วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รองผู้ว่านครฯ แนะให้นำหลักศาสนาใช้ในการแก้ปัญหาสู่ทางออกของประเทศ

จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดอบรมวิทยากรเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ของคนในสังคม ขณะที่ นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช แนะให้ทุกฝ่ายนำหลักคำสอนของศาสนาที่ตนเองนับถือ ไปใช้ในการแก้ปัญหา เชื่อว่า จะนำไปสู่ทางออกของประเทศได้

เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน , ผู้นำชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลละ 3 คน รวม 489 คน เข้ารับการอบรม ซึ่งหลังจากการฝึกอบรมวันนี้ วิทยากรระดับตำบล จะกลับไปจัดเวทีเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกในระดับหมู่บ้าน / ชุมชน ทั่วทั้งจังหวัด เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ของคนในสังคม

จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน 154 พื้นที่ สนับสนุนงบประมาณกว่า 57 ล้าน 4 แสนบาท

 พัฒนาศักยภาพคณะกรรมการฯ ขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช
                       
ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติงานสนับสนุนในพื้นที่ และการพัฒนาศักยภาพเพื่อขับเคลื่อนกองทุน วันที่ (25 ก.พ. 57) ที่ ศูนย์วิทยพัฒน์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีคณะกรรมการและอนุกรรมการ จำนวน 3 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช คณะอนุกรรมการประเมินผลและกลั่นกรองกองทุนสวัสดิการชุมชน และคณะอนุกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรสวัสดิการชุมชน ตลอดจนภาคีหน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่และคณะกรรมการระดับชาติ เข้าร่วมกว่า 60 คน

ทั้งนี้การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสร้างความเข้าใจในทิศทาง/แนวทางการสนับสนุนพื้นที่ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งเพื่อสร้างแรงจูงใจในการขับเคลื่อนให้เกิดกองทุนสวัสดิการชุมชน ให้ครอบคลุมทั้ง 184 พื้นที่ ทั้งนี้จากสรุปผลการดำเนินงาน คณะกรรมการและอนุกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนไปแล้วทั้งสิ้น 154 พื้นที่ และยังอยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 30 พื้นที่ จากจำนวนพื้นที่ดำเนินการทั้งหมด 184 พื้นที่ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากนโยบาย 1 : 1 : 1 ไปแล้ว จำนวน 142 พื้นที่ เป็นเงินกว่า 57 ล้าน 4 แสนบาท ยอดสมาชิกกองทุน จำนวน 116,600 คน

พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ ถูกนายทุนบุกรุกทำลาย

ชาวบ้านแจ้ง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ ถูกนายทุนบุกรุกทำลายป่า

ชาวบ้านแจ้งอำเภอ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ ถูกนายทุนบุกรุกทำลายป่าและนำไม้ไปขาย ซึ่งเป็นป่าที่ชาวบ้านชวยกันปลูกทดแทน เพื่อฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ โดยมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

นายคฑาวุธ พิมพ์ศักดิ์ ปลัดอำเภอปะทิว พร้อมกำลัง อส.กว่า 20 นาย เดินทางเข้าตรวจผืนป่าต้นน้ำ ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ เขต ม.6 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังจากได้รับได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านว่าผืนป่าดังกล่าวได้มีนายทุน ได้บุกรุกแผ้วถางป่า

โดยพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่บนภูเขา เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าฝ่าสวนยางพาราของชาวบ้าน ลึกเข้าไปประมาณ กว่า 1 กิโลเมตร พบว่าต้นไม้จำนวนมาก ซึ่งเป็นต้นกระถินเทพา และกระถินณรงค์ ขนาดต้นไม่ต่ำกว่า 1 คนโอบ จำนวนไม่ต่ำกว่า 3,000 ต้น ถูกตัดโค่นล้มระเนระนาด จนไม่เหลือสภาพความเป็นป่าธรรมชาติให้ลงเหลืออยู่อีกเลย โดยต้นไม้บางต้น ใบไม้ยังเขียวบ่งบอกเพิ่งถูกโค่นไปได้ไม่นาน และบางส่วนถูกตัดขนาดความยาวประมาณ 4 เมตร นำมาเรียงกองเพื่อเตรียมขนย้ายออกจากพื้นที่ไป จึงทำการยึดไว้เป็นของกลางเพื่อเป็นหลักฐานในการสืบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับผืนป่าแห่งนี้ ได้รับบรรจุเข้าเป็นป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะเมื่อ ปี พ.ศ.2516 เนื่องจากพบว่า เป็นป่าที่มีไม้หลากหลายชนิดอุดมสมบูรณ์อีกผืนหนึ่งของจังหวัดชุมพร ประกอบกับผืนป่าแห่งนี้เป็นป่าต้นน้ำ ที่หล่อเลี้ยงชุมชนใน อ.ท่าแซะ และอ.ปะทิว จ.ชุมพร ทำให้ชาวบ้านได้เกิดความหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก

เทศบาลนครเกาะสมุยได้จัดตั้งศูนย์บริการสาธารณสุข ( บางรักษ์ ) ดูแลส่งเสริมสุขภาพประชาชน

เทศบาลนครเกาะสมุยให้บริการศูนย์บริการสาธารณสุข เพื่อให้บริการประชาชนในการตรวจรักษาพยาบาลเบื้องต้น และดูแลส่งเสริมสุขภาพของประชาชน

นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเกาะสมุยกล่าวที่เทศบาลนครเกาะสมุยได้จัดตั้งศูนย์บริการสาธารณสุข ( บางรักษ์ ) ณ อาคารศูนย์บริการสาธารณสุข เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา หมู่ที่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสวมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้น เพื่อให้บริการประชาชนในการตรวจรักษาพยาบาลเบื้องต้น ดูแลส่งเสริมสุขภาพประชาชน ดูแล ควบคุม และฟื้นฟูโรค โดยทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้บริการตรวจรักษาโรค ตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ และมีพยาบาลให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทุกวันในเวลาราชการ ทันตกรรมเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น – 15.00 น.

ส่วนในวันเสาร์ – อาทิตย์ มีการออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยของโรงพยาบาลหมื่นเตียง สำหรับกำหนดการของการให้บริการแต่ละวันมีดังต่อไปนี้

วันจันทร์ –ตรวจโรคทั่วไป โดยพยาบาลเวชปฏิบัติ ,
วันอังคาร-รับฝากครรภ์ และตรวจโรคทั่วไป โดยพยาบาลเวชปฏิบัติ,ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก,
วันพุธ – ฉีดวัคซีนเด็กทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน,
วันพฤหัสบดี – คัดกรองโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิต โดยแพทย์จากโรงพยาบาลเกาะสมุย
วันศุกร์ – ตรวจโรคทั่วไป โดยพยาบาลเวชปฏิบัติ

จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี 2557

จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี 2557

นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยตามที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 65 จังหวัด เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ตามยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี 2557 ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในช่วงฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2557 รวมทั้งการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัย เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จังหวัดฯจึงได้จัดตั้ง ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2557 ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจังหวัดได้จัดทำ แผนเฉพาะกิจ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังกล่าวที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย และมีแนวโน้ม จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้งของทุกปี โดยเฉพาะไฟป่าในพื้นที่ป่าไม้เขตป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าพรุ ซึ่งการเกิดไฟป่าดังกล่าวมีสาเหตุมาจากธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์ ที่ได้ส่งผลความเสียหายต่อสภาพแวดล้อม ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และภาครัฐ

ดังนั้นหากประชาชนพบเห็นการเกิดอัคคีภัย หรือไฟป่า สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร. 075 – 358 440 หรือ หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกิดเหตุ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่า

โครงการขยายจุดบริการเพื่อรับคำร้องและดำเนินการเบื้องต้น ณ สถานีตำรวจภูธรจังหวัด

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการประชาชน ตามโครงการขยายจุดบริการเพื่อรับคำร้องและดำเนินการเบื้องต้น ณ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่

วันที่ (25 ก.พ.2557) ว่าที่ร้อยตรี ธนกร สถานานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองพยานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการประชาชน ณ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ตามโครงการจัดตั้งการขยายจุดบริการในการรับคำขอค่าตอบแทนผู้เสียหาย ในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลย ในคดีอาญา พ.ศ.๒๕๔๔ นำร่อง ณ สถานีตำรวจภูธร ๔๕ แห่งทั่วประเทศ โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่จำนวน 1 คน ไปปฎิบัติงาน ณ สถานีตำรวจภูธร ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงจุดบริการรับคำร้อง การขอรับเงินกรณีตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา การแจ้งความและยื่นขอใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.๒๕๔๔ ได้อย่างทันท่วงทีและเป็นไปอย่างยุติธรรม

ผอ.ภูเก็ตระบุ กกต.กลางไม่ได้สั่งการใดๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งทดแทน

ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ตระบุว่า กกต.กลางไม่ได้สั่งการใดๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งทดแทน

นายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดภูเก็ตกล่าว  ด้วยจังหวัดภูเก็ต เป็น 1 ใน 8 หรือ ใน 28 เขตเลือกตั้ง ที่ประสบปัญหาการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.ล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือ กปปส.ภูเก็ต ปิดล้อมสถานที่เลือกตั้งรวมทั้งไม่สามารถจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ได้เหมือนกัน เพราะ กปปส.ภูเก็ต ปิดล้อม สถานีตำรวจภูธรถลางไม่ให้เอาบัตรเลือกตั้ง ส.ส.ไปส่งหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่2และกปปส.ชุมพร ปิดกั้น ที่ทำการไปรษณีย์ชุมพรจนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำเอาบัตรเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ออกมาได้เช่นเดียวกัน และจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีกำหนดการอะไรทั้งสิ้น หรือทาง กกต.กลาง ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวสั่งการใดๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทดแทน ทั้งวันที่ 26 มกราคมและวันที่ 2 กุมภาพันธ์

