วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

จังหวัดกระบี่ จับมือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจ.กระบี่ และบริษัทสื่อสารโทรคมภาครัฐและเอกชน กว่า10ราย ร่วมกันจัดระเบียบระบบสายสื่อสารโทรคม ตามเสาไฟฟ้า ในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อความปลอดภัย ของประชาชนและนักท่องเที่ยว และปรับภูมิทัศน์ให้เกิดความสวยงาม


จังหวัดกระบี่ จับมือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจ.กระบี่ และบริษัทสื่อสารโทรคมภาครัฐและเอกชน กว่า10ราย ร่วมกันจัดระเบียบระบบสายสื่อสารโทรคม ตามเสาไฟฟ้า ในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อความปลอดภัย ของประชาชนและนักท่องเที่ยว และปรับภูมิทัศน์ให้เกิดความสวยงาม

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 11 มิถุนายน 2557 ที่ลานประติมากรรมปูดำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานใน พิธีเปิดโครงการจัดระเบียบสายสื่อสารโทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้า บริเวณถนนอุตรกิจ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จังหวัดกระบี่ เริ่มตั้งแต่ สามแยกธนาคารไทยพาณิชย์ ไปจนถึงบริเวณ หน้าโรงพยาบาลกระบี่ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สร้างความพึงพอใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว หลังมีการร้องเรียนสายโทรคมนาคมสื่อสาร ริมถนนสายหลักต่างๆ ในย่านตัวเมืองกระบี่ โยงเกะกะ เสี่ยงอันตราย และไม่มีความเป็นระเบียบมานาน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ โทรศัพท์จังหวัดกระบี่ บริษัท ทีที แอนด์ที กระบี่ และนครศรีธรรมราช บริษัท เอไอเอสกระบี่ บริษัทเอสบีเอ็นกระบี่ บริษัททริบเปิลทรีบรอดแบนด์กระบี่ บริษัทดีแทค กระบี่ บริษัทยูนิเวเซลคอนเวอร์เจนกระบี่ บริษัทยูในเต็ด อินฟอเมชั่น ไฮเวย์ จำกัดกระบี่ และเทศบาลเมืองกระบี่

นายสุเทพ จิตเสรี ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในปี 2557 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ ได้จัดระเบียบสายสื่อสารโทรคมนาคมเสาไฟฟ้า บนถนนสายหลักในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ ระบบสายสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อความเป็นระเบียบ ของสายสัญญาณต่างๆ เพื่อความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว รองรับการเปิดเสรีการค้า อาเซี่ยน ในปี 2558 ด้วย


หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่

ตรังสนธิกำลัง 5 หน่วยงานบุกจู่โจมค้นเรือนจำจังหวัดตรัง จัดกำลังลุย 3 แดนค้นยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และอาวุธ ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

เมื่อเวลา 05.30 น.วันที่ 11 มิถุนายน ภายในเรือนจำจังหวัดตรัง จังหวัดตรังได้มีการสนธิกำลัง 5 หน่วยงานประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง , ทหาร, ปกครอง, ปปส.ภาค9 ตำรวจตะเวนชายแดนที่ 435 ตรัง และตำรวจน้ำกันตัง จำนวน 185 นาย บุกเข้าทำการตรวจค้นภายในเรือนจำจังหวัดตรัง ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในการกวาดล้างสิ่งที่กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอาวุธสงคราม และยาเสพติด โดยมี นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง และพ.อ.อัษฎา แสงฤทธิ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ต.ง.(ฝ่ายทหาร) อำนวยการสั่งการและควบคุมการตรวจค้น การเข้าจู่โจมตรวจค้นภายในเรือนจำในครั้งนี้ได้รับการอำนวยความสะดวกจาก นายเกรียงศักดิ์ ตุลปันโต รักษาการผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดตรัง ซึ่งมีการแบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด เข้าตรวจค้นแดนควบคุมผู้ต้องขังชายแดน 1,2 แดนควบคุมผู้ต้องขังหญิง และแดนพยาบาล ซึ่งมีผู้ต้องขังที่ต้องโทษถูกควบคุมอยู่จำนวน 2,600 คน การตรวจค้นในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จากกองกำลังผสมเข้าทำการตรวจค้นภายในตัวผู้ต้องขัง เรือนนอน ห้องนอน ที่อาจจะมีการซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และอาวุธต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ เวลา 05.00 น.ทางกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง นำโดย พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้เรียกระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบรวม 16 สถานี จำนวน 150 นาย วางแผนจัดกำลังมอบหมายให้ พ.ต.อ.นิรัตน์ ปานดำ ผกก.สส.กก.ตรัง พ.ต.ท.ณฐาภพ พงศาปาน สวป.สภ.เมืองตรัง เป็นผู้ควบคุมกองกำลัง จากนั้นเคลื่อนกำลังไปยังเรือนจำจังหวัดตรัง เพื่อรวมพลทุกชุด จากนั้น นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นผู้สั่งและปล่อยแถวบุกเข้าตรวจค้นภายในเรือนจำจังหวัดตรังตอไป นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากการบุกเข้าตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายที่คาดวู้ต้องหาจะมีการนำมาซุกซ่อน ทั้งยาเสพติด โทรศัพท์มือ แลพะอาวุธต่างๆ ผลการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมา เรือนจำจังหวัดตรัง ประกาศเป็นเรือนจำสีขาวเมื่อปี พ.ศ. 2555 จึงน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่มีพบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด

ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง เพื่อเตรียมจัดกิจกรรมการปรองดองคืนความสุขให้กับประชาชน

ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดตรัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในการประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง โดยมี พ.อ.อัษฎา แสงฤทธิ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ด้จัดตั้งศูนย์ปรองดองเพื่อความสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (คปป.)ขึ้นโดยมีเจตนารมณ์เพื่อสร้างความปรองดอง ลดความขัดแย้ง สร้างความสามัคคีจากหมู่บ้านสู่ประเทศตลอดจนรวบรวมประเด็นความต้องการและปัญหาต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าสู่การปฏิรูปประเทศ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในส่วนของจังหวัดตรัง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรังได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง (คปป.กอ.รมน.จังหวัด ต.ง.) ขึ้น ณ สำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง ศาลากลางชั้น 4 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2557

โดยมีคณะทำงานจากฝ่ายต่างๆเข้าร่วม สำหรับการประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมปรองดองสมานฉันท์คืนความสุขให้กับประชาชนตามคำสั่งของ คสช.ทั้งนี้จะมีการจัดพิธีทำบุญตักบาตร การมอบถุงยังชีพให้กับผู้ยากไร้ การแสดงคนตรีและอื่นๆ โดยงานจะจัดขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดตรัง นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตรัง เข้มงวดในการกวาดล้างยาเสพติด อาวุธปืน การตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งของ คสช.

