วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เริ่มมาตรการตรวจยึด จับกุม ดำเนินคดี ตามกฎหมาย การบุกรุกป่าสงวน ต.หงษ์เจริญ ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร วันพฤหัสบดีที่ 27ก.พ.นี้

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนล่าง) จะดำเนินการตรวจยึด จับกุม ดำเนินคดี ตามกฎหมาย พื้นที่ที่ทำการบุกลุกป่าสงวน จำนวน 4 แปลง รวมพื้นที่ 64 ไร่ ในพื้นที่ บริเวณ ต.หงษ์เจริญ ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

โดยพร้อมกันเวลา 08.30 น วันพฤหัสบดีที่ 27ก.พ. 57 . ที่ หน้าสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร (ตามแผนที่ที่แนบมา) หมู่7 บ้านดวงดี ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร สอบถามเพิ่มเติม โทร.077-640-628

ผู้ว่าฯชุมพร มอบเงินชวยเหลือ อส.ที่ประสบภัยน้ำท่วม

ผู้ว่าฯชุมพร มอบเงินให้กับ อส.เพื่อช่วยเหลือหลังประสบภัยน้ำท่วมบ้านพังเสียหาย เมือวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่

นายเลิศพรชัย ไชยฤทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายชัยธวัช ศิวบวร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร นำนายวิลาศ กุยุคำ นายนันทชัย ดวงสวัสดิ์ และนายภิญโญ นิสภา ซึ่งเป็นสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร เข้ารับมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ จำนวนรายละ 1 หมื่นบาท จากนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมกับการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน แก่เจ้าหน้าที่

โดยก่อนหน้าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าน้ำท่วมในพื้นที่ ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลวังไผ่ และอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดชุมพร ซึ่งมวลกระแสน้ำมีจำนวนมากและแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่ไม่สามารถขนย้ายสิ่งของหนีขึ้นที่สูงได้ทัน ทำให้จมน้ำเสียหายเป็นจำนวนมาก และบ้ายพักอาศัยของประชาชนบางหลังถูกน้ำป่าซัดพังเสียหาย เช่นเดียวกับนายวิลาศ กุยุคำ นายนันทชัย ดวงสวัสดิ์ และนายภิญโญ นิสภา ซึ่งประสบภัยถูกน้ำป่าไหลหลากซัดบ้านพังเสียหายบางส่วน โดยในช่วงเกิดเหตุ อส.ทั้งสาม ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม

ในโอกาสเดียวกันนายพีระศักดิ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กล่าวให้กำลังใจและขอบใจในการปฏิบัติหน้าที่ในการเสียสละส่วนตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี ตามมีภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ การบริการประชาชน การปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ สนับสนุนฝ่ายปกครอง รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ 

รองแม่ทัพภาคที่ 4 นำคณะตรวจเยี่ยมโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดชุมพร

พลตรี นพวงษ์ สุรวิชัย รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ในโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ ในพื้นที่บ้านคลองเพรา ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย และภัยแล้ง

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 พลตรี นพวงษ์ สุรวิชัย รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ในโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ ในพื้นที่บ้านคลองเพรา ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร โดยมีนายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอทุ่งตะโก นายสัมฤทธิ์ รุ่งช่วง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะโก  นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ ซึ่งหลังจากนั้นได้ร่วมกันปลูกหญ้าแฝก ตามแนวสองฝั่งคันคลองเพรา เพื่อเป็นการป้องกันการพังทลายของดิน ตามแนวพระราชดำริ

โครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาล ที่ดำเนินการโดยกองทัพภาคที่ 4 รับผิดชอบแหล่งน้ำครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดชุมพร, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา และจังหวัดนราธิวาส จำนวนทั้งสิ้น 11 แผน เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย และภัยแล้ง โดยพื้นที่การเกษตรได้รับผลประโยชน์ กว่า 102,000 ไร่ และพี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์ กว่า 52,000 คน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 ส่งผลให้ชวยลดปัญหาด้านอุทกภัย และภัยแล้ง ได้จริง และในปีนี้จึงได้ดำเนินการต่อจากปีที่ผ่านมา

กองทัพภาคที่ 4 โดย กองพันทหารช่างที่ 5 ได้ดำเนินการโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลตะโก ซึ่งตำบลตะโกมีพื้นที่ ทั้งหมด 127 ตารางกิโลเมตร จำนวน 14 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝน และต้องประสบภัยแล้ง ในช่วงระยะฝนทิ้งช่วง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากอยู่เป็นประจำทุกปี ทางกองทัพภาคที่ 4 จึงได้เห็นปัญหา และให้ความสำคัญในปัญหาดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับกองทัพบกมีนโยบายในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา จึงให้การสนับสนุนงบประมาณ ด้วยการขุดลอกคูคลอง ใน หมู่ 2 หมู่ 3 ระยะทางกว่า 1200 เมตร เป็นการเบื้องต้น เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและเป็นแหล่งน้ำ เพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภค ต่อไป 

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศสถานการณ์ไฟป่าปี 2557

นายขจรศักดิ์ ละอองเทพ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร เปิดเผยเนื่องจากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศจากภาวะโลกร้อน ทำให้การคาดการณ์สภาวะอากาศ และสถานการณ์ไฟป่าในระยะยาวทำได้ยากมาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีประกาศ ขอความร่วมมือเฝ้าติดตามสถานการณ์ไฟป่าปี 2557 อย่างใกล้ชิด

