วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557

ภูเก็ต เร่งแก้ปัญหาการปิดถนนประท้วงส่งผลกระทบท่องเที่ยว

พ่อเมืองภูเก็ตดึงทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาการปิดถนนประท้วงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเมืองท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 เม.ย. 57  ที่ห้องประชุมศาลากลางภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมหารือวาระยามเช้า โดยมี ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ และนายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภุเก็ต นายสรธรรม จินดา รองนายก อบจ. ภูเก็ต พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม

กรณีปัญหาการปิดถนนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเกิดขึ้นถึง 2 แห่ง โดยที่แรกที่บ้านหมากปรก ต. ไม้ขาว อ. ถลาง และครั้งที่ 2 ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต. วิชิต อ. เมืองภูเก็ต ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้ถนนสัญจรไปมา

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้ง 2 แห่ง หัวหน้าส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้กระทบกับการท่องเที่ยวน้อยที่สุด โดยในส่วนของการแก้ปัญหาถนนทางโค้งเจ้าฟ้าตะวันตกมอบให้แขวงการทางภูเก็ต ร่วมกับเทศบาลตำบลวิชิตเข้าไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน ขณะที่การปิดถนนบ้านหมากปรกในวันที่ 30 เม.ย. 57  เวลา 19.00 น. ที่มัสยิดบ้านหมากปรก ผวจ.ภูเก็ตจะนำส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ภาคประชาชน มาหารือทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก

เรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค 26 เรื่อง ได้ข้อยุติ 5 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นคดีซื้อขายที่ดินและบ้านจัดสรร

ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต แจงรอบ 7 เดือนมีเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค 26 เรื่อง ได้ข้อยุติ 5 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นคดีซื้อขายที่ดินและบ้านจัดสรร

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2557 โดยมีนายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายเกรียงศักดิ์ สุขสมบูรณ์ ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

สำหรับการประชุมครั้งนี้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนมายังคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 7 เรื่อง ได้ข้อยุติ 1 เรื่อง และส่ง สคบ. กลางพิจารณา 6 เรื่อง  ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 จนถึงวันที่ 29 เมษายน 2557 คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคทั้งหมด จำนวน 26 เรื่อง อยู่ระหว่างการดำเนินการ 21 เรื่อง ดำเนินการได้ข้อยุติ จำนวน 5 เรื่อง แยกเป็นเรื่องของ การไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา 13 เรื่อง ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า จำนวน 11 เรื่องและไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโฆษณา จำนวน 2 เรื่อง รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ผู้บริโภค จำนวน 10 ราย ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคดีที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน บ้านจัดสรร คอนโนมิเนียม เป็นต้น

อย่างไรก็ตามจากเรื่องร้องเรียนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทางคณะกรรมการได้มีการดำเนินการทุกเรื่อง โดยเชิญผู้ร้อง ผู้ถูกร้องมาพูดคุยกันเพื่อหาข้อสรุป และหลาย ๆ เรื่องสามารถตกลงกันได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนเรื่องที่ไม่สามารถตกลงกันได้ก็ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

นับถอยหลัง 200 วัน สู่การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่ จ.ภูเก็ต

พิธีนับถอยหลัง 200 วัน สู่การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-23 พ.ย. 2557 ที่จะถึงนี้ เริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางชาวภูเก็ตและ นักท่องเที่ยวแห่ร่วมพิธีอย่างคับคั่ง.. เมื่อเวลา 18.00 น. เมื่อวันที่ 28 เม.ย.57 ที่ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการ โอลิมปิคแห่งประเทศไทย ฮุสเซน อัลมูซาลาม ผู้แทนจากสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) และนายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมพิธีนับถอยหลัง 200 วัน การแข่งขันเอเชี่ยนบีชเกมส์ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 14-23 พ.ย. ที่ จ.ภูเก็ต

สำหรับบรรยากาศในการนับถอยหลังเป็นไปอย่างอย่างยิ่งใหญ่ สนุกสนานและครึกครื้น โดยงานเคาท์ดาวน์ ครั้งนี้มีประชาชนชาวภูเก็ตให้ความสนใจเข้าร่วมในพิธีจำนวนมาก ทั้งนี้ เพื่อร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์การแข่งขันบีชเกมส์ครั้งที่ 4 ให้ชาวภูเก็ตเกิดความตื่นตัวให้มากขึ้น
นายกนกพันธุ์ กล่าวว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรหลักในการดำเนินการจัดการแข่งขัน
ขอให้คำมั่นในการทำงานและประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการแข่งขันเอเชี่ยนบีชเกมส์ประสบความสำเร็จ โดยครั้งนี้มีการจัดแข่ง 26 ชนิดกีฬา ใน 6 สนามแข่งขัน มีประเทศที่เข้าร่วม 45 ประเทศ และนอกจากการเป็นเจ้าภาพจัดเอเชี่ยนบีชเกมส์ เรายังได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสามัญประจำปี สมาคมคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 5-8 พ.ย. 2557 ก่อนการแข่งขันเอเชี่ยนบีชเกมส์ 1 สัปดาห์

