วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ที่ภูเก็ตยังไม่มีหน่วยงานส่วนราชการหรือเจ้าหน้าที่เข้าทำงานในสำนักงาน นอกจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตที่ให้เปิดทำงานเพียงหน่วยงานเดียว

วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ การเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏรักชาติจังหวัดภูเก็ตที่บริเวณศูนย์ราชการกระทรวงการคลังจังหวัดภูเก็ต ซบเซา มีคนประมาณ 10 คน อยู่เฝ้าโยง เนื่องจากนายยสุรทิน เลี่ยนอุดม แกนนำและคณะจำนวนหนึ่ง เดินทางไปสมทบ กปปส.กรุงเทพมหานคร เพื่อนำเงิน1,000,000บาท ไปให้นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ส่วนที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต กปปส.จังหวัดภูเก็ต ปิดกั้นเหมือนเดิม มีคนเฝ้่าสิ่งของ 5 คน แต่ไม่มีหน่วยงานใด ที่ข้าราชการเจ้าหน้าที่ ทำงานในสำนักงาน นอกจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตที่ให้เปิดทำงานเพียงหน่วยงานเดียว ในขณะที่ ที่สำนักงานธนาคารออมสิน สาขาภูเก็ต ถนนพังงา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตและธนาคารออมสินสาขาต่างๆ ลูกค้าธนาคารทยอย มาติดต่อขอถอนเงินและสลากออมสินรวมทั้งปิดบัญชี ลดลง และมีประชาชน ที่มีฐานะดีสนับสนุนรัฐบาลบางส่วนติดต่อซื้อสลากออมสินและเปิดบัญชีใหม่

นอกจากนี้ ในวงการนักธุรกิจการท่องเที่ยว เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กรณี ที่กลุ่มชาวนาภาคกลาง ที่มีกระแสข่าวว่าจะไปปิดกั้นท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เพื่อกดดันรัฐบาล เรื่องนี้ จะกระทบกระเทือนการท่องเที่ยวภูเก็ต ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะมีเส้นทางบินจากต่างประเทศบางส่วนที่ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิก่อนที่จะเดินทางไปสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เช่นเดียวกับการชุมนุมของ พธม. อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ ที่เวทีท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ

ศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลอยขึ้นอืดกลางทะเล ตำรวจน้ำเร่งออกไปเก็บกู้ ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลอยขึ้นอืดกลางทะเล ตำรวจน้ำเร่งออกไปเก็บกู้ ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ

เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ (20 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองเนื่องจากพบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังไม่ทราบสัญชาติ สวมกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวลอยขึ้นอืดอยู่ในหมู่เกาะอ่างทอง ระหว่างเกาะท้ายเภา และเกาะว่าวใหญ่ ห่างจากชายฝั่งอำเภอเมืองไปประมาณ 45 ไมล์ทะเล

ต่อมา ร.ต.อ.ก้องเกียรติ เหมทานนท์ ผู้บังคับการเรือตรวจการณ์ 517 พร้อมหน่วยกู้ภัยออกไปเก็บกู้ซึ่งต้องใช้เวลาการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จึงจะถึงจุดที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ผูกร่างของผู้ตายไว้กับทุ่นกลางทะเล ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาประมาณ 4 วัน ลัษณะเหมือนชาวต่างชาติ นุ่งเพียงกางเกงในตัวเดียว โดยไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน

อย่างไรก็ตาม ในทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานฟูลมูน ปาร์ตี้ที่หาดริ้น เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทะเลมีคลื่นสูง ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะลงเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าวจึงถูกคลื่นซัดจมน้ำ ศพได้ถูกกระแสน้ำพัดพามาตามร่องน้ำจนถึงบริเวณดังกล่าว

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเร่งนำศพส่งโรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อทำการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล และสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากผู้ตายไม่หลักฐานใดๆ ติดตัว นอกจากสายรัดข้อมือของเรือโดยสารเท่านั้น พร้อมกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจท้องที่เพื่อตรวจสอบที่พัก โรงแรม บังกะโลในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน เพื่อติดตามว่าผู้ตายเป็นใครต่อไป

จังหวัดชุมพร ต่อยอดโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ

จังหวัดชุมพร ต่อยอดโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ

นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายปฐม สาธิตานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในนามคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร ได้ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ พร้อมกำหนดแนวทางพัฒนาต่อยอดให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการติดตามกรรมการแต่ละคนว่าได้ดำเนินภารกิจที่ได้รับมอบหมายตามกรอบการพัฒนาไปได้เพียงไหน พบปัญหา อุปสรรค ในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ หรือไม่ ซึ่งจะนำปัญหาต่างๆมาสรุปเพื่อระดมความคิดเห็นในการหาแนวทางในการดำเนินการให้ดีที่สุด

โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ เป็นโครงการบริหารจัดการน้ำ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นโครงการตัวอย่าง และมีความสำคัญต่อจังหวัดชุมพรเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมา ทำให้ตัวเมืองชุมพร รอดพ้นจากน้ำท่วมมากว่า 10 ปี แล้ว นอกจากนี้ยังมีโครงการเรียนรู้ ตามศาสตร์พระราชา ปรัชญาพอเพียง ตามแนวพระราชดำรี ที่มีประชาชนเดินทางมาดูงานเดือนละหลายพันคน

จัดเตรียมแผนสำรองการเบิกจ่ายเงิน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้ส่วนราชการเตรียมแผนสำรองการเบิกจ่ายเงิน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง และหากการเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามแผน อาจส่งผลต่อการชะงักและถดถอยของเศรษฐกิจได้

นายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 6 พร้อมคณะที่ปรึกษา ได้เดินทางมาตรวจติดตามการปฏิบัติงานการตามมาตรา 34 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2551 เพื่อติดตามการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2557 จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและรายงานการดำเนินงานตามแผนงานและโครงการที่กำหนดไว้ ซึ่งประเด็นที่ให้ความสำคัญและติดตามเป็นพิเศษ ได้แก่นโยบายสนับสนุนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ ทั้งประเด็นครัวไทยสู่ครัวโลก ที่ต้องพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานด้านพืช การอบรมผู้ประกอบการอาหารไทยรองรับครัวไทยสู่ครัวโลก การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นครัวอาหารโลก การส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ การพัฒนามาตรฐานการผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายสู่มาตรฐาน Primary GMP

สำหรับในประเด็นการดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 นั้น ได้ติดตามงานด้านการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งการดำเนินงานจังหวัดได้เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผน แต่มีความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณ เนื่องจาก อยู่ในระหว่างการดำเนินการตามระเบียบพัสดุ และสถานการณ์ทางการเมือง ดังนั้น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกส่วนราชการได้เตรียมแผนสำรองการเบิกจ่ายเงินเพื่อให้เป็นไปตามแผน การอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เมื่อเวลาผ่านไป จะได้รับผลกระทบ เกิดการชะงัก และถดถอย จึงอยากให้เร่งดำเนินการ เนื่องจากขณะนี้ผ่านมาเกือบ 6 เดือนแล้ว นอกจากนั้น สถานการณ์ทางการเมืองของรัฐบาล ที่ขณะนี้ อาจส่งผลต่อการดำเนินการขอกันเงินที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามแผน ด้วย

ชาวจังหวัดกระบี่ สนใจร่วมร่างมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 6

วันนี้ (20 ก.พ.57) นายแพทย์วีรพงศ์ สกลกิติวัฒน์ ประธานคณะทำงานบริหารหน่วยเลขานุการกิจ สมัชชาสุขภาพจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังร่างมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ปี 2556 ณ ห้องประชุมปกาสัย ศาลากลางจังหวัดกระบี่ (หลังเก่า) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เครือข่ายระดับจังหวัดทุกภาคส่วน ได้ร่วมศึกษารายละเอียดเอกสารหลัก ร่างมติ ตามระเบียบวาระการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2556 และเพื่อให้ มีความเข้าใจร่วมกัน และให้ความเห็นต่อเอกสารหลัก ร่างมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 6 โดยมีข้อมูลทางวิชาการ หรือหลักฐานเชิงประจักษ์สนับสนุน เสนอต่อคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) พร้อมทั้งพิจารณาเลือกผู้แทนเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ต่อไป