ด้วยอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการตรวจติดตามสภาพภูมิอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา และการวิเคราะห์ข้อมูล ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของไฟป่าในปัจจุบันโดยเฉพาะการสะสมของเชื้อเพลิง ที่ส่งผลให้การเกิดไฟป่าในแต่ละครั้งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และสืบเนื่องจากความผันผวนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ของสภาพภูมิอากาศโลกอันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ทำให้การคาดการณ์สภาวะอากาศ และสถานการณ์ไฟป่าในระยะยาวทำได้ยากมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฝ้าติดตามสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ไฟป่าปี 2557 จึงขอความร่วมมือดังนี้
1.ให้งดเว้นการจุดไฟในป่าโดยเด็จขาด ตั้งแต่เดือนมาราคม – พฤษภาคม 2557
2.หากกำจัดเชื้อเพลิงในพื้นที่เกษตรกรรมหรือพื้นที่อื่นๆ ใกล้เขตพื้นที่ป่า จะต้องทำแนวกันไฟ และควบคุมไฟมิให้ไฟลามเข้าป่า
3.หากพบเห็นไฟไหม้ป่า โปรดแจ้งหน่วยงานควบคุมไฟป่าในพื้นที่ หรือโทรสายด่วน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4.ติดตามความผันผวนของสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์วิกฤติมลภาวะหมอกควันไฟปกคลุมพื้นที่ โดยเฉพาะหากมีความกดอากาศสูงแผ่ปกคลุมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นเวลานาน เกิดสภาวะที่เรียกว่า Subsidence Inversion กักควันและไออากาศร้อนจนไม่สามารถลอยขึ้นไปสู่บรรยากาศที่สูงขึ้น ทำให้ควันไฟกระจายคละคลุ้งอยู่ใกล้ระดับพื้นดิน ดังเช่น วิกฤติหมอกควันไฟในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในปีที่ผ่านมา 

อำเภอเกาะสมุยจัดกิจกรรมซ้อมแผนป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล ตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำในพื้นที่แล้ว 5 จุด

อำเภอเกาะสมุยจัดกิจกรรมซ้อมแผนป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล เพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวจากการจมน้ำ ขณะที่มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำในพื้นที่แล้ว 5 จุด

เวลา 10.30 น.(วันนี้ 26 ก.พ.57 ) อำเภอเกาะสมุย ร่วมกับเทศบาลนครเกาะสมุย มูลนิธิเกาะสมุย กู้ชีพ กู้ภัย อำเภอเกาะสมุย โรงพยาบาลในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย และผู้ประกอบการโรงแรมในอำเภอเกาะสมุย ร่วมประชุมและจัดกิจกรรมซ้อมแผนป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล ณ โรงแรมพาราไดซ์สมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายทนงศักดิ์ สมวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอเกาะสมุย กล่าวจากที่อำเภอเกาะสมุยได้เกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการจมน้ำบ่อยครั้ง ซึ่งล่าสุดได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เสียชีวิตจากการจมน้ำเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยจึงได้ร่วมกันประชุมหามาตรการป้องกันโดยการจัดทำแผนและฝึกซ้อมแผนป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล เพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวจากการจมน้ำ โดยขณะนี้ได้มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำในพื้นที่แล้ว 5 จุด โดยเน้นพื้นที่เสี่ยง คือบริเวณชายหาดเฉวง  ในการจัดทำแผนป้องกัน และการตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของนักท่องเที่ยว โดยเทศบาลนครเกาะสมุยจะสนับสนุน ให้มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำเป็นการถาวรในอนาคตต่อไป

โครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหมู่ 5 ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี

จังหวัดสุราษฎร์ธานีจัด สัมมนา ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหมู่ 5 ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี

ดร.กฤษณัส สุรกิตย์ ผู้เชี่ยวชาญแหล่งน้ำด้านการมีส่วนร่วม ม.เกษตรศาสตร์ ในฐานะที่ปรึกษาของกรมเจ้าท่า ในโครงการ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหมู่ 5 ต.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี กล่าวตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าชนะ อ.ท่าชนะ ได้มีหนังสือขอนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานโครงการก่อสร้าง แนวกันคลื่นป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งเพื่อช่วยเหลือราษฎร ม. 5 ต.ท่าชนะ ซึ่งประสบความเดือดร้อนจากปัญหา การกัดเซาะชายฝั่ง สำนักราชเลขาธิการได้ประสานมายังสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร. จากนั้น กปร. ได้ประสานงานขอความอนุเคราะห์ต่อกรมเจ้าท่า ผู้เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ ให้การข้อเท็จจริง ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไข

ดร.กฤษณัส ได้กล่าวถึงขึ้นตอนการดำเนินการจากการสำรวจรวจเบื้องต้น พื้นที่ดังกล่าวเป็นร่องน้ำที่สำคัญมีท่าเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ และเรือประมงได้ใช้หลบคลื่นลม ปัจจุบันชายฝั่งประสบปัญหาการกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างริมชายฝั่งได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยที่ชายหาดได้ถดถอยและหายไปกว่า 20 เมตร แล้ว

นครศรีธรรมราช จัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย สร้างความสมานฉันท์ ปรองดองของคนในสังคม

นครศรีธรรมราช จัดอบรมวิทยากรระดับตำบล เพื่อเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย สร้างความสมานฉันท์ ปรองดองของคนในสังคม ขณะเดียวกันขอคนไทยได้นำหลักธรรมคำสอนทางศาสนาของแต่ละศาสนามาเป็นแนวทางปฏิบัติ พร้อม ๆ กับปรับ แนวคิด และมีอคติต่อกัน

นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผย  ด้วยขณะนี้จังหวัดได้จัดอบรมวิทยากรระดับตำบลโครงการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย โดย สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช รับผิดชอบดำเนินการ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการประสานและติดตามผลดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ ปคอป. ได้จัดให้มีเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน – 28 กรกฎาคา 2556 ที่ผ่านมา และได้ทำการสรุป แล้วมอบให้ กระทรวงมหาดไทย โดย กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย ด้วยการฝึกอบรมวิทยากรระดับจังหวัด ระดับตำบล เพื่อนำไปขยายผลในพื้นที่หมู่บ้าน และชุมชน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย ที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน , ผู้นำชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลละ 3 คน รวม 489 คน เข้ารับการอบรม ซึ่งหลังจากการฝึกอบรมแล้ว วิทยากรระดับตำบล จะกลับไปจัดเวทีเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกในระดับหมู่บ้าน / ชุมชน ทั่วทั้งจังหวัด เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ของคนในสังคม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวถึงแนวทางที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศ คือ ทุกฝ่ายจะต้องนำหลักคำสอนของศาสนาที่ตนเองนับถือไปแก้ปัญหา และปรับความคิดในการ ลด ละ เลิก อคติ พร้อมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเสียชีวิตของเด็ก 3 ราย และประณามว่าเป็นการกระทำที่เลวร้าย

