วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน หรือ ปิดอ่าว ประจำปี 2557

 ปิดอ่าว 3 จังหวัด 3 เดือน เพื่ออนุรักษ์สัตว์น้ำ

(13 ก.พ.57) ที่ท่าเทียบเรือเทศบาลปากน้ำชุมพร ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เป็นประธาน ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน หรือ ปิดอ่าว ประจำปี 2557 โดยมี นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล อธิบดีกรมประมง นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย ผู้บริหารกรมประมง ตัวแทนสมาคมประมง จาก จ. ชุมพร จ.ประจวบคิรีขันธ์ และ จ.สุราษฎร์ธานี ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ ร่วมพิธีหลายพันคน

มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ ในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน หรือ ปิดอ่าว บังคับใช้มาตั้งแต่ พ.ศ.2496 มีการปรับปรุงแก้ไขให้มีความเหมาะสมหลายครั้ง ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ใช้บังคับในปัจจุบัน เป็นประกาศ ฉบับ ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-15 พ.ค. ของทุกปี เป็นระยะเวลาห้ามทำการประมง ด้วยเครื่องมือประมงบางชนิด ในพื้นที่ประมาณ 26,400 ตารางกิโลเมตร หรือ 16.5 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ทะเล บางส่วนของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้จากการประเมินผลทางวิชาการ ตามมาตรการปิดอ่าว ในแต่ละปี พบว่าทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาทู ฟื้นฟูได้อย่างเห็นชัดเจน มีปริมาณการจับเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนปิดอ่าวมากกว่า 2 เท่า สามารถรักษาระดับปริมาณเฉลี่ยได้กว่า 1 แสนตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท

การประกาศปิดอ่าวจึงเป็นแนวทางอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ที่ชาวประมงต้องช่วยกันปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัด

โครงการอบรมแกนนำนักศึกษา กศน.อำเภอเมืองภูเก็ต

สำนักงานการศึกษานอกระบบอำเภอเมืองภูเก็ตจัดโครงการอบรมแกนนำนักศึกษา กศน.อำเภอเมืองภูเก็ต

ที่ห้องประชุม กศน.อำเภอเมืองภูเก็ตนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานปิดโครงการอบรมแกนนำนักศึกษา กศน.อำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา เทิดไท้องค์ราชัน ประจำปี 2557 ที่สำนักงานการศึกษานอกระบบอำเภอเมืองภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรม 232 คน มีผู้ผ่านการอบรม 228 คน แบ่งเป็นชาย 97 คน หญิง 131 คน และมีครูผู้ดูแล จำนวน 24 คน เพื่อให้นักศึกษารู้โทษภัยและอันตรายจากยาเสพติด เพื่อให้รู้วิธีป้องกัน หลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากยาเสพ

นายนิโอะ นิมุ ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษานอกระบบจังหวัดภูเก็ตกล่าวด้วยกระทรวงศึกษาธิการ รับมอบนโยบายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากรัฐบาล ตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด แผนงานที่3โดยการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันปัญหายาเสพติด โดยมีสถานศึกษาในสังกัดกระทรวง ศึกษาธิ การจัดกิจกรรมสร้างภูมิคุ้มกัน และกิจกรรมป้องกันและเฝ้าระวังยาเสพติดในสถานศึกษาให้ครอบคลุมทุกสถานศึกษา โดยมีกลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ คือสถานศึกษาต้องมีกลยุทธ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่สอดคล้องกับ สภาพปัญหายาเสพติดและบริบทพื้นที่ สถานศึกษาต้องมีแผนงานยาเสพติดในสถานศึกษาที่ชัดเจน ส่วนสถานศึกษาต้องพัฒนาระบบงานรองรับยุทธศาสตร์ 4 ระบบ คือ ป้องกัน เฝ้าระวังดูแลช่วยเหลือ และกลยุทธ์ 4 ต้อง การบริหารจัดการสถานศึกษาต้องมีเครือข่ายการทำงานระหว่างครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ส่วน 2 ไม่ คือ 1.สถานศึกษาไม่ปกปิดข้อมูล กลุ่มเสพ กลุ่มติด กลุ่มค้ายา และไม่ผลักดันปัญหา ไม่ไล่นักเรียนออกจากสถานศึกษา แต่ต้องนำไปบำบัดรักษาแก้ไข และให้กลับมาเรียนใหม่ได้เป็นปกติ "โครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง 

ยอดสั่งดอกไม้ ทั้งดอกกุหลาบรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ และดอกไม้บูชาพระ รับวันมาฆบูชา

ผู้ค้าดอกไม้ในตลาดเขตเทศบาลเมืองระนอง เพิ่มยอดสั่งดอกไม้ ทั้งดอกกุหลาบรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ และดอกไม้บูชาพระ รับวันมาฆบูชา ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลวันแห่งความรัก หรือวาเลนไทน์ ผู้ค้าดอกไม้ในจังหวัดระนอง เช่นที่ตลาดล่างใกล้ตลาดสดเทศบาลเมืองระนอง มีการสั่งดอกไม้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะดอกกุหลาบ ที่ยังคงเป็นที่นิยมของการนำไปมอบให้แก่กันในวันแห่งความรัก แม้ราคาส่งจะปรับสูงขึ้น จนส่งผลให้ต้องปรับราคาขายจากปีที่แล้วสูงถึงร้อยละ 50 คือดอกเดี่ยวจากเดิมราคาดอกละ 10 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 13 ถึง 15 บาท

ซึ่งจากการสำรวจพบว่าบางร้านเก็บดอกกุหลาบที่สั่งมาจากกรุงเทพ ฯ รักษาอุณหภูมิไว้ยังไม่นำออกมาจำหน่ายหน้าร้าน เพื่อเตรียมวางจำหน่ายในวันที่ 13 ถึง 14 กุมภาพันธ์ เพื่อรักษาความสดและป้องกันกลีบช้ำ โดยสีที่นิยมยังคงเป็นดอกกุหลาบสีแดงและสีชมพู นอกจากดอกกุหลาบแล้ว ร้านค้าดอกไม้ในจังหวัดระนอง ยังมีการสั่งดอกไม้บูชาพระเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เพราะในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ยังตรงกับวันมาฆบูชาอีกด้วย

ในพื้นที่จังหวัดระนอง มีชาวพม่าที่นับถือศาสนาพุทธอยู่เป็นจำนวนมาก และนิยมนำดอกหมากสีขาว ไปไหว้บูชาพระ จึงมีการสั่งดอกหมากจากผู้ค้าส่งในประเทศมาเลเซียมาเพิ่มในช่วงนี้ แม้จะมีราคาสูงถึงกำละ 120 บาท แต่ก็ยังมีผู้นิยมซื้อหาอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าการซื้อขายดอกไม้ในช่วงวันที่ 13 ถึง 14 กุมภาพันธ์ของจังหวัดระนอง จะคึกคักอย่างแน่นอน เนื่องจากดอกไม้ยังคงเป็นสัญลักษณ์แทนความรู้สึกในวันแห่งความรัก และแสดงความสักการะด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่องในเทศกาลวันมาฆบูชา

สภากาแฟยามเช้าร่วมเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการ

ผวจ.ภูเก็ตขับเคลื่อนส่วนราชการผ่าน สภากาแฟยามเช้า เพื่อเป็นการพบปะ ร่วมหารือเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการ

เมื่อเวลา 07.30 น. (13 ก.พ.57) ที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นางสาวสมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมกิจกรรม "กาแฟยามเช้า”

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวขอบคุณส่วนราชการภายหลังการร่วมวงสนทนาด้วยส่วนราชการทุกหน่วยงานที่ตั้งใจปฎิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการที่ดีท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งบางหน่วยงานสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้แล้ว โดยเฉพาะสำนักงานหนังสือเดินทาง ที่มีประชาชนที่มีความประสงค์เดินทางไปต่างประเทศเปิดดำเนินการมาแล้วเป็นวันที่ 4 มีผู้ต้องการทำหนังสือเดินทางเป็นจำนวนมากบางรายมารอคิดตั้งแต่เที่ยงคืน ขณะนี้คิวในการทำเต็มทุกวันล้นไปจนถึงวันอังคารแล้วและวันศุกร์นี้ทางสำนักงานก็เป็นให้บริการตามปกติแม้จะเป็นวันหยุดราชการก็ตาม

