วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สถานการณ์ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง เป็นปกติ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษา เปิดทำงาน ทำการเรียนการสอนตามปกติ


สถานการณ์ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง เป็นปกติ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษา เปิดทำงาน ทำการเรียนการสอนตามปกติ

ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟทุ่งสง มีการตั้งเวทีปราศรัย รับสัญญาณการชุมนุมของ กปปส.ที่ ชุมนุมที่ กทม.แต่มีการชุมุนมจำนวนไม่มากนักในช่วงค่ำๆ

แนวร่วมกปปส.ระนองขอประชาชนติดต่อราชการภายในวันศุกร์

แกนนำกลุ่มแนวร่วมกปปส.ระนอง ขอบคุณส่วนราชการที่ให้ความร่วมมือ พร้อมขอให้ประชาชนติดต่อราชการได้ภายในวันศุกร์ ก่อนระดมคนปิดต่อจนกว่ารัฐบาลรักษาการจะลาออก

นายสุชีพ พัฒน์ทอง หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วม กปปส.จังหวัดระนอง เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนระนอง ว่าในระหว่างนี้ได้ผ่อนคลายให้ส่วนราชการสามารถดำเนินงานที่คั่งค้างได้ และขอให้ประชาชนที่ต้องการติดต่อราชการต่าง ๆ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ เพราะหลังจากนั้น ในวันจันทร์ ที่ 10กุมภาพันธ์ จะระดมมวลชนไปปิดล้อมขอความร่วมมือให้ปิดส่วนราชการต่าง ๆ ต่อไป จนกว่ารัฐบาลรักษาการจะลาออกและเปิดทางให้มีการปฏิรูปการเมือง โดยจะมีการกำหนดตั้งเวทีใหญ่อีกครั้ง อยู่ระหว่างหารือว่าจะเป็นที่ใด เพื่อร่วมชุมนุมคู่ขนานกับเวที กปปส.ในกรุงเทพ ฯ มหานคร

พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวขอบคุณส่วนราชการต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือ ปิดสถานที่ราชการมาก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าทางกลุ่มแนวร่วม กปปส.ไม่ได้ต้องการสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น เพียงแต่ต้องการช่วยเหลือสนับสนุนข้าราชการดี ๆ ที่ถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้หลุดจากอำนาจการบริหารที่ไม่ชอบธรรม ซึ่งจังหวัดระนองมีลักษณะพิเศษตรงที่อยู่กันแบบครอบครัวเป็นพี่เป็นน้องกัน จึงสามารถเจรจาพูดคุยกันได้โดยไม่เกิดความขัดแย้งรุนแรง

ซึ่งหลังจากวันที่ 10 กุมภาพันธ์ การชุมนุมก็ยังคงยึดหลักอหิงสา ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ และจะไม่สร้างความเสียหายให้กับสถานที่ใด ๆ โดยช่วงนี้จะยังไม่มีการชุมนุมและจัดตั้งเวทีในสถานที่ชุมชนต่าง ๆ

หน่วยงานราชการที่จังหวัดนครศรีธรรมราชทุกหน่วยสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ

หน่วยงานราชการทุกหน่วยสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ สำหรับศาลากลางจังหวัดฯ ยังไม่ยกเลิกมาตรการ รปภ. แต่ลดระดับความเข้มลงมาเพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบจากบุคคลที่ 3

ทั้งนี้ ไม่มีเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ในพื้นที่

เลื่อนการจัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” หลังนักวิชาการต่างประเทศตอบปฏิเสธเข้าร่วม เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยหลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

จังหวัดนครศรีธรรมราช เลื่อนการจัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง "พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” หลังนักวิชาการต่างประเทศตอบปฏิเสธเข้าร่วม เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยหลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังแถลงจัดงานระหว่าง ๑๔ – ๑๕ ก.พ.๕๗