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ กกต.ภูเก็ตรวมทั้ง ผู้ที่ต้องการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 แจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เพราะกลุ่มผู้ที่ปิดกั้นศาลาประชาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จนไม่สามารถรับสมัครได้ มีเพียงนายจิรายุส ทรงยศ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 ที่สามารถสมัครได้เท่านั้น เรื่องนี้ ไม่มีความคืบหน้าเช่นเดียวกัน รวมทั้ง การปิดกั้นไม่ให้ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตและประชาชนต่างจังหวัด ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า วันที่ 26 มกราคม ในชั้นพนักงานสอบสวนไม่มีความที่ดำเนินการคืบหน้าด้วย ตลอดจนนายทรงศิริ ไกรเลิศ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ หมายเลข 40 ของพรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต ชาวจังหวัดภูเก็ต รวมทั้ง ตัวแทนพรรคเพื่อไทยและประชาชน ที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีบุคคล ที่เป็นแกนนำ ปิดกั้นที่สถานีตำรวจภูธรถลาง แล้ว ประมาณ 5-6 คน ปัจจุบันพนักงานสอบสวน กำลังสืบสวน สอบสวน และเรียกตัวบุคคลที่เข้าไปพัวพันในเหตุการณ์ ปิดกั้น มาให้ปากคำแล้ว

ชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว ยื่นเรื่องขอเทศบาลนครภูเก็ตชะลอการรื้อถอนอาคารแบดมินตัน

ชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว เข้ายื่นหนังสือขอให้ทางผู้บริหารเทศบาลนครภูเก็ตชะลอการรื้อถอนอาคารแบดมินตัน

เมื่อเวลา 10.00 น วันที่ (25 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมอาคารพัสดุเทศบาลนครภูเก็ต พ.ต.อ.วีรวัฒน์ จันทร์วิจิต ที่ปรึกษาชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว เข้ายื่นหนังสื่อขอให้ทบทวนและชะลอการรื้ออาคารชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียวนครภูเก็ต ต่อนายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต โดยมีสมาชิกชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียวเข้าร่วมกว่า 100 คน

ตามประกาศเทศบาลนครภูเก็ต มีความประสงค์จะขายทอดตลาดเศษวัสดุ ไม้ สังกะสี และอื่น ๆ ที่จะได้จากการรื้ออาคารโรงเรียน โดยกำหนดให้ผู้ประสงค์จะเข้าทอดตลาด ลงทะเบียนในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ระหว่างเวลา 09.00 น. – 10.30 น. และประมูลขายทอดตลาดในวันเดียวกัน ทางชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว พร้อมกับสมาชิกชมรม ฯ ทุกคน ได้ประชุมและมีมติร่วมกันว่า ขอให้ทางเทศบาลนครภูเก็ตได้ทบทวนและชะลอการรื้อถอนอาคารโรงเรียนเนื่องจากทางเทศบาลยังไม่มีการจัดสถานที่ออกกำลังกายให้กับสมาชิกและพร้อมทั้งยังไม่มีการแจ้งให้ทราบว่าจะมีการรื้อถอนอาคารเพื่อขายทอดตลาด

ทางชมรมแบดมินตันย้ายออกจากอาคารดังกล่าวเมือทางเทศบาลนครภูเก็ตได้จัดเตรียมโครงการสร้างอาคารเรียนใหม่เสร็จเรียบร้อย มีแบบแปลนก่อสร้างที่ชัดเจน มีงบประมาณในการก่อสร้างพร้อมและได้รับการอนุมัติโครงการให้ก่อสร้างจากสภาเทศบาลนครภูเก็ต รวมทั้งมีการประกาศเปิดขายซองประมูลการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่โดยทางชมรมจะรื้อถอนทรัพย์สินให้เสร็จภายใน 15 วัน นับแต่ทางเทศบาลมีการเปิดขายซองประมูลอาคารเรียนใหม่ที่สร้างทดแทน ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้นำไปหารือกับนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้มีการชะลอการรื้อถอนอาคารดังกล่าวแล้ว

เทศบาลตำบลกะรน เร่งปัญหาน้ำเน่าเสียบริเวณคลองหนองหาน

ผู้ว่าภูเก็ตสั่งเทศบาลกะรนเร่งแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียจากคลองหนองหานที่ไหลลงสู่ทะเลอย่างเร่งด่วนพร้อมให้ทุกฝ่ายเตรียมบูรณาการแก้ปัญหาระยะยาว.

นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตัวแทนจากเทศบาลตำบลกะรน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต กำนันตำบลกะรน ฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาน้ำเน่าเสียบริเวณคลองหนองหาน ม.1 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยน้ำบริเวณดังกล่าวได้ไหลลงสู่ทะเลซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีน้ำเน่าไหลลงทะเลที่บริเวณปากอ่าวคลองหนองหานจริงแต่น้ำเสียที่ไหลลงทะเลเริ่มเจือจางลงแต่ก็ยังมีน้ำเสียไหลลงทะเลอยู่โดยสาเหตุที่ทำให้น้ำในลำคลองดังกล่าวเน่าเสียน่าจะเกิดจากการปล่อยน้ำเสียการทิ้งขยะทั้งจากสถานประกอบการและจากครัวเรือนลงคลองทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียดังกล่าว

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมภาค15ภูเก็ตได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำในคลองดังกล่าวไปตรวจสอบ อย่างไรก็ตามพบว่านักท่องเที่ยวยังคงลงเล่นน้ำและนอนอาบแดดบริเวณชายหาดจำนวนมาก แต่เพื่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเทศบาลตำบลกะรน ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เข้าไปแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน โดยการจัดเก็บขยะที่อยู่ในลำคลองรวมทั้งเอาน้ำที่เน่าเสียออกมา และขุดลอกคลองให้มีความลึกขึ้นจากนั้นจะใช้อีเอ็มบอลโยนลงไปเพื่อปรับสภาพน้ำและให้ตรวจสอบว่ามีสถานประกอบการ หรือครัวเรือนใดที่ปล่อยน้ำเสียลงไปก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งหลังจากนี้จะได้มีการของบประมาณในการเพิ่มความสามารถของระบบบำบัดน้ำเสียของทางเทศบาลตำบลกะรนและให้สถานประกอบการทุกแห่งที่มีน้ำเสียให้นำน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลก่อนจากนั้นจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันบูรณาการดูแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป

จังหวัดสุราษฎร์ธานี ฝนทิ้งช่วงนานและเริ่มประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว

จังหวัดสุราษฎร์ธานีฝนทิ้งช่วงนานและเริ่มประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอให้ประชาชนจัดหาภาชนะเก็บกักน้ำและใช้น้ำอย่างประหยัด

นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยที่สภาพอากาศปัจจุบันอุณหภูมิในช่วงฤดูร้อนมีแนวโน้มสูงขึ้น และปริมาณฝนโดยเฉลี่ยต่ำลง ทำให้สถานการณ์ภัยแล้งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน ที่ยังมีระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำยังไม่ได้เท่าที่ควร ทำให้ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร สร้างความเดือดร้อนต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมากนั้น ซึ่งคาดว่าปีนี้จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะมีพื้นที่ประสบภัยแล้งทั่วทั้งจังหวัด โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งด้านกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ รถบรรทุกน้ำให้พร้อมใช้งานและพอเพียง พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนจัดหาภาชนะเก็บกักน้ำ และใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้

มาตรการป้องกันปัญหาไฟป่า และอัคคีภัยที่เกิดจากการเผาหญ้า

นอกจากกรณีสภาวะภัยแล้งขอให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้ระมัดระวังในเรื่องของการเกิดอัคคีภัยในระยะนี้ด้วย โดยเฉพาะการป้องกันปัญหาไฟป่า และอัคคีภัยที่เกิดจากการเผาหญ้าในพื้นที่เรือกสวนไร่นาของเกษตรกร ที่อาจจะลุกลามก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างได้

นางเพ็ญศรี รัชชะ อายุ 64 ปี เกษตรกรชาวสวนผลไม้และสวนยางพารา ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงสภาพอากาศในระยะนี้ร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรเริ่มแห้งเฉาโดยเฉพาะผลไม้ ที่ใบร่วงโรยเนื่องจากขาดแคลนน้ำ แม้จะมีระบบประปาหมู่บ้านช่วยบรรเทาก็ตาม แต่หากมีการใช้น้ำพร้อมกันหลายๆ หลายครัวเรือน ก็จะทำให้ปริมาณน้ำลดน้อยลงและไหลเบา ทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งหากภาวะฝนทิ้งช่วงเกิดขึ้นเป็นเวลานานและอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในวงกว้างอย่างแน่นอน

เทศบาลตำบลรัษฎา อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม รวม 3 โครงการในการเปิดประชุมสมัยสามัญ สมัยแรก ประจำปีนี้

 เทศบาลตำบลรัษฎาเปิดประชุมสมัยสามัญ สมัยแรก ประจำปี 2557 ที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม รวม 3 โครงการในการเปิดประชุมสมัยสามัญ สมัยแรก ประจำปี 2557

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 57 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา มีการเปิดประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา สมัยสามัญ สมัยแรก ประจำปี 2557 โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ ประกอบด้วย การเสนอญัตติ เรื่อง ขออนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม 3 ญัตติ คือ 1. โครงการก่อสร้างถนนแอสฟัลต์ติกคอนกรีต พร้อมวางท่อระบายน้ำ ถนนตรัง หมู่ที่ 3 งบประมาณ 14 ล้าน 6 แสน 1 หมื่น 3 พัน บาท / 2. โครงการวางท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. พร้อมบ่อพักและแก้ไขฝาตะแกรงเหล็ก ถนนประชาสามัคคี หมู่ที่ 6 งบประมาณ 6 ล้าน 6 หมื่นบาท / 3. คืนเงินค่าปรับผิดสัญญา โครงการวางท่อระบายน้ำพร้อมบ่อพัก และถนน ค.ส.ล. พื้นที่นาหลวง หมู่ที่ 3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ให้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สมพงษ์วัฒนา เป็นเงิน 3 แสน 2 หมื่น 9 พัน 400 บาท ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และอนุมัติดำเนินการตามญัตติดังกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอความเห็นชอบรับโอนไฟฟ้าสาธารณะ หมู่บ้านฮิลล์วิวบายพาส (หมู่บ้านร็อคการ์เด้นเฟส 4) หมู่ที่ 5 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ให้มาอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลรัษฎา โดยเจ้าของโครงการหมู่บ้านฮิลล์วิวบายพาส มีหนังสือแจ้งมายังเทศบาลว่าเนื่องจากมีผู้อาศัยจำนวนมากและส่วนใหญ่มีรายได้น้อย