สำหรับหน่วยงานส่วนราชการอื่นต้องรอแนวโน้มทางการเมืองก่อนว่าสามารถเปิดให้บริการวันไหน หากส่วนราชการหน่วยงานไหนมีปัญหาตนพร้อมให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ สำหรับกิจกรรม "กาแฟยามเช้า”จัดขึ้นเพื่อพบปะเเละร่วมหารือเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการประสานงานให้มีประสิทธิภาพ ประสานความร่วมมือ กระชับความสัมพันธ์ของบุคลากรในจังหวัดภูเก็ต ทุกภาคส่วน กิจกรรม "กาแฟยามเช้า" มีกำหนดการจัดในวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่สองของเดือนเป็นประจำทุกเดือน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพ ซึ่งสัปดาห์หน้า(20 ก.พ.57) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพในการจัดต่อไป

กกต.กำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ทั่วประเทศแล้ว 30 มี.ค.57 ส่วนล่วงหน้าทั้งในและนอกเขตจังหวัดเลือก 23 มี.ค.คาดมีผู้ลงสมัครไม่ต่ำกว่า 5 คน ส่วนส.ส.เลือกอีกครั้ง 27 เม.ย.นี้

กกต.กำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ทั่วประเทศแล้ว 30 มี.ค.57 ส่วนล่วงหน้าทั้งในและนอกเขตจังหวัดเลือก 23 มี.ค.คาดมีผู้ลงสมัครไม่ต่ำกว่า 5 คน ทั้งนักกฎหมาย นักการเมืองท้องถิ่นและนักวิชาการ ส่วนส.ส.เลือกอีกครั้ง 27 เม.ย.นี้

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (13 ก.พ.57) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดภูเก็ต นายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดภูเก็ต แถลงข่าวการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ว่า คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ว.แบบเลือกตั้ง ซึ่งจะครบวาระ 6 ปี ในวันที่ 1 มีนาคม 2557 นี้ พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 30 มีนาคม 2557 และจะมีการรับสมัครระหว่างวันที่ 4 - 8 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. ณ ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต

โดยในส่วนของภูเก็ตนั้น มีสมาชิกวุฒิสภาได้ 1 คน มีประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งทั้จังหวัด 261,580 คน หน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 363 หน่วย ซึ่งผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งได้จะต้องเกิดก่อนวันที่ 3 มกราคม 2539 และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับจากวันเลือกตั้ง

สำหรับวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขตจังหวัดนั้น กำหนดเป็นวันที่ 23 มีนาคม2557 ตั้งแต่เวลา 08.00 - 15.00 น. โดยนอกเขตจังหวัดนั้นกำหนดที่บริเวณศาลาประชาคม ส่วนในเขตจังหวัดน่าจะจัดอำเภอละ 1 จุด อำเภอเมือง ลงคะแนนได้ที่หอประชุมเทศบาลนครภูเก็ต อำเภอกะทู้ ที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาล 2 บ้านกะทู้ อำเภอถลาง ที่หอประชุมโรงเรียนถลางพระนางสร้าง

ซึ่งผู้ที่จะลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าได้นั้น จะต้องลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งกำหนดไว้ในระหว่างวันที่ 10 - 14 มีนาคม 2557 กรณีเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจังหวัด ณ สำนักงานทะเบียนอำเภอ และสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ส่วนการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด สามารถดำเนินการได้ก่อนการเลือกตั้ง 30 วัน โดยสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สำนักทะเบียนที่มีชื่ออยู่ หรือจะลงทะเบียนทางไปรษณีย์ หรือให้คนอื่นไปลงทะเบียนให้ก็ได้ ส่วนผู้ที่เคยลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตไว้แล้ว หากไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงที่ลงคะแนนสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตได้ตามวันและเวลาที่กำหนด แต่สำหรับผู้ที่ต้องการถอนการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด สามารถมาดำเนินการได้ที่สำนักงาน กกต.จังหวัดภูเก็ต ภายในวันที่ 14 - 28 กุมภาพันธ์ 2557

นอกจากนี้ นายกิตติพงษ์ ยังได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ภูเก็ต ด้วยคาดการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้สมัครไม่ต่ำกว่า 5 - 6 คน จากผู้ที่มาติดต่อสอบถามข้อมูลจาก กกต.ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมีทั้ง นักกฎหมาย นักการเมืองท้องถิ่น และนักวิชาการ เป็นต้น ซึ่งการแข่งขันก็ไม่น่าจะรุนแรง เนื่องจากผู้สมัครไม่สามารถหาเสียงได้ ทำได้เพียงการแนะนำตัว ซึ่งในส่วนนี้ทาง กกต.จะจัดเวทีให้ผู้สมัครได้แนะนำตัวกับประชาชนชาวภูเก็ตหลังมีการรับสมัครเลือกตั้งแล้ว
ขณะที่การตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ หรือ ส.ส.หลังจากที่ไม่สามารถเลือกได้ในวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา

จากการประชุมผอ.กกต.ในจังหวัดที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ทั้งหมดและเลือกตั้งได้บางเขต เมื่อวันที่ 12 ก.พ.  ทาง กกต. มีมติให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 27 เมษายน 2557 ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น จะมีการเลือกตั้งทั้ง 2 เขต โดยเขต 1 เลือกเฉพาะส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ส่วนเขต 2 เลือกทั้งส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ และในวันที่ 20 เมษายน 2557 นั้นจะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขตจังหวัด ทดแทนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีกลุ่ม กปปส.ภูเก็ต ทำการปิดล้อมสถานที่เลือกตั้ง

กรมประมง ประกาศปิดอ่าว 3 เดือน เปิดโอกาสให้สัตว์น้ำขยายพันธุ์

กรมประมงประกาศปิดอ่าว 3 เดือน เปิดโอกาสให้สัตว์น้ำขยายพันธุ์

นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูปลาที่มีไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.- 15 พ.ค. 2557 ครอบคลุม ในพื้นที่ จังหวัดประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์

วันนี้ (13 ก.พ. 57) ณ ท่าเทียบเรือเทศบาลปากน้ำชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีประกาศปิดอ่าวฝั่งทะเลอ่าวไทย โดยมีนายนิวัติ สุธีมีชัยกุล อธิบดีกรมประมง และนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมประมง และประชาชน ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก

นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมประมง ได้ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูปลาที่มีไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.- 15 พ.ค. 2557 ครอบคลุมพื้นที่ทำการประมงประมาณ 26,400 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์นั้น โดยในปีที่ผ่านมา ผลจากการสำรวจสภาวะทรัพยากรบริเวณเขตปิดอ่าว พบว่า ในช่วงก่อนปิดอ่าว มีอัตราการจับเท่ากับ 34.64 กิโลกรัม/ชั่วโมง แต่ในช่วงระหว่างปิดอ่าว มีอัตราการจับเท่ากับ 49.71 กิโลกรัม/ชั่วโมง ซึ่งเพิ่มขึ้น ถึง 1.44 เท่า และหลังปิดอ่าว ในเดือนพฤษภาคม มีอัตราการจับเท่ากับ 46.28 กิโลกรัม/ชั่วโมง ซึ่งยังคงสูงกว่าช่วงก่อนปิดอ่าว 1.19 เท่า ปลาหน้าดินที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิดที่เคยหายไป ตลอดจนทรัพยากรสัตว์น้ำที่ลดน้อยลง จากการทำประมงที่มากเกินสมดุลของธรรมชาติ ที่จะผลิตทดแทนได้ทัน (Over fishing) กลับมาฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จึงสามารถยืนยันได้ว่ามาตรการปิดอ่าวฝั่งทะเลอ่าวไทย สามารถรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำที่กำลังมีไข่ และเข้ามาวางไข่เลี้ยงลูก ให้เพิ่มปริมาณขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปลาทู ซึ่งเป็นทรัพยากรสัตว์น้ำเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับการประกาศใช้มาตรการดังกล่าว ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ไม่มีการผ่อนผัน พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือจากชาวประมง และทุกคนในชุมชนร่วมแรงร่วมใจกันดำเนินการตามมาตรการปิดอ่าว ซึ่งจะส่งผลดีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำในระยะยาวต่อไป

นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล อธิบดีกรมประมง กล่าวด้วย ขณะนี้เป็นช่วงฤดูที่สัตว์น้ำในฝั่งทะเลอ่าวไทยกำลังมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน กรมประมงได้ตระหนักถึงความสำคัญ และจำเป็นที่จะต้องดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำ เนื่องจากปัจจุบันทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศไทยได้ลดจำนวนลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้เครื่องประมงที่มีความสามารถสูงทำการประมง ดังนั้นการกำหนดให้มีการใช้มาตรการปิดอ่าวทะเลฝั่งอ่าวไทย เป็นระยะ 3 เดือนของทุกปี จะช่วยสัตว์น้ำให้เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการแพร่ขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำในช่วงเวลานี้ 

ศอ.บต.ปล่อยคาราวานอบอุ่นรักฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้พิการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้ 13ก.พ.57 ที่ ห้องประชุมอาคารเอนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้  เป็นประธานในพิธีปล่อยคาราวานอบอุ่นรักเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้พิการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายวิเชียรโชค เพช็รภักดี รักษาการผู้อำนวยการสำนักการให้การช่วยเหลือเยียวยา ในนามของผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย ดร.มะรอนิง สาแลมิง รองเลขาธิการ ศอ.บต. นายสิทธิชัย ศักดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้พิการ ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้การต้อนรับ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า คาราวาน ที่นอนอุ่นรักเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้พิการ (The Beds of love) เป็นความร่วมมือระหว่าง ศอ.บต.โดยสำนักการให้การช่วยเหลือเยียวยา สำนักประสานนโยบายเศรษกิจและสังคม และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้พิการเพื่อมอบอุปกรณ์เครื่องนอนถึงบ้าน พร้อมทั้งรับทราบปัญหาความต้องการของผู้พิการ เพื่อนำมาพิจารณาให้การดูแลเพิ่มเติมต่อไป โดยเครื่องนอน 1 ชุด ประกอบด้วย เบาะรองนอนหุ้มหนัง PVC ขนาดกว้าง 3.5 ฟุต ยาว 6.5 ฟุต หนา 4 นิ้ว แบบ 3 พับ วัสดุภายในที่นอน3 ชั้น ประกอบด้วย ฟองน้ำหนา 1 นิ้ว ใยมะพร้าวหนา 2 นิ้ว และฟองน้ำหนา 1 นิ้ว จำนวน 1 ใบ หมอนหุ้มหนัง PVC ขนาดกว้าง 18 นิ้ว ยาว 26 นิ้ว หนา 4 นิ้ว วัสดุภายในทำจากฟองน้ำ จำนวน 1ใบ ปลอกหมอนสีขาวทำจากผ้า TC.210 เส้น จำนวน 1 ชิ้น ผ้าปูที่นอนรัดมุมสีขาวทำจากผ้า TC.210 เส้น ขนาด 3.5 ฟุต จำนวน 1 ผืน ผ้าห่มสีครีม ขนาดกว้าง 60 นิ้ว ยาว 80 นิ้ว ทำจากผ้า TC.190 เส้น วัสดุภายในเส้นใยโพลีเอสเตอร์ จำนวน 1 ผืน ซึ่งวัสดุของที่นอนที่นำมาทำเป็นวัสดุที่ประกอบขึ้นจากยางพารา โดยมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยป้องกันแผลกดทับของผู้ป่วยและเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่ายางพาราในพื้นทีเพราะวัตถุดิบและกระบวนการผลิตทั้งหมดอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


  นายนิแอ  สามะอาลี / ภาพข่าว

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งทบทวนแผน รปภ.ใหม่ หลังคนร้ายก่อเหตุคนร้ายยิงพระ ชาวบ้านเสียชีวิต และ เหตุฆ่าแล้วเผา เน้นเป้าหมายอ่อนแอ

วันนี้ 13 ก.พ.57 พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงฆ่าแล้วเผาทำลายศพราษฎรในพื้นที่อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 9 และ 12 ก.พ 57 พร้อมกับโปรยแผ่นใบปลิวว่าเป็นการตอบโต้ให้เด็ก 3 คน ซึ่งถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเช้านี้ (13 ก.พ.57) ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงชุดรักษาความปลอดภัยพระ นปพ.22 ทำให้พระสงฆ์มรณะภาพ 1 รูป ชาวบ้านเสียชีวิต 3 ราย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย เหตุเกิดบริเวณบ้านศาลาใหม่ หมู่ 1 ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้อ้างว่าเป็นการตอบโต้ กรณีที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเด็กเสียชีวิต 3 คน ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.พ.57 ที่ผ่านมานั้น

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทาง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติผู้ที่เสียชีวิต จากการกระทำอย่างโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่มีพฤติกรรมสุดโต่ง เผด็จการและก่อการร้าย โดยพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ใช้ความรุนแรง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือ การฉกฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ก่อขึ้น แล้วบิดเบือนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่แล้วมาอ้างความชอบธรรมในการตอบโต้ โดยใช้ชีวิตพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์มาเป็นเหยื่อของสถานการณ์ เพื่อผลประโยชน์ของขบวนการเท่านั้น ดังนั้น การเรียกหาความเป็นธรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและองค์กรเครือข่าย ด้วยการทำร้ายพี่น้องประชาชนต่างศาสนิก เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการประณาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายศพ ถือเป็นการกระทำของพวกนอกศาสนา เพราะขัดกับบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงมาปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มิใช่มาทำสงคราม เพราะในพื้นที่แห่งนี้ ไม่ใช่เป็นพื้นที่สงคราม ดังเช่นที่องค์กรต่างๆ กำลังที่จะใช้ความพยายามนำมากล่าวอ้างบิดเบือน แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ก่อเหตุรุนแรงและอาชญากรที่กระทำผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อความมั่นคง

ซึ่งขณะนี้ทาง พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่และได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด และ ได้สั่งการให้มีการทบทวนมาตรการและเพิ่มความเข้มในการรักษาความความปลอดภัยพื้นที่ให้รัดกุมกว่าเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นย่านของชุมชนชาวไทยพุทธ และ พื้นที่เสี่ยงที่เป็นเป้าหมาย อ่อนแอ ที่กลุ่มคนร้ายอาจฉวยโอกาสในการลงมือก่อเหตุได้



นายนิแอ  สามะอาลี / ภาพข่าว

โรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้รับสมัครเยาวชนเพื่อเข้าฝึกอบรมสายอาชีพ หลักสูตร 1 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

โรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชหฤทัยห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีต่อเยาวชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา จึงได้พระราชทานแนวทางการจัดการศึกษาตามรูปแบบโรงเรียนพระดาบส  โดยปรับรูปแบบบางประการเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพสังคม ศาสนาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิพระดาบส  หน่วยงานราชการ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา องค์กรเอกชน และสถานประกอบการต่างๆ เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ศึกษาเล่าเรียนทางด้านสายอาชีพ หลักสูตร 1 ปี ประกอบด้วย 1 ช่างซ่อมและบำรุงรักษารถยนต์ 2 ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ 3 ช่างซ่อมเครื่องจักรกลการเกษตร

โดยจะรับสมัครเยาชนเข้าฝึกอบรมสายอาชีพโดยมีรายละเอียด ดังนี้ คุณสมบัติเข้ารับการศึกษา เป็นผู้ที่ขาดโอกาสทางการศึกษาและขาดแคลนทุนทรัพย์  มีอายุระหว่าง 18-25 ปี  สามารถอ่านออกเขียนได้ และคำนวณอย่าง่ายๆ ได้  เป็นผู้ที่มีความพร้อมที่เข้ารับการศึกษาแบบอยู่ประจำตลอดหลักสูตร 1 ปีและไม่มีภาระผูกพันกับทางบ้านหรือการอื่นใดที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาหรือไม่ติดภาระการเกณฑ์ทหาร  มีความตั้งใจจริงที่จะรับการอบรมวิชาชีพ ศีลธรรม และวินัยในการดำรงชีวิต ปฏิบัติตามระเบียบและกิจวัตรประจำวันของโรงเรียนโดยเคร่งครัด เลิกอบายมุข บุหรี่ สุราสิ่งเสพติดทุกชนิด

