วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

สปข. ๕ จัดเวทีชุมชนประชาธิปไตย

สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตร่วมกับเทศบาลตำบลราไวย์ จัดเวทีชุมชนประชาธิปไตย เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมจากฐานรากของชุมชนสู่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืน

วันนี้ (20 มี.ค. 57) ที่ศูนย์การเรียนรู้บ้านบางคณฑี ต. ราไวย์ อ. เมือง จ. ภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการจัดกิจกรรมเวทีชุมชนประชาธิปไตย "ส่วนร่วมจากชุมชน.. สู่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืน” โดยมีนางพิชญา เมืองเนาว์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายฤทธิเดช โคตรสาร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต นายชัยวุฒิ พวงสุวรรณ นางไอศยา สินบุษกร นายบัญชา กัณหาสินธิ์ รักษาราชการ ผอ.สวท.ภูเก็ต นายโสภณ เคี่ยมการ รักษาราชการ ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต บุคลากรสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กลุ่มผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี ในพื้นที่ตำบลราไวย์ เข้าร่วม มีวิทยากร นายกิติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต อาจารย์แสงเดื อน หังสวนัส คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฦภูเก็ต น.ส.พรภัก ระวังชา ประธานสตรีมุสลิมะฮ์ตำบลราไวย์ และนายอภิสิทธิ์ ช่างเหล็ก ประธานสภาเยาวชนตำบลราไวย์ ร่วมเสวนา

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เป็นกฎหมายสูงสุด มีประชาชนเป็นศูนย์กลางในการปกครองประเทศผ่านระบบรัฐสภา และกิจกรรมการมีส่วนร่วมถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของชุมชนที่มาจากความคิดเห็น ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง กรมประชาสัมพันธ์จึงได้มอบหมายให้สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 ดำเนินงานโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยประจำปี 2557 ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ขึ้น เพื่อกระตุ้นประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและสร้างความรู้ความเข้าใจในความเป็นพลเมืองประชาธิปไตยที่เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมในชุมชนเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง ตลอดจนสร้างจิตสำนึกให้เคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น แสดงออกตามวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้องและเหมาะสม

สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 จึงกำหนดจัดกิจกรรมการจัดเวทีชุมชนประชาธิปไตย "ส่วนร่วมจากชุมชน...สู่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืน” ขึ้น โดยคัดเลือกกลุ่มผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี และเยาวชนในพื้นที่บ้านบางคณฑี ต. ราไวย์ จ. ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นของชุมชนด้านการมีส่วนร่วมเข้าร่วมกิจกรรม โดยเป็นการนำความรู้ในมิติด้านวิชาการและด้านการปฏิบัติงานของคนในชุมชน มาแลกเปลี่ยน พูดคุย ถอดบทเรียนและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อการนำไปเป็นต้นแบบของชุมชนอื่น ๆ ต่อไป

ผบช.ศชต. มอบประกาศเกียรติคุณตำรวจปฏิบัติหน้าที่ดีเยี่ยม พร้อมติดตาม เร่งรัด คดีความมั่นคงและมอบนโยบาย หน.หน่วยตำรวจในจังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้ 20 มี.ค.57 เวลา 09.40 น.  ที่ ห้องประชุมยะลารวมใจ ชั้น 2 อาคารศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ถ.สุขยางค์ เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา  พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้  เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่นประจำเดือน มี.ค.57 จำนวน 35 นาย เพื่อเป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจให้ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสงบสุขของประชาชน  พร้อมทั้งประชุมติดตามความคืบหน้าคดีความมั่นคงต่างๆ ของหน่วยตำรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ตั้งแต่ระดับสถานีตำรวจขึ้นไป รวม 166 นาย ติดตามความคืบหน้าคดีความมั่นคงที่สำคัญที่เกิดในห้วงเดือนที่ผ่านมา  เพื่อกำชับ เร่งรัด ให้ทุกหน่วยปฏิบัติอย่างเข้มข้นเกาะติดสถานการณ์ พร้อมให้ปฏิบัติงานเชิงรุกเข้าหากลุ่มเป้าหมาย จัดมาตรการวางกำลังป้องกันเหตุร้ายจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ให้คลอบคลุมพื้นที่ และ เน้นย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่อย่างรัดกุม ระมัดระวัง ไม่ประมาท  ให้ตำรวจทุกนายตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ และให้บริการประชาชน อย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้สมกับเจตนารมณ์คำว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์” เพื่อความผาสุกของประชาชนในพื้นที่ต่อไป



นายนิแอ  สามะอาลี / ภาพข่าว

กำลัง 3 ฝ่าย ปิดล้อมพื้นที่ ต.สะเอ๊ะ อ.กรงปินัง รวบผู้ต้องสงสัยป่วนใต้ ได้ 1 ราย

พ.ท.ณรงค์ชัย เจริญชัย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 13 อ.กรงปินัง จ.ยะลา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (19 มี.ค.57 ) เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 13 อ.กรงปินัง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพราน ที่ 47 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กว่า 50 นาย เข้าปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายที่บ้านยาแลบารู (บ้านย่อย บ้านแปแจง) หมู่ที่ 5 ต.สะเอ๊ะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา หลังสืบทราบจากแหล่งข่าวว่า มีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่ก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.กาบัง และ อ.ยะหา จ.ยะลา เข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมบ้านต้องสงสัย จำนวน 4 หลัง และสามารถควบคุมตัว นายกายา เจ๊ะหนิ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 หมู่ 3 ต.ตรัง อ.มายอ จ.ปัตตานี ตามหมายจับที่ จ 70/2557 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2557 สภ.กาบัง จ.ยะลา พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง/ซิมการ์ด เปล่า จำนวน 1 ซิม จึงได้นำตัวซักถามขยายผลที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 อ.ยะหา จ.ยะลา ต่อไป



นายนิแอ  สามะอาลี / ภาพข่าว

อบต.คลองเคียน จ.พังงา ชวนเที่ยวงานเทศกาลหอยและอาหารทะเล ครั้งที่ 5 และ “คลองเคียน ฟิชชิ่ง เกมส์ 2014” 29-31 มี.ค.นี้