ทั้งนี้ เจ้าของโครงการ ฯ ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ ดังนั้น ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย จึงได้แจ้งทางเทศบาลตำบลรัษฎาเพื่อรับโอนไฟฟ้าสาธารณะให้อยู่ในความดูแลของทางเทศบาล ฯ ซึ่งที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา มีมติอนุมัติในญัตตินี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน

สภ.เมืองภูเก็ต สุ่มตรวจปัสสาวะคิวรถแท็กซี่ ลดความเสี่ยงในการใช้บริการ สร้าง คิวรถสีขาว

สภ.เมืองภูเก็ต สุ่มตรวจปัสสาวะคิวรถแท็กซี่ ลดความเสี่ยงในการใช้บริการ สร้าง คิวรถสีขาว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ (25 ก.พ. 57)  ที่บริเวณวงเวียนหอนาฬิกาจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย ร.ต.ต. ภูวนาถ หวันหยี รอง สว. จร. สภ.เมืองภูเก็ต นำกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะพนักงานขับรถเเท็กซี่ของวินหน้าโรงแรมเมโทรโพล โดยมีนายพิษณุ สุศิริ ที่ปรึกษาคิวเท็กซี่หน้าโรงแรมเมโทรโพล และพนักงานขับรถให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ร.ต.ต. ภูวนาถ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการนี้เพื่อสร้างความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในการมาใช้บริการ ในทุกๆ เดือน จะมีการสุ่มตรวจในพื้นที่ทั่วจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากทราบมาว่าเเท็กซี่บางคนแอบใช้สารเสพติดส่งผลที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้โดยสารขณะมาใช้บริการได้ นอกจากสารเสพติดแล้วทางตำตรวจยังควบคุมไปถึงการก่ออาชญากรรมทั่วไป มีการตรวจค้นรถว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายหรือไม่ ที่ผ่านมายังไม่มีผู้กระทำความผิด  เป็นการดีที่ทางตำรวจได้ออกมาตรการนี้มา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการรวมไปถึงนักท่องเที่ยวว่ามีความปลอดภัย ซึ่งสำหรับคิวนี้เรียกได้ว่าเป็นคิวต้นแบบ "เเท็กซี่สีขาว” ทางสมาชิกได้ประชุมกันในส่วนของการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวอยู่เสมอ

ทั้งนี้ได้ ทำบัตรประจำตัวผู้ขับ เสื้อยูนิฟอร์ม ให้ดูมีระเบียบโดยในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอร์ ตรวจปัสสาวะเพื่อหารสารเสพติด อย่างไรก็ตามทางคิวเองก็มีมาตรการในการดูแลควบคุมสมาชิกอยู่แล้วนอกจากนี้ยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นการช่วยงานของทางภาครัฐอีกทางหนึ่ง และขอให้สมาชิกเพื่อนแท็กซี่ทุกท่านช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยว ใช้ราคาตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ ไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อให้จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

มอ.ภูเก็ต จับมือ ไมโครซอฟท์ ติวเข้ม เยาวชนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รองรับการเข้าสู่ AEC

มอ.ภูเก็ต จับมือ ไมโครซอฟท์ ติวเข้ม เยาวชนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รองรับการเข้าสู่ AEC

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ (25 ก.พ.57)  ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิด นิทรรศการ โครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีขยายขีดความสามารถของเยาวชน (THE YES) โดยมี นายเดซาเร็ค เทโซ ผู้แทนจากบริษัทMicrosoft นายศรีศักดิ์ ไทยอารี ผู้อำนวยการสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน นายวิโรจน์ ภู่ต้อง ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนภูเก็ต คณะครู บุคลากร และนักเรียนนักศึกษาเข้าร่วม

ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ได้ร่วมกับ บริษัทMicrosoft สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน (สอ.ดย.) จัดโครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีขยายขีดความสามารถของเยาวชน (THE YES) เพื่อต้องการให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับMicrosoft ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดอบรมเกี่ยวกับเทคนิคแล้วิธีการใช้ไปแล้ว วันนี้จึงเป็นการติดตามพัฒนาการของเด็กและเยาวชนว่าสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปใช้ประโยชน์ได้จริงหรือไม่ จากการสังเกตเด็กๆสามารถพัฒนาองค์ความรู้ได้เป็นอย่างดี สามารถออกแบบและทำงานผ่านMicrosoft ได้ ในวันนี้มีนักเรียนให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวน 6 โรงเรียนในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตและ 1 โรงเรียนมาจากจังหวัดพังงา

อย่างไรก็ตามในการจัดโครงการครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมให้เด็กและเยาวชนมีความสามารถด้านเทคโนโลยี ก่อนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน  ทาง Microsoft พร้อมมอบโอกาสให้โอการกับเด็กเยาวชนไทยในการสร้างแรงบันดาลใจของการใช้พัฒนานาทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเด็ก ๆ เหล่านี้จะเป็นพลังให้แก่สังคมไทยในอนาคตที่จะขับเคลื่อนให้ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็กให้มีความพร้อมทั้ง การมีใจที่เป็นระบบทางการคิดในแบบสร้างสรรค์

มวลชน กปปส.สุราษฎร์ธานี พบข้าราชการ 10 คนเข้าไปทำงานที่สำนักงานสรรพากร แต่ก็ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น

วันที่ (๒๕ ก.พ.)  มวลชน กปปส.สุราษฎร์ธานี ได้ตรวจสอบที่สำนักงานสรรพากร ภายในศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งพบว่มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คนเข้าไปทำงานโดยขอให้เจ้าหน้าที่หยุดการทำงานทั้งหมด และพยายามจะล็อคประตูสำนักงานสรรพากร แต่ก็ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น

ส่วนเมื่อวานนี้เวลา 18.00 น. มวลชนจำนวนหนึ่ง ในนามกลุ่มเกษตรกรเรียกร้องขอที่ดินทำกินในพื้นที่ราชพัสดุ สวมใส่เสื้อผ้าสีขาวเดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณศาลหลักเมืองจังหวัด สุราษฎร์ธานี โดยอ้างว่ามาขอพรและร่วมจุดเทียนเพื่อขอความสงบสุข พร้อมสนุนให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินหน้าสานงานต่อในการจัดสรรแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้พวกเขา ซึ่งล้วนเป็นเกษตรกรผู้ยากจน และอ้างว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือคนเสื้อแดงแต่อย่างใด และในโอกาสเดียวกัน มวลชนในนามกลุ่ม กปปส.สุราษฎร์ธานี จำนวนหนึ่ง ก็ได้นำรถปราศรัยติดเครื่องขยายเสียงเดินทางไปยังบริเวณศาลหลักเมืองเช่น กัน เพื่อแสดงพลังขับไล่รัฐบาลและร่วมสวดมนต์อิติปิโส โดยรวมตัวกันอยู่บริเวณรอบนอก ไม่ได้เข้าไปในศาลหลักเมืองซึ่งมีมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังประกอบกิจกรรมอยู่

แต่อย่างใรก็ตามนับเป็นการเผชิญหน้ากันห่างๆ โดยมีรั้วของศาลหลักเมืองกั้นกลาง และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งเฝ้ารักษาความสงบ ก่อนผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายสลายตัวในเวลาต่อมา ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น

ผู้ว่าภูเก็ตสั่งเทศบาลกะรนเร่งแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียจากคลองหนองหานที่ไหลลงสู่ทะเลอย่างเร่งด่วนพร้อมให้ทุกฝ่ายเตรียมบูรณาการแก้ปัญหาระยะยาว

นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตัวแทนจากเทศบาลตำบลกะรน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต กำนันตำบลกะรน ฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาน้ำเน่าเสียบริเวณคลองหนองหาน ม.1 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยน้ำบริเวณดังกล่าวได้ไหลลงสู่ทะเลซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีน้ำเน่าไหลลงทะเลที่บริเวณปากอ่าวคลองหนองหานจริงแต่น้ำเสียที่ไหลลงทะเลเริ่มเจือจางลงแต่ก็ยังมีน้ำเสียไหลลงทะเลอยู่โดยสาเหตุที่ทำให้น้ำในลำคลองดังกล่าวเน่าเสียน่าจะเกิดจากการปล่อยน้ำเสียการทิ้งขยะทั้งจากสถานประกอบการและจากครัวเรือนลงคลองทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียดังกล่าว  นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมภาค15ภูเก็ตได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำในคลองดังกล่าวไปตรวจสอบ

อย่างไรก็ตามพบว่านักท่องเที่ยวยังคงลงเล่นน้ำและนอนอาบแดดบริเวณชายหาดจำนวนมาก แต่เพื่อความมั่นใจของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเทศบาลตำบลกะรน ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เข้าไปแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน โดยการจัดเก็บขยะที่อยู่ในลำคลองรวมทั้งเอาน้ำที่เน่าเสียออกมา และขุดลอกคลองให้มีความลึกขึ้นจากนั้นจะใช้อีเอ็มบอลโยนลงไปเพื่อปรับสภาพน้ำและให้ตรวจสอบว่ามีสถานประกอบการ หรือครัวเรือนใดที่ปล่อยน้ำเสียลงไปก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน      ซึ่งหลังจากนี้จะได้มีการของบประมาณในการเพิ่มความสามารถของระบบบำบัดน้ำเสียของทางเทศบาลตำบลกะรนและให้สถานประกอบการทุกแห่งที่มีน้ำเสียให้นำน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลก่อนจากนั้นจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันบูรณาการดูแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป

ชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว เข้ายื่นหนังสือขอให้ทางผู้บริหารเทศบาลนครภูเก็ตชะลอการรื้อถอนอาคารแบดมินตัน

เมื่อเวลา 10.00 น วันที่ 25 ก.พ.57 ที่ห้องประชุมอาคารพัสดุเทศบาลนครภูเก็ต  พ.ต.อ.วีรวัฒน์  จันทร์วิจิต ที่ปรึกษาชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว เข้ายื่นหนังสื่อขอให้ทบทวนและชะลอการรื้ออาคารชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียวนครภูเก็ต ต่อนายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต โดยมีสมาชิกชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียวเข้าร่วมกว่า 100 คน

พ.ต.อ.วีรวัฒน์  กล่าวว่า ตามประกาศเทศบาลนครภูเก็ต มีความประสงค์จะขายทอดตลาดเศษวัสดุ  ไม้ สังกะสี และอื่น ๆ ที่จะได้จากการรื้ออาคารโรงเรียน โดยกำหนดให้ผู้ประสงค์จะเข้าทอดตลาด ลงทะเบียนในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ระหว่างเวลา 09.00 น. – 10.30 น. และประมูลขายทอดตลาดในวันเดียวกัน  ทางชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว พร้อมกับสมาชิกชมรม ฯ ทุกคน ได้ประชุมและมีมติร่วมกันว่า ขอให้ทางเทศบาลนครภูเก็ตได้ทบทวนและชะลอการรื้อถอนอาคารโรงเรียนเนื่องจากทางเทศบาลยังไม่มีการจัดสถานที่ออกกำลังกายให้กับสมาชิกและพร้อมทั้งยังไม่มีการแจ้งให้ทราบว่าจะมีการรื้อถอนอาคารเพื่อขายทอดตลาด

ทางชมรมแบดมินตันย้ายออกจากอาคารดังกลางเมือทางเทศบาลนครภูเก็ตได้จัดเตรียมโครงการสร้างอาคารเรียนใหม่เสร็จเรียบร้อย มีแบบแปลนก่อสร้างที่ชัดเจน มีงบประมาในการก่อสร้างพร้อมและได้รับการอนุมัติโครงการให้ก่อสร้างจากสภาเทศบาลนครภูเก็ต รวมทั้งมีการประกาศเปิดขายซองประมูลการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่โดยทางชมรมจะรื้อถอนทรัพย์สินให้เสร็จภายใน 15 วัน นับแต่ทางเทศบาลมีการเปิดขายซองประมูลอาคารเรียนใหม่ที่สร้างทดแทน

ด้านนายถาวร  กล่าวว่า  ตนเองในฐานะผู้บริหารเทศบาล ฯ จะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้มีการชะลอการรื้อถอนอาคารดังกล่าวแล้ว

มอ.ภูเก็ต จับมือ ไมโครซอฟท์ ติวเข้ม เยาวชนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รองรับการเข้าสู่ AEC

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ก.พ.57 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นายไมตรี  อินทุสุต  ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิด นิทรรศการ โครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีขยายขีดความสามารถของเยาวชน (THE  YES) โดยมี นายเดซาเร็ค  เทโซ ผู้แทนจากบริษัทMicrosoft  นายศรีศักดิ์  ไทยอารี ผู้อำนวยการสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน นายวิโรจน์  ภู่ต้อง ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนภูเก็ต คณะครู บุคลากร และนักเรียนนักศึกษาเข้าร่วม

นายวิโรจน์  กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ได้ร่วมกับ บริษัทMicrosoft  สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน (สอ.ดย.) จัดโครงการฝึกอบรมเทคโนโลยีขยายขีดความสามารถของเยาวชน (THE  YES) เพื่อต้องการให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับMicrosoft ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดอบรมเกี่ยวกับเทคนิคแล้วิธีการใช้ไปแล้ว วันนี้จึงเป็นการติดตามพัฒนาการของเด็กและเยาวชนว่าสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปใช้ประโยชน์ได้จริงหรือไม่  จากการสังเกตเด็กๆสามารถพัฒนาองค์ความรู้ได้เป็นอย่างดี สามารถออกแบบและทำงานผ่านMicrosoft ได้ ในวันนี้มีนักเรียนให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวน 6 โรงเรียนในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตและ 1 โรงเรียนมาจากจังหวัดพังงา อย่างไรก็ตามในการจัดโครงการครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมให้เด็กและเยาวชนมีความสามารถด้านเทคโนโลยี ก่อนการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ด้านนายเดซาเร็ค    กล่าว่า  ทาง Microsoft พร้อมมอบโอกาสให้โอการกับเด็กเยาวชนไทยในการสร้างแรงบันดาลใจของการใช้พัฒนานาทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเด็ก ๆ เหล่านี้จะเป็นพลังให้แก่สังคมไทยในอนาคตที่จะขับเคลื่อนให้ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็กให้มีความพร้อมทั้ง การ ใจระบบทางการคิดในแบบสร้างสรรค์

สภ.เมืองภูเก็ต สุ่มตรวจปัสสาวะคิวรถแท็กซี่ ลดความเสี่ยงในการใช้บริการ สร้าง คิวรถสีขาว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ก.พ. 57  ที่บริเวณวงเวียนหอนาฬิกาจังหวัดภูเก็ต  เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย ร.ต.ต. ภูวนาถ หวันหยี รอง สว. จร. สภ.เมืองภูเก็ต นำกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะพนักงานขับรถเเท็กซี่ของวินหน้าโรงแรมเมโทรโพล โดยมีนายพิษณุ สุศิริ ที่ปรึกษาคิวเท็กซี่หน้าโรงแรมเมโทรโพล และพนักงานขับรถให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ร.ต.ต. ภูวนาถ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการว่า เพื่อสร้างความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในการมาใช้บริการ ในทุกๆ เดือน จะมีการสุ่มตรวจในพื้นที่ทั่วจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากทราบมาว่าเเท็กซี่บางคนแอบใช้สารเสพติดส่งผลที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้โดยสารขณะมาใช้บริการได้ นอกจากสารเสพติดแล้วทางตำตรวจยังควบคุมไปถึงการก่ออาชญากรรมทั่วไป มีการตรวจค้นรถว่ามีสิ่งของผิดกฎหมายหรือไม่  ที่ผ่านมายังไม่มีผู้กระทำความผิด

นายพิษณุ กล่าวว่า เป็นการดีที่ทางตำรวจได้ออกมาตรการนี้มา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการรวมไปถึงนักท่องเที่ยวว่ามีความปลอดภัย ซึ่งสำหรับคิวนี้เรียกได้ว่าเป็นคิวต้นแบบ “เเท็กซี่สีขาว” ทางสมาชิกได้ประชุมกันในส่วนของการดูแลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวอยู่เสมอ ทั้งนี้ได้ ทำบัตรประจำตัวผู้ขับ เสื้อยูนิฟอร์ม ให้ดูมีระเบียบโดยในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอร์  ตรวจปัสสาวะเพื่อหารสารเสพติด อย่างไรก็ตามทางคิวเองก็มีมาตรการในการดูแลควบคุมสมาชิกอยู่แล้วนอกจากนี้ยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นการช่วยงานของทางภาครัฐอีกทางหนึ่ง และขอให้สมาชิกเพื่อนแท็กซี่ทุกท่านช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยว ใช้ราคาตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ ไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อให้จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

เทศบาลตำบลรัษฎาเปิดประชุมสมัยสามัญ สมัยแรก ประจำปี 2557 ที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม รวม 3 โครงการในการเปิดประชุมสมัยสามัญ สมัยแรก ประจำปี 2557

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 57 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา มีการเปิดประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา สมัยสามัญ สมัยแรก ประจำปี 2557  โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ ประกอบด้วย การเสนอญัตติ เรื่อง ขออนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม 3 ญัตติ  คือ  1. โครงการก่อสร้างถนนแอสฟัลต์ติกคอนกรีต พร้อมวางท่อระบายน้ำ ถนนตรัง หมู่ที่ 3 งบประมาณ 14 ล้าน 6 แสน 1 หมื่น 3 พัน บาท  /  2. โครงการวางท่อระบายน้ำ  ค.ส.ล. พร้อมบ่อพักและแก้ไขฝาตะแกรงเหล็ก ถนนประชาสามัคคี หมู่ที่ 6  งบประมาณ 6 ล้าน 6 หมื่นบาท  /  3. คืนเงินค่าปรับผิดสัญญา โครงการวางท่อระบายน้ำพร้อมบ่อพัก และถนน ค.ส.ล. พื้นที่นาหลวง หมู่ที่ 3  ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ให้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด  สมพงษ์วัฒนา  เป็นเงิน 3 แสน 2 หมื่น 9 พัน 400 บาท  ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และอนุมัติดำเนินการตามญัตติดังกล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอความเห็นชอบรับโอนไฟฟ้าสาธารณะ หมู่บ้านฮิลล์วิวบายพาส (หมู่บ้านร็อคการ์เด้นเฟส 4) หมู่ที่ 5 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ให้มาอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลรัษฎา โดยเจ้าของโครงการหมู่บ้านฮิลล์วิวบายพาส มีหนังสือแจ้งมายังเทศบาลว่าเนื่องจากมีผู้อาศัยจำนวนมากและส่วนใหญ่มีรายได้น้อย  ทั้งนี้ เจ้าของโครงการ ฯ ไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้  ดังนั้น ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย  จึงได้แจ้งทางเทศบาลตำบลรัษฎาเพื่อรับโอนไฟฟ้าสาธารณะให้อยู่ในความดูแลของทางเทศบาล ฯ  ซึ่งที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลรัษฎา มีมติอนุมัติในญัตตินี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน

อบจ.ยะลา ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา เครือข่ายบริการสุขภาพ และชมรม อสม.จังหวัดยะลา จัดงาน"มหกรรมภาคีเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน และรณรงค์สร้างกระแสด้านสุขภาพระดับจังหวัด ประจำปี 2557