ศอ.บต.เตรียมจัดการประกวดสุนทรพจน์ภาษามลายูเพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการรักษาอัตลักษณ์ทางภาษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 (เวลา 13.30 น. ) ที่ห้องประชุมปฏิบัติการ (OR) อาคารเอนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดร.มะรอนิง  สาแลมิง รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดประกวดสุนทรพจน์ภาษามลายู ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการอำนวยการสถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ร่วมกับคณะทำงานสถานีวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงมลายู มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาภาษามลายูและพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนในการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ผ่านสื่อวิทยุโทรทัศน์ภาษามลายูให้สังคมและโรงเรียนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาด้านภาษามลายูที่สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยมีสถานีวิทยุโทรทัศน์ภาษามลายูเป็นสื่อกลางในการเป็นแม่ข่าย การส่งกระจายภาพและเสียง ซึ่งสามารถสื่อสารเชื่อมโยงกับโลกมลายูในบริบทของประชาคมอาเซียน โดยมี พลตำตรีจำรูญ  เด่นอุดม  และคณะกรรมการดำเนินงานเข้าร่วมประชุม 30 คน

ดร.มะรอนิง  สาแลมิง รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ภาษามลายูเป็นภาษาที่มีความสำคัญต่ออัตลักษณ์ของคนในท้องถิ่น เพราะประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้ภาษามลายูสื่อสารในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อสื่อสารในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น ประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศบรูไน กิจกรรมที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้จึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญ เพราะเป็นเหมือนการขยายให้ชุมชน ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ จัดการประกวดสุนทรพจน์ในครั้งนี้เป็นการแสดงให้คนในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้เห็นว่าทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เปิดพื้นที่และเปิดโอกาสอย่างจริงจังในเรื่องของอัตลักษณ์ทางภาษามลายู เรามีสถานีวิทยุโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงมลายู เรามีสถาบันภาษามลายูไทยแลนด์ กลไกต่างๆเหล่านี้ เราจึงต้องมีกิจกรรมต่างๆมาสนองให้เห็น หากเราไม่ได้มีการขับเคลื่อน เราก็จะไม่มีภาพที่ชัดเจนให้ประชาชนในพื้นที่ได้เห็น  แต่กิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการเปิดพื้นที่ทางอัตลักษณ์ที่สำคัญในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้สัมผัสอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้มหกรรมภาษามลายู ประกวดสุนทรพจน์จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ห้องประชุมชั้น 1 (ห้องโถง) อาคารเอนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป มีกิจกรรมบนเวทีต่างๆ อาทิเช่น  ผู้แทนผู้ประกวดจาก 19 คน แสดงทักษะความสามารถทางภาษาอังกฤษและภาษามลายูโดยนักเรียนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิจังหวัดยะลา มีการแสดงอานาซีด และผู้ชนะเลิศในกิจกรรมครั้งนี้จะได้รับเกียรติจากกงสุลมาเลเซียและกงสุลอินโดนีเซียประจำจังหวัดสงขลาเป็นผู้มอบรางวัลอีกด้วย


สำนักสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต. รายงาน

เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางยะลา ยึดยาบ้าและโทรศัพท์มือถือ หลังคนร้ายพยายามโยนเข้าไปในเรือนจำ

วันนี้ 5 ก.พ.57 เวลา 11.30 น. ศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งจาก นายมณฑล ศรีกระจิบ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดยะลา ว่า เรือนจำสามารถยึดยาบ้า และโทรศัพท์มือถือ ที่คนร้ายพยายามโยนเข้าไปภายในแดนนักโทษ หลังรับแจ้งจึงได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด กก.สส.ภ.จว.ยะลา เข้าตรวจสอบภายในเรือนจำกลางยะลา ก็พบว่า เจ้าหน้าที่ของเรือนจำกลางยะลา กำลังตรวจสอบถุงกระดาษพันด้วยกระดาษกาวสีน้ำตาล โดยของกลางที่พบเป็นยาบ้า จำนวน 363 เม็ด โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น ซี 2 จำนวน 2 เครื่อง พร้อมที่ชาร์ต 1 อัน หูฟังโทรศัพท์ จำนวน 2 ชุด และ แบตเตอร์รี่โทรศัพท์ อีก 3 ก้อน

นายมณฑล ศรีกระจิบ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า นายจิรพงศ์ จันทร์งาม เจ้าหน้าที่ รปภ.ของเรือนจำ ได้ตรวจพบถุงกระดาษสีน้ำตาลพันด้วยพลาสติกอย่างดี ตกอยู่ริมกำแพงข้างเรือนจำ ด้านซ้ายมือใกล้กับที่จอดรถ จึงได้แจ้งให้ตนเองทราบ จากนั้นจึงได้แกะถุงออกก็พบว่าข้างในมียาบ้า และโทรศัพท์มือถือ ดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่าคนร้ายพยายามที่จะโยนยาบ้าและโทรศัพท์มือถือให้กับนักโทษภายในเรือนจำ แต่เกิดการผิดพลาด ทำให้ถุงดังกล่าวไม่เข้าในเรือนจำ ตกหล่นข้างกำแพง จึงสามารถยึดของกลางได้ ซึ่งทางเรือนจำกลางยะลา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ทำการตรวจสอบและหาข้อมูลเพื่อติดตามขยายผลเพื่อจับกุมเครือข่ายที่เหลือต่อไป

สำหรับเรือนจำกลางยะลา เมื่อวันที่ 30 มี.ค.56 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เคยจับกุมตัวผู้ต้องหา ที่กำลังพยายามจะโยนยาบ้า จำนวน 83 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และ มีดปลายแหลม 1 ด้าม เข้าไปภายในแดนนักโทษ มาแล้ว 1 ครั้ง


ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

ผู้ว่านราธิวาส ลงพื้นที่สุไหงปาดีรับฟังปัญหาจากประชาชน พร้อมประสานหน่วยงานรับผิดชอบแก้ไขทันที

( 5 ก.พ. 57 )  ที่บริเวณโรงเรียนบ้านสากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ ซึ่งมีการหมุนเวียนจัดในทุกอำเภอเพื่อให้หน่วยงานราชการและหัวหน้าส่วนราชการเดินทางไปพบปะและให้บริการกับประชาชนถึงพื้นที่ โดยครั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ต.สากอ อ.สุไหงปาดี ทั้งปัญหาด้านสาธารณูปโภค ปัญหาการขาดน้ำทำให้ทำนาไม่ได้  ซึ่งรับที่จะรีบแก้ปัญหาให้ทันที

และในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้มอบเอกสารสิทธิ์ที่ทำกินให้กับประชาชนในพื้นที่ ต.สากอ และ ต.สุไหงปาดี พร้อมมอบเครื่องยังชีพให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ รวมถึงมีการมอบทุนการศึกษาของกองทุนพัฒนาเด็กเล็กในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระราชสุดาฯจำนวน 3 ทุน

สำหรับพื้นที่ ต.สากอ ปัจจุบันมีประชากรรวม 10,326 คน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และประกอบอาชีพเกษตรกรสวนยางพารา และสวนผลไม้ตามลำดับ


เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายสรุปเหตุยิงครอบครัวมะมันเป็นการสร้างสถานการณ์ มอบเงินเยียวยากว่า 1,500,000 บาท

( 5 ก.พ. 57 ) นายศุภณัฐ  สิรันทวิเนติ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เชิญนายเจ๊ะมุ มะมัน บิดาของ ด.ช.มูยาเฮค มะมัน อายุ 11 ปี ด.ช.บาฮารี มะมัน อายุ 9 ปี และ ด.ช.อีลยาส มะมัน อายุ 6 ปี ที่ถูกคนร้ายบุกยิงเสียชีวิตคาบ้านพักในพื้นที่ บ.ปะลุกาแปเราะ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา มาพบที่ห้องทำงานของ พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอบาเจาะ เพื่อชี้แจงผลสรุปของการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัว โดยจากการสอบสวนนั้นเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองของอำเภอบาเจาะได้เห็นพ้องว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวมะมันเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ และในโอกาสนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบให้กับนายเจ๊ะมุ มะมัน แยกเป็นกรณีบุตรทั้ง 3 เสียชีวิต เป็นเงิน 1,500,000 บาท กรณีนางพาดีละห์ แมยู ภรรยาท้อง 4 เดือนได้รับบาดเจ็บ 50,000 บาท และนายเจ๊ะมุ ที่ได้รับบาดเจ็บ 10,000 บาท  ซึ่งนางพาดีละห์นั้นในวันนี้โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อรักษากระดูกข้อศอกขวาที่ได้นับบาดเจ็บ

ส่วนความคืบหน้าทางคดีขณะนี้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายได้เร่งดำเนินการด้านการข่าวเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ของ อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี อีกทั้งรอผลตรวจสอบจากปลอกกระสุนปืนที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้ในที่เกิดเหตุว่าเคยใช้อาวุธดังกล่าวในพื้นที่ใดบ้าง 

นครฯ ได้ ป.ป.จ.แล้ว รวม 5 คน

สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เผยรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นป.ป.จ.นครศรีธรรมราช

