหวาดระแวง และไม่อยากให้ชาวบ้านเชื่อข่าวลือ และนำข่าวลือเป็นข้อเท็จจริง การจะพิสูจน์ว่าใครกระทำผิดจะต้องมีพยาน หลักฐานให้ชัดเจน ถ้ายังไม่ชัดเจนอย่าเพิ่งสรุปว่าเป็นการกระทำของใคร ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย อยากให้คนในหมู่บ้านสร้างความเข้มแข็งในแต่ละกลุ่มให้สามารถดูแลตนเองได้ โดยให้อยู่กันอย่างพี่น้องกันเพื่อจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทางภาครัฐก็จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน เข้าไปพบปะเยี่ยมเยียน เพื่อช่วยกันบริหารความรู้สึกของชาวบ้าน ที่สำคัญคือ เราจะทำอย่างไรให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจและนึกถึงเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอันดับแรก เมื่อมีเรื่องเดือดร้อน ที่สำคัญ หน่วยงานของภาครัฐเองก็ต้องปฏิบัติและดูแลพื้นที่ของตนอย่างเข้าใจและเข้าถึง ด้วยเช่นกัน

สสค. จัดโครงการพี่ร้องให้น้องได้เรียนครั้งที่ 2 เข้ากองทุนพี่ร้องให้น้องเรียน ก.ย.57 นี้

นายสุธี อารีย์พงศ์  ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลบ้านสามกอง กล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) คณะกรรมการปฎิรูปการเรียนรู้จังหวัดภูเก็ต และกลุ่มศิลปินแกรมมี่ จัดมหกรรมคอนเสิร์ต “พี่ร้องให้น้องได้เรียน The Musical ตอน สมองสองข้างสร้างสรรค์เมืองภูเก็ตเรา” ภายใต้โครงการ ส่งเสริมความสามารถพิเศษด้านงานศิลป์ Natural & Cultural Art in Phuket เพื่อระดมทุนก่อตั้ง “มูลนิธิสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต” และสร้างกองทุน” พี่ร้องให้น้องได้เรียนเพื่อเป็นที่ปรึกษาทิศทางของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษาให้เยาวชนเมืองภูเก็ตโดยมีศิลปินเข้าร่วมมากมาย เช่นอาจารย์ สังคม  ทองมี ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ ซึ่งจะจัดขึ้นที่ แอฟโฟร์ไดท์ คาบาเร่โชว์ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 15 เดือนกันยายน 2556ที่ผ่านมาซึ่งได้จัดตั้ง กองทุนพี่ร้องให้น้องได้เรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
โดยในครั้งนี้ทางคณะผู้จัดมีความประสงค์ต้องการจัดโครงการพี่ร้องให้น้องได้เรียนครั้งที่ 2 ขึ้นในเดือนกันยายน 2557 ขึ้นอีกครั้ง โดยนำศิลปินด้านศิลปะเช่นอาจารย์ สังคม  ทองมี มาให้ความรู้แก่เยาวชนภูเก็ตในด้านการศึกษาศิลปะ อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เยาวชนภูเก็ตมีความสามารถพิเศษและสนใจงานศิลปะแขนงอื่นๆได้รับการส่งเสริมอีกด้วย นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าวแล้วสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) คณะกรรมการปฎิรูปการเรียนรู้จังหวัดภูเก็ต และกลุ่มศิลปินแกรมมี่ ยังร่วมกันสอนทักษะให้ผู้เรียนสามารถฝึกปฎิบัติทางวิชาศิลปะให้มีความรู้ใหม่ๆ ใช้เวลาว่าให้เกิดประโยชน์รู้จักการทำงานเป็นทีม และเป็นการกระตุ้นให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันมาสนใจการส่งเสริมให้ลูกหลานของตนพัฒนาสมองซีกขวามากขึ้นอีกด้วย

ภูเก็ตเจ้าภาพบาสเกตบอลนักเรียนเฉลิมพระเกียรติฯ ชิงแชมป์ประเทศไทย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.พ.57 นายธัชชเวชว์   จันทร์สุขศรี ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 14 เป็นประธานการประชุมคระกรรมการแข่งขันบาสเกตบอลนักเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าศิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2557  รอบชิงชนะเลิศแห่งประแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 28 ส.ค.-4 ก.ย. 57 โดยมี นายสาโรจน์  อังคลาพิลาส นายกสมาคมกีฬาภูเก็ต
นายเกียรติศักดิ์ ปิลวาสน์  อุปนายกสมาคมกีฬาภูเก็ต นายอุเทน  จิตต์สำรวย ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีภูเก็ต  นายชลำ  อรรถธรรม ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายเกียรติศักดิ์  กล่าวว่า  การแข่งขันบาสเกตบอลนักเรียนถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าศิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ “SPONSOR  THAILAND  CHAMPIONSHIP” นับว่าเป็นการพัฒนากีฬาบาสเกตบอลที่สำคัญของประเทศไทยเพราะเป็นการจัดการแข่งขันระดับรากหญ้า ปูพรหมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เป็นเสาหลักที่จะสร้างนักกีฬาบาสเกตบอลตั้งแต่ระดับเยาวชน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ความเป็นเลิศในระดับทีมชาติต่อไปในอนาคต ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังโครงการอันได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้สนับสนุนภาคเอกชนอันได้แก่ เครื่องดื่มเกลือแร่สปอนเซอร์ ได้เข้าไปอยู่ในใจของนักกีฬา เพราะจัดได้ว่าโครงการแข่งขันบาสเกตบอลหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน 12 ปี และในปีนี้ปีที่ 13 เปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าร่วมแข่งขันได้ทั่วทุกคน ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