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 19  มี.ค.57  ที่ห้องประชุมโรงแรมเอราวัณ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา นายศิลป์ชัย รามณีย์ นายอำเภอตะกั่วทุ่ง พร้อมด้วย นายอุทิศ มัจฉาเวช นายก อบต.คลองเคียน นายวิชัช ไตรรัตน์ นายกสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดพังงา นายวัฒนพงษ์ สุกใส หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา นางลัดดาวัลย์ ช่วยชาติ หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลหอยและอาหารทะเล ครั้งที่ 5 และคลองเคียน ฟิชชิ่ง ครั้งที่ 1 โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายอุทิศ กล่าวว่า ตำบลคลองเคียน เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอตะกั่วทุ่ง จ.พังงา มีลักษณะภูมิประเทศเป็นหุบเขาสลับกับที่ราบลุ่ม มีอาณาเขตติดต่อกับภาคพื้นดินและชายฝั่งทะเลอ่าวพังงา ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ประกอบอาชีพประมงและเกษตรกรรมเป็นหลัก มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย มีศิลปวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีท่าเทียบเรือที่มีความสะดวกสบาย ใกล้กับจุดท่องเที่ยวหลายจุดในอุทยานแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังมีทรัพยากรทางทะเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีอาหารทะเลที่สด อร่อย นับเป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลที่สำคัญในจังหวัดพังงา  การจัดงานครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการต่อสู้มาในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จนกระทั่งมาถึงการรวมกลุ่มของพี่น้องชาวประมง ต.คลองเคียน ในเรื่องของการอนุรักษ์กุ้งหอย ปู ปลา ที่มีอยู่ในพื้นที่ของ อบต.คลองเคียน ต่อเนื่องมาจนกระทั่งเรามีการจัดงานเทศกาลหอย และอาหารทะเล ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ซึ่งได้ผนวกเรื่องการท่องเที่ยวเข้าไปด้วย เพราะว่าการท่องเที่ยวในเขตของ อบต.คลองเคียนนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ 3 แห่ง คือเกาะละวะใหญ่ เกาะพะนัก และเกาะห้อง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวจากกระบี่ และภูเก็ตมาเที่ยว วันหนึ่งหลายพันคน จึงเป็นที่มาและวัตถุประสงค์ของการจัดงานฯ เพื่อต่อยอดเรื่องของอาหารทะเล การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ในเรื่องของการท่องเที่ยว และที่สำคัญเป็นการปลูกจิตสำนึกให้คนในชุมชนมีความหวงแหนในทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเลและชายฝั่งที่มีอยู่

ดังนั้น อบต.คลองเคียน จึงได้ร่วมกับจังหวัดพังงาจัดงานนี้ในระหว่างวันที่ 29-31 มีนาคม 2557 ณ ท่าเทียบเรือบ้านคลองเคียน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สนับสนุนให้เกิดจิตสำนึกของชุมชนด้านการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และยังได้อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ตกทอดสู่คนรุ่นหลังต่อไป

กิจกรรมภายในงานมีการประกวดการทำอาหารเกี่ยวกับหอยและอาหารทะเลทุกชนิด มีการแสดงของเด็กเยาวชน จากทั้ง 8 หมู่บ้านของ ต.คลองเคียน การล่องเรือชมสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ในเขตความรับผิดชอบของ อบต.คลองเคียน และอยู่ในเขตความรับผิดชอบของอ่าวพังงา มีเกาะละวะ เกาะพะนัก และเกาะห้อง  ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบนเรือ รวมถึงการผนวกกิจกรรมการแข่งขันตกปลาร่วมด้วย โดยสำนักงานประมงจังหวัดพังงาได้ร่วมกับ อบต.คลองเคียน จัดขึ้น ภายใต้ชื่องาน การแข่งขันกีฬาตกปลาทะเล คลองเคียน ฟิชชิ่ง เกมส์ 2014 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อเชิญชวนพี่น้องชาวประมงทั้งในจังหวัดพังงา และจากจังหวัดใกล้เคียง ให้มาร่วมกิจกรรมปีละ 1 ครั้ง โดยจะแข่งตกปลาในพื้นที่อ่าวพังงา ในวันที่ 29-30 มีนาคม 2557 มีของรางวัลเป็นเงินสด โล่รางวัล และรางวัลพิเศษอีกมากมาย ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดพังงา โทร 076-412153 อบต.คลองเคียน โทร.076-451287 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป      

ตลาดคอนโดปล่อยเช่ารับอานิสงส์ท่องเที่ยวภูเก็ตเติบโตสูงต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 มี.ค. 57 ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ จ. ภูเก็ต ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดงานเสวนาภายใต้หัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต” โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละธุรกิจมาร่วมให้ข้อมูลความรู้ มีวัตถุประสงค์ให้ข้อมูลด้านภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ การท่องเที่ยวและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตให้กับนักธุรกิจและนักลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยมีนายวารินทร์  สัจเดว  เป็นผู้ดำเนินการเสวนาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และมีน.ส. ศรีนรินทร์  เผ่าพงษ์ไพบูลย์ นักวิเคราะห์อาวุโส  ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์  จำกัด นายอนุกูล  รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทพลัสพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด  น.ส. วรรณประภา  สุขสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภูเก็ต  ร่วมเสวนา

น.ส. ศรีนรินทร์  กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดภูเก็ต (GPP) มีสัดส่วนหลักมาจากภาคบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งภาคโรงแรมและร้านอาหารมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 33 และอันดับสองจากการขนส่งอีกร้อยละ 23 และมีอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดอยู่ที่ร้อยละ 8.7 สูงกว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4 ต่อปี ทั้งนี้จำนวนผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยวจะมาจากต่างประเทศมากกว่านักท่องเที่ยวจากในประเทศในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (วัดจากจำนวนผู้โดยสารขาเข้าที่ใช้บริการสนามบินนาชาติภูเก็ต) ทั้งนี้พบว่าแม้ประเทศไทยจะมีปัญหาการเมืองในกรุงเทพฯ ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาภูเก็ตอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ตให้เติบโตต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอาจจะยังไม่สดใสก็ตาม

ด้าน น.ส.วรรณประภา  สุขสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต เปิดเยว่าในช่วงไฮซีซั่นของภูเก็ต (27 ต.ค. 25-29 มี.ค. 57) จะมีจำนวนเที่ยวบินเข้าสู่ภูเก็ตรวมกว่า 771 เที่ยวบินจาก 48 สายการบินทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเป็นการยืนยันได้ว่าภูเก็ตยังคงเป็นจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเมืองหนาว อาทิกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย อังกฤษและกลุ่มประเทศยุโรป ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการขยายตัวสูงขึ้นเพื่อตอบรับการจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังมองเห็นพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในรูปแบบการพักแบบลองสเตย์มากขึ้นและมองหาที่พักโดยการเช่าคอนโดหรือบ้านพักแทนการเข้าพักโรงแรมเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ที่เห็นได้ชัดจะเป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เกาหลีและจากทางยุโรป

ขณะที่นายอนุกูล  กล่าวว่า การซื้อลงทุนคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่าได้รับความนิยมสูงขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจธุรกิจท่องเที่ยวของภูเก็ตมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วใน 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยวัดได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้จังหวัดภูเก็ตมีการจ้างงานมากขึ้น ทั้งในส่วนของชาวต่างชาติที่มาทำงานและชาวไทยจากจังหวัดอื่น ๆ โดยทำเลที่มีการจ้างงานมากคือบริเวณชายหาดป่าตอง ซึ่งทำให้บริเวณใกล้เคียงเช่น กะทู้ ได้รับอานิสงส์ไปด้วย ทำให้ตลาดเช่าของจังหวัดภูเก็ตไม่ต้องพึ่งช่วง High season อย่างเดียวเพราะสามารถปล่อยเช่าให้คนที่มาทำงานในจังหวัดภูเก็ตได้ตลอดทั้งปี

