วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อดีตแกนนำ กปปส.จังหวัดภูเก็ตตั้งตัวเป็นแกนนำกลุ่มกบฏรักชาติจังหวัดภูเก็ต


เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสุรทิน เลี่ยนอุดม ทนายความ และอดีตนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต และอดีตแกนนำ กปปส.จังหวัดภูเก็ต ที่เปลี่ยนบทบาท มาตั้งตัวเป็นแกนนำ ที่อ้างว่า คือ กลุ่มกบฏรักชาติจังหวัดภูเก็ต พร้อมผู้สนับสนุนประมาณ 100 คน ชุมนุมรวมตัวกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเคลื่อนขบวนไปปิดหน่วยงานราชการ อื่นๆ หลังจากปิดที่ศาลากลาง จังหวัดภูเก็ต ที่มีหน่วยงานต่างๆ รวมอยู่เป็นจำนวนมากถือ สำนักงาน ปภ. พัฒนาชุมชน ศูนย์ดำรงธรรม สำนักบริหารยุทธศาสตร์อันดามัน สำนักงานหนังสือเดินทาง คลังจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต

และในวันนี้ที่ศาลา กลางจังหวัดภูเก็ต ไม่มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานแต่อย่างใด และที่ประตู ทางเข้า ออกมีการปิดล็อคหรือมีเพียงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต เฝ้าอยู่ภายใน จำนวนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจาก ในทางการข่าวทราบว่าจะมีผู้ชุมนุมมาปิดกั้น และนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่
มีกำหนดการร่วมประชุม เพื่อแถลงข่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพบสื่อมวลชน ต้อง เลื่อนกำหนดการไปอย่างไม่มีกำหนด และ บทบาท ก่อนหน้านี้ของนายสุรทิน เลี่ยนอุดม กับคณะ คือการชุมนุมปิดกั้น สถานีตำรวจภูธรถลาง เพื่อไม่ให้ เจ้าหน้าที่ กกต.และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ลำเลียงบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งไปยังหน่วยเลือกตั้ง เขต เลือกตั้ง ที่ 2 จนประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งที่ 2ต้องประกาศงด การลงคะแนนเลือกตั้ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นนายสุรทิน เลี่ยนอุดม แกนนำกลุ่มกบฏรักชาติภูเก็ตและคณะเคลื่อนขบวน รถยนต์และรถจักรยานยนต์ และเดินเท้าต่อไปยัง สำนักงานศูนย์ราชการกระทรวงการ คลังจังหวัดภูเก็ต ถนนอำเภอ ที่มีข้าราชการ เจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อขบวนของผู้ชุมนุมเข้าไปในเขตรั้ว ปรากฏว่ามีข้าราชการเจ้าหน้าที่ ของกระทรวงการคลังในจังหวัดภูเก็ต ออกมาต้อนรับ ในขณะที่นายสุรทิน เลี่ยนอุดม ประกาศเรียกร้องให้หัวหน้าส่วนราชการที่มีอำนาจออกมามาพูดคุยเพื่อขอความร่วมมือ ปิดศูนย์ราชการไปจนกว่าจะมีการประกาศชัยชนะของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.

ต่อมานางกัญญา วราหกิจ สรรพากรพื้นที่ภูเก็ต ออกมาพบปะและพูดคุยกับผู้ชุมนุม โดย ให้เหตุผลว่าเหตุที่ยังมีการเปิดทำการอยู่เนื่องจากต้องเร่งดำเนินการเรื่องการคืนภาษีให้ แก่ประชาชนที่มีการยื่นขอคืนภาษี แต่ถ้าหากผู้ชุมนุมต้องการให้ปิดจะยอมปิด แต่ขอให้ เจ้าหน้าที่ทั้งหมด สะสางงานที่ค้างอยู่ โดยจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน หรือ 1 วันและยืน ยันว่า ในเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้จะปิด สำนักงานศูนย์ราชการกระทรวงการคลังจังหวัด ภูเก็ต ตามคำร้องขอของผู้ชุมนุม และกลุ่มกบฏรักชาติภูเก็ตยอมรับตามข้อตกลง ก่อน เคลื่อนขบวนต่อไปยังสำนักงานสรรพากรอำเภอเมืองภูเก็ต สำนักงานสรรพากรอำเภอ กะทู้ สำนักงานสรรพากรย่อยห้าแยกฉลอง และสำนักงานสรรพากรอำเภอถลาง เพื่อขอ ความร่วมมือให้ปิดทำการเช่นเดียวกัน

นายสุรทิน เลี่ยนอุดม แกนนำกลุ่มกบฏรักชาติจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพียงสั้นๆว่าในวันนี้จะ เน้นขอความร่วมมือปิดสำนักงานสรรพากรทุกแห่งเนื่องจากเป็นการตัดวงจรการเงิน ของรัฐ ชะลอการเร่งรัดจัดเก็บภาษี และเพื่อไม่ให้มีการนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้ อย่างไม่เหมาะสมด้วย และการออกมาตั้งกลุ่มกบฏรักชาติจังหวัดภูเก็ต เพราะ ตนเอง ต้องการยุติบทบาท ที่ร่วมกับ กปปส.จังหวัดภูเก็ตเดิม ที่มีแกนนำหลัก3 คน คือ นายธีรวุธ ศรีตุลารักษ์ ประธานศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง นายอำนวย คุ้มบ้าน สมาชิกสภาเทศบาล นครภูเก็ต กลุ่มคนหนุ่มและตนเอง โดยขอประกาศเลิกต่อสู้กับ กปปส.จังหวัดภูเก็ต
เนื่องจากแนวทางการต่อสู้ และยุทธวิธีแตกต่างกัน 

เหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในกองทัพภาคที่ 4 เป็นพื้นที่หวงห้ามห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ขณะเจ้าหน้าที่ศูนย์การบินทหารบกลพบุรี พร้อมคณะกรรมการสอบสวนเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

 ทหารกันพื้นที่เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในกองทัพภาคที่ 4 เป็นพื้นที่หวงห้ามห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ขณะเจ้าหน้าที่ศูนย์การบินทหารบกลพบุรี พร้อมคณะกรรมการสอบสวนเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานในวันนี้ (4 ก.พ.57) ว่า ที่สนามบินกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ถูกกันเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด โดยเจ้าหน้าที่ประจำร้อยบิน กองพลทหารราบที่ 5 ใช้กุญแจล๊อกอย่างหนาแน่นให้เป็นพื้นที่รักษาที่เกิดเหตุอากาศยานอุบัติเหตุ ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าหลังเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ แบบฝึก ฮฝ-300 ตกใส่รถยนต์กระบะของทหารรับส่งอากาศยานขณะเปิดสัญญาณไฟนำทาง ให้เฮลิคอปเตอร์ ลำที่ประสบเหตุ ร่อนลงจอด อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.วานนี้ (3 ก.พ.57) ส่งผลให้นักบินและช่างเครื่องของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวคือ ร.ท.ประจิต ทองอินทร์ และ จ.ส.อ.ณรงค์ศักดิ์ ภิรมย์รส ถูกไฟลวกได้รับบาดเจ็บสาหัสจากไฟที่ลุกไหม้เฮลิคอปเตอร์และรถยนต์ ส่วน จ.ส.อ.อรุณ ทิพย์เหรียญ ทหารรับอากาศยานลงจอด ได้รับบาดเจ็บ ส่งเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที รพ.ค่ายวชิราวุธ ภายในกองทัพภาคที่ 4 โดยในวันเดียวกันนี้จะมีเจ้าหน้าที่นิรภัยการบิน พร้อมด้วยคณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุ ศูนย์การบินทหารบกลพบุรี เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปหาสาเหตุว่าอุบัติเหตุเกิดจากอากาศยาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะได้ข้อสรุปในภายหลัง ส่วนนักบินและช่างเครื่องที่ได้รับบาดเจ็บ อยู่ในความดูแลของแพทย์ อาการปลอดภัยแล้ว

