วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมติดตามการเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงงานโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

วันนี้(21 พ.ค.57) ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมติดตามการเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงงานโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระหว่างวันที่ 26 – 27 มิถุนายน 2557 โดยมีว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสายเมือง วิรยศิริ ที่ปรึกษาศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระหว่างวันที่ 26 – 27 มิถุนายน 2557 โดยมีการเตรียมพื้นที่เสด็จทรงงานหลัก 3 จุด คือ พื้นที่นาข้าว นากุ้ง และป่าจาก ซึ่งเป็นการอยู่ร่วมกันของราษฎรในพื้นที่นิเวศน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ตามปฏิญญาขนาบนาก ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง พื้นที่ส่งเสริมการผลิตข้าวครบวงจรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังตามแนวพระราชดำริ บ้านอ่าวตะเคียน หมู่ที่ 7 ต.ชะเมา อ.ปากพนัง พื้นที่ป่าพรุเสม็ดขาว หมู่ที่ 11 ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ ซึ่งจากการติดตามการเตรียมการของศูนย์อำนวยการฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องค่อนข้างจะสมบูรณ์แล้วว่าแต่ละจุดจะมีการนำเสนออะไรบ้าง เช่น ปฏิญญาขนาบนาก ก่อนจะมีโครงการพระราชดำริน้ำเค็มรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่น้ำจืด จนทำการเกษตรไม่ได้ พื้นที่ได้รับความเสียหาย แต่หลังจากมีโครงการพระราชดำริ มีประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ที่ปากพนังแล้วมีการแบ่งพื้นที่น้ำเค็ม น้ำกร่อย น้ำจืดอย่างชัดเจน มีการบริหารจัดการน้ำให้อยู่ร่วมกันได้ จนสามารถประกอบอาชีพได้ และราษฎรไม่มีความขัดแย้งกัน สอดคล้องกับศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอ่าวตะเคียน เมื่อก่อนเป็นพื้นที่ที่ปลูกข้าวไม่ได้เนื่องจากน้ำเค็มรุกล้ำไปถึง หรือถ้าปลูกได้ก็ปีละครั้งเดียว ผลผลิตที่ได้น้อย แต่ปัจจุบันประสบความสำเร็จสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง และเพาะปลูกเป็นเมล็ดพันธุ์ขายได้ราคาดี ส่วนในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ซึ่งเป็นการสนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการให้พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังกลับมาเป็นอู่ข้าวอู่น้ำเหมือนในอดีต

จากนั้นปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรวิสาหกจิชุมชนข้าวซ้อมมือบ้านเพิง หมู่ที่ 4 ต.บ้านเพิง อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง “ข้าวยาโค” ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพดินเปรี้ยวและน้ำกร่อย ให้ผลผลิตไร่ละ 300-400 กิโลกรัม ซึ่งศูนย์วิจัยข้าวนครศรีธรรมราช ได้เข้าไปส่งเสริมการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์และขยายพื้นที่ปลูกให้มากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น