ทั้งนี้ สาระสำคัญของมติสมัชชา ครั้งนี้ประกอบด้วย 8 มติหลักคือ แผนยุทธศาสตร์ร่วมแห่งชาติว่าด้วยระบบสุขภาวะชุมชน แผนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายของยาอาหาร และผลิตภัณท์สุขภาพ ระบบการจัดการอาหารในโรงเรียน นโยบายการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน การกำกับดูแลสื่อและการสื่อสารการตลาดของผลิตภัณท์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป้าหมายในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อของประเทศไทย การสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อ "สุขภาพหนึ่งเดียว”ของคน-สัตว์-สิ่งแวดล้อม ทบทวนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ การป้องกันผลกระทบต่อสุขภาวะและสังคมจากการค้าเสรีระหว่างประเทศ

สภาทนายความภูเก็ต จัดกิจกรรมเนื่องในวัน “ทนายความ”

สภาทนายความภูเก็ต จัดกิจกรรมเนื่องในวัน "ทนายความ” ร่วมถวายความเคารพ และวางพวงมาลัยหน้าพระรูปกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (20 ก.พ.57) สภาทนายความและสมาชิกสภาทนายความ นายชัยยศ ปัญญาไวย ประธานสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต ร่วมถวายความเคารพ และวางพวงมาลัยหน้าพระรูปกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล เนื่องในวัน "ทนายความ”ประจำปี 2557

สำหรับ "สภาทนายความ” ได้มีการริเริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 เพื่อให้เป็นสถาบันอิสระ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทนายความทั่วประเทศ ในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อประชาชน และสังคมส่วนรวม ทั้งเอื้ออำนวยผลประโยชน์ ดูแลสวัสดิการแก่ทนายความด้วยกัน ต่อมา ในปี พ.ศ.2518 ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อสมาคมจากเดิมเป็น "สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย” ดังนั้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จึงถือเป็น "วันทนายความ” อันเป็นวันสำคัญของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้สภาทนายความจังหวัดภูเก็ต นอกจากวางพวงมาลัยหน้าพระรูปกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ แล้ว เวลา 10.30 น. ทางคณะได้ร่วมทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ และอุทิศส่วนกุศลแก่เพื่อนทนายความที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมีการถวายภัตตาหาร เครื่องสังฆทาน พระภิกษุเจริญพระพุทธมนต์ ในช่วงค่ำของวันเดียวกันนี้ ตั้งแต่เวลา18.30 น. เป็นต้นไป

ทางสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต ยังได้จัดให้มีกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ วัน"ทนายความ” ปี 2557 ขึ้น ภายในงานมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จำนวน 5 ทุน ทุนละ 5,000 บาท มอบโล่แก่ทนายดีเด่นรวมถึงการมอบถ้วยรางวัลการแข่งขันฟุตบอลที่จัดแข่งขันก่อนหน้านี้แล้ว ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ ด้วย  

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พัฒนานิติบุคคลที่ดีและสิ่งที่นิติบุคคลต้องปฏิบัติ

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อผลักดันและส่งเสริมให้ภาคธุรกิจรู้หน้าที่-ความรับผิดชอบ ตั้งแต่เริ่มเป็นนิติบุคคลจนถึงสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล โดยเป็นการให้ความรู้ให้ภาคธุรกิจเข้าใจบทบาทในหน้าที่ที่นิติบุคคลพึงปฏิบัติและเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาให้มีความเข้มแข็งและแข่งขันได้ภายใต้กลยุทธ์ 3 ขั้น คือ สร้างองค์ความรู้และเสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการ/ ยกระดับธุรกิจสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจและมาตรฐาน สากล/ และสร้างโอกาสทางการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจสู่สากลทั้งในและต่างประเทศ

การจัดการอบรมครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จเป็นอย่างที่ในการจัดการอบรมที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบธุรกิจในภาคใต้ สำนความรู้ที่ได้รับ ไปปรับใช้ในการบริหารธุรกิจของตนเองได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของธุรกิจเพื่อให้ก้าวทันเรื่องมาตรฐานการบัญชีก่อนเข้าสู่ เออีซี. การอบรมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ศกนี้ ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน จังหวัดภูเก็ต

คณะอนุกรรมการจัดประชุมสมัชชาสตรีระดับจังหวัดสตูล กำหนดปัญหาสตรีที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ๗ สภาพปัญหา

วันที่ ๑๙ ก.พ. ๒๕๕๗ ที่ศาลากลางจังหวัดสตูล นายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการจัดประชุมสมัชชาสตรีระดับจังหวัดของจังหวัดสตูล เพื่อพิจารณาสภาพปัญหาสตรีในภาพรวมของจังหวัดสตูล เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุมสมัชชาตรีจังหวัดสตูล ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม ๒๕๕๗ ผลการประชุมคณะกรรมการได้พิจารณาปัญหาสตรีของจังหวัดสตูลว่า สมควรได้รับการแก้ไข เป็นการเร่งด่วน ใน ๗ สภาพปัญหา คือ การหย่าร้าง การเสริมสร้างความมั่นคงในการดำรงชีพของสตรี และครอบครัว ความรุนแรงต่อสตรีและเด็กในครอบครัว การละเมิดทางเพศต่อสตรี การบริโภคสื่อ ที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตราย การพัฒนากองทุนสตรี และการพัฒนาสตรีรองรับประชาคมอาเซียน ที่ประชุมเห็นว่าบางปัญหามีความรุนแรงต้องแก้ไข หรือบางปัญหาจำเป็นต้องพัฒนา เช่น การหย่าร้างในสตูล จากการสำรวจล่าสุดเมื่อปี ๒๕๕๖ มีมากกว่า ๕,๐๐๐ ราย การละเมิดทางเพศที่เกิดจาก คนในครอบครัวหรือเครือญาติ ยังเป็นเรื่องที่ไม่เปิดเผยสู่สังคม

จังหวัดสตูล เตรียมจัดแข่งขันวิ่งย้อนรอยประวัติศาสตร์ตะรุเตาครั้งที่ ๑๑ ส่งเสริมการท่องเที่ยว วันที่ ๑๕ – ๑๖ มีนาคม นี้

นางสาวจรรยารักษ์ สาธิตกิจ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล กล่าวว่า จังหวัดสตูล โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล ร่วมกับอุทยานแห่งชาติตะรุเตา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง ส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดกิจกรรมการแข่งขันวิ่งย้อนรอยประวัติศาสตร์ตะรุเตา ครั้งที่ ๑๑ ประจำปี ๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๗ ณ เกาะตะรุเตา ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูลเพื่อส่งเสริมกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ จัดกิจกรรมแข่งขันวิ่งฟันรันระยะทาง ๔ กิโลเมตร วิ่งมินิมาราธอนระยะทาง ๑๐.๕ กิโลเมตร และกิจกรรมชายหาดวอล์คแรลลี่
ประเภทการแข่งขันวิ่งฟันรันระยะทาง ๔ กิโลเมตร ประกอบด้วยประเภทหญิงอายุไม่เกิน ๑๕ ปีและทั่วไป/ประเภทชายอายุไม่เกิน ๑๕ ปีและทั่วไป ส่วนการวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง ๑๐.๕ กิโลเมตร ประกอบด้วย ประเภทหญิงรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน ๑๗ ปี ประเภททั่วไป อายุระหว่าง ๓๕ – ๔๔ ปี อายุระหว่าง ๔๕-๕๔ ปี และอายุ ๕๕ ปีขึ้นไป/ประเภทชายรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน ๑๗ ปี ประเภททั่วไป อายุระหว่าง ๓๕ – ๔๔ ปี อายุระหว่าง ๔๕-๕๔ ปี และอายุ ๕๕ – ๖๔ ปี และอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป

รางวัลการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันประเภทฟันรัน ผู้เข้าเส้นชัยอันดับ ๑ – ๓ ทุกรุ่น ทุกกลุ่มอายุ จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัล อันดับที่ ๑ เงินรางวัล ๑,๒๐๐ บาท อันดับ ๒ เงินรางวัล ๑,๐๐๐ บาท อันดับที่ ๓ เงินรางวัล ๗๐๐ บาท ผู้เข้าเส้นชัยอันดับ ๔ – ๕ ทุกรุ่น ทุกกลุ่มอายุ จะได้รับถ้วยรางวัล/ผู้เข้าแข่งขันประเภทมินิมาราธอน ผู้เข้าเส้นชัยอันดับ ๑ – ๕ ทุกรุ่น ทุกกลุ่มอายุ จะได้รับถ้วยรางวัลและเงินรางวัล อันดับที่ ๑ เงินรางวัล ๒,๐๐๐ บาท อันดับ ๒ เงินรางวัล ๑,๕๐๐ บาท อันดับที่ ๓ เงินรางวัล ๑,๐๐๐ บาท อันดับที่ ๔ และอันดับที่ ๕ เงินรางวัล ๕๐๐ บาท

กำหนดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ณ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล จำนวนจำกัด ๔๐๐ คน ค่าสมัครคนละ ๗๐๐ บาท ผู้สมัครจะได้รับเสื้อ ๑ ตัว อาหาร ๓ มื้อ และค่าเรือไป-กลับ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทางโทรศัพท์หมายเลข ๐-๗๔๗๑-๑๒๒๕

จังหวัดสตูล จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ร่วมกับโครงการออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข พร้อมบริการแก้ปัญหาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรในพื้นที่ห่างไกล

วันนี้ (๒๐ ก.พ. ๕๗) นายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ร่วมกับโครงการหน่วยเคลื่อนที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน (จังหวัดเคลื่อนที่) ณ โรงเรียนบ้านใหม่ หมู่ที่ ๕ ต.ควนโพธิ์ อ.เมือง จ.สตูล โดยภายในงานจะมีการให้บริการจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกสัตว์ คลินิกประมง การจัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเกษตร การจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นต้น ทั้งยังมีการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ชาวบ้าน และมีการมอบทุนการศึกษาแก่เด็กที่เรียนดีแต่มีฐานะยากจน นายประยูร รัตนเสนีย์ กล่าวว่า สำหรับปัญหาสำคัญของประชาชนตำบลควนโพธิ์ในขณะนี้ คือ การขาดแคลนน้ำ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ราบสูง ทำให้ไม่มีน้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเบื้องต้นทางจังหวัด จะประสานกับการประปาส่วนภูมิภาคให้ขยายเขตประปาต่อจากตำบลฉลุง พร้อมขอให้ประชาชนร่วมกันรักษาป่าไม้ที่มีอยู่ และร่วมกันปลูกต้นไม้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวดินทำให้มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดทั้งปี

คณะติดตามการดำเนินงานศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว เกาะยอ จังหวัดสงขลา ในพระอุปถัมภ์ฯ

วันนี้ (20 ก.พ.57) ที่ศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว เกาะยอ จังหวัดสงขลา นายวัลลภ พลอยทับทิม หัวหน้าสำนักงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว และคณะ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานของศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว เกาะยอ จังหวัดสงขลา ในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานรับทราบปัญหาอุปสรรคตลอดจนให้คำแนะนำ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาศูนย์ 3 วัยฯ แก่คณะกรรมการ หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ตลอดจนภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมี นายดลเดช พัฒนรัฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวต้อนรับ

นายสมคิด สมศรี รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวว่า จังหวัดสงขลา ร่วมกับ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้ดำเนินการโครงการศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัวได้กำหนดจัดตั้งศูนย์ฯ ณ บริเวณโรงเรียนวัดแหลมพ้อหมู่ที่ 3 ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ซึ่งได้รับความกรุณาจาก นายสุพัฒ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดแหลมพ้อ มอบอาคารที่ทำการหลังเดิมให้ใช้ และมีการปรับปรุงเป็นศูนย์ 3 วัยฯ เพื่อให้บริการแก่คน 3 วัย และประชาชนทั่วไป โดย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จแทนพระองค์ไปทรงเปิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2555 นับเป็นศูนย์ที่ 35 ของประเทศ ซึ่งในปัจจุบันศูนย์ 3 วัยฯ เกาะยอ มีสมาชิกทั้งสิ้น1,430 คน แบ่งเป็นสมาชิกวัยเด็ก 335 คน สมาชิกวัยผู้ใหญ่ 608 คน และสมาชิกที่เป็นผู้สูงอายุ 487 คน โดยการประกอบอาชีพส่วนใหญ่เป็นอาชีพประมงเกษตรกรรมและการค้าขายในการดำเนินงานศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว เกาะยอ จังหวัดสงขลา ในพระอุปถัมภ์ฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ทำให้ราษฎรตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จำนวน 9 หมู่บ้าน และราษฎรชาวจังหวัดสงขลา ได้รับประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตและการครอบเรือน อย่างมีความสุขและก่อให้เกิดครอบครัวอบอุ่น

ซึ่งในการมาติดตามงานในครั้งนี้ คณะติดตามการดำเนินงานศูนย์ 3 วัยฯ ได้ชื่นชมคณะทำงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน ที่ได้ร่วมบูรณาการในการจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดความหลากหลายในกิจกรรมซึ่งจะก่อให้เกิดผลงานที่ต่อเนื่องและยั่งยืน และถือโอกาสที่ดีของชาวจังหวัดสงขลาที่จะได้รับคำแนะนำที่ดี ตลอดจนข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และชาวจังหวัดสงขลาจะนำเอาคำแนะนำนั้น มาปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุพระราชประสงค์ในการจัดตั้งศูนย์ 3 วัย สานสายใยรักแห่งครอบครัว เกาะยอ จังหวัดสงขลา ในพระอุปถัมภ์ฯ ต่อไป


สุรินทิพย์ คงสุข //ข่าวชิดนัย แก้วมณีโชติ//ภาพ

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบคนร้าย ยิง M.79 ถลุ่มโรงพักบันนังสตา พลาดเป้าโดนบ้านพักปลัดอาวุโสและริมเขื่อน

วันที่ 20 ก.พ.57 เมื่อเวลา 09.00 น. ร.ต.ท.เชาวลิต แก้วห่อทอง พงส.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา พร้อม พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ รอง ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ศรีอาราม รอง ผกก.สส.สภ.บันนังสตา พ.ต.ท.ยม เวชสิทธิ์ สว.สส.นายสนธยา เฟื่องจรัส ปลัดป้องกันอำเภอบันนังสตา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา สนธิกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม.79 ยิงถล่ม สภ.บันนังสตา จำนวน 2 ลูก เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.45 น.ของวันที่ 19 ก.พ. พบว่า จุดแรกตกบนสันเขื่อนแม่น้ำปัตตานี หลังที่ทำการประปาเทศบาลตำบลบันนังสตา หน้าตลาดสดบันนังสตา และลูกที่ 2 ตกลงใกล้กำแพงด้านในบ้านพักนายอนิรุธ บัวอ่อน ปลัดอาวุโสอำเภอบันนังสตา เลขที่ 37 ถนนบันนังสตาวิถี ทำให้กระเบื้องที่กั้นช่องโหว่ใต้กำแพงแตก หญ้าบนพื้นกระจุย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจเก็บสะเก็ดระเบิดไว้เป็นหลักฐานจำนวนหนึ่ง