หอการค้าจังหวัดชุมพร ประเมินผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง

ประธานหอการค้าจังหวัดชุมพร ประเมินผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง

นายกิตติ กิตติชนม์ธวัช ประธานหอการค้า จังหวัดชุมพร แสดงความคิดเห็น ผลกระทบจาการชุมนุมทางการเมือง ต่อเศรษฐกิจ ในระดับจังหวัด และภาคใต้ ภาพเศรษฐกิจโดยรวม คิดว่ามีผลกระทบไม่มาก เนื่องจากพื้นฐาน รายได้ของชาวบ้าน มาจากภาคการเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และ ผลไม้ ส่วนที่อาจจะมีผลกระทบอยู่บ้าง น่าจะเป็น ด้านการท่องเที่ยว แต่จากการ พูดคุยกับ ผู้ประกอบการนำเที่ยว ทราบว่า หลังจากที่ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ นักท่องเที่ยวต่างชาติ เริ่มมีความเข้าใจ สถานการณ์ทางการเมืองชุมพร มากขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ ที่อยู่ไกลสถานที่ชุมนุม

ประธานหอการค้า จังหวัดชุมพร ยังกล่าวถึงส่วนผลกระทบในระดับชาติ คงต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลา หากปัญหาจบเร็วผลกระทบก็จะน้อย ซึ่ง หอการค้าไทย และองค์กรภาคเอกชน ได้พยายามเข้าไปมีบทบาท ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยการชี้แนะ และประเมินผลกระทบด้านต่างๆ ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบ และร่วมกันแก้ไขปัญหา

ปรับปรุงสวนสาธารณะและบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน หลังจากนั้นจะมีการทำประชาพิจารณ์ว่าจะเปิดให้ใช้บริการฟรี หรือจะเก็บเงิน

 จ.ระนอง ปรับปรุงสวนสาธารณะและบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน หลังจากนั้นจะมีการทำประชาพิจารณ์ว่าจะเปิดให้ใช้บริการฟรี หรือจะเก็บเงินเพื่อนำไปดูแลรักษาบ่อ

สวนสาธารณะและบ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน จ.ระนอง ได้ปรับปรุง ปรับภูมิทัศน์ และก่อสร้างเพิ่มเติมจนแล้วเสร็จ โดยได้เพิ่มพื้นทีใหม่เพื่อการผักผ่อนทั้งบ่อแช่เท้า-แช่ตัวขึ้นมา ล่าสุดทางเทศบาลเมืองระนองได้ดำเนินการทดลองระบบการให้บริการน้ำแร่ด้วยระบบ อัตโนมัติตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. - 17 ก.พ. 57 เวลา 05.00 - 21.00 น. เพื่อให้การบริหารจัดการสวนสาธารณะและบ่อน้ำร้อนเป็นระบบ ซึ่งพยายามควบคุมอุณหภูมิน้ำแร่ร้อนให้อยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ดีในการทดลองระบบได้ทดลองเพียงแค่ 2 บ่อเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันพบว่าปริมาณน้ำแร่ร้อนที่ใช้ในบ่อแช่ไม่เพียงพอต่อความ ต้องการ อันเนื่องมาจากปริมาณน้ำแร่ร้อนในบ่อพ่อลดลง ซึ่งคาดว่าเกิดจากความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ

ทั้งนี้ในขั้นตอนการทดลองระบบ ทางเทศบาลได้เปิดให้คนทั่วไปเข้าใช้ฟรี โดยได้ขอเข้าร่วมมือผู้เข้าใช้บริการลงชื่อเพื่อเก็บสถิติ ขณะที่หลังจากการทดลองนั้น ทางเจ้าหน้าที่ดูแลบ่อน้ำร้อนให้ข้อมูลว่า จะมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อหารือว่าจะเปิดให้ใช้บริการฟรีหรือจะเก็บเงิน เพื่อนำไปดูแลรักษาสถานที่ต่อไป ปัจจุบันสวนสาธารณะ "รักษะวาริน” มีการปรับภูมิทัศน์ มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก และส่วนบริการน้ำแร่ร้อน ที่มีทั้งส่วนที่เสียเงินและส่วนบริการฟรี ซึ่งใครที่มาจังหวัดระนองสามารถแวะเวียนไปสัมผัสกันได้

สถาบันอาชีวศึกษาในภาคใต้ตอนบนคว้ารางวัลชนะเลิศทุกประเภท รวมทั้ง สมาชิกดีเด่น ระดับ ปวช.

 การจัดประชุมวิชาการองค์การวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย เปิดงานแล้วเมื่อเย็นวันนี้ และได้มีการมอบรางวัลแก่หน่วยมาตรฐานดีเด่น ทั้งขนาดเล็ก กลางใหญ่ ผลปรากฏว่าสถาบันอาชีวศึกษาในภาคใต้ตอนบนคว้ารางวัลชนะเลิศทุกประเภท รวมทั้ง สมาชิกดีเด่น ระดับ ปวช.