ด้านนายฮุสเซน อัลมูซาลาม ผู้แทนจากสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) กล่าว ครั้งนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติจากโอซีเอให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ทั้งนี้ เชื่อว่าด้วยความพยายามและประสบการณ์ของประเทศไทย จะสามารถประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ จากวันนี้เหลือเวลาเพียง 200 วัน

คณะกรรมการจัดการแข่งขัน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เตรียมจัดการแข่งขันเป็นอย่างดี
ขณะที่นายไมตรี กล่าวถึงพิธีนับถอยหลัง 200 วัน การแข่งขันเอเชี่ยนบีชเกมส์ครั้งที่ 4 ว่า จังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมที่จะจัดการแข่งขันในครั้งนี้ โดยให้คำมั่นว่าจะทำอย่างดีที่สุด จะเป็นเจ้าภาพที่จะสร้างประสบการณ์อันประทับใจแก่ทุกคน ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตเองนั้น จัดเตรียมเจ้าหน้าที่อาสมัครที่จะเข้ามาช่วยงานจำนวน 3,000 คน ซึ่งเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต และมหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นอกจากนี้ จะจัดตั้งปฏิบัติงานที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และในส่วนของการบริการด้านการคมนาคมขนส่ง ทางจังหวัดภูเก็ตมีการเตรียมรถที่จะให้บริการ ทั้ง รถบัส รถยนต์ ไว้แล้วบางส่วน

แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในพื้นที่ซอยพะเนียง

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะลงพื้นที่ซอยพะเนียง อำเภอเมืองภูเก็ตจัดเวทีประชาคมร่วมกับเทศบาลตำบลรัษฎาและชาวบ้านผู้มีส่วนได้เสีย ในพื้นที่ เพื่อติดตามรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในพื้นที่

เมื่อช่วงค่ำวันที่  26 เม.ย.57   ที่บริเวณศาลเจ้าจ้อซูก๊ง ซอยพะเนียง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายภูดิท รักษาราษฎร์ นายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ซอยพะเนียง อำเภอเมืองภูเก็ต จัดเวทีประชาคมร่วมกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในซอยพะเนียง เพื่อร่วมพูดคุยหารือตลอดจนหาทางออกในการแก้ปัญหาน้ำเสียจากซอยพะเนียงลงสู่คลองบางใหญ่โดยข้อสรุปที่ได้จากการหารือในเวทีประชาคมและนำไปสู่การบำบัดน้ำเสียใน 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 มาตรการเร่งด่วนจัดทำโดยทันทีดำเนินการเติมน้ำ EM และโยน EM Ball , สูบน้ำเสียปล่อยทิ้งในพื้นที่ว่าง และนำน้ำดีเติมเข้าไป แทนที่เพื่อเจือจางและทดลองเติมโอโซนเพื่อเพิ่มอ๊อกซิเจนในน้ำ ซึ่งจะสามารถเริ่มดำเนินการภายในเดือนเมษายน นี้ และ สร้างทำนบแบ่งแยกน้ำดี/ น้ำเสีย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้างหาผู้รับเหมา โดยใช้งบของเทศบาลตำบลรัษฎา จำนวน 14 ล้านบาท ระยะที่ 2 สำรวจชาวบ้าน/ สถานประกอบการเพื่อหาแหล่งปล่อยน้ำเสีย , ทำ MOU ระหว่างเทศบาลตำบลรัษฎา กับ องค์การกำจัดน้ำเสีย (อจน.) , จัดจ้างสำรวจหาค่าระดับ/ ทำแผนที่ ฯ เพื่อส่งข้อมูลให้ อจน. ออกแบบการบำบัด , ทดลองการทำขั้นบันไดด้วยกระสอบทราย หรือการถมดินและระยะที่ 3 ตั้งงบประมาณตามแบบของ อจน. และขอใช้พื้นที่จากเจ้าของพื้นที่เพื่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานในระดับจังหวัด อาทิ อุตสาหกรรมจังหวัด สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลรัษฎา ร่วมตรวจสอบปัญหาน้ำเสียซอยพะเนียง ทุกระยะ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อหาทางออกร่วมกันในการแก้ปัญหาน้ำเสียดังกล่าวอย่างยั่งยืนต่อไป

ตำรวจภูเก็ต จับกุมแรงงานต่างด้าวฆ่าชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส

ตำรวจภูเก็ตจับกุมชาวพม่าฆ่าชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 เม.ย.57 พล.ต.ต. รชต เย็นทรวง รอง.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต. วิศณุ ม่วงแพรสี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นาย ไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ. อรุณ แกล้ววาที พ.ต.อ. พีรยุทธ การเจดีย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ ศิริศักดิ์ วาสะศิริ รักษาการผกก.สภ.ฉลอง พ.ต.อ. สันติ ชัยนิรามัย ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต นาย claude de Crissey กงสุลฝรั่งเศสประจำจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนาย SHWE OO@DAM หรือนายดาม หรือนาย ดำ อายุ 24 ปี สัญชาติพม่า ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นๆถึงแก่ความตาย หลังก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาที่ห้องพักภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.4 ซอยพัฒนา ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายใช้ไม้และก้อนหินเป็นอาวุธก่อเหตุเข้าไปชิงทรัพย์และฆ่านักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส ทราบชื่อภายหลังคือนาย Fabrice Boigeol อายุ 37 ปี ขณะนอนหลับอยู่ภายในห้องพักหมายเลข 5 ของรีสอร์ต หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกสืบสวนและเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ทันที โดยมีสืบสวน สภ.ฉลอง ทีมสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทีมสืบสวนกองกำกับการ5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเป็นคนงานต่างด้าวที่พักอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ จึงได้เข้าตรวจสอบหาพยานหลักฐานจากที่พักคนงานต่าง ๆ

จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ตายที่ถูกคนร้ายขโมยไปในคืนเกิดเหตุได้ ซึ่งประกอบด้วยกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปจากการเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในห้องพักหมายเลข 3 ของรีสอร์ตแห่งเดียวกัน ซึ่งคนร้ายได้เข้าไปงัดแงะในวันเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้จำนวน 2 คน คือ นาย SHWE OO@DAM หรือนายดาม หรือนาย ดำ อายุ 24 ปี สัญชาติพม่า และนาย โอ หรือ นาย Maung Myo อายุ 24 ปี สัญชาติพม่า ในความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเชื่อว่านายดาม น่าจะยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องมีพ่อแม่และญาติพี่น้องอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จึงได้ออกติดตามจับกุมโดยสามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาบริเวณสวนยางพาราบนภูเขาใกล้กับแคมป์คนงานก่อสร้าง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งจากการสอบถามในเบื้องต้น นายดามให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายโอที่ยังหลบหนี ก่อเหตุใช้ไม้ตีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสจริง หลังจากก่อเหตุได้หยิบเอาทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวออกมาและนำมาแบ่งกันก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนี นายดาม กล่าวถึงสาเหตุการลงมือฆ่าชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวรายดังกล่าว ว่า โดยก่อนเกิดเหตุนายโอ ซึ่งยังหลบหนีอยู่ได้มาชักชวนให้ไปก่อเหตุชิงทรัพย์ เนื่องจากไม่พอใจที่ก่อนหน้านี้เคยถูกนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวด่า โดยหยิบเอาไม้จากร้านค้าแห่งหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุติดมือไปด้วย เมื่อไปถึงได้เข้าไปงัดกุญแจห้องพักห้อง ที่ 3 ของรีสอร์ตและขโมยทรัพย์สินออกมาส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นนายโอ และตนได้เดินต่อไปยังห้องที่ 5 และหยิบเอาก้อนซีเมนต์จากหลังห้องที่ 4 ไปด้วย เมื่อไปถึงห้องที่ 5 ซึ่งเป็นห้องพักนักท่องเที่ยวนายโอบอกให้ตนช่วยดูต้นทางและคอยตีซ้ำถ้านักท่องเที่ยวฟื้นขึ้นมา หลังจากนั้นนายโอได้เดินไปที่ประตูพบว่าประตูไม่ล็อกกุญแจ จึงเปิดประตูเข้าไปและใช้ไม้ที่เตรียมมาตีเข้าไปที่กกหูนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวทั้งที่ยังหลับอยู่จนตกเตียงและตีซ้ำอีก 2 ที จนนักท่องเที่ยวแน่นิ่ง ก่อนที่จะรื้อค้นทรัพย์สินออกมา ซึ่งก่อนจะลงมือตนได้บอกกับนายโอว่าอย่างเอาให้ตาย

หลังจากได้ทรัพย์มานายโอก็ได้แบ่งทรัพย์สินซึ่งเป็นกล้องถ่ายรูปให้กับตน ส่วนทรัพย์สินส่วนอื่นนายโอเป็นคนนำไป หลังจากนั้นได้แยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งตนได้หลบหนีไปอยู่กับครอบครองที่แคมป์คนงานก่อสร้าง แต่เพื่อนบอกว่าฝรั่งตายแล้ว จึงหลบหนีไปอยู่กับเพื่อนในสวนยางจนถูกจับกุมได้ในที่สุด

ขณะที่ นาย claude de Crissey กงสุลฝรั่งเศสประจำจังหวัดภูเก็ต รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวฝรั่งเศสรักที่จะมาเที่ยวและพักผ่อนที่ประเทศไทย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าเสียใจมากที่คนร้ายฆ่าคนฝรั่งเศสเพื่อขโมยสิ่งของ ซึ่งคนที่ก่อเหตุมาอยู่ในประเทศไทยแต่มาทำให้ประเทศไทยเสียหาย ครั้งแรกที่ทราบว่านักท่องเที่ยวรายดังกล่าวถูกฆ่าตายตนก็ได้ใช้โทรศัพท์ของผู้ตายโทรไปหาญาติ สำหรับเบอร์โทรศัพท์เบอร์สุดท้ายที่ผู้ตายโทรออกไปคือเบอร์โทรของบิดา เป็นเรื่องที่ยากจะบอกกับทางญาติว่าลูกชายของเค้ามาเสียชีวิตที่ประเทศไทย