ผู้ประกอบการสถานบันเทิง และผู้ที่ขายอาหารในจังหวัดตรัง ดีใจเป็นอย่างมาก ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว โดยให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ

จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีการยึดอำนาจจากรัฐบาลเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และได้มีการประกาศเคอร์ฟิว เพื่อต้องการรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ให้มีการออกมาชุมนุมเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง และได้มีประกาศผ่อนปรนออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวแล้วในบางจังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวการประกาศเคอร์ฟิวในจังหวัดท่องเที่ยว ได้ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ในส่วนของจังหวัดตรังได้รับการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา การประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดตรัง สร้างความดีใจให้กับประชาชน ผู้ประกอบการสถานบันเทิง และผู้ที่ขายอาหารยามค่ำคืนเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาการประกาศเคอร์ฟิวทำให้รายได้จากการขายอาหารยามค่ำคืนและ นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวตามสถานบันเทิงลดลงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้จังหวัดตรังเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่อง เที่ยวไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะว่าจังหวัดตรังเป็นเมืองที่สงบและไม่มีเหตุวุ่นวายทางการเมืองแต่อย่าง ใด

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง จัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์การสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูประดับจังหวัด

นายนิพัส เพ็ชร์ลมุล นักประชาสัมพันธ์ ชำนาญการ รักษาราชการแทนประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) และมีคณะทำงานประกอบด้วย คณะทำงานส่วนกลาง และ ศปป.กอ.รมน.ภาค 1-4 และเพื่อสนับสนุนการทำงานของศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ทั้งนี้ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ ทำงานสนับสนุนการทำงานของศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) โดยให้จัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์การสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อประสาน การปฏิบัติและสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยในระดับกรมประชาสัมพันธ์ เป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์การสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปส่วนกลาง สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1-8 เป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์ระดับเขต

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเป็นศูนย์ประชาสัมพันธ์การสร้างความปรองดอง สมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปในระดับจังหวัด มีหน้าที่ประสานการปฏิบัติและสนับสนุนหน่วยงานในจังหวัด สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง จึงได้จัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์การสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูประดับจังหวัดขึ้น โดยให้การสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ผ่านสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชนส่วนกลาง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ ได้แก่ สถานีวิทยุ เคเบิ้ลทีวี หนังสือพิมพ์ เว็บไซด์ และสื่อบุคคล อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อปม. อปมช.) ดังนั้น หากหน่วยงาน องค์กรใด ๆ ที่มีกิจกรรมโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน สามารถแจ้งข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง ศาลากลางจังหวัดตรัง โทรศัพท์/โทรสาร 0-7522-0232 เพื่อจะได้นำเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
   

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดประชุมคณะกรรมการประจำศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขับเคลื่อนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในจังหวัด พร้อมชี้แจงสร้างความเข้าใจถึงเจตนารมณ์/นโยบายของ คสช.

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 มิ.ย.57 ที่ห้องประชุมสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประจำศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ประจำพื้นที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ ศปป.กอ.รมน.จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด รอง ผอ.รมน.จังหวัดฝ่ายทหาร ปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายอำเภอทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความสามัคคี ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกกลุ่มทุกฝ่าย สอดคล้องและเป็นไปตามคำสั่งของคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ กอ.รมน.จังหวัดนครศรีธรรมราชจึงได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์จังหวัดนครศรีธรรมราช และให้อำเภอทุกอำเภอจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูประดับอำเภอขึ้น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนในการจัดเวทีรวบรวมความคิดเห็นจากประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เพื่อนำมาสรุป วิเคราะห์ กำหนดเป็นแนวทางหรือโร๊ดแมป(Road Map) ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และความสงบสุขของประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งการชี้แจงสร้างความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ นโยบายของหัวหน้า คสช. เพื่อยุติความขัดแย้งของคนในชาติ ขับเคลื่อนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นภายใต้ระบบบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง กรสร้างเสถียรภาพในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างสมบูรณ์และยั่งยืนต่อไป

มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ร่วมกับ โอสถสภา และจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดโครงการหนึ่งใจ..ติวให้น้อง โดยติวเตอร์ชื่อดัง ครูลิลลี่ ครูพี่แนน และอาจารย์เจี๋ย ตั้งเป้ามีนักเรียนมัธยมปลายจาก 14 จังหวัดภาคใต้เข้าร่วม 4,500 คน

วันนี้ (11 มิ.ย.57) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมการเตรียมความพร้อมจัดโครงการ “หนึ่งใจ..ติวให้น้อง” ซึ่งมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ร่วมกับบริษัท โอสถสภา จำกัด และจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดขึ้น เพื่อเป็นการสร้างความเท่าเทียมให้กับเยาวชนที่ตั้งใจหาความรู้ แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการกวดวิชาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยมีนายวรพงษ์ รวิรัฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา จำกัด คณะผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 นครศรีธรรมราช/พัทลุงเข้าร่วมประชุม

นายวรพงษ์ รวิรัฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา จำกัด กล่าวว่า โครงการ “หนึ่งใจ..ติวให้น้อง” (Osotspa Road to University 2014 )ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้กับนักเรียนที่ตั้งใจหาความรู้แต่ด้อยโอกาส ได้กวดวิชาในแต่ละภูมิภาค เพื่อเตรียมตัวก่อนสอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายดำเนินการใน 7 จังหวัด โดยภาคใต้ดำเนินการที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงระหว่างวันที่ 6-7 สิงหาคม 2557 ตั้งเป้าหมายมีนักเรียนมัธยมปลายจาก 14 จังหวัดภาคใต้เข้าร่วมโครงการประมาณ 4,500 คน โดยแบ่งการติวเป็น 2 สาย คือสายศิลป์ และสายวิทย์ วันแรกติววิชา ชีวะศึกษา สังคมศึกษา ภาษาไทย วันที่สองติว คณิตศาสตร์ เคมี และอังกฤษ โดยมีติวเตอร์ชื่อดัง คือ ครูลิลลี่ ครูพี่แนน และอาจารย์เจี๋ย

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา จำกัด กล่าวด้วยว่า ในส่วนของนักเรียนและครูที่เข้าร่วมติวในครั้งนี้จะได้รับคู่มือเอกสารการติว 1 เล่มพร้อมกระเป๋าฟรี

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในเบื้องต้นจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดเตรียมสถานที่ติวไว้รองรับนักเรียนจำนวน 6 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช โรงละคร อบจ.นครศรีธรรมราช โรงเรียนสตรีทุ่งสง วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ (เอสเทคทุ่งสง) โดยให้มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นศูนย์กลางในการติว แล้วมีการถ่ายทอดสัญญาณไปยังสถานที่ต่าง ๆ ดังกล่าว ส่วนการจัดโควตาให้นักเรียนที่สนใจจะเข้าติวและรายละเอียดต่าง ๆ ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 12 จะแจ้งให้ทราบต่อไป

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครศรีธรรมราชหรือ PEA. เตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้าของภาคใต้จากการหยุดส่งก๊าซพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเล (JDA).