ดร.อกนิษฐ์ คลังแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นประธานในการประชุมวิชาการองค์การวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 23 ประจำปีการศึกษา 2556 ณ หอประชุมวิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช ในระหว่างวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์ 2557 และได้มีพิธีเปิดเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา โดยภายในงานมีกิจกรรมในการพัฒนาทักษะ ฝีมือ ขีดความสามารถสำหรับเยาวชน และ กิจกรรมหนึ่งที่ได้จัดมาอย่างต่อเนื่องคือการประเมินผลหน่วยมาตรฐานดีเด่น ผลการประเมินปรากฏว่า ในประเภทสถานศึกษาขนาดเล็ก ชนะเลิศได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสิชล สถานศึกษาขนาดกลาง ชนะเลิศได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคระนอง และ สถานศึกษาขนาดใหญ่ ชนะเลิศ ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต สำหรับการประเมินสมาชิกดีเด่น ขององค์การช่างเทคนิคในอนาคตแห่งประเทศไทย ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชนะเลิศได้แก่ นายภัทรา เลียงประสิทธิ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต สมาชิกดีเด่น ในระดับประกาศนียบัตวิชาชีพชั้นสูง (ปวส) ชนะเลิศได้แก่ นายปฎิทัศน์ คุ้มสถิต วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ซึ่งได้มีพิธีมอบรางวัลไปเรียบร้อยแล้ว

กปปส.สุราษฎร์ธานีแถลงข่าวชุมนุมคู่ขนานกับ กปปส.ส่วนกลางต่อไป พร้อมเรียกร้องสื่อมวลชนให้เสนอข่าวอย่างเป็นธรรมด้วย

 นายไชรัตน์ ธานินทร์พงศ์ ประธาน กปปส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่หน้าเวทีชุมนุม หน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในโอกาสที่ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วนั้น การทำงานของ กปปส.สุราษฏร์ธานี ต่อจากนี้ไป ยังจะสนับสนุนแนวทาง แนวนโยบาย ของ กปปส.ส่วนกลางต่อไป จะเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลความต้องการของมวลมหาประชาชนชาวสุราษฎร์ธานี เสนอไปยัง กปปส.ส่วนกลาง เพื่อเป็นแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยต่อไป และ จะเชิญชวนส่วนราชการในจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้อารยะขัดขืน ปิดทำการเพื่อให้การปฏิรูปประสบผลสำเร็จเร็วขึ้น ขณะเดียวกัน ประธาน กปปส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เรียกร้องให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างเป็นธรรมด้วย เพราะที่ผ่านมาข่าวของ กปปส.สุราษฎร์ธานี ไม่ได้มีการนำเสนอให้สาธารณะชนได้รับรู้รับทราบเลย

ซึ่งในวันนี้ (4 ก.พ.57)  มวลชน กปปส.สุราษฎร์ธานี ได้เคลื่อนไหวเดินทางมาที่บริเวณหน้าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและหน้าสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จ.สุราษฎร์ธานี เรียกร้องให้นำเสนอข่าวสารอย่างเป็นกลางและยืนเคียงข้างประชาชน 

หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ส.ส. หน่วยงานราชการภายในศูนย์ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานียังคงปิดทำการ

ตามที่ ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2557 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น ซึ่งในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่มีการเลือกตั้งแต่อย่างใด เนื่องจากมีปัญหาหลายประการ ในขณะที่บรรยากาศภายในศูนย์ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ล่าสุดช่วงสายของวันนี้(3 ก.พ.57) ส่วนราชการทุกหน่วยงานยังคงปิดทำการต่อไป พร้อมล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา ตามคำร้องขอของกลุ่ม กปปส. มีเพียงกำลัง อส.จำนวนหนึ่ง เฝ้าดูแลความปลอดภัยรักษาทรัพย์สินของทางราชการ ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าอาคารศาลากลางจังหวัด โดยมีเพียงศาลจังหวัดที่ยังคงเปิดให้บริการประชาชน แต่ทั้งนี้มีรายงานว่า หน่วยงานราชการบางแห่งที่สำนักงานอยู่ภายนอกศูนย์ราชการจังหวัด เริ่มเปิดให้บริการบ้างแล้ว

ส่วนบรรยากาศโดยทั่วไปบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด ยังคงมีเวทีและเต้นท์ของกลุ่ม กปปส. ปักหลักชุมนุนอย่างต่อเนื่อง แต่บรรยายกาศช่วงเช้ายังไม่มีมวลชนเดินทางมาชุมนุมแต่อย่างใด

ชาวไทยเชื้อสายจีน ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (จคม) ร่วมประเพณีตรุษจีนและตรุษชนเผาอัสรี ประจำปี 2557 ที่หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10 อ.เบตง

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 57 เวลา 15.30 น. ที่หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยนางอนงค์ศรี สิมศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา เป็นประธานการจัดงานโครงการประเพณีตรุษจีนและตรุษชนเผาอัสรี ประจำปี 2557 โดยมีนายนายศุภวริศ เพชรกาฬ นายอำเภอเบตง นายมนเทียร แตปูซู กำนันตำบลอัยเยอร์เวง ลูกหลานชาวจีนเชื้อสายไทยและมาเลเซีย และชนเผาอัสรี (ซาไก) เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ทาง อ.เบตง องค์การบริหารส่วนตำบลอัยเยอร์เวง และสภาสันติสุขตำบลอัยเยอร์เวง ได้ร่วมกับพี่น้องลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนไทยและมาเลเซีย โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา หรือ จคม. ที่ปัจจุบันยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธและสลายกองทัพ เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ได้ร่วมกันจัดขึ้น  เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในเทศกาลวันปีใหม่จีน และเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคีของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต.อัยเยอร์เวง ที่มีการอยู่ร่วมกันหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งพี่น้องชาวไทยพุทธ พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน พี่น้องชาวไทยมุสลิม รวมทั้งชนเผ่าอัสรี (ชนเผาซาไก) ที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ป่าฮาลา-บาลา ให้ได้รับความสนุกสนาน ความบันเทิง กิจกรรมมีการแสดงของลูกหลานชาวจีนเชื้อสายไทยและมาเลเซีย การเชิดสิงโต การแสดงพื้นเมืองของชนเผาอัสร การแสดงนาฏศิลป์ไทยประยุกต์ การแสดงดิเกฮูลูของพี่น้องชาวไทยมุสลิม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในพื้นที่



ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงเหตุการณ์โจรใต้ยิงชาวบ้านบาดเจ็บ 2 ราย และเด็กเสียชีวิต 3 ราย ที่นราธิวาส

จากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนบุกยิงเด็กเสียชีวิต 3 คน ด.ช.บาฮารี มะมัน อายุ 9 ปี ด.ช.มูยาเฮะ มะมัน อายุ 3 ปี และ ด.ช.อาลียะ มะมัน อายุ 5 ปี ส่วนนายเจ๊ะมุ มะมัน บิดา และนางปาดีละ แมยู มารดาถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดที่บ้านพักเลขที่ 143/4 ม.7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 21.00 น.ของคืนวันที่ 3 ก.พ. 57 ที่ผ่านมา

ที่ศูนย์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์  โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยเมื่อเช้าวันที่ 4 ก.พ. 57 (เวลา 09.30 น.) ว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งให้การช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบของทางราชการที่กำหนดไว้ ในขณะที่ทางหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสในพื้นที่และตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เพื่อทำการรวบรวมพยานหลักฐาน และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่สามารถรวบรวมได้ในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาลงโทษให้เร็วที่สุด

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นพฤติกรรมการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่ได้แสดงออกถึงความโหดร้าย ป่าเถื่อน และไร้มนุษยธรรม ซึ่งสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ที่ต้องการอำนาจ ด้วยการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง และต้องการสร้างความเกลียดชัง ระหว่างพี่น้องประชาชนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำขอให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อตรวจสอบการเชื่อมโยงกลุ่มที่ก่อเหตุในครั้งนี้ และยืนยันว่า ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงยึดมั่นในมาตรการทางกฎหมายที่เป็นธรรม ยังคงยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน และการไม่ย่ำยีในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเคร่งครัด ผู้ที่กระทำความผิดก็จะต้องถูกลงโทษตามกระบวนการกฎหมาย
ส่วนการปฏิบัติงานมวลชนในพื้นที่หลังเกิดเหตุ ขณะนี้ทางหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว ได้เข้าไปในพื้นที่ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อคืนที่ผ่าน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าไปพัฒนาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจ และในขณะนี้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้เข้าไปในพื้นที่ด้วย ส่วนการเข้าตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ หลังคนร้ายพยายามลวงเจ้าหน้าที่แล้วก่อเหตุซ้ำนั้น ผู้บัญชาการทหารบก มีความเป็นห่วงในความปลอดภัย ทั้งเจ้าหน้าที่และพี่น้องประชาชน ได้มีการเน้นย้ำ ขอให้เจ้าหน้าที่ได้นำเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ก.พ.57 ที่ผ่านมา นำไปทบทวนเป็นบทเรียนในการเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อหามาตรการป้องกันในการปฏิบัติการทางทหาร ทั้งในเชิงรุก และเชิงลับ ตามความเหมาะสมต่อไป



ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส.ยะลา

วางดินพระราชทานบนหลุมศพ อส.ทพ. เสียชีวิตจากสถานการณ์

เมื่อเวลา 14.00 น. ( 4 ก.พ. 57 ) ที่กูโบร์ปูโบ๊ะ บ้านปูโบ๊ะ ม.4 ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานอัญเชิญดินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววางบนหลุมฝังศพ อส.ทพ.อาดำ ยูโซ๊ะ เจ้าหน้าที่ทหารประจำกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 45 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขณะออกลาดตระเวนเส้นทางในพื้นที่บ้านบาโงกูโบ ม.6 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราะธิวาส เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 57 ที่ผ่านมา
โดยบรรยากาศในพิธีมีข้าราชการทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองเข้ามาร่วมพิธีอย่างสมเกียรติ ขณะที่ครอบครัวเองต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้เป็นล้นพ้น และหาที่สุดมิได้


ผู้การนราฯแถลงเหตุยิงครอบครัวมะมันมุ่งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว พร้อมยืนยันจะเร่งติดตามคนร้าย เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์

จากที่ได้เกิดเหตุคนร้ายบุกยิงครอบครัวของนายเจ๊ะมุ  มะมัน อยู่บ้านเลขที่  ๑๔๓/๔ หมู่ ๗ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส  เมื่อคืนที่ผ่านมา  (๓ ก.พ.๕๗)   ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เด็กชายมูยาเฮ็ด  มะมัน   อายุ ๑๑ ปี  เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕     เด็กชายบาฮารี  มะมัน    อายุ ๙ ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓  และเด็กชายอีลียัส  มะมัน  อายุ ๖ ขวบ เรียนชั้นอนุบาล ๒  โรงเรียนปะลุกาแปเราะ  ซึ่งเป็นลูกชายของนายเจ๊ะมุ   เสียชีวิต  ส่วนนางพาดิละ  แมยู     อายุ ๓๓ ปี    ภรรยากำลังท้องสองเดือนถูกยิงที่แขนขณะนี้รักษาตัวที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์     วันนี้ (๔ ก.พ.๕๗)  นายศุภณัฐ   สิรันทวิเนติ    รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  พลตำรวจตรีพัฒนวุธ   อังคะนาวิน  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส พ.จ.ท.อนันต์   บุญสำราญ  นายอำเภอบาเจาะ  พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อตรวจหาหลักฐาน   ซึ่งพบปลอกกระสุนปืนอาก้ารอบบ้านหลังดังกล่าว พ.จ.ท.อนันต์   บุญสำราญ  นายอำเภอบาเจาะ    กล่าวว่าคาดว่าคนร้ายหลายคนได้เข้ามาล้อมบ้านเพราะมีรอยกระสุนเกลื่อนรอบบ้าน  และเหตุการณ์นี้ได้สร้างความสะเทือนขวัญเป็นอย่างยิ่ง    เนื่องจากคนร้ายได้ฆ่าเด็กอย่างอุกอาจ   และจากคำให้การทราบว่า  นายเจ๊ะมุ  และครอบครัวได้กลับจากละหมาดที่สุเหร่าดารุสมูบิน  ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ  ๑  กิโลเมตร  ขณะกำลังไขกุญแจเข้าบ้านคนร้ายได้ระดมยิงใส่กระสุนถูกเด็กชายอิลียัส  มะมัน  ลูกชายคนเล็กเสียชีวิตที่หน้าบ้านทันที   ส่วนนางพาดิละ  แมยู   ถูกยิงที่แขน   นายเจ๊ะมุ  ถูกยิงที่ขา  เด็กชายบาฮารี  มะมัน   ถูกยิงที่ท้องเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล  ส่วนเด็กชายมูยาเฮ็ด  มะมัน   ได้กระโดดหนีทางหน้าต่างหลังบ้าน และได้โดนคนร้ายที่ซุ่มอยู่หลังบ้านยิงจนเสียชีวิต  ส่วนนายเจ๊ะมุ  ได้กระโดดหนีไปได้ทัน     ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าทั้งคู่มีอาชีพกรีดยางเป็นหลักและเป็นครูสอนโรงเรียนตาดีกาที่มัสยิดดารุลมุตตากีล  ในหมู่บ้านด้วย

ทางด้านพลตำรวจตรีพัฒนวุธ   อังคะนาวิน  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาสได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน  ที่กองบังคับการตำรวจภูธรนราธิวาส ได้กล่าวยืนยันที่จะเร่งติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุ ภายใน 7 วันนี้จะต้องมีความคืบหน้าทางคดี เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับเด็ก รวมถึงเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่คนร้ายก่อเหตุโดยไม่กลัวกฎหมาย โดยการสอบสวนสืบสวนจะดำเนินการควบคู่ทั้งจากหลักฐานที่พบที่เกิดเหตุ พยานแวดล้อม และข้อมูลที่ได้จากผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน ทั้งนี้ในเบื้องต้นจากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้คาดเหตุครั้งนี้อาจจะมาจากความขัดแย้งส่วนตัวของนายเจ๊ะมุ ผู้เป็นบิดา นอกจากนี้จากข้อมูลเจ้าหน้าที่พบว่านายเจ๊ะมุ ยังอยู่ระหว่างการประกันตัวจากคดีร่วมกันฆ่านายมะยี ดือเระ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไทรทอง ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เมื่อปี 2553 ด้วย

ส่วนการตรวจสอบในที่เกิดเหตุคาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 4 คน มีทั้งปืนเอ็ม 16 ปืนสั้น 9 มม. ซึ่งเจ้าหน้าที่รวบรวมปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุได้

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวฝากไปยังประชาชนในพื้นที่หากมีเบาะแสสามารถที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งตำรวจขอทำงานร่วมกับประชาชนเพื่อเร่งติดตามกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้

