วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

นครศรีธรรมราชจัดยิ่งใหญ่งาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนคร” 10-14 กุมภาพันธ์นี้

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดยิ่งใหญ่งาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครฯ” 10-14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช พร้อมเชิญทูตานุทูตร่วมพิธีแห่ผ้าพระบฏขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เพื่อสนับสนุนการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

เนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา วันมาฆบูชาของทุกปี จังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดนครศรีธรรมราช หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม ชมรม มูลนิธิต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานนาชาติ” ซึ่งปีนี้กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 10 -14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เพื่ออนุรักษ์ไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของประเทศไทย ที่ปฏิบัติสืบทอดต่อเนื่องกันมายาวนานเกือบ 800 ปี อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราช และสนับสนุนการผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร(พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช)เป็นมรดกโลก

วันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพุทธศาสนา คือวันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" และเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปฎิโมกข์ แก่พระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรก "มาฆะ" เป็นชื่อของเดือน 3 มาฆบูชานั้น ย่อมาจากคำว่า"มาฆบุรณมี" แปลว่าการบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน 3 วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือน อธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4

ดังนั้น เพื่อแสดงถึงความพร้อมในการจัดงาน วันนี้(4 ก.พ.57) ที่บริเวณลานโพธิ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงได้จัดแถลงข่าวการจัดงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครฯ” ประจำปี 2557 ขึ้น โดยมีนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธาน และผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช นายจุมพต ตระกูลนุช วัฒนธรรมจังหวัด นางนภสร ค้าขาย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช และพระครูโสภณเจติญานุรักษ์ รองเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และสื่อมวลชนร่วมรับฟัง

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การจัดงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครฯ” ในปีนี้ ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระบฏแก่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนำขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ทำให้จังหวัดศรีธรรมราชได้รับผ้าพระบฏพระราชทาน จำนวน 5 ผืน คือ ผ้าพระบฏพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ ผ้าพระบฏพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวัยลักษณ์ อัครราชกุมารี โดยจะมีการจัดพิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน ผ้าพระบฏขององค์กร หน่วยงานในอำเภอปากพนัง ณ โรงเรียนปากพนัง อำเภอปากพนัง เวลา 19.00 น. ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพบผ้าพระบฏ จากนั้นเวลา 13.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 จัดริ้วขบวนแห่ผ้าพระบฏพระราชทานจากอำเภอปากพนัง ไปประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีสวนสาธารณะ ศรีธรรมาโศกราช เพื่อประกอบพิธีสมโภชอย่างเป็นทางการ ในเวลา 17.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค และการแสดงศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ จากนั้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 “วันมาฆบูชา” เวลา 16.00 น.จัดริ้วขบวนแห่ผ้าพระบฏพระราชทาน พร้อมขบวนเกียรติยศ และริ้วขบวนผ้าพระบฏของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จากหน้าศาลาประดู่หก ถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมีคณะสงฆ์ไทย พระสงฆ์จากประเทศต่าง ๆ 9 ประเทศ ข้าราชการ นักเรียน ศึกษา พ่อค้า ประชาชนร่วมในพิธี และเมื่อริ้วขบวนถึงลานโพธิ์หน้าพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช มีการแสดงรำบูชาพระบรมธาตุเจดีย์ ประกอบพิธีทางศาสนา กล่าวถวายผ้าพระบฏ แล้วอัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทานขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีร่วมกันประกอบพิธีเวียนเทียนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดในงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครฯ ” ประจำปี 2557 เช่น สาธิตการผลิต การทอ และการแสดงผ้าพระบฏ 4 ภาค การจัดแสดงนิทรรศการเรื่อง “ต้นธารสยาม-ลังกาวงศ์” ตลาดนัดโบราณ ขนมพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง กวนข้าวมธุปายาส(ยาคู) แจกข้าวมธุปายาส(ยาคู) การแสดงศิลปวัฒนธรรมของนักเรียน นักศึกษา พิธีสวดด้าน การปฏิบัติธรรมถวายเป็นพุทธบูชา พิธีทำบุญตักบาตร การสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติเรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” และพิธีเวียนเทียน เป็นต้น จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยพร้อมเพรียงกัน และขอให้ลด ละเลิก อบายมุขทุกชนิด แต่ให้ร่วมทำบุญใส่บาตร ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรมและฟังพระธรรมเทศนา และ ไปเวียนเทียนที่วัดใกล้บ้านทุกแห่ง

ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช /ประธานคณะกรรมการฝ่ายวิชาการ การนำเสนอพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช เป็นมรดกโลก กล่าวว่า ผ้าพระบฏพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นผ้าพระบฏผืนสำคัญสูงสุด ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเมื่อเดือนกันยายน 2556 เป็นผ้าพระบฏที่มีความยาว 39 เมตร กว้าง 1.20 เมตร เขียนเป็นภาพจิตกรรมไทย แบ่งเป็น 30 ช่อง ช่องแรกเป็นพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ช่องที่ 2 เป็นภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ช่องที่ 3 ถึงช่องที่ 24 เป็นภาพทศชาติ ช่องที่ 25-29 เป็นภาพพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติถึงปรินิพพาน ส่วนช่องสุดท้ายเป็นสัญลักษณ์หรือโลโก้หน่วยงานที่ผลิตผ้าพระบฏผืนนี้ ซึ่งจิตรกรที่เป็นผู้รังสรรค์ภาพในผ้าผืนนี้เป็นคณาจารย์ และนักศึกษาของวิทยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช จำนวน 30 คน ใช้เวลาในการวาดทั้งสิ้น 150 วัน ส่วนผ้าพระบฏพระราชทานอีก 4 ผืนก็มีลักษณะการผลิตเช่นเดียวกัน มีตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ภาพทศชาติ ภาพพุทธประวัติ และสัญลักษณ์ของหน่วยงานผู้ผลิตผ้าพระบฏ

สำหรับ “ผ้าพระบฎ” หมายถึง ผ้าที่มีภาพวาดหรือถักทอเป็นรูปพระพุทธเจ้า พระพุทธรูป หรือพุทธประวัติ ที่พุทธศาสนิกชนจัดทำขึ้นเพื่อใช้บูชาแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปูชนียสถานหรือเจดียสถานมาตั้งแต่โบราณกาล มีการจัดทำกันโดยทั่วไปทั้งในประเทศศรีลังกา เนปาล ทิเบต จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมทั้งทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศพม่าและประเทศไทย

ผ้าพระบฏในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจนเมื่อราว 780 ปีที่ผ่านมา คือเมื่อครั้งที่พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรนครศรีธรรมราช โปรดให้นำผ้าพระบฏที่ชาวเมืองอินทปัตย์ ซึ่งประสบภัยทางทะเลจนเรือแตก รอดมาขึ้นฝั่งที่อ่าวนคร และพบผ้าพระบฏของชาวเรือที่อับปางครั้งนั้นผืนหนึ่ง จึงโปรดให้นำผ้าดังกล่าวขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เมื่อปี พ.ศ. 1773 นับเป็นการแห่ผ้าพระบฏขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์จึงกลายเป็นประเพณีสำคัญของเมืองนครศรีธรรมราชมาจนถึงปัจจุบัน ผ้าพระบฏจึงกลายเป็นหัวใจของประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุที่นครศรีธรรมราช ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วประเทศในเวลานี้

ผศ.ฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า ในการจัดงาน “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุ นานาชาติ ที่เมืองนครฯ”ในปีนี้ ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ได้จัดสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติเรื่อง “พระธาตุเจดีย์สู่มรดกโลก” เพื่อรวบรวมข้อมูล หลักฐานที่ได้รับจากนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ มาประกอบในการจัดทำเอกสารทางวิชาการฉบับสมบูรณ์เพื่อประกอบการนำเสนอพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อไป นอกจากนี้ยังได้เชิญคณะทูตานุทูตประเทศที่นับถือศาสนาพุทธและพำนักอยู่ในกรุงเทพมหานครเข้าร่วมงานมาฆบูชาในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันว่าหากพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลก จะเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตเนื่องจากมีการกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ สำหรับความคืบหน้าในการจัดทำเอกสารทางวิชาการฉบับสมบูรณ์ภาษาไทย ตามหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนมรดกโลก ขององค์การยูเนสโก นั้น ต้องรวบรวม และเรียบเรียงเอกสารให้เสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 จากนั้นให้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาการเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ ใน ปี 2558 ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น