ชาวบ้านชุมชนคลองมุดง ฉลอง ภูเก็ต รวมตัวกว่า 200 คน บุกเทศบาลตำบลฉลอง เข้าร้องเรียนให้ทางนายกเทศมนตรีตำบลฉลองช่วยเหลือในเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปา

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 มี.ค.57 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลฉลอง ชาวบ้านชุมชนคลองมุด หมู่ 1 ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นำโดย นาย สมพร หนูคง ประธานชมชุนคลองมุดง ได้เข้าร้องเรียนต่อ นาย สำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง ขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อให้มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ในชุมชน โดยมี พ.ต.ท. กิตติพงศ์ คล้ายแก้ว รอง ผกก.ป.สภ.ฉลอง นาย ชิษณุพงศ์ โกยกิจเจริญ ผู้จัดการการไฟฟ้า สาขาย่อยตำบลฉลอง คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล และชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 200 คนเข้าร่วม

นายสมพร กล่าวว่า เนื่องด้วยชาวบ้านชุมชนคลองมุดง เป็นชุมชนที่มีประชาชนเข้าอยู่อาศัยเป็นจำนวนหลายครัวเรือน โดยเริ่มเข้ามาอาศัยตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จากจำนวนสิบกว่าครัวเรือนจนมีมากขึ้นเป็นสองร้อยกว่าครัวเรือน ซึ่งชาวบ้านทั้งหมดล้วนแต่มีรายได้น้อยและยังไม่มีที่อาศัยและที่ทำกินเป็นของตัวเอง จึงมีความเดือดร้อนเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปาไม่มีใช้ ตอนนี้ได้อาศัยพ่วงต่อจากชาวบ้านด้วยกัน แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการใช้สอยในชีวิตประจำวัน เพราะผู้ใช้ไฟฟ้ามีจำนวนมากและต่อพ่วงเป็นระยะทางยาวมาก ทำให้กระแสไฟฟ้าด้านแสงสว่างไม่เพียง เกิดไฟฟ้าตกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่ก็ได้รับความเสียหาย ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก อีกทั้งเด็กๆ ที่กำลังเรียนหนังสือก็ลำบากในการอ่านหนังสือและทำการบ้านเนื่องจากแสงสว่างไม่เพียงพอ ต้องใช้เทียนในการอ่านหนังสือ รวมทั้งการพ่วงต่อสายที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะเป็นอันตรายต่อบุตรหลานเรื่องของไฟฟ้าดูดและไฟฟ้ารั่ว ในส่วนเรื่องของน้ำประปาก็ไม่ใช้ ซึ่งน้ำประปาไหลบ้างหยุดบ้าง และในบางครั้งก็มีน้ำเป็นสีแดง ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาเป็นระยะยาวนาน โดยไม่มีหน่วยงานใดที่จะลงไปช่วยเหลือชาวบ้าน จึงได้รวมตัวมาร้องเรียนกับนายกเทศมนตรีตำบลฉลอง

ด้าน นายสำราญ จินดาพล กล่าวภายหลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า หลังจากนี้ ทางเทศบาลตำบลฉลองจะมีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะลงพื้นที่ในสัปดาห์นี้เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านอย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะให้ชาวบ้านได้มีไฟฟ้าและน้ำประปาได้ใช้โดยไม่ต้องรับความเดือดร้อนอีก แต่จะต้องเป็นไปตามความเหมาะสมที่จะสามารถกระทำได้

สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตร่วมกับเทศบาลตำบลราไวย์ จัดเวทีชุมชนประชาธิปไตย เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมจากฐานรากของชุมชนสู่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืน

วันที่ 20 มี.ค. 57  ที่ศูนย์การเรียนรู้บ้านบางคณฑี ต. ราไวย์ อ. เมือง จ. ภูเก็ต  นายสมเกียรติ  สังข์ขาวสุทธิรักษ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการจัดกิจกรรมเวทีชุมชนประชาธิปไตย “ส่วนร่วมจากชุมชน.. สู่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืน”  โดยมีนางพิชญา  เมืองเนาว์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 นายอรุณ  โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์  นายภาคภูมิ  อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายฤทธิเดช  โคตรสาร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต นายชัยวุฒิ  พวงสุวรรณ  นางไอศยา  สินบุษกร  นายบัญชา  กัณหาสินธิ์  รักษาราชการ ผอ.สวท.ภูเก็ต นายโสภณ  เคี่ยมการ รักษาราชการ ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต  บุคลากรสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต กลุ่มผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี ในพื้นที่ตำบลราไวย์  เข้าร่วม  มีวิทยากร นายกิติพงษ์  เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต อาจารย์แสงเดื อน  หังสวนัส คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฦภูเก็ต น.ส.พรภัก  ระวังชา ประธานสตรีมุสลิมะฮ์ตำบลราไวย์ และนายอภิสิทธิ์  ช่างเหล็ก ประธานสภาเยาวชนตำบลราไวย์  ร่วมเสวนา

นางพิชญา  กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เป็นกฎหมายสูงสุด มีประชาชนเป็นศูนย์กลางในการปกครองประเทศผ่านระบบรัฐสภา และกิจกรรมการมีส่วนร่วมถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของชุมชนที่มาจากความคิดเห็น ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง  กรมประชาสัมพันธ์จึงได้มอบหมายให้สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 ดำเนินงานโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยประจำปี 2557 ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ขึ้น เพื่อกระตุ้นประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและสร้างความรู้ความเข้าใจในความเป็นพลเมืองประชาธิปไตยที่เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมในชุมชนเพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง ตลอดจนสร้างจิตสำนึกให้เคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น แสดงออกตามวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้องและเหมาะสม

สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 จึงกำหนดจัดกิจกรรมการจัดเวทีชุมชนประชาธิปไตย  “ส่วนร่วมจากชุมชน...สู่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืน” ขึ้น โดยคัดเลือกกลุ่มผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี และเยาวชนในพื้นที่บ้านบางคณฑี ต. ราไวย์ จ. ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นของชุมชนด้านการมีส่วนร่วมเข้าร่วมกิจกรรม โดยเป็นการนำความรู้ในมิติด้านวิชาการและด้านการปฏิบัติงานของคนในชุมชน มาแลกเปลี่ยน พูดคุย ถอดบทเรียนและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อการนำไปเป็นต้นแบบของชุมชนอื่น ๆ ต่อไป

คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติไม่ร่วมเป็นองค์กรกลางในการเจรจา

คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติในวันที่ 18 มีนาคม 2557 ว่า ป.ป.ช.เป็นองค์กรหลักที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริต จึงไม่อาจร่วมเป็นองค์กรกลางในการเจรจาดังกล่าวได้