มารดาลูก 3 เหตุคนร้ายบุกยิงคาบ้านในพื้นที่บาเจาะพ้นขีดอันตรายแล้ว ลูกในครรภ์ 4 เดือน ปลอดภัย

(  4 ก.พ. 57 )  ความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบยิงนางพาดีละห์  แมยู อายุ 33 ปี มารดาของบุตรชาย 3 คน ประกอบด้วย ด.ช.มูยาเฮค มะมัน อายุ 11 ปี ด.ช.บาฮารี มะมัน อายุ 9 ปี และด.ช.อีลยาส มะมัน อายุ 3 ปี ที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงขณะอยู่บริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 157 / 4 ม.7 บ.ปะลุกาแปเราะ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุบุตรทั้ง 3 เสียชีวิตส่วนนางพาดีละห์ ซึ่งมีบุตรในครรภ์ 4 เดือน ได้รับบาดเจ็บ และนายเจ๊ะมุ มะมัน อายุ 40 ปี บิดา  ได้รับบาดเจ็บนั้น

ล่าสุดอาการบาดเจ็บของนางพาดีละห์ พ้นขีดอันตรายแล้ว มีอาการบาดเจ็บบริเวณแขนขวา กระดูข้อศอกแตกเนื่องจากถูกยิง ส่วนบุตรในครรภ์ปลอดภัย นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ส่วนสามีนายเจ๊ะมุ แพทย์อนุญาตให้กับบ้านได้มีบาดแผลจากการถูกยิงบริเวณขาขวา

ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีเจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสร้างสถานการณ์ โดยมีชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เข้าสอบสวนนางพาดีละห์ เบื้องต้นให้การว่าผู้ก่อเหตุแต่งกายชุดดำ มี 3 คน ทุกคนอยู่ด้านบนของบ้าน พอตนเองและลูกๆกลับมาถึงบ้านหลังจากเดินทางไปละหมาด กำลังจะเปิดประตูก็ได้ยินเสียงปืนทันที และพบว่าลูกได้รับบาดเจ็บจึงรีบขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน 

นครศรีธรรมราชพร้อมจัดงานประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนคร”ประจำปี 2557

จังหวัดนครศรีธรรมราชพร้อมจัดงานประเพณี“มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนคร”ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10 – 14 กุมภาพันธ์ 2557

วันนี้ (4 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมพุทธสมาคมจังหวัดนครศรีธรรมราช นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมติดตามผลการเตรียมความพร้อมการจัดงานประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนคร”ประจำปี 2557 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า งานประเพณี“มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนคร”ถือเป็นงานบุญที่สำคัญอีกงานหนึ่งที่มีการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมจัดต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะปีนี้ถือว่าการจัดงานมีความยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับพระมหากรุณาธิคุณ รับผ้าพระบฏพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่ออัญเชิญขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันมาฆะบูชา อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์การสนับสนุนให้พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เป็นมรดกโลกด้วย โดยจังหวัดกำหนดจัดพิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน ณ โรงเรียนปากพนัง อ.ปากพนัง ในค่ำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่พบผ้าพระบฏครั้งแรกเมื่อ 784 ปีก่อน จากนั้นในบ่ายวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้มีการอัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทานด้วยริ้วขบวนแห่จากอำเภอปากพนัง ไปยังมณฑลพิธีสวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช เพื่อประกอบพิธีสมโภชอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นเย็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นวันมาฆบูชา ได้มีการจัดริ้วขบวนแห่ผ้าพระบฏพระราชทาน และผ้าพระบฏของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนกว่า 50 ขบวน ไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อประกอบพิธีถวายผ้าพระบฏพระราชทานขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ และประกอบพิธีเวียนเทียนต่อไป

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ส่วนของการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานต่าง ๆ ในการจัดกิจกรรมตลอดระยะเวลา 5 วันของการจัดงานนั้น ถือว่าสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งในด้านของฝ่ายสถานที่ พิธีเปิดงาน การกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น วัฒนธรรมไทย 4 ภาค การสาธิตการทอการผลิตผ้าพระบฏ 4 ภาค การประกอบพิธีทางศาสนา การปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา การกวนข้าวมธุปายาส(ยาคู) การจัดริ้วขบวนแห่ การจัดนิทรรศการ การจัดตลาดโบราณ ขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีการเชิญพระสงฆ์นานาชาติจากประเทศต่าง ๆ มาร่วมพิธีด้วย เช่น พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ไต้หวัน เป็นต้น คณะทูตานุทูตจากประเทศกลุ่มอาเซียน และประเทศที่เป็นกรรมการมรดกโลกมาร่วมพิธีด้วย

ททท. นครศรีธรรมราช ดึงสื่อจากชมพูทวีป ร่วมเผยแพร่งานประเพณี "มาฆบูชา"

ททท. นครศรีธรรมราช ดึงสื่อจากชมพูทวีป ร่วมเผยแพร่งานประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนครฯ” ประจำปี 2557 ขณะที่ อบจ.นครศรีธรรมราช จัดแสดงแสงสี ณ พระบรมธาตุเจดีย์

วันนี้ (4 ก.พ.57) ที่ลานโพธิ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นางนภสร ค้าขาย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับ คณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน สมาคม ชมรมต่าง ๆ จัดงานประเพณี“มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนคร” ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพันธ์2557 ณ สวนสาธารณะศรีธรรมโศกราช และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นั้น ในส่วนของ ททท.นครศรีธรรมราช ได้เชิญสื่อมวลชนจากชมพูทวีป คือ อินเดีย ศรีลังกา และเนปาล ให้เดินทางมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามทำข่าวประชาสัมพันธ์ในช่วงจัดงานดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นการเชิญต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นอกจากนี้ ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช ยังได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ให้เดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงการงานประเพณีมาฆบูชาในปีนี้ด้วย และ ททท.ร่วมกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวนครศรีธรรมราช หอการค้าจังหวัด ทีโอที และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ได้ติดตั้งกล้องวิดีโอแบบเรียลไทม์ ถ่ายสดสดบรรยากาศความเคลื่อนไหวผ่านเว็บไซต์ www.nakhonsiawesome.com ด้วย รวมทั้งมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมไอพีเอ็ม ช่อง นครแชลแนล ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นวันแห่ผ้าพระบฏด้วย และหลังจากที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ได้รับการประกาศให้เป็นสนามบินศุลกากรแล้ว สำนักงาน ททท. ณ เมืองมุมไบ และนครนิวเดลี ประเทศอินเดีย จะมีการดึงนักท่องเที่ยวจากชมพูทวีป ให้เช่าเหมาลำเครื่องบิน(Charter Flight) บินตรงมาลงที่นครศรีธรรมราช เพื่อสักการะพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชต่อไปด้วย