นายธัชชเวชว์  กล่าวว่า ทางเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 14 ร่วมกับโรงเรียนสตรีภูเก็ตจัดการแข่งขันบาสเกตบอลนักเรียนเฉลิมพระเกียรติฯ ชิงแชมป์ประเทศไทยและชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าศิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพ จึงได้จัดการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันและได้มอบหมายงานให้แต่ละฝ่ายร่วมกันรับผิดชอบ ซึ่งทีมที่เข้าแช่งขันในครั้งนี้เป็นระดับนักเรียนทั้งหมด ที่สำคัญยังเป็นการมอบการเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้ศึกษานอกห้องเรียนในด้านการกีฬา

การแข่งขันเทควันโดนานาชาติภูเก็ต แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557 ที่จังหวัดภูเก็ต 3 พ.ค.57 นี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.พ.57 ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับนายสาโรจน์  อังคลาพิลาส นายกสมาคมกีฬาจังหวัดภูเก็ต นางกิระนุช  ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา และคณะผู้จัดการแข่งขันเทควันโดนานาชาติภูเก็ต แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557 เนื่องในโอกาสเข้าหารือการจัดการแข่งขันกีฬาดังกล่าว

นางกิระนุช กล่าวว่า การแข่งขันเทควันโดนานาชาติภูเก็ต แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557
จะจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 2557 ที่ศูนย์กีฬาเทศบาลนครภูเก็ต โรงยิมเนเซียม 4000 ที่นั่ง โดยมี โค้ช เช ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทยและทีมเอเชียเข้าร่วมชมและเป็นกรรมการตัดสิน ซึ่งการแข่งขัน กีฬาในระดับนานาชาติจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มพูนกีฬาให้มีความคลาสสิค และสู่ความเป็นเลิศ นักกีฬาจะได้เพิ่มพูนทักษะ รวมถึงกรรมการได้มีความก้าวสู่นานาชาติด้วย

นางกิระนุช ยังกล่าวต่ออีกว่า การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ มี 10 ประเทศ โดยมีการตอบรับคำเชิญมาแล้วจำนวน 5 ประเทศได้แก่ จีน รัสเซีย เกาหลี มาเลเซีย ญี่ปุ่น และทีมนักกีฬาไทยจากทั่วทุกภูมิภาค
ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภูเก็ต สมคมเทควันโดแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดภูเก็ต และภาคเอกชน ที่ให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขันในครั้งนี้

สำหรับการแข่งขันเทควันโดนานาชาติภูเก็ต แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557ในครั้งนี้ผู้สนใจสามารถ สมัครด้วยตนเองทางออนไลน์ ส่งเอกสารสมัคร ทางอีเมล์ ที่
phuketintertkd@gmail.com ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2557

เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 เร่งพัฒนาท่าเรือท่องเที่ยวภาคใต้ฝั่งอันดามัน รับเออีซี

นายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 รับผิดชอบ 6 จังหวัดอันดามัน ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ สตูล ตรัง และระนอง กล่าวว่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค  ที่ 5 เดินหน้าพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ 6 จังหวัด พร้อมขุดลอกร่องน้ำ รับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ทั้งยังรองรับเออีซี ในปี 2558 ที่จะมีนักท่องเที่ยวและประชาชนในประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามายังไทยเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้  กรมเจ้าท่ามีโครงการรับประกันร่องน้ำหลักทั่วประเทศ 15 ร่องน้ำ สำหรับ 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน    มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน โดยร้อยละ 70 หรือกว่า 7 ล้านคนท่องเที่ยวทางน้ำหรือทางทะเล ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายหากไม่มีการควบคุมที่ดี หรือขาดความเป็นระเบียบ ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 จึงกำหนดมาตรการความปลอดภัยให้กับ สนง.เจ้าท่าทั้ง 6 แห่งนำไปปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยจะต้องไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสสำหรับการท่องเที่ยวทางน้ำ รวมทั้งการสร้างความปลอดภัยให้กับเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว, เรือขนส่งข้ามฟาก, เรือขนส่งสินค้า และเรือประมง โดยมาตรการสำคัญเริ่มจากการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการเจ้าของเรือโดยสารที่บริการรับส่งนักท่องเที่ยวที่มีกว่า 5,000 ลำใน 6 จังหวัดตระหนักถึงความปลอดภัย และมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม  พร้อมสร้างเครือข่ายคอยร่วมเฝ้าระวัง การกำหนดมาตรฐานเรือ อุปกรณ์ประจำเรือ เจ้าหน้าที่ควบคุมเรือ เจ้าหน้าที่ประจำเรือที่จะต้องผ่านการทดสอบและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีการจัดโซนนิ่งการให้บริการด้านการท่องเที่ยวเช่น จุดจอดเรือ จุดห้ามจอดเรือ จุดดำน้ำ เป็นต้น