ซึ่งตามวันเวลาดังกล่าว คนร้ายกลุ่มหนึ่งคาดว่าไม่ต่ำกว่า 4-5 คน ซุ่มอยู่ฝั่งขวาแม่น้ำปัตตานี หลังตลาดบันนังสตา แล้วใช้อาวุธปืนเอ็ม.79 ยิงโจมตี เป้าหมายคือ สภ.บันนังสตา จำนวน 2 ลูก ปรากฏว่ากระสุนปืนตกพลาดเป้าหมาย ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย และต่อมาราว 10 นาที พวกคนร้ายที่ซุ่มอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดสดบันนังสตา ได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงสาดเข้าไปในตัวตลาดจำนวนหลายชุด เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นตกใจ

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ศรีอาราม รอง ผกก.สส.พร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง ซึ่งไปดักซุ่มอยู่ด้านขวาแม่น้ำปัตตานีเยื้อง ๆ กับจุดที่คนร้ายซุ่มยิง ได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ไปอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เสียงปืนจากฝ่ายคนร้ายเงียบลง ส่วนคนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มนายมุกตาร์ อาลีมามะ แกนนำอาร์เคเค.สมุนนายมะแอ อภิบาลแบ ที่ถูกวิสามัญไปเมื่อกลางปี 2554 แสดงศักยภาพ นำพวกมายิงถล่มตลาดสดบันนังสตา ซึ่งก่อนหน้านั้น คืนวันที่ 13 ก.ค.2555 คนร้ายคาดว่าเป็นชุดเดียวกันนี้ได้เคยยิงถล่ม สภ.บันนังสตา กับอาวุธปืนเอ็ม.79 มาแล้ว จำนวน 3 ลูกครั้งนั้นไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดได้รับอันตราย


ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

ระทึก จนท.ยิงทำลายวัตถุต้องสงสัย ป่วนพื้นที่บันนังสตา

วันที่ 20 ก.พ.57 (เวลา 11.00 น.) พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ศรีอาราม รอง ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) ว่าพบวัตถุต้องสงสัย วางอยู่บริเวณคอสะพานบ้านยีลาปัน ริมถนนสาย 410 (ยะลา – เบตง) บ้านป่าหวัง หมู่ที่ 11 ต.บันนังสตา ห่างจากจุดตรวจของหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 15 อ.บันนังสตา ประมาณ 200 เมตร  หลังรับแจ้ง จึงรีบเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD-ARMY) ฉก.อโณทัย

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นเส้นทางการจราจร เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น จากนั้น ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด เข้าทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวอยู่ในกระสอบปุ๋ยสีขาว มีลักษณะเป็นแท่ง คล้ายกล่องเหล็ก จำนวน 2 แท่ง ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ได้ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย พบว่าภายในกระสอบปุ๋ย มีกระป๋องนมผง จำนวน 2 กระป๋อง พันด้วยเทปกาวสีดำ ไม่มีวัตถุระเบิดแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นฝีมือแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.บันนังสตา วางวัตถุต้องสงสัยไว้เพื่อสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.บันนังสตา อย่างต่อเนื่อง ภายหลังมีการยิงเอ็ม 79 ใส่ สภ.บันนังสตา หลายนัด แต่กระสุนพลาดเป้าตกในบริเวณอื่นแทน


ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต5 นำสื่อมวลชนในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ ลงพื้นที่ยะลารับรู้ข้อมูลและปัญหาในพื้นที่ ภายใต้โครงการสื่อมวลชนสัญจร สานสายใยไทย เพื่อใต้สันติสุข

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ก.พ 2557 ที่ ห้องประชุมศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา สื่อมวลชนในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 5 ประกอบด้วย อป.มช. และสื่อมวลชนทุกแขนง จำนวน 25 คน ได้ลงพื้นที่จังหวัดยะลารับรู้ข้อมูลความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ที่อยู่กันอย่างหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่นโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ประชาชนต่างพื้นที่รับรู้ในทิศทางเดียวกัน โดยมีพล.ต.อ ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าที่ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิ์พันธ์ รอง เลขาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนางสาวธัญพร น้อยเสงียม ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา ร่วมให้การต้อนรับ

สำหรับการมาเยื่อนของคณะดังกล่าว ได้รับฟังการบรรยายสถานการณ์ในพื้นที่ พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาของเจ้าหน้ารัฐ และการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ทั้งนี้ทางคณะสื่อมวลชนได้ลงพื้นที่ชุมชนเข็มแข็ง บ้านสี่สิบ ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา ศึกษาความเป็นอยู่ของชุมชนต่างภาษาและหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งอยู่กันได้มาหลายสิบปีอย่างมีความสุขมายาวนาน



นายนิแอ  สามะอาลี / ข่าว

“ไข่มุกอันดามัน” สโมสรฟุตซอล ภูเก็ต ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ สโมสรฟุตซอล ศรีปทุม-ศรีสะเกษ 4:1

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 19 ก.พ.57 ที่ศูนย์กีฬาสะพานหิน อาคารโรงยิมเนเชียม 4000 ที่นั่ง ทีมสโมสรฟุตซอล ภูเก็ต ยูไนเต็ดเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีม สโมสรฟุตซอล ศรีปทุม-ศรีสะเกษ โดยมีนายวิรัช พาที ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต นายประดิษฐ์  แสงจันทร์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และนายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานสโมสรทีมฟุตซอลภูเก็ตยูไนเต็ดพร้อมคณะผู้บริหารร่วมเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทั้ง 2 ทีม เกมในครึ่งแรกผลัดกันรุกและรับอย่างดุเดือดแต่ยังทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกเสมอ 0:0

ครึ่งหลังเกมยังมันส์เรียกเสียงเฮจากผู้ชมหลายครั้ง มานาทีที่ 26 เจ็คสัน ผู้เล่นหมายเลข 5 ทำประตูแรกทีมสโมสรฟุตซอล ภูเก็ต ยูไนเต็ดนาทีที่ 32  อนุวัฒน์ ปานนพภา แปจ่อๆไปที่โคนเสาอย่างสวยงามทำประตูที่ 2 ให้ภูเก็ต ยูไนเต็ดได้สำเร็จ  โค้ชเศรษกรชัย  ชื่นตา เห็นท่าไม่ดีลงเป็นผู้รักษาประตูแทน  นาทีที่ 36 ศรีปทุม-ศรีสะเกษเกือบตีตื้นได้เศรษกรชัย  วิ่งขึ้นมาเสริมทัพหน้า ขณะที่ กิตติพงษ์ สนสุวรรณ์ เห็นช่องว่างตรงประตูใส่เข้าจังๆอย่างไม่ยั้งนำห่างสโมสรศรีปทุม-ศรีสะเกษ ไป 3:0 ผ่านไปเพียงหนึ่งนาที กูกู้ ผู้เล่นหมายเลข 4 เติมประตูที่ 4 ให้ทีมสโมสรฟุตซอล ภูเก็ต ยูไนเต็ด เรียกเสียงเฮจากผู้ชมกึกก้องทั่วทั้งสนาม 4000 ที่นั่ง ช่วงท้ายของเกมครึ่งที่ 2 ทีมสโมสรศรีปทุม-ศรีสะเกษฮึดสู้ โดยผู้เล่นหมายเลข 6 โรมูเอลโย่ กู้หน้าได้สำเร็จ จบเกม “ไข่มุกอันดามัน” สโมสรฟุตซอล ภูเก็ต ยูไนเต็ด เอาชนะ สโมสรฟุตซอล ศรีปทุม-ศรีสะเกษ 4:1

ด้านนายสมจิตร วรรรวงษ์ ผู้ฝึกสอน “ไข่มุกอันดามัน” สโมสรฟุตซอล ภูเก็ต ยูไนเต็ด กล่าวว่า พึงพอใจกับการเล่นของนักกีฬาทุกคนในวันนี้ ที่ทำอย่างเต็มที่ ทุกคนเล่นตามแผนที่ฝึกซ้อมมาตามความคาดหวังเล่นในบ้านต้องเก็บ อย่างน้อย 3 คะแนนส่วนนัดหน้าพบกับทีมสโมสรฟุตซอล ชลบุรี บลูเวฟ คาดว่าจะนำชัยชนะมาฝากพี่น้องชาวภูเก็ตให้ได้