เมื่อเวลา 09.30 น. (25 ก.พ 2557 ) ที่ ลานอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายมุขตา มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน มหกรรมภาคีเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน และรณรงค์สร้างกระแสด้านสุขภาพระดับจังหวัด ประจำปี 2557โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ สาธารณสุขจังหวัดยะลา สมาชิก อสม. และเครือข่ายสาธารณสุขเข้าร่วมงาน กว่า 1,000 คน

นายแพทย์สมหมาย บุญเกลี้ยง รองผู้อำนวยการสาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า การสร้างภาคีเครือข่ายสุขภาพและรณรงค์สร้างสุขภาพเพื่อเสริมสร้างศักยภาพชุมชนในการพัฒนาระบบการจักการชุมชนที่เหมาะสม พร้อมพัฒนาเครือข่ายภาคสุขภาพในการสร้างเสริมสุขภาพชุมชน และสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานด้านสุขภาพในชุมชน โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมสุขภาพชุมชน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของแกนนำสุขภาพ ที่มีผลงานดีเด่น และการให้บริการสุขภาพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ ต่างๆ และบริการสุขภาพ ได้แก่ บริการตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง เบาหวาน  ฉีดวัคซีนไข้หวัด การสร้างสุขภาพดี การแพทย์แผนไทย รวมทั้งมีการแสดง และแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน



นายนิแอ  สามะอาลี / ภาพข่าว

ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธ์สัตว์ยะลา จำหน่ายและส่งมอบแกะสายพันธ์ดีจากต่างประเทศแก่เกษตรกรในพื้นที่ 5 ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งเสริมการเลี้ยงรองรับอุตสาหกรรมฮาลาลในอนาคต

วันที่ 25 ก.พ.57 เวลา 11.30 น. ที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธ์สัตว์ยะลา ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา สพ.ญ.โศภิษฐ์ ธัญลักษณากุล ปศุสัตว์เขต 9 ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดการจำหน่ายแกะพันธ์ดีให้กับเกษตรกรเครือข่ายในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (OSM) ตามโครงการกระจายพันธ์และปรับปรุงพันธ์แกะรองรับสินค้าฮาลาลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีนายชัชวาล วิริยะสมบัติ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและบำรุงพันธ์สัตว์ยะลา นายธีรวิทย์ เทียมฆโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการผลิตและธุรกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรในพื้นที่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล เข้าร่วม

สพ.ญ.โศภิษฐ์ ธัญลักษณากุล ปศุสัตว์เขต 9 กล่าวว่า สำนักงานปศุสัตว์เขต 9 ได้รับงบประมาณจากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ให้ดำเนินการโครงการกระจายพันธ์และปรับปรุงพันธ์แกะรองรับสินค้าฮาลาลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปีงบประมาณ 2555 วงเงิน 39,851,200 ล้านบาท โดยมีการดำเนินการร่วมกับศูนย์วิจัยและบำรุงพันธ์สัตว์ยะลา สถานวิจัยทดสอบพันธ์สัตว์เทพา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการปศุสัตว์เขต 9 และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการจัดหาแกะพันธุ์ดีจากต่างประเทศ คือ พันธ์ดอร์เปอร์ และพันธุ์ซานต้าอิเนส จำนวน 620 ตัว มาเป็นพ่อแม่พันธ์ และได้ทำการขยายพันธ์เพิ่ม ผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้ผลิตพ่อแม่พันธุ์แกะ จำนวน 274 ตัว และลูกแกะ - แกะรุ่น จำนวน 218 ตัว และในวันนี้ได้ทำพิธีมอบพันธ์แกะที่จำหน่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดละ 20 ราย จำนวน 100 ตัว พร้อมทั้งขึ้นทะเบียนเป็นเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงแกะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

สพ.ญ.โศภิษฐ์ ธัญลักษณากุล ปศุสัตว์เขต 9 ยังได้กล่าวอีกว่า สำหรับการเลี้ยงแกะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ เพราะว่าแกะสายพันธุ์นี้ มีความทนทาน และสามารถเจริญเติบโตดีในสภาพอากาศของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ซึ่งอากาศมีความชื้น) เกษตรกรที่เลี้ยงแกะอยู่เดิมในพื้นที่ มีความสนใจที่จะขยายฟาร์ม ขยายปริมาณของแกะ แต่ปัญหาก็คือขาดสายพันธุ์แกะที่ดี ดังนั้นทางสำนักงานปศุสัตว์เขต 9 ก็ได้ดำเนินการในการจัดหาแกะสายพันธุ์ดีจากต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรได้นำไปเลี้ยงกระจายพันธ์และขยายพันธุ์ต่อไป ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการส่งเสริมการเลี้ยงแกะในพื้นที่ ส่วนการบริโภคในพื้นที่นั้น ค่อนข้างจะสูง เพราะส่วนใหญ่ประชาชนในพื้นที่เป็นพี่น้องชาวไทยมุสลิม ที่นิยมบริโภคทั้งเนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อแกะ และสัตว์ปีก ดังนั้นเมื่อความต้องการบริโภคสูง วัตถุดิบที่จะเป็นส่วนที่เหลือเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ถ้าในพื้นที่มีการส่งเสริมในเรื่องของการเลี้ยงให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น เพียงพอต่อความต้องการในการบริโภค ก็คาดว่าสิ่งเหล่านี้ก็จะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลในอนาคตต่อไป


ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

ประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการฯ ขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช

คณะกรรมการและอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติงานสนับสนุนในพื้นที่ และการพัฒนาศักยภาพเพื่อขับเคลื่อนกองทุน

วันนี้ (25 ก.พ. 57) ที่ศูนย์วิทยพัฒน์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีคณะกรรมการและอนุกรรมการ จำนวน 3 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช คณะอนุกรรมการประเมินผลและกลั่นกรองกองทุนสวัสดิการชุมชน และคณะอนุกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรสวัสดิการชุมชน ตลอดจนภาคีหน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่และคณะกรรมการระดับชาติ เข้าร่วมกว่า 60 คน ทั้งนี้การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสร้างความเข้าใจในทิศทาง/แนวทางการสนับสนุนพื้นที่ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งเพื่อสร้างแรงจูงใจในการขับเคลื่อนให้เกิดกองทุนสวัสดิการชุมชน ให้ครอบคลุมทั้ง 184 พื้นที่

ทั้งนี้จากสรุปผลการดำเนินงาน คณะกรรมการและอนุกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนไปแล้วทั้งสิ้น 154 พื้นที่ และยังอยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 30 พื้นที่ จากจำนวนพื้นที่ดำเนินการทั้งหมด 184 พื้นที่ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากนโยบาย 1 : 1 : 1 ไปแล้ว จำนวน 142 พื้นที่ เป็นเงินกว่า 57 ล้าน 4 แสนบาท ยอดสมาชิกกองทุน จำนวน 116,600 คน



อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ

ประกาศการรับสมัครบุคคลเพื่อการสรรหาและการเลือกสรรเป็นพนักงานจ้างทั่วไป

ด้วยองค์การบริหารส่วนตำบลควนหนองหงษ์ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความประสงค์จะดำเนินการรับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่งคนงานทั่วไป สังกัดส่วนการคลัง จำนวน ๑ อัตรา ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดนครศรีธรรมราช เรื่องหลักเกณฑ์เกี่ยวกับพนักงานจ้าง ลงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ข้อ ๑๙ องค์การบริหาร ส่วนตำบลควนหนองหงษ์ จึงประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อการสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานจ้าง โดยมีรายละเอียดดังนี้

๑. ตำแหน่งที่รับสมัคร พนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่ง คนงานทั่วไป จำนวน ๑ อัตรา
๒. คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการสรรหาและการเลือกสรร
๒.๑ คุณสมบัติทั่วไป
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๖๐ ปี
(๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔) ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถหรือจิต ฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามที่กำหนดไว้ในประกาศกำหนดโรคที่เป็นลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับพนักงานส่วนตำบล
(๕) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(๖) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น
(๗) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด ให้จำคุกเพราะกระทำผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
(๘) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
(๙) ไม่เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานอื่น ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานหรือลูกจ้างของราชการส่วนท้องถิ่น

หมายเหตุ ผู้ที่ผ่านการสรรหาและการเลือกสรรในวันที่ทำสัญญาจ้าง จะต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการพรรคการเมือง เจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง ผู้บริหารท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการหรือลูกจ้างส่วนราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานอื่นของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานหรือลูกจ้างของราชการส่วนท้องถิ่นและต้องนำใบรับรองแพทย์ ซึ่งออกให้ไม่เกิน ๑ เดือน และแสดงว่าไม่เป็นโรคต้องห้ามตามประกาศกำหนดโรคที่เป็นลักษณะต้องห้ามสำหรับข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นมายื่นด้วย

๓. คุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ลักษณะงานที่ปฏิบัติ อัตราค่าจ้าง และระยะเวลาการจ้าง
๓.๑ คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่ง คนงานทั่วไป
- การศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนต้น หรือเทียบเท่าไม่ต่ำกว่านี้
๓.๒ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ
- ปฏิบัติงานในส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลควนหนองหงษ์ โดยมีหน้าที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือการปฏิบัติงานย่อย ๆ และงานด้านเอกสารต่าง ๆ รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ การนำส่งเอกสารไปยังหน่วยงานอื่น งานถ่ายเอกสาร งานจัดเก็บเอกสาร ของงานการเงิน งานบัญชี งานพัฒนาและจัดเก็บรายได้ และงานพัสดุ ของส่วนการคลังให้เป็นระบบ มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปฏิบัติงานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย
๓.๓ อัตราค่าจ้าง
- อัตราค่าตอบแทน ๕,๓๔๐.- บาท / เดือน
- เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ตาม มติ ครม. ๓,๖๖๐ บาท / เดือน
๓.๔ ระยะเวลาการจ้าง
พนักงานจ้างทั่วไป มีระยะเวลาการจ้างไม่เกิน ๑ ปี

