วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ได้พระลาก “หลวงพ่อช่วยวัดแพร่” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองคืน เตรียมสมโภชน์ หลังถูกโจรกรรมไป 1 เดือน

ชาวบ้านดีใจ ได้พระลาก "หลวงพ่อช่วยวัดแพร่” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองคืน เตรียมสมโภชน์ หลังถูกโจรกรรมไป 1 เดือน ตำรวจตรวจสอบพบถูกนำไปขายในกรุงเทพฯ

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (18 ก.พ.57)  ที่วัดแพร่ ม.2 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านดีใจยกปิ่นโตไปทำบุญกันเป็นจำนวนมาก และจะมีการฉลองกันที่วัดในวันนี้ (18 ก.พ.57) หลังจากวัดแพร่ได้พระพุทธรูปเก่าแก่ "หลวงพ่อช่วยวัดแพร่” กลับคืนมา หลวงพ่อช่วยวัดแพร่ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่วัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2419 เป็นเวลา 137 ปี ถูกโจรกรรมไปจากวัดเมื่อวันที่ 22 มกราคมปีนี้

พระครูโสภิต ปัญญาคุณ เจ้าอาวาสวัดแพร่ กล่าวถึงหลวงพ่อช่วยวัดแพร่ได้หายไป คาดว่าโจรไม่ต่ำกว่า 3 คนเข้ามาขโมย งัดประตูโบสถ์เข้าไปขโมยแต่พระลากองค์นี้ โดยไม่เอาทรัพย์สินอื่น ได้บอกญาติโยมช่วยกันตามหา พร้อมมีการแจ้งความไว้ที่ สภ.พระพรหม เพื่อเจ้าหน้าที่ช่วยตามหาพระพุทธรูปองค์นี้ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพื่อเอากลับคืนมาให้ได้

ตำรวจ สภ.พระพรหม ได้รับการประสานงานจากตำรวจ สน.บางซื่อ กรุงเทพฯด้วยได้พบพระพุทธรูปองค์นี้แล้ว ตำรวจได้ตรวจยึดและเก็บไว้ที่ อาตมาพร้อมคณะเดินทางนำหลักฐาน ไปรับพระพุทธรูปกลับมายังวัดแพร่ สร้างดีใจให้กับชาวบ้าน วัดแพร่จะทำพิธีสมโภชใหญ่ในช่วงเดือนเมษายนปีนี้ เพื่อทำบุญใหญ่อีกครั้ง ขอขอบคุณ ตำรวจ ผู้เกี่ยวข้องที่ช่วยกันตามกลับมาได้

พ.ต.ท.นิรัตน์ เทพเดชา สวป.สภ.พระพรหม กล่าวที่ตำรวจแกะรอยตามพระพุทธรูปองค์นี้กลับมาได้นั้นเนื่องจากหลังเกิดเหตุคนร้ายเข้ามาโจรกรรมได้ทำนามบัตรของนักธุรกิจที่รับซื้อพระพุทธรูป พระเครื่องและของเก่า ที่อยู่ใน จ.สุราษฏร์ธานี ตกไว้ภายในโบสถ์ จึงเร่งติดตามและสามารถนำกลับมาได้ และจะสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไปด้วย

ศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จ.ชุมพร ออกควบคุมพื้นที่ปิดอ่าว 3 จังหวัด

ศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จ.ชุมพร ระดมเรือตรวจประมงออกควบคุมพื้นที่ปิดอ่าว 3 จังหวัด

นายจรูญศักดิ์ เพรชศรี หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จ.ชุมพร กล่าวตามประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน หรือ ปิดอ่าว เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นระยะเวลา 3 เดือน มีพื้นที่ ห้ามใช้เครื่องมือบางชนิดทำการประมง 26,400 ตารางกิโลเมตร หรือ 16.5 ล้านไร่ บางส่วนของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี

หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จ.ชุมพร ยังกล่าวถึงการ ควบคุมพื้นที่ตามประกาศปิดอ่าวนั้น ได้ส่งเรือตรวจการประมงออกปฏิบัติงาน ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยเฉพาะ พื้นที่ ที่มักมีเรือประมง กระทำความผิดเป็นประจำ ได้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ จึงขอความร่วมมือ ชาวประมงในการแจ้งเบาะแสเรือที่กระทำความผิด ฝ่าฝืนประกาศปิดอ่าว เพื่ออนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

องค์กรภาคีปกป้องพังงา นำมวลชนคัดค้านการสร้างคุกกลางเมือง

 องค์กรภาคีปกป้องพังงา นำมวลชนคัดค้านการสร้างคุกกลางเมือง

วันที่ (18 ก.พ.๕๗)  ที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างเรือนจำจังหวัดพังงา ข้างเขาทอย ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา องค์กรภาคีแนวร่วมปกป้องพังงา ซึ่งนำโดยหอการค้าจังหวัดพังงา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำน้ำผุด กำนันตำบลถ้ำน้ำผุด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ภาคประชาสังคม คณาจารย์และนักเรียนนักศึกษาจาก วิทยาลัยเทคนิคพังงา โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน โรงเรียนสตรีพังงา และประชาชน ร่วมเดินขบวนและปักป้ายคัดค้านการก่อสร้างเรือนจำพังงาหลังใหม่ ในวงเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ที่กำลังดำเนินการปรับพื้นที่ หลังมีการทำสัญญาจ้างเมื่อ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา

สำหรับคำแถลงการณ์ในการคัดค้านคือ ทำไมต้องสร้างคุกขนาดใหญ่ที่ประตูเมืองพังงา มีพื้นที่อยู่ใกล้โรงเรียนอนุบาลเมืองพังงา มีรั้วติดกับวิทยาลัยเทคนิคพังงาซึ่งอาจมีปัญหาด้านเครือข่ายยาเสพติดข้ามรั้ว และอยู่ตรงข้ามกับพื้นที่ก่อสร้างศูนย์ราชการพังงา

โดยก่อนหน้านี้ทางองค์กรภาคีแนวร่วมปกป้องพังงา ได้เคยทำหนังสือคัดค้านไปที่กรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และแจ้งการตอบรับกลับเมื่อ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ แต่กลับมีการเดินหน้าก่อสร้างต่อไป จึงมีคำถามว่า ทำไมต้องสร้างคุกที่ประตูเมืองพังงา ซึ่งเป็นพื้นที่พัฒนาเมืองใหม่ในอนาคต และคนพังงาน้อยมากที่กระทำผิด วัดได้จากการเป็นเมืองแห่งความสุขอันดับ ๒ ของประเทศ ทำไมจึงต้องสร้างคุกเพิ่ม

อดีตแกนนำ กปปส.จังหวัดภูเก็ต เป็นแกนนำกลุ่มกบฏรักชาติจังหวัดภูเก็ต ปักหลักชุมนุม ร่วม กปปส. กรุุงเทพมหานคร

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายสุรทิน เลี่ยนอุดม ทนายความ และอดีตนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต และอดีตแกนนำ กปปส.จังหวัดภูเก็ต ที่เปลี่ยนบทบาท มาตั้งตัวเป็นแกนนำ ที่อ้างว่า คือ กลุ่มกบฏรักชาติจังหวัดภูเก็ต พร้อมผู้สนับสนุน จำนวนหนึ่งชุมนุมรวมตัวกัน ที่บริเวณศูนย์ราชการกระทรวงการคลังจังหวัดภูเก็ต โดยมีเป้าหมาย ปักหลักชุมนุม จนกว่า จะได้รับชัยชนะ หรือ รอการประสานงาน การเคลื่อนไหว จาก กปปส. กรุุงเทพมหานคร และสำหรับล่าสุด มีประชาชนร่วมบริจาคเงินได้รวม 1,192,600 บาท โดยในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ แกนนำ มีกำหนดจะนำไปมอบให้นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จำนวน 1,000,000บาทเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหว ส่วนที่เหลืออีก 192,600 บาท จะนำมาใช้ เคลื่อนไหว ที่เวทีกลุ่มกบฏรักชาติจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการแสดงคอนเสิร์ตของวงดนตรีมาลีฮ่วนน่า ที่บริเวณศูนย์ราชการกระทรวงการคลังจังหวัดภูเก็ตด้วย

สำหรับเมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. วันเดียวกันนี้ ที่ธนาคารออมสินสาขาภูเก็ต ถนนพังงา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ประชาชนทุกเพศทุกวัยที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตที่เป็นลูกค้าของธนาคาร เดินทางมาติดต่อพนักงาน เป็นวันที่ 2และพบว่า มีบางราย ที่เป็นผู้สูงอายุ เป็นลูกค้าเก่าแก่มา เป็นเวลานานถึง 30-40 ปี และจากยอดการรับบัตรคิว ในช่วงเช้า มีสูงถึงประมาณ 400 กว่าบัตร และแจ้งความประสงค์ว่าขอถอนเงินจากบัญชีประเภทต่างๆ รวมทั้ง สลากออมสินและปิดบัญชีไปจำนวนหนึ่ง เนื่องจาก มีความตื่นกลัว ว่า ธนาคารจะเอาเงินฝากของตน ไปให้ ธกส.กู้ และจ่ายเงินให้กับชาวนา ตามนโยบายรัฐบาล แม้ว่า ผู้บริหารธนาคาร พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงว่าธนาคารดำเนินการตามปกติ ที่เป็นลักษณะของ Inter-Bankก็ตาม แต่กลับไม่เป็นผล นอกจากนี้กลุ่มพนักงานธนาคารออมสิน สาขาภูเก็ตทั้งชายและหญิงยังแต่งกายด้วยชุดดำและชุดขาวร่วมด้วย อย่างไรก็ดี มีประชาชนส่วนหนึ่ง ที่เข้าใจการทำงานของรัฐบาลเพื่อชาวนา และเป็นปัญหาการเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ไปติดต่อซื้อสลากออมสิน เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้พนักงานของธนาคารออมสิน สาขาภูเก็ต จ่ายเป็นเช็คเงินสดหรือแคชเชียร์เช็คให้แก่ลูกค้าธนาคารที่มาถอนเงินในวงเงินที่สูง และจ่ายเป็นเงินสดในรายที่ถอนเป็นเงินหลัก10,000บาท และประชาชน ที่ มาติดต่อธนาคาร ให้เหตุผล ในทำนองที่คล้ายคลึงกันว่า การตัดสินใจถอนเงิน เป็นเพราะไม่มั่นใจในความมั่นคงของธนาคารออมสินและไม่พอใจรัฐบาลที่สั่งให้ธนาคารออมสินทำธุรกรรม Inter-Bank และเข้าใจว่าเป็นการปล่อยเงินกู้ไปให้ ธ.ก.ส. และ ธกส.จะนำเงินไปจ่ายหนี้ให้แก่ชาวนา และในกรณีที่ประชาชน ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ หรือมียอดเงินฝากสูง ผู้จัดการธนาคารออมสิน เชิญไปพูดคุยให้ห้องทำงานเพื่อชี้แจง ข้อเท็จจริง ในเหตการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งขอร้องไม่ให้ถอนเงินออกจากบัญชีทั้งหมด และเงินสดอีกจำนวนหนึ่งจะมาถึงภูเก็ตในช่วงบ่ายวันนี้ 

ส่งเสริมประชาชนเลี้ยงแพะรอบป่า เพื่อให้แพะกินใบไม้ และ ให้ประชาชนนำใบไม้มาทำปุ๋ย

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ห่วงไฟไหม้ป่าพรุ หลังปีที่ผ่านมาเสียหายกว่า 2 หมื่นไร่ ปีนี้เตรียมแผนการป้องกันโดยส่งเสริมประชาชนเลี้ยงแพะรอบป่า เพื่อให้แพะกินใบไม้ และ ให้ประชาชนนำใบไม้มาทำปุ๋ย

นายจิรศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยจากกรณีที่เกิดไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกัน 3 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช พัทลุงและสงขลา เมื่อปลายปี 2554 ต่อเนื่องปี 2555 จนสร้างความเสียหายกว่า 2 หมื่นไร่นั้น ปรากฏว่า ในปี 2556 ตลอดทั้งปี จ.นครศรีธรรมราชค่อนข้างจะมีฝนตกเยอะ ทำให้ไม้ในป่าพรุ โดยเฉพาะไม้เสม็ดมีการแตกหน่อเจริญงอกงามอย่างรวดเร็ว ป่าพรุจึงฟื้นคืนสภาพอย่างรวดเร็ว

โดยในฤดูร้อนปีนี้มีคาดการถึงอากาศจะร้อนจัดและแล้งกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นไม้ที่ขึ้นมาใหม่จากการฟื้นฟูป่าพรุหลังเกิดเพลิงไม้นั้น ใบจะร่วงลงรอบ ๆ ลำต้น ซึ่งใบที่ร่วงมาและแห้งจะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี หากมีเชื้อไฟก็จะเกิดไฟไหม้ป่าขึ้นมาได้อีก โดยสาเหตุของไฟไหม้ป่านั้น เกิดได้ทั้งจาก การเข้ามาหาของป่าของชาวบ้าน แล้วมีการจุดไฟเพื่อไล่ดักสัตว์ หรือไฟไหม้ลามมาจากพื้นที่ของชาวบ้านที่เผาใบไม้เข้ามาในพื้นที่ป่า และความร้อนใต้ผิวดินตามธรรมชาติ ซึ่งลักษณะของไฟที่ไหม้ในป่าพรุนั้น จะไหม้จากชั้นใต้ดินและจะมีควันพวยพุ่งขึ้นมา การดับไฟที่ไหม้ในป่าพรุนั้นทำยากมาก ไม่สามารถทำได้ภายใน 1 หรือ 2 วันเหมือนไฟป่าทั่วไป แต่อาจจะใช้เวลาเป็นเดือน ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจากไฟไหม้ป่าพรุนั้น ไม่สามารถตีค่าได้ เพราะป่าพรุเป็นระบบนิเวศเฉพาะถิ่น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุทำให้ป่าพรุเสียหายเหมือนที่ผ่านมา

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จึงได้ดำเนินการป้องกันร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ทหาร ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย และเทศบาล ตั้งจุดสกัดและลาดตระเวณพื้นที่ป่าพรุอย่างเข้มข้น ทำโครงการส่งเสริมการเลี้ยงแพะในพื้นที่รอบป่า เพราะแพะเป็นสัตว์ที่กินใบไม้ที่จะเป็นเชื้อเพลิงในป่าพรุได้ดี รวมทั้งทำโครงการเก็บใบไม้มาทำปุ๋ยหมักสำหรับเกษตรในพื้นที่รอบๆ เพื่อเป็นการตัดวงจรการเกิดไฟป่าด้วย

แถลงการณ์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสินติดประกาศสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่มาขอถอนเงิน

ธนาคารออมสินภาค 16 นำแถลงการณ์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสินติดประกาศสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่มาขอถอนเงิน

เช้าวันที่ (18 ก.พ.57) ที่ธนาคารออมสินภาค 16 ถนนราษฎร์อุทิศ เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ได้มีการนำแถลงการณ์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสิน เรื่อง ขอให้ยกเลิกการปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์(Inter bank) ให้กับ ธกส. ที่บริเวณทางเข้าสำนักงานธนาคารออมสินภาค 16 ทั้งนี้ในแถลงการณ์ฯดังกล่าวมีใจความว่า ตามที่ธนาคารออมสินให้กู้เงิน Inter bank กับ ธกส. ปรากฎว่า เกิดผลกระทบในวงกว้างจากความไม่เข้าใจและเกิดข้อกังขากับผู้ฝากและสาธารณชนทั่วไป แม้ว่าการดำเนินธุรกรรมดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวโยงหรือเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้โครงการจำนำข้าวก็ตาม แต่เพื่อความโปร่งใสและถูกต้องสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสิน จึงขอให้ธนาคารออมสิน พิจารณา คือ
 1.หยุดการให้กู้อินเตอร์แบงค์ แก่ ธกส.โดยทันที
 2.ขอให้ทวงถาม ธกส.และให้ ธกส.คืนเงินที่ขอยืมไปจากธนาคารออมสิน และ
 3.งดการให้กู้ใดๆก็ตาม ที่จะลุกลามกระทบถึงความเชื่อมั่นต่อลูกค้าและประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้บรรยากาศที่ ธนาคารออมสินภาค 16 ในวันนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าตลอดจนถึงสาย ได้มีประชาชนที่เป็นลูกค้าธนาคาร ได้เดินทางมาถอนเงินฝากอย่างหนาแน่นและต่อเนื่องมาจากเมื่อวานนี้ โดยประชาชนที่เดินทางมาถอนเงินส่วนใหญ่มีเหตุผลเดียวกันคือขาดความเชื่อมั่นต่อธนาคาร กลัวว่าธนาคารจะนำเงินฝากของประชาชนไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องและกลัวจะไม่ได้เงินฝากคืน และเมื่อถอนจากธนาคารออมสินแล้ว จะนำเงินไปฝากที่ธนาคารอื่นแทน

ลูกค้าจำนวนหลายร้อยคนแห่มาถอนเงิน และปิดบัญชีธนาคารออมสินสาขาระนอง

ลูกค้าจำนวนหลายร้อยคนแห่มาถอนเงิน และปิดบัญชีธนาคารออมสินสาขาระนอง ถ.ท่าเมือง อ.เมืองระนองอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนธนาคารเปิด

แกนนำกลุ่ม กปปส.ระนอง นำโดยนางสุดาพร ยอดพินิจ และนายสุชีพ พัฒน์ทอง ได้นำ มวลชนราว 100 คนมาปราศรัยที่หน้าธนาคารออมสิน สาขาระนอง โจมตีการทำงานของผู้บริหารระดับสูงที่ทำงานรับใช้การเมือง และปราศรัยเรียกร้องให้ประชาชนร่วมถอนเงินและปิดบัญชีธนาคารออมสิน

แกนนำ กปปส.ระนอง และลูกค้าของธนาคารออมสิน สาขาระนอง กล่าวในวันนี้ได้เดินทางมาเพื่อถอนเงินและปิดบัญชี อีกทั้งยังนำเอาสลากออมสินที่ครบกำหนดมาขอคืนเงินทั้งหมด ซึ่งการมาในวันนี้ของมวลชน กปปส.ระนอง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีบัญชีเงินฝาก อีกทั้งมีสลากของธนาคารออมสิน มาทำการปิดบัญชีและขอเงินคืน โดยอยากส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลว่าการกู้ยืมเงินไปแก้ปัญหา เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด โดยเมื่อวานนี้มีลูกค้ามาถอนเงิน-ปิดบัญชีราว 300 ราย เงินสดที่สาขาจ่ายไปเกือบ 40 ล้านบาท แต่ยังเพียงพอสำหรับลูกค้า

หลังจากนั้นเวลาประมาณ 11.30 น. ทางกลุ่ม กปปส.ระนอง ได้เคลื่อนขบวนไปยังธนาคารออมสิน สาขาถนนเรืองราษฎร์ และธนาคาร ธกส. เพื่อปราศรัยโจมตีการทำงานต่อไป

จังหวัดภูเก็ต จัดหาน้ำรองรับให้เพียงพอรองรับสภาวะภัยแล้ง

จังหวัดภูเก็ตจัดการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำช่วงหน้าแล้ง ประจำปี 2557 เพื่อวางแผนจัดหาน้ำรองรับให้เพียงพอ

นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำช่วงหน้าแล้ง ประจำปี 2557 ของจังหวัดภูเก็ตที่ห้องประชุมสำนักงานโครงการชลประทานภูเก็ต อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจาก หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนและผู้ประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีความห่วงใยถึงสถานการณ์น้ำในช่วงหน้าแล้งของจังหวัดภูเก็ตว่าจะมีเพียงพอหรือไม่โดยมีนายเกริกศักดิ์ ลีนานนท์ วิศวกรชลประทานชำนาญการ และนายอรรถกรณ์ พุทคง นายช่างชลประทานอาวุโส ร่วมกันบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำของจังหวัดภูเก็ต สำหรับในปัจจุบันสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำบางวาด อำเภอกะทู้มีปริมาณน้ำที่กักเก็บในอ่าง 4.92 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ร้อยละ 67.3 ของความจุ ปริมาณการจ่ายน้ำจากอ่างเก็บน้ำบางวาดในช่วงหน้าแล้ง และอ่างเก็บน้ำจ่ายน้ำแก่การประปาส่วนภูมิภาค 35,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน เทศบาลนครภูเก็ต 30,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน หรือมีปริมาณน้ำดิบรวม 65,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อวันและสามารถจ่ายน้ำได้ถึง วันที่ 30 เมษายนนี้

ส่วนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง ในปัจจุบันนั้น มีปริมาณน้ำในอ่าง 6.56 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ ร้อยละ 91.1 ของความจุ โดยอ่างแห่งนี้จ่ายน้ำในช่วงหน้าแล้งแก่การประปาส่วนภูมิภาค 14,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน สามารถจ่ายน้ำได้นานถึง 468 วันที่สามารถจ่ายน้ำได้เพียงพอตลอดทั้งปี

ทางด้านนายสันทัศน์ ปานบ้านแพ้ว ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดภูเก็ต คาดการณ์ว่า ประมาณปลายเดือนเมษายนนี้ จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวขึ้นในบริเวณทะเลอันดามัน ที่จะทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งอันดามันมีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้น โดยปริมาณฝนตกจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาทำให้สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดภูเก็ตปีนี้จึงไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

ส่วนนายพิศักดิ์ ชลยุทธ์ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาภูเก็ตกล่าวยืนยันในการผลิตน้ำประปา ของการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต ปริมาณน้ำดิบเพียงพอตลอดหน้าแล้งนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีแหล่งน้ำดิบในขุมเหมืองเอกชนรองรับอยู่แล้ว กรณีน้ำในอ่างเก็บน้ำบางวาดไม่เพียงพอ

สำรวจพื้นที่อำเภอสิชลและใกล้เคียงดูปริมาณน้ำ สภาพป่า เตรียมรับมือภัยแล้ง

ทหาร ฝ่ายปกครอง และท้องถิ่น บินสำรวจพื้นที่อำเภอสิชลและใกล้เคียง เพื่อสำรวจปริมาณน้ำ สภาพป่า เตรียมรับมือภัยแล้ง ขณะที่พื้นที่ป่าพบมีการบุกรุกเพิ่มขึ้น

พ.ต.ประเสริฐ สายทองแท้ ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล กองทัพภาคที่ 4 ร่วมกับ นายพิทักษ์ บริพิศ นายอำเภอสิชล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพราช ตำบลเขาน้อย ตำบลฉลอง และสื่อมวลชน ร่วมกันบินสำรวจลาดตระเวนทางอากาศเพื่อตรวจสอบแม่น้ำสายหลังทั้ง 5 สาย ในพื้นที่อำเภอสิชล เพื่อเป็นข้อมูลเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดภัยแล้ง ทั้งนี้เนื่องจาก อ.สิชล เป็นพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย เกิดดินถล่มเมื่อปี 2554 ทำให้สภาพป่าต้นน้ำลำคลองสายต่าง ๆ ได้รับผลกระทบ ลำคลองมีสภาพตื้นเขิน เส้นทางการเดินของน้ำเปลี่ยนแปลง ประกอบกับในระยะนี้ได้เกิดฝนทิ้งช่วงมามากกว่า 1 เดือน หากไม่เตรียมพร้อมในการรับมือกับภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น จะทำให้ประชาชน เกษตรกร ในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งจากภัยแล้งยามฝนทิ้งช่วง และดินถล่มเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน

ดังนั้น จึงได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลมาบูรณาการร่วมกัน จัดทำแผนแก้ไขปัญหาระยะสั้นและระยะยาว ทั้งการสำรวจ ขุดลอกคลอง แหล่งน้ำ ให้สามารถเก็บกักน้ำได้ สร้างฝายชะลอน้ำ เป็นช่วง ๆ รณรงค์ปลูกป่าต้นน้ำ และ สำรวจ ก่อสร้างหินทิ้ง เป็นรูปตัวที ที่หาดปากดวด หาดเสาเภา หาดปลายทอน หาดสวนสนและ หาดทุ่งใส ที่มีปัญหาคลื่นกัดเซาะ เพื่อให้เกิดเนินทรายมากขึ้น ขุดลอกร่องน้ำสิชล – คลองสิชล ที่มีตะกอนทรายเข้ามาทับถม ให้เรือประมงเข้าออกได้ รวมทั้งการตรวจสอบ เฝ้าระวังไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่า ส่วนที่บุกรุกแล้วจะได้มีการติดตามจับกุมมาดำเนินคดี ทั้งนี้เพื่อ รักษาสภาพแวดล้อมที่สมดุล และ ป้องกันภัยธรรมชาติ

ธนาคารออมสินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกแถลงการณ์ถึงลูกค้า

 พนักงานธนาคารออมสินจังหวัดสุราษฎร์ธานีออกแถลงการณ์ถึงลูกค้าผู้ทีอุปการะคุณของธนาคาร

เช้าวันนี้ (19 ก.พ.57)  ที่ธนาคารออมสินภาค 16 ถนนราษฎร์อุทิศ เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ได้มีเจ้าหน้าที่ พนักงานของธนาคาร ได้ออกมาแจกแถลงการณ์ของพนักงานธนาคารออมสินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้กับลูกค้าที่เดินทางมาถอนเงินจากธนาคารและประชาชนทั่วไปที่ผ่านไปมาด้วย โดยในแถลงการณ์ของพนักงานธนาคารออมสินจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีใจความว่าพนักงานธนาคารออมสินจังหวัดสุราษฎร์ธานี รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และกราบขอโทษทุกๆท่านแทนธนาคารออมสิน ที่นายวรวิทย์ ชัยลิปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสินได้บริหารงานผิดพลาด ก่อให้เกิดความไม่พอใจในการใช้บริการของพี่น้องประชาชน บัดนี้ นายวรวิทย์ ฯ ผู้อำนวยการธนาคาร ได้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากธนาคารออมสินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

พนักงานธนาคารออมสินทุกท่าน เสมือนข้าราชบริพารขององค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 "ขอสัญญาว่าจะดูแลเงินฝากของพี่น้องประชาชนที่ฝากเงินกับธนาคาร ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา และมีความมั่นคง-ยั่งยืน มาจนถึงอายุ 101 ปี ด้วยชีวิต” ขอพระบุญญาบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จงคุ้มครองทุกๆท่าน พนักงานธนาคารออมสินจังหวัดสุราษฎร์ธานี 19 กุมภาพันธ์ 2557

สำหรับ บรรยากาศที่ ธนาคารออมสินภาค 16 ในวันนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้า ได้มีประชาชนที่เป็นลูกค้าธนาคาร ได้เดินทางมาถอนเงินฝากต่อเนื่องมาจากเมื่อวานนี้ โดยประชาชนที่เดินทางมาถอนเงินในวันนี้ ส่วนหนึ่งจะถอนเงินของบุตรหลานที่นำมาฝากไว้ด้วย และเมื่อถอนจากธนาคารออมสินแล้ว จะนำเงินไปฝากที่ธนาคารอื่นแทน

อ่างเก็บน้ำคลองโตนเขาไคร อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เข้าร่วมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ตามพระราชดำริ

นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เห็นชอบโครงการปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนสามารถเรียนรู้ และสร้างประสบการณ์ตรงจากพระราชดำริมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ช่วยยกระดับฐานะความเป็นอยู่ ส่งเสริมการเรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ ดำเนินกิจกรรมพัฒนาชนบทโดยใช้ปัญหาของพื้นที่เป็นตัวตั้งในการพัฒนา ภายใต้ชื่อแผนงานพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามแนวพระราชดำริ

อย่างไรก็ตามสำหรับพื้นที่จังหวัดสตูล คณะกรรมการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานพระราชดำริ ได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๕ อนุมัติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ตามพระราชดำริ ประจำปี ๒๕๕๗ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่โครงการปรับปรุงระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองโตนเขาไคร หมู่ที่ ๙ บ้านควนดินดำ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล ทั้งนี้จังหวัดสตูล ได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานขยายผลพื้นที่ตามโครงการ เพื่อทำหน้าที่ในการจัดทำแผนและดำเนินงานขยายผลพื้นที่ปิดทองหลังพระสืบสานตามแนวพระราชดำริ บ้านปาล์มไทย หมู่ที่ ๙ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล รวมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินงานโดยนำองค์ความรู้ใน ๖ มิติ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในพื้นที่ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สนง.เกษตรจังหวัดสงขลา ติดอาวุธทางปัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตแก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรระดับอำเภอในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ

วานนี้ (18 ก.พ. 57)  ที่โรงแรมวีว่า อ.เมือง จ.สงขลา นายพีระพันธ์ แสงใส เกษตรจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้แก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรระดับอำเภอ ระหว่างวันที่ 18 – 19 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวและสนับสนุนให้พื้นที่คาบสมุทรสทิงพระเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของจังหวัดสงขลา เนื่องจากข้าวจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีพื้นที่ปลูกมากเป็นอันดับสอง รองจากยางพาราโดยมีเกษตรอำเภอและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรอำเภอที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรสทิงพระ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอระโนด อำเภอระโนด สทิงพระ สิงหนคร และกระแสสินธุ์ เข้าร่วมอมรบรวม 30 คน

นายพีระพันธ์ แสงใส เกษตรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปีการเพาะปลูกข้าวปี 2554/55 จังหวัดสงขลา มีครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำนวน 24,010 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกรวม 233,882 ไร่ ผลผลิตรวม 182,866 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ยของจังหวัด 545 กิโลกรัม/ไร่ มูลค่าการผลิต 2,500 ล้านบาท พื้นที่ปลูกข้าวในคาบสมุทรสทิงพระ มีพื้นที่รวมกันกว่า 200,000 ไร่ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งจังหวัด เกษตรกรส่วนใหญ่ในคาบสมุทรสทิงพระมีอาชีพทำนาเป็นเป็นหลัก และมีการเลี้ยงปศุสัตว์ในครัวเรือน เช่น กระบือ แพะ แกะเพื่อเป็นรายได้เสริม พื้นที่ส่วนใหญ่จะทำนาได้เพียงปีละ 1 ครั้ง (นาปี) เนื่องจากประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ ยกเว้นอำเภอระโนดที่มีระบบชลประทานเต็มพื้นที่ จึงสามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ทั้งนาปีและนาปรัง ปัญหาที่เกษตรกรได้รับอยู่ในขณะนี้คือ ปัญหาต้นทุนการผลิตสูง โดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมี เนื่องจากเกษตรกรยังใส่ปุ๋ยไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ มีการใช้เมล็ดพันธุ์ในอัตราที่สูง เกิดปัญหาโรคและแมลงระบาดได้ง่าย เนื่องจากข้าวมีความหนาแน่นมากเกินไป ทำให้ต้นทุนในการทำนาแต่ละครั้งสูงกว่ารายได้ที่ขายผลผลิตข้าว

จากปัญหาดังกล่าว สำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลาจึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระเพิ่มผลผลิตข้าวให้สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ต่ำลง มีการทำนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ในรูปแบบโครงการ 1 ไร่ 1 แสน โดยลดต้นทุนในเรื่องของการใช้ปุ๋ยเคมี โดยให้เกษตรกรใส่ปุ๋ยเคมีตามศักยภาพของชุดดินและค่าวิเคราะห์ดิน เกษตรกรจะต้องเก็บดินให้เจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดินวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน เพื่อผสมปุ๋ยจากแม่ปุ๋ยไว้ใช้เอง (ปุ๋ยสั่งตัด) ส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยอินทรีย์ ปรับปรุงบำรุงดิน สนับสนุนให้เกษตรกรใช้วิธีการทำนาแบบโยนกล้าแทนการหว่าน เพื่อลดอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์และลดปัญหาการระบาดของโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตา



สุรัถยา อนุรักษ์ ภาพ // ข่าว 

ป.ป.ช.ปลุกพลังมวลชนต้านทุจริต 4 ภาค ระดมความคิดเห็นตามโครงการ คนไทยไม่เอา คนโกงสร้างมาตรการลงโทษทางสังคม มุ่งสร้างการป้องกันปราบปรามการทุจริตให้มีประสิทธิภาพ เห็นผลเป็นรูปธรรม

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ก.พ.57  ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร  ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นประธานเปิดกิจกรรม โครงการคนไทย ไม่เอา คนโกง ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. จัดขึ้น เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมสร้างมาตรการลงโทษทางสังคม  หวังปลุกกระแสตื่นตัว จากทุกภาคส่วนที่ร่วมต่อต้านการคอร์รัปชั่นด้วยพลังมวลชนโดยมี นายมนต์  วสุวัต  ผู้อำนวยการสำนักป้องกันการทุจริตภาคประชาสังคม พร้อมด้วย ผู้แทนเครือข่าย ป.ป.ช. ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน แกนนำนิสิตนักศึกษา ผู้นำชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้แทนจาก   ภูเก็ต พังงา กระบี่  สุราษฎร์ธานี ระนอง และชุมพร  จำนวน 120 คน  ร่วมกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว  เป็นการต่อยอดการประชุม เชิงปฏิบัติการเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางสังคมเมื่อปี 2553  ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 19-20 ก.พ. 57

นายชัยรัตน์  ขนิษฐบุตร  กล่าวว่า    กิจกรรมสร้างมาตรการลงโทษทางสังคม เป็นกิจกรรมในโครงการ “คนไทย ไม่เอา คนโกง” ซึ่งเป็นงานภารกิจด้านป้องกันการทุจรติของสำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการเพื่อสร้างรูปแบบแนวทางและขบวนการขับเคลื่อนมาตรการลงโทษทางสังคมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติกรรมทุจริตโดยให้ภาคประชาชนได้ร่วมกันกำหนดกระบวนการสร้างมาตรการลงโทษทางสังคมที่เป็นรูปธรรมและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับชาติ  เพื่อให้ผู้ที่กระทำการทุจริตไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่สามารถดำรงตนอยู่ในสังคม  นอกจากนี้  เพื่อเป็นมาตรการเสริมมาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น  อีกด้วย

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว กำหนดจัดขึ้น 4 ครั้งใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศ คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดมหาสารคามโดยรูปแบบกิจกรรมเป็นการจัดสัมมนาเพื่อศึกษากระบวนการสร้างมาตรการลงโทษทางสังคมที่เหมาะสมกับ บริบทของสังคมไทยด้วยการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างรูปแบบ แนวทางและกลไกมาตรการลงโทษทางสังคมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติกรรมทุจริตระดับชาติและท้องถิ่น โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมจากทุกภูมิภาคในการสร้างมาตรการลงโทษทางสังคมที่เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่น

สำหรับกิจกรรมประกอบด้วย การปาฐกถา  เรื่องการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการป้องกันการทุจริต /การเสวนา เรื่อง การสร้างมาตรการลงโทษทางสังคม /การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด และการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็นเพื่อกำหนด  กระบวนการดำเนินการลงโทษทางสังคมให้เป็นรูปธรรม

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานติวเข้มนิติกรกว่า 100 คนเพื่อพัฒนาศักยภาพการบังคับใช้กฏหมายการคุ้มครองแรงงานเตรียมพร้อมการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน

วันที่ 19 ก.พ. 57  ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ นายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนานิติกร เรื่องการพัฒนาศักยภาพในการบังคับใช้กกฎหมายเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมีนายอภิญญา สุจริตตานันท์ ผู้อำนวยการกองนิติการ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายยุทธการ โอวาสิทธิ์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนิติกร ประมาณ 100 คน เข้าร่วม

นายพานิช จิตร์แจ้ง อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า ในการสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาศักยภาพของนิติกรเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ถูกต้องและมีความชัดเจนในเรื่องของกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติ โดยผู้เข้ารับการสัมมนาเป็นนิติกรของกรม ซึ่งจะต้องให้คำปรึกษาในเรื่องของกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่มีผลบังคับใช้ ดังนั้นนิติกรของกรมจะต้องมีความถูกต้องและแม่นยำ เนื่องจากได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในเนื้อหาสาระหรือแนวปฏิบัติในเชิงของกฎหมาย จึงจำเป็นต้องให้ทำความเข้าใจกับนิติกรได้รับทราบและเข้าใจในตัวบทกฎหมาย

รองเลขาธิการ ศอ.บต. ระบุพร้อมจัดบัณฑิตอาสาเป็นครูช่วยสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 (เวลา 10.00 น.) ที่ห้องพิมพ์มาดา โรงแรมปาร์ควิว จังหวัดยะลา ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำสื่อการสอนวิทยาศาสตร์อย่างง่ายประจำปีงบประมาณ 2557” โดยมีนางสาวสิริกาญจน์ จันทรสงค์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษายะลา ตลอดจนครูและบุคลากรทางการศึกษา ในเขตพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูลและสงขลา จำนวนกว่า 80 คน เข้าร่วมอบรมตามโครงการดังกล่าว

ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า การเรียนศาสนาเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่การเรียนทางด้านสามัญก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการเรียนศาสนาอยู่ในพื้นฐานของชีวิตอยู่แล้ว แต่การเรียนทางด้านสามัญต้องศึกษาเรียนรู้เพื่อนำมาปรับใช้ในเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านอาชีพ การเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ในการที่จะสร้างอนาคตสู่อาชีพที่มั่นคง ตอนนี้ครูวิทยาศาสตร์ขาดแคลนอย่างมากในภาคใต้ของเรา ศอ.บต. จึงได้จัดทำโครงการครูพันธุ์ใหม่ขึ้น โดยการนำเอาบัณฑิตอาสาในโครงการฯ สอนวิทยาศาสตร์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความสำคัญของการวิทยาศาสตร์ได้เป็นอย่างดี อีกประเด็นหนึ่งด้านทุนการศึกษา  ศอ.บต. ได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ประเทศอียิปต์ ได้พบปะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทุนการศึกษาของเด็กนักเรียนในสาขาวิชาแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องใช้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญทางด้านวิทยาศาสตร์ได้เป็นอย่างดี โครงการอบรมในวันนี้จึงเป็นโครงการที่ดีทำให้บุคคลากรทางการศึกษา ได้ช่วยกันสนับสนุนและช่วยกันแก้ไขปัญหาการศึกษา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการที่จะคิดวิธีในการให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ ได้เห็นถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์ อยากที่จะเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อต่อยอดสู่ความสำเร็จในอาชีพได้ในอนาคต และนำเอาวิชาความรู้ต่าง ๆเหล่านั้น กลับมาพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป

ด้านนางสาวสิริกาญจน์ จันทรสงค์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษายะลา กล่าวว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษายะลา เป็นสถานศึกษาสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กระทรวง ศึกษาธิการ เป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มีภารกิจสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา ครูอาจารย์ ตลอดจนถึงประชาชนทั่วไปให้ได้รับบริการการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ในรูปแบบที่หลากหลาย คือ การจัดนิทรรศการ การเข้าค่ายวิทยาศาสตร์ กิจกรรมการศึกษา การบริการวิชาการ ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการ 4 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล เพื่อให้สอดคล้องกับ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่กล่าวถึงการจัดการศึกษา ต้องให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เกิดทักษะและประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งการใช้สื่อการสอนนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความเข้าใจที่ชัดเจนมองเห็นเป็นรูปธรรม และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์

ศอ.บต.เชิญเครือข่ายผู้ไปฮัจย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หารือแนวทางเตรียมจัดงานมหกรรมรวมพลคนไปฮัจย์ เพื่อนำคุณค่าฮัจย์มาสร้างสังคมให้เกิดสันติสุข และพัฒนาพื้นที่ให้เจริญรุ่งเรือง

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 (เวลา 10.30 น.) ที่ห้องประชุม1 ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)  พันตำรวจเอกทวี  สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ ตามโครงการของ ศอ.บต. เพื่อรับฟังความคิดเห็นและแนวทางการจัดมหกรรมรวมพลคนไปฮัจย์  โดยนายอภิรัฐ สะมะแอ ที่ปรึกษาเลขาธิการ ศอ.บต.(ฝ่ายกิจการฮัจย์)   นายชาลี สกลวารี อดีตกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอารเบีย เจ้าหน้าที่กองกิจการฮัจย์ ศอ.บต. และเครือข่ายแกนนำผู้ผ่านการไปประกอบพิธีฮัจย์ตามโครงการของ ศอ.บต. ตั้งแต่ปี 2551 – 2556 ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส จำนวน 70 คนเข้าร่วมประชุม

พ.ต.อ.ทวี  สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า  เราจะนำคุณค่าของฮัจย์ มาเสริมสร้างพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างไร วันนี้ทุกคนเมื่อพูดถึงภาคใต้ จะพูดเรื่องเดียวกันว่าจะทำยังไงให้ภาคใต้เกิดสันติสุข  การเกิดสันติสุขได้นั้นจะต้องประกอบด้วยหลายส่วน ส่วนหนึ่งคือจะต้องมีพลเมืองที่เป็นคนดี ด้วยการศึกษาการศึกษาของภาคใต้ โดยเฉพาะพี่น้องที่เป็นมุสลิม มีการศึกษาตลอดชีวิต การศึกษาทำให้คนเป็นคนดี โดยเฉพาะการศึกษาด้านศาสนา  ผู้ที่ไปฮัจย์คือเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย เป็นตัวแทนของมุสลิมไทย ซึ่งเวทีของฮัจย์จะเป็นเวทีรวมของคนมุสลิมทั้งโลกที่ไปให้เห็นว่าอารยะธรรม วัฒนธรรม หรือประเพณีของมุสลิมที่อยู่ในประเทศไทยเราเป็นอย่างไร ดังนั้น ทางรัฐบาลจำเป็นต้องส่งเสริมและจะพยายามทำให้ดีที่สุด ประมาณกลางเดือนหน้าเราจะมีโครงการรวมพลคนไปฮัจย์ ซึ่งจะเชิญคนที่เคยไปฮัจย์ ได้มาพบปะกัน ส่วนหนึ่งก็คือที่ไปฮัจย์กับศอ.บต.  ผู้ที่ผ่านการทำฮัจย์ในทางศาสนา ถือว่ามีความสมบูรณ์ในข้อบัญญัติของศาสนาอิสลาม  ผมอยากจะให้ประชาชนในภาคใต้มีความเห็น มีความรู้สึกที่แตกต่างว่าตัวแทนของชุมชน ตัวแทนของจังหวัดที่ได้ไปทำฮัจย์ได้นำคุณค่าของฮัจย์กลับมามีส่วนร่วมในการเสริมสร้างสันติสุข และพัฒนาภาคใต้ให้มีความรุ่งเรืองเหมือนในอดีต หรือสถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นระเบียงของเมกกะขึ้นมาให้ได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้บนพื้นฐานของพวกเราทุกคนที่อยู่ในที่นี้

ทั้งนี้ มหกรรมรวมพลคนไปฮัจย์จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 15-16 มีนาคม 2557 ที่มัสยิดกลางประจำสงจังหวัดขลา โดยมีกิจกรรมการเสวนา และการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการพัฒนากิจการฮัจย์ไทย และในเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของนักวิชาการมุสลิม เช่น ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา การรวมกลุ่มของผู้ที่เคยผ่านการไปประกอบพิธีฮัจย์ และผู้ที่ประสงค์จะไปประกอบพิธีฮัจย์ ทั้งตามโครงการของ ศอ.บต.และในสังกัดของผู้ประกอบกิจการฮัจย์ นิทรรศการเรื่องฮัจย์ อาหารฮาลาล สถาบันการเงิน สายการบินที่จัดเที่ยวบินฮัจย์ การประชุมของสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจย์ภาคใต้ การแนะนำขั้นตอนปฏิบัติในการเดินทางและข้อปฏิบัติประกอบพิธีฮัจย์ที่ถูกต้อง กิจกรรมการแสดงบนเวทีตามวิถีและวัฒนธรรมของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งจะมีผู้ประกอบกิจการฮัจย์ และผู้แทนจากสำนักงานตาบงฮัจย์ ประเทศมาเลเซียด้วย

นครฯ ตั้งศูนย์เฉพาะกิจรับมือไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง

จังหวัดนครศรีธรรมราชตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี 2557

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 65 จังหวัด เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ตามยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี 2557 ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในช่วงฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2557 รวมทั้งการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัย เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จังหวัดฯจึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2557 ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจังหวัดได้จัดทำแผนเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย และมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้วของทุก ๆ ปี อาจมีความเสียหายมากในกรณีของอัคคีภัยในอาคารขนาดใหญ่ อาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม เขตชุมชนหนาแน่นและย่านการค้า สำหรับไฟป่ามักเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าไม้เขตป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าพรุ ซึ่งหารเกิดไฟป่าดังกล่าวมีสาเหตุมาจากธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยจงใจ หรือความประมาทก็ตาม ได้ส่งผลความเสียหายต่อสภาพแวดล้อม ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ ดังนั้นหากประชาชนพบเห็นการเกิดอัคคีภัย หรือไฟป่า สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร. 0 7535 8440 หรือ หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกิดเหตุ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่า เป็นต้น

สารพัดช่างนครศรีธรรมราช จัดงานวันดอกไม้บาน Open House

นายสมบูรณ์ ชดช้อย ผู้อำนวยการการวิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า วิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช กำหนดจัดงานวันดอกไม้บาน Open House ประจำปีการศึกษา 2556 ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 เริ่มเวลา 08.30 น. ณ วิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์วิทยาลัย จัดแสดงผลงานของนักเรียน นักศึกษา การจัดนิทรรศการทางวิชาการ แนะแนวศึกษาต่อสายอาชีพ นอกจากนี้ยังจัดให้มีกิจกรรมให้บริการ Fit It Center การแสดงบนเวที การประกวดร้องเพลง การแข่งขันกีฬาเปตอง การออกร้านของนักเรียน นักศึกษา และจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาถูก จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าวได้ตั้งแต่เวลา 08.30 -15.30 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557

บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น รับสมัครคัดเลือกเข้าศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา ประจำภาคการศึกษา ปีการศึกษา 2557

บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น รับสมัครคัดเลือกเข้าศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา ประจำภาคการศึกษา ปีการศึกษา 2557

จำหน่ายใบสมัครและรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. ปิดทำการวัีนหยุดนักขัตฤกษ์ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ http://gs.kku.ac.th หรือโทร. 043-202420, 088-0620132, 088-0620133 

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เชิญชวนผู้สนใจร่วมส่งสิ่งประดิษฐ์เข้าประกวด ในโครงการจัดประกวดสิ่งประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี พ.ศ. 2557

ด้วยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมูลนิธิธนาคารกรุังเทพ มีความประสงค์จะส่งเสริมการประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ จังได้จัดให้มีโครงการจัดประกวดสิ่งประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี พ.ศ. 2557 โดยกำหนดหัวข้อสำหรับการประกวด คือ "เครื่องจักรกล พลังงาน และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเกษตร ประำจำปี พ.ศ. 2557" และได้กำหนดระยะเวลาให้ผู้สนใจประสงค์จะเสนอผลงาน จัดส่งรายละเอียดถึงสำนักส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

ผู้สนใจโปรดติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ทุกวันทำการ
1. สำนักส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยี สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลนี ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทร. 02-3333958 โทรสาร 02-3333931
2. สำนักงานมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 333 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 โทรศัพท์ 02-2302560, 02-2302562 โทรสาร 02-2315488
3. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา ทั่วราชอาณาัจักร
4. http://www.most.go.th หรือ www.clinictech.maost.go.th  หรือ www.most.go.th/eservice 

จังหวัดตรัง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนป้องกันไฟป่าและควบคุมหมอกควันในฤดูแล้ง

นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง  กล่าวว่า  ได้รับแจ้งจากนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์  อธิบดีกรมป่าไม้ ว่ากรมป่าไม้ได้กำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่าและควบคุมหมอกควัน เนื่องจากปรากฏว่าฤดูแล้งของทุกปี  มักจะเกิดไฟป่าขึ้นเป็นประจำ สาเหตุเกิดไฟป่าส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งที่ตั้งในและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การเผาป่าหรือกระทำการใด ๆ  ให้เกิดไฟป่าทำความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า ตลอดจนทรัพย์สินของทางราชการและประชาชน ไฟป่าทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินเสื่อมโทรม ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ เป็นสาเหตุหนึ่งของการภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน  ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่  เครื่องมือ  เครื่องใช้  และยานพาหนะ  เพื่อเข้าดำเนินการระงับดับไฟป่าเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น  เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายจากไฟป่าดังกล่าว  ทั้งให้ราษฎรได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า  กรมป่าไม้จึงกำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่า  ดังนี้
          ๑. เมื่อมีความจำเป็นในการเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน  ขอความร่วมมือให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว  จัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟมิให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ  โดยให้ประสานงานกับหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่  หรือหน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่  หรือหน่วยงานภาคสนามของกรมป่าไม้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง  เพื่อจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยควบคุมในการดำเนินการต่อไป
          ๒.ขอความร่วมมือราษฎร  เมื่อพบเห็นไฟไหม้ป่าบริเวณใดให้ช่วยกันดับไฟโดยเร็ว  เพื่อมิให้ไฟขยายเป็นวงกว้าง  ถ้ากรณีไฟรุนแรงไม่สามารถดับได้ให้รีบแจ้งและประสานงานศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่,  หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่,  หน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่  หรือสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า  กรมป่าไม้  โทรศัพท์  ๐๒-๕๖๒๐๗๐๒  เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดำเนินการดับไฟได้ทันการณ์

กรณีการจุดไฟเผาป่า  หรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ  หรือพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้  พุทธศักราช  ๒๔๘๔  มีความผิด  ดังนี้

-                   พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ  พ.ศ.  ๒๕๐๗  มาตรา  ๑๔  ต้องระวางโทษตามมาตรา  ๓๑  จำคุกตั้งแต่  ๖  เดือนถึง  ๕  ปี  และปรับตั้งแต่  ๕,๐๐๐  บาท  ถึง  ๕๐,๐๐๐  บาท
ในกรณีบุคคลใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน  ๒๕  ไร่  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่  ๒  ปี  ถึง  ๑๕  ปีและปรับตั้งแต่  ๒๐,๐๐๐  บาท  ถึง  ๑๕๐,๐๐๐  บาท
-                   พระราชบัญญัติป่าไม้  พุทธศักราช  ๒๔๘๔  มาตรา  ๕๔  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน  ๕  ปี      หรือปรับไม่เกิน  ๕๐,๐๐๐  บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีผู้ใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน  ๒๕  ไร่  ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่  ๒  ปี  ถึง  ๑๕  ปี  และปรับตั้งแต่  ๑๐,๐๐๐  บาท  ถึง  ๑๐๐,๐๐๐  บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง  หมายเลขโทรศัพท์ 075-215294

ขอเชิญร่วมงาน "งานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 4"

วารสารการเงินธนาคาร ผู้จัดงานมหกรรมการเงิน Money Expo จะจัดงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ ครั้งที่ 4 Money Expo Hatyai 2014  ภายใต้แนวคิด "Connecting Life: การเงินเชื่อมโยงชีวิตก้าวไปตามใจฝัน  ในวันที่ 7-9 มีนาคม 2557 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

งานมหกรรมการเงิน หาดใหญ่ ครั้งที่ 4  Money Expo Hatyai 2014 จะเป็นสื่อกลางระหว่างธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทประกันชีวิต ประกันภััย ที่ให้บริการทางการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  บริษัทค้่าทองคำ และโกลด์ฟิวเจอร์ ที่ให้บริการด้านการลงทุน มานำเสนอบริการทางการเงินและการลงทุนกับประชาชน ธุรกิจ ผู้ลงทุน ได้เข้าถึง แหล่งเงิน และแหล่งทุน ได้อย่างเท่าเทียมกัน เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ภายในงานยังมีสัมมนาให้่ความรู้เรื่องการเงินและการลงทุนแก่ประชาชนที่เข้าชมงานฟรีด้วย โดยปีนี้ื ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับธนาคาร สถาบันการเงินชั้นนำ และหน่วยงานต่าง ๆ กว่า 30 แห่ง มาให้บริการสินเชื่อและการลงทุน ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อเอสเ็อ็มอี  ประกันชีวิต ประกันภัย ประกันสุขภาพ การลงทุนในตลาดหุ้น/กองทุนรวมตลอดโปรโมชั่นสุดพิเศษ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม   คุณมนัญญา/ปนัดดา ประชาสัมพันธ์ โทร. 02-6914126-30 ต่อ 217

โรงพยาบาลตรัง ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มพูนทักษะด้านการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยการพูด อ่าน ฟัง

ด้วยกลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลตรัง จัดโครงการเพิ่มพูนทักษะด้านการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยการพูด อ่าน ฟัง ระหว่างวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 -  วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2557 เวลา 18.30 -20.00 น. ณ ห้องประชุมเฟื่องฟ้า โรงพยาบาลตรัง จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 30 คน   รุ่นที่ 1 เฉพาะวันจันทร์และวันพุธ, รุ่นที่ 2 เฉพาะวันอังคารและวันพฤหัสบดี

จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

สอบถามรายละเอียเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลตรัีง หมายเลขโทรศัพท์ 075-581563

ขอเชิญผู้สนใจ ร่วมโครงการ "บรรพชา สามเณรี" รุ่้นที่ 5 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ

 หนึ่งในความภูมิใจของผู้หญิง กับการเติมเต็มพุทธบริษัท 4 ด้วยการเข้าร่วมโครงการ
"บรรพชาสามเณรี" รุ่นที่ 5          ระหว่างวันที่ 3-15 เมษายน 2557 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ

รับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทำพิธีบวชและทอดผ้าป่าสามัคคี ในวัีนที่ 3 เมษายน 2557 ณ ทิพยสถานธรรม ภิกษณีอารามเกาะยอ จ.สงขลา เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป

สอบถามรายละเอียเพิ่มเติม หมายเลขโทรศัพท์ 081-9590736, 074-450242

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จไปทรงติดตามการดำเนินงานโครงการตำบลนมแม่เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัว ณ ตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง

วันนี้ (19 ก.พ.) เวลา 11.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง การนี้ นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายแพทย์อำนวย กาจีนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข คณะทำงานโครงการตำบลนมแม่เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัวบางสักอำเภอกันตัง และประชาชนเฝ้ารับเสด็จ ต่อจากนั้น เสด็จเข้าสู่ห้องประชุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางสัก เพื่อทรงรับฟัง และทอดพระเนตรวีทีทัศน์ ผลการดำเนินงานโครงการตำบลนมแม่เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัวบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง จังหวัดตรังได้มีการดำเนินงาน โครงการตำบลนมแม่เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัวบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยมีโรงพยาบาลกันตัง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาความรู้ "นมแม่ไม่ใช่แค่อาหาร....แต่คือรากฐาน สร้างชีวิตคน” พร้อมปรับวิธีคิดในการจัดทำแผนพัฒนาตำบล และการบริหารจัดการโครงการให้แก่แกนนำชุมชน อสม.นมแม่ ประชาชน และหน่วยงานในโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวฯ ให้การสนับสนุนองค์ความรู้ในแต่ละสาขาฝึกอาชีพ สร้างรายได้เสริมแก่ประชาชน

ซึ่งมีองค์การบริหารส่วนตำบลได้ร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ว่า "ลูกหลานคนบางสัก เลี้ยงด้วยความรัก ฟูมฟักด้วยนมมารดา เพื่อเด็กพัฒนาการสมวัย” และใช้แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์เป็นเครื่องมือในการบูรณาการงาน สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยจัดเวทีประชาคม พร้อมกำหนดข้อตกลงของชาวบ้านเป็นแนวทางปฏิบัติของครัวเรือน ดำเนินในรูปแบบคณะทำงาน กิจกรรมประกอบด้วยการสำรวจข้อมูล แม่และเด็กและทุนสังคมในชุมชน การจัดทำแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาเด็กอย่างองค์รวม การอบรมสร้างความรู้นมแม่และการพัฒนาเด็ก ให้แก่แกนนำชุมชน อสม.นมแม่ ปราชย์ และประชาชน การอบรมดีเจน้อยนมแม่ การเยี่ยมบ้านหญิงตั้งครรภ์และแม่หลังคลอง การให้ความรู้นมแม่ด้วยเสียงไร้สาย การฝึกอาชีพเสริมเพิ่มราได้แก่ครอบครัว ต่อจากนั้น เสด็จไปยังบ้านสมาชิกโครงการตำบลนมแม่เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัวบางสัก บ้านหญิงหลังคลอด นางเกตธินันท์ สุวรรณวัฒน์ อายุ 25 ปี ประกอบอาชีพแม่บ้าน สามีชื่อ นายสุชาติ สุวรรณวัฒน์ อายุ 30 ปี อาชีพค้าขายวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตร ที่จำเป็นต้องใช้ในการปลูกยางและปาล์ม เช่น ปุ๋ย มีดกรีดยางพารา ถ้วยรองน้ำ ยางพาราพลาสติกเป็นต้น ครอบครัวนี้มีบุตรด้วยกัน อายุ 10 เดือน 24 วัน เป็นครอบครัวอบอุ่น มีจิตสาธารณะช่วยเหลือชุมชน และส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

โอกาสนี้ประทานสิ่งของเยี่ยมหญิงหลังคลอด พร้อมทั้งทรงมีพระปฏิสันถาร ตามพระอัธยาศัย ต่อจากนั้น เสด็จไปยังบ้านสมาชิกโครงการตำบลนมแม่เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัวบางสัก บ้านหญิงหลังคลอด นางบัณฑิตา คงสินธุ์ อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 44/2 หมู่ที่ 1 สามีชื่อ นายกิตติพงษ์ คงสินธุ์ อายุ 33 ปี อาชีพหลักทำสวนยาง มีบุตรด้วยกันจำนวน 2 คน คนแรกอายุ 6 ปี 5 เดือน คนที่สอง อายุ 1 ปี 3 เดือน ตั้งใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุด อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างาครอบครัวเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบอาชีพเสริมขายก๋วยเตี๋ยว นอกจากนี้ยังปลูกผักบุ้ง และเพาะถั่วงอกเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ ทำให้สามารถลดต้นทุน การประกอบอาชีพได้มากขึ้น โอกาสนี้ประทานสิ่งของเยี่ยมหญิงหลังคลอด พร้อมทั้งทรงมีพระปฏิสันถาร ตามพระอัธยาศัย จากนั้น เสด็จไปยังบ้านสมาชิกโครงการตำบลนมแม่เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัวบางสัก บ้านหญิงตั้งครรภ์ นางสาวอนัญญา ทิ้งหลี อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 158 หมู่ 4 ประกอบอาชีพรับราชการครู สามีชื่อ นายการุณ ไวยะ อายุ 35 ปี อาชีพทำสวนยาง มีตายายอาศัยอยู่กับครอบครัว เป็นครอบครัวอบอุ่น อีกทั้งครอบครัวมีจิตสาธารณะช่วยเหลือชุมชนเป็นอย่างดี และมีความตั้งใจเลี้ยวลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุด โอกาสนี้ประทานสิ่งของเยี่ยมหญิงหลังคลอด พร้อมทั้งทรงมีพระปฏิสันถาร ตามพระอัธยาศัย และสมควรแก่เวลา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จออกจากตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เสด็จกลับวังศุโขทัย