วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ศาลากลางภูเก็ตและสำนักงานสรรพากรทุกแห่งในพื้นที่ยังปิดทำการหลังมวลชนเข้ากดดัน

ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตและศูนย์ราชการกระทรวงการคลังรวมถึงสรรพากรพื้นที่ทุกแห่งในจังหวัดภูเก็ตยังปิดทำการ หลังจากที่เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทาง ทางกลุ่มกบฏรักชาติภูเก็ตที่นำโดยนาย สุรทิน เลี่ยนอุดม ได้รวมตัวเคลื่อนขบวนมาขอให้ข้าราชการหยุดทำงานและให้ปิดศูนย์ราชการอีกระยะหนึ่ง ทำให้วันนี้บรรยากาศที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตเงียบเหงาประตูทางเข้าออกถูกปิดมีเพียงเจ้าหน้าที่ อส.ที่มาดูแลความเรียบร้อยเท่านั้นนอกจากนี้ยังพบว่ามีข้าราชการบางรายได้ทยอยนำเอกสารสำคัญออกจากสำนักงานไปบ้างแล้วขณะที่ศูนย์ราชการกระทรวงการคลังรวมถึงสรรพากรจังหวัดเองบรรยากาศก็เงียบเหงาเช่นกันเพราะข้าราชการหยุดทำงานและมีการปิดประตูทางเข้าออกมีเพียง รปภ.ที่คอยดูแลความเรียบร้อยภายในอาคารเท่านั้น

อย่างไรก็ตามการเลือกปิดสถานที่ราชการในครั้งนี้ที่เน้นเฉพาะศาลากลางจังหวัดและสรรพากรพื้นที่นั้นทางแกนนำให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการตัดท่อน้ำเลี้ยงรัฐบาลเนื่องจากจะทำให้ทางจังหวัดภูเก็ตจะไม่สามารถส่งภาษีให้รัฐบาลชุดนี้ใช้จ่ายในทางที่ไม่เหมาะสม

นพ.ประเวศ ยก “ภูเก็ต-น่าน” ต้นแบบจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้

นพ.ประเวศ ชำแหละการศึกษาไทยอ่อนแอมา 100 ปี ไม่อยู่บนพื้นฐานชีวิตจริง ยก "ภูเก็ต-น่าน” ต้นแบบจังหวัดปฏิรูปการเรียนรู้ ดึงพลังความร่วมมือทั้งจังหวัดแก้ปัญหาเด็กและเยาวชน

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีปฏิรูปการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 25 หัวข้อ "ปฏิรูปการเรียนรู้:กลไกระดับจังหวัด” โดยหยิบยกกรณีศึกษาของจ.ภูเก็ต ที่มีการจัดตั้งสภาการศึกษาจังหวัดเพื่อเป็นกลไกความร่วมมือของจังหวัด ท้องถิ่น และภาคประชาสังคม ในการขับเคลื่อนการศึกษาของเด็กและเยาวชนทั้งจังหวัด และจ.น่าน ที่มีการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้ระดับจังหวัด และท้องถิ่นอีก 6 ตำบล

นพ.ประเวศ กล่าวถึงการศึกษาที่อ่อนแอมา 100 ปี ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความจริงของชีวิต จากเดิมเราเอาตำราเป็นฐาน ปัจจุบันก็ยังใช้ตำราอยู่ จึงลอยไปจากความจริงของชีวิต เพราะชีวิตต้องมีศีลธรรม การทำงานร่วมกัน อาชีพและรายได้ การปฏิรูปการศึกษาที่สำคัญจึงต้องเปลี่ยนฐานการเรียนรู้จากฐานตำรามาสู่ชีวิตจริง โดยนำพื้นที่เป็นตัวตั้ง และหากเกิดเครือข่ายการทำงานและเครือข่ายเด็กและเยาวชนในระดับตำบล ถ้าทำในทุกพื้นที่ทุกตำบลจะทำให้จังหวัดเข้มแข็งและประเทศเข้มแข็งได้ หากเอาทรัพยากรในพื้นที่มาเชื่อมโยงจะช่วยแก้ปัญหาการรวมศูนย์

ซึ่งในปี 53สำนักงานสถิติแห่งชาติ เก็บข้อมูลประชากรและประชากรแฝงในทุกพื้นที่จะช่วยเป็นข้อมูลพื้นฐานได้ เพราะอยากให้เก็บข้อมูลประชากรแต่ละช่วงวัยเป็นฐานข้อมูล ไม่อยากให้เก็บข้อมูลเฉพาะในโรงเรียน เพราะจะไม่ได้ข้อมูลเด็กที่หลุดออกจากระบบโรงเรียนไปแล้ว เพราะโรงเรียนส่วนใหญ่จะไม่รายงานเนื่องจากอาจตกเกณฑ์ประเมิน ทั้งนี้ทิศทางของการปฏิรูปประเทศไทยคือการกระจายอำนาจและคืนอำนาจให้กับท้องถิ่นมากขึ้นตามแผนชาติ ซึ่งมีระยะเวลา 5 ปี แต่ท้องถิ่นเองก็ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โดยต้องเป็นนักพัฒนา

ทั้งนี้การเรียนรู้ของทั้ง 2จังหวัดที่เห็นชัด คือ
1) การใช้ต้นทุนของชุมชน ทั้งทุนทางวัฒนธรรม ชาติพันธุ์ ผู้คน เพื่อใช้เป็นกลไกในการเชื่อมต่อกัน
2)การจัดระบบเครือข่ายเข้ามาร่วมทำงาน เช่น อบจ. อบต. วัด เราได้เรียนรู้การบริหารจัดการคนมามาก แต่การบริหารจัดการเครือข่าย เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เราจะต้องถอดรหัสออกมาเป็นองค์ความรู้เพื่อให้เกิดพลวัตรให้มากที่สุด ถ้าเราสามารถรวมคนเหล่านี้เข้ามา จะนำไปสู่การประกันความสำเร็จได้ และ
3) การจัดเวทีกลางที่มีผู้นำที่ดี แต่ประเด็นท้าทายคือการทำอย่างไรที่จะเชื่อมต่อกับคานงัดในระดับนโยบายเพื่อให้เกิดการยกระดับขึ้น 

พบบัตรเลือกตั้งที่ 29 เป็น เป็นของเขตเลือกตั้งที่ 6 ที่ถูก มวลชนปิดล้อมหน่วยเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา

กรณีพบบัตรเลือกตั้งที่ 29 เป็น เป็นของเขตเลือกตั้งที่ 6 ที่ถูก มวลชนปิดล้อมหน่วยเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กพ.ที่ผ่านมาและทิ้งบัตรไว้ที่หน่วยเลือกตั้งทำให้บัตรถูกนำออกจากหน่วยไป

ส่วนบรรยากาศที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช วันนี้่ ไม่มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม กปปส.นศ ส่วนราชการต่าง ๆ เปิดทำการตามปกติ

บัตรเลือกตั้งที่พบถูกทิ้งไว้ที่ใกล้แยกหนองดี อ.นาบอน เป็นบัตรเลือกตั้งที่ใช้เลือกตั้งจริง แต่หน่วยเลือกตั้งถูกมวลชนปิดล้อม ทำให้บัตรที่ถูกทิ้งไว้ที่หน่วยเลือกตั้งถูกนำออกไป

กกต.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงบัตรเลือกตั้งที่พบถูกทิ้งไว้ที่ใกล้แยกหนองดี อ.นาบอน เป็นบัตรเลือกตั้งที่ใช้เลือกตั้งจริง แต่หน่วยเลือกตั้งถูกมวลชนปิดล้อม ทำให้บัตรที่ถูกทิ้งไว้ที่หน่วยเลือกตั้งถูกนำออกไป และพร้อมจัดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น

จากกรณีที่ ชาวบ้าน ต.หนองดี อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช พบบัตรเลือกตั้งถูกทิ้งไว้บริเวณใกล้แยกหนองดี จำนวน 29 เล่ม เมื่อวานนี้ (วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557) และได้เกิดกระแสข่าวออกมาต่าง ๆ นั้น นายสมบัติ จันทรา ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวหลังทราบเรื่องดังกล่าวจากสื่อเมื่อวานนี้ ด้วยติดราชการที่จังหวัดชลบุรี แต่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว ทราบว่า บัตรเลือกตั้งดังกล่าวเป็นบัตรสำหรับหน่วยเลือกตั้งที่ 1 และ 2 โรงเรียนบ้านหนองคล้า อ.ทุ่งใหญ่ เขตเลือกตั้งที่ 6 ซึ่งได้เปิดหน่วยเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ ผ่านมา รับบัตรเลือกตั้งไป 31 เล่ม มีผู้มาใช้สิทธิ 29 คน แต่ได้มีมวลชน เข้ามาปิดล้อม คณะกรรมการการเลือกตั้งได้รีบออกจากหน่วยเลือกตั้งไป ทิ้งบัตรเลือกตั้งที่ยังไม่ได้ใช้อีก 29 เล่มไว้ ทำให้มีผู้นำออกไปจากหน่วยเลือกตั้งได้ ซึ่งคณะกรรมการได้แจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว

อย่างไรก็ตามวันนี้จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบรายละเอียดและติดตามเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง

สำหรับการเลือกตั้งในพื้นที่ที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ นั้นได้รายงานให้ กกต.ทราบอย่างละเอียดแล้วและแนวทางที่ออกมาในวันนี้ กกต.นครศรีธรรมราช พร้อมดำเนินการ 

จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรมเนื่องในวันชุมนุมลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เช้าวันนี้ (6 ก.พ. 57)  จังหวัดสงขลา จัดงานวันชุมนุมลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมถวายเครื่องสักการะต่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอยู่หัว และนำกล่าวปฏิญาณของลูกเสือและเนตรนารีอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีลูกเสือจากโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดสงขลาเข้าร่วมกว่า 150 คน

สำหรับวันชุมนุมลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือในการสร้างจิตสำนึกของลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2552 ณ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงเจตจำนงที่จะร่วมมือกันพัฒนาเยาวชน ผ่านกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ด้วยการบูรณาการสาระองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในกิจกรรมลูกเสือรูปแบบต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือพัฒนาเยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นพลเมืองไทยที่มีจิตสำนึกและมีความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต และมีส่วนร่วมตามบทบาทหน้าที่หรืออาชีพของตนในอนาคต เพื่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติ

วัตถุประสงค์ของโครงการลูกเสืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาจากแนวคิดที่เห็นความสำคัญของพลังเยาวชน โดยเฉพาะผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมทางการลูกเสือ ซึ่งเป็นผู้มีระเบียบวินัย มีความมุ่งมั่นประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ย่อมสามารถร่วมกันดูแลรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ตลอดไป

พี่น้องประชาชนทุกศาสนิกและทุกเชื้อชาติ ร่วมชมการแสดงกายกรรมซางไห่ จากประเทศจีน สร้างความสุขและความบันเทิงของผู้คนบนพื้นที่พหุวัฒนธรรม

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 (เวลา 19.00 น.) ที่อาคารพระเศวตรสุรคชาธาร สนามโรงพิธีช้างเผือก  อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิ์พันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา พันโทนายแพทย์เอนก ยมจินดา ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายอุดร น้อยทับทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นางอนงค์ศรี สิมศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา และพี่น้องประชาชนชาวยะลา รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงกว่า 10,000 คน ร่วมชมการแสดงกายกรรมซางไห่ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้รับเสียงปรบมือชื่นชมความสามารถของนักแสดงดังอย่างกึกก้อง

ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิ์พันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่าวันนี้ผมรู้สึกมีความสุขที่เห็นพี่น้องประชาชนทุกศาสนิกชน ทุกเชื้อชาติ มาร่วมชมการแสดงกายกรรมจากประเทศจีนอย่างมีความสุข เป็นการส่งเสริมพหุวัฒนธรรมของการอยู่ร่วมกันของพี่น้องในพื้นที่ ซึ่งอะไรก็ตามที่ทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ศอ.บต.จะสนับสนุนและทำสิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้น สำหรับประชาชนที่ชื่นชอบการแสดงกายกรรม ผมอยากเชิญชวนผู้ที่สนใจชมการแสดงกายกรรมอี้หลินจากสาธารณรัฐประเทศจีน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ ณ โรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะนำไปบำรุงซ่อมแซมโรงเรียนสงขลาวิทยามูลนิธิด้วย

ด้านนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ต้องขอบคุณทางเทศบาลนครยะลาที่ส่งเสริมการจัดงานประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นในทุกกิจกรรมของทุกศาสนาและทุกเชื้อชาติ ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงของเทศกาลตรุษจีน จึงได้จัดกิจกรรมสำหรับพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่ได้ชมการแสดงกายกรรมซางไห่ จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นกิจกรรมที่สามารถทำให้ประชาชนไม่เฉพาะแต่เพียงคนไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น แต่เป็นการรวมประชาชนคนไทยทุกเชื้อชาติทุกศาสนาให้ได้รับความสุข ความบันเทิง ความตื่นเต้น ความหวาดเสี่ยง เพื่อลดความตรึงเครียดจากสถานการณ์ต่างๆของบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองกับพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วย

คนพิการมาแต่กำเนิดและคนพิการเหยื่อไฟใต้ ในพื้นที่ยะลากว่า 1,000 คน ร่วมงานวันคนพิการสากล “ขจัดอุปสรรค เปิดโอกาส สู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน”

วันที่ 6 ก.พ.57 (เวลา 10.00 น.) ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2556 “ขจัดอุปสรรค เปิดโอกาส สู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” โดยมีนางอนงค์ศรี สิมศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา นายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา นายอับดุลอายี สาเม็ง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา นายเกษมสุข พสุนธราธรรม ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 2 จังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้ปกครอง นำผู้พิการในพื้นที่จังหวัดยะลา ผู้พิการจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา และเด็กด้อยโอกาส กว่า 1,000 คน เข้าร่วมในงาน

สำหรับวันคนพิการสากล ได้เกิดขึ้น สืบเนื่องจากองค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้ วันที่ 3 ธันวาคม ของทุก ๆ ปี เป็นวันคนพิการสากล สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจของสังคมต่อคนพิการ และให้โอกาสคนพิการ ได้ร่วมกิจกรรมของสังคมในทุก ๆ ด้านด้วยความเสมอภาค ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศสมาชิกได้จัดกิจกรรมงานวันคนพิการสากล ตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา สำหรับการจัดงานวันคนพิการสากล ในปีนี้สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ อุทกภัยของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนในหลายพื้นที่ ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้มีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนพิการ ครอบครัวคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่าย เพื่อนำไปสู่ในการพัฒนาสร้างสังคมบูรณาการที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสิทธิ ใช้ประโยชน์ได้ และมีความสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ในการมีส่วนร่วม และเป็นโอกาสสำคัญที่คนพิการจะได้แสดงพลัง“เพื่อสร้าง สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน และแสดงพลังแห่งการดำเนินชีวิต ในสังคมร่วมกันในสังคมบนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียม

ในการจัดงานวันคนพิการสากลของจังหวัดยะลาในครั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลาและสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการวันคนพิการสากล มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น การมอบประกาศเกียรติคุณยกย่องเชิดชูให้กับบุคคลและองค์กรที่ช่วยงานด้านคนพิการ การสาธิตการฝึกอาชีพ การตรวจสุขภาพ การมอบของขวัญและของที่ระลึกให้กับคนพิการ การแสดงกิจกรรมนันทนาการ การแสดงอานาซีด และการมอบเครื่องอุปโภค – บริโภค การจับฉลากมอบของรางวัล การแสดงความสามารถของผู้พิการ การให้ความรู้สิทธิประโยชน์แก่คนพิการ


ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

จังหวัดยะลาจัดกิจกรรม “ข้าราชการดี ศรียะลา” เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติข้าราชการที่ทำความดี มีคุณธรรม จริยธรรม

จังหวัดยะลา จัดกิจกรรม “ข้าราชการดี ศรียะลา” เพื่อให้ส่วนราชการทุกส่วนราชการเสนอชื่อข้าราชการที่กระทำความดี มีคุณธรรม จริยธรรม อุทิศตนทุ่มเท เสียสละ ซื่อสัตย์ สุจริต ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณเป็น “ข้าราชการดี ศรียะลา” ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือก เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2557 ณ ห้องประชุมพิกุล ศาลากลางจังหวัดยะลา
นายเดชรัฐ  สิมศิริ  ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา  ได้เปิดเผยถึงผลการพิจารณาข้าราชการดี ศรียะลา ทั้งหมด 3 สาขา  คือ กลุ่มที่ 1 สาขาการบริหารองค์กรดีเด่น ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ นายนิยม สองแก้ว แรงงานจังหวัดยะลา สำนักงานแรงงานจังหวัดยะลา  รองชนะเลิศอันดับ 1 นายสวัสดิ์  อภิวัจนีวงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา  รองชนะเลิศอันดับ 2  พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ  ผู้กำกับการ สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา  รางวัลชมเชย นายสมชาย ปานไม้ ขนส่งจังหวัดยะลา สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา

กลุ่มที่ 2 สาขา คุณธรรม จริยธรรม ทุ่มเท เสียสละ บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและสาธารณชน  ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ  นายศรัทธา ห้องทอง  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคลองน้ำใส อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2  รองชนะเลิศอันดับ 1 นายพีระพงษ์ ภาวสุทธิไพศิฐ  ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา  รองชนะเลิศอันดับ 2  นายเวสารัช คงนวลใย ตำแหน่ง นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยะลา  รางวัลชมเชย นางวรรณี เสือสิงห์  ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนสามแยกบ้านเนียง(สิทธิพันธ์อนุกูล) อำเภอเมืองยะลาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 1
กลุ่มที่ 3 สาขา การเสริมสร้างสันติสุข ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ  นายวชิระ อัลภาชน์  ตำแหน่ง ปลัดจังหวัดยะลา  ที่ทำการปกครองจังหวัดยะลา  รองชนะเลิศอันดับ 1  พ.ต.ต. ธนพล เยาวพักตร์ ตำแหน่ง สารวัตร กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา  รองชนะเลิศอันดับ 2  นายสุรยุทธ เอี่ยมสอาด ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยายะลา สำนักงานอุตุนิยมจังหวัดยะลา  รางวัลชมเชย นายพิชิต พนังคสิริ ตำแหน่ง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา        

เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 3 สาขานี้ จะได้รับโล่รางวัลในวันข้าราชการพลเรือน วันที่ 1 เมษายน 2557  นี้



กฤษฎาพร  ฐิธรรมโม ส.ปชส.ยะลา  ข่าว

คนร้ายปาระเบิด K75 ใส่ชาวบ้านกำลังเต้นแอโรบิคกลางเมืองยะลา โชคดีระเบิดไม่ทำงาน

วันที่ 6 ก.พ.57 เวลา 18.05 น. พ.ต.ท.พรหมพัฒน์ สนิทศรี รองผู้กำกับการ สภ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุคนร้ายโยนวัตถุระเบิดเข้าไปภายในศาลเจ้าแม่กวนอิม ในซอย 5 ธันวา เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา แต่ระเบิดไม่ทำงาน หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประยงค์ โครตสาขา ผู้กำกับการ สภ.ยะลา เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD-ARMY) ชุดศรศึก-ศรชัย ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา

ที่เกิดเหตุภายในศาลาเจ้าแม่กวนอิม บริเวณประตูทางเข้าอาคาร พบระเบิดชนิด เค 75 จำนวน 1 ลูก ตกอยู่ ซึ่งเป็นระเบิดสังหารที่ผลิตในประเทศเกาหลี มีอานุภาพทำลายล้างเทียบเท่าระเบิด เอ็ม 67 ที่มีระยะสังหาร 5 เมตร ระยะสร้างความเสียหายรัศมี 30 เมตร แต่ระเบิดไม่ทำงาน เนื่องจากกระเดื่องถูกถอดออก แต่สลักนิรภัยไม่ได้ถูกดึงออกไป

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีชาวบ้านทั้งชายและหญิง กว่า 10 คน กำลังเต้นแอโรบิค  บริเวณลานภายในศาลเจ้าแม่กวนอิม มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ทราบสียี่ห้อและหมายเลขทะเบียน มีผู้ชายเป็นผู้ขับขี่ มีผู้หญิงซ้อนท้ายแต่งกายด้วยชุดดาวะห์ ปกปิดใบหน้า โดยคนซ้อนท้ายได้ขว้างระเบิด เค 75 เข้าใส่  ชาวบ้านที่กำลังเต้นแอโรบิค แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินได้รับความเสียหาย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายต้องการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ หวังให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ทำการสอบสวนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดว่าสามารถจับภาพคนร้ายที่ก่อได้หรือไม่



ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

สนง.บังคับคดี นครฯ เตรียมจัดมหกรรมขายทอดตลาดบ้านและที่ดิน ทรัพย์ถูกตา ราคาถูกใจ มากกว่า 200 รายการ

นายคมเดช ชูวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราช กำหนดจัดมหกรรมขายทอดตลาดบ้านและที่ดิน มีทรัพย์ถูกตา ราคาถูกใจ มากกว่า 200 รายการ โดยทรัพย์ที่จะขาย มีทั้ง บ้านพร้อมที่ดิน ที่ดินสวน และที่ดินว่างเปล่า โดยจะทำการขาย ณ ห้องอรพินทร์ โรงแรมทวินโลตัส ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
นัดที่ 1 ขายวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557 นัดที่ 2 ขายวันที่ 8 มีนาคม 2557 และนัดที่ 3 ขายวันที่ 29 มีนาคม 2557

ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้กำหนดขายอีก 3 นัด ณ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราช ถ.เทวบุรี ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยนัดที่ 4 ขายในวันที่ 19 เมษายน 2557 นัดที่ 5 ขายวันที่ 10 พฤษภาคม 2557 และนัดที่ 6 ทำการขายวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 ทั้งนี้จะเปิดการลงทะเบียนผู้เข้าประมูลซื้อทรัพย์แต่ละนัด ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป

ผู้เข้าประมูลซื้อทรัพย์ต้องวางเงินประกันก่อนเข้าสู้ราคา ร้อยละ 5 ของราคาเริ่มต้นทรัพย์ในการขายแต่ละครั้ง ส่วนที่เหลือชำระภายใน 15 วัน ผู้สนใจสามารถตรวจดูรายการทรัพย์ได้ที่ www.led.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครศรีธรรมราช ถ.เทวบุรี ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โทรศัพท์ 075-340374-5

จ.นครศรีธรรมราช กำหนดจัดโครงการหน่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ชาวอำเภอหัวไทร ที่วัดแหลม

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช กำหนดจัดโครงการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 มีการนำหน่วยบริการของรัฐและภาคเอกชนให้บริการเชิงรุกในลักษณะของเคาน์เตอร์บริการ(Counter Service) แก่ประชาชนในพื้นที่ตำบล หมู่บ้าน พร้อมพบปะเยี่ยมเยียนหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำและผู้ทรงคุณวุฒิในอำเภอ รวมทั้งรับทราบปัญหาความต้องการของประชาชนนำไปสู่การแก้ไขเยียวยา สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2557 กำหนดออกปฏิบัติงานในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ณ วัดแหลม หมู่ที่ 2 ตำบลแหลม อำเภอหัวไทร เริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป สำหรับกิจกรรมจัดให้มีพิธีทางศาสนาทอดผ้าป่าสามัคคี พิธีถวายราชสักการะหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวปฏิญาณตนเทิดทูนสถาบัน ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีมหาราชา จากนั้นนายอำเภอบรรยายสรุปเสนอกรอบความคิดทิศทางการพัฒนาอำเภอ รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มอบของขวัญเด็กเล็ก มอบเครื่องอุปโภคบริโภคเครื่องนุ่งห่มแก่ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส มอบอุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียน มอบเงินทุนการศึกษาเด็กนักเรียน/เงินสงเคราะห์ครอบครัวยากจน จึงขอเชิญชวนชาวตำบลแหลม และพื้นที่ใกล้เคียงไปรับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ใด ๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป 

นราธิวาสเดินหน้าแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งหลังพบพื้นที่วิกฤต 2 แห่ง ขณะที่มีพื้นที่ภาพรวมได้รับผลกระทบ 7 แห่ง