นายสนั่น ศิลารัตน์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า อบจ.นครศรีธรรมราช ได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 1 ล้านบาท เพื่อร่วมสืบสานงานประเพณีมาฆบูชา โดยจัดแสดงแสงสี หรือ ไลท์อัพ (Light Up ) ณ พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เพื่อให้มีแสงสีที่สวยงามในยามค่ำคืน สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาสักการะและเวียนเทียน ณ พระบรมธาตุเจดีย์ นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การกวนข้าวมธุปายาส (ยาคู) การประกวดสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ รวมทั้งการสนับสนุนป้ายประชาสัมพันธ์การจัดงานในครั้งนี้ เป็นต้น

นครศรีธรรมราชจัดยิ่งใหญ่งาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนคร” 10-14 กุมภาพันธ์นี้

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดยิ่งใหญ่งาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครฯ” 10-14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช พร้อมเชิญทูตานุทูตร่วมพิธีแห่ผ้าพระบฏขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เพื่อสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

เนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา วันมาฆบูชาของทุกปี จังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราช หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม ชมรม มูลนิธิต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานนาชาติ” ซึ่งปีนี้กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 10 -14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของประเทศไทย ที่ปฏิบัติสืบทอดต่อเนื่องกันมายาวนานเกือบ 800 ปี อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราช และสนับสนุนการผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร(พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช)เป็นมรดกโลก

วันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพุทธศาสนา คือวันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" และเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปฎิโมกข์ แก่พระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก "มาฆะ" เป็นชื่อของเดือน 3 มาฆบูชานั้น ย่อมาจากคำว่า"มาฆบุรณมี" แปลว่าการบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน 3 วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือน อธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4

ดังนั้น เพื่อแสดงถึงความพร้อมในการจัดงาน วันนี้(4 ก.พ.57) ที่บริเวณลานโพธิ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงได้จัดแถลงข่าวการจัดงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครฯ” ประจำปี 2557 ขึ้น โดยมีนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธาน และผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช นายจุมพต ตระกูลนุช วัฒนธรรมจังหวัด นางนภสร ค้าขาย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช และพระครูโสภณเจติญานุรักษ์ รองเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และสื่อมวลชนร่วมรับฟัง

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การจัดงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครฯ” ในปีนี้ ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระบฏแก่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนำขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ทำให้จังหวัดศรีธรรมราชได้รับผ้าพระบฏพระราชทาน จำนวน 5 ผืน คือ ผ้าพระบฏพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ ผ้าพระบฏพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวัยลักษณ์ อัครราชกุมารี โดยจะมีการจัดพิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน ผ้าพระบฏขององค์กร หน่วยงานในอำเภอปากพนัง ณ โรงเรียนปากพนัง อำเภอปากพนัง เวลา 19.00 น. ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพบผ้าพระบฏ จากนั้นเวลา 13.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 จัดริ้วขบวนแห่ผ้าพระบฏพระราชทานจากอำเภอปากพนัง ไปประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีสวนสาธารณะ ศรีธรรมาโศกราช เพื่อประกอบพิธีสมโภชอย่างเป็นทางการ ในเวลา 17.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค และการแสดงศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ จากนั้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 “วันมาฆบูชา” เวลา 16.00 น.จัดริ้วขบวนแห่ผ้าพระบฏพระราชทาน พร้อมขบวนเกียรติยศ และริ้วขบวนผ้าพระบฏของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จากหน้าศาลาประดู่หก ถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมีคณะสงฆ์ไทย พระสงฆ์จากประเทศต่าง ๆ 9 ประเทศ ข้าราชการ นักเรียน ศึกษา พ่อค้า ประชาชนร่วมในพิธี และเมื่อริ้วขบวนถึงลานโพธิ์หน้าพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช มีการแสดงรำบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ ประกอบพิธีทางศาสนา กล่าวถวายผ้าพระบฏ แล้วอัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทานขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีร่วมกันประกอบพิธีเวียนเทียนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดในงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครฯ ” ประจำปี 2557 เช่น สาธิตการผลิต การทอ และการแสดงผ้าพระบฏ 4 ภาค การจัดแสดงนิทรรศการเรื่อง “ต้นธารสยาม-ลังกาวงศ์” ตลาดนัดโบราณ ขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง กวนข้าวมธุปายาส(ยาคู) แจกข้าวมธุปายาส(ยาคู) การแสดงศิลปวัฒนธรรมของนักเรียน นักศึกษา พิธีสวดด้าน การปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา พิธีทำบุญตักบาตร การสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติเรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” และพิธีเวียนเทียน เป็นต้น จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยพร้อมเพรียงกัน และขอให้ลด ละเลิก อบายมุขทุกชนิด แต่ให้ร่วมทำบุญใส่บาตร ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรมและฟังพระธรรมเทศนา และ ไปเวียนเทียนที่วัดใกล้บ้านทุกแห่ง

ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช /ประธานคณะกรรมการฝ่ายวิชาการ การนำเสนอพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช เป็นมรดกโลก กล่าวว่า ผ้าพระบฏพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นผ้าพระบฏผืนสำคัญสูงสุด ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเมื่อเดือนกันยายน 2556 เป็นผ้าพระบฏที่มีความยาว 39 เมตร กว้าง 1.20 เมตร เขียนเป็นภาพจิตกรรมไทย แบ่งเป็น 30 ช่อง ช่องแรกเป็นพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ช่องที่ 2 เป็นภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ช่องที่ 3 ถึงช่องที่ 24 เป็นภาพทศชาติ ช่องที่ 25-29 เป็นภาพพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติถึงปรินิพพาน ส่วนช่องสุดท้ายเป็นสัญลักษณ์หรือโลโก้หน่วยงานที่ผลิตผ้าพระบฏผืนนี้ ซึ่งจิตรกรที่เป็นผู้รังสรรค์ภาพในผ้าผืนนี้เป็นคณาจารย์ และนักศึกษาของวิทยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช จำนวน 30 คน ใช้เวลาในการวาดทั้งสิ้น 150 วัน ส่วนผ้าพระบฏพระราชทานอีก 4 ผืนก็มีลักษณะการผลิตเช่นเดียวกัน มีตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ภาพทศชาติ ภาพพุทธประวัติ และสัญลักษณ์ของหน่วยงานผู้ผลิตผ้าพระบฏ

สำหรับ “ผ้าพระบฎ” หมายถึง ผ้าที่มีภาพวาดหรือถักทอเป็นรูปพระพุทธเจ้า พระพุทธรูป หรือพุทธประวัติ ที่พุทธศาสนิกชนจัดทำขึ้นเพื่อใช้บูชาแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปูชนียสถานหรือเจดียสถานมาตั้งแต่โบราณกาล มีการจัดทำกันโดยทั่วไปทั้งในประเทศศรีลังกา เนปาล ทิเบต จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมทั้งทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศพม่าและประเทศไทย

