วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สถาบันธัญญารักษ์ เดินหน้าการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดระดับภาค เพื่อลดอันตรายจากการใช้ยา 2014 และยุติปัญหาเอดส์

ที่ โรงแรมบีพี สมิหลา บีช อ.เมืองสงขลา เวลา 09.00 น. วันนี้ (9 ก.ค. 57) นพ.อังกูร ภัทรกร รองผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ ประธานพิธีเปิด ประชุมวิชาการการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดระดับภาค (ภาคใต้) การลดอันตรายจากการใช้ยา 2014 : ยุติปัญหาเอดส์ (Harm Reduction 2014 : Ending AIDS)

นพ.อังกูร ภัทรกร รองผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีที่สร้างโอกาสให้ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง กับการทำงานด้านยาเสพติด ในพื้นที่ภาคใต้ มี 9 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ที่ทำดำเนินงานโครงการการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดได้มีเวที แลกเปลี่ยนมุมมอง แนวคิดประสบการณ์ การดำเนินงานด้านการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด และแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ จากการทำงานด้านยาเสพติดร่วมกันโดยเฉพาะเรื่องการที่จะทำให้ผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีฉีด เข้าถึงบริการการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดแบบรอบด้าน เพื่อให้ผู้ใช้ยากลุ่มนี้เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ ทันเวลาและคงอยู่ในระบบการดูแลสุขภาพ ที่จะนำมาซึ่งการยุติปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีภายในปี 2020

สำหรับกิจกรรมในการประชุมครั้งนี้ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษ การอภิปราย การนำเสนอผลงาน และการสานเสวนา ในการประชุมทั้ง 2 วันนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุด หากทุกท่านที่เข้าร่วมประชุม สามารถนำนโยบายการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด สู่การปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ครอบคลุม และทันเวลา โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การช่วยเหลือผู้ใช้ยาเสพติด ให้สามารถลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด และเข้าสู่กระบวนการ ลด ละ เลิกยาเสพติด โดยใช้ความรัก ความเข้าใจและความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ โดยยึดหลักผู้เสพติดเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลที่เหมาะสม พัฒนาบริการให้ผู้ใช้ยาเสพติดเข้าถึงบริการการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดอย่างสะดวกและเร็วที่สุดเป็นการช่วยให้ผู้ที่ใช้ยาเสพติดสามารถปรับตัวเองให้ลดการใช้ยาลงหรือใช้สารทดแทนภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ จนสามารถเลิกใช้ยาเสพติดในที่สุด มีคุณภาพชีวิตที่ดี สมคุณค่าความเป็นมนุษย์ สามารถอยู่ร่วมกับครอบครัว และสังคมได้ปกติสุข


ยุสรา วาจิ//ข่าว
จิรพัฒน์ วงศ์กระจ่าง//ภาพ

จังหวัดสงขลา ขอเชิญประชาชนตรวจดูแผนที่ แผนผัง และข้อกำหนด ผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา และร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการวางและจัดทำผังเมืองจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 22 - 24 ก.ค. 57 นี้

นายพิชัย อุทัยเชฏฐ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา ขอเชิญชวนประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของ หรือผู้ครอบครองที่ดิน หรืออาคารที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ที่จะวางและจัดทำผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา ไปตรวจดูแผนที่แสดงเขตท้องที่ที่จะวางและจัดทำผังเมืองรวม แผนผังแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินในอนาคต ข้อกำหนด การใช้ประโยชน์ที่ดิน และรายการประกอบแผนผัง ได้ที่ ศาลากลางจังหวัดสงขลา ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง สำนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สำนักงานที่ดินจังหวัดสงขลาทุก แห่ง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งที่อยู่ในเขตท้องที่ที่จะวางและจำทำผัง เมืองรวมจังหวัดสงขลา สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหัดสงขลา กรมโยธาธิการและผังเมือง สาธารณสถานภายในเขตท้องที่ที่จะวางและจัดทำผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา และเผยแพร่ทางระบบอินเทอร์เน็ตของกรมโยธาธิการและผังเมือง (www.dpt.go.th) ตั้งแต่วันนี้ – 18 กรกฎาคม 2557 เวลา 08.30 น.เป็นต้นไป

นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง โดย สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา จะจัดให้มีการประชุมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับการวางและจัดทำผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา ดังนี้

            1.วันอังคารที่ 22 ก.ค.57 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมศรีเกียรติพัฒน์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา

            2. วันพุธที่ 23 ก.ค. 57 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมวิทยาลัยการอาชีพนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา

            3. วันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ค.57 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมรัตนโกสินทร์ อ.สทิงพระ จ.สงขลา

จังหวัดสงขลา ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจไปตรวจดูแผนที่แสดงเขตท้องที่ที่จะวางและจัดทำผังเมืองรวม แผนผังแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินในอนาคต ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินรายการประกอบแผนผัง และเข้าร่วมประชุมเพื่อเสนอความคิดเห็น ความต้องการและข้อมูลต่าง ๆ ในการวางผังเมืองรวมจังหวัดสงขลา ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา ศาลากลางจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา โทรศัพท์ 074-322057



จันจิรา บัวน้อย//ข่าว


จังหวัดสงขลา จัดเวทีเสวนาสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ระดับจังหวัด เพื่อนำข้อเสนอจากทุกภาคส่วนเสนอต่อ คสช.

วันนี้ (9 ก.ค.57) ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมเสวนาสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป จังหวัดสงขลา โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนระดับจังหวัด ระดับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาคประชาชน ผู้สมัคร สว. และคณะทำงานศูนย์ปรองดองเพื่อการปฏิรูปจังหวัดสงขลา เข้าร่วมเสวนา และรับฟังข้อเสนอแนะแนวทางการปฏิรูป 11 ประเด็น โดย กอ.รมน.ส่วนหน้าจังหวัดสงขลาได้ชี้แจงและทำความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการ จัดเวทีเสวนา ระดับจังหวัด ในครั้งนี้ หลังจากนั้นก็ได้ให้ผู้เข้าร่วมประชุม สอบถามและแสดงความคิดเห็น

จังหวัด สงขลา โดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้จัดประชุมเพื่อให้ทุกภาคส่วนหาแนวทางสรุปประเด็นการเสวนาตามแนวทางของ ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ เพื่อการปฏิรูปจังหวัดสงขลา 11 ประเด็น ประกอบด้วย แนวทางการปฏิรูปการเมือง แนวทางการสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้บริหารประเทศ แนวทางการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แนวทางการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การกระจายอำนาจหรือความซ้ำซ้อนในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ แนวทางการปฏิรูปทุจริตคอรัปชั่น แนวทางปฏิรูปการศึกษา แนวทางการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ แนวทางการปฏิรูปด้านข้อมูลข่าวสาร แนวทางการปฏิรูปความเหลื่อมล้ำทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม แนวทางการปฏิรูปทรัพยากรดิน น้ำ และป่าไม้ และแนวทางการปฏิรูปอื่น ๆ เช่น ระบบพลังงาน เพื่อนำข้อสรุปผลการแสดงความคิดเห็นของแต่ละประเด็น รวมทั้งรวบรวมปัญหา ความต้องการ ตลอดจนแนวทางที่ประชาชนต้องการที่จะปฏิรูป เพื่อนำเสนอ และรวบรวม ทั้ง 11 ประเด็น เสนอต่อ คสช. ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ เพื่อร่วมหาแนวทางร่วมกันต่อไป

สตูลประสานทุกภาคส่วนจัดเสวนาระดมความคิดเห็น หวังสมานฉันท์ปรองดองและปฏิรูปจังหวัดในทิศทางเดียวกัน

จังหวัดสตูล โดยศูนย์ปรองดองเพื่อการปฏิรูปจังหวัดสตูล สนองนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ความสามัคคีของคนในประเทศ โดยจัดเวทีเสวนาระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในจังหวัด เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ความต้องการในการปฏิรูปให้ครบถ้วน โดยแบ่งกลุ่มเสวนา เป็น ๕ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มภาคประชาชน กลุ่มภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ กลุ่มภาคแกนนำทางการเมือง กลุ่มภาคธุรกิจเอกชน และกลุ่มทางสังคม มีประเด็นข้อมูลเพื่อ การปฏิรูปใน ครั้งนี้ จำนวน ๑๑ ประเด็น มีผู้ให้ความสนใจจากทุกภาคส่วนเข้าร่วมเสวนากว่า ๒๐๐ คน โดยมีนายเหนือชาย จิระภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี   