หลักฐานที่ใช้ในการสมัคร อาทิ  รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวกและแว่นตาดำขนาด 1 นิ้ว จำนวน 4 รูป สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 2 ฉบับ  สำเนาบัตรประชาชน (หรือเอกสารอื่นที่แสดงสภาพบุคคล) จำนวน 2 ฉบับ  สำเนาวุฒิการศึกษา (ถ้ามี) จำนวน 1 ฉบับ และเอกสารอื่นๆเช่น หนังสือรับรองฐานะทางการเงินของครัวครอบ หนังสือรับรองความประพฤติจากผู้นำท้องถิ่น   ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในระหว่างการศึกษา ศิษย์พระดาบสไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยจะได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณเป็นทุนการศึกษาที่รวมถึงค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน อาหาร ที่พัก

กำหนดการรับสมัคร ระหว่างวันที่ 1 – 15 มีนาคม 2557 ณ อาคารสำนักงานโรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้  (ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนยะลา) ถ.สุขยางค์ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ในวันและเวลาราชการ  สอบถามเพิ่มเติมโทรศัพท์0-7325-7949

วันราชภัฏ 57 ย้ำ สถาบันช่วยสร้างบุคลากรทางการศึกษาแก่ท้องถิ่นมายาวนาน

วันที่ 13 ก.พ.57 (เวลา 10.00 น.) ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา พันตำรวจเอกทวี  สอดส่อง  เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานในงาน “วันราชภัฏ 57” โดยมีนายเดชรัฐ  สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นางอนงค์ศรี สิมศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา คณะผู้บริหาร อาจารย์ นักศึกษา เข้าร่วมงานกว่าพันคน

โดยในช่วงเช้า เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ร่วมปลูกดอกจันทร์กระพ้อ ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในบริเวณรั้วมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นเดินทางเป็นประธานเปิดงาน“วันราชภัฏ 57” ซึ่ง  พันตำรวจเอกทวี  สอดส่อง  เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เปิดกรวยสักการะ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และกล่าวถวายราชสดุดี เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวันราชภัฏ 57

พ.ต.อทวี  สอดส่อง  เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานในครั้งนี้  ทั้งนี้เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผู้พระราชทานนามราชภัฏ และตราราชภัฎ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ “พ่อหลวง”ของพสกนิกรชาวไทยนั้น ในมุมของวิชาการถือว่าพระองค์ทรงเป็นนักปราชญ์ของโลก สิ่งที่พระองค์ทรงมีพระราชดำริ จะได้รับการบริหารจัดการอย่างมีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน คุณค่ามหาศาลต่อวงวิชาการของโลกปัจจุบัน และมีการบริหารจัดการองค์ความรู้ที่สมบูรณ์ นักวิชาการและนักปฏิบัติทั้งในและต่างประเทศ ต่างยอมรับนับถือ นำไปศึกษาและปฏิบัติอย่างกว้างขวาง ดังนั้นจึงเป็นการถูกต้องแล้วที่มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหน่วยงานวิชาการในการผลิตบุคลากรที่ประสิทธิภาพ จะได้ร่วมกับองค์กรเครือข่ายเผยแพร่องค์ความรู้ของพระองค์ให้ไปสู่เยาวชนของในพื้นที่ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญในฐานะที่สถานศึกษาแห่งนี้มีนามว่า “ราชภัฏ”และมีตราพระราชลัญฉกรประจำพระองค์เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย  นับเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง สำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ที่ได้มีภารกิจในการสร้างบุคลากรทางการศึกษาแก่ท้องถิ่นมายาวนาน ครูและบุคลากรเหล่านั้นได้ไปให้การศึกษาแก่ประชาชนมาอย่างยาวนาน สถาบันแห่งนี้มีการพัฒนาการต่อเนื่องมาอย่างกว้างขวาง มาจนถึงวันนี้เป็นสภาบันอุดมศึกษาที่เป็นที่พึ่งของคนในท้องถิ่นมีภาระสำคัญที่คนในชุมชนฝากความหวังไว้ อีกด้วย

นอกจากนี้ เลขาธิการ ศอ.บต.ยังได้ มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณให้กับบุคคลที่ได้รับรางวัล “เพชรราชภัฏ”ส่วนภายในงาน มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ การบรรยายพิเศษ   เรื่อง “60 ปี  พระบารมีปกเกล้าชาวราชภัฏโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์วิจิตร  ศรีสุวิทธานนท์  รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ ถ่ายทอดสด ทางสถานีวิทยุเพื่อการศึกษา  มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา FM 98.5 MHZ  อีกด้วย



วริษา  ศิริพฤกษานุกูล 

เทนนิสชายทีมชาติไทยชุดลุยศึกชิงแชมป์โลก"เดวิสคัพ 2014" ระหว่างวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ ที่สนามเทนนิสธัญญปุระ จ.ภูเก็ต โดย 4 นักหวดหนุ่มไทย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 ก.พ. 57  ที่สนามเทนนิสธัญญปุระ สปอร์ตแอนด์เลเซอร์คลับ จังหวัดภูเก็ต นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการจับฉลากประกบคู่การแข่งขันเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมชาย โซนเอเชีย โอเชเนีย กลุ่ม 2 โดยมี พ.อ.ไกรเพชร วรสมบัติ กัปตันทีมเดวิสคัพไทย นักกีฬา และสื่อมวลชนเข้าร่วม

พ.อ.ไกรเพชร เปิดเผยว่า สภาพทีมในตอนนี้ค่อนข้างสมบูรณ์ขึ้น มั่นใจขึ้น อีกทั้งมีความมั่นใจเต็มร้อย ได้เปรียบเรื่องความสด ความห้าว เป็นวัยกำลังต้องการการแข่งขันสำหรับคู่แข่งจากฮ่องกง เป็นตัวเก๋า 2 คน กับดาวรุ่งอีก 2 คน จากการศึกษาวิธีการเล่น ฮ่องกงชอบตีลูกแฟลต แต่สภาพสนามเหมาะกับการตีลูกท็อปสปินมากกว่า ถ้านักเทนนิสไทยสามารถยืนระยะได้ยาวๆ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะประสบการณ์สูง แต่ด้วยสภาพอากาศ กับการเล่นในบ้าน ก็จะทำให้ไทยได้เปรียบ ส่วนเรื่องการวางตัวว่าใครจะเล่นเดี่ยวหรือคู่นั้น ตอนนี้มีอยู่ในใจแล้ว แต่จะประกาศอีกครั้งตอนจับสลากประกบคู่ มั่นใจว่าจะสามารถผ่านฮ่องกงเพื่อเข้าสู่รอบต่อไปได้แน่นอน โดย รอบแรก ทีมชาติไทย พบ ฮ่องกง ที่สนามเทนนิสธัญญปุระ สปอร์ตแอนด์เลเซอร์คลับ จังหวัดภูเก็ต วันนี้ทีมไทยที่ประกอบไปด้วย ปรัชญา อิสโร, วิชยา ตรงเจริญชัยกุล, วริศ สอนบุตรนาค และณัฐนนท์ กัจฉปานันท์ ได้ลงฝึกซ้อมเป็นวันที่ 4 เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและพื้นสนาม ขณะที่ฮ่องกงได้ลงฝึกซ้อมในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยความพร้อมของทีมไทยตอนนี้ทุกคนสมบูรณ์เต็มร้อย และได้เปรียบฮ่องกงในเรื่องความสดกับอันดับโลกที่เหนือกว่า

สำหรับพิธีจับสลากประกบคู่มีขึ้นในวันนี้ จะประเดิมสนามวันแรก ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557ประเภทเดี่ยวสลับมือ, 15 กุมภาพันธ์ 2557 ประเภทคู่ และปิดท้าย 16 กุมภาพันธ์ 2557 เดี่ยวชนมือ ซึ่งทีมชนะจะเข้ารอบ 2 ไปพบคูเวตที่ชนะอินโดนีเซีย 3 ต่อ 2 คู่ในต้นเดือนเมษายน 2557