๔. เอกสารและหลักฐานที่รับสมัคร
ผู้สมัครต้องยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารและหลักฐานต่างๆ ดังต่อไปนี้
๑. รูปถ่ายหน้าตรง ไม่สวมหมวก และไม่สวมแว่นตาดำ ขนาด ๑ นิ้ว (ถ่ายไม่เกิน ๖ เดือน) จำนวน ๓ รูป
๑) สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน ๑ ฉบับ
๒) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน ๑ ฉบับ
๓) ใบรับรองแพทย์ปริญญาที่แสดงว่าไม่เป็นโรคต้องห้ามตามกฎ ก.พ.ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) หรือตามประกาศที่คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดนครศรีธรรมราชกำหนด (ก.อบต. จังหวัด) ซึ่งออกให้ไม่เกิน ๑ เดือน นับแต่วันที่ตรวจร่างกาย จำนวน ๑ ฉบับ
๔) สำเนาภาพถ่ายปริญญาบัตร/ประกาศนียบัตร หรือระเบียนแสดงผลการเรียนอย่างใด อย่างหนึ่ง ที่แสดงว่าเป็นผู้มีวุฒิการศึกษาตรงตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งที่สมัครสอบ จำนวน ๑ ฉบับ
(โดยจะต้องสำเร็จการศึกษาและได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจแล้ว ภายในวันปิดรับสมัคร วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๓๑ น.)
๕) สำเนาภาพถ่ายหลักฐานอื่น ๆ เช่น ทะเบียนสมรส ใบเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี) จำนวน ๑ ฉบับ
๖) สำเนาเอกสารทุกชนิดให้ถ่ายเอกสารโดยใช้กระดาษขนาด เอ ๔ เท่านั้น
(เอกสารทุกฉบับได้รับรองสำเนาถูกต้อง)

หมายเหตุ ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาและเลือกสรรจะต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบและรับรองตนเองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไป และคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งที่สมัครตรงตามที่ประกาศรับสมัคร และจะต้องกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ในใบสมัครพร้อมทั้งยื่นและแสดงหลักฐานตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด ในกรณีที่มีความผิดพลาดอันเกิดจากผู้สมัครกรอกหลักฐานการสมัครหรือไม่ครบถ้วนจะถือว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการสมัครเข้ารับการสรรหาและเลือกสรร และหากมีการปลอมแปลงเอกสารที่ใช้สมัครจะถูกดำเนินคดีความตามกฎหมาย หากตรวจสอบภายหลังพบว่าผู้สมัครรายใดมีคุณสมบัติดังกล่าวไม่ครบถ้วนตามที่กำหนด องค์การบริหารส่วนตำบลควนหนองหงษ์ จะถือว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการเข้ารับการสรรหาและเลือกสรร และไม่มีสิทธิได้รับการบรรจุเป็นพนักงานจ้าง หากบรรจุแล้วทางองค์การบริหารส่วนตำบลจะขอยกเลิกการจ้างได้ทันที โดยผู้สมัครไม่มีสิทธิเรียกร้อง ใด ๆ ทั้งสิ้น

๕. ระยะเวลาการรับสมัคร
ตั้งแต่ วันที่ ๔ – ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
๖. เวลา และสถานที่รับสมัคร
๖.๑ กำหนดการรับสมัครพนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่ง คนงานทั่วไป ตั้งแต่วันที่ ๔ – ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. ในวันและเวลาราชการ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลควนหนองหงษ์ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://www.knhong.com หรือสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ ๐-๗๕๗๖-๐๒๔๔ ต่อ ๓,๔
๖.๒ วิธีการยื่นใบสมัคร  สมัครด้วยตนเอง ผู้สมัครต้องกรอกข้อความในใบสมัคร และบัตรประจำตัวสอบด้วยลายมือของตนเอง พร้อมรูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก และไม่สวมแว่นตาดำ ขนาด ๑ นิ้ว ถ่ายครั้งเดียวกันไม่เกิน ๖ เดือน (นับถึงวันที่สมัคร) จำนวน ๓ รูป โดยให้ผู้สมัครติดรูปถ่ายในใบสมัครจำนวน ๑ รูป ในบัตรประจำตัวสอบ จำนวน ๒ รูป พร้อมเอกสารหลักฐานการสมัคร ข้อ ๔

สำหรับการสมัครสอบครั้งนี้ ให้ผู้สมัครสอบได้ตรวจสอบและรับรองตนเองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไป และมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตรงตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งที่ประกาศรับสมัคร หากปรากฏภายหลังว่าผู้สมัครสอบรายใด คุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือไม่ถูกต้อง องค์การบริหารส่วนตำบลควนหนองหงษ์ จะถือว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการสมัครสอบและไม่มีสิทธิได้รับการบรรจุและแต่งตั้ง
๗. อัตราค่าธรรมเนียมการสมัคร
- พนักงานจ้างทั่วไป ตำแหน่ง คนงานทั่วไป อัตราค่าธรรมเนียมการสมัคร จำนวน ๑๐๐ บาท
ค่าธรรมเนียมการสมัครจะไม่จ่ายคืนไม่ว่ากรณีใด ๆ เว้นแต่มีการยกเลิกการสอบครั้งนั้นทั้งหมด เนื่องจากมีการทุจริต หรือส่อไปในทางทุจริต ให้จ่ายคืนค่าธรรมเนียมสอบให้กับผู้สมัครสอบที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือส่อไปในทางทุจริตนั้นได้

๘. การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบ
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป ณ ป้ายประชาสัมพันธ์ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลควนหนองหงษ์ และที่ หรือข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดอื่นๆ ได้ที่ http://www.knhong.com

จังหวัดนครศรีธรรมราช เตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558

จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558

วันนี้ (25 ก.พ.57)  ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานเตรียมความพร้อมของจังหวัดนครศรีธรรมราช ในการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ซึ่งจังหวัดได้ตั้งคณะทำงานขึ้น 5 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจอาเซียน ด้านสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และด้านการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ด้านข้อมูลและติดตามประเมินผล และด้านประชาสัมพันธ์

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 หรือ ปี ค.ศ. 2015 ดังนั้น จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมของทุกหน่วยงานในจังหวัด รวมทั้งภาคเอกชน และประชาชน เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านการประกอบอาชีพ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว คมนาคมขนส่งหรือโลจิสติกส์ รวมทั้งสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งอาเซียนได้กำหนดให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของอาเซียน ดังนั้น บุคลากรภาครัฐ และภาคเอกชนต้องมีการฝึกอบรมการใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาประเทศเพื่อนบ้านให้สามารถสื่อสารกับประชาชนของอาเซียนได้อย่างเข้าใจ นอกจากนี้ขอให้ทุกหน่วยงานแต่งตั้งเจ้าหน้าที่อาเซียนอย่างน้อยหน่วยงานละ 1 คน ที่รู้ข้อมูลต่าง ๆ ของหน่วยงานตนเองอย่างถ่องแท้ หากมีการสอบถามข้อมูลต่าง ๆ จะสามารถตอบคำถามได้

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น ขณะนี้ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานประชาคมอาเซียนจังหวัดขึ้นที่ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งมีการจัดทำเว็บไซต์ “ศูนย์ข้อมูลอาเซียน”จังหวัดนครศรีธรรมราช สามารถสืบค้นข้อมูลได้ที่ http://asean.nakhonsithammarat.go.th หรือ http://123.242.178.1 หรือเข้าผ่านเว็บไซต์จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ www.nakhonsithammarat.go.th

นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะทำงานด้านเศรษฐกิจอาเซียน กล่าวว่า สิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการคือการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่ม เช่น การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน GAP ยกระดับร้านอาหารให้ได้มาตรฐานฮาลาล การเปิดตลาดสินค้าเกษตรสู่ประเทศอาเซียนตอนล่าง เป็นต้น

นางนภสร ค้าขาย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ต้องใช้โอกาสจากการที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชได้รับการยกระดับเป็นสนามบินศุลกากรและการผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นมรดกโลก ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาของโลก

ศพส.จ.นครศรีธรรมราช มอบเกียรติบัตรให้ผู้ปฏิบัติงานดีเด่นด้านการปราบปรามยาเสพติด

ศพส.จ.นครศรีธรรมราช มอบเกียรติบัตรให้ผู้ปฏิบัติงานดีเด่นด้านการปราบปรามยาเสพติด พร้อมตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหายาเสพติดชุมชนรอบมหาวิทยาลัยราชภัฏ

วันนี้ (25 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ ศพส.จ.นครศรีธรรมราช โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายอำเภอ ตำรวจ ทหาร และผู้แทน ป.ป.ส.ภาค 8 เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2557 รวมทั้งรับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยประธานที่ประชุมได้มอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติแก่ผู้ปฏิบัติงานดีเด่นด้านการปราบปรามยาเสพติดในรอบเดือนที่ผ่านมา จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ คือ ตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง(ส.ทล.4 กก.7 บก.ทล) จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน พร้อมยาบ้า 96,000 เม็ด /ตำรวจจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 (กก.ตชด.42) จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 รายพร้อมกัญชาแห้งอัดแท่ง 3 กิโลกรัม และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจศรีวิชัย(ฉก.ศรีวิชัย) จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยาบ้ารวม 2,711 เม็ด

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการประชุมคณะทำงานเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดระดับพื้นที่ หรือโต๊ะข่าว ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557 พบว่า การลำเลียงยาเสพติดมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังไม่พบรายใหญ่ การจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญยังไม่มี พฤติการณ์ผู้เสพติดยาเสพติดจากเดิมที่มีการเสพไอซ์ ได้หันกลับมาเสพยาบ้าอีก เนื่องจากผู้เสพระบุว่ามีรสที่ดีกว่า และวิธีการไม่ยุ่งยาก ส่วนการจับกุมคดียาเสพติดของจังหวัดนครศรีธรรมราชในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมาเฉลี่ยเดือนละ 1,050-1,060 คดี /เดือน สำหรับสถานการณ์ด้านการบำบัดรักษาห้วง 1 ตุลาคม 2556 – 14 กุมภาพันธ์ 2557 ทุกระบบทุกอำเภอ รวม 1,116 ราย แยกเป็นผู้เสพ 444 ราย ผู้ติด 672 ราย ส่วนงบประมาณโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน ปี 2557 มาจากงบพัฒนาจังหวัด 7,690,200 บาท รวม 65 โครงการ งบ ป.ป.ส. จำนวน 5,317,500 บาท รวม 91 โครงการ นอกจากนี้ยังมีงบประมาณจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อนำมาจัดทำโครงการบำบัด ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด คิดเป็นรายหัว ๆ ละ 3,500 บาท และอบรมอาชีพผู้ที่ผ่านการบำบัดรายละ 2,500 บาท ดังนั้นจึงขอให้ทุกอำเภอและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้รับอนุมัติงบประมาณให้รีบดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ อย่าชะล่าใจเพราะเหลือเวลาในการทำงานอีกเพียง 6 เดือนจาก 7 เดือนก็จะสิ้นปีงบประมาณแล้ว