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุสิ่งที่ครอบครัว ญาติพี่น้อง รวมทั้งเพื่อนฝูงและคนฝรั่งเศสอยากเห็นคือการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาดำเนินคดี ซึ่งก็ขอชื่นชมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว

ชาวบ้านปิดถนนก่อนถึงสามแยกบ้านตีนเขา ม.3 ต.วิชิต หลังเกิดอุบัติเหตุบ่อย ทำรถติดเป็นทางยาว

ชาวบ้านปิดถนนก่อนถึงสามแยกบ้านตีนเขา ม.3 ต.วิชิต หลังเกิดอุบัติเหตุบ่อย ทำรถติดเป็นทางยาวผู้ว่าฯ รุดเจรจารับเร่งแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วนเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ชาวบ้านจึงยอมเปิดถนน.

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมาที่บริเวณโค้งอันตรายก่อนถึงสามแยกบ้านตีนเขา ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนหนึ่งได้นำรถบัสสีขาว และรถกระบะมาจอดขางถนนทั้ง 2 เลน พร้อมนำเต็นท์ และร้านเหล็กมาวางกลางถนน พร้อมติดป้ายข้อความต่างๆ เช่น "โค้งอันตรายชีวิตมากมายตายไม่มีใครมาเหลียวแลเลย ต้องขอโทษด้วยเพราะมีคนตายมากมาย โค้งถึงแก่ชีวิต ประชาชนเดือดร้อน” และอื่นๆ อีกจำนวนมาก

ซึ่งจากการปิดถนนดังกล่าวทำให้การจราจรในเส้นทางดังกล่าวเป็นไปด้วยความลำบาก นาย ศิริชัย แสงปรีชาสกุล เจ้าของร้านค้า และมีบ้านอาศัยอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ กล่าว ที่ผ่านมา ทางชาวบ้านได้ไปยื่นหนังสือถึงทางจังหวัดเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาโค้งอันตรายในบริเวณดังกล่าวหลายครั้งแล้ว เหื่อหามาตรการในการดำเนินการเพื่อลดอุบัติเหตุให้ลดลง ซึ่งที่ผ่านมา ทางแขวนการทางได้มาติดป้ายไวนิลเตือนว่าเป็นโค้งอันตาย และทำลูกระนาดแบบอ่อนจำนวน 3 จุด แต่พบว่าปัญหาไม่ลดลง ผู้ใช้รถใช้ถนนยังใช้รถด้วยความเร็วสูงทำให้รถหลุดโค้งไปชนบ้านเรือน และรถประชาชนที่จอดบริเวณหน้าบ้านบ่อยครั้ง รวมทั้งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องล่าสุด เมื่อช่วงหัวรุ่งของวันเดียวกัน ได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก ครั้งนี้เป็นรถเก๋งเสียหลักแหกโค้งเข้ามาชนรั้วบ้าน และรถยนต์ของตนที่จอดไว้หน้าบ้านได้รับความเสียหาย ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่รถยนต์ของตนถูกชนได้รับความเสียหาย โดยก่อนนี้ถูกชนมาแล้ว 3 คัน ซึ่งนำไปซ่อมยังไม่ได้เอาออกจากอู่เลย วันนี้ชนอีก 1 คัน ซึ่งนอกจากบ้านตน ก็ยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายรายที่ได้รับความเดือดร้อน โดยต้องการเรียกร้องให้ทางหน่วยงานภาครัฐแก้ไขปัญหาดังกล่าว

หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 14.00 น. นาย ไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อม พ.ต.อ. ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นาย สมัคร เลือดวงหัด ผู้อำนวยการแขวงการทางจังหวัดภูเก็ต นายกรีฑา โชติวิทชญ์พิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมหารือกับตัวแทนชาวบ้านที่รวมตัวกันปิดถนนในครั้งนี้ โดยหลังจากหารือไปได้ประมาณ 10 นาที ทางชาวบ้านก็ยินยอมเปิดถนนเพื่อให้รถสามารถสัญจรไปมาได้อย่างปกติ ส่วนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านนั้นได้กำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาไว้ 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วน และระยะปานกลาง

สำหรับมาตรการในการแก้ไขปัญหานั้นกำหนดไว้ดังนี้ ระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย
 1.ทำเกาะกลางถนนชั่วคราว หรือแบริเออร์เพื่อให้รถวิ่งช้าลง ซึ่งจะทำให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์
 2.ทำป้ายเตือนชั่วคราวให้ชะลอความเร็วในบริเวณเส้นทาง
 3.เสริมลูกระนาดแบบอ่อนซึ่งมีอยู่แล้ว 3 จุดให้หนาขึ้น รวมทั้งเพิ่มระยะทางให้ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร
 4.ให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้รถขับเร็วเกินไป และตรวจปัสสาวะด้วย เนื่องจากอุบัติที่เกิดในบริเวณดังกล่าวเกิดในช่วงกลางคืน และพบว่าแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
 5.ขอให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และ
 6.การทำเกาะกลางถนนแบบถาวร ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการดำเนินการ 3ล้านบาท เป็นงบของทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จภายใน 5 เดือน