นัดหน้าคอฟุตซอลห้ามพลาดทีมไข่มุกอันดามัน สโมสรฟุตซอล ภูเก็ต ยูไนเต็ด เยือน ทีมสโมสรฟุตซอล ชลบุรี บลูเวฟ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 57 ณ โรงยิมเนเซียม อบจ.ชลบุรี

สภาทนายความภูเก็ต จัดกิจกรรมเนื่องในวัน “ทนายความ” ร่วมถวายความเคารพ และวางพวงมาลัยหน้าพระรูปกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.พ.57 สภาทนายความและสมาชิกสภาทนายความ นายชัยยศ ปัญญาไวย ประธานสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต ร่วมถวายความเคารพ และวางพวงมาลัยหน้าพระรูปกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล เนื่องในวัน “ทนายความ”ประจำปี 2557

นายชัยยศ กล่าวว่า  สำหรับ “สภาทนายความ” ได้มีการริเริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 เพื่อให้เป็นสถาบันอิสระ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทนายความทั่วประเทศ ในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อประชาชน และสังคมส่วนรวม ทั้งเอื้ออำนวยผลประโยชน์ ดูแลสวัสดิการแก่ทนายความด้วยกัน ต่อมา ในปี พ.ศ.2518 ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อสมาคมจากเดิมเป็น “สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย” ดังนั้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ของทุกปี จึงถือเป็น “วันทนายความ” อันเป็นวันสำคัญของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้สภาทนายความจังหวัดภูเก็ต นอกจากวางพวงมาลัยหน้าพระรูปกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ แล้ว เวลา 10.30 น. ทางคณะได้ร่วมทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ และอุทิศส่วนกุศลแก่เพื่อนทนายความที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมีการถวายภัตตาหาร เครื่องสังฆทาน พระภิกษุเจริญพระพุทธมนต์ ในช่วงค่ำของวันเดียวกันนี้ ตั้งแต่เวลา18.30 น. เป็นต้นไป ทางสภาทนายความจังหวัดภูเก็ต ยังได้จัดให้มีกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ วัน“ทนายความ” ปี 2557 ขึ้น ภายในงานมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จำนวน 5 ทุน ทุนละ 5,000 บาท มอบโล่แก่ทนายดีเด่นรวมถึงการมอบถ้วยรางวัลการแข่งขันฟุตบอลที่จัดแข่งขันก่อนหน้านี้แล้ว  ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ต ซิตี้ ด้วย

จังหวัดพังงา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกันจัดงานสายสัมพันธ์ชุมชน ออกพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนรับฟังปัญหา ให้การสงเคราะห์ ช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ด้อยโอกาส

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 57  เวลา 18.00 น. ที่บริเวณถนนหน้าวัดประชุมโยธี อ.เมือง จ.พังงา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ในจังหวัดพังงา ได้ร่วมกันจัดงานสายสัมพันธ์ชุมชนตลาดใหญ่ขึ้น เพื่อพบปะเยี่ยมเยียน รับฟังความคิดเห็น ปัญหา รวมถึงแก้ไขปัญหาความต้องการของประชาชน โดยมีชาวบ้านในเขตชุมชนตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.พังงา เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายก้องเกียรติ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการจัดงาน กล่าวว่า ต.ท้ายช้าง อ.เมือง จ.พังงา มีทั้งหมด 12 ชุมชน บางชุมชนมีประชาชนอยู่กันแออัด โดยเฉพาะผู้พิการ คนชรา ผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาที่ยากจน ฯลฯ ประชาชนในชุมชนไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะ พูดคุย แสดงความคิดเห็น และไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ การบริการและข่าวสารจากหน่วยงานราชการได้ ทั้งนี้ทางหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย อบจ.พังงา เทศบาลเมืองพังงา สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงา สำนักงานพลังงานจังหวัดพังงา สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพังงา วิทยาลัยเทคนิคพังงา โรงพยาบาลพังงา (สาขา) ฯลฯ จึงร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนในจังหวัดพังงา ผู้นำชุมชนทั้ง 12 ชุมชน กำหนดจัดงานสายสัมพันธ์ชุมชนขึ้น เพื่อพบปะเยี่ยมเยียน รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละชุมชน รวมถึงแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยได้กำหนดจัดงานเป็นประจำทุกเดือนหมุนเวียนไปทุกชุมชนจนครบทั้ง 12 ชุมชน ซึ่งจะนำกิจกรรม นิทรรศการ การสาธิตงานด้านอาชีพต่างๆ ออกให้บริการร่วมด้วย

สำหรับกิจกรรมภายในงานวันนี้ ได้มีการจัดนิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ การจัดเลี้ยงอาหารค่ำให้กับผู้เข้าร่วมงาน การมอบทุนสงเคราะห์ผู้สูงอายุจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงา การมอบถุงยังชีพผู้สูงอายุจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา และการแสดงดนตรีจากโรงเรียนสตรีพังงาอีกด้วย

สำนักงาน ปภ.พังงา จัดฝึกอบรมเยาวชนขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจรและป้องกันอุบัติภัยในโรงเรียน ให้กับนักเรียนโรงเรียนสตรีพังงา เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกให้มีวินัยจราจร และรับรู้ถึงแนวทางการป้องกันอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้น

วันนี้ (20 ก.พ. 57) เวลา 09.00 น. สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงาร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดพังงา จัดโครงการฝึกอบรมเยาวชนขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจรและป้องกันอุบัติภัยในโรงเรียน ประจำปี 2557 ขึ้น ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสตรีพังงา ณ หอประชุมโรงเรียนสตรีพังงา อ.เมือง จ.พังงา ทั้งนี้เพื่อปลูกจิตสำนึกในด้านความปลอดภัย การมีวินัยจราจร และการป้องกันอุติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในโรงเรียน โดยมีนายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธาน พร้อมด้วยนางณัชชา พราหมณ์ยอด ขนส่งจังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดพังงา บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัด สาขาพังงา บริษัทถาวรพาณิชย์คอมเมอร์เชียลจำกัด สาขาท้ายเหมือง เข้าร่วม

นายสมเกียรติ อินทรคำ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียน อายุระหว่าง 15-18 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนที่ควรจะมีความรู้ความเข้าใจ และได้รับการเสริมสร้างทักษะในการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกต้อง รวมถึงการปลูกฝังจิตสำนึกให้มีวินัยจราจร และรับรู้ถึงแนวทางการป้องกันอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้น การใช้เครื่องมืออย่างถูกต้องและปลอดภัย ทั้งนี้หวังว่านักเรียนที่เข้าร่วมอบรมทุกคนจะมีทักษะความรู้ที่ถูกต้องในการขับขี่และเคารพกฎจราจร รักษาวินัย รวมถึงการปรับทัศนคติที่ผิด หรือค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมมากขึ้น

เจ้าหน้าที่แถลงเหตุยิงผู้รับเหมามีเจ้าหน้าที่ อส. ทหารพราน และ นาวิกโยธิน เอี่ยวสังหาร ออกหมายจับแล้ว 1 สอบสวน 2 ด้านผู้ว่านราฯพร้อมปรับแผนการ

เมื่อเวลา 10.30 น. ( 20 ก.พ. 57 ) ที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส นายณัฐพงศ์  ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย พล.ต. สิงหศักดิ์  อุทัยมงคล ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาส และตัวแทนจากหน่วยนาวิกโยธินค่ายจุฬาภรณ์นราธิวาส ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุลอบยิงนายมูฮาหมัดดาโอ๊ะ สนิ ผู้รับเหมาถมดิน  และนายไซดี  ยาแลสาเงาะ  เสียชีวิตขณะเดินทางด้วยรถยนต์กระบะ เหตุเกิดในพื้นที่ ม.4 บ.แกแม ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาส กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า จากการติดตามสอบสวนและหลักฐานที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้ในที่เกิดเหตุและขยายผลทำให้สามารถออกหมายจับได้ 1 คน คือนายชายลี ไชยยาว เป็นเจ้าหน้าที่ อส.ประจำอำเภอเมือง โดยจากการสืบสวนทราบว่าเป็นคนที่ลงมือยิง ขณะนี้ได้หลบหนีการจับกุม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 2 ราย คือ พ.จ.อ.สมพร  ลังเดช เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยนาวิกโยธินค่ายจุฬาภรณ์  เป็นผู้ที่เบิกรถราชการมาใช้ในการก่อเหตุ และนายสมชาย  แสงจันทร์ เจ้าหน้าที่ทหารพรานกรมทหารที่ 46 เป็นผู้ขับรถ ขณะที่ 2 อยู่ระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้นทั้งการสอบสวนเจ้าหน้าที่ 2 รายที่ควบคุมตัวได้ และการติดตาม อส.ที่ก่อเหตุยิง รวบถึงความคืบหน้าคดียิงครอบครัวมะมันในพื้นที่ อ.บาเจาะด้วย

อย่างไรก็ตามผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาสได้กล่าวด้วยว่า กรณีการก่อเหตุทั้งเรื่องส่วนตัวและสถานการณ์ความไม่สงบ จากการสอบสวนมีส่วนน้อยมากที่พบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด  รวมถึงมีการติดตามจากต้นสังกัดด้วย

ด้านนายณัฐพงศ์  ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  กล่าวถึงมาตรการในการควบคุมเจ้าหน้าที่ไม่ให้นำเครื่องมือหรืออุปกรณ์ราชการไปใช้ในเรื่องส่วนตัวรวมถึงใช้ก่อเหตุต่างๆว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ อส. ซึ่งขึ้นตรงกับฝ่ายปกครองนั้นหลังจากนี้จะมีการจัดระเบียบในการรับสมัครใหม่ รวมถึงจัดระบบการติดตามพฤติกรรมหลังจากที่ได้เป็น อส. แล้ว ซึ่งก่อหน้านี้มีการจัดระบบตรวจสอบปีละ 1 ครั้ง หลังจากนี้ก็จะมีการดำเนินการเข้มขึ้น เพื่อป้องกันกลุ่ม อส. ที่มีพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้

ด้าน พล.ต. สิงห์ศักดิ์  อุทัยมงคล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า การติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุที่อยู่ในหน่วยราชการโดยเฉพาะในหน่วยงานความมั่นคงจะมีการติดตามจับกุมง่ายกว่าหน่วยอื่น เนื่องจากเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยมีการประสานงานกันโดยตลอด ซึ่งในส่วนนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ร่วมก่อเหตุก็จะไม่มีการปล่อยประละเลย

@import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);




นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

จังหวัดนราธิวาสจัดงานมหกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหาความยากจนภายใต้แนวคิด “ มหกรรมแก้จน สร้างคน สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน “ และลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เพื่อใช้เป็นแนวทางขจัดความยากจนในชุมชน

วันนี้ ( ๒๐ ก พ ๕๗ ) เวลา ๑๑.๐๐ น. ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส  อ.เมือง จ.นราธิวาส  นายศุภณัฐ  สิรันทวิเนติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดงานมหกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหาความยากจนภายใต้แนวคิด “ มหกรรมแก้จน  สร้างคน  สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน และลดรายจ่าย  เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส   โดยมี นางปราณี  รัตนประยูร พัฒนาการจังหวัดนราธิวาส  ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และครัวเรือนที่ยากจน จำนวน ๒๘๒ ครัวเรือน    ผู้แทนกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตกองทุนแก้ไขปัญหาความยากจน  และกลุ่มอาชีพสาธิตกิจกรรม รวมทั้งสิ้น ๔๐๐ คน ร่วมกิจกรรมดังกล่าว

สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานมหกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหาความยากจนฯ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แนวทางการพัฒนาตนเองให้แก่ครัวเรือนยากจนเป้าหมาย พร้อมทั้งให้ครัวเรือนที่ยากจนได้ตระหนักและเรียนรู้แนวทางการป้องกันและแก่ไขปัญหาความยากจนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้อย่างมีทิศทาง   โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย  การจัดนิทรรศการ การสาธิตของหน่วยงานราชการ  กลุ่มอาชีพสตรีเยาวชน  และครัวเรือนยากจนต้นแบบ  พร้อมทั้งจัดเวทีเสวนาการแก้ไขปัญหาความยากจนบนวิถีพอเพียงด้วยหลักอิสลาม  โดยมีพัฒนาการอำเภอสุคิริน เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ซึ่งผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย  นายอายิ  ลาเต๊ะ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส  นายอดุลชัย  มีนา ครัวเรือนต้นแบบการจัดทำบัญชีครัวเรือน  นายรุสดี   ฮะ  นายสมาน   บีรู และนายสะมะแอ  ลือนิ  ครัวเรือนยากจนต้นแบบ ปี ๒๕๕๖ ร่วมเสวนาดังกล่าว

อย่างไรก็ตามมหกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหาความยากจนฯ เป็นโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกรมการพัฒนาชุมชนกระทรวงมหาดไทย วงเงินงบประมาณ  ๓๕๘,๐๐๐ บาท  และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อร่วมจัดนิทรรศการ และการสาธิตการประกอบอาชีพต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางการประกอบอาชีพแก่ครัวเรือนที่ยากจน  ที่จะสามารถสร้างอาชีพ  สร้างรายได้ อย่างยั่งยืนต่อไป

@import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);


นำเสนอโดย  ผลดา ชูสิงห์

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดโครงการเทิดทูนสถาบัน และหน่วยบำบัดทุกข์

จังหวัดนครศรีธรรมราชจัดโครงการเทิดทูนสถาบัน และหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนชาวอำเภอหัวไทร ที่วัดแหลม

วันนี้ (20 ก.พ. 57)  นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดโครงการ“เทิดทูนสถาบัน และหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557 แก่ชาวอำเภอหัวไทร ที่วัดแหลม หมู่ที่ 2 ตำบลแหลม อำเภอหัวไทร โดยจัดให้มีพิธีทางศาสนาทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยสมทบการก่อสร้างหอระฆังวัดแหลม เป็นเงิน 80,500.- บาท จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้เปิดกรวยกระทงดอกไม้ กล่าวนำปฏิญาณตนเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามโครงการเทิดทูนสถาบัน มีหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด นายอำเภอหัวไทร หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียนและประชาชน เข้าร่วมพิธี โดยปฏิญาณว่าจะร่วมกันเทิดทูนและป้องป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล โดยผู้เข้าร่วมพิธีได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดโอกาสให้นายอำเภอ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นเสนอปัญหาและความต้องการของประชาชน เพื่อนำไปสู่การเยียวยาแก้ไขต่อไป ซึ่งอำเภอหัวไทร ประสบปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เนื่องจากขาดตลาดรองรับพืชผลทางการเกษตรปัญหาการบริหารจัดการน้ำ เช่น ต้องการก่อสร้างสถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในฤดูแล้ง และแก้ไขปัญหาอุทกภัยในฤดูฝน นอกจากนี้ยังขาดงบประมาณในการปรับปรุงศูนย์เรียนรู้ โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการปรับปรุงดินเปรี้ยว ตามทฤษฎีแกล้งดิน และการขุดลอกคลองส่งน้ำบ้านควนโถ๊ะ หมู่ที่ 10 ต.แหลม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้เห็นชอบให้อำเภอเสนอโครงการของบพัฒนาจังหวัดในวงเงิน 2 แสนบาท เพื่อนำมาปรับปรุงศูนย์ฯ และขุดลอกโครงส่งน้ำ นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงไปให้ถึงครัวเรือน หากพบผู้เดือดร้อนให้รีบรายงานให้จังหวัดทราบเพื่อดำเนินการช่วยเหลือต่อไป ส่วนกลุ่มเยาวชนหากมีความต้องการที่จะพัฒนาศักยภาพตัวเอง แบบคิดเอง ทำเอง ก็ขอให้เสนอโครงการผ่านอำเภอไปยังจังหวัดเช่นเดียวกัน ในส่วนของกำนันผู้ใหญ่บ้านจะมีการสุ่มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดด้วย หากพบเป็นสีม่วงจะต้องลาออกจากตำแหน่ง