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า สำหรับบริเวณรอบมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ที่พบการระบาดของยาเสพติด เช่น น้ำต้มพืชกระท่อม ยาบ้า เป็นต้น ให้ไปตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 คณะโดยบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จ.นครศรีฯ จัดอบรมวิทยากรเผยแพร่ผลการจัดเวทีหาทางออกประเทศไทย

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดอบรมวิทยากรระดับตำบล เพื่อเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปรองดองของคนในสังคม

วันนี้ (25 ก.พ.57)  ที่ ห้องคอนเวนชั่น โรงแรมแกนด์ปาร์คนครศรีธรรมราช นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการอบรมอบรมวิทยากรระดับตำบลโครงการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย ซึ่งจัดโดย สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการประสานและติดตามผลดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ ปคอป. ได้จัดให้มีเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน – 28 กรกฎาคา 2556 ที่ผ่านมา และได้ทำการสรุป แล้วมอบให้ กระทรวงมหาดไทย โดย กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย ด้วยการฝึกอบรมวิทยากรระดับจังหวัด ระดับตำบล เพื่อนำไปขยายผลในพื้นที่หมู่บ้าน และชุมชน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย ที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน , ผู้นำชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลละ 3 คน รวม 489 คน เข้ารับการอบรม ซึ่งหลังจากการฝึกอบรมแล้ว วิทยากรระดับตำบล จะกลับไปจัดเวทีเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกในระดับหมู่บ้าน / ชุมชน ทั่วทั้งจังหวัด เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ของคนในสังคม

นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า แนวทางที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศ คือ ทุกฝ่ายจะต้องนำหลักคำสอนของศาสนาที่ตนเองนับถือไปแก้ปัญหา และปรับความคิดในการ ลด ละ เลิก อคติ พร้อมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเสียชีวิตของเด็ก 3 ราย และประณามว่าเป็นการกระทำที่เลวร้าย

วัฒนธรรมจังหวัดตรัง นำรากวัฒนธรรมของดีบ้านฉัน เป็นภูมิคุ้มกันก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

 นางศิริพร  ทองทวี   วัฒนธรรมจังหวัดตรัง    เปิดเผยว่า โครงการรากวัฒนธรรม ของดีบ้านฉัน เป็นโครงการของกระทรวงวัฒนธรรมที่ดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อรองรับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในส่วนของจังหวัดตรัง โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สนองนโยบายตามแนวคิด "สืบสาน สร้างสรรค์ บูรณาการ”    ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของการทำประชาคม ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลวัฒนธรรมของตนเอง จะสืบค้นว่าของดีบ้านฉันแต่ละตำบลมีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท     ซึ่งปีนี้จะคัดเลือกเพียง 4 ประเภท เช่น ประเพณี ศิลปะการแสดง อาหารที่โดดเด่น และผ้าทอ ที่โดดเด่นจากทุกท้องถิ่น โดยจะคัดสรรในระดับตำบล อำเภอ และระดับจังหวัด จากนั้นจะนำเผยแพร่สู่ประชาชน

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม มีความรักความสามัคคี และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนในเรื่องการรักวัฒนธรรม ซึ่งเราจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ก็อยากให้ตระหนักและรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของบ้านเรา ก่อนที่จะรับวัฒนธรรมของชาติอื่น ให้มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นให้กับประชาชนชาวไทยและคนตรัง

วัฒนธรรมจังหวัดตรัง    กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการแสวงหารากวัฒนธรรมของดีบ้านฉันแล้ว จะนำมาบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เป็นต้นน้ำในการศึกษา และที่สำคัญจะเป็นการเพิ่มคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างดียิ่ง

จังหวัดตรัง ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ครั้งที่ 4/2557

ที่ห้องประชุมพระยารัษฎา ศาลากลางจังหวัดตรัง ชั้น 5 นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ครั้งที่ 4/2557 โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ นายมานะ เทือกสุบรรณ ป้องกันจังหวัดตรัง ได้กล่าวถึงการดำเนินการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดประจำปีงบประมาณ 2557 ในช่วง 1 ปี (ตุลาคม 2556-กันยายน 2557) ได้ดำเนินการจัดทำแผนงานในการดำเนินการ คือ แผนงานที่ 1 การสร้างพลังสังคมและพลังชุมชนเอาชนะยาเสพติด แผนงานที่ 2 แผนการแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด แผนงานที่ 3 แผนการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด แผนงานที่ 4 แผนการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย และแผนงานที่ 7 แผนบริหารจัดการแบบบูรณาการ

โดยได้กำหนดให้องค์กรทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครอบคลุมทุกแผนงาน นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เน้นย้ำในเรื่องของการติดตามผู้ผ่านการบำบัด โดยให้ผู้ติดตามให้เข้มแข็งในการให้กำลังใจแก่ผู้เข้าบำบัด โดยให้คิดว่าเขาเหล่านั้นเป็นคนป่วย ผู้หลงผิด ไม่ใช่เป็นคนชั่วที่สังคมรังเกียจ ให้ทุกภาคส่วนใช้กลไกของพลังประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน คอยเฝ้าระวังติดตามใส่ใจ เพื่อคนเหล่านั้นจะไม่กลับไปติดยาอีก พร้อมทั้งต้องประเมินให้ได้ว่า ผู้เข้าบำบัดแล้วจะกลับเข้ามาอีกหรือไม่

เทศบาลเมืองชุมพร เตือนหน้าแล้งระวังไฟไหม้

นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร แจ้งว่า ในเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายนของทุกปีสภาพอากาศของประเทศไทยจะเกิดความแห้งแล้งและมีลมกรรโชกแรง ประกอบกับความผันผวนของสภาพอากาศ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้และหมอกควันได้ง่าย

ในการนี้ เทศบาลเมืองชุมพร จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล เฝ้าระวังห้ามเผาขยะมูลฝอยในเขตชุมชนและเผาหญ้าบริเวณริมทาง เพื่อป้องกันปัญหามลพิษจากหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อาทิ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน หอบหืดและตาอักเสบ หากฝ่าฝืนไม่เชื่อฟังให้แจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมและดำเนินการ ตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 หากผู้ใดเผาขยะในหมู่บ้าน ก่อเหตุรำคาญ จะมีโทษปรับ 2,000 บาท จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชกำหนดยุทธศาสตร์ฯ

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชกำหนดยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2557

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กำหนดยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหา ไฟป่าและหมอกควัน ปี 2557 เน้นการประชาสัมพันธ์ การป้องกัน การจัดการเชื้อเพลิง การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และการดับไฟป่า โดยจังหวัดชุมพรจัดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าระดับปานกลาง

นายชาติชาย อุทัยพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน พื้นที่เกือบทุกภาคของประเทศไทยมักประสบปัญหาไฟป่า โดยที่ไฟป่ายังเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาวิกฤตมลพิษหมอกควันส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งตามยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ปี 2557 ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 65 จังหวัด โดยจังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าระดับปานกลาง โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้กำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันปี 2557 ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

1.การประชาสัมพันธ์ โดยการออกไปพบปะประชาชนเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ไปป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการป้องกันไฟป่า การแก้ไขปัญหาไฟป่า และผลกระทบจากไฟป่าเป็นต้น

2.การป้องกันไฟป่าและหมอกควัน ส่งเสริมความรู้การนำเกษตรอินทรีย์ปลอดการเผา การจัดระเบียบการเผา การควบคุมการเผาในชุมชนและสองข้างทาง พร้อมประกาศเขตควบคุมไฟป่าในพื้นที่ของจังหวัด รวมทั้งการตระเวนตรวจปราบปรามและการบังคับใช้กฎหมายโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ

3.การจัดการเชื้อเพลิง จัดทำแนวกั้นไฟในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อตัดความต่อเนื่องของเชื้อเพลิงในพื้นที่ที่มีความสำคัญและล่อแหลมต่อการเกิดไฟป่า โดยการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กร ประชาชนทุกภาคส่วน

4.การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาไฟป่า สร้างและประสานความร่วมมือกับเครือข่ายการแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเสวนา/เวทีเครือข่ายเพื่อระดมความคิดเห็นในการวางกฎกติกาของชุมชน เป็นต้น

5.การดับไฟป่า โดยการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรสำหรับปฏิบัติงานดับไฟป่า รวมทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานให้มีความพร้อมตลอดเวลา และการปฏิบัติงานดับไฟป่าทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้เน้นการเข้าถึงพื้นที่อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์

ทั้งนี้จะมีการบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถควบคุมไฟป่าอยู่ในวงจำกัดไม่ลุกลามกลายเป็นสถานการณ์รุนแรง และช่วยให้การเกิดไฟป่าลดลง