โอกาสนี้ นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า จังหวัดสตูลมีความมุ่งมั่น ที่จะปฎิรูปในทุกภาคส่วน เพื่อหาข้อยุติ และเสริมสร้างความปรองดอง เพื่อประชาชนในจังหวัดได้หัน มาสมานฉันท์ อยู่กันอย่างสงบสุขอีกครั้ง สำหรับข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ที่ได้รับในวันนี้ ทางจังหวัดจะนำไปวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาทั้งหมด และรวบรวมรายงานกระทรวงมหาดไทย และศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป กอ.รมน.ต่อไป


กนกพิชญ์ / ข่าว

จังหวัดสตูลจัดประชุมคณะกรรมการเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดสตูล คาดจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน

ที่ห้องประชุมสำนักงานกองทุนวิจัยเพื่อท้องถิ่น อ.ละงู จ.สตูล นางสาวจรรยารักษ์ สาธิตกิจ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล ร่วมประชุมหารือกับกรรมการเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดสตูล มีการแลกเปลี่ยนแนวคิด ข้อเสนอแนะระหว่างกัน เพื่อเตรียมความพร้อมชุมชนท่องเที่ยวทั้ง ๑๒ ชุมชน ที่ผ่านการคัดเลือกจากทางจังหวัด ได้พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ของสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละชุมชนของตนเอง ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมจังหวัดสตูลในฤดูกาลท่องเที่ยวนี้

ทั้งยังส่งเสริมให้ชุมชนสามารถจัดการท่องเที่ยวได้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และพัฒนาไปสู่การมีมาตรฐานและยกระดับคุณภาพด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดสตูล พร้อมที่จะเข้าสู่อาเซียนในปี ๒๕๕๘ นี้อีกด้วย



กนกพิชญ์ / ข่าว
ส.ปชส.สตูล

พุทธศาสนิกชนในพื้นที่นราธิวาสร่วมหล่อเทียนพรรษา ใช้มิติศาสนาสร้างความปรองดอง

วันนี้ (9 ก.ค.57)  นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานพิธีหล่อเทียนพรรษาและสมโภชเทียนพรรษา ที่บริเวณถนนผดุงอาราม ข้างสวนกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการและพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้กิจกรรมเนื่องในเทศกาลอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา จังหวัดนราธิวาสกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึง 11 กรกฎาคม เพื่อธำรงรักษาและสืบทอดขนบธรรมเนียมอันดีงามของพุทธศาสนิกชน รวมถึงปลุกจิตสำนึกคนในชาติให้ยึดมั่นและเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา รวมถึงร่วมเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม สร้างความปรองดองและสมานฉันท์โดยใช้มิติทางศาสนา

และในวันที่ 11 และ 12 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา จังหวัดนราธิวาสได้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนและพุทธสาสนิกชน ร่วมประดับธงชาติและธงธรรมจักร นุ่งขาวห่มขาว บำเพ็ญธรรม รักษาศีล เจริญจิตภาวนา หรือสอดแทรกหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาตามความเหมาะสมด้วย

อย่างไรก็ตามสำหรับพิธีหล่อเทียนครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาดูแลความปลอดภัยกันอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมในพิธี
@import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

นักศึกษา ม.นรา ปลูกอ้อยขายช่วงเดือนรอมฎอน สร้างรายได้กว่าพันบาทต่อวัน

( 9 ก.ค. 57 )  ในเดือนรอมฎอนเป็นเดือนถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม ซึ่งในห้วงเดือนนี้มีการทำอาหารและขนมมาวางขายในท้องตลาดเพื่อจำหน่ายให้กับผู้ที่ถือศีลอดในพื้นที่  และในเดือนรอมฎอนนี้นักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ได้ร่วมกันปลูกอ้อยพันธ์สิงคโปร์เพื่อจำหน่ายน้ำอ้อยในเดือนรอมฎอน กลุ่มนักศึกษานำความรู้จากภาควิชาเกษตรมาใช้ในการปลูกอ้อย ใส่ปุ๋ย เพื่อให้น้ำอ้อยที่ได้มีรสหวานและอร่อย ซึ่งในห้วงเดือนรอมฎอนนี้นักศึกษาได้นำน้ำอ้อยมาจำหน่ายสร้างรายได้วันละ 1,000 – 3,000 บาท