อบจ.ตรัง รับสมัครพนักงานจ้าง จำนวน 7 ตำแหน่ง 11 อัตรา

 องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง มีความประสงค์รับสมัครพนักงานจ้าง จำนวน 7 ตำแหน่ง 11 อัตรา ดังนี้
1. ผู้ช่วยนักวิชาการเกษตร จำนวน 2 อัตรา
2. ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี จำนวน 2 อัตรา
3. ผู้ช่วยนายช่างสำรวจ จำนวน 1 อัตรา
4. ผู้ช่วยนายช่างเขียนแบบ จำนวน 1 อัตรา
5. พนักงานขับรถยนต์ จำนวน 3 อัตรา
6. พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดเบา จำนวน 1 อัตรา
7. พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดหนัก จำนวน 1 อัตรา

ผู้ประสงค์จะสมัคร ขอใบสมัครและยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานด้วยตนเอง ได้ที่สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ระหว่างวันที่ 17-25 มีนาคม 2557 ในวันและเวลาราชการ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง โทร. 075-218262 ต่อ 250 ในวันและเวลาราชการ  หรือที่เว็บไซต์  www.trangpao.go.th 

ธ.ก.ส. ตรัง ร่วมกับศาลจังหวัดตรัง จัดโครงการไกล่เกลี่ยประสานใจ ห่วงใยเกษตรกรเพื่อไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องศาล

ที่ศาลจังหวัดตรัง นางวันเพ็ญ กีรติกฤติยานนท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดโครงการ ไกล่เกลี่ยประสานใจ ห่วงใยเกษตรกร ซึ่งจัดขึ้นเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกร ระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ร่วมกับศาลจังหวัดตรัง ทั้งนี้ปัญหาหนี้สินของเกษตรกร มาจากการประสบภัยพิบัติต่าง ๆ และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้เกษตรกรลูกหนี้ของธนาคารจำนวนมาก ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ดัง นั้นทาง ธ.ก.ส.ตรัง ร่วมกับศาลจังหวัดตรัง จึงร่วมกันได้จัดโครงการดังกล่าว โดยนำกระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดีมาใช้ในการระงับข้อพิพาท และสนับสนุนให้ประชาชน ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมทางเลือก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ระหว่างเกษตรกรและธนาคาร และนอกจากได้ร่วมกันแก้ปัญหาหนี้สิ้นแล้วยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนา คุณภาพชีวิตแก่เกษตรกร และลดปริมาณคดีที่จะเข้าสู่ศาลอีกด้วย


ปศุสัตว์จังหวัดตรัง เตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ให้จัดเตรียมอาหารสัตว์ โดยเฉพาะหญ้า ที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งทางปศุสัตว์ได้จัดเตรียมหญ้าแห้ง จำนวน 50 ตัน หญ้าสด 300ไร่ และเวชภัณฑ์ยารักษาโรค ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร

นายธวัช อุดมคณารัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดตรัง กล่าวว่าในช่วงนี้เข้าสู่ช่วงหน้าแล้ง จึงขอเตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ให้จัดเตรียมหญ้าที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหญ้าแห้งหรือหญ้าหมัก เกษตรกรควรจัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการขาดแคลนอาหารสัตว์ ถ้าหากเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนอาหารสัตว์ให้แจ้งมาที่สำนักงานปศุสัตว์ เนื่องจากทางปศุสัตว์ได้ประสานงานร่วมกับสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ตรัง จัดเตรียมหญ้าแห้งไว้คอยช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 60 ตันและหญ้าสด จำนวน 300ไร่ คาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ถ้าหากไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน จะแจ้งไปยังสำนักงานปศุสัตว์ เขต 9 จังหวัดสงขลา ซึ่งได้จัดเตรียมหญ้าแห้งไว้คอยช่วยเหลือเกษตรหรผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้อาจจะรุนแรงมากกง่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ทั้งนี้เพื่อความไม่ประมาทจึงเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับความเดือดร้อน หากเกษตรกรเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ จอให้แจ้งที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอหรือที่สำรักงานปศุสัตว์จังหวัดตรังได้วันและเวลาราชการ

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 1ตำบล ในอำเภอ ปะเหลียน จังหวัดตรัง ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