เทศบาลเมืองชุมพร ขอเชิญร่วมกิจกรรมก่อน 15 ไม่ขี่ ในวันที่ 24 ก.พ.นี้

นายไพสิษฎ์ ลิมสถายุรัตน์ รองนายกเทศมนตรีเมืองชุมพร เปิดเผยว่า ด้วยศูนย์วิจัยเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกับโรงเรียนสะอาดเผดิมวิทยาจังหวัดชุมพร และทีม Young film makers สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้กำหนดจัดกิจกรรม "15 ไม่ขี่" เพื่อสร้างกระแสเชิงสัญลักษณ์ "ก่อน 15 ไม่ขี่" ภายใต้แผนงานก่อนครบ 15 ปีขับขี่มอเตอร์ไซค์ ผ่านสาธารณชนเพื่อเป็นการรับรู้ของสังคมในเรื่องอันตรายของการละเลยเพิกเฉยต่อการขับขี่มอเตอร์ไซด์ในกลุ่มเด็ก อายุไม่ถึง 15 ปี จนก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต จึงขอเชิญชวน นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ในวันที่ 24 ก.พ. 2557 เวลา 07.00 - 08.30 น. ณ บริเวณด้านข้างป้อมแยกโรงพยาบาลฝั่งวิทยาลัยเทคนิคชุมพร และเวลา 16.00 - 18.00 น. ณ ตลาดเทศบาลเมืองชุมพร

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ มอบอุปกรณ์การเรียน แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 20 จังหวัดชุมพร

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มอบสิ่งของพระราชทาน เครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ให้นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่ 20 อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร

วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2557 ) ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่ 20 อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มอบให้ นายเลิศพรไชย ไชยฤทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร เป็นตัวแทนมอบอุปกรณ์การเรียน แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 20 เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนของโรงเรียน

สำหรับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 20 ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาในลักษณะพิเศษ สำหรับเด็กด้อยโอกาสแบบอยู่ประจำ จัดตั้งขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเล็งเห็นความสำคัญในการให้การศึกษาแก่นักเรียนที่กำพร้า ขาดบิดามารดา
ซึ่งเสียชีวิตจากภัยพิบัติพายุใต้ฝุ่นเกย์ เมื่อปลายปีพุทธศักราช 2532 ในปัจจุบัน มีนายสวัสดิ์ บรรจงพาศ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน และได้จัดการศึกษาเป็น 3 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น  และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย  มีนักเรียนทั้งหมดรวม 555 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษา 61 คน

โดยคณะครู และนักเรียน ตลอดจนพสกนิกรชาวจังหวัดชุมพร ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีต่อพสกนิกรชาวจังหวัดชุมพร โดยเฉพาะการพัฒนาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ นำมาซึ่งประโยชน์สุขของนักเรียน ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา นักเรียนทุกคนที่ได้รับสิ่งพระราชทานในวันนี้ ต่างร่วมแสดงความจงรักภักดี ด้วยการน้อมนำพระบรมราโชบายมาประพฤติ ปฏิบัติ เพื่อเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณ พระบุญญาธิการ ให้แผ่ไพศาลตลอดไป

ผู้ว่าฯชุมพร ลงพื้นที่ พร้อมเตรียมตั้งมูลนิธิพัฒนาโครงการพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ อย่างต่อเนื่อง

ผู้ว่าจังหวัดชุมพร นำคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ หนองใหญ่ ซึ่งก่อนหน้า การพัฒนาเป็นแบบต่างคนต่างทำ ทำให้การพัฒนาไม่ต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้จะตั้งมูลนิธิ เพื่อเป็นเจ้าภาพหลักในการบริหารจัดการแบบให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นำคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้า การปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ซึ่งการลงมาติดตามในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้การพัฒนาปรับปรุงขับเคลื่อน ดำเนินไปด้วยความรวดเร็ว และสามารถเปิดอย่างเป็นทางการให้ประชาชนชาวชุมพรและต่างจังหวัด ได้มาศึกษาดูงานแหล่งเรียนรู้ ในแต่ละด้าน อันประกอบด้วย 4 ด้านหลัก คือด้านการบริหารจัดการน้ำ  ด้านโครงการพระราชดำริ 4.100 โครงการ ด้านศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาและด้านนันทนาการ โดยก่อนหน้านี้แนวทางการพัฒนายังไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการประสานงานกันเท่าที่ควร จึงทำให้การพัฒนาไม่ต่อเนื่อง  

นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ มีการบริหารจัดการไม่ชัดเจน หลายหน่วยงานลงมาพัฒนาแบบต่างคนต่างทำ ทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จมีการต่อเติมอยู่ตลอด ดังนั้น หลังจากที่ได้ประชุมพูดคุยกับคณะกรรมการฯได้มีมติที่จะตั้งมูลนิธิโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ เพื่อเป็นเจ้าภาพหลักในการบริหารจัดการแบบให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการปัดฝุ่นแต่ละหน่วยงานแต่ละโครงการให้เป็นแนวทางเดียวกัน โดยมีปลัดจังหวัดเป็นผู้จัดการ และมีรองผู้ว่าราชการเป็น ซีอีโอ ที่จะกำกับดูแลในการขับเคลื่อนในแต่ละด้าน มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาปรับปรุงและสรรสร้างสิ่งที่ดีน่าศึกษาและต่อยอดให้เป็นรูปธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ที่ทรงพระเมตตาบารมี แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในเขตเมืองชุมพรได้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบันนี้อีกด้วย

จังหวัดชุมพร มอบสิ่งของพระราชทานนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 3

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบสิ่งของพระราชทาน เครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์กีฬาให้แก่นักเรียนโรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 3 จังหวัดชุมพร จำนวน 421 ชุด โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ  ข้าราชการ คณะครู นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน เข้าร่วม

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2557) เวลา 14.00 น. ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 3 จังหวัดชุมพร ได้จัดพิธีมอบสิ่งของพระราชทาน เครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์กีฬาให้แก่นักเรียน โดยมีนาย  นายปฐม  สาธิตานนท์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร  เป็นประธานมอบสิ่งของพระราชทาน ซึ่งทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ใน             พระบรมราชูปถัมภ์ได้จัดส่งให้แก่ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 3 จังหวัดชุมพร จำนวน 421 ชุด โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ  ข้าราชการ คณะครู นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน เข้าร่วม

สำหรับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 3 ตั้งอยู่ หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งตะไคร อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร เปิดดำเนินการเรียนการสอน 3 ระดับ มีนักเรียนทั้งหมด 515 คน  มีครูสอนจำนวน 30 คน  โดยในปัจจุบันมีนายสุชาติ  อินทวิเศษ  เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนรา ชประชานุเคราะห์ 3 ซึ่งการพัฒนาด้านการศึกษา ได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้ คำขวัญที่ว่า การศึกษาดี มีคุณธรรม นำวิชาการ สืบสานงานตามแนวพระราชดำริ

โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 3 จังหวัดชุมพร เป็นโรงเรียนแบบศึกษาสงเคราะห์ที่รับเด็กยากไร้ทางเศรษฐกิจและสังคม ให้มีสิทธิและโอกาสได้รับบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานสนับสนุนการเรียนการสอนของโรงเรียน รวมทั้งพระราชทานการสงเคราะห์แก่นักเรียนโดยมูลนิธิราชประชานุเคราะห์มาโดยตลอด นอกจากนี้ยังทรงพระราชทานสิ่งของให้แก่นักเรียนเป็นประจำทุกปี

โดยคณะครู และนักเรียน ตลอดจนพสกนิกรชาวจังหวัดชุมพร ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีต่อพสกนิกรชาวจังหวัดชุมพร โดยเฉพาะการพัฒนาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ นำมาซึ่งประโยชน์สุขของนักเรียน ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา นักเรียนทุกคนที่ได้รับสิ่งพระราชทานในวันนี้ ต่างร่วมแสดงความจงรักภักดี ด้วยการน้อมนำพระบรมราโชบายมาประพฤติ ปฏิบัติ เพื่อเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณ พระบุญญาธิการ ให้แผ่ไพศาลตลอดไป

ชาวบ้านแจ้ง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ ถูกนายทุนบุกรุกทำลายป่า

ชาวบ้านแจ้งอำเภอ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ ถูกนายทุนบุกรุกทำลายป่าและนำไม้ไปขาย ซึ่งเป็นป่าที่ชาวบ้านชวยกันปลูกทดแทน เพื่อฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ โดยมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

นายคฑาวุธ พิมพ์ศักดิ์ ปลัดอำเภอปะทิว พร้อมกำลัง อส.กว่า 20 นาย เดินทางเข้าตรวจผืนป่าต้นน้ำ ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ เขต ม.6 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังจากได้รับได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านว่าผืนป่าดังกล่าวได้มีนายทุน ได้บุกรุกแผ้วถางป่า

โดยพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่บนภูเขา เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าผ่าสวน ยางพาราของชาวบ้าน ลึกเข้าไปประมาณ กว่า 1   กิโลเมตร พบว่าต้นไม้จำนวนมาก ซึ่งเป็นต้นกระถินเทพา และกระถินณรงค์ ขนาดต้นไม่ต่ำกว่า 1 คนโอบ จำนวนไม่ต่ำกว่า 3,000 ต้น ถูกตัดโค่นล้มระเนระนาด จนไม่เหลือสภาพความเป็นป่าธรรมชาติให้ลงเหลืออยู่อีกเลย โดยต้นไม้บางต้น ใบไม้ยังเขียวบ่งบอกเพิ่งถูกโค่นไปได้ไม่นาน และบางส่วนถูกตัดขนาดความยาวประมาณ 4 เมตร นำมาเรียงกองเพื่อเตรียมขนย้ายออกจากพื้นที่ไป จึงทำการยึดไว้เป็นของกลางเพื่อเป็นหลักฐานในการสืบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป

 นายคฑาวุธ พิมพ์ศักดิ์ ปลัดอำเภอปะทิว กล่าวว่า สำหรับผืนป่าแห่งนี้ ได้รับบรรจุเข้าเป็นป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะเมื่อ ปี พ.ศ.2516 เนื่องจากพบว่า เป็นป่าที่มีไม้หลากหลายชนิดอุดมสมบูรณ์อีกผืนหนึ่งของจังหวัดชุมพร  ประกอบกับผืนป่าแห่งนี้เป็นป่าต้นน้ำ ที่หล่อเลี้ยงชุมชนใน อ.ท่าแซะ และอ.ปะทิว จ.ชุมพร ทำให้ชาวบ้านได้เกิดความหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก