วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ป.ป.ช.ตรัง จัดโครงการประกวดสื่อภาพเคลื่อนไหว “Young Gen Aiti-Corruption”

นายทวีป แดงวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ช.ได้จัดโครงการประกวดสื่อภาพเคลื่อนไหว "Young Gen Aiti-Corruption” ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายในกลุ่มนักเรียนระดับมัธยมศึกษา นิสิต นักศึกษาในระดับอุดมศึกษา และประชาชนทั่วไปที่มีความรู้ความสามารถทางด้านการสร้างสรรค์สื่อ ร่วมส่งผลงานเข้าประกวด และเพื่อกระตุ้นเตือนสังคมและชี้แนะแนวทางในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้หมดไปจากสังคมไทย ในรูปแบบภาพยนตร์สั้น การ์ตูน แอนิเมชั่น

สำหรับการส่งผลงานแอนิเมชั่นเข้าร่วมประกวดแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับมัธยมศึกษา ระดับอุดมศึกษา และประชาชนทั่วไป ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 460,000 บาท ผู้ประสงค์จะส่งผลงานแอนิเมชั่นเข้าประกวดทั้งในระดับมัธยมศึกษา ระดับอุดมศึกษา และประชาชนทั่วไป สามารถส่งผลงานพร้อมใบสมัครทางไปรษณีย์แบบจดหมายตอบรับไปยังสำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงาน ป.ป.ช. เลขที่ 361 ถนนนนทบุรี ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000 ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 (ถือวันที่ประทับตราไปรษณีย์) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงาน ป.ป.ช. หมายเลข 02-5284912 ในวันเวลาราชการ หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครผ่านทาง www.nacc.go.th

โรงพยาบาลตรัง จัดโปรแกรมเพิ่มพูนทักษะด้านการสื่อสารเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558

นายชัยยุทธ ศักดิ์ศรชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง เปิดเผยว่า โรงพยาบาลตรัง โดยกลุ่มงานอาชีวเวชกรรม ได้ดำเนินการจัดโปรดแกรมเพิ่มพูนทักษะด้านการสื่อสารเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 จะทำการเปิดสอนใน 2 หลักสูตร คือ การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ ด้วยการพูด อ่าน ฟัง ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 18.30-20.00 น. ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ โรงพยาบาลตรัง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม – วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2557 และโปรแกรมศิลปะการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ เปิดสอนทุกวันพฤหัสบดี เวลา 18.30 น. – 20.00 น. ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ โรงพยาบาลตรัง เริ่มสอนวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 19 มิถุนายน 2557 โรงพยาบาลตรัง จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ส่งใบสมัครไปยังกลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลตรัง ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 075-581563 ในวันเวลาราชการ

พมจ.ตรัง ระดมความคิดเห็นในการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมรับประชาคมอาเซียน

นางสาวศรีหัทยา ชูสุวรรณ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด พ.ศ.2557-2560 ได้สรุปผลการระดมความคิดเห็นและวิเคราะห์ข้อมูลการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตคนตรัง ด้านการพัฒนาและสังคม พบว่า สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อครอบครัวที่ปรับเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น พ่อ แม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เวลาในการอบรมสั่งสอนลูกน้อยลง ส่งผลให้เด็กขาดความอบอุ่น ไม่รู้จักการมีน้ำใจ เอารัดเอาเปรียบบุคคลอื่น รับสื่อในด้านเพศมากขึ้น

จากสาเหตุดังกล่าวส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคม เด็กมีการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และพฤติกรรมในการเล่นอบายมุขต่าง ๆ ของครอบครัวทำให้เด็กซึมซับและเลียนแบบ วัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต หากช่วงนี้ได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ดี มีการอบรมเลี้ยงดูให้คำปรึกษาที่ดี จะทำให้เด็กเป็นคนดี ในทางตรงกันข้ามหากเด็กอยู่ในสังคมที่ผิดทิศ ผิดทาง ขาดการอบรมที่ดีจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาสังคมต่าง ๆ เช่น ปัญหาท้องก่อนวัยเรียน ปัญหายาเสพติด ส่งผลกระทบต่อสังคมส่วนรวมในอนาคต ดังนั้นจากโครงการค่ายเยาวชนคนดี ศรีเมืองตรัง สร้างผู้นำรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนจังหวัดตรังไปสู่เมืองแห่งความสุข จึงเป็นการสร้างและพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ ให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาจังหวัดตรัง นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมพร้อมเยาวชนเพื่อรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ที่จะถึงนี้