( 6 ก.พ. 57 )  ที่ห้องประชุมชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายวีระพงศ์ แก้วสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมโครงการจัดทำแผนหลักและแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดจนประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมโครงการ เพื่อร่วมจัดทำแผนร่วมกัน

ในการประชุมครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลบ้างแล้ว รวมถึงวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในสภาพพื้นที่จริงและวิเคราะห์จากภาพถ่ายทางอากาศตั้งแต่ปี 2518 จนถึงปัจจุบัน

จากการสำรวจนั้นพบว่าพื้นที่จังหวัดนราธิวาสได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่งทั้งหมด 7 แห่ง ประกอบด้วยพื้นที่บริเวณบ้านโคกพะยอม – หาดนราทัศน์ ต.โคกเคียน อ.เมือง , บริเวณบ้านบึงฉลาม – บ้านกูบู – บ้านคลองตัน ตงไพรวัน – ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ , บริเวณบ้านทอน ต.โคกเคียน อ.เมือง , บริเวณบ้านปูลาเจ๊ะมูดอ – บ้านปุลาโต๊ะบีซู ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ , บริเวณบ้านเกาะยาว ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ , บริเวณอ่าวมะนาว ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง , บริเวณบ้านสะปอม ต.ไพรวัน อ.ตากใบ

และจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั้ง 7 มีการพิจารณาพื้นที่ที่ควรได้รับการจัดทำแผนและดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน 2 จุด คือ บ้านโคกพะยอม – หาดนราทัศน์ ต.โคกเคียน อ.เมือง และบริเวณบ้านบึงฉลาม – บ้านกูบู – บ้านคลองตัน ตงไพรวัน – ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ

อย่างไรก็ตามในการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นของการกัดเซาะชายฝั่งพบว่าในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสมีคลื่นลมทะเลแรงกว่าพื้นที่อื่นรวมถึงได้รับอิทธิพลมรสุมต่างๆบ่อยครั้ง และจากการก่อสร้างบริเวณน่านน้ำทำให้เกิดการกัดเซาะเกิดขึ้นด้วย




 นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงจับกุมเครือข่ายยาเสพติด คาดมีความเกี่ยวพันธ์กับการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อเวลา 10.00 น. ( 6 ก.พ. 57 ) ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พ.อ. จตุพร  กลัมพสุต หัวหน้าแผนกขจัดเงื่อนไขและภัยแทรกซ้อน สำนักงานบังคับกฎหมายและสิทธิมนุษยชนและนิติวิทยาศาสตร์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมผู้เกี่ยวข้อง  ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด และของผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านว่า  เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 5 คน บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 26 คน รถยนต์ จำนวน 2 คัน รถแมคโคร จำนวน 1 คัน อาวุธปืน จำนวน 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 57 นัด อาวุธมีด จำนวน 5 เล่ม วิทยุสื่อสาร จำนวน 3 เครื่อง สารโซเดียมคลอเรตและสารแอมโมเนี่ยมไนเตรต ซึ่งเป็นสารประกอบใช้ทำระบิด จำนวนหนึ่ง รวมถึงแผ่นบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเพลงปลุกใจ ภาพ และข้อความปลุกระดมมวลชนอีกทั้งเอกสารปลุกระดมมวลชนของกลุ่มก่อเหตุรุนแรง นอกจากนี้มียาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง

พ.อ.จตุพร  กลัมพสุต กล่าวว่า หลักฐานที่ตรวจพบ ยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายผู้ค้าเสพติด กลุ่มองค์กรอาชญากรรม และกลุ่มผู้ก่อรุนแรง โดยตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวบางราย เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งถูกให้ออกจากราชการเนื่องจากเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีพฤติกรรมอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งอาจทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่า การก่อเหตุบางครั้งเกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม จะได้สอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป



 นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

จ.ตรัง จัดงานวันนัดพบแรงงานและแนะแนวอาชีพ ให้กับนักศึกษาและผู้ว่างงานผู้ที่สนใจได้สมัครเข้าร่วมพร้อมสัมภาษณ์งานกับสถานประกอบการโดยตรง

ที่อาคารเรียนรวม 2 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง นายอมรเศรษฐ์ สุวรรณมาศ รองผู้ว่าราชการ จ.ตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันนัดพบแรงงาน และแนะแนวอาชีพ ซึ่งสำนักงานจัดหางานจังหวัดตรังร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง จัดงานวันนัดพบแรงงานและแนะแนวอาชีพ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้บริการแนะแนวอาชีพแชะส่งเสริมการประกอบอาชีพแก่นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เปิดโอกาสให้ผู้ว่างงานที่ต้องการหางานทำ ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงาน คนพิการ นักเรียน นักศึกษาที่จะสำเร็จการศึกษา ได้สมัครงานพบนายจ้างโดยตรงและนายจ้างสามารถรับสมัครและพิจารณาคัดเลือกพนักงานได้ตามต้องการ

สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมนัดพบแรงงาน เป็นการส่งเสริมการมีงานทำ โดยนายจ้าง/สถานประกอบการ มารับสมัครงาน สัมภาษณ์งานโดยตรง เพิ่มโอกาสการมีงานทำ โดยมีตำแหน่งว่าง จำนวน 112 ตำแหน่ง 779 อัตรา ซึ่งมีตำแหน่งที่น่าสนใจ ดังนี้ พนักงานขาย,เจ้าหน้าที่ธุรการ, พนักงานจัดเรียงสินค้า,พนักงานบัญชี,และพนักงานคลังสินค้า/ส่วนตำแหน่งว่างงานคนพิการ 8 ตำแหน่ง 33 อัตราซึ่งมีตำแหน่งที่น่าสนใจดังนี้ ตัวแทนขาย,พนักงานรวบรวมข้อมูล,พนักงานทำเอกสาร ขณะที่นายจ้างและสถานประกอบการเข้าร่วมรับสมัครงานจำนวน 30 ราย ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า/ค้าปลีก,โรงแรม/รีสอร์ท,ประกันชีวิต,สกัดน้ำมันปาล์มดิบ,จำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง ในส่วนของการแนวแนวอาชีพ ทดสอบความพร้อมทางอาชีพ ส่งเสริมการเรียนรุ้ด้านอาชีพ โดยการฝึกอาชีพอิสระจำนวน 6 อาชีพ ได้แก่ การทำพวงกุญแจผีเสื้อจากผ้าใยบัว, การทำการบูรหอม,การทำซูชิ,การทำผ้าเช็ดหน้าบาติก ,การทำขนมตาล,และการทำเทียนเจล นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการโลกอาชีพ โลกการศึกษา ของหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาและนิทรรศการให้บริการประชาชนของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งมีการเผยแพร่ข้อมูลอาชีพรวมจำนวน 16 แห่งด้วยกัน

หอการค้าจังหวัดตรัง ทำพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดพิธีวิวาห์ใต้สมุทร และขอให้การจัดงานเป็นไปอย่างราบรื่น

วันนี้ (6 ก.พ.) เวลา 07.00 น. ที่อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายสุรินทร์ โตทับเที่ยง รองประธานหอการค้าไทย นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง และหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ อดีตเจ้าเมืองตรัง และบิดาแห่งยางพาราไทย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเตรียมจัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ ซึ่งพิธีวิวาห์ใต้สมุทรที่มีการจัดขึ้นที่จังหวัดตรังนั้น ได้มีการจัดงานต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ 18 และยังคงมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเช่นทุกปี ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ให้เดินทางมากลับมาท่องเที่ยวภายหลังจากสถานการณ์ต่างๆเริ่มคลี่คลายไปในทาง ที่ดีขึ้น สำหรับการจัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทรที่จังหวัดตรังนั้นทางจังหวัดมุ่งหวังว่าจะเป็น การกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดตรังมากขึ้น การบวงสรวงในวันนี้เป็นการบวงสรวงโดยการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาสวดเจริญพระพุทธมนต์และทำพิธีทางศาสนาพราหมณ์ ซึ่งการบวงสรวงจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ที่จัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร ในปีนี้มีคู่บ่าวสาวร่วมพิธี 31 คู่ เป็นชาวต่างชาติ 5 คู่

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ตรัง ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารเรียน คสล.8 ชั้น

ที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ตรัง ฯพณฯ ชวน หลีกภัย ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายแพทย์ ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศ เขต 12 และนายแพทย์ วิฑูรย์ เหลืองดิลก นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดตรัง ร่วมเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารเรียน คสล.ชั้น 8 ชั้น โดยมี ดร.ขวัญตา บุญวาศ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ตรัง กล่าวรายงาน วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ตรัง เป็นสถาบันอุดมศึกษา สังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข ก่อตั้งขึ้นเป็นอันดับที่ 23 ในจำนวน 29 แห่ง โดยดำริของ ฯพณฯ ชวน หลีกภัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นของการผลิตบุคลากรทางด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพ เพื่อให้บริการได้ครอบคลุมทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคใต้แถบชายฝั่งอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงมาจนถึงจังหวัดพัทลุง ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีวิทยาลัยพยาบาล และจังหวัดตรังเป็นพื้นที่เหมาะสมแก่การประสานงานกับจังหวัดอื่น ๆ คณะผู้ริเริ่มดำเนินการประกอบด้วยบุคลากรหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนจังหวัดตรัง โดย ฯพณฯ ชวน หลีกภัย ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ขอการสนับสนุนการจัดตั้งวิทยาลัยพยาบาลในที่สุดในพื้นที่ก่อสร้างอาคาร จำนวน 19 ไร่เศษ ในราคา 7.7 ล้านบาท โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง จำนวน 3.5 ล้านบาท เทศบาลนครตรัง 4 ล้านบาท และตระกูลจันทรสกุล จำนวน 2 แสนบาท สืบเนื่องจากนโยบายการเพิ่มจำนวนการผลิตของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตอบสนองความต้องการพยาบาล ซึ่งเป็นบุคลากรสาขาขาดแคลนของประเทศ ส่งผลให้วิทยาลัยมีห้องเรียนและหอพักไม่เพียงพอต่อจำนวนนักศึกษาที่เพิ่มขึ้นทุกปี จึงได้ดำเนินการจัดทำคำของบประมาณการก่อสร้างอาคารเรียน คสล.8 ชั้น ซึ่งเป็นแบบที่ทันสมัย เน้นพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 8,540 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร ได้รับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเป็นงบผูกพัน 3 ปี คือ ปีงบประมาณ 2556-2558 จำนวน 127,154,700 บาท และใช้เงินรายได้สมทบอีก 6,095,300 บาท รวมค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง เป็นเงิน 133,250,000 บาท

