คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตเห็นว่า มหาวิทยาลัยและโรงเรียนในพื้นที่ ควรมีส่วนร่วมการสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
นายมานพ ชาชิโย คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกประกาศคุรุสภาฉบับใหม่ บังคับบัณฑิตครูต้องสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูไม่มีการได้รับโดยอัตโนมัติ โดยจะเริ่มใช้กับนักศึกษาใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 เป็นต้นไปว่า ตามมาตรฐานใหม่นี้ เมื่อนักศึกษาสำเร็จการศึกษาแล้ว ก็ต้องสอบ อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนี้ แนวทางการสอบนั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกันว่า จะเป็นไปในลักษณะใดชัดเจน แต่มีความเห็นว่า ควรที่จะสอบสมรรถนะครู เช่นการสอน ที่จะสามารถเอาไปใช้ได้จริง แต่ ไม่ใช่การสอบความรู้หรือ เป็นการสอบข้อเขียนเพียงอย่างเดียว ตลอดจนเป็นการสอบตกหรือสอบผ่านครั้งเดียว และ ใช้ไปอีก 5 ปี ไม่น่าจะถูกต้องนัก เพราะครูไปทำหน้าที่สอนเป็นหลัก และความรู้ในวิชาต่างๆนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่ต้องมีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวด้วยว่าการสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ควรที่จะให้มหาวิทยาลัยต้นสังกัดนักศึกษาที่เกี่ยวข้อง และโรงเรียนหรือสถานศึกษาในพื้นที่เข้ามาร่วมด้วย ทั้งกรณีการออกข้อสอบ การวัดผล เพราะ ทางคุรุสภานั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่มีอะไร รองรับ สำหรับผู้ที่จะต้องสอบกันทั้งประเทศ และเฉพาะนักศึกษา ที่อยู่ในระบบของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มีประมาณ 2,000 คน อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2557 นี้เป็นต้นไป จะพิจารณารับนักศึกษาสายครุศาสตร์ลดลง โดย เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุม ในเรื่องนี้ ที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่29 มกราคมนี้และสถาบันการศึกษาอุดมศึกษา ที่ผลิตบัณฑิตด้านนี้ ทั่วประเทศ จะต้องดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลจาก สปฐ. ที่ใช้บุคลากรครู เป็นหลักทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา นั้น ต้องการใช้ ปีละประมาณ 20,000 กว่าคนแต่ทุกสถาบันการศึกษาผลิตบัณฑิต ครู ได้มากถึง 30,000 กว่าคนทีเดียว ดังนั้น ในเวลานี้จึงมีแนวทางในการผลิตบัณฑิตด้านอื่น เช่น ในสายภาษาต่างประเทศ รวมทั้งสายวิทยาศาสตร์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น