วันนี้ (11 มิถุนายน 2557) ณ สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 (ภาคใต้). จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช นายวราห์ จันทร์เจ้า ผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 (ภาคใต้). จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการช่วยเหลือสนับสนุนกรณีเหตุการณ์ไม่ปกติ กรณีแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ JDA ปิดท่อบำรุงท่อก๊าซ ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน - 10 กรกฎาคม 2557 รวม 28 วัน ส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะจังหวัดสงขลา ต้องหยุดเดินเครื่องเนื่องจากใช้ก๊าซจากแหล่งดังกล่าวเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า และไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นทดแทนได้ส่งผลให้ไฟฟ้าขาดหายไปจากระบบ ประมาณ 710 เมกกะวัตต ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมกำลังการผลผลิตไฟฟ้าของภาคใต้ปัจจุบันอยู่ที่ 2,316 เมกกะวัตต

ผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 (ภาคใต้). จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เตรียมแผนมาตรการรองรับเตรียมความพร้อมด้านให้บริการ ซักซ้อมและจัดเตรียมแผนด้านการบริการจัดการสภาวะวิกฤตระหว่างศูนย์ควบคุมการจ่ายไฟฟ้า (ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ, ศูนย์สั่งการระบบไฟฟ้าศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าภาคใต้, ศูนย์ควบคุมการจ่ายไฟฟ้าแต่ละเขต และแต่ละการไฟฟ้า) เตรียมความพร้อมของบุคลากร ยานพาหนะ และเครื่องมือพร้อมเสริมความมั่นคงได้ดำเนินการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบจำหน่าย สายส่ง สถานีไฟฟ้า ตลอดจนอุปกรณ์ในระบบควบคุมและป้องกันต่าง ๆ จึงขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ และประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป ลดการใช้ไฟฟ้า หรือหลีกเลี่ยงเปลี่ยนช่วงเวลาปฏิบัติงานในช่วงความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าสูงสุดโดยเฉพาะช่วงเวลา 13.30 – 15.30 น. และ 18.30 - 22.30 น. ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2557 ในการลดการใช้กระแสไฟฟ้าที่ทุกท่านสามารถช่วยได้ง่ายที่สุด คือ ปิดไฟแสงสว่างใช้เท่าที่จำเป็นและขอความร่วมมือปิดไฟหลังคาเรือนละ 1 ดวง ปิดเครื่องปรับอากาศครัวเรือนละ 1 เครื่อง และ เปิดเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศา สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าเสียบปลั๊กทิ้งไว้เมื่อเลิกใช้งาน ในส่วนของไฟบนถนน ขอความร่วมมือทางเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบลเปิดไฟบนถนนเท่าที่จำเป็น และขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักด้วย



พรรณี กลสามัญ /ภาพ-ข่าว

คสช.ออกประกาศฉบับที่ 59 -60 ระบุขยายเวลาส่งมอบอาวุธถึง 25 มิ.ย.นี้ และ ยกเลิกเคอร์ฟิวเพิ่ม 20 จังหวัด

เมื่อเวลา 20.45 น.วันที่ 10 มิ.ย. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศฉบับที่ 59/2557 เรื่องขยายเวลาการนำส่งมอบอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามตามที่ได้มีคำสั่งที่ 37/2557 ลงวันที่ 29 พ.ค.57 เรื่องให้ผู้ที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบ และประกาศฉบับที่ 53/2557 ลงวันที่ 3 มิ.ย.57 เรื่อง กำหนดให้ผู้กระทำความผิดในบางกรณีไม่อยู่ภายใต้บังคับคำสั่ง คสช.ที่ 37/2557 แล้วนั้น เพื่อให้มีการนำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม ส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายต่อไปอีกระยะหนึ่ง คสช.จึงมีประกาศดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ขยายระยะเวลาให้แก่ผู้ที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงคราม ในการนำส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ตามคำสั่งที่ 37/2557 ลงวันที่ 29 พ.ค.57 เรื่อง ให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบ ต่อไปจนถึงวันที่ 25 มิ.ย.57 ข้อ 2 ให้ผู้ที่นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดเวลาตามข้อ 1 ไม่ต้องรับโทษทางอาญา ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ข้อ 3 ผู้ที่ฝ่าฝืนไม่นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่สำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามส่งมอบต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดเวลาตามข้อ 1 มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 4 ปี ข้อ 4 ประกาศนี้มิได้บังคับแก่ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ที่ถูกจับกุมหรือตกเป็นผู้ต้องหาหรือเป็นจำเลยก่อนวันที่ 29 พ.ค. 57 และอยู่ระหว่างการสอบสวนหรือระหว่างคดี ยังไม่ถึงที่สุด ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะ หัวหน้า คสช.

ขณะเดียวกัน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศที่ 60/2557 เรื่องยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่เพิ่มเติม เนื่องจากสถานการณ์ในบางพื้นที่ได้คลี่คลายลงและไม่ปรากฏแนวโน้มของการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง ดังนั้น เพื่อเป็นมาตรการผ่อนคลายและบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนจึงให้ยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่ดังต่อไปนี้ 1.จ.กาญจนบุรี 2. จ.ราชบุรี 3. อ.เขาย้อย อ.หนองหญ้าปล้อง อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.บ้านแหลม อ.เก่งกระจาน และ อ.เมือง จ.เพชรบุรี 4. จ.ระยอง 5 จ.จันทบุรี 6. อ.คลองใหญ่ อ.เขาสมิง อ.บ่อไร่ อ.แหลมงอบ อ.เกาะกูด และ อ.เมือง จ.ตราด 7. จ.นครพนม 8. จ.สกลนคร 9. จ.ร้อยเอ็ด 10. จ.เลย 11. จ.สุรินทร์ 12. จ.ตาก 13. จ.สุโขทัย 14. จ.แม่ฮ่องสอน 15. จ.อุตรดิตถ์ 16 จ.แพร่ 17. จ.น่าน 18. อ.สะเดา และ อ.เมือง จ.สงขลา 19. จ.ตรัง และ 20 จ.สตูล สำหรับพื้นที่อื่น ๆให้ยังคงปฏิบัติตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค. เรื่องห้ามออกนอกเคหสถาน ประกาศ คสช. ฉบับที่ 42/2557 ลงวันที่ 26 พ.ค. เรื่อง แก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน และประกาศ คสช.ฉบับที่ 52/2557 ลงวันที่ 3 มิ.ย. เรื่องยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่ ทั้งนี้ตั้งแต่บันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ประกาศ ณ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะ หัวหน้า คสช.

จังหวัดนครศรีธรรมราช ติวเข้มเจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

วันนี้ (11 มิ.ย.57) ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการประชุมเพิ่มศักยภาพในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายสกล จันทรักษ์ ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวรายงาน ซึ่งที่ทำการปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดขึ้นเพื่อชี้แจงแนวทางการทำงานและซักซ้อมความเข้าใจในการบูรณาการการทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและอำนวยความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนให้มีประสิทธิภาพ ตรงตามสภาพปัญหา และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับประชาชน

ในการอบรมครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และอำเภอทุกอำเภอ กับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความเป็นธรรมให้กับประชาชน จำนวน 48 คน เข้ารับการอบรม เช่น ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สคบ.จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด ที่ทำการปกครองจังหวัด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัด เป็นต้น โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากสำนักสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง สำนักงานเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานจังหวัดนครศรีธรรมราช และสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไปศึกษากฎระเบียบการปฏิบัติงานให้ชัดเจน ต้องรู้ว่าเรื่องใดอยู่ในอำนาจหน้าที่ของใคร ระดับใดบางเรื่องสามารถแกไขปัญหาให้จบได้ในระดับอำเภอ หรือหน่วยงานนั้น ๆ โดยให้ยึดหลักระเบียบ ข้อกฎหมายทีมีอยู่เป็นสำคัญ ได้แก่เรื่องการบุกรุกที่ดินของรัฐ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่าง ๆ การคุ้มครองผู้บริโภค การแก้ไขปัญหาความยากจน การช่วยเหลือเกษตรกร เป็นต้น