แก๊งค้ายาเสพติดเหิมหนักอาศัยพื้นที่จังหวัดตรัง เป็นแหล่งพักยา ก่อนถูกตำรวจกระบี่-ตรัง จับกุมพร้อมของกลางยาบ้า 7 หมื่นกว่าเม็ด ยาไอซ์ 1กก.มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมตั้งชุดขยายผล

ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผบช.ภ9 ประสานให้ พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รอง ผบก.อำนวยการตำรวจภูธรภาค 9 ลงมาสืบสวนสอบสวน นายอุสาห์ หรือเอียด เพียรดี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 4 ต.ท่างิ้ว อ.ห้วยอด จ.ตรัง หลังจากที่ถูกทางเจ้าหน้าตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ จับกุมตัวพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 74,000 เม็ด และ ยาไอซ์ 1 กก. มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยซุกซ่อนอยู่บริเวณหลัก กม.ที่ 8 หมู่ 6 บ้านหนองช้างแล่น อ.ห้วยยยอด . จ.ตรัง เมื่อวันที่ 1พฤษภาคมที่ผ่านมา

พ.ต.อ.ตรีวิทย์ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากตำรวจชุดสืบสวนของ ตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ จับกุม ผู้ต้องหายาเสพติดได้ 2 คน คือ นายชาติ วังช่วย และ นายวินัย วังช่วง ได้ยาบ้ามา 7,000 กว่าเม็ด หลังจากจับกุมได้มีการขยายผลกาล่อซื้อ จนกระทั้งมีถึงตัว นายอุสาห์ หรือ เอียด เพียรดี เป็นผู้ส่งมอบยาเสพติดให้กับชุดล่อซื้อจึงถูกจับกุม โดยที่นายอุสาห์ นำยาบ้าไปวางไว้เพื่อให้ลูกค้ามารับ 4,000 เม็ด เบื้องต้นถูกจับ 4พันเม็ด หลังจากนั้นนายอุสาห์ พาตำรวจเข้าไปยึดของกลางที่เหลืออยู่ อีกประมาณ 70,000 เม็ด และยาไอซ์ อีก 1 กก. คดีนี้ พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพิชน์ รอง ผบช.ภ9 สั่งการให้พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รอง ผบก.อำนวยการตำรวจภูธรภาค 9 ลงมาช่วยสืบสวนสอบสวนขยายผลร่วมกับทางตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ไปยังผู้สมคบและผู้สนับสนุน ซึ่งหลังจากที่สอบปากคำนาย อุส่าห์ ให้การรับสารภาพและให้ความร่วมมืออย่างดี ให้การถึงขบวนการที่ใครร่วมมืออยู่ด้วยบ้าง ซึ่งจะได้ขยายผลทำการจับกุมต่อไป

อบจ.ตรัง จัดโครงการฝึกอบรมเทคนิคการลับมีดกรีดยางให้กับชาวบ้านในตำบลวังมะปรางเหนือ อำเภอวังวิเศษ จ.ตรัง

ที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนวังใหม่ หมู่ที่ 8 ตำบลวังมะปรางเหนือ อำเภอวังวิเศษ จ.ตรัง นายกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง นายสิทธิ หลีกภัย เลขานุการนายกอบจ.ตรัง นายทวี สัตยาไชย ที่ปรึกษานายกอบจ.ตรัง เป็นประธานและร่วมในพิธีเปิดการฝึกอบรม "หลักสูตรเทคนิคการลับมีดกรีดยางพารา” รุ่นที่ 14 ประจำปีงบประมาณ 2557 โดยองค์การบริหารส่วนจ.ตรัง ได้ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจ.ตรัง จัดทำโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ในปีงบประมาณ 2557 จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นอีก มีเป้าหมายในการฝึกอบรม จำนวน 3,000 คน จำนวน 30 รุ่น แบ่งการฝึกอบรมเป็นรุ่นๆละ 100 คน ใช้เวลาฝึกอบรม 1 วัน สำหรับครั้งนี้มีเข้าร่วมการฝึกอบรมจำนวน 100 คน โดยสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.ตรัง เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการถ่ายทอดให้ความรู้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมครั้งนี้ทางองค์การบริหารส่วน จ.ตรังเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้กรีดยางพาราให้เป็นนักลับมีดกรีดยางที่มีฝีมือ เรียกว่า "ช่างลับมีดกรีดยางมือชีพ” โดยทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการลับมีดกรีดยาง การดูแลรักษาสวนยางพาราที่ถูกต้อง ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งโค่นต้นยางเพื่อปลูกแทนรอบใหม่ และที่สำคัญคือทุกคนจะได้ทราบหลักการกรีดยางอย่างน้อย 4 ประการคือ การลับมีดอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพส่งผลให้มีปริมาณน้ำยางในการกรีดต่อครั้งสูง,การกรีดอย่างไรให้น้ำยางมากที่สุด,กรีด ยางอย่างไรให้ต้นยางเสียหายน้อยที่สุดและกรีดได้นานที่สุดและกรีดยางอย่างไร จึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทั้งนี้นอกจากความรู้และเทคนิคต่างๆแล้ว ผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับมีดกรีดยางและหินลับมีดคนละ 1 ชุดเพื่อนำไปฝึกปฏิบัติจริง

