วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ก.แรงงาน ปลุกคนทำงาน ตั้งวงเสวนา ชี้คนไทยต้องปรับทัศนคติ เน้น ‘สู้งาน เพิ่มภาษา ไอที คิดต่าง มีวินัย’ พร้อมรองรับอาเซียน

กระทรวงแรงงาน ปลุกพลังคนทำงาน เตรียมความพร้อมประชาชนวัยแรงงานและผู้ประกอบการเข้าสู่อาเซียน ดึงภาคเอกชน นักวิชาการ นิสิต ร่วมวงเสวนา ตรวจความพร้อมคนทำงานกับอาเซียน ชี้ คนไทยต้องปรับทัศนคติ เน้น สู้งาน พัฒนาทักษะภาษา ไอที คิดต่าง รักษาระเบียบมีวินัย ปฏิรูประบบการศึกษา พร้อมรองรับประชาคมอาเซียน

นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อเตรียมความพร้อมประชาชนวัยแรงงานและผู้ประกอบการในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ณ ห้องประชุมจอมพล ป.พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า กระทรวงแรงงาน ได้ดำเนินภารกิจสำคัญหลายด้านเพื่อเตรียมความพร้อม คนทำงาน เข้าสู่ความเป็น คนทำงานของอาเซียนที่เพียบพร้อม อาทิ การอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายแรงงาน การพัฒนาระบบรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานรองรับประชาคมอาเซียน การเพิ่มผลิตภาพกำลังแรงงานไทยให้ได้มาตรฐานสมรรถนะด้านภาษาและวัฒนธรรม รวมทั้ง คอมพิวเตอร์ และการบริหารจัดการ การพัฒนาบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน การจัดตั้งศูนย์อบรมเทคโนโลยีชั้นสูง การปรับปรุงมาตรฐานอุตสาหกรรมของประเทศให้สอดคล้องกับการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมของกลุ่มประเทศอาเซียน ตลอดจนดูแลในเรื่องความมั่นคงและพัฒนาคุณภาพชีวิต ‘คนทำงาน’ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล อาทิ การเสริมสร้างระบบมาตรฐานแรงงานสู่ประชาคมอาเซียน เร่งรัดการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้างรองรับการเคลื่อนย้ายเสรีอาเซียน รวมทั้งพัฒนาบริการการประกันสังคมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยล่าสุดระหว่างวันที่ 8 - 9 กรกฎาคมนี้ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานได้จัดการประชุมระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งความคุ้มครองทางสังคมแก่ประชาคมอาเซียน

ด้าน นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารกลาง บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ปาฐกถาในหัวข้อ “คนทำงานปรับตัวอย่างไร ในมิติใหม่อาเซียน” กล่าวว่า กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนมีประชากรราว 600 ล้านคน การเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้วเชื่อว่าการเคลื่อนย้ายแรงงานจะเกิดขึ้นใน 7 วิชาชีพ การย้ายฐานการผลิตและการลงทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทันที ดังนั้นคนทำงานจะต้องปรับตัวเรื่องการพัฒนาทักษะทั้งด้านภาษา วัฒนธรรมและปรับเปลี่ยนวิธีคิดที่จะเปิดรับวิธีคิดแบบใหม่ๆ มากขึ้น บางบริบทต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างจริงจัง จริงใจเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ต้องทบทวนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอยู่สม่ำเสมอ เพราะเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแผนฯ ก็ต้องเปลี่ยนด้วย เราจึงต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา บางครั้งโครงสร้างองค์กรที่มีอยู่ไม่ได้รองรับได้ทุกสถานการณ์ ในขณะที่แผนพัฒนากำลังคนก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนคือทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด ทำอย่างไรจึงจะสร้างคนให้มีองค์ความรู้มากขึ้น และท้ายที่สุดเราจะแตกต่างจากประเทศอื่นๆ อย่างไรตรงนี้เป็นความท้าทาย หากพัฒนาและปรับตัวกับสิ่งเหล่านี้เชื่อว่าจะทำให้ขีดความสามารถของคนไทยดีขึ้นเมื่อเปิดประชาคมอาเซียน