นายอำนวย จันทรัฐ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดตรังในขณะนี้ว่าทางสำนักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 1ตำบล คือตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน ประชาชนเดือดร้อน 9 หมู่บ้าน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเกิดฝนทิ้งช่วงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้แหล่งน้ำทางธรรมชาติแห้งขอด ประชาชนได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานของทางราช ทั้งนี้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ได้ประกาศให้พื้นที่ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติแล้วและพร้อมประสานงานร่วมกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นนำรถบรรทุกน้ำอุปโภคบริโภคออกช่วยเหลือประชาชนที่กำลัง ได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ และขอให้ทุกอำเภอเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากคาดว่าในปีนี้สถานการณ์ภัยแล้งจะมีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา

มรภ.นครศฯ เชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสมทบทุนสร้างพระพุทธสิหิงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช สร้างพระพุทธสิหิงค์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้งบ 20 ล้านบาท ยังขาดอีก 6 ล้านบาท เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุน

ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช/อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ได้ก่อสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ไว้ เพื่อเป็นที่สักการบูชาของคณาจารย์ นักศึกษา และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่เชิงเขามหาชัย ภายในมหาวิทยาลัย ชื่อว่า “พระพุทธสิหิงค์ราชภัฏนครศรีธรรมราช” โดยจำลองแบบพระพุทธสิหิงค์สกุลช่างนครศรีธรรมราชเป็นแบบก่อสร้าง ขนาดหน้าตักกว้าง 9.84 เมตร สูง 26.00 เมตร นับเป็นพระพุทธสิหิงค์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท

ผศ.ฉัตรชัย กล่าวว่า สำหรับวัตถุประสงค์การก่อสร้างพระพุทธสิหิงค์องค์นี้มีสามประการ คือ ประการแรกเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยความกว้างหน้าตัก 9 เมตร 84 เซนติเมตร หมายถึง สร้างในรัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ประการที่สองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องในวาระครบ 2,600 ปี แห่งตรัสรู้และชนะหมู่มาร ประการสุดท้าย เพื่อเป็นอุทยานการเรียนรู้และปฏิบัติบูชาพระพุทธศาสนา ตลอดถึงเรียนรู้พระพุทธศาสนาประจำถิ่น ประวัติพระพุทธสิหิงค์ และประวัติจตุคามรามเทพที่ละเอียดและชัดเจนที่สุดในประเทศไทย ณ โถงฐานพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งคณะกรรมการได้ดำเนินการก่อสร้างมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะยังขาดงบประมาณอยู่ 6 ล้านบาท ดังนั้นคณะกรรมการจังได้กำหนดจัดพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างพระพุทธสิหิงค์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม 2557 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช โดยมีนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธี จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินทำบุญสร้างพระพุทธสิหิงค์ ในลักษณะพุ่มผ้าป่าสามัคคี หรือ บริจาคผ่านธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 520-2-05575-1 ชื่อบัญชี “พระพุทธสิหิงค์ราชภัฏนครศรีธรรมราช” หรือส่งธนาณัติในนาม ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ สั่งจ่าย ปณ เขามหาชัย 80280 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.08 9981 7299 หรือ รศ.วิมล ดำศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช โทร. 08 3107 9644

ผู้ว่าฯ นครฯเตือนข้าราชการ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรพกพาอาวุธปืน

ผู้ว่าฯ นครฯเตือนข้าราชการ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรพกพาอาวุธปืน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดเพื่อลดปัญหาอาชญากรรม

วันนี้ (27 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในระหว่างเป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ครั้งที่ 2/2557 ว่าการก่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมักจะใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ ดังนั้น จึงขอฝากหัวหน้าส่วนราชการ ไปบอกกล่าวผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ให้ระมัดระวังในการพกพาอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควรด้วย เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเข้มงวดเรื่องอาวุธปืนเป็นพิเศษ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม

พ.ต.อ.อดุลย์ ธนะชัยขันธ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในรอบเดือนที่ผ่านมามีการจับกุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ได้ 224 ราย แยกเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน 81 ราย ไม่มีทะเบียน 123 ราย และเครื่องกระสุน 20 ราย ส่วนคดีสำคัญที่ใช้อาวุธปืนก่อเหตุ จำนวน 2 คดี อยู่ในพื้นที่ สภ.ลานสกา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วทั้งสองคดี ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้ต้องหาบุคคลเดียวกัน ในส่วนของการแพร่ระบาดของยาเสพติดยังไม่ลดลง เจ้าหน้าที่ยังคงเข้มงวดในการปราบปรามต่อไป

เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุได้จ่ายเงินชดเชยค่าปัจจัยการผลิตให้แก่ชาวสวนยางพาราแล้วกว่า 95 %