การประปาส่วนภูมิภาค จัดฟังความเห็นคนภูเก็ต โครงการศึกษาความเหมาะสมในการลงทุน โครงการวางท่อส่งน้ำดิบจากเขื่อนรัชชประภาไปเกาะภูเก็ต

วันที่ 13 ก.พ.57 ที่ห้องประชุมอำเภอเมืองภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นประธานเปิดการประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่ 1 โครงการศึกษาความเหมาะสมในการลงทุน โครงการวางท่อส่งน้ำดิบจากเขื่อนรัชชประภาไปเกาะภูเก็ต ซึ่งทางการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) โดยบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท แอสดีคอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กับบริษัท โปรเกรส เทคโนโลยี คอนซัลเแท็นส์ จำกัด จัดขึ้น มีนายพิศักดิ์ ชลยุทธ์ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาภูเก็ต ผู้แทนจากการประปาส่วนภูมิภาค บริษัทที่ปรึกษา ผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ต.ไม้ขาว ต.เทพกระษัตรี ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ต.เกาะแก้ว ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต และ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เข้าร่วม

นายยงยุทธ พึ่งวงศ์ญาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมและประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ด้วย  ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ของภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงาและภูเก็ต อาจส่งผลให้แหล่งน้ำดิบที่ใช้เพื่ออุปโภคและบริโภคไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต การประปาส่วนภูมิภาค จึงมีแนวคิดที่จะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำดิบสำหรับอุปโภคและบริโภคในระยะยาวในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง จึงได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท แอสดีคอน คอร์ปอเรชั่นจำกัด และบริษัท โปรเกรส เทค  โนโลยี คอนซัลแท็นส์ จำกัด ทำการศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนโครงการวางท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภา หรือแหล่งน้ำบริเวณใกล้เคียงที่มีศักยภาพเพียงพอไปยังเกาะภูเก็ต เพื่อใช้ในกิจการประปา การเกษตรและอื่นๆ ให้เพียงพอในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า และให้ครอบคลุมความต้องการ ใช้น้ำในอนาคตที่อาจจะมีขึ้นของชุมชนตามแนวท่อส่งน้ำที่ผ่านบางพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา โดยมีระยะเวลาศึกษาโครงการ 420 วัน

“การประปาส่วนภูมิภาค ได้จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็น  ครั้งที่ 1 เพื่อนำเสนอ ข้อมูลโครงการอย่างเป็นทางการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 6 และ 7 พฤศจิกายน 25566 ที่ผ่านมา และได้นำผลความคิดเห็นจากที่ประชุมมาประกอบการศึกษาจนได้ แนวทางเลือกในการ พัฒนาจึงได้มีการนำมาเสนอเพื่อขอรับความคิดเห็นในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องใน จ.ภูเก็ต เพื่อนำเสนอแนวทางเลือกในการพัฒนาโครงการ และเปิดเวทีให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็น รวมถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลกระทบจากการพัฒนาโครงการ และแนวทางในการลดผลกระทบที่อาจมีขึ้น เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามหลักวิชาการและเกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด” นายยงยุทธ กล่าว

กกต.กำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ทั่วประเทศแล้ว 30 มี.ค.57 ส่วนล่วงหน้าทั้งในและนอกเขตจังหวัดเลือก 23 มี.ค.คาดมีผู้ลงสมัครไม่ต่ำกว่า 5 คน ทั้งนักกฎหมาย นักการเมืองท้องถิ่นและนักวิชการ ส่วนส.ส.เลือกอีกครั้ง 27 เม.ย.นี้

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 13 ก.พ.57 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดภูเก็ต นายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดภูเก็ต แถลงข่าวการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ว่า คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดวันรับสมัครเลือกตั้ง ส.ว.แบบเลือกตั้ง ซึ่งจะครบวาระ 6 ปี ในวันที่ 1 มีนาคม 2557 นี้ พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 30 มีนาคม 2557 และจะมีการรับสมัครระหว่างวันที่ 4 - 8 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. ณ ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต      

โดยในส่วนของภูเก็ตนั้น มีสมาชิกวุฒิสภาได้ 1 คน มีประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งทั้จังหวัด 261,580 คน
หน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 363 หน่วย ซึ่งผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งได้จะต้องเกิดก่อนวันที่ 3 มกราคม 2539 และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับจากวันเลือกตั้ง

สำหรับวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขตจังหวัดนั้น กำหนดเป็นวันที่ 23 มีนาคม2557 ตั้งแต่เวลา 08.00 - 15.00 น. โดยนอกเขตจังหวัดนั้นกำหนดที่บริเวณศาลาประชาคม ส่วนในเขตจังหวัดน่าจะจัดอำเภอละ 1 จุด อำเภอเมือง ลงคะแนนได้ที่หอประชุมเทศบาลนครภูเก็ต อำเภอกะทู้ ที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาล 2 บ้านกะทู้ อำเภอถลาง ที่หอประชุมโรงเรียนถลางพระนางสร้าง      

ซึ่งผู้ที่จะลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าได้นั้น จะต้องลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งกำหนดไว้ในระหว่างวันที่ 10 - 14 มีนาคม 2557 กรณีเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจังหวัด ณ สำนักงานทะเบียนอำเภอ และสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ส่วนการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด สามารถดำเนินการได้ก่อนการเลือกตั้ง 30 วัน โดยสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สำนักทะเบียนที่มีชื่ออยู่ หรือจะลงทะเบียนทางไปรษณีย์ หรือให้คนอื่นไปลงทะเบียนให้ก็ได้ ส่วนผู้ที่เคยลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตไว้แล้ว หากไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงที่ลงคะแนนสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตได้ตามวันและเวลาที่กำหนด แต่สำหรับผู้ที่ต้องการถอนการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด สามารถมาดำเนินการได้ที่สำนักงาน กกต.จังหวัดภูเก็ต ภายในวันที่ 14 - 28 กุมภาพันธ์ 2557

นอกจากนี้ นายกิตติพงษ์ ยังได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ภูเก็ต ด้วยว่า คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้สมัครไม่ต่ำกว่า 5 - 6 คน จากผู้ที่มาติดต่อสอบถามข้อมูลจาก กกต.ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมีทั้ง นักกฎหมาย นักการเมืองท้องถิ่น และนักวิชาการ เป็นต้น ซึ่งการแข่งขันก็ไม่น่าจะรุนแรง เนื่องจากผู้สมัครไม่สามารถหาเสียงได้ ทำได้เพียงการแนะนำตัว ซึ่งในส่วนนี้ทาง กกต.จะจัดเวทีให้ผู้สมัครได้แนะนำตัวกับประชาชนชาวภูเก็ตหลังมีการรับสมัครเลือกตั้งแล้ว

ขณะที่การตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ หรือ ส.ส.หลังจากที่ไม่สามารถเลือกได้ในวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า จากการประชุมผอ.กกต.ในจังหวัดที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ทั้งหมดและเลือกตั้งได้บางเขต เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ทาง กกต. มีมติให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 27 เมษายน 2557 ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้น จะมีการเลือกตั้งทั้ง 2 เขต โดยเขต 1 เลือกเฉพาะส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ส่วนเขต 2 เลือกทั้งส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ และในวันที่ 20 เมษายน 2557 นั้นจะมีการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขตจังหวัด ทดแทนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีกลุ่ม กปปส.ภูเก็ต ทำการปิดล้อมสถานที่เลือกตั้ง

บริติช เคานซิล ประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) ร่วมมือกับ ภาครัฐ มหาวิทยาลัย และภาคอุตสาหกรรม จัดเสวนานานาชาติ ขับเคลื่อนการศึกษา ระดับอุดมศึกษา เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม

การเสวนาดังกล่าวจัดขึ้น  ระหว่างวันที่13 – 14 กุมภาพันธ์ 2557   ที่โรงแรมพูลแมนภูเก็ต อาร์คาเดีย อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ตโดยบริติช เคานซิล ประเทศไทย ร่วมกับโครงการพัฒนาวิจัยและนักวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม หรือ พวอ. ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. จัดการเสวนานานาชาติในหัวข้อ ความร่วมมือด้านนวัตกรรมระหว่างมหาวิทยาลัย ภาครัฐ  และเอกชน เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสวนาการศึกษานานาชาติ ภาคพื้นเอเชียตะวันออก  ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาในระดับอุดมศึกษา   โดยมี ผศ.วุฒิพงศ์  เตชะดำรงสิน  รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เป็นประธานเปิดงาน / นายไมตรี  อินทุสุต  ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  กล่าวต้อนรับ    พร้อมด้วย นายคริส  กิบสัน  ผู้อำนวยการบริติช เคานซิล ประเทศไทย  ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจาก ประเทศสหราชอาณาจักร และภูมิภาคเอเชีย  เข้าร่วม  จำนวน 100 คน

ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย  ศาสตราจารย์ริชาร์ด  บีส์ ดาวีส์  รองอธิการบดี  มหาวิทยาลัยสวอนซี / นายเทอร์รี่  โพลลาร์ด จาก ISIS  Innovation  มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด / ดร.ยอง เชีย เฮง คณบดีแห่งศูนย์วิจัยและพัฒนา  มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติไต้หวัน  และศาสตราจารย์ ดร.ชัชนาถ  เทพธรานนท์  ที่ปรึกษาอาวุโส โครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.)  สำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย

สำหรับวัตถุประสงค์การเสวนาในครั้งนี้มุ่งเน้นการเปิดโอกาสและเพิ่มความท้าทายในการใช้ผลวิจัยเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชุมชน  สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ  โดยใช้วิธีการหาความร่วมมือจากทั้ง 3 ฝ่าย คือ ภาครัฐ  สถาบันการศึกษา และภาคอุตสาหกรรม ร่วมหาคำตอบว่าจะนำงานวิจัยทางการศึกษาก่อให้เกิดความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรม  ผู้ประกอบการ และภาครัฐได้อย่างไร  นอกจากนี้  การเสวนายังตระหนักถึงช่องทางที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะนำเครือข่ายการวิจัย และความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม  มาใช้เพื่อต่อยอดศักยภาพทางการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสังคมและความเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกด้วย

ทั้งนี้  ภายในงาน  มีนักวางแผนนโยบายนักวิชาการ และนักธุรกิจจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากเอเชียตะวันออก และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะร่วมสร้างแม่แบบใหม่สำหรับการพัฒนาการศึกษาของโลก การประชุมเสวนาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเวทีการระดมสมองระดับนานาชาติเพื่อเผชิญความท้าทายและโอกาสในอนาคตของการศึกษาระดับอุดมศึกษา

ผวจ.ภูเก็ต ขับเคลื่อนส่วนราชการผ่าน สภากาแฟยามเช้า เพื่อเป็นการพบปะ ร่วมหารือเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 13 ก.พ.57  ที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์  นายจำเริญ  ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ  สังข์ขาวสุทธิรักษ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมกิจกรรม “กาแฟยามเช้า”

นายไมตรี กล่าวกับหัวหน้าส่วนราชการภายหลังการร่วมวงสนทนาว่า ขอขอบคุณส่วนราชการทุกหน่วยงานที่ตั้งใจปฎิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการที่ดีท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งบางหน่วยงานสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้แล้ว โดยเฉพาะสำนักงานหนังสือเดินทาง ที่มีประชาชนที่มีความประสงค์เดินทางไปต่างประเทศเปิดดำเนินการมาแล้วเป็นวันที่ 4 มีผู้ต้องการทำหนังสือเดินทางเป็นจำนวนมากบางรายมารอกันตั้งแต่เที่ยงคืน ขณะนี้คิวในการทำเต็มทุกวันล้นไปจนถึงวันอังคารหน้าแล้วและวันศุกร์นี้ทางสำนักงานก็ให้บริการตามปกติแม้จะเป็นวันหยุดราชการก็ตาม สำหรับหน่วยงานส่วนราชการอื่นต้องรอแนวโน้มทางการเมืองก่อนว่าสามารถเปิดให้บริการวันไหน หากส่วนราชการหน่วยงานไหนมีปัญหาตนพร้อมให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่

สำหรับกิจกรรม “กาแฟยามเช้า”จัดขึ้นเพื่อพบปะเเละร่วมหารือเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการประสานงานให้มีประสิทธิภาพ ประสานความร่วมมือ กระชับความสัมพันธ์ของบุคลากรในจังหวัดภูเก็ต ทุกภาคส่วน กิจกรรม "กาแฟยามเช้า" มีกำหนดการจัดในวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่สองของเดือนเป็นประจำทุกเดือน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพ ซึ่งสัปดาห์หน้า (20 ก.พ.57) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพในการจัดต่อไป

ร้านค้าในนราธิวาส เริ่มนำสินค้าต้อนรับวาเลนไทน์มาจำหน่าย ขณะที่ดอกกุหลาบฮอนแลนด์สูงดอก 100 บาท

( 13 ก.พ. 57 ) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ร้านค้าส่วนใหญ่ต่างนำสินค้าที่สื่อถึงความรักทั้งกุหลาบแดง หมอน และของชำรวยที่แสดงออกถึงเทศกาลวาเลนไทน์มาจำหน่าย เพื่อเตรียมต้อนรับวันวาเลนไทน์ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งในวันนี้มีเยาวชนและประชาชนในพื้นที่เริ่มมาหาซื้อบ้างแล้ว

ด้านร้านต้นสน เป็นร้านขายดอกไม้สด นายกุศล เจ้าของร้านบอกว่าปีนี้ดอกไม้มีราคาแพงขึ้น อีกทั้งมีปริมาณน้อยทำให้จะต้องแย่งกับตลาดในพื้นที่อื่น โดยปีนี้ดอกกุหลาบสั่งมาได้เพียง 250 ดอกเท่านั้น เป็นดอกกุหลาบฮอนแลนด์ที่มีขนาดใหญ่ ราคาปรับสูงเป็นดอกละ 100 บาท ส่วนราคาดอกอื่นๆอย่างคาเนชั่น ส่วนใหญ่ยังคงที่ นอกจากนี้ในปีนี้เชื่อว่าจะมีเยาวชนในพื้นที่มาสั่งสินค้าจำพวกช็อคโกแล็คมอบให้แก่กันมากขึ้น จึงมีการเตรียมช็อคโกแล๊คไว้บางส่วน

นายกุศล กล่าวเพิ่มเติมด้วย เทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันหยุดอาจจะทำให้บรรยากาศเงียบเหงากว่าปกติลงมาเล็กน้อย เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่ผ่านมาเป็นนักเรียน
@import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

คู่รักในเจาะไอร้อง ทยอยจดทะเบียนเนื่องในเดือนแห่งความรักต่อเนื่อง ขณะที่อำเภอจัดฉากให้ถ่ายรูปและมอบของที่ระลึก

วันนี้  ( 13 ก.พ. 57 ) ที่ห้องสำนักทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส คู่รักในพื้นที่อำเภอเจาะไอร้อง ทยอยเดินทางมาจดทะเบียนเนื่องในเดือนแห่งความรักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดเดือนนี้ทางอำเภอเจาะไอร้องได้จัดสถานที่สำหรับถ่ายรูปและมอบของที่ระลึกให้กับคู่รักที่มาจดทะเบียนด้วย อีกทั้งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกับวันหยุดเนื่องในวันมาฆบูชานั้นทางที่ว่าการอำเภอเจาะไอร้องยังคงเปิดบริการจดทะเบียนให้กับคู่รัก  เพื่อเป็นโอกาสพิเศษสำหรับคู่ที่จะต้องการจดทะเบียนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์

สำหรับบรรยากาศในวันนี้ตลอดทั้งวันมีคู่รักเดินทางมาจดทะเบียนทั้งหมด 20 คู่ โดยบางคู่อายุ 58 ปี ใช้ชีวิตกว่า 30 ปี ได้ตัดสินใจเดินทางมาจดทะเบียนในวันนี้เพื่อแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อกัน  พร้อมแนะให้คู่รักทุกคู่ใช้ชีวิตคู่อย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน และต้องให้อภัยกันด้วย

@import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



 นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

อชก.จังหวัดนครศรีธรรมราช อนุมัติเงินกู้กองทุนหมุนเวียนให้เกษตรกร 2 ราย

คณะอนุกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ อชก.ส่วนจังหวัด อนุมัติเงินกู้กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน จำนวน 2 ราย ไม่อนุมัติ
1 ราย