ตามที่ได้มีการประชุม 6 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ กรรมการการเลือกตั้ง และรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ร่วมกันเสนอความคิดเห็นถึงความจำเป็นในการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมืองที่อยู่ในภาวะขัดแข้ง อันจะจำไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นรูปแบบและแผนที่ความสำเร็จ (Road Map)

ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริต จึงไม่อาจร่วมเป็นองค์กรกลางในการเจรจาดังกล่าวได้ อย่างไรก็ดีทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นด้วยกับการหาทางออกของประเทศโดยวิธีการเจรจา และขอให้กำลังใจกับผู้ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการแก้ไขปัญหาของประเทศไทยให้เข้าสู่ความสงบโดยเร็ว

พังงา เตรียมจัดงานเทศกาลหอยและอาหารทะเล สืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตชุมชน

ที่ห้องประชุม โรงแรมเอราวัณ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา นายอุทิศ มัจฉาเวช นายก อบต.คลองเคียน พร้อมด้วย นายศิลป์ชัย รามณีย์ นายอำเภอตะกั่วทุ่ง พ.ต.ท.สุกิจ สุวรรณเทวะคุปต์ รองผู้กำกับ(ป) สภ.โคกกลอย นายวิชัช ไตรรัตน์ ประธานคณะกรรมการกระจายอำนาจ นายกสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดพังงา นายคมเดช พิมพ์พุฒ ประมงอำเภอตะกั่วทุ่ง นายวัฒนพงษ์ สุกใส หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา และนางสาวลดาวัลย์ ช่วยชาติ หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา ร่วมกันแถลงข่าว การเตรียมจัดงานเทศกาลหอยและอาหารทะเล สืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตชุมชนและคลองเคียนฟิชชิ่ง ครั้งที่ ๑ ณ ท่าเทียบเรือบ้านคลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ของชาวตำบลคลองเคียนและพื้นที่ใกล้เคียงโดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายอุทิศ มัจฉาเวช นายก อบต.คลองเคียน กล่าวว่า งานเทศกาลหอยและอาหารทะเลจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเทอ เดอร์ โซม (อิตาลี)นำโดย ดร.อเล็กซ์ ซานโด้ มอนตาดี ผู้แทนประจำประเทศไทย กับ อบต.คลองเคียน

สำหรับในปีนี้งานเทศกาลหอยและอาหารทะเลได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ณ ท่าเทียบเรือตำบลคลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแข่งขันทำอาหารหอยและอาหารทะเล การจัดนิทรรศการวิถีชีวิตชุมชน การแสดงของเยาวชนตำบลคลองเคียน การประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง การแสดงของศิลปินนักร้องหลวงไก่ การแข่งขันพายเรือแคนู การแข่งขันชกมวยทะเล อีกทั้งในปีนี้ยังได้จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาตกปลาทะเล คลองเคียน ฟิชชิ่ง เกมส์ 2014 ครั้งแรกอีกด้วย ร่วมสนุกสนานกับการแข่งขันตกปลาหลายชนิด อาทิ ปลาช่อนทะเล ปลาสาก ปลากะมง ปลากะพงขาว ในท้องทะเลอ่าวพังงา ชิงรางวัลต่างๆมากมาย ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ สำนักงานประมง อ.ตะกั่วทุ่ง โทร.๐๘๓-๑๘๒๒๑๐๔ หรือ อบต.คลองเคียน โทร.๐๗๖-๔๕๑๒๘๗, ๐๘๗-๘๘๓๘๖๘๓ ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๘ มี.ค.๒๕๕๗

สำนักงานจัดหางานจังหวัดพังงา จัดอบรมนายจ้าง ผู้ประกอบการ ให้ความรู้เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว

วันนี้ (๒๐ มี.ค.๕๗) เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่ห้องประชุมปันหยี โรงแรมภูงา อ.เมือง จ.พังงา สำนักงานจัดหางานจังหวัดพังงา จัดโครงการประชุมนายจ้าง/ผู้ประกอบการจังหวัดพังงา ประจำปี ๒๕๕๗ ให้ความรู้ระเบียบกฎเกณฑ์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงขั้นตอนการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมาร์ ลาวและกัมพูชา ให้กับนายจ้าง/ผู้ประกอบการในจังหวัดพังงา

นายสันติ นันตสุวรรณ จัดหางานจังหวัดพังงา กล่าวว่า จังหวัดพังงาปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทางถูกต้องและขอรับใบอนุญาตแล้ว เป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ลาวและกัมพูชา จำนวน ๑๘,๗๖๐ คน แต่บางส่วนยังมีการลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือยังมีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและจ้างแรงงานต่างด้าวแบบผิดกฎหมาย

สำหรับการจัดกิจกรรมวันนี้เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว วิธีการขอรับใบอนุญาตทำงานและเงื่อนไขในการทำงานของแรงงานต่างด้าว ตลอดจนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว โดยนายจ้าง/ผู้ประกอบการทุกคนจะต้องรับรู้ รับทราบ และนำไปปฏิบัติเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

ผู้ว่านครฯห่วงวิกฤติภัยแล้ง เร่งระดมสรรพกำลังซ่อม สร้างฝายชะลอน้ำ พร้อมเฝ้าระวังไฟป่าพรุควนเคร็ง

วันนี้ (20 มี.ค.57)  ที่ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และไฟป่าจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรับทราบสถานการณ์ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และไฟป่าจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สิ่งที่ตนกังวลมากที่สุดในขณะนี้คือเรื่องภัยแล้ง เนื่องจากหลายพื้นที่เริ่มประสบปัญหาแล้ว จึงจำเป็นต้องหามาตรการในการป้องกันเพื่อรักษาระดับน้ำต้นทุนในแหล่งธรรมชาติต่าง ๆ โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด จำนวน 5 คน ประกอบด้วย ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธาน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัด ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เป็นกรรมการ และ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมีหน้าที่ในการประเมินสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อนำงบประมาณตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 ที่ใช้สำหรับการป้องกันมาใช้ในการซ่อม สร้างฝาย หรือทำนบเพื่อชะลอการไหลของน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ รวมทั้งการป้องกันการรุกล้ำของน้ำทะเลเข้าไปในพื้นที่น้ำจืดในพื้นที่ชายฝั่งทะเล โดยให้ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัด ไปศึกษาและกำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมในการก่อสร้างฝาย ทำนบกั้นน้ำ อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้สร้างฝายชะลอน้ำแล้วในหลายพื้นที่ และต้องขอขอบคุณสำนักงาน กปร. ที่ได้สนับสนุนงบประมาณในการป้องกันไฟป่าในเขตป่าพรุควนเคร็งด้วย

นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ล่าสุดจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ภัยแล้งแล้ว 5 อำเภอ คือ ปากพนัง เมือง สิชล เชียรใหญ่ และบางขัน มีพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน 32 ตำบล 337 หมู่บ้าน นอกจากนี้ได้เกิดอัคคีภัยขึ้นในพื้นที่อำเภอทุ่งใหญ่ ฉวาง ทุ่งสง ช้างกลาง และหัวไทร มีสวนยางเสียหาย 226 ไร่ สวนผลไม้ 4 ไร่ บ้านเรือน 2 หลัง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปช่วยเหลือแล้ว