นายพล ศรัทโธ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ดำเนินการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือป.ป.จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 10 คน ส่งให้กรรมการ ป.ป.ช. ส่วนกลาง ได้พิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งเป็น ป.ป.จ.นครศรีธรรมราช และบัดนี้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงนามแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.จ.ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 5 คน มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.57 เป็นต้นไป มีรายชื่อดังนี้ นายอรุณ พุมเพรา เป็นประธานกรรมการ ป.ป.จ.และกรรมการ ป.ป.จ. ประกอบด้วย นางมลินีนัน ณัฐศรีวัฒน นายสุเมธ เม่งช่วย นางฐิติพร บุญเรืองขาว และนายสำเนียง กุญชรินทร์

ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า กรรมการ ป.ป.จ. เป็นบุคคลสำคัญที่จะเข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับประชาชนและส่วนราชการ เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนในทุกระดับได้ตระหนักถึงผลกระทบจากการทุจริต อันเป็นการป้องกันการทุจริต เสริมสร้างทัศนคติ รวมทั้งค่านิยมเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตให้ประชาชนในทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในระดับพื้นที่

ทั้งนี้ประชาชนสามารถติดต่อราชการกับสำนักงานป.ป.ช.ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ที่อาคารพาณิชย์ทางเข้าหมู่บ้านเมืองทอง เลขที่ 161 ถ.วันดีโฆษิตกุลพร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สอบถามเพิ่มเติม โทร.075-432205-6

ประชุมคณะกรรมการศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมคณะกรรมการศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เน้นการบูรณาการแผนงาน/โครงการ การเตรียมความพร้อมรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ

วันนี้(5 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ประสานงานโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 1/2557 โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการเตรียมรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเสด็จทรงงานในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 26 – 27 มิถุนายน 2557 ได้แก่ พื้นที่นาข้าว นากุ้ง และป่าจาก ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง /พระตำหนักประทับแรมอำเภอปากพนัง /พื้นที่ส่งเสริมการผลิตข้าว หมู่ที่ 7 ต.ชะเมา อ.ปากพนัง และพื้นที่ป่าพรุเสม็ดขาวมูลนิธิชัยพัฒนา หมู่ที่ 1 ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับทราบผลการดำเนินงานและแผนปฏิบัติงาน ปี 2557 ของหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 250 โครงการ งบประมาณ 241 ล้านบาทเศษ การดำเนินงานของโครงการศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง แนวทางการดำเนินงานโครงการเซรามิค หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 2 นอกจากนี้ยังได้ติดตามความก้าวหน้าการนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยากมาดำเนินการในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ โดยกำหนดดำเนินการนำร่อง 5 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 5 อำเภอ

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในการดำเนินงานตามโครงการต่าง ๆ ขอให้ทุกหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณทั้งงบปกติจากกรมต้นสังกัด งบ กปร. งบจังหวัด งบท้องถิ่น หรืองบจากแหล่งอื่น ๆ มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อความเป็นเอกภาพในการทำงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด เกิดความยั่งยืนของโครงการ เป็นไปตามแนวพระราชดำริ โดยในส่วนของจังหวัดยินดีสนับสนุนงบประมาณต่าง ๆ ในการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การจัดตั้งศูนย์สาธิตการเกษตร การพัฒนาศักยภาพการผลิตส้มโอทับทิมสยาม เป็นต้น ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 จะตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนโครงการพระราชดำริเพิ่มขึ้น โดยจะเน้นเรื่องการทำนาปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เช่น อ.ปากพนัง อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร เป็นต้นและการพัฒนาอาชีพอื่น ๆ สำหรับการเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่จริงแล้วประชุมปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อให้การดำเนินงานด้านต่าง ๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากมีปัญหาอุปสรรคทางจังหวัดพร้อมที่จะลงไปแก้ไขปัญหาร่วมกัน 

นครฯ เลื่อนสัมมนาวิชาการนานาชาติเรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก”

จังหวัดนครศรีธรรมราช เลื่อนการจัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” หลังนักวิชาการต่างประเทศตอบปฏิเสธเข้าร่วม เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยหลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

