วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

เลขาธิการ ศอ.บต.ย้ำหัวใจของการเยียวยาคือการเยียวจิตใจให้ผู้ได้รับผลกระทบฯ เข้มแข็งและอยู่ในสังคมได้ด้วยตนเองอย่างมีความสุข

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 (เวลา 16.30 น.) ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร อเนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง  เลขาธิการ ศอ.บต. พบปะพูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในกรณีเหตุการณ์ตากใบ เหตุการณ์สะบ้าย้อย (จังหวัดสงขลา) เหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ ( จังหวัดปัตตานี) และเหตุการณ์ไอปาแย (จังหวัดนราธิวาส) โดยมีว่าที่ร้อยตรี เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปิยะ กิจถาวร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พันตำรวจโทยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี ผู้อำนวยการสำนัก/กอง ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ได้รับผลกระทบกว่า 200 คน พร้อมมอบผ้าปูละหมาดและมอบจักรยานให้แก่ทายาทผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง  เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า มีรุ่นน้องท่านหนึ่งได้ถูกจับไปอยู่เรือนจำและตอนนี้รุ่นน้องท่านนี้ ได้รับการประกันตัว และได้เสียชีวิต ซึ่งก็อาจจะมีสถานะเหมือนหลายท่านที่นั่งอยู่ในที่แห่งนี้ และก่อนที่ท่านจะถูกควบคุมตัว ท่านได้เขียนจดหมายฝากมาให้เป็นลายมือ เขียนสะท้อนมาออกมา จึงนำบางช่วงบางตอนมาอ่านให้ฟัง ซึ่งน่าจะสะท้อนความรู้สึกแต่ละครอบครัวได้ มีข้อความว่า “เพราะผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน จึงรู้ว่าความยากลำบากเป็นเช่นไร เพราะผมเคยอด จึงรู้ว่าความหิวโหยเป็นเช่นไร และรู้คุณค่าของอาหาร น้ำทุกหยด ข้าวทุกเม็ด เพราะผมเคยป่วย จึงรู้ว่าความเจ็บป่วยคืออะไร และรู้คุณค่าของสุขภาพที่ดี เพราะผมติดคุก จึงรู้ว่าชีวิตคืออะไร และรู้คุณค่าของเสรีภาพ” ซึ่งต่อมาในปี 2550 ท่านได้เสียชีวิต ในรอบสามปีที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนได้มีความเข้าใจในวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของพื้นที่ ทุกภาคส่วนได้ให้การเคารพในความแตกต่างทางวัฒนธรรม และคิดว่าการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างเป็นสิ่งที่สวยงาม และเป็นสิ่งที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราได้ให้การส่งเสริม สนับสนุนทางด้านอัตลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาษามลายูหรือกิจกรรมที่เป็นวิถีชีวิตของพี่น้องในพื้นที่

ทางด้านพลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล แห่งสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การเยียวยาเป็นส่วนหนึ่งของจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะการจัดการปัญหาต้องเริ่มด้วยการค้นหาความจริงว่าใครโดนเรื่องอะไร และดำเนินคดีไปตามกฎหมาย การเยียวยาในพื้นที่ภาคใต้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการเยียวยาในปัจจุบันที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้จัดขึ้น เป็นสิ่งที่ดีมากสิ่งหนึ่งที่ได้เห็น คือการได้นำเอาคนที่สูญเสียไม่ว่าจะเป็น คนที่สูญเสียสามี สูญเสียลูก ที่ได้ฟื้นกลับมาเข้มแข็งอักครั้ง แล้วนำคนเหล่านี้มาดูแลเยียวยาผู้ที่สูญเสียด้วยกัน ทำให้ทราบถึงสถาพจิตใจ ความต้องการ การเยียวยาจิตใจไม่ใช่แต่เพียงจะให้เงิน การให้เงินเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะการเยียวยาจิตใจที่มันร้าวลึกนั้นต้องใช้เวลา การที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดกิจกรรมแบบนี้ขึ้นมาถือเป็นสิ่งที่ดีและจะต้องจัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คนที่สูญเสียได้มีโอกาสฟื้นกลับคืนมาเป็นคนที่ดีของสังคม จากคนที่เคยได้รับการเยียวยาก็สามารถพลิกฟื้นกลับมาเป็นคนที่ให้การเยียวยาคนอื่น ๆ เป็นการต่อยอดความคิด ความรู้ในเรื่องของการเยียวยาที่ดี การเยียวยาลักษณะแบบนี้ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น เราเพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นเมื่อปีสองปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่เป็นกังวลในขณะนี้ คือกระบวนเหล่านี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ต้องส่งต่อองค์ความรู้และมีการสานต่อ หากหยุดไปจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เยียวยาได้ เช่นเดียวกับยุทธศาสตร์ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเรื่องการเยียวยาต้องทำอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือคณะผู้บริหารของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากจะให้คงยุทธศาสตร์นี้เอาไว้ เพราะเป็นการเข้าถึงประสิทธิภาพของการเยียวยาอย่างแท้จริง



สำนักสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต. ข่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น