นายยรรยง โกศลกาญจน์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำที่กักเก็บในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางของจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 3 อ่าง คือ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส อ.ชะอวด มีปริมาณน้ำเหลือ 59 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 74 ของความจุ อ่างเก็บน้ำคลองกะทูน ปริมาณน้ำเหลือ 42.2 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60 และอ่างเก็บน้ำคลองดินแดง อ.พิปูน ปริมาณน้ำ 33.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 56 ซึ่งยังสามารถช่วยเหลือเกษตรกรหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรได้อีกประมาณ 2 เดือน ส่วนระดับน้ำในคลองต่าง ๆ ระดับน้ำล้นสันฝายประมาณ 2-10 เซนติเมตร บางแห่งต่ำกว่าสันฝาย และมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ส่วนระดับน้ำที่เหนือประตูรายน้ำน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ อ.ปากพนัง ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง -1.02 เมตร หากต่ำกว่า -1.50 เมตร ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ จะไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ เนื่องจากจะทำให้ตลิ่ง และถนนพัง ส่วนที่คลองชะอวด-แพรกเมือง ระดับน้ำต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง -1.08 เมตร ถ้าระดับต่ำถึง -1.20 เมตร อยู่ในขั้นวิกฤติ จะไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้เนื่องจากจะมีปัญหาเรื่องน้ำเปรี้ยวไหลลงไปในคลอง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพืช ส่วนระดับน้ำในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งอยู่เหนือระดับผิวดิน 6 เซนติเมตร อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้พร้อมแล้ว

ทางด้านผู้แทนกองทัพภาคที่ 4 ระบุว่า ทางกองทัพได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ขึ้น โดยให้หน่วยงานในสังกัดและกำลังพลพร้อมเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง และอัคคีภัย โดยวางแนวทางไว้ 2 แนวทาง คือ หน่วยเข้าไปดำเนินการเองร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และ ตามที่ส่วนราชการร้องของ ส่วนองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้จัดเตรียมรถบรรทุกน้ำ 10 คัน รถแบ็คโฮ 6 คัน รถเจาะบ่อบาดาล 1 คัน ขณะที่ที่ทำการปกครองจังหวัดและท้องถิ่นจังหวัด ประสานไปยังนายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ในการสำรวจซ่อมแซม สร้างฝายชะลอน้ำ ส่วนสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้บูรณาการกับหน่วยงานในสังกัดทั้งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าพรุควนเคร็ง ที่บริเวณศาลหลวงต้นไทร ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ นอกจากนี้ได้มีการอบรมอาสาสมัครดับไฟป่า รวมทั้งจัดชุดเฝ้าระวัง ชุดลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงไฟป่าด้วยแล้ว สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงนั้น ทางกรมการฝนหลวงได้ขึ้นบินปฏิบัติการแล้ว 5 เที่ยว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากความชื้นในอากาศยังไม่เพียงพอต่อการก่อตัวของเมฆฝน

คณะอนุกรรมการฯรับจำนำข้าวระดับจังหวัดนครศรีธรรมราช เห็นชอบให้โรงสีนอกพื้นที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว 2 จุด

วันนี้ (20 มี.ค.57) ที่ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตาม กำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด ครั้งที่ 1/25557 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบด้วยเสียงข้างมากให้โรงสีอารี จำกัด จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ฤดูการผลิต ปี 2556/2557 จำนวน 2 จุด คือที่สหกรณ์การเกษตรศุภนิมิตเชียรใหญ่ และสหกรณ์การเกษตรศุภนิมิตเฉลิมพระเกียรติ ในส่วนของการเปิดรับจำนำข้าวฤดูการผลิตข้าวนาปีปี 2556/2557 ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณมาแล้ว จำนวน 14 ล้านบาท ขณะนี้ ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 6 ล้านบาท ยังเหลือเงิน 8 ล้านบาท จึงขอให้เกษตรกรนำข้าวเปลือกไปเข้าร่วมโครงการได้โดยไม่ต้องกังวล

จังหวัดนครศรีธรรมราช เร่งระบายฟักทองช่วยเกษตรกร หลังผลผลิตล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ

วันนี้ (20 มี.ค.57) ที่ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด ครั้งที่ 1/25557 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับการประสานจากหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราชว่าขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกฟักทองของจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังประสบปัญหาเนื่องจากผลผลิตล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมีความเป็นห่วง จึงจำเป็นต้องเร่งหามาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเป็นการเบื้องต้น โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ท้องถิ่นจังหวัดทำหนังสือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งที่มีพื้นที่ปลูกฟังทอง ให้พิจารณาหาทางช่วยเหลือเกษตรกรตามระเบียบกฎหมาย ให้การค้าภายในจังหวัด ประสานไปยังสาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้โรงพยาบาลในสังกัดช่วยรับซื้อฟักทองไปประกอบเป็นรายการอาหารบริการในโรงพยาบาล และเรือนจำจังหวัดไปประกอบอาหารเลี้ยงผู้ต้องขัง รวมทั้งตลาดกลางสินค้าเกษตร ให้ช่วยรับซื้อฟักทองของเกษตรกรเพิ่มขึ้นด้วย เพื่อกระตุ้นราคาให้สูงขึ้น และให้พาณิชย์จังหวัดขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัดเพื่ออุดหนุนค่าขนส่งในการกระจายฟักทองออกนอกพื้นที่ ทั้งนี้ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้

นายสมนึก เหมมณี เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชมีเกษตรกรปลูกฟักทองอยู่ในพื้นที่ 10 อำเภอ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เช่น อ.ปากพนัง หัวไทร เชียรใหญ่ ร่อนพิบูลย์ อำเภอเมือง เป็นต้น คาดว่ามีผลผลิตประมาณ 3,229 ตัน ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิถุนายน โดยเฉพาะเดือนมีนาคมมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดประมาณ 2,191 ตัน สำหรับต้นทุนการปลูกฟักทองเฉลี่ย 11,400 บาท ต่อไร่ ให้ผลผลิต 3.2 ตันต่อไร่ ต้นทุนเฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.6 บาท