ผู้ว่าฯนครฯ เอาจริงกำชับให้หน่วยงานราชการงดทำโอทีช่วงรณรงค์ประหยัดไฟฟ้า 13 มิ.ย.-10 ก.ค.57

ผู้ว่าฯนครฯ เอาจริงกำชับให้หน่วยงานราชการงดทำโอทีช่วงรณรงค์ประหยัดไฟฟ้า 13 มิ.ย.-10 ก.ค.57 พร้อมขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันปิดไฟบ้านละ 1-2 ดวง

วันนี้ (11 มิ.ย.57) ที่ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากแหล่งก๊าซธรรมชาติหยุดซ่อมบำรุง ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2557 รวม 28 วัน โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ละฝ่ายเข้าร่วมประชุม

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการซ้อมแผนการลดใช้พลังงานไฟฟ้าเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2557 ในช่วงที่มีการใช้พลังงานสูงสุดระหว่างเวลา 18.30 -22.30 น.ปรากฏว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชมีการลดการใช้พลังงานลงเพียง 3 เมกะวัตต์เท่านั้นจากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 31 เมกะวัตต์ ดังนั้นจึงน่าเป็นห่วงว่าเมื่อถึงวันที่มีการหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ป้อนให้โรงไฟฟ้าอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2557 ซึ่งต้องมีการหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วย ทำให้กำลังไฟฟ้าลดลง 710 เมกะวัตต์ อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย และหากไฟฟ้าไม่พอใช้อาจจะมีการดับไฟเป็นวงในบางพื้นที่ ดังนั้นในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเวลา 18.30 -22.30 น. ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2557 รวม 28 วัน จึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากนายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้านไปชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนเข้าใจ ให้ช่วยกันปิดไฟแสงสว่างบ้านละ 1-2 ดวง ส่วนสถานที่ราชการทุกแห่งหากไม่มีความจำเป็นขอให้งดการทำงานนอกเวลาราชการ หรือโอที ในช่วงดังกล่าวด้วย โดยให้ปิดไฟ ปิดแอร์ ถอดปลั๊กซ์ปิดสวิทซ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้เรียบร้อย ในส่วนของบริษัทห้างร้านสถานประกอบการขอให้ปิดหลอดไฟแสงสว่างที่ไม่จำเป็น หรือมีแอร์ 10 เครื่องให้ปิด 1 เครื่อง เป็นต้น เช่นเดียวกับโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขอให้พิจารณาลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดด้วย

นางสาววาริน ชิณวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในส่วนของหอการค้าได้ที่การทำความเข้าใจกับคณะกรรมการและสมาชิกหอการค้าทุกรายแล้ว รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจต่าง ๆ ในจังหวัดอีกจำนวน 600 ธุรกิจพร้อมให้ความร่วมมือในการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าวให้ได้

ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมได้แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงโม่หิน กลุ่มเมืองแร่ กลุ่มโรงไม้ กลุ่มยางพารา และกลุ่มประมง ซึ่งทั้งหมดได้มีการประชุมสร้างความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสถานประกอบการบางแห่งได้ปรับเปลี่ยนเวลาการทำงานของพนักงาน หรืองดทำล่วงเวลาหรือโอทีในช่วงเวลาที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุด แต่ให้พนักงานทำงานในช่วงเช้าเพิ่มมากขึ้น

นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในส่วนของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้มีการประสานขอความร่วมมือโดยตรง แต่ในส่วนของห้างสรรพสินค้าในท้องถิ่นทางพาณิชย์จังหวัดได้ขอความร่วมมือและชี้แจงทำความเข้าใจถึงความจำเป็นในการลดใช้พลังงานไฟฟ้าแล้ว

ด้านผู้แทนแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 1 กล่าวว่า ทางแขวงฯ 1 มีระบบไฟฟ้าส่องสว่างถนนประมาณ 5,000 ดวง ซึ่งในช่วงวิกฤติพลังงานไฟฟ้าภาคใต้ ทางทีมช่างไฟฟ้าของแขวงฯ จะมีการพิจารณาดับหลอดไฟส่องแสงสว่างในจุดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนประมาณ 600 ดวง

รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ออกตรวจเยี่ยมและมอบของอุปโภคบริโภคแก่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้มัสยิดและกำลังพลในพื้นที่

วันนี้ ( ๑๑ มิ .ย.๕๗ ) เวลา ๑๓.๓๐ น.ที่ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส  อ.เมือง จ.นราธิวาส             พลตรีวิทยา  จินตนานุรัตน์ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้าพร้อมคณะ  ออกตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสพร้อมรับฟังการบรรยายสรุปในการปฏิบัติงาน และมอบนาฬิกาละหมาดให้กับมัสยิดต่างๆเพื่อการปฏิบัติศาสนกิจในช่วงรอมฏอนรวมถึงมอบของอุปโภคบริโภคที่ได้รับบริจาคจากหน่วยงานราชการ และเอกชน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่มัสยิดและกำลังพลในพื้นที่ต่างๆ โดยมีพลตรีสิงหศักดิ์   อุทัยมงคล  ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นผู้รับมอบดังกล่าว

ด้านพลตรีวิทยา  จินตนานุรัตน์ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า กล่าวว่า  การออกเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส นั้นเพื่อต้องการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส  พร้อมทั้งเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด   เพื่อการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายของผู้ไม่หวังดีที่อาจสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ได้ทุกเมื่อ

หลังจากนั้นได้เดินทางไปรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจสำคัญพร้อมทั้งมอบของอุปโภคบริโภคให้กับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ค่ายจุฬาภรณ์ เพื่อนำไปแจกจ่ายมัสยิดและกำลังพลในพื้นที่เช่นเดียวกัน
@import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



 นำเสนอโดย  ผลดา ชูสิงห์

โรฮิงญาหลบหนีจากบ้านพักเด็กชายและครอบครัว 14 คน เจ้าหน้าที่เร่งติดตาม

วันนี้ ( 11 มิ.ย. 57 ) หลังจากเกิดเหตุกลุ่มโรฮิงญา จำนวน 14 คนที่อยู่บ้านพักเด็กและครอบครัวนราธิวาสได้หลบหนีออกจากบ้านพักตั้งแต่ช่วงเช้ามือของวันนี้ โดยหลบหนีออกทางด้านหลังของบ้านพัก ซึ่งล่าสุดนายโมหามัสสาวี มูซอ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวนราธิวาส เข้าแจ้งความพร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ อส.เข้ามาติดตามกลุ่มโรฮิงญาที่หลบหนีตามป่ารกทึบด้านหลังบ้านพักเด็กฯ แต่ไม่พบกลุ่มโรฮิงญาพบเพียงผ้าคลุมหัวและถุงเสื้อผ้า

หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวนราธิวาส กล่าวอีกด้วยว่า การหลบหนีของกลุ่มโรฮิงญาครั้งนี้คาดน่าจะมีกลุ่มนายหน้าพาหลบหนีด้วย ซึ่งหากควบคุมตัวได้กลุ่มที่เป็นนายหน้าก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้คาดทั้งหมดน่าจะหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย

ขณะที่ด้าน พ.ต.อ.รัฐบวร บำรุงรส รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาส ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดออกเร่งติดตาม โดยการตั้งจุดตรวจลอยตามถนนสายหลักและสายรองโดยเฉพาะในพื้นที่มี่มีเขตติดกับชายแดนมาเลเซีย อีกทั้งมีการประสานไปยังตำรวจน้ำเพื่อให้สำรวจตามน่านน้ำในพื้นที่ด้วย
@import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

รองผู้การตำรวจเตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกข่าวลือแก๊งคลักเด็ก และอย่าประมาทปล่อยให้ลูกหลานเล่นคนเดียว

( 11 มิ.ย. 57 )  พ.ต.อ.สมบัติ  หวังดี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาส กล่าวถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับแก๊งค์ลักพาตัวเด็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งรวมถึงจังหวัดนราธิวาสด้วยว่า ไม่อยากให้ประชาชนและผู้ปกครองของเด็กในพื้นที่ตื่นตระหนกกับเรื่องดังกล่าว เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดในพื้นที่ได้เวลาที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่  เพียงแต่ขอให้ทุกคนไม่ประมาทดูแลบุตรหลานของตนเอง ไม่ให้ไปไหนกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่คนในครอบครัว 

ขณะเดียวกันโรงเรียนในพื้นที่เองมีการปรับแผนในการดูแลนักเรียนในช่วงเลิกเรียนมากขึ้น โดยที่โรงเรียนเทศบาล 5 เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส มีการจัดเวรยามครูเข้ามาดูแลเด็กเพิ่มขึ้น รวมถึงกำชับนักเรียนไม่ให้ออกไปเล่นนอกรั้วโรงเรียนหลังเวลาเลิกเรียนเพื่อเป็นความไม่ประมาท
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับพื้นที่จังหวัดนราธิวาสมีการแจ้งความในพื้นที่ของ อ.ยี่งอ เกี่ยวกับพฤติกรรมชายแปลกหน้าที่ทำทีมาชวนเด็กนักเรียนไปตามสถานที่ต่างๆ แต่เด็กไม่ไปด้วย และมีการต่อขัดขืนก่อนจะปล่อยตัวไป ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าพฤติกรรมดังกล่าวเกี่ยวกับแก๊งลักพาตัวเด็กหรือไม่  @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ กับแรงงานจังหวัดพัทลุง

ที่บริเวณพื้นที่สาธารณะบ้านป่าตอ ท้องที่ หมู่ที่ 8 ตำบลเขาปู่ อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง นายสุชาติ สุวรรณกาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานในการดำเนินโครงการ "เฉลิมพระเกียรติ อาสาสมัครแรงงานร่วมใจ ประสานพัฒนาบ้านเกิดจังหวัดพัทลุง ” กิจกรรมปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานร่วมกันจัดขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ จังหวัดพัทลุงพัทลุง และลูกหลานชาวพัทลุงในอนาคต

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดโครงการ “เยาวชนไทยหัวใจใสสะอาด”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายสุชาติ สุวรรณกาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานเปิด โครงการ"เยาวชนไทยหัวใจใสสะอาด” ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนทุกระดับและเครือข่ายเยาวชนในสถานศึกษามีจิตสำนึก มีค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริตและมีความคิดเชิงบวก กล้าคิด กล้าแสดงออกในทางที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม และมีส่วนร่วมการป้องกันแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น เพื่อการสร้างสังคมที่ดีเพื่ออนาคต

ทั้งนี้สืบเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ที่เกิดปัญหาความขัดแย้งวุ่นวาย สังคมแตกแยก อันเกิดจากปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง และมีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนที่จะต้องกันดูแลและฟื้นฟูเยียวยาเพื่อนำสังคมให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เยาวชนได้ตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ และได้ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในครรลองคลองธรรม ปฏิเสธสิ่งไม่ดีต่าง ๆ และเลือกรับในสิ่งดีงามเพื่อการสร้างสังคมที่ดี

กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้แทนสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดพัทลุง ผู้แทนสภาเด็กและเยาวชนอำเภอ เครือข่ายเยาวชนจากสถานศึกษา รวมทั้งสิ้น ๑๐๐ คน โดยมีวิทยากรจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพัทลุง สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดพัทลุง ตัวแทนเยาวชน เป็นต้น

ประชุมกรรมการตำรวจพัทลุง

ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เน้นให้ตำรวจดำเนินการตามนโยบายของ คสช.เพื่อแก้ปัญหาสำคัญของชาตินำความสงบสันติมาสู่สังคมไทย ที่ห้องประชุม ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงวันนี้(๔ มิ.ย.๕๗) นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดพัทลุง ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานของตำรวจรอบเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งรับทราบนโยบายใหม่ ๆ ที่เกี่ยวของกับภาระหน้าที่ของตำรวจ ตลอดแนวทางการพัฒนาเพิ่มศักยภาพของตำรวจภูธร

ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เน้นย้ำให้ตำรวจภูธรได้เร่งดำเนินการตามนโยบายของ คสช.ที่เกี่ยวของกับการปฏิบัติงานของตำรวจ ซึ่งมีประเด็นหลัก ๆ คือการสร้างความปรองดองของคนในชาติ การเร่งรัดปราบปรามผู้มีอิทธิพลและอาวุธผิดกฎหมายต่าง ๆ การปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของประชาชนมาอย่างยาวนาน ซึ่งตำรวจถือว่าเป็นหน่วยงานที่จะสามารถสนองแนวนโยบายดั่งกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ยึดประโยชน์ของชาติและความผาสุกของประชาชนเป็นเป้าหมายสำคัญ

ส่วนประเด็นอื่นที่อยู่ในวาระการประชุมเช่น โครงการอบรมอาสาสมัครตำรวจบ้านประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุงได้ดำเนินการจัดขึ้นเพื่อการป้องกันปัญหาอาชญากรรมในเชิงรุก โดยนำประชาชนในพื้นที่เข้ามาฝึกอบรม ให้ความรู้และเพิ่มทักษะในการปฏิบัติงาน มีหน้าที่ในการแจ้งเบาะแสและปฏิบัติงานช่วยเหลือตำรวจในการบริการประชาชน ทำให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจและได้รับการดูแลที่ทั่วถึงมากขึ้น

สำหรับผลการดำเนินการกวดขันจับกุมอาชญากรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ทั้งที่เป็นคดีประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สิน คดียาเสพติด การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ยังคงมีแนวโน้มที่สูงขึ้น ซึ่งทางตำรวจจะได้เพิ่มความเข้มข้นในการป้องปรามต่อไป