น.ส. เฉลิมลักษณ์ หมายเลข 1 มีคะแนนนำ นาย เปี่ยน หมายเลข 2 กว่า 1 พันคะแนน

ผลการนับคะแนนชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง หรือศึกช้างชนช้าง อย่างไม่เป็นทางการ น.ส. เฉลิมลักษณ์ หมายเลข 1 มีคะแนนนำ นาย เปี่ยน หมายเลข 2 กว่า 1 พันคะแนน

เมื่อวันที่26 เม.ย.2557ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานผลการนับคะแนนการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองป่าตอง และนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง อย่างไม่เป็นทางการว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 8,679 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด 12,651 คน หรือมีผู้ออกมาใช้สิทธิคิดเป็น68.60% จำนวนผู้มีสิทธิ บัตรดี 8,488 ใบ บัตรเสีย 191 ใบ บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 188 ใบ

ทั้งนี้ ผู้สมัครที่มีคะแนนมาเป็นอันดับ 1 คือ น.ส. เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ จากกลุ่มป่าตองฟ้าใหม่ อดีต ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ลงสมัครหมายเลข 1 ได้ไป 4,390 คะแนน อันดับที่ 2 คือ นาย เปี่ยน กี่สิ้น ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง หมายเลข 2 กลุ่มรักป่าตอง ได้ไป3,330 คะแนน และอันดับที่ 3 คือ กิตติสัณห์ คุรุ หัวหน้ากลุ่มป่าตองก้าวหน้า อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองป่าตอง ปี 2546 ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้ไป 580 คะแนน

การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต คึกคัก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พื้นที่ป่าตอง มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 12,000 คนมีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งและผู้มาใช้สิทธิ์ทั้ง 3 เขต จำนวน 23 หน่วยเลือกตั้ง

การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จนถึงขณะนี้ในระดับจังหวัดยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งเข้ามาแต่อย่างใด

สำหรับบรรยากาศการเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หน่วยเลือกตั้งที่ 2 โรงเรียนวัดสุวรรณ์คีรีวงค์ นั้น บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักเช่นเดียวกัน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตนี้ ทยอยเดินทางออกมาใช้สิทธิ์ตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเมื่อช่วงสายที่ผ่านมานั้น นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง หมายเลข 1 ได้ออกมาใช้สิทธิ์ที่หน่วยเลือกตั้ง 2 พร้อมมารดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนนายเปี่ยน กี่สิ้น ผู้สมัครหมายเลข 2 และ นายกิตติสัณห์ คุรุ ผู้สมัครหมายเลข 3 ได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งที่สิทธิ์เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน

พมจ.สตูล จัดประชุมตัวแทนเครือข่ายเวทีสมัชชา หวังเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว

วันนี้ (๓๐ เม.ย. ๕๗) ที่ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายเพื่อการท่องเที่ยว (ศูนย์โอท๊อป) อ.เมือง จ.สตูล นายอุทิศ บุญช่วย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเวทีสมัชชาครอบครัวจังหวัดสตูล ประจำปี ๒๕๕๗ โดยมีนายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิดงาน

สืบเนื่องจากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ทำให้สภาพครอบครัวไทยในปัจจุบัน เกิดรูปแบบครอบครัวที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น เป็นครอบครัวลักษณะพิเศษที่มีรูปแบบเฉพาะตัว มีสภาพปัญหาและความต้องการความช่วยเหลือที่แตกต่างกัน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล จึงจัดประชุมสมัชชาครอบครัวระดับจังหวัดขึ้น เพื่อเปิดเวทีประดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์ปัญหาด้านครอบครัวในจังหวัด แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ และนำเสนอพร้อมหามติร่วมกัน ระหว่างครอบครัวและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน องค์กรสตรี อาสาสมัคร สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดสตูล ชมรมคนพิการจังหวัดสตูล และภาคประชาชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับครอบครัว จำนวน ๘๐ คน

ทั้งนี้ มีประเด็นปัญหาสำคัญของจังหวัดสตูล ๓ ประเด็น ได้แก่ ปัญหาครอบครัวที่มีปัญหานำไปสู่การแตกแยก หย่าร้าง, ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม และปัญหาเด็กและเยาวชนยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยมีแนวโน้มว่าปัญหาดังกล่าวจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น เวทีสมัชชาจึงเป็นช่องทางหนึ่งในการนำเสนอความคิดเห็น และข้อเสนอแนะในการป้องกัน แก้ไขปัญหา และพัฒนาสังคม ซึ่งข้อเสนอต่างๆ ของจังหวัดสตูลที่ได้รับการสะท้อนกลับมา จะถูกนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบายด้านครอบครัวต่อไป