นางสาววาริน ชินวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผลผลิตฟักทองในปีนี้มีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมาเนื่องจากปีก่อนขายได้ราคาดี ทำให้ปีนี้เกษตรกรเพิ่มพื้นที่ปลูกมากขึ้น คาดว่าปีนี้มีผลผลิตประมาณ 10,000 ตัน ซึ่งมากกว่าประมาณการของเกษตรจังหวัด ในส่วนของหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสานกับห้างแม็คโครเพื่อรับซื้อฟักทองแล้วกระจายไปยังสาขาต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยได้ส่วนหนึ่ง ในช่วงที่ราคากำลังตกต่ำหากทำให้ราคาสูงขึ้น โดยเกรดเอน้ำหนักลูกละ 6 กิโลกรัมขึ้นไป ที่กิโลกรัมละ 7 บาท เกรดกลางน้ำหนัก 4 กิโลกรัมขึ้นไป กิโลกรัมละ 5 บาท ส่วนน้ำหนักต่ำกว่า 4 กิโลกรัมต่อลูก ขณะนี้เกษตรกรคัดทิ้งเนื่องจากขายไม่ได้ แต่หากทำให้ราคาอยู่ที่ 2 บาทเกษตรกรก็จะสามารถอยู่รอดได้ จึงอยากให้ทางราชการได้ช่วยเหลือเกษตรกรเฉพาะในช่วงที่ราคาตกต่ำอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นต้นไปปัญหาด้านราคาน่าจะคลี่คลายลงได้ สำหรับราคารับซื้อฟักทองล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2557 ที่หน้าสวนเกรดเอ 4-5 บาทต่อกิโลกรัม ราคาขายปลีกและขายส่งกิโลกรัมละ 6-8 บาท

องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) จัดมหกรรมกล้วยไม้และไม้ดอกไม้ประดับ

นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.) เปิดเผยว่า อ.ต.ก. ร่วมกับสมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทย ได้กำหนดจัดงาน "มหกรรมกล้วยไม้งาม อ.ต.ก.จังหวัดตรัง 2557” เพื่อส่งเสริมตลาดของกล้วยไม้และไม้ดอกไม้ประดับ รวมทั้งการจัดกิจกรรมสนับสนุนด้านการตลาด เพิ่มช่องทางการจำหน่ายและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และการพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้เป็นสินค้าเกษตรคุณภาพอย่างถาวรและยั่งยืน นางศุภจิตร จริงจิตร อ.ต.ก. จ.ตรัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่ปลูกประมาณ 2 หมื่นไร่ และเกษตรกร พร้อมทั้งผู้ประกอบการอีกกว่า 3,000 ครัวเรือน ทำให้ไทยสามารถส่งออกทั้งกล้วยไม้ตัดดอกเป็นอันดับสองรองจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และส่งออกต้นกล้วยไม้มากเป็นอันดับสองรองจากไต้หวัน

โดยมีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปี เช่นการส่งออกดอกกล้วยไม้จากปี 2552 ที่มูลค่าการส่งออกเพียง 2,550 ล้านบาท เพิ่มเป็น 4,980 ล้านบาท ที่มีอัตราการส่งออกสูงประมาณร้อยละ 19.09 ต่อปี และต้นกล้วยไม้จากปี 2552 ที่มูลค่าการส่งออกเพียง 450 ล้านบาท เพิ่มเป็น 870 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 25.31 ต่อปี และในการจัด "มหกรรมกล้วยไม้งาม อ.ต.ก.จังหวัดตรัง 2557” เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวตรังได้มีโอกาสได้ชื่นชมกล้วยไม้และไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด นิทรศการการให้ความรู้กล้วยไม้สายพันธ์ต่าง ๆ การเสวนาเรื่องกล้วยไม้ การสาธิตการเลี้ยงกล้วยไม้ รวมถึงการจัดมหกรรมอาหาร ของดีของฝาก 4 ภาค และการแจกกล้วยไม้สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเข้าชมงานเพื่อให้นำไปเลี้ยงที่บ้าน ซึ่งงานจะจัดระหว่างวันที่ 27-30 มีนาคม นี้ ที่สำนักงานองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)จังหวัดตรัง

รองนายกฯเป็นประธานในการประชุมเพื่อสรรหาประธานกรรมการบริหารชุมชนและประธานกรรมการพัฒนาสตรีชุมชนศรีตรัง 4

ที่ชุมชนศรีตรัง 4 นางกรรณิการ์ บัวเลิศ รองนายกเทศมนตรีนครตรังเป็นประธานเพื่อสรรหาประธานกรรมการบริหารชุมชนและประธานกรรมการพัฒนาสตรีชุมชนศรีตรัง 4 สืบเนื่องจากเทศบาลนครตรัง มีนโยบายจัดตั้งชุมชนเพิ่มเติมในเขตเทศบาลนครตรัง จากเดิม 27 ชุมชน เป็น 70 ชุมชน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง โดยให้กรรมการบริหารชุมชนรับผิดชอบดูแลประชากรในชุมชนอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดประสิทธิภาพ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ ร่วมกำหนดนโยบาย รับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้เทศบาลนครตรังได้สนับสนุนสตรีด้วยการตั้งคณะกรรมการพัฒนาสตรีชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพสตรีให้มีความพร้อมเกี่ยวกับคุณลักษณะส่วนตัว ชีวิตในครอบครัวและการมีส่วนร่วมในสังคม โดยกระตุ้นให้สตรีมีความคิดริเริ่ม ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สามารถช่วยตนเองและครอบครัวได้ ตลอดจนมีความรู้ในการประกอบอาชีพและมีส่วนรับผิดชอบในการพัฒนาท้องถิ่น ในครั้งนี้ผลการเลือกสรรหาประธานกรรมการบริหารชุมชนศรีตรัง 4 ปรากฏว่า คุณละออง ยิ้มไตรพรได้รับการเลือกสรรให้ดำรงตำแหน่งประธานฯ และประธานกรรมการพัฒนาสตรีชุมชนศรีตรัง 4 ปรากฏว่า คุณอนงค์ บุญคล้าย ได้รับการเลือกสรรให้ดำรงตำแหน่งประธานฯ ทั้งนี้ประธานกรรมการทั้ง 2 ตำแหน่งจะทำการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อช่วยกันพัฒนาชุมชนให้เป็นเมืองน่าอยู่ต่อไป

เทศบาลนครตรัง จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการส่งเสริมป้องกันทันตสุขภาพประชาชน

ที่อาคารอเนกประสงค์เทศบาลนครตรัง นายแพทย์รักษ์ บุญเจริญ รองนายกเทศมนตรีนครตรัง เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการส่งเสริมป้องกันทันตสุขภาพประชาชน ตามนโยบายยุทธศาสตร์ ด้านสาธารณสุข ภายใต้แนวคิด คนนครตรัง สุขภาพดี ถ้วนหน้า โดยได้สนับสนุนจัดบริการเชิงรุกในนโยบายโดยการเสริมสร้างสุขภาพ การบำบัด และควบคุมป้องกันโรคแบบครบวงจร สนับสนุนการดำเนินงานด้านทันตสุขภาพ โดยให้ อสม. ในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากของตน เองและบุคคลในครอบครัวได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม และสามารถเผยแพร่ให้ประชาชนในชุมชนรู้และเข้าถึงสิทธิประโยชน์ในการรักษาทันตกรรม ทั้งนี้งานบริการการแพทย์ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลนครตรัง ร่วมกับ อสม. เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลทันตสุขภาพในช่องปากจึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้น โดยมีวิทยากรทันตแพทย์หญิงอาภาพรรณี เขมวุฒพงษ์ และคุณธวัชชัย ล้วนแก้ว จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง บรรยายในหัวข้อ การดูแลทันตสุขภาพและโรคในช่องปาก รวมทั้งฝึกการแปรงฟันที่ถูกวิธี ซึ่งมี อสม. ในเขตเทศบาลนครตรังเข้าร่วมอบรมจำนวน 160 คน