นายลาเต๊ะ มะ นักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ ม.นราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า การปลูกอ้อยเป็นการนำความรู้ที่ได้จากห้องเรียนมาใช้ในการปลูก ซึ่งนอกจากความรู้ที่ได้จากภาคปฏิบัติแล้วยังมีรายได้เสริมในการนำมาใช้จ่ายในการเรียนอีกด้วย ทำให้ไปต้องไปรบกวนครอบครัว

นายฮูมัยเดน หะยีมูซอ นักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ ม.นราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า ตนเองและเพื่อนๆในคณะรู้สึกภูมิใจมากที่ได้นำความรู้มาปฏิบัติจริง โดยมีคณะอาจารย์ในคณะให้การสนับสนุน ซึ่งเมื่อนักศึกษานำผลผลิตที่ได้จากการปลูกไปขายยิ่งภูมิใจมากขึ้น  อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองอีก

ด้านผู้ช่วยสาสตร์ ทวี บุญภิรมย์ คณะบดี คณะเกษตรศาสตร์ ม.นราธิวาสราชนครินทร์  กล่าวว่า ทางคณะรู้สึกภูมิใจที่นักศึกษามีความคิดรึเริ่มในการหารายได้เสริม โดยนำความรู้ที่ได้จากห้องเรียนมาปรับใช้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเองให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในครั้งนี้ได้ให้นักศึกษาใช้พื้นที่ของคณะกว่า 4 ไร่ในการปลูก และนอกจากปลูกอ้อยแล้วยังมีนักศึกษาอีกหลายกลุ่มที่เลือกจะทดลองประกอบอาชีพอื่นอีก อาทิ เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ซึ่งทุกคนเลือกตามความชอบและความถนัดของตนเอง
@import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

ก.แรงงาน ปลุกคนทำงาน ตั้งวงเสวนา ชี้คนไทยต้องปรับทัศนคติ เน้น ‘สู้งาน เพิ่มภาษา ไอที คิดต่าง มีวินัย’ พร้อมรองรับอาเซียน

กระทรวงแรงงาน ปลุกพลังคนทำงาน เตรียมความพร้อมประชาชนวัยแรงงานและผู้ประกอบการเข้าสู่อาเซียน ดึงภาคเอกชน นักวิชาการ นิสิต ร่วมวงเสวนา ตรวจความพร้อมคนทำงานกับอาเซียน ชี้ คนไทยต้องปรับทัศนคติ เน้น สู้งาน พัฒนาทักษะภาษา ไอที คิดต่าง รักษาระเบียบมีวินัย ปฏิรูประบบการศึกษา พร้อมรองรับประชาคมอาเซียน

นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อเตรียมความพร้อมประชาชนวัยแรงงานและผู้ประกอบการในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ณ ห้องประชุมจอมพล ป.พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า กระทรวงแรงงาน ได้ดำเนินภารกิจสำคัญหลายด้านเพื่อเตรียมความพร้อม คนทำงาน เข้าสู่ความเป็น คนทำงานของอาเซียนที่เพียบพร้อม อาทิ การอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายแรงงาน การพัฒนาระบบรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานรองรับประชาคมอาเซียน การเพิ่มผลิตภาพกำลังแรงงานไทยให้ได้มาตรฐานสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม รวมทั้ง คอมพิวเตอร์ และการบริหารจัดการ การพัฒนาบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน การจัดตั้งศูนย์อบรมเทคโนโลยีชั้นสูง การปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศให้สอดคล้องกับการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมของกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนดูแลในเรื่องความมั่นคงและพัฒนาคุณภาพชีวิต ‘คนทำงาน’ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล อาทิ การเสริมสร้างระบบมาตรฐานแรงงานสู่ประชาคมอาเซียน เร่งรัดการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้างรองรับการเคลื่อนย้ายเสรีอาเซียน รวมทั้งพัฒนาบริการการประกันสังคมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยล่าสุดระหว่างวันที่ 8 - 9 กรกฎาคมนี้ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานได้จัดการประชุมระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งความคุ้มครองทางสังคมแก่ประชาคมอาเซียน