กนกพิชญ์ / ข่าว
ส.ปชส.สตูล

จังหวัดสตูล เน้นการปลูกปาล์มน้ำมันและปูนิ่มเป็นสินค้าตัวเด่นในฤดูกาลผลิต ๒๕๕๗/๒๕๕๘

นายอุดร จันทร์เทพ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสตูล ได้ประชุมภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรเพื่อเตรียมพร้อมเกษตรไทย เริ่มต้นใหม่ฤดูกาลผลิตของจังหวัด เนื่องในโอกาสวันพระราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสตูล กล่าวว่า เริ่มต้นฤดูกาลผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบให้หน่วยงานทุกจังหวัด ทำความเข้าใจเสริมความรู้แก่เกษตรกรว่าจะผลิตอะไร ผลิตช่วงไหน และจำหน่ายที่ไหน ใช้เทคโนโลยีด้านไหนบ้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสนับสนุนอย่างไร เบื้องต้นกำหนดจัดกิจกรรมแถลงข่าวสื่อมวลชน ในวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ถึงทิศทางการส่งเสริมผลผลิตทางด้านการเกษตร โดยนัดหมายแถลงข่าวในพื้นที่อำเภอควนกาหลง

นายอุดร จันทร์เทพ กล่าวอีกว่า ผลผลิตด้านการเกษตรที่น่าจับตามองของจังหวัดสตูลมีหลายชนิด เช่น ปาล์มน้ำมัน การแปรรูปปูนิ่ม และแพะดำ เป็นต้น



ส.ปชส.สตูล

เลขาธิการ ศอ.บต.ย้ำหัวใจของการเยียวยาคือการเยียวจิตใจให้ผู้ได้รับผลกระทบฯ เข้มแข็งและอยู่ในสังคมได้ด้วยตนเองอย่างมีความสุข

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2557 (เวลา 16.30 น.) ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร อเนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง  เลขาธิการ ศอ.บต. พบปะพูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในกรณีเหตุการณ์ตากใบ เหตุการณ์สะบ้าย้อย (จังหวัดสงขลา) เหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ ( จังหวัดปัตตานี) และเหตุการณ์ไอปาแย (จังหวัดนราธิวาส) โดยมีว่าที่ร้อยตรี เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปิยะ กิจถาวร รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พันตำรวจโทยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี ผู้อำนวยการสำนัก/กอง ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ได้รับผลกระทบกว่า 200 คน พร้อมมอบผ้าปูละหมาดและมอบจักรยานให้แก่ทายาทผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง  เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า มีรุ่นน้องท่านหนึ่งได้ถูกจับไปอยู่เรือนจำและตอนนี้รุ่นน้องท่านนี้ ได้รับการประกันตัว และได้เสียชีวิต ซึ่งก็อาจจะมีสถานะเหมือนหลายท่านที่นั่งอยู่ในที่แห่งนี้ และก่อนที่ท่านจะถูกควบคุมตัว ท่านได้เขียนจดหมายฝากมาให้เป็นลายมือ เขียนสะท้อนมาออกมา จึงนำบางช่วงบางตอนมาอ่านให้ฟัง ซึ่งน่าจะสะท้อนความรู้สึกแต่ละครอบครัวได้ มีข้อความว่า “เพราะผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน จึงรู้ว่าความยากลำบากเป็นเช่นไร เพราะผมเคยอด จึงรู้ว่าความหิวโหยเป็นเช่นไร และรู้คุณค่าของอาหาร น้ำทุกหยด ข้าวทุกเม็ด เพราะผมเคยป่วย จึงรู้ว่าความเจ็บป่วยคืออะไร และรู้คุณค่าของสุขภาพที่ดี เพราะผมติดคุก จึงรู้ว่าชีวิตคืออะไร และรู้คุณค่าของเสรีภาพ” ซึ่งต่อมาในปี 2550 ท่านได้เสียชีวิต ในรอบสามปีที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนได้มีความเข้าใจในวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของพื้นที่ ทุกภาคส่วนได้ให้การเคารพในความแตกต่างทางวัฒนธรรม และคิดว่าการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างเป็นสิ่งที่สวยงาม และเป็นสิ่งที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราได้ให้การส่งเสริม สนับสนุนทางด้านอัตลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาษามลายูหรือกิจกรรมที่เป็นวิถีชีวิตของพี่น้องในพื้นที่