ผ้าพระบฏในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนเมื่อราว 780 ปีที่ผ่านมา คือเมื่อครั้งที่พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรนครศรีธรรมราช โปรดให้นำผ้าพระบฏที่ชาวเมืองอินทปัตย์ ซึ่งประสบภัยทางทะเลจนเรือแตก รอดมาขึ้นฝั่งที่อ่าวนคร และพบผ้าพระบฏของชาวเรือที่อับปางครั้งนั้นผืนหนึ่ง จึงโปรดให้นำผ้าดังกล่าวขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เมื่อปี พ.ศ. 1773 นับเป็นการแห่ผ้าพระบฏขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์จึงกลายเป็นประเพณีสำคัญของเมืองนครศรีธรรมราชมาจนถึงปัจจุบัน ผ้าพระบฏจึงกลายเป็นหัวใจของประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุที่นครศรีธรรมราช ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วประเทศในเวลานี้

ผศ.ฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า ในการจัดงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนครฯ”ในปีนี้ ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ได้จัดสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติเรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” เพื่อรวบรวมข้อมูล หลักฐานที่ได้รับจากนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ มาประกอบในการจัดทำเอกสารทางวิชาการฉบับสมบูรณ์เพื่อประกอบการนำเสนอพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อไป นอกจากนี้ยังได้เชิญคณะทูตานุทูตประเทศที่นับถือศาสนาพุทธและพำนักอยู่ในกรุงเทพมหานครเข้าร่วมงานมาฆบูชาในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าหากพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลก จะเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตเนื่องจากมีการกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ สำหรับความคืบหน้าในการจัดทำเอกสารทางวิชาการฉบับสมบูรณ์ภาษาไทย ตามหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนมรดกโลก ขององค์การยูเนสโก นั้น ต้องรวบรวม และเรียบเรียงเอกสารให้เสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 จากนั้นให้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาการเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ ใน ปี 2558 ต่อไป

เชิญชวนร่วมตักบาตร และร่วมพิธีแห่ผ้าพระบฏพระราชทาน เนื่องในวันมาฆบูชา

จังหวัดนครศรีธรรมราช เชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีทำบุญตักบาตร และร่วมพิธีแห่ผ้าพระบฏพระราชทาน เนื่องในงานประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนครฯ ประจำปี 2557

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับคณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม มูลนิธิ ชมรมต่าง ๆ กำหนดจัดงานประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนครฯ ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 10 – 14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของประเทศไทย ที่ปฏิบัติสืบทอดต่อเนื่องกันมายาวนานเกือบ 800 ปี อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราช และสนับสนุนการผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร(พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช)เป็นมรดกโลก

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันมาฆบูชา คณะกรรมการจัดงานจึงได้จัดพิธีทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์ เริ่มเวลา 06.30 น. ณ บริเวณหน้าวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและความเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิต จากนั้นเวลาประมาณ 08.00 น. มีการแจกจ่ายข้าวมธุปายาส(ยาคู) ให้แก่ประชาชนทั่วไปด้วย เวลา 16.00 น. จัดพิธีริ้วขบวนแห่ผ้าพระบฏพระราชทาน ผ้าพระบฏหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จากหน้าศาลาประดู่หก ถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมีคณะสงฆ์ไทย พระสงฆ์จากประเทศต่าง ๆ 9 ประเทศ ข้าราชการ นักเรียน ศึกษา พ่อค้า ประชาชนร่วมในพิธี และเมื่อริ้วขบวนถึงลานโพธิ์หน้าพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช มีการแสดงรำบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ ประกอบพิธีทางศาสนา กล่าวถวายผ้าพระบฏ แล้วอัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทานขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีร่วมกันประกอบพิธีเวียนเทียนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อไป จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยพร้อมเพรียงกัน และขอให้ลด ละเลิก อบายมุขทุกชนิด แต่ให้ร่วมทำบุญใส่บาตร ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรมและฟังพระธรรมเทศนา และ ไปเวียนเทียนที่วัดใกล้บ้านทุกแห่ง

จังหวัดตรัง แถลงข่าวงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2014 สัมผัสเทศกาลแห่งความรัก และสีสันภายใต้มนต์เสน่ห์แห่งท้องทะเลตรัง

ที่โรงแรมธรรมรินทร์ธนา อ.เมืองตรัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง นางกรรณิการ์ บัวเลิศ รองนายกเทศมนตรีนครตรัง และ ร.อ.ชัยวัฒน์ เจริญสุข ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง ร่วมแถลงข่าวงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร 2014 สัมผัสเทศกาลแห่งความรัก และสีสันภายใต้มนต์เสน่ห์แห่งท้องทะเลตรัง จังหวัดตรังและหอการค้าจังหวัดตรัง ได้จัดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร Trang Underwater Wedding Ceremony มาตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบันนับเป็นครั้งที่ 18 พิธีวิวาห์ใต้สมุทรนั้น มีจุดเริ่ต้นมาจากกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่จัดขึ้นโดย จังหวัดตรัง หอการค้าจังหวัดตรัง ร่วมกับบริษัทและชมรมดำน้ำจากทั่วประเทศ ในชื่อโครงการ คืนธรรมชาติสู่แหล่งปะการัง ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2538 ซึ่งเป็นการเก็บขยะในแหล่งปะการังที่สำคัญของจังหวดตรัง ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้สร้างความประทับใจและสานสัมพันธ์ให้กับหนุ่มสาวนักดำน้ำคู่หนึ่ง ที่ได้มาพบกันเมื่อครั้งมาร่วมดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเล จนกระทั่งในช่วงปลายปี 2539 ซึ่งขณะนั้น นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ไปร่วมพิธีมงคลสมรส และเห็นว่าเมื่อทั้งสองคนพบรักที่ใต้ทะเลตรัง ควรจะต้องแต่งงานใต้ทะเลด้วย ซึ่งคู่รักดังกล่าวได้กล่าวตอบว่า ถ้าจังหวัดตรังเป็นเจ้าภาพจัดให้ตนเองพร้อมที่จะดำน้ำลงไปจดทะเบียนแต่งงานใต้ทะเล จึงทำให้เกิดงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทร ครั้งแรกในเดือนเมษายนของปี 2540 และเป็นผลให้พิธีวิวาห์ใต้สมุทรเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศและทั่วโลก และได้สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดตรัง และประเทศไทยเป็นอย่างมาก ผลสำเร็จของการจัดพิธีวิวาห์ใต้สมุทรได้สร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวอันนำมาซึ่งรายได้เข้าสู่จังหวัดตรังและประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ครั้งที่ 1 จนถึงครั้งที่ 17 มีคู่บ่าวสาวได้มาร่วมงานพิธีวิวาห์ใต้สมุทรแล้วจำนวน 481 คู่ เป็นคู่ชายไทย 404 คู่ และเป็นคู่ต่างประเทศ 77 คู่ จาก 31 ประเทศทั่วโลก สำหรับในปี 2557 ได้กำหนดจัดระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ โดยมีคู่บ่าวสาวเข้าร่วมงาน 31 คู่ เป็นคู่ต่างประเทศ 5 คู่ ได้แก่ ฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรต และจีน ซึ่งคู่บ่าวสาวกิตติมศักดิ์ของปีนี้มี 2 คู่ นอกจากนี้ในส่วนของกิจกรรมงานปีนี้ คู่บ่าวสาวจะได้ดื่มด่ำกับความสวยงามของธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ของจังหวัดตรัง ร่วมปลูก "ต้นกฤษณา” ซึ่งเป็นไม้มงคลที่เก่าแก่ของไทย มีขบวนแห่คู่บ่าวสาวที่สวยงามตระการตา พร้อมทั้งนั่งรถตุ๊กตุ๊กหัวกบชมคอนเสิร์ต "เติมสุขเต็มสิบ” จากศิลปินชื่อดัง ได้แก่ บอย พีชเมคเกอร์ โจ-ก้อง ETC ลิปตา และ PP Project ของคุณพาที สารสิน CEO ของสายการบินนกแอร์ เป็นคอนเสิร์ต After Party ส่งท้ายความโสด ซึ่งสายการบินนกแอร์จัดขึ้นเป็นพิเศษแก่คู่บ่าวสาวและชาวตรัง โดยคอนเสิร์ตจะแสดงระหว่างเวลา 17.30-22.30 น.