วันนี้ (13 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ อชก.ส่วนจังหวัด ครั้งที่ 1/2557 เพื่อพิจารณาอนุมัติคำขอกู้เงินกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนที่อยู่ในอำนาจของ อชก.ส่วนจังหวัด จำนวน 3 ราย โดยที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้กู้ยืมได้ 2 ราย เป็นเงินรวม 720,000 บาท เพื่อนำไปชำระหนี้นอกระบบและไถ่ถอนที่ดินคืน ส่วนอีก 1 ราย อชก.ส่วนจังหวัด ได้มีมติไม่อนุมัติให้กู้ เนื่องจากวิเคราะห์แล้วพฤติกรรมแห่งการเป็นหนี้ ไม่เป็นการจำเป็น เนื่องจากเป็นหนี้ในระบบโดยไถ่ถอนโดยไปกู้เงินนอกระบบ

นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบสรุปผลการอนุมัติเงินกู้กองทุนหมุนเวียนฯของปี 2556 ของ อชก.ส่วนอำเภอ มีผู้ยื่นขอความช่วยเหลือ 8 ราย อนุมัติ 4 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณา 2 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน 1 ราย และยุติเรื่อง 1 ราย ส่วน อชก.ส่วนจังหวัด มีเกษตรกรและผู้ยากจนยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือ 11 ราย อนุมัติ 3 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณา 3 ราย ยุติเรื่อง 4 ราย และขอคำปรึกษา 1 ราย และส่งเรื่องให้ อชก.ส่วนกลางพิจารณา 11 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2534 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อนุมัติเงินกู้ให้เกษตรกรและผู้ยากจนแล้ว จำนวน 466 ราย คิดเป็นร้อยละ 31.96 ของจำนวนผู้ได้รับอนุมัติในภาคใต้(1,458 ราย) วงเงิน 71.637 ล้านบาท จำนวนที่ดินที่ขอไถ่ถอนหรือซื้อคืนเนื้อที่ 2,242 ไร่เศษ

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลักการสำคัญของกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน เพื่อสงวนและรักษาที่ดินของเกษตรกร และผู้ยากจนไว้ไม่ให้ตกไปเป็นของเจ้าหนี้หรือบุคคลอื่น สำหรับเกษตร และผู้ยากจนที่ได้รับอนุมัติจาก อชก.ให้กู้เงินจากกองทุนฯผ่าน ธ.ก.ส.นั้น ขอให้ทางฝ่ายเลขานุการ อชก.ส่วนจังหวัด ลงไปดูแลด้วยเพื่อฟื้นฟูอาชีพต่อไป

ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก US – CDC พอใจผลการทำงานแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของจังหวัดนครศรีธรรมราช

วันนี้ (13 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมกรุงชิง โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและคณะทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากการจราจรทางบกจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีคณะกรรมการและคณะทำงานจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมประชุม รวมทั้งคณะติดตามสนับสนุนงานพัฒนาระบบเฝ้าระวังอุบัติเหตุทางถนนภายใต้โครงการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน(สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค) และ ทีมผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ควบคุมโรค ของสหรัฐอเมริกา หรือ US – CDC (Centers for Disease Control)ที่ติดตามความก้าวหน้างานพัฒนาระบบเฝ้าระวังอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดเข้าร่วมประชุมด้วย

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ ได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกยกระดับการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยทางถนน เป้นวาระที่สำคัญของทุกประเทศในโลก และให้ดำเนินงานตามกรอบปฏิญญามอสโก โดยมีเป้าหมายให้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางถนนของทั้งโลก ร้อยละ 50 ภายใน 10 ปี หรือภายในปี พ.ศ. 2563 โดยคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 กำหนดให้ปี พ.ศ. 2554 – 2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนและกำหนดให้ความปลอดภัยทางถนนเป้นวาระแห่งชาติ ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นนโยบายสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากการจราจรทางบกด้วย จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและคณะทำงานและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจากการจราจรทางบกจังหวัดนครศรีธรรมราช

ผู้แทนของโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ปัจจุบันในการจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดมีอยู่ 6 ฐานข้อมูล คือ ระบบ IS ของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ระบบ 19 สาเหตุของกระทรวงสาธารณสุข ระบบ ITEMS ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ระบบทะเบียนมรณะบัตรของกรมการปกครอง ระบบ E- Claim ของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และระบบ POLIS ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ จึงต้องมีหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ วางแผน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาต่อไป โดยมีการเปรียบเทียบการทำงานระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดอุดรธานี

ทางด้านทีมผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ควบคุมโรค ของสหรัฐอเมริกา หรือ US – CDC (Centers for Disease Control) ที่ติดตามความก้าวหน้างานพัฒนาระบบเฝ้าระวังอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด ซึ่งเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ได้ชื่นชมที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีภาคีเครือข่ายมาจากทุกภาคส่วนในการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งได้เสนอแนะให้นำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มาจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เพื่อนำไปสู่การแก้ไข เพราะอุบัติเหตุสามารถป้องกันได้ พร้อมทั้งได้ชื่นชมที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีโครงการนำร่องในการรณรงค์การสวมหมวกนิรภัยทั้งในหมู่บ้าน /ชุมชน สถานศึกษา และสถานประกอบการ โดยให้นำความสำเร็จจากจุดเล็ก ๆ ดังกล่าว ไปขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป แต่ทั้งนี้ เมื่อได้ลงทุนลงแรงไปแล้วขอให้มีการติดตามประเมินผลด้วย

ชาวนครศรีธรรมราช จำนวนมากร่วมพิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดพิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน มีประชาชนจำนวนมากและพระสงฆ์จาก 7 ประเทศ เข้าร่วมพิธี

เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (13 ก.พ.57) นายธัญญพัฒน์ พัฑฒิคงพันธุ์ นายอำเภอปากพนัง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษาจากอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดริ้วขบวนแห่รถบุษบกเชิญผ้าพระบฏพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี รวม 5 ผืน จากอำเภอปากพนังซึ่งเป็นสถานที่พบผ้าพระบฏครั้งแรก โดยตั้งริ้วขบวนจากวิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช เคลื่อนไปตามถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ไปยังมลฑลพิธีสวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติที่เมืองนครฯ ประจำปี 2557 เพื่อส่งมอบผ้าพระบฏพระราชทานแก่นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประธานในพิธี และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เชิญไปประดิษฐานเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ทั้ง 5 พระองค์ เพื่อประกอบพิธีสมโภชอย่างเป็นทางการ โดยมีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และคณะสงฆ์จาก 7 ประเทศเข้าร่วมพิธี โดยมีพระเทพปัญญาสุธี เจ้าอาวาสวัดแจ้งวรวิหาร เป็นประธานสงฆ์ ประกอบพิธีทางศาสนา หลังประกอบพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้นได้มีการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านด้วย

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า นับเป็นวาระพิเศษในประเพณีสำคัญของจังหวัด ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้พระราชทานผ้าพระบฏมาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ถือเป็นสิริมงคลแก่ชาวนครศรีธรรมราชอย่างยิ่ง ผ้าพระบฏพระราชทานทั้ง 5 ผืนนี้ จะได้นำขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา เท่ากับว่าเป็นการส่งเสริมการนำเสนอพระบรมธาตุสู่มรดกโลก ถือเป็นปูชนียสถานที่มีมายาวนานกว่า 700 ปี ยังอยู่ในความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น ในการจัดพิธีครั้งนี้ มีภิกษุสงฆ์จากประเทศต่าง ๆ ที่นับถือพระพุทธศาสนาประจำชาติ ได้มาร่วมอนุโมทนาด้วย เท่ากับเป็นการประชาสัมพันธ์ความเป็นมรดกทางพุทธศาสนาทียิ่งใหญ่สืบไป