เทศบาลตำบลโคกหล่อ จังหวัดตรัง นำรถบรรทุกน้ำอุปโภค บริโภค ออกแจกจ่ายให้กับประชาชนที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง กว่า 200 ครัวเรือน ที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค

นายธนกฤต ภูมิมาตร นายกเทศบาลตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้ประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังเทศบาลตำบลโคกหล่อ หลังจากได้รับแจ้งถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน ทางเทศบาลตำบลโคกหล่อ ได้นำรถบรรทุกน้ำ ออกไปช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง ที่หมู่ที่ 9,10 โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านที่เดือดร้อนเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร โดยชาวบ้านได้ซื้อน้ำถังขนาด 20 ลิตร มาใช้ก่อนเพื่อรอความช่วยเหลือ ซึ่งชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ภัยแล้งได้มาเร็วกว่าปกติทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

ในขณะที่ระบบประปาหมู่บ้านนั้นไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากไม่มีน้ำ ในขณะที่เทศบาลตำบลโคกหล่อได้นำรถบรรทุกน้ำมาใส่ที่ระบบประปาหมู่บ้านวันละ 1 หมืนลิตร แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ในขณะที่ชาวบ้านที่ปลายท่อไม่สามารถใช้น้ำได้ เนื่องจากแรงด้นน้ำไม่พอ ทั้งนี้ในพื้นที่เทศบาลตำบลโคกหล่อ มีพื้นที่ประสบภัยแล้งจำนวน 2 หมู่บ้านคือหมู่ที่ 9 , 10 , ชาวบ้าน 200ครัวเรือน และได้แจกน้ำช่วยเหลือไปแล้วประมาณ 2ล้าน5แสนลิตร อย่าง ไรก็ตามทางชาวบ้านได้ขอให้ทางเทศบาลตำบลโคกหล่อนำรถบรรทุกน้ำมาช่วยเหลือชาว ที่ได้รับความเดือดร้อนทุกวันจนกว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะผ่านพ้นไป

กปร. ลงพื้นที่ จ.ตรัง ในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

ที่โรงแรมวัฒนาพาร์ค อ.เมืองตรัง นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในลักษณะการพัฒนาพื้นที่เชิงบูรณาการ (พื้นที่จังหวัดตรัง) พร้อมบรรยายพิเศษเรื่อง "โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในลักษณะการพัฒนาพื้นที่เชิงบูรณาการ” โดยมีนายสาธร นราวิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรังให้การต้อนรับ สำหรับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสาน งานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ในฐานะหน่วยงานกลางในการประสานการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้กำหนดจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในลักษณะพื้นที่เชิงบูรณาการ โดยได้ประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ เกษตรจังหวัด ประมงจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด หัวหน้าสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัด พัฒนาการจังหวัด และสำนักส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเข้าร่วมประชุม จำนวน 150 คน

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ "การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” โดยมีประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง เป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา ซึ่งในการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ และกระบวนการเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำให้แก่กลุ่มผู้ใช้น้ำ การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน และทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วม รวมทั้งหาต้นแบบ (Model) แห่งความสำเร็จ และเครือข่ายกลุ่มผู้ใช้น้ำที่มีการบริหารจัดการน้ำที่ดีเพื่อมุ่งสู่ผล สัมฤทธิ์ในการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

สำนักงานจัดหางานจังหวัดชุมพร ร่วมกับสถานประกอบการในจังหวัดชุมพร กว่า 22 แห่ง จัดงาน "วันนัดพบตลาดงานเชิงคุณภาพ" เพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ว่างงาน ผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ต้องการเปลี่ยนงาน ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ และคนพิการได้สมัครเลือกงานที่ตรงกับความรู้ ความสามารถและความถนัดของตน

วันที่ 18 มีนาคม 2556 สำนักงานจัดหางานจังหวัดชุมพร จัดงาน "วันนัดพบตลาดงานเชิงคุณภาพ" ณ หอประชุมจังหวัดชุมพร (ชั้นล่าง) บริเวณศูนย์ราชการ ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อเปิดโอกาสให้นายจ้างและผู้สมัครงานมาพบและสัมภาษณ์งานได้จำนวนมากในคราวเดียวกัน รวมทั้งเพิ่มโอกาสการมีงานทำให้แก่ผู้ว่างงาน ผู้ถูกเลิกจ้าง ผู้ต้องการเปลี่ยนงาน ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ และคนพิการได้สมัครเลือกงานที่ตรงกับความรู้ ความสามารถและความถนัดของตน

สำหรับการจัดงานนัดพบตลาดงานเชิงคุณภาพในครั้งนี้ ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมวันนัดพบแรงงาน เป็นการเพิ่มทักษะให้กับผู้สมัครงาน ช่วยให้มีการบรรจุงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของผู้ลงทะเบียนสมัครงานโดยการคัดเลือกนายจ้าง/ สถานประกอบการที่มีคุณภาพเข้าร่วมงาน ซึ่งปัจจุบันระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชนมากขึ้น การติดต่อสื่อสารกับบุคคลและหน่วยงานต่างๆ ได้ใช้ระบบอินเตอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารกันมากเพราะสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งผู้ว่างงาน ประชาชนทั่วไป และนายจ้าง ได้ใช้บริการผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้สมัครงานสามารถลงทะเบียนล่วงหน้า ส่วนนายจ้างสามารถประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานล่วงหน้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต อันจะก่อให้เกิดการจ้างงานเพื่อการมีงานทำ สร้างความมั่นคงในอาชีพครอบครัว และความเจริญให้กับสังคม เป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มอัตราค่าจ้างให้แก่แรงงานที่อยู่ในตลาดแรงงาน

โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับความ สนใจจากนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปจำนวนมาก โดยมีสำนักงานจัดหางาน ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน และสถานประกอบการ เข้าร่วมจำนวน 22 บริษัท นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม การทดสอบความถนัดทางด้านอาชีพ ทดสอบภาษาอังกฤษ การจำหน่ายสินค้าจากลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP และสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดอีกด้วย

กปปส.ชุมพร ประกาศพร้อมขึ้น กทม. เมื่อเป่านกหวีดระดมคน

กปปส.ชุมพร กว่า 2,000 คน ได้ตั้งเวทีพร้อมปราศรัยโจมตี รัฐบาลรักษาการ ที่ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง และได้ประกาศพร้อมเดินทางไปต่อสู้ที่กรุงเทพฯ เมื่อมีการเป่านกหวีดระดมคน

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2557 ที่บริเวณหน้าลานเอนกประสงค์ศาล หลักเมือง จังหวัดชุมพร มีการรวมตัวของ กลุ่ม กปปส.ชุมพร กว่า 2,000 คน ได้ตั้งเวทีพร้อมปราศรัยโจมตี รัฐบาลรักษาการ ที่ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง และได้ประกาศพร้อมใจที่จะเดินทางไปต่อสู้ที่กรุงเทพฯ  เมื่อมีการเป่านกหวีดระดมคน จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกลุ่ม กปปส. 