สำหรับการเสวนาเรื่อง “คนทำงาน…พร้อมหรือยังกับอาเซียน” โดย นางนพวรรณ จุลกนิษฐ กรรมการผู้จัดการบริษัทจัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยค่อนข้างตื่นตัวพอสมควรในการหางานทำโดยอาศัยเทคโนโลยีกว่า 50 % อย่างสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต ในการศึกษาข้อมูลเพื่อหางานทำ ส่วนข้อแนะนำถ้าคนไทยอยากไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียน จะต้องเริ่มต้นจากการศึกษาหาข้อมูลว่าแต่ละประเทศมีความต้องการอาชีพใดบ้าง มีคุณสมบัติอย่างไร เพื่อผู้สมัครงานเองจะได้รู้ข้อมูลในการพัฒนาทักษะ ความรู้และประสบการณ์จากการฝึกงาน ขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้ภาษาโดยเฉพาะภาษาที่ 3 ที่นอกเหนือจากภาษาไทยและภาษาอังกฤษแล้ว จะทำให้มีโอกาสได้งานทำมากกว่า ขณะเดียวกันต้องทำความเข้าใจกับตลาดก่อนว่าตลาดงานมีทิศทางไหน เมื่อเราเรียนจบออกมาจึงตรงตามความต้องการของตลาดงาน ส่วนการเตรียมพร้อมเมื่อเปิดอาเซียนนั้น คนไทยต้องปรับตัวการในเรื่องไอที ภาษา การคิดที่แตกต่าง และระเบียบวินัยซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่วิธีการที่สำเร็จได้

ส่วน ดร.โชคชัย สุทธาเวศ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันในรั้วมหาวิทยาลัยนักศึกษายังไม่ตื่นตัวที่จะไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียน ส่วนใหญ่ต้องการศึกษาต่อระดับที่สูงขึ้น ขณะที่ระบบการศึกษาในปัจจุบันค่านิยมของคนไทยเข้าใจว่าการเรียนสูงๆ เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเองในการมีพื้นที่ยืนในสังคม นักศึกษาไปทุ่มเทกับการกวดวิชามากกว่าการตั้งใจเรียนในห้องเรียน และอาจารย์ก็ทุ่มเทกับการทำวิทยฐานะมากกว่าการสอน ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดอ่อน การเรียนในห้องเรียนจึงถูกมองข้ามไป ดังนั้นจำเป็นต้องปฏิรูประบบการศึกษาใหม่ ต้องเพิ่มจำนวนครูให้สามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง สมาคมผู้ปกครองและครูแต่ละโรงเรียนต้องเข้าไปตรวจสอบและประเมินคุณภาพของโรงเรียน ส่วนการเตรียมความพร้อมของคนไทยในการเปิดอาเซียนนั้น คนไทยต้องกล้าแสดงออก กล้าเรียนรู้ เผชิญกับโลกภายนอกมากขึ้น ดังนั้นความพร้อมขึ้นอยู่กับตัวเราเองทุกคนและสภาพแวดล้อมว่าจะส่งเสริมและเอื้ออำนวยระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมบนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน

ขณะที่ นายหริพันธ์ วงษ์สุวรรณ นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โดยส่วนตัวสำเร็จการศึกษาแล้วมีความคิดอยากไปทำงานต่างประเทศ แต่ยังขาดแรงจูงใจ เพราะในสายงานวิศวะต้องมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนอย่างน้อย 7 ปี จึงจะสามารถเข้าไปทำงานในอาเซียนได้ ดังนั้นมองว่าการหางานทำในประเทศไทยสบายใจกว่ากัน ส่วนสาเหตุที่คนไทยมีอัตราการจ้างงานสูง เนื่องจากนิสัยคนไทยไม่ขยันทำงาน มีการเปลี่ยนงานทำค่อนข้างบ่อย เพราะเลือกงานที่มุ่งเน้นความสะดวกสบายและรายได้สูง ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้วเราจำเป็นต้องขยับตัวเองให้สูงขึ้นกว่าเดิมหรือระดับที่เท่าเทียมกับประเทศอื่นๆ นอกจากนี้การปรับทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้วิธีคิดใหม่ว่าการไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียนไม่ได้เป็นสถานที่ที่น่าลำบาก เช่นเดียวกันการประชาสัมพันธ์เรื่องอาเซียนเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย หรือการเตรียมตัวอย่างไรเพื่อไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียน สิ่งเหล่านี้ยังไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร
----------------------------------------------------
ชนินทร เพ็ชรทับ ข่าว/
สมภพ ศีลบุตร – ภาพ/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น