ต่อจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ ได้มอบของขวัญเด็กเล็ก มอบเครื่องอุปโภคบริโภคเครื่องนุ่งห่มแก่ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส มอบอุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียน มอบเงินทุนการศึกษาเด็กนักเรียน/เงินสงเคราะห์ครอบครัวยากจน และตรวจเยี่ยม หน่วยงานภาครัฐทุกกระทรวง กรม ภาคเอกชนที่ออกให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่ตำบลแหลม และพื้นที่ใกล้เคียงไปรับบริการจำนวนมาก สำหรับการโครงการหน่วยบำบัดทุก บำรุงสุขฯครั้งต่อไป ในวันที่ 5 มีนาคม 2557 ให้บริการประชาชนที่วัดมะนาวหวาน อำเภอช้างกลาง

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่อำเภอหัวไทร และ อ.เชียรใหญ่

วันนี้ (20 ก.พ.57) นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงพื้นที่เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากประชาชนและผู้นำหมู่บ้านชุมชน เพื่อนำมาหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปยังศูนย์เรียนรู้ โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการปรับปรุงดินเปรี้ยว ตามทฤษฎีแกล้งดินบ้านควนโถ๊ะ หมู่ที่ 10 ต.แหลม อ.หัวไทร ซึ่งศูนย์แห่งนี้อยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยกรมพัฒนาที่ดินและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว โดยนำรูปแบบการพัฒนาในพื้นที่ศูนย์การศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริมาขยายผล โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก สำนักงาน กปร. มาตั้งแต่ปี 2552 ครอบคลุมพื้นที่ 4,000 ไร่ ให้สามารถกลับทำการเกษตรได้ตามปกติ เช่น ปลูกข้าว พืชผัก ปาล์มน้ำมัน เป็นต้น แต่ที่ดินเกษตรกรบางส่วนไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ แม้ว่าจะมีการเดินสำรวจรังวัดที่ดินเพื่อออกเอกสารสิทธิ์แล้วก็ตาม เนื่องจากมีการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทำให้พื้นที่บางส่วนกลับไปอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า โดยในเบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมายให้นายอำเภอหัวไทร ไปตั้งเรื่องเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ กบร.นครศรีธรรมราช.เพื่อแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนต่อไป หรืออีกทางคือให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบรวมกลุ่มกันไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อพิสูจน์สิทธิ์การถือครองที่ดินว่าได้มาก่อนหรือหลังการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปยังสถานีสูบน้ำด้วยระบบไฟฟ้าบ้านเกาะสำโรงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (คลองชะอวด-แพรกเมือง) หมู่ที่ 5 ต.แหลม อ.หัวไทร โดยมีเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานนครศรีธรรมราช ร่วมให้การต้อนรับพร้อมบรรยายสรุปถึงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมอาคารประกอบ ประตูระบายน้ำ แต่ละแห่งต้องใช้งบประมาณ 23 ล้านบาท โดยโครงการชลประทานจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สำรวจและออกแบบการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยระบบไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชไว้แล้ว พร้อมเสนอของบประมาณไปยังกรมชลประทาน

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดยินดีสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนงานของชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ

ต่อจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ตรวจเยี่ยมศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ ซึ่งศูนย์แห่งนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชีนาถ ทรงพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2537 เพื่อส่งเสริมงานด้านศิลปาชีพให้กับราษฎรในพื้นที่ และหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น การทอผ้า แปรรูปกระจูด เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร ให้มีรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว ปัจจุบันศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง ได้รับมอบหมายจากศูนย์กลางศิลปาชีพสวนจิตรลดา ให้เป็นผู้ทอผ้าไหมยกดอกดิ้นทอง เพื่อใช้สำหรับเป็นเครื่องแต่งกายของโขนอีกด้วย

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 6 ติดตามการปฏิบัติงานแผนพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัด

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 6 พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจและติดตามการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด

วันนี้ (20 ก.พ. 57)  ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 6 และคณะ ออกติดตามและตรวจสอบผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 โดยมีว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงาน

ในการเดินทางมาตรวจราชการครั้งนี้ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 6 และคณะ ได้ให้ความสนใจในนโยบายสนับสนุนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ ใน 2 แผนงานสำคัญคือ ครัวไทยสู่ครัวโลก ที่ประกอบด้วย 5 โครงการหลัก คือ โครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานด้านพืช โครงการฝึกอบรมผู้ประกอบการอาหารไทยรองรับครัวไทยสู่ครัวโลก โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เป็นครัวอาหารของโลก โครงการส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ และโครงการพัฒนามาตรฐานการผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่ายเข้าสู่มาตรฐาน Primary GMP และแผนงานการดำเนินการก่อนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2558 ประกอบด้วยการดำเนินการต่างๆ ใน 5 ด้าน คือ การท่องเที่ยวและบริการ, โลจิสติกส์, แรงงาน, การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ และสาธารณสุข

ทั้งนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน 16 โครงการ งบประมาณกว่า 186 ล้านบาท โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2557 มีผลการเบิกจ่ายกว่า 3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.92 เบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประเภทงบลงทุน จึงทำให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควร ขณะนี้ยังไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ ทำให้การทำงานของส่วนราชการในจังหวัดขาดความต่อเนื่องในบางช่วง นอกจากนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังได้รับจัดสรรงบประมาณจากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จำนวน 6 โครงการ งบประมาณร่วม 25 ล้านบาท แยกเป็นงบดำเนินงาน 9 ล้านบาท และงบลงทุนกว่า 15 ล้านบาท โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 255 ยังไม่มีการเบิกจ่ายแต่อย่างใด เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นประเภทงบลงทุน จึงทำให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างใช้เวลาในการดำเนินการ อีกทั้งกลุ่มจังหวัดฯ ได้อนุมัติงบประมาณในภาพรวมโครงการใหญ่ จังหวัดจึงแจ้งให้ส่วนราชการขออนุมัติโครงการย่อยต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ตามที่ได้รับจัดสรรงบประมาณให้เบิกจ่ายแทนกันในจังหวัด เพื่อใช้ในการตรวจสอบทางด้านการเงิน ซึ่งขณะนี้ได้อนุมัติโครงการเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถลงนามในสัญญาจ้างได้ ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ ทำให้การทำงานของส่วนราชการในจังหวัดขาดความต่อเนื่องในบางช่วง


อุไรวรรณ/ข่าว

สอบราคาจ้างเหมาบริการติดตั้งระบบเครื่องเสียง เวที ระบบไฟ และประชาสัามพันธ์การจัดงานสุดยอดของหรอยเมืองนคร ประจำปีงบประมาณ 2557

ด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กำหนดจะสอบราคาจ้างเหมาบริการติดตั้งระบบเครื่องเสียง เวที ระบบไฟ และประชาสัพมันธ์การจัดงานสุดยอดของหรอยเมืองนคร ประจำปี 2557 โดยกำหนดยื่นซองสอบราคาในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 09.00 น ถึงเวลา 16.00 น. ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวันดครศรีธรรมราช และกำหนดเปิดซองใบเสนอราคาในวันที่ 4 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ผู้สนใจติดต่อขอรับเอกสารได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2557 ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช หรือโทรศัพท์ 075-356069

จังหวัดภูเก็ต เชิญร่วมแข่งขันถลางชนะศึกมินิมาราธอน บนเส้นทางประวัติศาสตร์ ครั้งที่ 5