นายจุมพต ตระกูลนุช วัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ เป็นประเพณีสำคัญของชาวนครศรีธรรมราช วึ่งเกิดขึ้นและสืบเนื่องมากว่า 700 ปี จากตำนานที่เล่ากกันว่า ในปี พ.ศ. 1773 ขณะที่พระจเศรีธรรมาโศกราช กษัตริย์ของเมืองนครศรีธรรมราช กำลังสมโภชพระบรมธาตุเจดีย์อยู่นั้น ชาวเมืองอินทปัตย์ ซึ่งกำลังเดินทางไปนมัสการพระธาตุที่ศรีลังกา ได้ถูกพายุพัดจนเรือแตก มีผู้รอดชีวิตราว 10 คน มาขึ้นฝั่งที่เมืองปากพนัง พร้อมด้วยผ้าขาวผืนยาวมีภาพพุทธประวัติเขียนไว้ที่ผ้า เรียกกันว่า “ผ้าพระบฏ” ชาวเมืองปากพนังจึงนำไปถวายพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชในกาลนั้น พระเจ้าศรีธรรมโสกราช ได้โปรดให้นำผ้าดังกล่าวขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีนั้น และตั้งแต่นั้นมา จึงได้ปฏิบัติต่อเนื่องจนกลายเป็นประเพณีสืบมาจนถึงปัจจุบัน

เทศบาลนครตรัง แถลงข่าวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันทักษะทางวิชาการ ระดับภาคใต้ “นครตรังวิชาการ”

ที่โรงแรมธรรมรินทร์ธนา อ.เมืองตรัง นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง นายเกรียงศักดิ์ รัตนสีมานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครตรัง และนายภูภัฎ ยกทวน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ร่วมแถลงข่าวเป็นเจ้าภาพการแข่งขันทักษะทางวิชาการ ระดับภาคใต้ "นครตรังวิชาการ” ครั้งที่ 10 ประจำปี 2557 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้เทศบาลนครตรังเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นในพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 18-20 มิ.ย.2557 ณ บริเวณลานปูนห้างโรบินสัน โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดกะพังสุรินทร์) โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดควนขัน) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงยินเนเซี่ยม เทศบาลนครตรัง ภายใต้คำขวัญการจัดงาน "นครตรังร่วมใจ ท้องถิ่นไทยพัฒนา วิชาการก้าวหน้า การศึกษาสู่อาเซี่ยน” ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดการศึกษาของท้องถิ่น รวมทั้งเพื่อคัดเลือกนักเรียนเป็นตัวแทนจากการแข่งขันด้านวิชาการและด้านทักษะใน 8 กลุ่มสารุการเรียนรู้ และ 1 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ตลอดจนการประกวด/แข่งขันในระดับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก/ปฐมวัย การแข่งขันหุ่นยนต์ กิจกรรมโครงงาน และการประกวดสื่อ นวัตกรรมการศึกษาของครูผู้สอน ซึ่งกิจกรรมในงานประกอบด้วย การแข่งขันทักษะทางวิชาการของนักเรียน การจัดนิทรรศการแสดงผลงานการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัดที่เข้าร่วมกว่า 100 แห่ง

อบจ.ตรัง สรุปผลการรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.อบจ.เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองตรัง

นางสุภมาส ศรมณี ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง กล่าวว่า หลังจากมีคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายกฤษฎา เครือฮ่อง ส.อบจ.เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองตรัง เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2557 และให้มีการเลือกตั้ง ส.อบจ.ตรัง เขตเลือกตั้งที่ 1 ใหม่ ศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง ได้ประกาศรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.อบจ.เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองตรัง ระหว่างวันที่ 6 -10 ก.พ. 2557 มีผู้สมัครจำนวน 2 คน หมายเลข 1 นายธงชาติ ธงไชย "กลุ่มแม่น้ำตรัง” หมายเลข 2 นายวิรัตน์ รักนาย ซึ่งได้รายงานให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.ตรังทราบแล้ว นางสุภมาส ศรมณี ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง มีความพร้อมที่จะจัดการเลือกตั้ง ส.อบจ.เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองตรัง ในวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค.2557 คาด ว่ามีผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ และขอเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 18 หน่วยเลือกตั้งในเขตเทศบาลนครตรังและอีก 9 หน่วยเลือกตั้งในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง ได้แก่ตำบลบางรัก ,หมู่ที่ 5 ตำบลควนปริง,หมู่ที่ 1และ 4 ตำบลนาตาล่วง ไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้งซ่อมส.อบจ.ตรัง เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองตรัง ณ หน่วยเลือกตั้งประจำชุมชน/หมู่บ้าน

จังหวัดตรัง จัดกิจกรรมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา

นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า เนื่องในวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา กล่าวคือ เป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 4 ประการ คือ วันนั้นตรงกับวันเพ็ญเดือน 3 มีพระอรหันต์ จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ท่านเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้รับบรรลุอภิญญา 6 พระอรหันต์เหล่านั้นล้วนเป็น เอหิภิกขุ คือ เป็นผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธองค์ เมื่อวันนี้เวียนมาถึงพุทธศาสนิกชนได้ถือโอกาสบำเพ็ญกุศลบูชาพระรัตนตรัยเป็นกรณีพิเศษ เช่น ทำบุญตักบาตร เวียนเทียน สมาทานศีล ฟังพระธรรมเทศนา และเจริญจิตภาวนา เป็นต้น ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวต่อไปว่า จังหวัดตรัง เมืองแห่งความสุข ได้กำหนดจัดกิจกรรมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ประจำปี 2557 โดยในวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 06.00 น. จะมีพิธีทำบุญตักบาตร ณ วัดกะพังสุรินทร์ (พระอารามหลวง). และในเวลา 19.30 น. พิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เจริญจิตภาวนา สมาทานศีล ฟังพระธรรมเทศนา และพิธีเวียนเทียน ณ วัดกะพังสุรินทร์ (พระอารามหลวง) จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ตามเวลาและสถานที่ดังกล่าว

เกษตรจังหวัดกระบี่เปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรแกนนำการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ใบปาล์มน้ำมันรุ่นที่ 1

วันนี้ 13 กุมภาพันธ์ 2557 นายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรแกนนำศูนย์เรียนรู้ปาล์มน้ำมันชุมชนตำบล ตามโครงการพัฒนาศักยภาพครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อการผลิตน้ำมันอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ใบปาล์มน้ำมัน ของจังหวัดกระบี่รุ่นที่ 1 ณ ห้องประชุมศูนย์วิจัยบริษัทยูนิวานิชจำกัด มหาชน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ โดยมีนายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวรายงาน การจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรแกนนำในครั้งนี้เพื่อให้การดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อการผลิตน้ำมันอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ใบปาล์มน้ำมันให้ ประสบผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มองค์ความรู้ในเรื่องของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาศักยภาพครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อการผลิตน้ำมันอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ใบปาล์มน้ำมัน ซึ่งมีนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรที่ประจำอยู่ในพื้นที่ สามารถเก็บตัวอย่างใบปาล์มน้ำมันได้อย่างถูกต้อง

ปัจจุบันการใส่ปุ๋ยพืชอย่างถูกต้องและเหมาะสม ควรมีการวิเคราะห์ปริมาณอาหารที่มีอยู่ในพืช เพื่อให้ทราบถึงความต้องการปริมาณและชนิดของธาตุอาหารที่มีในพืชว่าเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตหรือไม่ หากทราบข้อมูลดังกล่าวจะทำให้มีการใช้ปุ๋ยได้ถูกต้อง ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนการผลิตในการใช้ปุ๋ยได้ประมาณ 20-30% และจะสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ผมหวังว่าการอบรมครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรกรแกนนำศูนย์เรียนรู้ปาล์มน้ำมันชุมชนตำบล ได้นำความรู้ไปปฏิบัติในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการผลิตปาล์มน้ำมันของจังหวัดกระบี่ก็จะประสบผลสำเร็จและก้าวหน้ายิ่งขึ้น ผู้เข้าร่วมอบรมในวันนี้ ประกอบด้วย นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรทั้งระดับจังหวัดและระดับอำเภอและเกษตรกรแกนนำศูนย์เรียนรู้ปาล์มน้ำมันชุมชนตำบล รุ่นที่ 1 จำนวน 80 คน เพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรม ไปปฏิบัติพร้อมทั้งขยายผลไปเกษตรกรในพื้นที่ต่อไป