วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

ผลกระทบจากการชุมนุมประท้วงการดำเนินคดีรุมโทรมหญิงท้องของตำรวจภูเก็ต

  (ลำดับที่ 1)

ชาวบ้านปิดถนนเรียกร้องตำรวจนำ 2 โจ๋ชิงทรัพย์ – ข่มขืนสาวท้อง5เดือนทำแผนพร้อมให้ขอโทษผู้เสียหาย ชาวบ้านไม่พอใจเรียกร้องตำรวจท่าฉัตรไชยนำตัวโจ๋พี่น้องฝาแฝดวัย 17 ปี ก่อคดีชิงทรัพย์-ข่มขืนสาวท้อง 5 เดือน ทำแผน - ขอโทษผู้เสียหาย รวมตัวปิดถนนเทพกระษัตรีทั้งขาเข้า –ขาออกบริเวณปากทางเข้าวัดไม้ขาวแล้ว ทำรถติดเป็นทางยาว ขณะที่ตำรวจขอฝากขังที่ศาลเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ต พร้อมนำตัวส่งควบคุมที่สถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชนภูเก็ต

สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนนาย A และนาย B สองพี่น้องฝาแฝดที่ก่อเหตุรุมข่มขืน และชิงทรัพย์สาวท้อง 5 เดือน ที่บริเวณถนนสายบ้านหมากปรก – บ้านไม้ขาว ต.ไม้ขาว หมู่ที่ 1 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ จ.13/2557 และ จ.14/2557 ลงวันที่ 22 เม.ย. 2557 ในฐานความผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันเป็นลักษณะโทรมหญิง ร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ล่าสุดเมื่อเวลา 11 .00 น.วันที่ 23 เม.ย.57 บริเวณจุดที่เกิดเหตุคนร้ายชิงทรัพย์และข่มขืนผู้เสียหาย ได้มีประชาชนจำนวนมากที่ทราบข่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งหลังจากที่ชาวบ้านรอเป็นเวลานานแต่ทางตำรวจยังไม่นำตัวมาผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาทำแผนแต่อย่างใดทำให้ชาวบ้านพอใจและรวมตัวกันปิดถนนในบริเวณที่เกิดเหตุ จนกระทั่งเวลา 16 .00 น.ชาวบ้านได้รวมตัวกันและย้ายมาปิดถนนสายหลักเส้นเทพกระษัตรีทั้งขาเข้าและขาออกที่บริเวณหน้าทางเข้าวันไม้ขาว อ.ถลางจ.ภูเก็ต เพื่อเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนและขอโทษผู้เสียหายรวมทั้งญาติของผู้เสียหาย ทำให้รถที่จะสัญญาไปมาในเส้นทางดังกล่าวไม่สามารถเคลื่อนตัวได้

(ลำดับที่ 2)

ชาวบ้านยังปิดถนนทั้งขาเข้า –ขาออก จี้ตร.ขอโทษจับผิดตัว ชาวบ้านยังไม่ยอมเปิดถนนเทพกระษัตรีทั้งขาเข้า – ขาออก ภูเก็ต เรียกร้องตำรวจท่าฉัตรไชยนำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นำตัววัยรุ่นในพื้นที่ไม้ขาวไปสอบสวนสงสัยเป็นคนร้าย ก่อนที่จะจับกุมผู้ต้องหาตัวจริงได้ ขณะที่ในส่วนของญาติผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายชิงทรัพย์ –ข่มขืนยังอยู่ในพื้นที่

สำหรับความคืบหน้ากรณีชาวบ้านปิดถนนเทพกระเทพกระษัตรี บริเวณสามแยกทางหมู่บ้านวัดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ทั้งขาเข้า – ขาออก เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ และข่มขืน สาวท้อง 5เดือน มาทำแผนและมาขอโทษผู้เสียหาย รวมทั้งกลุ่มชาวบ้านได้เรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่าฉัตรไชย นำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมตัววัยรุ่นในพื้นที่จำนวน 3 คนไปสอบสวน เนื่องจากสงสัยว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว ก่อนที่จะติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุจริงๆมาดำเนินคดีในภายหลัง ซึ่งขณะนี้การปิดถนนดังกล่าวได้ยืดเยื้อมานานกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว และสถานการณ์การปิดถนนยังตึงเครียด อย่างไรก็ตามขณะนี้พ.ต.อ.พีรยุทธ การเจดีย์ พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผู้บังคับการคำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.สมชาย สรรประเสริฐ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ แต่ไม่เป็นผล กลุ่มผู้ชุมนุมยังยืนยันที่จะปิดถนนต่อไปจนกว่าจะมีการนำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ท่าฉัตรไชย จำนวน 4 คน ที่ควบคุมตัวเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ไปสอบสวนทั้งๆที่ไม่ใช่คนร้าย มาขอโทษกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกควบคุมตัวไป และเรียกร้องร้องให้ย้ายตำรวจทั้ง 4 คน ออกจากพื้นที่ทันที

สำหรับข้อเรียนร้องของชาวบ้านดังกล่าวทางตำรวจได้รับปากที่จะดำเนินการ แต่จนถึงขณะนี้เวลา20.00 น.ยังไม่มีการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย เข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามสำหรับการปิดถนนดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องเดินทางไปยังสนามบิน ไม่สามารถที่จะเดินทางไปได้ ซึ่งบางส่วนได้ลงจากรถเดินผ่านกลุ่มชุมนุมเพื่อไปขึ้นรถที่ทางบริษัทจัดหามารับ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมากที่ยังต้องรออยู่ ซึ่งรวมถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องการใช้เส้นทางดังกล่าวในการสัญจรไปมา ที่รถต้องจอดติดอยู่กับที่เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว

(ลำดับที่ 3)

ชาวบ้านยอมเปิดถนนทั้งขาเข้า-ขาออกแล้วหลังปิดถนนนานกว่า 7ชั่วโมง.หลังผู้ว่าฯภูเก็ตเข้าเจรจายอมรับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมให้ย้ายตำรวจ 4 นายออกจากพื้นที่ทันที สำหรับความคืบหน้ากรณีชาวบ้านปิดถนนเทพกระษัตรีทั้งขาเข้าและขาออกจังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้การจราจรเข้าออกยังไม่สามารถสัญจรไปมา ได้ ล่าสุดเมื่อเวลา 23.15 น. ของวันที่ 23 เม.ย.57 สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้วเมื่อ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ. พีระยุทธ การะเจดีย์ พ.ต.อ. ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ. สมชาย สรรประเสริฐ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมเจรจากับ ญาติของวัยรุ่นที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบปากคำ เนื่องจากสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีชิงทรัพย์ และข่มขืนสาวท้อง 5 เดือน ซึ่งเป็นการเชิญไปสอบผิดตัว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจออกมารวมตัวปิดถนนดังกล่าว

อย่างไรก็ตามการเจราจาในครั้งนี้ ซึ่งมีนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ใช้เวลาในการพูดคุยนานประมาณ ครึ่งชั่วโมง ได้ข้อสรุปดังนี้คือทางผู้ว่ารับปากที่จะดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 3 คน รวมทั้งดูแลความปลอดภัยบ้านพ่อ แม่ และญาติที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ที่เกี่ยวข้องในการคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นไปสอบสวนนั้น ในเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ย้ายออกนอกพื้นที่แล้วซึ่งมีผลทันที นอกจากนั้นจะมีการเรียกตัวมาสอบสวนและขอโทษผู้เสียหายทั้งหมด รวมทั้งจะให้ อส.เข้ามาดูแลอีกส่วนหนึ่งจนเกิดความมั่นใจในการดำรงชีวิตของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 3 คน นายไมตรี กล่าวอีกว่า อยากวิงวอนให้ทุกคนเห็นใจซึ่งกันและกัน และเปิดเส้นทางเข้าออกเพื่อให้รถสามารถสัญจรไปมาได้ ตนเองพร้อมที่จะขอโทษพ่อแม่ของวัยรุ่นทั้ง 3 คนที่มีเรื่องเกิดขึ้น และพร้อมที่จะกำกับดูแลการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก หลังการเจรจาจบชาวบ้านยอมเปิดถนนหลังจากที่ปิดมานานกว่า 7 ชั่วโมงทำให้รถติดยาวเหยียดประมาณ 10 กิโลเมตรทั้งขาเข้าและขาออกจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงจะเคลียรถได้ทั้งหมดจากนั้นผู้ว่าราชการได้เดินทางไปยังบ้านของพ่อแม่ วัยรุ่นที่ถูกคุมตัวไปสอบสวน เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามขณะที่กลุ่มชาวบ้านกำลังช่วยกันรื้อสิ่งกีดขวางที่วางกั้นถนนไว้นั้นได้มีเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นเมื่อมีวัยรุ่นชายไม่ทราบชื่อใช้มือถือถ่ายภาพกลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมปิดถนนทำให้มีปากเสียงกันจนกลุ่มวัยรุ่นที่ปิดถนนรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งกันตัวออกนอกพื้นที่ทันที