ซึ่งการปราศรัยบนเวทีในครั้งนี้ มีแกนนำ กปปส. จากเวทีกรุงเทพฯ เดินทางมาร่วมในการปราศรัย ได้แก่ ด.ต.พงษ์สันต์ แสนแก้ว (จ่าพงษ์สารคาม), นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ (ต้น บลูสกาย), ขึ้นเวทีปราศรัยสมทบกับแกนนำ ในจังหวัดชุมพร อาทิ นายกฤษฎ์ แก้วรักษ์ ประธานชมรมนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดชุมพร, นายสุพล จุลใส นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร, นายโสภณ  สงวนเชื้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาทุ่ง และกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น

สำหรับบรรยากาศการชุมนุม เป็นไปด้วยความคึกคัก โดยบรรดาแกนนำผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นปราศรัยกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่ม กปปส.ชุมพร ได้ประกาศพร้อมที่จะเดินทางขึ้นกรุงเทพฯ เมื่อมีการเป่านกหวีดระดมคน จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกลุ่ม กปปส. เพื่อร่วมต่อสู้ขับไล่รัฐบาลรักษาการ และในการปราศรัยบนเวทีในครั้งนี้ ได้พูดถึงกรณีที่มีแกนนำที่เคยขึ้นเวที กกปส. ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดชุมพร ว่าสมควรหรือไม่

อุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร ขอเชิญร่วมโครงการพลิกธุรกิจด้วยแนวคิดนวัตกรรม 20 มี.ค. นี้

นายบุญโชค ขนาบแก้ว อุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ดำเนินการจัดโครงการ "พลิกธุรกิจด้วยแนวคิดนวัตกรรม" กับการบริการของอุทยานวิทยาสาสตร์ฯ ประจำปีงบประมาณ 2557 เพื่อสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการ หรือหน่วยงาน ที่อาศัยความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และงานสร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการให้บริการของหน่วยงานภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์ อาทิ กิจกรรมคลินิกให้คำปรึกษาแนะนำด้านการดำเนินธุรกิจและแหล่งเงินทุน ด้านบรรจุภันฑ์ การพัฒนากระบวนการผลิต การตรวจวิเคาระห์ผลิตภัณฑ์ และรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ในวันที่ 20 มีนาคม 2557 ณ ห้องพุทธรักษา โรงแรมมรกต อ.เมือง จ.ชุมพร ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร 077 511 601 ต่อ 25

จังหวัดชุมพร จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ บทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอนาคต

จังหวัดชุมพร จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ บทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นในอนาคต เนื่องในวันท้องถิ่นไทย 18 มีนาคม เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และมีวิสัยทัศน์ นำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕7  ที่ โรงแรมมรกตทวิน อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร นายสุพล จุลใส นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ในหัวข้อบทบาทอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอนาคต เนื่องในวันท้องถิ่นไทย 18 มีนาคมของทุกปี โดยมีนาย ช โชคชัย คำแหง ท้องถิ่นจังหวัดชุมพร เป็นผู้ดำเนินการเสวนาและมีผู้ร่วม เสวนาได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์  และ รองศาสตราจารย์ ดร.บุญมี เณรยอด รวมพูดคุยในหัวข้อ ทิศทางการจัดการศึกษา และการบริหารงาน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอนาคต ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภา ข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ เข้ารวมการประชุม 

นายกฤษฎ์ แก้วรักษ์ ประธานชมรมนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดชุมพร กล่าวว่า การปกครองท้องถิ่น เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการบริหารจัดการบ้านเมืองของรัฐในระบอบประชาธิปไตย โดยให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารงานชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งในอนาคตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีบทบาทหน้าที่ในการบริหารจัดการสาธารณะเพิ่มมากขึ้น และในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ เพื่อทำให้ผู้เข้าประชุม ได้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีวิสัยทัศน์ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับรองรับการเปลี่ยนแปลงจากการปฏิรูปทางการเมืองในอนาคต อีกด้วย

เกษตรจังหวัดกระบี่ ออกหน่วยโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ

เกษตรจังหวัดกระบี่ออกหน่วยโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

วันนี้ 20 มีนาคม 2557 นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ ณ. โรงเรียนสินปุนคุณวิชญ์ หมู่ที่ 3 ตำบลสินปุน อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ โดยมีนายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวรายงาน

การจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่เกษตรกร ในการแก้ไขปัญหาทางด้านการผลิตทางการเกษตร การเสริมความรู้ที่จำเป็นในการผลิตและเป็นที่ต้องการของเกษตรกร และเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริมในการรณรงค์ฟื้นฟูเกษตรกรและแก้ไขปัญหาร่วมกัน ในรูปแบบกิจกรรมการให้บริการเคลื่อนที่ เป็นการช่วยเหลือและพัฒนาอาชีพเกษตรกรไทย ในพื้นที่ห่างไกลให้มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสม ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาการเกษตร ซึ่งจำเป็นต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างองค์กรวิจัยและพัฒนาภาคเกษตรที่เป็นแหล่งวิชาความรู้เฉพาะด้านกับเกษตรกรเป้าหมาย จำเป็นจะต้องนำความรู้วิทยาการใหม่ ๆ และการบริการทางวิชาการที่ได้รับ ตรงตามความต้องการ ไปใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างทันต่อเหตุการณ์ เป็นแรงจูงใจ กระตุ้นให้เกษตรกรเกิดการตื่นตัว ยอมรับเทคโนโลยี การเกษตรได้เป็นอย่างดี

การจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ ในครั้งนี้ มีเกษตรกรจากหมู่บ้านต่าง ๆ ในเขตพื้นที่ตำบลสินปุน อำเภอเขาพนม และตำบลใกล้เคียงมารับบริการประมาณ 800 คน ภายในงานจัดให้มีกิจกรรมบริการด้านคลินิกพืช คลินิกดิน คลินิกสัตว์ คลินิกประมง คลินิกบัญชี คลินิกสหกรณ์ คลินิกชลประทาน คลินิกกฎหมาย (สปก.) และคลินิกเศรษฐกิจพอเพียง การจัดนิทรรศการด้านวิชาการ การจำหน่ายสินค้าวิสาหกิจชุมชน การนันทนาการ รวมทั้งการจัดกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่เกษตรกรเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถให้บริการทางวิชาการ และทำให้การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เกษตรกร บรรลุผลสำเร็จตามที่มุ่งหวังมากยิ่งขึ้น