นายสมนึก เหมมณี เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา ด้วยการจ่ายเงินชดเชยค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 2,520 บาท นั้น ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2556 จนถึงปัจจุบัน ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางพารา ทั้งสิ้น 118,782 ครัวเรือน บันทึกข้อมูลเข้าระบบได้ 114,847 ครัวเรือน จำนวนแปลง 199,407 แปลง จากการตรวจสอบความถูกต้อง ออกตรวจสอบแปลง และออกใบรับรองได้จำนวน 95,423 ครัวเรือน จำนวนแปลง 159,450 แปลง ส่งรายชื่อให้ ธ.ก.ส.เพื่อเบิกจ่ายเงินให้เกษตรกรแล้วจำนวน 90,825 ครัวเรือน จำนวนแปลง 150,668 แปลง เนื้อที่รวม 958,808.25 ไร่ คิดเป็นเงิน 2,416,197,420 บาท ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้โอนเงินให้เกษตรกรแล้วจำนวน 2,094 ,824,970บาท ยังไม่โอนประมาณ 321 ล้านบาท เนื่องจากข้อมูลบางส่วนผิดพลาดโอนไม่ได้ เช่น เลขที่บัญชีผิด ชื่อตัว ชื่อนามสกุล ตัวการันต์ ตัวสะกดผิด ซึ่งกำลังแก้ไข ส่วนเกษตรกรอีก 4,598 ครัวเรือน ที่ยังไม่ได้ส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. นั้น อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ในภาพรวมการจ่ายเงินให้เกษตรกรชาวสวนยางพาราของจังหวัดนครศรีธรรมราช คิดเป็นร้อยละ 95 ซึ่งสูงกว่าทุกจังหวัด

นายอภินันท์ ซื่อธานวุงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขอให้เกษตรจังหวัด
นครศรีธรรมราช เร่งดำเนินการแก้ไขข้อมูลเกษตรกรที่ผิดพลาดโดยเร็วที่สุด เพื่อจัดส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อโอนเงินให้แก่เกษตรกรต่อไป อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ทุ่มเทการทำงานจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

พาณิชย์นครศรีธรรมราช ระบุโครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 ของภาคใต้เริ่ม 1 ต.ค.56- 31 พ.ค.57

วันนี้ (27 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในที่ประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 2/2557 ว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวปี ฤดูการผลิต ปี 56/57 ตามนโยบายของรัฐบาล เฉพาะในส่วนของภาคใต้การเปิดรับจำนำข้าวนาปี เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2556 – 30 พฤษภาคม 2557 ส่วนภาคอื่นสิ้นสุดโครงการวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งนครศรีธรรมราชเป็น 1 ใน 3 ของจังหวัดภาคใต้ที่ดำเนินโครงการรับจำนำข้าว และมีประมาณผลผลิตข้าวมากที่สุดของภาคใต้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการเปิดรับจำนำเนื่องจากผลผลิตยังออกสู่ตลาดน้อย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ลงไปตรวจความพร้อมของโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการแล้ว

พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สำหรับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวฤดูการผลิตปี 55/56 ที่ผ่านมา มีข้าวนาปีเข้าร่วมโครงการ 94,000 ตัน ข้าวนาปรัง 79,000 ตัน เบิกจ่ายงบประมาณให้เกษตรกร 2,582 ล้านบาท

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขอให้นายอำเภอ และผู้กำกับการสถานีตำรวจ ลงไปสอดส่องดูแลโกดังเก็บข้าวสารที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวด้วย เพื่อป้องกันการถูกงัดกุญแจซึ่งอาจจะทำให้ข้าวสารสูญหายได้ รวมทั้งให้เฝ้าระวังเพลิงไหม้ด้วย

ผู้ว่าฯนครฯ สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง

ผู้ว่าฯนครฯ สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนให้งดเว้นการเผาซังข้าว เผาหญ้า

วันนี้ (27 ก.พ.57)  ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในระหว่างเป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ครั้งที่ 2/2557 ว่าขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช มีแนวโน้มการเกิดปัญหาภัยแล้งมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ลงไปสำรวจข้อมูลพื้นที่เสี่ยงประสบภัยแล้ง ไฟป่า และอัคคีภัย แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา โดยจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เกษตรจังหวัด ปภ.จังหวัด/ ทสจ. /องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยดูแลประชาชน ให้งดเว้นการเผาตอซังข้าว การเผาหญ้า ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้ไฟล่ามทุ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินได้ และหมอกควันยังได้ส่งผลกระทบต่อการใช้รถใช้ถนน และสุขภาพด้วย ในส่วนของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด หรือ ทสจ.นครศรีธรรมราช ขอให้ไปจัดประชุมซักซ้อมความเข้าใจเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับไฟป่าในพื้นที่รอบป่าพรุควนเคร็งและพื้นที่อื่น ๆ ด้วย

ผวจ.นครศรีฯ กำชับส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ

ผวจ.นครศรีฯ กำชับส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่หอการค้านครศรีธรรมราช เป็นเจ้าภาพจัดประชุมหอการค้า 14 จังหวัดภาคใต้