(ลำดับที่ 4)

ตำรวจนำสองผู้ต้องหาข่มขืนสาวท้องส่งเข้าสถานพินิจแล้วขณะแม่ผู้เสียหายยืนยันจะไปหาเพื่อต้องการให้ออกมาขอโทษและจะดำเนินคคีให้ถึงที่สุดส่วนมตราการเยียวยาผู้เสียหน่อยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายเอ และนายบี สองพี่น้องฝาแฝดที่ก่อเหตุรุมข่มขืน และชิงทรัพย์สาวท้อง 5 เดือน ที่บริเวณถนนสายบ้านหมากปรก-บ้านไม้ขาว ต.ไม้ขาว หมู่ที่ 1 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ จ.13/2557 และ จ.14/2557 ลงวันที่ 22 เม.ย.2557 ในฐานความผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันเป็นลักษณะโทรมหญิง ร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัสโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม

ล่าสุดทาง พ.ต.อ. สมชาย สรรประเสริฐ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย เปิดเผย พนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปยืนขอฝากขังที่ศาลเด็กและเยาวชนจังหวัดภูเก็ต และ ซึ่งศาลได้รับคำร้องและส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปควบคุมที่สถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชนภูเก็ต แล้ว ซึ่งการสอบปากคำหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเพราะผู้ต้องหายังเป็นเยาวชน ทางตำรวจไม่สามารถสอบปากคำได้ฝ่ายเดียว แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไว้แล้ว ส่วนผู้เสียหายนั้นทางพนักงานสอบสวนได้เข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติม และแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมคนที่ก่อเหตุได้แล้ว ซึ่งในส่วนของผู้เสียหายนั้นยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดต่อไป ในส่วนของการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องนั้นผู้กำกับท่าฉัตรไชยเปิดเผยว่าไม่สามารถนำตัวออกมาได้แล้วเพราะตอนนี้ผู้ต้องหาอยู่ในความดูแลของสถานพินิจหากจะนำตัวออกมาต้องขออนุญาตศาลฯและจากการสอบถามไปยังมารดาผู้เสียหายยังยืนยันว่าต้องการเจอหน้าสองผู้ต้องหาดังกล่าวแต่จะรอให้ผู้เสียหายคือลูกสาวออกจากโรงพยาบาลก่อนจึงจะเดินทางไปสถานพินิจเพื่อดูตัวผู้ต้องหาและให้ผู้ต้องหาออกมากราบขอโทษในสิ่งที่ทำลงไปกับผู้เสียหายส่วนคดีความนั้นจะดำเนินการตามกฏหมายให้ถึงที่สุด

นายณรงค์ศักดิ์ อิ่มด้วง นักวิชาการอบรมและฝึกอาชีพชำนาญการพิเศษ สถานพินิจฯ กล่าวว่า ในส่วนของเยาวชน 2 คนที่ถูกดำเนินคดีนั้น ทางสถานพินิจฯ จะทำการบำบัดโดยทีมนักวิชาชีพ ประกอบด้วย นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล นักวิชาการอบรมและฝึกอาชีพ ให้ดูแลปรับตัวหลังจากนั้นจะทำการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู เตรียมพร้อม ก่อนพิจารณาคดีของศาลจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา โดยเป็นการควบคุมตัวตามอำนาจศาล พรบ.ศาลเยาวชนและครอบครัว ปี 2553

นางนริศา ปานสะอาด หัวหน้าสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าในส่วนของสำนักงานฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยกับผู้เสียหายเพื่อให้ยื่นคำร้องรับเงินค่าเสียหายตาม พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา 2544 ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น