นายประสพ พรหมมา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ เปิดเผยว่า ปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งมีฐานปฏิบัติการ 3 แห่ง คือ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สามารถเพิ่มปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ต่าง ๆ ได้เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะฐานปฏิบัติการฝนหลวง จ.สงขลา สามารถบินปฏิบัติการทำฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำในป่าพรุโต๊ะแดงให้มีระดับสูงขึ้นขึ้น สามารถป้องกันไฟป่าและรักษาระบบนิเวศน์ป่าพรุให้พ้นภาวะวิกฤติได้ ประกอบกับขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้จึงได้ย้ายฐานปฏิบัติการฝนหลวงสงขลาไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยตั้งฐานปฏิบัติการ ณ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป เพื่อบินปฏิบัติการทำฝนหลวงในเขตพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากปัจจุบันยังมีปริมาณน้ำฝนที่ยังไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร และน้ำต้นทุนในแหล่งกักเก็บน้ำยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาสภาพอากาศที่แห้งแล้งและร้อนจัด โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง และพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง จึงเป็นเป้าหมายหลักสำคัญในการเพิ่มปริมาณน้ำในป่าพรุให้เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและรักษาระบบนิเวศน์ป่าพรุ และป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง
ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ กล่าวว่า ฐานปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครศรีธรรมราช มีเครื่องบินแบบกาซ่า จำนวน 2 ลำ สามารถบรรทุกสารเคมีขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงได้ลำละ 1 ตันต่อเที่ยว ซึ่งสภาพอากาศในขณะนี้มีความเหมาะสมในการปฏิบัติการทำฝนหลวง ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นไป จนถึงกลางเดือนสิงหาคม 2557 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ด้วยว่ามีมากน้อยเพียงใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น