วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สนง.เกษตรจังหวัดสงขลา ติดอาวุธทางปัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตแก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรระดับอำเภอในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ

วานนี้ (18 ก.พ. 57)  ที่โรงแรมวีว่า อ.เมือง จ.สงขลา นายพีระพันธ์ แสงใส เกษตรจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้แก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรระดับอำเภอ ระหว่างวันที่ 18 – 19 กุมภาพันธ์ 2557 เพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวและสนับสนุนให้พื้นที่คาบสมุทรสทิงพระเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของจังหวัดสงขลา เนื่องจากข้าวจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีพื้นที่ปลูกมากเป็นอันดับสอง รองจากยางพาราโดยมีเกษตรอำเภอและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรอำเภอที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรสทิงพระ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอระโนด อำเภอระโนด สทิงพระ สิงหนคร และกระแสสินธุ์ เข้าร่วมอมรบรวม 30 คน

นายพีระพันธ์ แสงใส เกษตรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปีการเพาะปลูกข้าวปี 2554/55 จังหวัดสงขลา มีครัวเรือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำนวน 24,010 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกรวม 233,882 ไร่ ผลผลิตรวม 182,866 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ยของจังหวัด 545 กิโลกรัม/ไร่ มูลค่าการผลิต 2,500 ล้านบาท พื้นที่ปลูกข้าวในคาบสมุทรสทิงพระ มีพื้นที่รวมกันกว่า 200,000 ไร่ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งจังหวัด เกษตรกรส่วนใหญ่ในคาบสมุทรสทิงพระมีอาชีพทำนาเป็นเป็นหลัก และมีการเลี้ยงปศุสัตว์ในครัวเรือน เช่น กระบือ แพะ แกะเพื่อเป็นรายได้เสริม พื้นที่ส่วนใหญ่จะทำนาได้เพียงปีละ 1 ครั้ง (นาปี) เนื่องจากประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ ยกเว้นอำเภอระโนดที่มีระบบชลประทานเต็มพื้นที่ จึงสามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง ทั้งนาปีและนาปรัง ปัญหาที่เกษตรกรได้รับอยู่ในขณะนี้คือ ปัญหาต้นทุนการผลิตสูง โดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมี เนื่องจากเกษตรกรยังใส่ปุ๋ยไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ มีการใช้เมล็ดพันธุ์ในอัตราที่สูง เกิดปัญหาโรคและแมลงระบาดได้ง่าย เนื่องจากข้าวมีความหนาแน่นมากเกินไป ทำให้ต้นทุนในการทำนาแต่ละครั้งสูงกว่ารายได้ที่ขายผลผลิตข้าว

จากปัญหาดังกล่าว สำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลาจึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระเพิ่มผลผลิตข้าวให้สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ต่ำลง มีการทำนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ในรูปแบบโครงการ 1 ไร่ 1 แสน โดยลดต้นทุนในเรื่องของการใช้ปุ๋ยเคมี โดยให้เกษตรกรใส่ปุ๋ยเคมีตามศักยภาพของชุดดินและค่าวิเคราะห์ดิน เกษตรกรจะต้องเก็บดินให้เจ้าหน้าที่พัฒนาที่ดินวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน เพื่อผสมปุ๋ยจากแม่ปุ๋ยไว้ใช้เอง (ปุ๋ยสั่งตัด) ส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยอินทรีย์ ปรับปรุงบำรุงดิน สนับสนุนให้เกษตรกรใช้วิธีการทำนาแบบโยนกล้าแทนการหว่าน เพื่อลดอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์และลดปัญหาการระบาดของโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตา



สุรัถยา อนุรักษ์ ภาพ // ข่าว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น