ด้าน นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารกลาง บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ปาฐกถาในหัวข้อ “คนทำงานปรับตัวอย่างไร ในมิติใหม่อาเซียน” กล่าวว่า กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนมีประชากรราว 600 ล้านคน การเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้วเชื่อว่าการเคลื่อนย้ายแรงงานจะเกิดขึ้นใน 7 วิชาชีพ การย้ายฐานการผลิตและการลงทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทันที ดังนั้นคนทำงานจะต้องปรับตัวเรื่องการพัฒนาทักษะทั้งด้านภาษา วัฒนธรรมและปรับเปลี่ยนวิธีคิดที่จะเปิดรับวิธีคิดแบบใหม่ๆ มากขึ้น บางบริบทต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างจริงจัง จริงใจเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ต้องทบทวนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอยู่สม่ำเสมอ เพราะเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแผนฯ ก็ต้องเปลี่ยนด้วย เราจึงต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา บางครั้งโครงสร้างองค์กรที่มีอยู่ไม่ได้รองรับได้ทุกสถานการณ์ ในขณะที่แผนพัฒนากำลังคนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด ทำอย่างไรจึงจะสร้างคนให้มีองค์ความรู้มากขึ้น และท้ายที่สุดเราจะแตกต่างจากประเทศอื่นๆ อย่างไรตรงนี้เป็นความท้าทาย หากพัฒนาและปรับตัวกับสิ่งเหล่านี้เชื่อว่าจะทำให้ขีดความสามารถของคนไทยดีขึ้นเมื่อเปิดประชาคมอาเซียน

สำหรับการเสวนาเรื่อง “คนทำงาน…พร้อมหรือยังกับอาเซียน” โดย นางนพวรรณ จุลกนิษฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทจัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยค่อนข้างตื่นตัวพอสมควรในการหางานทำโดยอาศัยเทคโนโลยีกว่า 50 % อย่างสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต ในการศึกษาข้อมูลเพื่อหางานทำ ส่วนข้อแนะนำถ้าคนไทยอยากไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียน จะต้องเริ่มต้นจากการศึกษาหาข้อมูลว่าแต่ละประเทศมีความต้องการอาชีพใดบ้าง มีคุณสมบัติอย่างไร เพื่อผู้สมัครงานเองจะได้รู้ข้อมูลในการพัฒนาทักษะ ความรู้และประสบการณ์จากการฝึกงาน ขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้ภาษาโดยเฉพาะภาษาที่ 3 ที่นอกเหนือจากภาษาไทยและภาษาอังกฤษแล้ว จะทำให้มีโอกาสได้งานทำมากกว่า ขณะเดียวกันต้องทำความเข้าใจกับตลาดก่อนว่าตลาดงานมีทิศทางไหน เมื่อเราเรียนจบออกมาจึงตรงตามความต้องการของตลาดงาน ส่วนการเตรียมพร้อมเมื่อเปิดอาเซียนนั้น คนไทยต้องปรับตัวการในเรื่องไอที ภาษา การคิดที่แตกต่าง และระเบียบวินัยซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่วิธีการที่สำเร็จได้

ส่วน ดร.โชคชัย สุทธาเวศ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันในรั้วมหาวิทยาลัยนักศึกษายังไม่ตื่นตัวที่จะไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียน ส่วนใหญ่ต้องการศึกษาต่อระดับที่สูงขึ้น ขณะที่ระบบการศึกษาในปัจจุบันค่านิยมของคนไทยเข้าใจว่าการเรียนสูงๆ เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเองในการมีพื้นที่ยืนในสังคม นักศึกษาไปทุ่มเทกับการกวดวิชามากกว่าการตั้งใจเรียนในห้องเรียน และอาจารย์ก็ทุ่มเทกับการทำวิทยฐานะมากกว่าการสอน ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดอ่อน การเรียนในห้องเรียนจึงถูกมองข้ามไป ดังนั้นจำเป็นต้องปฏิรูประบบการศึกษาใหม่ ต้องเพิ่มจำนวนครูให้สามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง สมาคมผู้ปกครองและครูแต่ละโรงเรียนต้องเข้าไปตรวจสอบและประเมินคุณภาพของโรงเรียน ส่วนการเตรียมความพร้อมของคนไทยในการเปิดอาเซียนนั้น คนไทยต้องกล้าแสดงออก กล้าเรียนรู้ เผชิญกับโลกภายนอกมากขึ้น ดังนั้นความพร้อมขึ้นอยู่กับตัวเราเองทุกคนและสภาพแวดล้อมว่าจะส่งเสริมและเอื้ออำนวยระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน

ขณะที่ นายหริพันธ์ วงษ์สุวรรณ นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โดยส่วนตัวสำเร็จการศึกษาแล้วมีความคิดอยากไปทำงานต่างประเทศ แต่ยังขาดแรงจูงใจ เพราะในสายงานวิศวะต้องมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนอย่างน้อย 7 ปี จึงจะสามารถเข้าไปทำงานในอาเซียนได้ ดังนั้นมองว่าการหางานทำในประเทศไทยสบายใจกว่ากัน ส่วนสาเหตุที่คนไทยมีอัตราการจ้างงานสูง เนื่องจากนิสัยคนไทยไม่ขยันทำงาน มีการเปลี่ยนงานทำค่อนข้างบ่อย เพราะเลือกงานที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายและรายได้สูง ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้วเราจำเป็นต้องขยับตัวเองให้สูงขึ้นกว่าเดิมหรือระดับที่เท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ นอกจากนี้การปรับทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้วิธีคิดใหม่ว่าการไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียนไม่ได้เป็นสถานที่ที่น่าลำบาก เช่นเดียวกันการประชาสัมพันธ์เรื่องอาเซียนเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย หรือการเตรียมตัวอย่างไรเพื่อไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียน สิ่งเหล่านี้ยังไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร
----------------------------------------------------
ชนินทร เพ็ชรทับ ข่าว/
สมภพ ศีลบุตร – ภาพ/

ปภ.นครศรีธรรมราช สรุปบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากวาตภัย 1,200 หลังในพื้นที่ 6 อำเภอ 16 ตำบล

วันนี้(9 ก.ค.57) นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดเหตุลมกระโชกแรงและลมหมุนรุนแรง หรือ วาตภัย เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 04.00-12.00 น. นั้น ปรากฎว่า ส่งผลให้ทรัพย์สินประชาชนได้รับความเสียหายและเกิดความเดือดร้อน จำนวน 6 อำเภอ ประกอบด้วย ท่าศาลา ลานสกา พรหมคีรี สิชล ร่อนพิบูลย์ ขนอม รวม 16 ตำบล 66 หมู่บ้าน 1,297 ครัวเรือน 4,004 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 1,200 หลัง มีผู้บาดเจ็บ 2 คน โรงเรียนเสียหาย 1 แห่ง สำนักสงฆ์ 1 แห่ง ต้นยางพาราล้มหัก จำนวน 60 ไร่ ส่วนมูลค่าความเสียหายยังอยู่ระหว่างสำรวจ

หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในส่วนของความช่วยเหลือนั้นทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอำเภอ ปภ.จังหวัด ปภ.สาขา กำลังทหาร อาสาสมัคร อาสากู้ภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมกำลัง เข้าซ่อมแซม รื้อถอนทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย และ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเบื้องต้นแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการหึความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองทางราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 และหลักเกณฑ์การจ่ายเงินทดรองราชการฯ

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดพิธีหล่อเทียนหลอมใจ เนื่องใจเทศกาลวันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา ประจำปี 2557

เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (9 ก.ค. 2557) ที่บริเวณลานโพธิ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร หน้าองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ได้มีการประกอบพิธีหล่อเทียนหลอมใจชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำปี 2557 เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จัดขึ้น เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และสืบทอดประเพณีอันดีงามของจังหวัด โดยมีนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธี มีพระเทพวินยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร/รองเจ้าคณะภาค 16-17-18 ธรรมยุติ เป็นประธานสงฆ์ โดยจัดให้มีพิธีทางศาสนาพราหมณ์ เพื่อบูชาองค์พระบรมธาตุเจดีย์ พิธีทางพุทธศาสนาพระสงฆ์ 9 รูปเจริญพระพุทธมนต์ ประกอบพิธีหล่อเทียนพรรษา โดยมีนายมาโนช เสนพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ผศ.เชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช หัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน นักเรียนนักศึกษา เข้าร่วมพิธี