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลบางแก้ว คว้ารางวัลเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการ ในงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดระนอง

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลบางแก้ว คว้ารางวัลเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการ ในงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดระนอง

นายพินิจ บุญเลิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานเปิดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี 2557 ณ อาคารอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง โดยมีกลุ่มเกษตรกร และกลุ่มสหกรณ์จากทั้งจังหวัดระนอง เข้าร่วมงานจำนวนมาก ทั้งนี้ขบวนการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดระนอง ร่วมกับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดระนอง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อถวายสักการระและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย และเป็นการส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร ได้ตระหนักถึงคุณค่าและศรัทธาในระบบสหกรณ์ ตลอดจนเพื่อประชาสัมพันธ์งานสหกรณ์ให้สาธารณชนได้ทราบทั่วกัน โดยได้มีพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย และมอบรางวัลแก่กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มสหกรณ์ ที่มีผลงานดีเด่นในด้านต่าง ๆ อาทิกลุ่มเกษตรกรที่มีผลงานดีเด่นในการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่กลุ่มเกษตรกรทำสวนมะมุ รางวัลสหกรณ์ดีเด่นระดับภาค ได้แก่ร้านสหกรณ์โรงพยาบาลระนอง จำกัด และรางวัลกลุ่มที่มีความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการ ของจังหวัดระนอง ได้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลบางแก้ว สังกัดสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ระนอง จำกัด และกลุ่มเกษตรกรทำสวนบางแก้ว

นอกจากนี้ในช่วงบ่ายยังมีการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร และการออกร้านของกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จและเป็นต้นแบบที่ดีของสหกรณ์จังหวัดระนอง

เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เข้าพบปะ ผู้ว่าฯสงขลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ด้านความมั่นคงของจังหวัดสงขลา ในโอกาสมาเยือนพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

วันนี้ (26 ก.พ.57) ที่ห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นาง คัทญา โนร์ดโกร์ด เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (KATJA CHR.NORDGAARD   Ambassador) พร้อมด้วย นายเอริค สเวดาล อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (ERIK SVEDAHL Minister Counsellor) และ   คุณศิริกานต์ สุนทรผดุงสิน เลขานุการเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เข้าพบ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีหมายเดินทางมาเยือนจังหวัดสงขลา ยะลา และปัตตานี ระหว่างวันที่ 26 – 28 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมี ป้องกันจังหวัดสงขลา หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดสงขลา จ่าจังหวัดสงขลา และคณะ ร่วมให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลด้านความมั่นคงและข้อมูลด้านเศรษฐกิจใน พื้นที่จังหวัดสงขลาอีกด้วย

เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เข้าพบปะ ผู้ว่าฯสงขลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ด้านความมั่นคงของจังหวัดสงขลา ในโอกาสมาเยือนพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

วันนี้ (26 ก.พ.57)  ที่ห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นาง คัทญา โนร์ดโกร์ด เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (KATJA CHR.NORDGAARD   Ambassador) พร้อมด้วย นายเอริค สเวดาล อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (ERIK SVEDAHL Minister Counsellor) และ   คุณศิริกานต์ สุนทรผดุงสิน เลขานุการเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เข้าพบ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีหมายเดินทางมาเยือนจังหวัดสงขลา ยะลา และปัตตานี ระหว่างวันที่ 26 – 28 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมี ป้องกันจังหวัดสงขลา หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดสงขลา จ่าจังหวัดสงขลา และคณะ ร่วมให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลด้านความมั่นคงและข้อมูลด้านเศรษฐกิจใน พื้นที่จังหวัดสงขลาอีกด้วย

ผู้ว่ายะลา ระบุ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติงานบนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นความจริง ต้องระมัดระวังในการปฏิบัติงาน อย่าสร้างเงื่อนไขกับประชาชน เพราะอาจจะทำให้การแก้ปัญหาในพื้นที่ยากขึ้น

26 ก.พ.57 นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ในส่วนของ จ.ยะลา หลังจากที่เกิดเหตุในพื้นที่บ่อยครั้ง ใน ส่วนพื้นที่เ กพงต่อการเกิดเหตุร้าย ตนเองได้กำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุด ชคต. และ ชุด ชรบ.ในแต่ละพื้นที่ ได้เข้าร่วมกับกำลังของทหาร ตำรวจ เพื่อให้การปฏิบัติงานในพื้นที่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะว่าในแต่ละพื้นที่ กำนัน และ ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง อส. ต่างก็รู้จักสภาพในพื้นที่ดี แต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อส.ก็ยังขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัตงาน ยังไม่สามารถเทียบเท่ากำลังทหาร หรือ ตำรวจ ตนเองกำชับและให้มีการทบทวน มีการฝึกอบรมตามวงรอบในแต่ละปี รวมทั้งได้ขอความร่วมมือจากหน่วยทหาร และ ตำรวจ ในการเข้ามาทำการฝึก ด้วยการปฏิบัติจริง และตนเองก็ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในแต่ละพื้นที่แสวงหาความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ควบคู่กับการทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน รวมทั้งหาข่าวสารข้อมูลที่มีความชัดเจน และ ถูกต้อง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ยะลา หลายต่อหลายเหตุการณ์ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ และ ชาวบ้านเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมทั้งทรัพย์สิน ได้รับความเสียหาย ทางจังหวัดได้มีการดำเนินการ ทำความเข้าใจ รวมทั้งเสาะหาข้อมูลจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ว่าจริงๆแล้วเกิดจากสาเหตุใด และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาตามข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ในส่วนแรก ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับกองกำลังเจ้าหน้าที่ ให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้สร้างความเป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่จะต้องไม่กระทำในส่วนที่ผิดกฎหมาย หรือ ไปสร้างความไม่เป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุการณ์กับพี่น้องประชาชน ก็ได้มีข่าวลือออกมาอย่างต่อเนื่องว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ หน่วยนั้น สังกัดนั้น แต่การตอบโต้ของกลุ่มคนร้าย กลับไม่ได้ตอบโต้ต่อหน่วยที่ถูกพาดพึงหรือถูกกล่าวหาแต่อย่างใด โดยการตอบโต้ของคนร้ายกลับไปเกิดขึ้นกับหน่วย หรือ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง และได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว มีแต่จะทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งทำให้ผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบ ในส่วนนี้ก็ต้องเร่งทำความเข้าใจกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกองกำลังต่างๆ ที่ปฏิบัติงาน รวมทั้งพี่น้องประชาชน ว่าในการกระทำอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้น ให้มีการหาข้อมูลที่มีความชัดเจน ถูกต้อง เพื่อที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีการกวดขันจับกุมคนร้ายที่กระทำความผิด แต่ในการกวดขันจับกุมก็ต้องพึงระวังอย่างยิ่งว่า อย่าได้ไปกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือ ญาติ แต่ขอให้ไปกระทำการกวดขันจับกุมคนร้าย ที่ก่อเหตุร้ายจริงๆ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว หากกระทำต่อบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะเป็นการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่มีวันจบ