แกนนำ กปพ.ตรังแถลงข่าวให้ศูนย์ราชการหยุดปฎิบัติหน้าที่ต่อไป

ที่ห้องประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง ศาลากลางจังหวัดตรัง นายปรีดิ์ปราโมทย์ เลิศวรภัทร แกนนำกองทัพประชาชนคนรักพระราชา (กปพ.) เครือข่าย กปปส.ตรัง แถลงข่าวแสดงจุดยืน 3 ข้อหลังจากที่ประกาศชัยชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า ในนามของกองทัพประชาคนคนรักพระราชา (กปพ.) ตรัง ขอแถลงข่าวว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คือ 1)ขอให้ศูนย์ราชการบนศาลากลางจังหวัดตรังทุกภาคส่วนหยุดทำการตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป 2)ให้ศูนย์ราชการที่ว่าการอำเภอในจังหวัดตรัง ทุกอำเภอหยุดทำการ ยกเว้นทางทะเบียนราษฎร์ที่บริการประชาชนเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และ 3) ส่วนราชการอื่นๆทำงานตามปกติ หากหน่วยงานใดฝ่าฝืนคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ทาง กปพ.ตรัง จะใช้มาตรการทางสังคมมาใช้ ด้วยการนำภาพถ่ายที่อยู่พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ แจกจ่ายไปทั่วจังหวัดตรัง โดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการนั้นๆ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

กกต.กระบี่ ประกาศงดการลงคะแนนเลือกตั้งกระบี่ ทั้ง 3 เขต เนื่องจากไม่มีบัตรเลือกตั้ง

เวลา 09.30 น.วันที่ 2 ก.พ.57 นายสมปอง ตั้งเริก ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 3 เขตของ จ.กระบี่ ได้ประกาศงดการลงคะแนนของหน่วยเลือกตั้งทั้ง 3 เขต รวม 573 หน่วยแล้ว เนื่องจากคณะกรรมการเลือกตั้งไม่ได้รับบัตรเลือกตั้ง และอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการเลือกตั้งทำให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ไม่ได้ใช้สิทธิ์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่ต้องแจ้งเหตุ เนื่องจากทาง กกต.ประกาศงดการลงคะแนนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่บริเวณหน้าสำนักงาน กกต.กระบี่ ยังคงมีกลุ่มมวลชน กปปส.กระบี่ ประมาณ 300 คน ยังคงทำการปิดล้อม สำนักงาน กกต. ถึงแม้ทางกลุ่มมวลชนจะทราบว่าบัตรเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่ สำนักงาน กกต.ก็ตาม พร้อมตั้งเวทีปราศัยโจมตีรัฐบาลที่ยังดื้อดึงจัดการเลือกในภาวะบ้านเมืองไม่ปกติ และมีการแต่งกายล้อการเมือง ในชุดนักเรียน และข้าราชการ 

ชาวบ้าน ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เฮ ! พบบ่อน้ำพุร้อนเค็มใหม่อีก 4 บ่อ เตรียมชง อบต.พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

นายวินัย ผิวดำ กำนันตำบลห้วยน้ำขาว เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้พบบ่อน้ำพุร้อนเค็มแห่งใหม่ ภายในป่าพรุบ้านควน ม.8 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ จำนวน 4 บ่อ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับบ่อน้ำพุร้อนเค็ม อันซีนไทยแลนด์ อันซีนอินกระบี่ ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว โดยอยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร โดยบ่อแรกที่ค้นพบ กว้างประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร มีน้ำใส อยู่กลางซอกหิน และมีต้นไม้ปกคลุม อุณหภูมิประมาณ 37 องศา รสชาติเค็มจัด

ห่างกันอีกประมาณ 100 เมตร พบบ่อที่ 2 มีลักษณะคล้ายแอ่งน้ำทรงรี กว้างประมาณ 2 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิใกล้เคียงกัน และห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบบ่อที่ 3 รูปทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ 2 เมตร โดยบ่อที่ 3 นี้ มีน้ำใสเป็นอย่างมาก สามารถมองเห็นตะไคร่ที่อยู่ลึกลงไปในบ่อ อุณหภูมิประมาณ 40 องศา นอกจากนี้ ยังมีบ่อที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าพรุประมาณ 500 เมตร แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ ซึ่งชาวบ้านที่พบบอกว่ามีลักษณะใกล้เคียงกับบ่อที่ 3

นายวินัย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาคนเฒ่าคนแก่ที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงได้เล่าให้ฟังว่า ได้มีการพบบ่อน้ำพุร้อนดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี แล้ว แต่ไม่ได้รับความสนใจ เนื่องจากเส้นทางที่จะเดินทางเข้าไปมีความยากลำบาก ส่วนใหญ่จะให้ความสนใจบ่อน้ำพุร้อนที่ได้รับการพัฒนาแล้ว จนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินชมธรรมชาติเดินทางมาพบเข้า และถ่ายรูปไว้ จึงได้มีการออกสำรวจอีกครั้งซึ่งก็มีอยู่จริง

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็จะเสนอของบประมาณจาก อบต.ห้วยน้ำขาว หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการพัฒนาเส้นทางเข้ามายังบ่อน้ำพุร้อนเค็มแห่งใหม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จะไม่มีการพัฒนาตัวบ่อ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และเชิงอนุรักษ์ได้มาเที่ยวชม เพราะอาจจะเป็นจุดขายใหม่ของน้ำพุร้อนเค็ม อ.คลองท่อม และส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะลักษณะน้ำพุร้อนเค็มดังกล่าวมีเพียง 2 แห่งในโลก คือ ที่สาธารณรัฐเช็ก และที่ประเทศไทย อ.คลองท่อม จ.กระบี่