งานสมโภชศาลหลักเมืองพังงาประจำปี ๒๕๕๗

จังหวัดพังงาได้กำหนดจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองพังงา (เจ้าสายทอง) ประจำปี ๒๕๕๗ ณ ศาลหลักเมืองพังงา ถนนเพชรเกษม อ.เมืองพังงา ระหว่างวันที่ ๓-๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ รวม ๑๐ วัน ๑๐ คืน และได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อคืนที่ผ่านมา (๓ พ.ค. ๕๗) เวลา ๑๙.๓๐ น. โดยมีนายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาเป็นประธาน พร้อมด้วยหัวหน้าสวนราชการ และประชาชาวพังงาเข้าร่วมจำนวนมาก

งานสมโภชศาลหลักเมืองพังงา ทางจังหวัดได้กำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ เพื่อกราบไหว้ สักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพังงา ประชาสัมพันธ์จังหวัดให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด สำหรับกิจกรรมภายในงานทุกคืนได้จัดให้มีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน อาทิ การแสดงมโนราห์ ลิเกป่า หนังตะลุง การแสดงนาฏศิลป์จากสถานศึกษาในจังหวัดพังงา การจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น หรือ OTOP การจัดนิทรรศการของหน่วยงานราชการต่างๆ เป็นต้น

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบวาตภัยในจังหวัดพังงา สร้างความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรอย่างหาที่สุดมิได้

นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า พร้อมด้วยผู้แทนจากกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๒๕ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้ถุงยังชีพพระราชทานซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบวาตภัย ที่หมู่บ้านบางกรักใน ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ภายหลังถูกพายุฝนพัดถล่ม เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายนที่ผ่านมา สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรเป็นวงกว้าง โดยในวันนี้มีครอบครัวซึ่งบ้านเรือนเสียหายจากพายุฝนพัดถล่มเข้ารับถุงชีพพระราชทาน จำนวน ๖๕ ราย สร้างความปลาบปลื้ม และสำนึกในพระมหากรุณาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างหาที่สุดมิได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ราษฎรผู้ประสบภัยเบื้องต้น โดยถุงยังชีพที่ได้รับพระราชทานครั้งนี้บรรจุข้าวสาร อาหารแห้ง และเครื่องนุ่งห่ม รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นแก่การดำรงชีพของราษฎร

ด้านนายสมพร กะสิรักษ์ นายก อบต.โคกเคียน ได้นำกระเบื้องมุงหลังคาไปแจกจ่ายให้กับครอบครัวราษฎร ที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายจากพายุพัดทั้งหมด เพื่อใช้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้สามารถพักอาศัยได้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ เนื่องจากบ้านเรือนราษฎรผู้ประสบภัย จำนวนมากถูกพายุพัดหลังคาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ตามปกติ

พังงา..ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เจดีย์หลวงพ่อแช่ม พิธีสมโภชและพุทธาภิเษกวัตถุมงคลหลวงพ่อแช่ม รุ่น ๑ ถิ่นกำเนิด วัดบางทรายน้อย

นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.พังงา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และ พระวิสิฐพัฒนวิธาน เจ้าคณะอำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เจดีย์หลวงพ่อแช่ม ณ มณฑลวัดบางทรายน้อย หมู่ที่ ๗ ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา หลังจากนั้นตั้งแต่เวลา ๑๙.๑๒ น.วันที่ ๓ พ.ค.๕๗ จนถึงเวลา ๐๕.๑๓ น.วันที่ ๔ พ.ค. ๕๗ได้มีพิธีสมโภชและพุทธาภิเษกวัตถุมงคลหลวงพ่อแช่ม รุ่น ๑ ถิ่นกำเนิด วัดบางทรายน้อย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เพื่อหารายได้สมทบทุนก่อสร้างอนุสรณ์สถานถิ่นกำเนิด "หลวงพ่อแช่ม”และก่อตั้งมูลนิธิหลวงพ่อแช่ม จังหวัดพังงา สนับสนุนช่วยเหลือกิจการสาธารณประโยชน์ต่างๆในจังหวัดพังงา โดยมี เกจิชื่อดังสายเขาอ้อ จำนวน ๑๕ รูป ร่วมประกอบพิธีสวดคาถาพุทธาภิเษก นั่งปรกอธิษฐานจิต ตลอดทั้งคืนมีประชาชนนุ่งขาวห่มขาว พร้อมผู้มีจิตศรัทธา และกลุ่มเช่าพระ ร่วมพิธีคับคั่ง ในพิธีดังกล่าวมีเปิดจองเหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อแช่ม หรือ พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดฉลอง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีถิ่นกำเนิดที่วัดบางทรายน้อย อ.ทับปุด จ.พังงา และมีผู้สั่งจองหมดในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ผู้สั่งจองสามารถมารับวัตถุมงคลได้ในมณฑลพิธี ๔-๕พฤษภาคม ๒๕๕๗ หรือสั่งจองไว้ที่ไหนสามารถรับได้ที่นั่นหลังจากวันที่ ๕ พฤษภาคม ๕๗ เป็นต้นไป

สำหรับประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแช่ม(พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี) อดีตเจ้าอาวาสวัดฉลอง จังหวัดภูเก็ต ได้ถือกำเนิดเมื่อปีกุน พุทธศักราช ๒๓๗๐ ที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ต่อมาได้บวชและจำพรรษา ที่วัดบางทรายน้อย ตำบลมะรุ่ย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา และได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆจากพ่อท่านเฒ่า เจ้าอาวาสวัดฉลอง จนมีความเชี่ยวชาญทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีสมาธิจิตสูง รวมทั้งได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆตลอดจนวิชาแพทย์แผนโบราณ และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดฉลอง ในปีพุทธศักราช ๒๓๙๓ หลวงพ่อแช่มมรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๔๕๑ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.พังงา เปิดเผยว่า จังหวัดพังงาได้ดำเนินโครงการสร้างอนุสรณ์ถิ่นกำเนิดหลวงพ่อแช่ม เพื่อฟื้นฟูแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของอำเภอทับปุด เป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่ ทำให้พื้นที่จังหวัดพังงาและอำเภอทับปุดมีความเจริญก้าวหน้า สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพังงาเพิ่มมากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดให้มีความเติบโตดียิ่งขึ้น สามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตามแนวนโยบายของทางรัฐบาลที่กำหนดไว้ โดยจังหวัดได้มีการอนุมัติสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้าง สถานที่ เพื่อเป็นสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในพื้นที่ การก่อสร้างสถานที่จำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นธรณีสงฆ์ที่องค์การบริหารส่วนตำบลมะรุ่ยได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว แต่พื้นที่ดังกล่าวไม่เพียงพอต่อการดำเนินการจำเป็นต้องมีการสนับสนุนพื้นที่ข้างเคียงจากราษฎรที่เป็นผู้ครอบครองที่ดินทำประโยชน์อยู่ ซึ่งเป็นที่บริเวณข้างเคียงดังกล่าวมีอยู่ จำนวน ๕ ราย ราษฎรมีความประสงค์และยินดีที่จะบริจาคพื้นที่บางส่วนให้ดำเนินการจัดทำโครงการเพื่อความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต จังหวัดพังงาจึงขอขอบคุณราษฎร ทั้ง ๕ ราย ได้แก่ ครอบครัวนายมนูญ นางยินดี แก้วน้อย ครอบครัวนายสวาสดิ์ นางยอง นามสม ครอบครัวนายภิญโญ ทองเชิด นางสุดใจ ทองเจิม ครอบครัวนายสนิท นางสุรี สุขพัฒนศรีกุล และ ครอบครัวนางนี แก้วน้อย

นายสวาสดิ์ นามสม อายุ ๗๖ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๕๒ หมู่ที่ ๗ ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา หนึ่งในจำนวนผู้บริจาคที่ดิน เปิดเผยว่า อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่ยังเล็กๆ มีต้นประดู่ อายุกว่า ๑๐๐ ปี และยังเป็นคนที่รื้อบ่อน้ำที่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อแช่มเคยสรงน้ำที่บริเวณดังกล่าว ได้พบขันน้ำพานรอง และขันน้ำซึ่งเป็นขันเงินใต้ท้องบ่อ ชาวบ้านแถบนี้เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อแช่มที่เคยอาศัยอยู่ตั้งแต่เล็กๆ ส่วนขันและพานรอง ได้นำไปไว้ที่วัด ฉลอง ภูเก็ต เพื่อเป็นหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์ ต่อไป