จังหวัดภูเก็ตเปิดรับสมัคร ผู้ที่สนใจร่วมแข่งขันถลางชนะศึกมินิมาราธอน (บนเส้นทางประวัติศาสตร์) ครั้งที่ 5 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันอาทิตย์ที่  9  มีนาคม  2557 เวลา  05.00 น. ณ อนุสรณ์สถานเมืองถลาง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ตโดยองค์การบริหารส่วนตำบลเทพกระษัตรี จัดการแข่งขันถลางชนะศึกมินิมาราธอน บนเส้นทางประวัติศาสตร์ ครั้งที่ 5 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ประจำปี 2557 เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติประวัติท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร พร้อมกับกระตุ้นให้อนุชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของบรรพชนที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตในการปกป้องรักษาแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน 

ซึ่งรางวัล OVER  ALL  สำหรับผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัยประเภท 10.5 กม. อันดับที่ 1 ทั้งชายและหญิง ได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ถ้วยเกียรติยศสำหรับผู้เข้าเส้นชัย  อันดับที่ 1 - 5 ทุกรุ่น, เงินรางวัล อันดับที่ 1 จำนวน  1,000 บาท  อันดับที่ 2 จำนวน 700 บาท อันดับที่ 3 จำนวน 500 บาท ส่วนผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัยจะได้รับเหรียญที่ระลึก

สำหรับผู้ที่สนใจ สมัครได้ที่ ส่วนการศึกษาฯ  องค์การบริหารส่วนตำบล เทพกระษัตรี   โทร. 076-274573  ต่อ 29   ในวันเวลาราชการ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนในวันที่ 8 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 18.00 น. สมัครได้ที่  อนุสรณ์สถานเมืองถลาง  อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต  และในวันที่  9  มีนาคม  2557  ตั้งแต่เวลา  04.30 -05.30  น.

องค์การบริหารส่วนตำบลเทพกระษัตรี ขอเชิญผู้ที่สนใจร่วมการแข่งขันถลางชนะศึกมินิมาราธอน ครั้งที่ 5 ประจำปี 2557 ในวันอาทิตย์ที่  9  มีนาคม  2557 เวลา  05.00 น. ณ อนุสรณ์สถานเมืองถลาง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

สืบหาบุคคลสูญหาย

นางสาวพวงเพ็ญ  ใจกว้าง  หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพร  เปิดเผยว่า  ได้รับการประสานจากบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ  ในการประกาศติดตามบุคคล     สูญหาย  จำนวน 2 ราย ดังนี้

เด็กชายจักรรินทร์  อินทร์ทา   อายุ 10 ปี   ซึ่งหายออกจากบ้านไป  เมื่อวันที่ 30  ธันวาคม  2556   บริเวณห้างบิ๊กซีพระประแดง  อำเภอพระประแดง  จังหวัดสมุทรปราการ

นายธงชัย  พงษ์มณี  อายุ 30 ปี  อยู่บ้านเลขที่  83/18   ซอย 9  สายเมน 1 หมู่บ้านยูลิ  ตำบลบางเมือง  อำเภอเมืองสมุทรปราการ  จังหวัดสมุทรปราการ  ได้ออกจากบ้านไปไม่สามารถติดต่อได้  เมื่อวันที่  16  ตุลาคม 2556  เวลาประมาณ  10.00 น.  ขณะออกจากบ้าน      สวมใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว   กางเกงลูกฟูกขาสั้นสีน้ำตาล  บุคคลดังกล่าวมีรูปร่างผอมสูงประมาณ      175  เซนติเมตร   สีผิวดำแดง   มีอาการป่วยทางสมอง  ทั้งนี้บิดาได้เข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการไว้แล้ว

หากผู้ใดพบเห็น  เด็กชายจักรรินทร์  อินทร์ทา   และนางธงชัย  พงษ์มณี โปรดติดต่อไปที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพร  เลขที่  21/26  หมู่ที่ 9  ตำบลตากแดด  อำเภอเมือง  จังหวัดชุมพร  หมายเลขโทรศัพท์  077-574525  หรือติดต่อสายด่วน  ศูนย์ประชาบดี  1300  ตลอด  24 ชั่วโมง


นางสายสุณี  คำเพ็ง / ข่าว

จังหวัดชุมพร ประกาศเตือนภัย ฉบับที่ ๔/๒๕๕๗

นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่  ๒๐ – ๒๒  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๗  บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้นทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่ จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีกำลังแรงความสูงของคลื่น ๒ – ๓ เมตร

ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดชุมพรมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง ๑ - ๒ เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ ๒ เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ ในช่วงวันที่  ๒๐ – ๒๒  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๗

จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทราบโดยทั่วกัน และหากมีสถานการณ์รุนแรงและต้องการความช่วยเหลือ ขอให้แจ้งให้ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร โทรศัพท์/โทรสาร ๐๗๗-๕๐๑๒๐๗, ๐๗๗-๕๐๓๒๓๐ และสามารถติดตามสภาพอากาศได้ทางเว็บไซด์ www.tmd.go.th


พอพล กล้าผจญ ข่าว/ภาพ

ชุมชนทะเลทรัพย์ จังหวัดชุมพร ยื่นหนังสือคัดค้านการก่อสร้างโรงงานปาล์มน้ำมันในพื้นที่

ชาวชุมชนทะเลทรัพย์กว่า 50 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เนื่องจากต้องการคัดค้านการก่อสร้างโรงงานปาล์มน้ำมัน อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน และสภาพแวดล้อมของชุมชนตำบลทะเลทรัพย์

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านทะเลทรัพย์ พร้อมด้วยชาวบ้านหมู่ที่ 4 ตำบลทะเลทรัพย์ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร กว่า 50 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เนื่องจากต้องการคัดค้านการก่อสร้างโรงงานปาล์มน้ำมัน ของผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันรายหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลทะเลทรัพย์

นายวีรวัฒน์ จีรวงส์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านทะเลทรัพย์ เปิดเผยว่า เมื่อชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่า ได้มีผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันรายหนึ่ง  ได้ซื้อที่ดินในบริเวณ ตำบลทะเลทรัพย์ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เพื่อจะดำเนินการก่อสร้างโรงงานปาล์มน้ำมัน บนพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ทะเลทรัพย์ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ เกษตรกรรมเป็นหลัก จึงมีความกังวลถึงผลกระทบต่อวิถีชีวิตชุมชน และสภาพแวดล้อมของชุมชนตำบลทะเลทรัพย์  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านทะเลทรัพย์ พร้อมกับชาวบ้านในพื้นที่ ได้รวมตัวกันเพื่อคัดค้านการก่อสร้างโรงงานปาล์มน้ำมัน

โดยขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ. 2550 และใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติสุภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 โดยให้เหตุผล 2 ข้อว่า พื้นที่ดังกล่าว ได้กำหนดให้เป็นพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบท และเกษตรกรรม ในพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 ตามมาตรา 27 ในเขตที่ได้มีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมแล้ว ห้ามบุคคลใดใช้ประโยชน์ที่ดิน ผิดไปจากที่ได้กำหนดไว้ในผังเมืองรวม หรือปฏิบัติการใดๆ ซึ่งขัดกับข้อกำหนดของผังเมืองรวม และอีกเหตุผลหนึ่งคืออาจส่งผลกระทบต่อวิถีชุมชน ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย และด้านจิตใจที่จะได้รับมลภาวะจากการก่อสร้างโรงงาน และการดำเนินงานของโรงงาน  ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่อาจจะตามมา คือมลพิษทางอากาศ  ผลกระทบระหว่างการก่อสร้าง  และน้ำเสียที่จะเกิดขึ้นจากโรงงานส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำในการทำเกษตรกรรม ซึ่งปัญหาต่างๆจะทำให้เกิดความแตกแยกในชุมชน รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีของชุมชน

ชาวชุมชนทะเลทรัพย์ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านทะเลทรัพย์ จึงได้รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือให้ทางจังหวัดพิจารณาเข้าตรวจสอบ และขอให้มีการยกเลิกการสร้างโรงงานปาล์มน้ำมันดังกล่าว



วิทยา ศรีมาลา / ข่าว / ภาพ