แม่ทัพภาค 4 ส่งมอบงานและปิดโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2557 ดร. วินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ให้การต้อนรับ พลโท วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเดินทางมาเป็นประธานในพิธีส่งมอบงานและปิดโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ ณ พื้นที่ขุดลอกคลองแม่โอ เทศบาลตำบลร่มเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ทั้งนี้ตามที่กองทัพภาคที่ 4 ได้รับมอบหมายให้ดำเนินงานขุดลอกคูคลองและพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคใต้ ในปีงบประมาณ 2556 จำนวน 18 แผนงาน ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นโครงการแล้ว สำหรับในปีงบประมาณ 2557 กองทัพภาคที่ 4 ได้ดำเนินงานดังกล่าว จำนวน 11 แผนงาน โดยดำเนินงานใน จังหวัดพัทลุง 4 แผนงาน จังหวัดชุมพร 2 แผนงาน จังหวัดปัตตานี 1 แผนงาน จังหวัดยะลา 1 แผนงาน และจังหวัดนราธิวาส 1 แผนงาน ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวนี้ได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2557 และเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2557

เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ ในความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 4 เสร็จสิ้นสมบูรณ์ครบถ้วน ทางกองทัพภาคที่ 4 ในฐานะกองอำนวยการก่อสร้างตามโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานทหารช่าง หน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ ได้จัดให้มีพิธีมอบงานงานและปิดโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำขึ้น สำหรับการดำเนินงานโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ ในปีงบประมาณ 2557 จำนวน 11 แผนงานในครั้งนี้ จะมีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์ 101,915 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 9,846 ครัวเรือน จำนวน 51,318 คน มั่นใจว่าการดำเนินงานในครั้งนี้จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง มอบนโยบายให้กับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกคารองส่วนท้องถิ่น และผู้นำท้องถิ่น เน้นการทำงานสนองนโยบายรัฐบาล สร้างความปรองดองของคนในชาติ

วันที่ ( 5 มิ.ย. 57 ) ที่ห้องประชุมกาบบัว ศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้มอบนโยบายการทำงาน ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนัน ในจังหวัดพัทลุง ในโอกาสที่เดินทางมารับตำแหน่งใหม่ที่จังหวัดพัทลุง ทั้งนี้เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สนองนโยบายรัฐบาล และเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำท้องถิ่น จะต้องดำเนินการประการแรก คือการขยายผลโครงการพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดพัทลุง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงมีต่อเพื่อพสกนิกร และให้ทุกภาคส่วน ได้น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนให้มากที่สุด

นอกจากนี้ ให้ยึดนโยบายการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน เช่น นโยบายการปราบปรามยาเสพติด การปราบปรามแหล่งอบายมุข การพนัน แหล่งมั่วสุม และเร่งสร้างความรัก ความสามัคคี ความปรองดองของคนในชาติ ไม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งสี ทั้งนี้เพื่อให้การพัฒนาประเทศเดินหน้าต่อไป

เจ้าของที่ดินพบทองคำนำทองคำลักษณะเป็นก้อน ทองคำแผ่นและทองคำรูปพรรณ มอบคืนกรมศิลปากรผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดรวมน้ำหนักเกือบ 2กิโลกรัม ท่ามกลางความสนใจของข้าราชการ ประชาชน บนศาลากลางจังหวัดพัทลุง

(6 มิ.ย.57) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ห้องประชุมศาลกากลางจังหวัดพัทลุง นายวิ ทับแสง เจ้าของที่ดินพบทองคำและวัตถุโบราณ พร้อมนายวิโรจ ตุเทพ นางลัดดา อักษรเนียม นางกัลยา ทับแสง และนายประพันธ์ ตุเทพ ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวบ้าน หมู่ที่ 6ตำบลเขาชัยสน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง นำทองคำลักษณะทองคำก้อน ทองคำรูปพรรณ และทองคำแผ่น ส่งมอบคืนให้กับกรมศิลปากรโดยผ่านนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ท่ามกลางความสนในของข้าราชการ และประชาชน บนศาลากลางจังหวัดพัทลุง นอกนั้นยังมีนายอนันต์ ชูโชติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม และนายอาณัติ บำรุงวงค์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14จ.นครศรีธรรมราช เป็นสักขีพยานในการรับมอบทองคำ

โดยนายวิ ทับแสง ได้มอบทองคำจำนวน 5 ชิ้น ทองคำก้อน น้ำหนัก 782 กรัม กำไลลวดลายมังกร นำหนัก 92 กรัม จี้ทองคำ น้ำหนัก 8 กรัม เศษทองหัก น้ำหนัก 8 กรัม และเม็ดทองคำ น้ำหนัก 2 กรัม นายวิโรจ ตุเทพ มอบทองคำจำนวน 2ชิ้น ทองคำก้อน น้ำหนัก 40 กรัม และทองคำแผ่น น้ำหนัก 38 กรัม นางลัดดา อักษรเนียม มอบทองคำจำนวน 1 ชิ้น ทองคำก้อน น้ำหนัก 398 กรัม นางกัลยา ทับแสง มอบทองคำจำนวน 3 ชิ้น ทองคำก้อนขนาด น้ำหนัก 80 กรัม ทองคำก้อนขนาด 40 กรัม และทองคำแผ่น น้ำหนัก 38 น้ำกรัม และนายประพันธ์ ตุเทพ มองทองคำจำนวน1 ชิ้น ทองคำแผ่น น้ำหนัก 98 กรัม รวมน้ำหนักทองคำที่ส่งมอบให้กับกรมศิลปากรในวันนี้จำนวน 1,624 กรัม คิดเป็นน้ำหนักทองคำจำนวน 106.85 บาท

นายอนันต์ ชูโชติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ทองคำที่รับได้คืนจากชาวบ้านในวันนี้เป็นทองคำที่ขุดพบจากสวนปาล์มบ้านทุ่งอ้อ หมู่ที่ 7 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ทางกรมศิลปากรจะตีมูลค่าทองคำให้ 1 ใน 3 ของราคาประเมินจากมูลค่าและคุณค่าตามความเก่าแก่ของอายุทองคำและลวดลาย ซึ่งจะได้มากกว่าราคาทองคำในท้องตลาดอย่างแน่นอน และจะเร่งประมาณราคาเพื่อส่งมอบเงินให้กับผู้ที่มอบทองคำคืนกรมศิลปากรประมาณสิ้นเดือน มิถุนายน นี้ ส่วนทองคำที่ได้รับมอบคืนนั้นจะนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

นายอาณัติ บำรุงวงค์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่าในวันพรุ่งนี้ จะเริ่มทำการขุดพื้นที่พบทองคำและวัตถุโบราณทันที่ โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรและกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนจะดำเนินแล้วเสร็จในวันไหนนั้นไม่สามารถตอบได้

ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าหารือ เพื่อจัดกิจกรรมคืนความสุขให้กับประชาชนเริ่มดีเดย์ ๑๒ มิถุนายนนี้

นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้หารือร่วมกับ พ.อ.พันธ์ศักดิ์ รวยสำรวย รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพัทลุงฝ่ายทหาร พล.ต.ต.สรศักดิ์ รมยานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง นายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ ๔๐๑,๔๐๒ ตัวแทนฝ่ายปกครอง และหน่วยงานฝ่ายกลาโหมทั้งหมด เพื่อจัดโครงการคืนความสุขให้กับประชาชน โดยเบื้องต้นจะเริ่มในวันที่ ๑๒ มิถุนายนนี้