วันนี้ (27 ก.พ.57)  ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ครั้งที่ 2/2557 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม โดยคลังจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รายงานการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับงบประมาณรวม 14,983 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 10,517 ล้านบาท แยกเป็นงบประจำ 12,700 ล้านบาท เบิกจ่าย 9,911 ล้านบาท งบลงทุน 2,281 ล้านบาท เบิกจ่าย 606 ล้านบาท ส่วนงบพัฒนาจังหวัด แยกเป็นงบประจำ 54.41 ล้านบาท เบิกจ่าย 4.39 ล้านบาท คิดเป็น 8.07 % งบลงทุน 132 ล้านบาท ยังไม่มีการเบิกจ่าย ภาพรวมงบพัฒนาจังหวัด 186 ล้านบาท เบิกจ่าย 4.39 ล้านบาท คิดเป็น 2.36 %

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณจึงขอเร่งรัดให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณเร่งขออนุมัติรายละเอียดโครงการ และก่อหนี้ผูกพัน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านค่าใช้จ่ายภาครัฐ นอกจากนี้ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ช่วยรับเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสัมมนาในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนำงบประมาณมาใช้จ่ายในพื้นที่ นอกจากนี้จังหวัดได้กำหนดจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวหรืองานอีเว้นท์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย

นางสาววาริน ชิณวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการประเมินภาวะเศรษฐกิจของประเทศของสภาหอการค้าไทย ในครึ่งปีหลังอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP น่าจะติดลบประมาณ 2-3 % เป็นผลมาจากปัญหาการท่องเที่ยว สินค้าการเกษตร การส่งออก และปัญหาการเมือง ส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ธุรกิจบ้านจัดสรร ค้าปลีก เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ เป็นต้น เนื่องจากรายได้หลักครัวเรือนมาจากด้านเกษตร ทั้งยางพารา ข้าว และสินค้าเกษตรทุกตัวราคาไม่สูงขึ้น

ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า ระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2557 หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับมอบหมายจากหอการค้าไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมหอการค้า 14 จังหวัดภาคใต้ ณ โรงแรมทวินโลตัสนครศรีธรรมราช เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของภาคใต้ รวมทั้งจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น เปิดคลินิก SMEs เพื่อให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบปัญหา การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน เป็นต้น

นราธิวาสคาดแล้งหนักในรอบ 4 ปี ขณะที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลุ่มน้ำโก-ลก ทำแผนจัดสรรน้ำลงพื้นที่การเกษตรช่วยเหลือชาวนา

( 26 ก.พ. 57 )  นายแวมามุ แวหะมะ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลุ่มน้ำโก-ลก เปิดเผยว่า ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสปีนี้ถือว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งหนักที่สุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากในเดือนกุมภาพันธ์นี้ในพื้นที่ยังไม่มีปริมาณฝนตกลงมาแต่อย่างใด ซึ่งจากปีที่ผ่านมาจะมีปริมาณน้ำฝน 400 มม. ซึ่งทางจังหวัดได้มีการจัดทำแผนป้องกันภัยแล้งให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นย้ำในพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกการเกษตร ขณะที่ทางโครงการฯเองได้มีการดำเนินการจัดสรรน้ำในพื้นที่รับผิดชอบทั้งเขต อ.ตากใบ และ อ.สุไหงโก-ลก โดยมีการติดตั้งเครื่องสูบ 8 ตัวสูบน้ำจากคลองมูโน๊ะลงพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดงเพื่อป้องกันไฟไหม้ป่าซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าแล้ง

ขณะที่การจัดสรรน้ำของโครงการฯครั้งนี้ ได้ดำเนินการอย่างดีทำให้พื้นที่ทำนากว่าหมื่นไร่ของ อ.ตากใบ ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปัจจุบันข้าวหอบกระดังงาสามารถออกรวงและรอการเก็บเกี่ยว

นายแวมามุ แวหะมะ  กล่าวอีกด้วยว่า ทางชลประทานนราธิวาสได้ทำการปิดประตูระบายน้ำทุกแห่งเพื่อให้มีน้ำกักเก็บไว้สำหรับสำรองในช่วงฤดูแล้งนี้ด้วย ซึ่งคาดว่าภัยแล้งในปีนี้ถึงจะหนักกว่าทุกครั้งแต่เชื่อว่าในพื้นที่จะยังคงจัดสรรน้ำให้กับการเกษตรได้ เนื่องจากมีการวางแผนล่วงหน้าแล้ว @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

ผู้ว่านราฯประชุมความมั่นคง เน้นย้ำเร่งติดตามคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน พร้อมฟังแนวทางการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ต่อประชาชน

( 27 ก.พ. 57 ) นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งประกอบด้วยกองกำลัง 3 ฝ่ายตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง โดยมีการประชุมเป็นประจำทุกเดือนเพื่อติดตามความคืบหน้าด้านงานความมั่นคง ซึ่งในครั้งนี้มีการจัดประชุมที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวีดนราธิวาส

ในที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้ติดตามสอบถามความคืบหน้าคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งเหตุคนร้ายลอบยิงครอบครัวมะมัน ในพื้นที่ อ.บาเจาะ เหตุยิงผู้รับเหมาในพื้นที่ อ.ระแงะ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ร่วมก่อเหตุด้วย มีการเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รายงานความคืบหน้าเป็นระยะ รวมถึงแจ้งข่าวให้ประชาชนทราบเนื่องจากอยู่ในความสนใจของประชาชน

นอกจากนี้ในที่ประชุมมีการติดตามรับฟังแนวทางการทำงานเพื่อป้องกันดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน

ขณะที่การดำเนินการด้านการข่าวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีการแจ้งเตือนว่าในพื้นที่ยังคงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่เตรียมก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ ทั้งตามจุดตรวจ ฐานปฏิบัติ ซึ่งขอให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มและเฝ้าระวัง รวมถึงเตรียมพร้อมตลอดเวลา @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

พังงามอบโล่ประกาศเชิดชูเกียรติปราชญ์เกษตรจังหวัด ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ เป็นคนดีของสังคม

วันนี้ 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา ก่อนวาระการประชุมประจำเดือนคณะกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด สำนักงาน กกต.จังหวัดพังงา ได้มอบโล่และกระเช้าดอกไม้ให้แก่ นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.พังงา เพื่อขอบคุณท่านที่ได้อนุญาตให้ใช้สถานที่ศูนย์ราชการ สำหรับก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดพังงา จากนั้น นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้เป็นประธานมอบโล่เชิดเกียรติแก่ปราชญ์เกษตรของจังหวัดพังงา จำนวน 3 ราย ซึ่งประกอบด้วย นายอเนก จีวะรัตน์ สาขาปราชญ์เศรษฐกิจพอเพียง นายวิจา ส้มจันทร์ สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น และนายสมพงษ์ พรผล สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนและเครือข่าย ซึ่งทั้ง 3 ราย ได้สร้างคุณูปการด้านการเกษตรให้แก่จังหวัดพังงามาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน เป็นผู้ทรงภูมิปัญญาด้านการเกษตรในจังหวัดพังงา และเป็นผู้ที่มีคุณความดี มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ สมควรได้รับการดูแลด้านสวัสดิการจากภาครัฐ และสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถสู่สังคม

สำนักเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา มอบรถจักยานยนต์ให้กับผู้โชคดีถูกรางวัลสลากการกุศลกาชาดประจำปี 2557

วันนี้เวลา 09.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วยนางสุคนธ์ เจริญกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา นายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายอนุภาพ รอดขวัญ ยอดขวัญระบำ นายอำเภอคุระบุรี และเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา ร่วมมอบรถจักรยานยนต์ให้กับผู้โชคดี ถูกรางวัลสลากการกุศลกาชาดประจำปี 2557 ที่ ณ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา อ.เมือง จ.พังงา

นางสุคนธ์ เจริญกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา กล่าวว่า จังหวัดพังงาได้กำหนดจัดงานประจำปีและงานกาชาดจังหวัดพังงาเป็นประจำทุกปี สำหรับปี 2557 นี้จัดขึ้นระหว่าง 30 มกราคม -8 กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางหลังเก่า รวม 10 วัน 10 คืน ทั้งนี้เพื่อหารายได้ไว้ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติและผู้ยากไร้ขาดแคลนทุนทรัพย์และกิจกรรมสาธารณกุศลอื่น โดยในคืนสุดท้าย( 8 ก.พ. 57) ได้ทำการหมุนวงล้อออกสลากการกุศลบัตรกาชาดประจำปี ซึ่งรางวัลที่ 1 มี 1 รางวัล รถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน กระบะ แคป 2.5 รางวัลที่ 2 มี 3 รางวัล รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 110 ซีซี รางวัลที่ 3 มี 5 รางวัล สร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท รางวัลที่ 4 มี 25 รางวัล โทรทัศน์จอแบน LCD 32 นิ้ว และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลมูลค่า 500 บาท

สำหรับกิจกรรมวันนี้ เป็นการมอบรางวัลที่ 2 ซึ่งมี 3 รางวัล ให้กับผู้โชคดีจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายสมหมาย จินดา ชาวบ้าน ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง, นายเผด็จศักดิ์ เอี่ยมสกุล อยู่ ต.ท้ายช้าง อ.เมือง, และนางลัดดา เกิดกอบ อยู่ ต.ป่ากอ อ.เมือง ส่วนรางวัลที่ 1 รถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน กระบะ แคป 2.5 นั้น ไม่มีผู้ถูกรางวัล และรางวัลอื่นๆ ก็มีผู้โชคดีที่ถูกรางวัลทยอยมารับไปเกือบหมดแล้ว

ทำขวัญข้าวบูชาแม่โพสพ

เกษตรกรในตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จัดพิธีทำขวัญข้าว เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมการทำนาให้คงอยู่กับชาวนาตลอดไป