เกษตรจังหวัดกระบี่สัมมนาเครือข่ายการผลิตปาล์มน้ำมันคุณภาพ

วันนี้ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕7 นายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเครือข่ายการผลิตปาล์มน้ำมันคุณภาพแก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรแกนนำศูนย์เรียนรู้ปาล์มน้ำมันชุมชนตำบล ตามโครงการพัฒนาศักยภาพครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อการผลิตน้ำมันอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมี นายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวรายงาน ผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วย เกษตรอำเภอ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรผู้รับผิดชอบงานปาล์มน้ำมันอำเภอและเกษตรกรแกนนำศูนย์เรียนรู้ปาล์มน้ำมันชุมชนตำบล จำนวน 100 คน

จังหวัดกระบี่มีการปลูกปาล์มน้ำมันมากที่สุดของประเทศ ซึ่งปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สร้างรายได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดและมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต มีพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากกว่า 22,000 ครัวเรือน มีเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมันตั้งแต่ 2-5 ไร่ จนถึงผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทมหาชนมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 10,000 ไร่ มีแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน และองค์ความรู้ด้านปาล์มน้ำมันที่ครบวงจรที่จังหวัดกระบี่ ที่พร้อมจะให้เกษตรกร ผู้ประกอบการทั้งในและต่างจังหวัด ได้เข้ามาเรียนรู้จนอาจจะเรียกได้ว่าเมื่อกล่าวถึงปาล์มน้ำมันจะต้องนึกถึงจังหวัดกระบี่

ปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งในกระบวนการผลิตปาล์มน้ำมัน คือคุณภาพปาล์มน้ำมันที่เก็บเกี่ยวปาล์มดิบรวมทั้งต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะปุ๋ย เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นพืชอายุยาว ดังนั้นในการบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมัน จะต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เพราะหากมีการบริหารจัดการผิดพลาดไปในช่วงแรกก็จะมีผลต่อการให้ผลผลิตในช่วงต่อไปของปาล์มน้ำมันการบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมัน การใช้ปุ๋ย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดว่าการจัดการสวนมีประสิทธิภาพมากหรือน้อย เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่ต้องการใช้ปุ๋ย ในปริมาณมาก พบว่าค่าใช้จ่ายมากกว่า 50% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เป็นต้นทุน เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อปุ๋ยเพื่อใส่ให้ปาล์มน้ำมัน สาเหตุหนึ่งที่ปาล์มน้ำมันต้องการปุ๋ยในปริมาณมาก เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่ให้ผลผลิตทั้งปี

ดังนั้นการใช้ปุ๋ยในปาล์มน้ำมันจำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพราะหากมีการใช้ปุ๋ยในปริมาณที่น้อยกว่าความต้องการของปาล์มน้ำมัน ก็จะทำให้ ผลผลิตลดลง ในทางตรงกันข้าม หากมีการใช้ปุ๋ยในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะทำให้สิ้นเปลือง เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต นอกจากปริมาณของปุ๋ยที่เหมาะสมแล้ว ความเหมาะสมของสัดส่วนปุ๋ยแต่ละชนิดก็มีความสำคัญ เช่นเดียวกับการใช้ปุ๋ยเพียงชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ทำให้สัดส่วนของความต้องการปุ๋ยมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีผลทำให้ผลผลิตลดลงได้

ปัจจุบันการใส่ปุ๋ยพืชอย่างถูกต้องและเหมาะสม ควรมีการวิเคราะห์ปริมาณอาหารที่มีอยู่ในพืช เพื่อให้ทราบถึงความต้องการปริมาณและชนิดของธาตุอาหารที่มีในพืชว่าเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตหรือไม่ หากทราบข้อมูลดังกล่าวจะทำให้มีการใช้ปุ๋ยได้ถูกต้อง ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนการผลิตในการใช้ปุ๋ยได้ประมาณ 20-30% และจะสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ การสัมมนาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรแกนนำศูนย์เรียนรู้ปาล์มน้ำมันชุมชนตำบล ได้นำความรู้ไปปฏิบัติในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการผลิตปาล์มน้ำมันของจังหวัดกระบี่ก็จะประสบผลสำเร็จและก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป