นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้ ว่ากรมป่าไม้ได้กำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่าและควบคุมหมอกควัน เนื่องจากปรากฏว่าฤดูแล้งของทุกปี มักจะเกิดไฟป่าขึ้นเป็นประจำ สาเหตุเกิดไฟป่าส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งที่ตั้งในและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การเผาป่าหรือกระทำการใด ๆ ให้เกิดไฟป่าทำความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า ตลอดจนทรัพย์สินของทางราชการและประชาชน ไฟป่าทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินเสื่อมโทรม ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ เป็นสาเหตุหนึ่งของการภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องใช้ และยานพาหนะ เพื่อเข้าดำเนินการระงับดับไฟป่าเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายจากไฟป่าดังกล่าว ทั้งให้ราษฎรได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า กรมป่าไม้จึงกำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่า ดังนี้
๑. เมื่อมีความจำเป็นในการเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ขอความร่วมมือให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว จัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟมิให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยให้ประสานงานกับหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่ หรือหน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่ หรือหน่วยงานภาคสนามของกรมป่าไม้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยควบคุมในการดำเนินการต่อไป
๒.ขอความร่วมมือราษฎร เมื่อพบเห็นไฟไหม้ป่าบริเวณใดให้ช่วยกันดับไฟโดยเร็ว เพื่อมิให้ไฟขยายเป็นวงกว้าง ถ้ากรณีไฟรุนแรงไม่สามารถดับได้ให้รีบแจ้งและประสานงานศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่, หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่, หน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่ หรือสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ โทรศัพท์ ๐๒-๕๖๒๐๗๐๒ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดำเนินการดับไฟได้ทันการณ์
กรณีการจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มีความผิด ดังนี้
- พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๑๔ ต้องระวางโทษตามมาตรา ๓๑ จำคุกตั้งแต่ ๖ เดือนถึง ๕ ปี และปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท
ในกรณีบุคคลใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน ๒๕ ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๒ ปี ถึง ๑๕ ปีและปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาท ถึง ๑๕๐,๐๐๐ บาท
- พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๕๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือปรับไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีผู้ใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน ๒๕ ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๒ ปี ถึง ๑๕ ปี และปรับตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ถึง ๑๐๐,๐๐๐ บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง หมายเลขโทรศัพท์ 075-215294
ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายจากไฟป่าดังกล่าว ทั้งให้ราษฎรได้มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า กรมป่าไม้จึงกำหนดมาตรการในการป้องกันไฟป่า ดังนี้
๑. เมื่อมีความจำเป็นในการเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ขอความร่วมมือให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว จัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟมิให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยให้ประสานงานกับหน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่ หรือหน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่ หรือหน่วยงานภาคสนามของกรมป่าไม้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยควบคุมในการดำเนินการต่อไป
๒.ขอความร่วมมือราษฎร เมื่อพบเห็นไฟไหม้ป่าบริเวณใดให้ช่วยกันดับไฟโดยเร็ว เพื่อมิให้ไฟขยายเป็นวงกว้าง ถ้ากรณีไฟรุนแรงไม่สามารถดับได้ให้รีบแจ้งและประสานงานศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่, หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าท้องที่, หน่วยป้องกันรักษาป่าท้องที่ หรือสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ โทรศัพท์ ๐๒-๕๖๒๐๗๐๒ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปดำเนินการดับไฟได้ทันการณ์
กรณีการจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มีความผิด ดังนี้
- พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๑๔ ต้องระวางโทษตามมาตรา ๓๑ จำคุกตั้งแต่ ๖ เดือนถึง ๕ ปี และปรับตั้งแต่ ๕,๐๐๐ บาท ถึง ๕๐,๐๐๐ บาท
ในกรณีบุคคลใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน ๒๕ ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๒ ปี ถึง ๑๕ ปีและปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาท ถึง ๑๕๐,๐๐๐ บาท
- พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๕๔ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือปรับไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีผู้ใดเผาป่าเป็นเนื้อที่เกิน ๒๕ ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๒ ปี ถึง ๑๕ ปี และปรับตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ บาท ถึง ๑๐๐,๐๐๐ บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง หมายเลขโทรศัพท์ 075-215294
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น