ที่ทุ่งนาบ้านหลักโยชน์ ตำมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงวันนี้(๒๖ ก.พ.๕๗) นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยนางปาริชาติ ศรีวิพัฒน์ รองอธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวารินทร์ บุษบรรณ ที่ปรึกษากรมการข้าว ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และเกษตรกรชาวนาในตำบลมะกอกเหนือ ได้ร่วมกันประกอบพิธีทำขวัญข้าวสังข์หยด(GI) ผดุงวัฒนธรรมข้าวขึ้น เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมการทำนาของชาวพัทลุง ให้เป็นมรดกทางปัญญาแก่คนรุ่นหลังสืบไป

ทั้งนี้การทำขวัญข้าวถือเป็นพิธีกรรมสำคัญของชาวนา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูและความเคารพต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะข้าวถือเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ให้อยู่รอด และเชื่อว่าข้าวที่ชาวนาหรือมนุษย์ทั้งหลายนำมาบริโภคนั้น เกิดจากความกรุณาของพระแม่โพสพ เทพนารีผู้รักษาข้าว ดั้งนั้นเมื่อจะทำการอันใดเกี่ยวข้องกับข้าว ทั้งการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว หรือเก็บข้าวขึ้นยุ้งฉาง ต้องทำพิธีบูชาแม่โพสพเสมอ เช่น ในฤดูเพาะปลูก ชาวนาทั่วไปจะทำพิธีแรกไถ แรกหว่าน ส่วนราชสำนักจะทำพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งเป็นพิธีที่ทำในภาพรวมของประเทศ ซึ่งหากชาวนาผู้ปลูกข้าวได้ทำพิธีเซ่นสรวงบูชาที่ถูกต้อง เป็นที่พึงพอใจแก่แม่โพสพ และเทวดาผู้ดูแลไร่นา ผลผลิตข้าวก็จะออกมาสมบูรณ์ สิ่งรบกวนต่าง ๆ เช่น หนู นก แมลงต่าง ๆ แม้แต่ไฟ ก็จะไม่มาเบียดเบียน และเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวหรือชาวนาเรียกว่าข้าวสุกรวง ก่อนทำการเก็บเกี่ยวจะต้องมีการทำขวัญข้าวก่อน โดยมีการทำบายศรีและอาหารคาวหวาน ให้ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านทำพิธีสาธยายคำบูชาพระแม่โพสพ จากนั้นจึงให้เจ้าของนาเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งในอดีตชาวนาพัทลุงจะใช้แกรฺะเป็นอุปกรณ์ตัดข้าวทีละรวงแล้วนำมาผูกรวมเป็นกำเรียกว่าเลียงข้าว เมื่อได้เลียงข้าวก็จะนำไปจัดเก็บเป็นลอมไว้ในยุ้งฉาง หรือเรือนข้าว สิ้นฤดูเก็บเกี่ยวเรียบร้อยจึงทำขวัญข้าวอีกครั้งหนึ่ง

จะเห็นว่าการทำขวัญข้าวเป็นเรื่องของการสรรเสริญและบูชาพระคุณของแม่โพสพเป็นหลักสำคัญ ซึ่งมีตำนานกล่าวขานไว้มากและมีส่วนเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาอย่างใกล้ชิด การประพฤติต่อข้าวไม่ว่าจะเป็นการกินหรือการทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อเมล็ดข้าวหรือรวงข้าวจะต้องขอขมาทุกครั้ง เพราะชาวนาเชื่อว่าแม่โพสพเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะเมื่อข้าวสุกรวง ขวัญของแม่โพสพจะมาสถิตในรวงข้าว ช่วงเวลาดังกล่าวแม้แต่พระอาทิตย์ยังไม้กล้าข้ามหัวแม่โพสพ จึงเป็นที่มาของตะวันอ้อมข้าว

สำหรับในส่วนของจังหวัดพัทลุง ถือเป็นจังหวัดที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำมาแต่โบราณ เนื่องจากอยู่ในเขตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกข้าว ดังนั้นจังหวัดพัทลุงจึงเป็นพื้นที่ที่มีพันธุ์ข้าวพื้นเมืองมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เช่น ข้าวเฉี้ยง ข้าวหัวนา ข้าวหนวยเขือ ข้าวเล็บนก ข้าวยาโค ข้าวเบาน้ำค้าง เป็นต้น และที่มีชื่อเสียงที่สุดขณะนี้คือข้าวสังข์หยด เพราะเป็นข้าวที่มีคุณประโยชน์สูงกว่าข้าวทั่วไป มีเส้นใยสูง มีสารอาหารบางชนิดที่บริโภคประจำแล้วจะช่วยชะลอความแก่ ป้องกันโรคมะเร็งในลำไส้ และเป็นพันธุ์ข้าวที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์พันธุ์แรกของไทย เป็นที่นิยมของผู้บริโภคอย่างมาก