นายนิแอ  สามะอาลี / ภาพข่าว

ปราชญ์ชาวบ้าน จ.ยะลา ชี้ การเจรจาสันติภาพ ล้มเหลว ชาวบ้านมองเพียงแค่ละครตบตา แต่เหตุการณ์ร้ายยังเกิดขึ้นทุกวัน

จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ก่อเหตุลอบวางระเบิด ลอบยิง ลอบวางเพลิง และก่อเหตุกวนในรูปแบบต่างๆ สร้างความปั่นป่วน ทำให้มีเจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ถึงแก่ชีวิตและได้รับบาดเจ็บ หลายราย รวมทั้งทรัพย์สินก็ได้รับความเสียหาย

นายคลองธรรม แซ่เจน ปราชญ์ชาวบ้าน จ.ยะลา ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามการแก้ปัญหาสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สงบลงไปสักระยะหนึ่ง แต่มาในระยะหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตนเองมองว่ามีสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในหลาย ๆ สาเหตุ โดยประการแรก ตนเองและคนในพื้นที่มองว่าอาจจะมาจากรัฐบาลกลาง เนื่องจากในขณะนี้รัฐบาลกลางของประเทศไทยอยู่ในช่วงของรอยต่อรัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่ การบังคับใช้กฎหมาย หรือการสั่งการในด้านต่างๆ ในการให้ข้าราชการปฏิบัตินำงบประมาลงมาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีข้อติดขัด รัฐบาลมีก็เหมือนไม่มีรัฐบาล รัฐบาลมีก็เหมือนว่าไม่ได้ทำงาน รัฐบาลมีก็เหมือนรัฐบาลที่เป็นง่อย ไม่สามารถสั่งการให้กับข้าราชการในพื้นที่ได้ปฏิบัติตามได้อย่างเต็มที่ ประการถัดมาก็น่าจะมาจากข้าราชการในพื้นที่บางหน่วย หรือ บางส่วนเกิดอาการที่เรียกว่าเกียร์ว่าง ไม่รู้ว่าจะเดินหน้า หรือ ถอยหลัง เนื่องจากนโยบายในส่วนกลางไม่มีความชัดเจน และเกรงกลัวว่าถ้ารัฐบาลชุดใหม่มา จะมีแนวนโยบายที่มีความขัดแย้งกัน จึงเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถที่จะปฏิบัติการได้อย่างสะดวกกว่าก่อนหน้านี้ ประกอบกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความสับสน โดยเฉพาะในเรื่องของการเจรจาสันติภาพในประเทศมาเลเซียในช่วงที่ผ่านมา คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มองว่าเป็นเพียงละครตบตาประชาชน ทำให้การปฏิบัติงาน หรือการกระทำอะไรต่างๆของภาครัฐในปัจจุบัน ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ และเกิดความระแวงสงสัย ในสิ่งที่รัฐบาลนำนโยบายมาแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นความจริงใจของรัฐบาล หรือ เป็นการสร้างภาพ เป็นละครตบตาประชาชน

ปราชญ์ชาวบ้าน จ.ยะลา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการบังคับใช้กฎหมายของทางราชการ ยังไม่มีความเป็นธรรม และมีความถูกต้องต่อส่วนรวม หรือ ต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ายังมีการเลือกปฏิบัติ คนที่มีอิทธิพล หรือ คนที่มีอำนาจในสังคม ก็มักจะได้รับการยกเว้นในการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนผู้ที่ด้อยโอกาส และผู้ที่ไม่มีหนทาง ก็มักจะถูกกฎหมายกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับใช้กฎหมาย นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมด ในข้อเท็จจริงแล้ว การบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่ถูกต้องและเป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชนจึงทำให้ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นแบบลูกโซ่ หรือแบบงูกินหางแก้ไม่ตรงจุดเหตุการณ์ต่างๆก็เลยบานปลายยากที่จะแก้ไขได้


ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส. ยะลา

ชาวสหกรณ์ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระรูป “พระบิดาการสหกรณ์” เนื่องใน วันสหกรณ์แห่งชาติประจำปี 2557

เมื่อเวลา 10.00 น.  วันที่ 26 ก.พ.57 ที่สำนักงานสหกรณ์ยูเนียนเคหะรัษฎาภูเก็ต จำกัด นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระรูปพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เนื่องในวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี 2557 โดยมีนายภาวัต ศุภสุวรรณ ประธานกรรมการดำเนินการ  สหกรณ์ยูเนียนเคหะรัษฎาภูเก็ต จำกัด นายประคอง รักษ์วงศ์ พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนสหกรณ์ และแขกผู้มีเกียรติ รวมถึงคณะครู โรงเรียนรับโล่ เนื่องในวันดังกล่าวเข้าร่วมในพิธี

นายภาวัต กล่าวว่า  เพื่อร่วมสดุดีพระบิดาการสหกรณ์ไทย เนื่องในโอกาสวันสหกรณ์แห่งชาติ ซึ่งเป็นวันที่ชาวสหกรณ์รวมใจกันน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ที่ทรงริเริ่ม ทดลองจัดตั้งสหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จำกัดสินใช้ ขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 และทรงส่งเสริมให้มีการแพร่ขยายอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ไปทั่วประเทศ ยังประโยชน์ให้เกษตรกร และสมาชิกสหกรณ์มีคุณภาพที่ดีขึ้น และเป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศสืบเนื่องมา

สำหรับในส่วนของจังหวัด ขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดภูเก็ต ได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันสหกรณ์หลายอย่าง ทั้งจัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตร พิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระรูปพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ “พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย” ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 9 นอกจากนั้น ยังมีพิธีทางศาสนาอิสลาม และพิธีกล่าวสดุดีพระบิดาการสหกรณ์ไทย

ด้านนายไมตรี กล่าวว่า  พระราชวรวงค์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ขณะทรงรับตำแห่งเป็นอธิบดีกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ ทรงเล็งเห็นว่าวิธีช่วยกู้ฐานะชาวนาให้พ้นจากภาวะหนี้สินพอกพูนได้นั้น คือการจัดตั้งสหกรณ์  ทรงส่งเสริมให้มีระเบียบข้อบังคับและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อควบคุมการตรวจสอบบัญชี การรับส่งเงิน และแนะนำวิธีการดำเนินงานสหกรณ์รวมทั้งมีการพัฒนาสหกรณ์จนเกิดการก่อตั้งสหกรณ์อย่างแพร่หลาย ด้วยพระปรีชาสามารถส่งผลให้เกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์พ้นจากภาวะหนี้สิน มีทุนในการประกอบอาชีพ มีความเป็นอยู่ที่พอมีพอกิน ก่อให้เกิดผลดีในการพัฒนาประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระเกียรติคุณอย่างยิ่งใหญ่ที่ควรค่าต่อการน้อมระลึกถึง

เทศบาลนครภูเก็ตพัฒนาบุคลากรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมแลกเปลี่ยนหลักสูตรกระบวนการเกี่ยวกับนิติบัญญัติและการเมืองการปกครองกับประเทศสหรัฐอเมริกา

วันที่ 26 ก.พ. 57 ที่ห้องประชุมเทศบาลนครภูเก็ต ดร.สมหมาย  ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พญ. ทัศนีย์  เอกวานิช รักษาการผู้อำนวยการกองการแพทย์ เทศบาลนครภูเก็ต  นางสาวดวงเดือน
นกทวี  ผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน เทศบาลนครภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับ Ms. Robyn Undleme ,Project Manager ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิตวิทยาการสมรสและครอบครัว และ Ms. Connie Puiclpher ,System Planner  ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสถาปัตย์ผังเมืองและการจัดการประชาคมด้านผังเมือง จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในโอกาสที่ได้เดินทางมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนตามหลักสูตรแลกเปลี่ยนกระบวนการที่เกี่ยวกับนิติบัญญัติและการเมืองการปกครอง

สำหรับหลักสูตรแลกเปลี่ยน กระบวนการที่เกี่ยวกับนิติบัญญัติและการเมืองการปกครอง เป็นหลักสูตรที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้าใจสังคมอเมริกามากขึ้นและเรียนรู้กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยมีผู้เข้าอบรมรวม 2 รุ่น จาก 3 ประเทศ คือประเทศไทย ประเทศนิวซีแลนด์และประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับประเทศไทยมีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน2 รุ่น รุ่น ที่ 1 จำนวน 4 คน ได้แก่ ดร.อรทัย  ก๊กผล จากสถาบันประปกเกล้า  พญ.ทัศนีย์  เอกวานิช จากสำนักงานเทศบาลนครภูเก็ต  นายติณวัฒน์  สุวรรณปริก  จากสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ และ
นางแอนนา    เดวิส  จากสำนักงานเทศบาลตำบลสะเดา  รุ่นที่ 2 จำนวน 2 คน คือ นายวา  จักรคม จากสำนักงานจังหวัดอุดรธานี และนางสาวอาภากร  ไตรเรกพันธุ์ จากสำนักงานเทศบาลนครสงขลา

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุงร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง จัดเวทีเสวนา "ร้อยรวมดวงใจเพื่อใต้สันติสุข” เพื่อสร้างความเข้าใจและข้อเท็จจริงถึงปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แก่ เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และสื่อมวลชน

เมื่อวันที่ ๒๑ ก.พ.๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่ห้องประชุมอาคารอเนกประสงค์เทศบาลนครตรัง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง ร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังได้จัดกิจกรรมเสวนา "ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข” เพื่อสร้างความเข้าใจและข้อเท็จจริงถึงปัญหาในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ แก่ เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และสื่อมวลชน ก่อนนำไปขยายผลประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบถึงสถานการณ์ นโยบายและทิศทางการแก้ปัญหาของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง นายสุอีน สูบเด็น รองประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตรัง นางปิยาณี เพชรศรีช่วง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ศูนย์ตรัง และดำเนินรายการโดยนายสุรเชษฐ์ สุทธิกุล นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง

 ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์เล็งเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้เป็นนโยบายเร่งด่วนโดยกำหนดเป้าหมาย "จะเร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นหลักปฏิบัติในแนวทางสันติวิธี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ จึงได้ร่วมมือกับผู้นำศาสนา ฝ่ายวิชาการ และเครือข่ายสื่อมวลชนในจังหวัด จัดเวทีเสวนา " ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข” เพื่อให้เป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ ทัศนคติ พร้อมความคิดเห็นในความเป็นอยู่ และการดำรงชีวิต ตามหลักศาสนา เพื่อนำสังคมสู่ความสันติสุข

การจัดเสวนา "ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข”ของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรังในครั้งนี้ มีสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้นจำนวน ๓๐ คน พร้อมทั้งได้มีการถ่ายทอดเสียงผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดตรัง คลื่นความถี่ เอฟเอ็ม ๙๐.๒๕ เมกกะเฮิร์ต และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพัทลุง รับสัญญาณเสียง ทางคลื่นความถี่ เอฟเอ็ม ๙๘.๐๐ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบอีกด้วย

อบจ.พังงาเปิดโครงการอบรมความรู้ การจัดการการเรียนการสอน วิทยากรสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดพังงา

ที่ห้องประชุมปันหยี โรงแรมภูงา อ.เมืองพังงา นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายก อบจ.พังงา เป็นประธานเปิดโครงการอบรมความรู้ ทักษะและเพิ่มประสิทธิภาพ การจัดการเรียนการสอน ของวิทยากรสอนศาสนาอิสลามของจังหวัดพังงา โดยมีนายอะหมัด และเยาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพังงา นายปราโมทย์ แหล่ทองคำ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย นายสุนทร ขันภักดี ผอ.กลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สพป.พังงา พร้อมด้วยวิทยากรสอนศาสนาอิสลามจากอำเภอต่างๆเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายก อบจ.พังงา กล่าวว่า โครงการนี้จัดขึ้นจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน ฝึกทักษะการจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง สร้างเจตคติที่ดีต่อผ็สอนด้วยกัน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีสาระหลักสูตรประกอบด้วย บทบาทของครูฟัรดูอีนกับความคาดหวังของสังคม จริยธรรมของครูสอนศาสนาอิสลาม เทคนิคและวิธีการสอนตามแบบอย่างท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล) การแก้ไข ปัญหา การเรียนการสอน และการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ มีการจัดกิจกรรมกลุ่มเชิงปฏิบัติการ รวมเวลา 2 วัน 1 คืน โดยมีคณะวิทยากรเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทางด้านศาสนาและการศึกษา จากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพังงาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพังงา

สโมสรโรตารี่พังงาร่วมกับสมาคมยิงปืนเขาช้างจัดการแข่งขันยิงปืนการกุศล หารายได้ช่วยสโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ที่สานมยิงปืนสมาคมยิงปืนเขาช้าง ต.นบปริง อ.เมืองพังงา นายพรเทพ พัฒนพิชัย นายกสโมสรโรตารี่พังงา เป็นประธานเปิดการแข่งขันยิงปืนการกุศลหารายได้ช่วยเหลือสโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน โดยมี นายวุฒิพงศ์ หัตถพรนายกสมาคมยิงปืนเขาช้าง นายฑีฆาวุฒิ บุนนาค เลขานุการสโมสรโรตารีพังงา นักกีฬายิงปืนและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายพรเทพ พัฒนพิชัย นายกสโมสรโรตารี่พังงา เปิดเผยว่า สโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน ได้รับการลงนามอนุมัติอย่างเป็นทางการในสารตราตั้ง โดยประธานโรตารี่สากล เมื่อปี พ.ศ.2553 และมีสโมสรโรตารี่พังงา เป็นสโมสรอุปถัมภ์ การจัดตั้งสโมสรอินเตอร์แรคท์นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเพิ่มความรู้ความสามารถ และพัฒนาศักยภาพของสมาชิกทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน โดยมีโครงการที่สำคัญคือ ค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ ค่ายอาสาพัฒนาชนบท และมีนโยบายเน้นในเรื่องของการศึกษาเป็นสำคัญ เพื่อมุ่งหวังสร้างโอกาสให้แก่เยาวชน ได้มีการพัฒนาฝึกฝนการเป็นผู้นำ และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมต่อไปในอนาคต ซึ่งในการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งนั้น จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ดังนั้นสโมสรโรตารีพังงาจึงต้องจัดกิจกรรมการกุศลเพื่อจัดหารายได้มาช่วยเหลือในการดำเนินกิจกรรมต่างๆให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อไป

ปภ.นครศรีฯ ขอความร่วมมือเลี่ยง หรือระมัดระวังในการเผาไร่ช่วงหน้าแล้ง

ปภ.นครศรีฯ ขอความร่วมมือเลี่ยง หรือระมัดระวังในการเผาไร่ช่วงหน้าแล้ง

นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมในการรับมือปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเตรียมรับภัยแล้งและไฟป่า ในทุกตำบล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมในเรื่องยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือในการช่วยเหลือ ขณะที่ทาง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เตรียมเครื่องสูบน้ำ ขนาด 15 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง และรถบรรทุกน้ำ จำนวน 50 คัน ซึ่งพร้อมให้การช่วยเหลือทันที แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีประชาชน หรือหน่วยงานใดร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งสามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 075 – 358 440 ตลอด 24 ชั่วโมง

หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า ได้ขอความร่วมมือเกษตรกรให้ใช้ความระมัดระวังในการเผาหญ้า เพื่อทำสวน ทำไร่ ในช่วงหน้าร้อน รวมถึงการเผาป่า เพื่อหาสัตว์ป่ามาขาย โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง เพราะเกรงเกิดไฟไหม้ป่า จากสภาพแห้งแล้ง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันและบรรเทาความเสียหายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทำการปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลออกจากป่าพรุ เพื่อหล่อเลี้ยงป่าพรุไว้ให้นานที่สุด

จ.นครศรีธรรมราช ดึงเยาวชนร่วมเป็นพลังแผ่นดิน ร่วมป้องกันยาเสพติด

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดค่ายเยาวชนนครศรี คนดีพลังแผ่นดิน เพื่อร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

วันนี้ (26 ก.พ.57) ที่ศูนย์บริการร่วมเพื่อการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดโครงการค่ายเยาวชนนครศรี คนดีพลังแผ่นดิน ซึ่งอำเภอปากพนังร่วมกับศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปากพนัง และสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดขึ้น เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ฝึกอาชีพ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ลดระดับปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่ให้หมดไปหรือลดน้อยลง โดยมีเยาวชนจากทุกตำบลของอำเภอปากพนังเข้าร่วมโครงการจำนวน 81 คน

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เยาวชนถือเป็นอนาคตที่สำคัญของประเทศชาติ หากเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายอื่น ๆ ก็จะทำให้อนาคตที่สดใสต้องดับวูบลง ดังนั้นสิ่งที่เยาวชนต้องเตรียมให้พร้อมมี 3 อย่าง คือ ความแข็งแรงของร่างกาย หาคำตอบได้จากหลักโภชนาการที่รับประทานเข้าไป ต้องเอาสิ่งที่ดีมีประโยชน์เข้าไปในร่างกาย เช่น อาหารการกิน อากาศ แต่หากเอาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น ยาเสพติด เหล้า บุหรี่ เข้าไปก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ ทรุดโทรม ด้านสติปัญญา ต้องรู้จักคิด ต้องคิดและจินตนาการในสิ่งที่ดี รู้จักควบคุมอารมณ์ ซึ่งหาคำตอบได้จากการเรียนทั้งในและนอกระบบ หรือเรียนรู้จากผู้อื่นที่มีประสบการณ์ และด้านจิตใจ ต้องมีจิตใจงดงาม คิดดีทำดี เมื่อร่างกายเรามีความเข้มแข็ง มีความรู้มีสติปัญญา ก็จะทำให้จิตใจของเรามีความเข้มแข็ง รู้จักผิดชอบ ชั่วดีด้วย ไม่คล้อยตามต่อสิ่งที่ยั่วยุต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ตัวเราไม่ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดและอบายมุขต่าง ๆ การจัดค่ายเยาวชนนครศรี คนดีพลังแผ่นดิน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้ร่วมคิดร่วมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชน สำหรับแนวทางในการปฏิบัติราชการของจังหวัดได้กำหนดวาระสร้างสรรค์เกี่ยวกับเยาวชนไว้ 2 ประการ คือ ประการแรก การสร้างอนาคตเยาวชนโดยยกระดับคุณภาพการศึกษา พัฒนาเด็กและเยาวชนสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และสร้างสรรค์อย่างแท้จริง และประการที่สองคือ การสร้างสังคมให้เข้มแข็ง โดยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่ออนาคตที่ดีต่อลูกหลานของเราในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน โดยการดำเนินงานตามนโยบายและวาระแห่งชาติของรัฐบาล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหาตามแนวทาง 3 มิติ คือ การป้องกัน การปราบปราม และการบำบัดรักษา 

ป.ป.ส.ภาค 8 จับมือ ศพส.จ.นครศรีธรรมราช ติวเข้มแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

ป.ป.ส.ภาค 8 จับมือ ศพส.จ.นครศรีธรรมราช ติวเข้มแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พื้นที่เป้าหมายเฝ้าระวังสูงสุด ตามแผนปฏิบัติการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน

วันนี้ (26 ก.พ.57) ที่ศาลาการเปรียญวัดมุขธารา ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการอบรมนำหมู่บ้าน/ชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พื้นที่เป้าหมายเฝ้าระวังสูงสุด ตามแผนปฏิบัติการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 8 ร่วมกับศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช(ศพส.จ.) และ ศพส.อ.เมืองนครศรีธรรมราช จัดขึ้น เพื่อยุติสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความสงบสุขของประชาชนและสังคมให้ได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องและยั่งยืน โดยให้พลังแผ่นดินทุกภาคส่วนของสังคมร่วมมือกันลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด จนไม่ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีแกนนำหมู่บ้านชุมชน จำนวน 3 แห่ง คือ คือ ชุมชนมะขามชุม เทศบาลนครศรีธรรมราช บ้านปากน้ำปากนคร หมู่ที่ 1 ต.ปากนคร และ บ้านนางพระยา หมู่ที่ 3 ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช จำนวน 60 คน เข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นพื้นที่เฝ้าระวังยาเสพติดสูงสุดตามแผนปฏิบัติการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืนของสำนักงานเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และได้กำหนดยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดเป็นแนวทางในการดำเนินงาน โดยสำนักงานเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ประกาศพื้นที่เฝ้าระวังยาเสพติดสูงสุด 16,408 ชุมชนทั่วประเทศ พร้อมจัดลำดับ 50 ชุมชนที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งในพื้นที่ภาค 8 มีจำนวน 5 ชุมชน โดยอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 3 ชุมชน และสุราษฎร์ธานี 2 ชุมชน โดยในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้แทน ป.ป.ส.ภาค 8 ร่วมกับ ศพส.จ. /ศพส.อ.เมืองนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตชด. ตำรวจภูธร อปท.เป็นต้น ได้แต่งตั้งคณะทำงานประสานการปฏิบัติพื้นที่ ชุดปฏิบัติการจิตวิทยามวลชน เพื่อออกปฏิบัติงานในพื้นที่เป้าหมาย 3 ชุมชน รวมทั้งการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พร้อมทั้งมีการค้นหาแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนเพื่อร่วมกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้าน/ชุมชนของตนเอง จึงได้มีการจัดอบรมแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดขึ้นใช้ระยะเวลา 2 วัน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา มีสถิติการจับกุมคดียาเสพติดรวมทั้งสิ้น 12,648 คดี ผู้ต้องหา 13,990 คน โดยเฉลี่ยในแต่ละเดือนมีการจับกุมคดียาเสพติด 1,054 คดี มีการนำผู้เสพเข้าสู่ระบบการบำบัดในทุกระบบรวม 14,429 คน ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนและต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

โรงพยาบาลตรัง ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มพูนทักษะด้านการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยการพูด อ่าน ฟัง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

 นายแพทย์ชัยยุทธ  ศักดิ์ศรชัย   ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง  เปิดเผยว่า     ด้วยกลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลตรัง จัดโครงการเพิ่มพูนทักษะด้านการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยการพูด อ่าน ฟัง     ระหว่างวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 -  วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2557 เวลา 18.30 -20.00 น. ณ ห้องประชุมเฟื่องฟ้า โรงพยาบาลตรัง จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 30 คน   รุ่นที่ 1 เฉพาะวันจันทร์และวันพุธ, รุ่นที่ 2 เฉพาะวันอังคารและวันพฤหัสบดี    

โรงพยาบาลตรังจึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลตรัง หมายเลขโทรศัพท์ 075-581563

จ.ตรังจัดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี 2557 ครั้งที่ 9

ที่โรงพลศึกษา สนามกีฬาเทศบาลนครตรังทุ่งแจ้ง ถนนตรัง-สิเกา นายอมรเศรษฐ์ สุวรรณมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดตรัง ประจำปี 2557 ครั้งที่ 9 โดยมี นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน รองประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง กล่าวรายงาน โดยการจัดงานในครั้งนี้เพื่อรำลึกถึงพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ผู้ทรงริเริ่มให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวนา เพราะข้าวเป็นสินค้าสำคัญของประเทศ แต่ขณะเดียวกันชาวนากลับมีหนี้สินมากมาย ทำนาได้ข้าวเท่าใดก็ต้องขายใช้หนี้เกือบหมด จนได้รับสมญานามว่า "พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย" และเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกได้ตระหนักถึงคุณค่า ศรัทธา และเชื่อมั่นในระบบสหกรณ์ นับตั้งแต่มีการตั้งสหกรณ์แห่งแรกขึ้นในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 จนถึงปัจจุบันนี้ ที่ครบรอบ 98 ปี สหกรณ์ได้พัฒนาและมีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์งานด้านการสหกรณ์ให้เผยแพร่สู่สาธารณชน อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยให้องค์กรสหกรณ์มีบทบาทในการช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ให้ตระหนักถึงความสำคัญของงานด้านการสหกรณ์ ช่วยให้สมาชิกสหกรณ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสอดคล้องกับแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมการวางดอกไม้เพื่อสักการะพระบิดาสหกรณ์ไทย กิจกรรมการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ เพื่อเชื่อมความสามัคคีและขวัญกำลังใจในการทำงานร่วมกันต่อไปตามอุดการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ ในการก้าวไปสู่จุดหมายการพัฒนาขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดตรัง ให้เกิดความเข้มแข็งเจริญก้าวหน้าต่อไป

คณะกรรมการศาลเจ้า ปุ่น เถ้า กง จังหวัดตรัง ร้องทุกข์ หลังเกิดปัญหาเจ้าของที่ดินปิดเส้นทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้า และการเจรจาไม่เป็นผล

(26 ก.พ.57)  ที่ศาลเจ้าปุ่นเถ้ากง วังตอ อ.เมืองตรัง นายมานิต วงษ์สุรีย์รัตน์ ประธานกรรมการศาลเจ้าปุ่น เถ้า กง เขตเทศบาลนครตรัง ถนนวังตอเลียบทางรถไฟ พร้อมด้วยประชาชนในเขตวังตอ ได้เข้าร้องกับผู้สื่อข่าวกรณีทางเข้าศาลเจ้าที่ถูกเจ้าของที่ดินเดิมปิดทาง เข้า ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อเจ้าของที่ดินได้ทำการก่อสร้างปิดเส้น ทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้า โดยนายมานิตย์ กล่าวว่า ศาลเจ้าปุ่น เถ้า กง นั้นถือเป็นศาลเจ้าแห่งแรกในจังหวัดตรัง ที่มีอายุในการจัดตั้งเป็นเวลา 143 ปี โดยได้ทำการขึ้นทะเบียนกับกรมการปกครอง ตั้งแต่ปี 2478 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 78 ปี และในสมัยนั้น เจ้าของที่ดินเดิมในเว้นที่ส่วนหนึ่งกว้างประมาณ 10 เมตร ไว้ให้เป็นทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้า ด้วยการก่อกำแพงกั้นอาณาเขต ระหว่างศาลเจ้ากับเจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งที่ผ่านมา ทั้งนี้พื้นที่อีกด้านของศาลเจ้าติดกับคลองน้ำเจ็ด และ ที่ดินป่ารกชันของกรมเจ้าท่า และเมื่อทำการขออนุญาตไปยังกรมเจ้าท่าแล้ว ทางกรมเจ้าท่าก็ไม่อนุญาตเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเจรจาพูดคุยเพื่อขอความเห็นใจกับเจ้าของที่ดิน ปัจจุบันถือเป็นทายาท รุ่นที่ 3 ซึ่งเจ้าของที่ดินอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของโฉนดที่ดินที่ถืออยู่ และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีคำตอบที่ชัดเจน โดยล่าสุดทางคณะกรรมการศาลเจ้าได้ประสานงานไปยังอำเภอเมืองตรัง ในฐานะผู้ดูแลตามกรมการปกครอง เพื่อจะมอบหมายในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยในช่วงนี้ได้ขอร้องให้เจ้าของที่ดินเดิม ระงับการก่อสร้างไว้ชั่วคราวก่อน เพื่อจะได้ร่วมกันหาทางออกต่อไป

ผู้ว่าฯชุมพร มอบเงินชวยเหลือ อส.ที่ประสบภัยน้ำท่วม

ผู้ว่าฯชุมพร มอบเงินให้กับ อส.เพื่อช่วยเหลือหลังประสบภัยน้ำท่วมบ้านพังเสียหาย เมือวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่

นายเลิศพรชัย ไชยฤทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายชัยธวัช ศิวบวร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร นำนายวิลาศ กุยุคำ นายนันทชัย ดวงสวัสดิ์ และนายภิญโญ นิสภา ซึ่งเป็นสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร เข้ารับมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยธรรมชาติ จำนวนรายละ 1 หมื่นบาท จากนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมกับการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน แก่เจ้าหน้าที่

โดยก่อนหน้าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าน้ำท่วมในพื้นที่ ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลวังไผ่ และอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดชุมพร ซึ่งมวลกระแสน้ำมีจำนวนมากและแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่ไม่สามารถขนย้ายสิ่งของหนีขึ้นที่สูงได้ทัน ทำให้จมน้ำเสียหายเป็นจำนวนมาก และบ้ายพักอาศัยของประชาชนบางหลังถูกน้ำป่าซัดพังเสียหาย เช่นเดียวกับนายวิลาศ กุยุคำ นายนันทชัย ดวงสวัสดิ์ และนายภิญโญ นิสภา ซึ่งประสบภัยถูกน้ำป่าไหลหลากซัดบ้านพังเสียหายบางส่วน โดยในช่วงเกิดเหตุ อส.ทั้งสาม ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม

ในโอกาสเดียวกันนายพีระศักดิ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ให้กล่าวให้กำลังใจและขอบใจในการปฏิบัติหน้าที่ในการเสียสละส่วนตนเพื่อช่วยเหลือ ผู้อื่น ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี ตามมีภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ การบริการประชาชน การปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ สนับสนุนฝ่ายปกครอง รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