รศ. ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช/ประธานคณะกรรมการฝ่ายวิชาการ การนำเสนอพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช เป็นมรดกโลก เปิดเผยว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชได้กำหนดการจัดสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ เรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” ในช่วงการจัดงานประเพณี มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนครฯ” ประจำปี 2557 ในวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ 2557 ณ โรงแรมทวินโลตัสนครศรีธรรมราช เพื่อรวบรวมข้อมูล หลักฐานที่ได้รับจากนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ มาประกอบในการจัดทำเอกสารทางวิชาการฉบับสมบูรณ์( Nomination Dossier) ก่อนเสนอต่อยูเนสโก เพื่อประกอบการนำเสนอพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อีกทั้งเพื่อให้นักวิชาการจากต่างประเทศได้เห็นถึงการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบทอดต่อเนื่องกันมายาวนานถึง 784 ปี ซึ่งตรงตามหลักเกณฑ์ทางวัฒนธรรมในการพิจารณาให้เป็นมรดกโลกข้อที่ 6 คือ มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์

รศ.ฉัตรชัย กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทำหนังสือเชิญไปยังนักวิชาการจากต่างประเทศ จำนวน 14 คน เพื่อเข้าร่วมสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติ เรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” ในวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ 2557 ปรากฏว่า มีนักวิชาการ 10 คนจาก 14 คน เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เป็นต้น ตอบกลับมาว่าไม่สามารถเดินทางมาเข้าร่วมสัมมนาได้เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัยหลังจากที่รัฐบาลไทยมีการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเป็นผลกระทบที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากจังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่นอกพื้นที่การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องเลื่อนการจัดสัมมนาครั้งนี้ออกไปก่อน แต่ได้กำหนดจัดสัมมนาใหม่อีกครั้งในช่วงเทศกาลวิสาขบูชา ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งมีการจัดกิจกรรมทางศาสนาแห่ผ้าขึ้นธาตุเช่นเดียวกับเทศกาลมาฆบูชา อย่างไรก็ตามในการจัดทำเอกสารฉบับสมบูรณ์ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2557 นี้ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อนำเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาการเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ ใน ปี 2558 ตามขั้นตอนต่อไป

วัดทอนหงส์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดทำข้าวหลามยาวที่สุดในโลก

วัดทอนหงส์ จัดงานประเพณี “เดือนสามหลามเหนียว ใส่ข้าวโบสถ์” ประจำปี 2557 พร้อมจัดทำข้าวหลามยาวที่สุดในโลก 21 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้ว่าฯพร้อมสนับสนุนเพื่อสร้างจุดเด่นและยกระดับประเพณีให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ

พระอธิการชนัสถ์นันท์ สิริจฺนโท เจ้าอาวาสวัดทอนหงส์ เปิดเผยว่า วัดทอนหงส์และเทศบาลตำบลทอนหงส์ ได้กำหนดจัดงานประเพณีเดือนสามหลามเหนียว ใส่ข้าวโบสถ์ ขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปี 2557 กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2557 ณ วัดทอนหงส์ ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยจัดให้มีการจัดทำข้าวหลามที่ยาวที่สุดในโลก และเผาข้าวหลามด้วยเพาข้าวหลามเป็นระยะทาง 100 เมตร ทั้งนี้เพื่อสร้างจุดเด่นและยกระดับประเพณีนี้ให้เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ และเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีการเริ่มเผาข้าวหลามในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00 น. โดยมีนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดงาน และจุดไฟเผาข้าวหลาม จากนั้นมีการแข่งขันการกินข้าวหลาม การแสดงของนักเรียน การแสดงมโนราห์ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 จัดริ้วขบวนแห่ข้าวหลาม พิธีทอดผ้าป่าเพื่อสมทบทุนสร้างหอฉันภัตตาหารหลังใหม่ พิธีฉลองข้าวหลาม และถวายข้าวหลามแก่พระสงฆ์-สามเณร ถวายสังฆทานจากวัดต่าง ๆ รวม 33 วัด

นายอภินันท์ ซื่อธุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ทางตัวแทนเจ้าอาวาสวัดทอนหงส์ ได้เข้าพบเพื่อเชิญตนไปเป็นประธานเปิดงานและจุดไฟเผาข้าวหลามยาวที่สุดในโลก ซึ่งตนยินดีให้การสนับสนุนการจัดงานและเป็นประธานเปิดงานในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 14.00 น. ถือว่ากิจกรรมดังกล่าวนอกจากเป็นงานบุญงานกุศลที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาแล้ว การทำข้าวหลามยาวที่สุดในโลก เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราชให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้นด้วย