จังหวัดพัทลุงจัดแถลงข่าวการจัดงาน กาชาดประจำปี งานสมโภชพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ และงานของดีเมืองลุงประจำปี ๒๕๕๗ แล้ววันนี้ ส่วนงานจะมีขึ้นระหว่าง ๑๒ – ๒๑ มิถุนายน ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง

ตามที่จังหวัดพัทลุง โดยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวจังหวัดพัทลุง ได้กำหนดจัดงานกาชาด งานสมโภชพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ และงานของดีเมืองลุง ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ เพื่อรวมน้ำใจของปะชาชนในการสนับสนุนกิจการของกาชาด ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณะกุศล มีบทบาทหน้าที่ในการช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ และส่งเสริมคุณภาพชีวิต แก่ประชาชนผู้ประสบภัย ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสต่าง ๆ ในสังคมให้ได้รับโอกาสในการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น พร้อมทั้งเพื่อฉลองสมโภชพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือพระสี่มุมเมือง ศูนย์รวมจิตใจของชาวพัทลุง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้จัดสร้างและประดิษฐานเป็นพระประจำทิศใต้ ณ จังหวัดพัทลุง พร้อมทั้งเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจและประชาสัมพันธ์สิ่งดีงามอันทรงคุณค่าของจังหวัดพัทลุง ให้เป็นที่รู้จักของสาธารณชนและนักท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง

โดยเมื่อช่วงค่ำของวันนี้ (๙ มิ.ย.๕๗) นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยนางกอบกุล เพชรสังข์ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดพัทลุง นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง นายสุเมธ บุญยก นายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง และ พ.ต.อ.ภวัต ประชาญสิทธิ์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรเมืองพัทลุง ได้ร่วมกันจัดแถลงข่าวดังกล่าวขึ้น ณ บริเวณศาลาจตุรมุขพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ ของงานให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้รับทราบ

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปสำคัญที่เป็นที่เคารพสักการะ และยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพัทลุง โดยได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประดิษฐานที่จังหวัดพัทลุงตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๑ และมีการจัดงานฉลองสมโภชขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งต่อมาระยะหลังได้จัดเป็นงานประจำปีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น ส่งเสริมอาชีพและการท่องเที่ยวของจังหวัด รวมทั้งเป็นการสนับสนุนกิจการของเหล่ากาชาดจังหวัดพัทลุงด้วย

สำหรับปีนี้ทางจังหวัดพัทลุงได้กำหนดจัดงานกาชาด งานสมโภชพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ และงานของดีเมืองลุง ประจำปี ๒๕๕๗ ขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒ – ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญต่าง ๆ อาทิ ขบวนแห่สิ่งอันทรงคุณค่าจากอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดพัทลุง การกวนข้าวยาคู พิธีสมโภชองค์พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ นิทรรศการของส่วนราชการต่าง ๆ การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงของศิลปินดารา คาราวานสินค้าราคาประหยัด สิ้นค้าโอท็อป ร้านนาวากาชาด การแสดงของเยาวชน หมู่บ้านพอเพียง และกิจกรรมคืนความสุขให้กับประชาชน เป็นต้น

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมรณรงค์เครือข่าย LA 21 ภาคใต้ ภายใต้หัวข้อ “ลดขยะ อนุรักษ์ทะเล” หวังให้คนในท้องถิ่นช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (11 มิ.ย. 57) ที่บริเวณชายหาดสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมรณรงค์เครือข่าย LA21 ภายใต้หัวข้อ “ ลดขยะ อนุรักษ์ทะเล ” โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แปลงแนวคิด “การพัฒนาที่ยั่งยืน” สู่การปฏิบัติจริงอย่างเป็นรูปธรรม โดยดำเนินกิจกรรมส่งเสริมพหุภาคีในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แผนปฏิบัติการ 21 ระดับท้องถิ่น (LOCAI AGENDA 21;LA 21) เป็นแผนปฏิบัติการความ ร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในทุกภาคส่วนของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมดำเนินงาน จำนวน 127 แห่ง ร่วมกันดำเนินกิจกรรมส่งเสริมพหุภาคีในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สนับสนุนการดำเนินงานในรูปแบบการพึ่งพาช่วยเหลือ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน ก่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนกระบวนการทำงานเชิงพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเกิดการเรียนรู้ และพึ่งพาช่วยเหลือกันในระดับภาคต่อไป

สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีการมอบใบประกาศให้ผู้ร่วมจัดนิทรรศการ นิทรรศการให้ความรู้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคใต้ การสาธิตวัสดุเหลือใช้ตามซุ้มนิทรรศการ การปล่อยปูลงสู่ทะเล และกิจกรรมบนเวทีอีกมากมาย

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการจัด โครงการมหกรรม กบข.สมาชิกสัมพันธ์สัญจร ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดสงขลา

วันนี้ (11 มิ.ย.57) เวลา 09.00 น. ที่ โรงแรมบีพีสมิหลา บีช โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท สงขลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการมหกรรม กบข.สมาชิกสัมพันธ์สัญจร ครั้งที่ 2 (ภาคใต้ จังหวัดสงขลา) โดยมีนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และนางอุไรวรรณ บรรจุสุวรรณ คลังจังหวัดสงขลา ร่วมเป็นเกียรติภายในงาน และมีสมาชิกผู้ กบข.ผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวนกว่า 600 คน ภายในงานยังจัดให้มีกิจกรรม บูธตลาดนัด การจำหน่ายสินค้าจากสมาชิกหรือคนในครอบครัวของสมาชิก กบข. บูธพันธมิตรสวัสดิการจากสถาบันการเงินต่างๆที่จัดสวัสดิการร่วมกับกบข. เพื่อสิทธิเศษแก่สมาชิก กบข. บูธผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และบูธถาม – ตอบ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด จัดงานสัมมนาเพื่อเสริมความรู้การลงทุนและการวางแผนการเงิน ในหัวข้อ "เตรียมเกษียณอย่างไรให้สุขใจ" อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมฝึกอาชีพที่เป็นที่นิยมในพื้นที่ เรียนรู้ง่าย ต้นทุนต่ำซึ่งสมาชิกสามารถเลือกเรียนได้ 2 หลักสูตรด้วยค่าอบรมเพียง 199 บาท กิจกรรมฝึกอาชีพถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการเพิ่มรายได้ที่ กบข. จัดให้กับสมาชิก สำหรับสมาชิกที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่หน่วยงานต้นสังกัด หรือเว็บไซต์ กบข. www.gpf.or.th

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า กบข.ได้จัด โครงการมหกรรม กบข. สมาชิกสัมพันธ์สัญจรประจำ ปี 2557 ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 9-12 มิถุนายน 2557 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกและพันธมิตรวิทยากรรับรู้และเข้าใจข้อมูล กบข. บริการต่างๆ เช่น ออมเพิ่ม ออมต่อ เปลี่ยนแผนการลงทุน สิทธิประโยชน์ รวมถึงสวัสดิการที่ กบข.จัดให้กับสมาชิก โดยตั้งเป้าสามารถสร้างพันธมิตรวิทยากรจำนวน 600 คน เพื่อให้สามารถอบรมสมาชิกครอบคลุมได้มากกว่า 100,000 คนภายในสิ้นปี