จังหวัดสตูล จัดการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว

วันนี้ (๔ พ.ค. ๕๗) จังหวัดสตูล โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล ร่วมกับชมรมจักรยานเสือภูเขาจังหวัดสตูล จัดกิจกรรมการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (Satun MTB Chalenge) ณ สนามหน้าโรงเรียนบ้านนาลาน ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล โดยมีนายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิดงาน

การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนสนใจในกีฬาจักรยาน หันมาดูแลสุขภาพ ลดการใช้พลังงานส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปหันมาใช้จักรยานในชีวิตประจำวันมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และสร้างมิตรภาพระหว่างนักปั่นจักรยานด้วยกัน ทั้งยังเป็นการส่งเสริมกิจกรรม การท่องเที่ยวของจังหวัดสตูลให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดอีกทางหนึ่ง เพื่อต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวนี้

สำหรับการแข่งขัน แบ่งเป็น ๖ รุ่น ได้แก่ รุ่น VIP, A, B, C, H และรุ่น W โดยเส้นทางการแข่งขันเป็นทางเรียบ สลับทางลูกรัง และเนินเขา ใช้เส้นทางสายหลักถนนนาลาน-เจ๊ะบิลัง ทั้งนี้ผู้ชนะเลิศ นักปั่นในแต่ละรุ่น จะได้รับถ้วยรางวัล เงินรางวัล พร้อมเกียรติบัตร ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้มีนักปั่น ทั้งในจังหวัดสตูลเอง และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรมกว่า ๔๐๐ คน



กนกพิชญ์ / ข่าว
ส.ปชส.สตูล

สตรีชาวอินโดนีเซียที่พำนักในภาคใต้ สุดดีใจได้รับการดูแล หลัง ศอ.บต.จัดฝึกอาชีพ สร้างงาน เสริมรายได้เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2557 ที่ห้องประชุมวิทยาลัยการอาชีพปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี นางยุพดี  อ่องวุฒิวัฒน์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพปัตตานี เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรผู้ผ่านการอบรมโครงการฝึกอาชีพให้แก่สตรีชาวอินโดนีเซียและศิษย์เก่าอินโดนีเซีย โดยมี นายพิทักษ์ ก่อเกียรติพิทักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.  ผู้อำนวยการสำนักกอง ศอ.บต. และศิษย์เก่าอินโดนีเซียร่วมเป็นเกียรติ

นางยุพดี  อ่องวุฒิวัฒน์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพปัตตานี กล่าวว่า โครงการฝึกอบรมอาชีพให้แก่สตรีชาวอินโดนีเซีย ซึ่ง  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับวิทยาลัยการอาชีพปัตตานี  และสมาคมศิษย์เก่าอินโดนีเซีย   จัดขึ้น เพื่อต้องการดูแลชาวอินโดนีเซียที่อาศัยและพำนักอยู่กับสามีชาวไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเป็นอยู่ที่ดีเทียบเท่ากับพี่น้องในพื้นที่ ได้รับการฝึกอาชีพ เสริมทักษะและต่อยอดการประกอบอาชีพ  สร้างงาน สร้างรายได้ โดยวิทยาลัยการอาชีพจังหวัดปัตตานี ได้จัดทำหลักสูตรอาหารไทย คาว หวาน และเบเกอรี หลักสูตร 30 ชั่วโมง ในระยะเวลา เวลา 5 วัน  สำหรับครั้งนี้มีสตรีชาวอินโดนีเซียและศิษย์เก่าอินโดนีเซียเข้าร่วมฝึกอบรม จำนวน 30 คน  ซึ่งภายหลังจากนี้ ศอ.บต.จะสนับสนุนให้มีการประกอบอาชีพอย่างจริงจัง รวมทั้งสนับสนุนให้มีการจัดตั้งชมรมสตรีชาวอินโดนีเซีย ใช้ชื่อว่า Persatuan Wanita Indonisia de Thailand อีกด้วย

นางฟาซียะห์ อุเซ็ง สตรีชาวอินโดนีเซียที่เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพ กล่าวว่า รู้สึกได้รับการเอาใจใส ดีใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามที่พวกเราต้องการ โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ทำให้ได้รับความรู้เกี่ยวการประกอบอาหารไทย มีความมั่นใจว่าสามารถที่จะนำไปประกอบอาชีพได้ นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสพบปะเพื่อนๆชาวอินโดนีเซียด้วยกัน สร้างความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นระหว่างชาวอินโดนีเซียและชาวไทย จึงขอขอบคุณ ศอ.บต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้จัดโครงการนี้ขึ้นมา



สำนักสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต. ข่าว