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การจัดพิธีหล่อเทียนหลอมใจในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 10 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น นับเป็นโอกาสอันดีที่พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันทำบุญ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา รักษาศิลปะ จารีตประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดให้คงอยู่สืบไป

นายมาโนช เสนพงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดกิจกรรมต่อเนื่องปีนี้เป็นครั้งที่ 10 โดยมีการมอบเทียนพรรษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา เพื่อนำไปถวายวัดทั่วทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 730 วัด เพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัย ถวายเป็นพุทธบูชาตลอดเทศกาลเข้าพรรษา

พระเทพวินยาภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 16-17-18 กล่าวว่า การจัดพิธีหล่อเทียนหลอมใจ นอกจากเป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามแล้ว เป็นการรวมใจทำบุญร่วมกันของพุทธศาสนิกชน ซึ่งจะสร้างความสุขกายสบายใจแก่ผู้เข้าร่วมพิธี นอกจากนี้เป็นการรวมพลังความสามัคคี สร้างความปรองดองของคนในชาติอีกทางหนึ่งด้วย

พัฒนาชุมชนตรัง เชื่อ สินค้าโอทอป จะเป็นของขวัญ ของฝาก ที่จะมีการสอดแทรกและสื่อถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้นักท่องเที่ยวประเทศสมาชิกอาเซียนได้รับรู้หลังเปิดอาเซียน ปี 2558

เนื่องในปี 2558 ที่ประเทศไทยและอีก 9 ประเทศสมาชิกอาเซียน จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ก็เป็นอีกหน่วยงานสำคัญที่ได้มีการเตรียมความพร้อม

นายไพบูลย์   บูรณสันติ  พัฒนาการจังหวัดตรัง    กล่าวว่า เพื่อให้การผลิตภัณฑ์สินค้า โอทอป ที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน สามารถผลิตสินค้าออกมาตรงกับความต้องการของผู้บริโภค จึงได้มีการจัดให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้เกี่ยวกับรสนิยมของผู้บริโภค และผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศอาเซียน นอกจากนี้ ประเทศอื่น ๆ ทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย รวมถึงประเทศข้างเคียง ต่างก็ให้ความสนใจในสินค้าโอทอปของไทยอย่างมาก พร้อมคาดหวังว่า ในอนาคต จะมีอัตราการขยายตัว ร้อยละ 20ตลอดปี

พัฒนาการจังหวัดตรัง   ยังกล่าวอีกด้วยว่า เมื่อมีการเปิดประชาคมอาเซียนแล้ว ก็จะมีชาวต่างชาติเดินทางมาในประเทศมากขึ้น ดังนั้น จึงจะใช้โอกาสอันดีนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงภูมิปัญญาของความเป็นไทยจากสินค้าประเภทต่าง ๆ ทั้งของขวัญ ของฝาก ที่จะมีการสอดแทรกและสื่อถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้ได้รับรู้ด้วย

ขอเชิญร่วมกิจกรรมทางธรรมเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ประจำปี 2557

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชุมพรขอเชิญร่วมกิจกรรมทางธรรมเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ประจำปี 2557 ในวันที่ 11-12 ก.ค. 2557 โดยมีกิจกรรม ดังนี้

1. วัดชุมพรรังสรรค์ (พระอารามหลวง) อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ในวันที่ 11 ก.ค. 2557 ภาคเช้า ระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. และภาคค่ำ ระหว่างเวลา 19.00-21.00 น.

   - กิจกรรมแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

   - สวดมนต์ทำนองสรภัญญะ

   - ฟังธรรมเทศนา

   - พิธีเวียนเทียน

2. วัดพรุใหญ่ หมู่ที่ 6 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร วันที่ 11 ก.ค. 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป

   - กิจกรรมทำบุญตักบาตร (อาหารแห้ง และอาหารสด)

   - กิจกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้มิติทางศาสนา

   - ฟังพระธรรมเทศนา

   - สมโภชเทียนพรรษา

   - ถวายเทียนพรรษา