ยุสรา วาจิ//ข่าว
วิชราวุฒิ แกล้วกล้าหาญ// ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

จังหวัดสงขลา เร่งดำเนินการจัดทำผังเมืองรวมเมืองหาดใหญ่เพื่อเตรียมแก้ปัญหาในอนาคต

ที่ห้องประชุมโรงแรมราชมังคลาสงขลาเมอร์เมด อ.เมือง จ.สงขลา เช้าวันนี้ (11 มิ.ย. 57) นายพิรสิญจ์ พันธ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกำกับดูและติดตามผลการดำเนินงานโครงการวางและจัดทำผังเมืองรวมเมืองหาดใหญ่ ครั้งที่ 3 ซึ่งจังหวัดสงขลา ได้ว่าจ้าง บริษัทพิสุทธ์เทคโนโลยี จำกัด เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการด้านข้อมูลและความเป็นไปได้ในการวางผังเมืองรวมโดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2556 เพื่อหามาตรการในการควบคุมและจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณผังเมืองรวมเมืองหาดใหญ่

ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลต่างๆ พบว่า ใน20 ปี ข้างหน้าเมืองหาดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ซึ่งมีท้องถิ่นตั้งอยู่ในพื้นที่จำนวน 26 แห่ง ทั้งเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของการเพิ่มขึ้นของประชาชนและที่อยู่อาศัยซึ่งในอนาคตจะมีปัญหาเรื่องการจราจรที่มีถนนไม่เพียงพอ ปัญหาการกำจัดขยะที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ตลอดจนด้านสาธารณูปโภค คือ น้ำประปา ไฟฟ้า ไม่เพียงพอซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง รวมทั้งการแก้ปัญหาน้ำท่วมซึ่งจะต้องหาทางระบายน้ำให้เพียงพอและขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำทั้งที่มีอยู่ปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต



ยุสรา วาจิ//ข่าว
จิรพัฒน์ วงศ์กระจ่าง//ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

เกษตรกรในพื้นที่ตำบลควนพัง อำเภอร่อนพิบูลย์ ปลูกมันเทศ ในพื้นที่ 25 ไร่ มีรายได้สูงถึง 1 ล้านบาท ต่อ 1 ฤดูกาลผลิตในระยะเวลา 3 เดือน

วันที่ 10 มิถุนายน 2557  นายสมนึก เหมณี เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายเจือ สิริพร เกษตรอำเภอ นักวิชาการการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ดูงานส่งเสริมการเกษตรที่ประสบผลสำเร็จ ตามโครงการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้ง อาทิ ฟักทอง มันเทศ และถั่วลิสง ในพื้นที่ตำบลควนพัง อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโครงการที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับเกษตรอำเภอร่อนพิบูลย์ จัดโครงการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งนำร่องในพื้นที่ตำบลควนพัง ปี 2557 เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่ที่ 2, 5 และ 8 ของตำบลควนพัง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม เกษตรกรมีการยกร่องปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ หลังจากปี 2554 เป็นต้นมาเกิดอุทกภัย ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันเสียหายและตายเป็นจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรมีภาระหนี้สินและไม่มีกำลังทรัพย์ในการดำเนินการปลูกปาล์มน้ำมันต่อไปได้

ทางเกษตรอำเภอร่อนพิบูลย์ได้สำรวจพื้นที่   พบพื้นที่ดังกล่าวดินมีความอุดมสมบูรณ์ดี มีการทับถมของอินทรียวัตถุมากมาย และมีน้ำขังเพียงพอในพื้นที่ร่องสวนปาล์มน้ำมัน น่าจะมีความเหมาะสมในการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งบางชนิด ที่สามารถสร้างรายได้ทดแทนปาล์มน้ำมันที่ให้ผลผลิตต่ำ เนื่องจากประสบปัญหาอุทกภัย ดังนั้นจึงได้มีการแนะนำส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งขึ้น ในระยะเวลาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – ตุลาคม

ภาพการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวหลัง คสช. ประกาศยกเลิกเคอฟิวส์ใน 10 พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหลัก

นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวเผย เริ่มเห็นภาพการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวหลัง คสช. ประกาศยกเลิกเคอฟิวส์ใน 10 พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหลัก

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าว   หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวใน 10 พื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต หัวหิน ชะอำ เกาะช้าง เกาะพงัน เกาะสมุย หาดใหญ่ กระบี่ และพังงา เริ่มเห็นภาพการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ แต่ทั้งนี้คาดการณ์ การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้เต็มที่เมื่อมีการยกเลิกเคอร์ฟิวในกรุงเทพมหาคร เนื่องจากเป็นจุดหมายหลักอันดับหนึ่งด้านท่องเที่ยวของไทย และเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ๆ ดังนั้น หากไม่มีข้อกำหนดดังกล่าวในเมืองหลวง จะทำให้ตลาดพลิกฟื้นกลับมาได้รวดเร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์

นายศิษฎิวัชร กล่าว   ด้วยภาคเอกชนต้องการให้ คสช. พิจารณาอย่างรอบคอบด้วย หากยกเลิกแล้วจะไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยในกรุงเทพมหานคร เพราะหากกระทบด้านความรุนแรงเกิดขึ้น จะส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเช่นกัน

ภาคใต้ตั้งเป้าลดการใช้ไฟฟ้าลงให้ได้ 250 เมกะวัตต์

ภาคใต้ตั้งเป้าลดการใช้ไฟฟ้าลงให้ได้ 250 เมกะวัตต์ จากการฝึกซ้อมและเก็บรวบรวมข้อมูลเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา สามารถลดลงได้เพียง 26 เมกกะวัตต์ โดยนครศรีธรรมราช มีให้ความร่วมมือมากที่สุด

เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วทุกพื้นที่ในภาคใต้เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนตื่นตกใจ กระทบต่อการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศที่เสียหายไปด้วย ทั้งนี้เนื่องจากภาคใต้ มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า มากถึงกว่า 2,400 เมกะวัตต์ ขณะนี้เรายังผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการ และการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติของแหล่งเจดีเอ เอ 18 วันที่ 13 มิ.ย. - 10ก.ค.นี้ รวม 28 วัน จะทำให้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าที่ต้องใช้ก๊าซ เป็นเชื้อเพลิงต้องหายไป อีกประมาณ 700 เมกะวัตต์ ทุกหน่วยจึงต้องรณรงค์และเก็บรวบรวมสถิติการประหยัดพลังงาน

นายสุรเชษฐ์ หรดี พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าว   ด้วยภาคใต้ ได้กำหนดเป้าหมายลดไฟฟ้าลง แต่เราทำได้เพียง 10 % ของเป้าหมายเท่านั้น

พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าว นับตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนนี้ จะเริ่มเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งประชาชนจะติดตามรับชมกันมาก คาดไม่กระทบเนื่องจากโปรแกรมส่วนใหญ่อยู่นอกช่วง พีค คือ 18.30-22.30 น. แต่ขอความร่วมมือ จอเดียวดูกันหลายคน