ทางด้านพลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล แห่งสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การเยียวยาเป็นส่วนหนึ่งของจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะการจัดการปัญหาต้องเริ่มด้วยการค้นหาความจริงว่าใครโดนเรื่องอะไร และดำเนินคดีไปตามกฎหมาย การเยียวยาในพื้นที่ภาคใต้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการเยียวยาในปัจจุบันที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้จัดขึ้น เป็นสิ่งที่ดีมากสิ่งหนึ่งที่ได้เห็น คือการได้นำเอาคนที่สูญเสียไม่ว่าจะเป็น คนที่สูญเสียสามี สูญเสียลูก ที่ได้ฟื้นกลับมาเข้มแข็งอักครั้ง แล้วนำคนเหล่านี้มาดูแลเยียวยาผู้ที่สูญเสียด้วยกัน ทำให้ทราบถึงสถาพจิตใจ ความต้องการ การเยียวยาจิตใจไม่ใช่แต่เพียงจะให้เงิน การให้เงินเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะการเยียวยาจิตใจที่มันร้าวลึกนั้นต้องใช้เวลา การที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดกิจกรรมแบบนี้ขึ้นมาถือเป็นสิ่งที่ดีและจะต้องจัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คนที่สูญเสียได้มีโอกาสฟื้นกลับคืนมาเป็นคนที่ดีของสังคม จากคนที่เคยได้รับการเยียวยาก็สามารถพลิกฟื้นกลับมาเป็นคนที่ให้การเยียวยาคนอื่น ๆ เป็นการต่อยอดความคิด ความรู้ในเรื่องของการเยียวยาที่ดี การเยียวยาลักษณะแบบนี้ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น เราเพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นเมื่อปีสองปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่เป็นกังวลในขณะนี้ คือกระบวนเหล่านี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ต้องส่งต่อองค์ความรู้และมีการสานต่อ หากหยุดไปจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เยียวยาได้ เช่นเดียวกับยุทธศาสตร์ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเรื่องการเยียวยาต้องทำอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือคณะผู้บริหารของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากจะให้คงยุทธศาสตร์นี้เอาไว้ เพราะเป็นการเข้าถึงประสิทธิภาพของการเยียวยาอย่างแท้จริง



สำนักสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต. ข่าว

ศอ.บต.รับสมัครทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีขององค์กรศาสนาประเทศอินโดนีเซีย (Muhammadiya) สำหรับนักเรียนไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีการศึกษา 2557

พันตำรวจเอกทวี  สอดส่องเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ได้รับความร่วมมือจากองค์การศาสนาอิสลาม ประเทศอินโดนีเซีย คือ องค์กร Muhammadiyah  มอบทุนในการศึกษา ในระดับปริญญาตรี หลักสูตร ๓ ปีครึ่ง ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ สำหรับนักเรียนไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในคณะและสาขาวิชาต่างๆ ณ มหาวิทยาลัยขององค์กร Muhammadiyah จำนวน ๑๓ แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อกระชับความสำคัญระหว่างประเทศไทยกับอินโดนีเซียในระดับประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและเป็นการส่งเสริมการพัฒนาเยาวชนไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้นำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาภูมิลำเนาและประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

คุณสมบัติผู้มีสิทธิรับทุน จะต้องเป็นนักศึกษาไทยมุสลิม มีภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ สงขลา (๔ อำเภอ คือ เทพา สะบ้าย้อย นาทวีและจะนะ) ติดต่อกันไม่น้อยกว่า ๖ เดือน หรือบิดามารดา มีภูมิลำเนาอยู่ติดต่อกันไม่น้อยกว่า ๓ ปี  จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ หรือเทียบเท่าในปีการศึกษา ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ หรือจบการศึกษาดังกล่าวมาแล้วเป็นเวลาไม่เกิน ๒ ปี  มีใบแสดงผลการสอบ(O-NET และ คะแนน GPA, GAT-PAT สำหรับผู้ที่จบการศึกษาปี ๒๕๕๕) และใบแสดงผลการสอบ (O-NET, GAT-PAT และ คะแนน GPA สำหรับผู้ที่จบการศึกษาปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗)

ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับใบสมัคร และสมัครด้วยตัวเอง ได้ที่ กองกิจการต่างประเทศ  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา   โทรศัพท์ 0 – 7327 - 4103 หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.sbpac.go.th  ตั้งแต่บัดนี้ถึง 20 พฤษภาคม 2557 ในวันและเวลาราชการ




สำนักสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ศอ.บต. ข่าว

นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ เป็นห่วงตลาดบ้านจัดสรรและคอนโด มิเนียม ลงทุนมาก จะเกิด โอเวอร์ซัพพลาย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ ห้องรายา โรงแรมรอยัล ภูเก็ตซิตี้ จังหวัดภูเก็ต นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เป็นประธานสัมมนาวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคใต้ โดยมี นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์ และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา กรุ๊ป จำกัด นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม เลขาธิการสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายประสิทธ์ เจียวก๊ก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มัณดาวีต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา และนายพรนริศ ชวนไชยสิทธ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เข้าร่วม

นายสัมมา  กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตมีหน่วยที่อยู่อาศัยในผังของโครงการของผู้ประกอบการซึ่งอยู่ในระหว่างการขายทั้งสิ้นประมาณ 31,650 หน่วย แบ่งเป็นหน่วยบ้านจัดสรรประมาณ 13,900 หน่วย และบ้านพักตากอากาศประมาณ 850 หน่วย ในประเภทบ้านจัดสรรมีโครงการบ้านซึ่งอยู่ในระหว่างการขาย 89 โครงการ มีมูลค่าโครงการตามหน่วยในผังรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 57,100 ล้านบาท ในขณะที่ประเภทอาคารชุด มีมูลค่าโครงการรวมกันทั้งสิ้น 64,400 ล้านบาท และประเภทของบ้านพักตากอากาศหรือวิลล่า นับเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบริมทะเลหรือเชิงเขาที่มีราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป

ด้านนายธนูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นโอกาสดี ที่ศูนย์อสังหาริมทรัพย์ร่วมกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้จัดสัมมนา เรื่องอสังหาริมทรัพย์ภาคใต้ที่จังหวัดภูเก็ต โดยการสัมมนาในครั้งนี้ทำให้ทราบในส่วนของข้อมูลที่เป็นตัวเลขของศูนย์อสังหาริมทรัพย์ ช่วยทำให้ โครงการของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ นำไปใช้ประโยชน์ก่อนและหลังการตัดสินใจเดินต่อไปในวงการอสังหาริมทรัพย์ ในขณะเดียวกันบนเวทีก็ได้พูดคุยในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร โดยเน้นการวางแผนในอนาคต ประเด็นต่างๆเช่นการขายจะขายหมดไหม โอนได้แค่ไหน มีผลกระทบกับการผลิตหรือไม่ ในแวดวงของชาวอสังหาริมทรัพย์เองก็ควรระมัดระวังเรื่องใดบ้าง และมุมมองในสถานการณ์จริงเราควรจะวางแผนในระยะที่จะถึงอย่างไรบ้าง ส่วนหนึ่งที่เวทีเสวนาครั้งนี้มองเห็นตรงกันว่า ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ทั่วประเทศมีปัญหาไม่มากนัก แต่แนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นคอนโด มิเนียม หรืออาคารชุด เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะปริมาณของห้องพัก บ้านพักที่ทำเป็นอาคารชุดเพื่อจำหน่ายเริ่มมีบางจังหวัด ประสบกับปรากฎการณ์ที่เรียกว่า โอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งภูเก็ตเองก็กำลังจะมีประเด็นนี้ เนื่องจากมีการผลิตมากเกินไป แต่อย่างไรก็มองว่าเป็นความเสี่ยงที่ยังไม่ถึงกับภาวะวิกฤต เนื่องจากภูเก็ตมีความหมุนเวียนของกระแสนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดรายรับ รายได้ และสร้างยอดขายที่ต่อเนื่อง เพียงแต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรระมัดระวังในการขึ้นโครงการใหม่ สมเหตุสมผล ประเด็นที่จะมั่นใจในการขายที่รวดเร็วการสร้างที่รวดเร็ว สถานการณ์ของอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตเอง

อย่างไรก็ตามทางสมาคมอยากจะฝากเรื่องการเตรียมการประมูลอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตที่จะถึง เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการในภูเก็ตโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ต้องการจำหน่าย บ้าน คอนโด อาคารชุด ที่ดิน ทั้งที่มีอยู่แล้ว ยังจำหน่ายไม่หมด ก็จะดำเนินการโดยการให้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต บริษัท ฮาริสัน (จำกัด )มหาชนมาดำเนินการในการสร้างกล่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มาจากสิงค์โปร์ ฮองกง ที่สนใจซื้อทรัพย์สินในภูเก็ตอย่างถูกต้อง เป็นการประชาสัมพันธ์ผลงานอสังหาริมทรัพย์ของภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17- 18 พฤษภาคม 2557 ณ. รอยัล ภูเด็ต มารีน่า ต. เกาะแก้ว อ. เมือง จ. ภูเก็ต  จะมีการประมูล ทรัพย์สินในจังหวัดภูเก็ตครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุด ขอเชิญคนที่มีทรัพย์สิน เข้าร่วม หรือช่วยประชาสัมพันธ์ให้เกิดกิจกรรมเหล่านี้ เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียน ในธุรกิจของจังหวัด สร้างรายได้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เพิ่มขึ้นด้วย

จังหวัดภูเก็ต ประชุมรับทราบแนวทางการจัดการแข่งขันและการเตรียมความพร้อมการแข่งขันวิ่งมาราธอนนานาชาติ ลากูน่าภูเก็ต ครั้งที่ 9 ประจำปี 2557 ซึ่งจะจัดขึ้นบริเวณโรงแรมกลุ่มลากูน่า ภูเก็ต ในวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน ที่จะถึงนี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 เม.ย.57 ที่ห้องประชุมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต  ดร. สมหมาย  ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  เป็นประธานการประชุมครั้งที่ 1 เพื่อรับทราบแนวทางการจัดการแข่งขันและการเตรียมความพร้อมการแข่งขันวิ่งมาราธอนนานาชาติ ลากูน่า ภูเก็ต ครั้งที่ 9 ประจำปี 2557  โดยมี นายเสรี  พาณิชย์กุล ปลัดจังหวัดภูเก็ต  นายวิรัช  พาที  ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต   นางสาวอโนมา  วงษ์ใหญ่ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  สำนักงานภูเก็ต   ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้แทนจากบริษัท ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล จำกัด (มหาชน)

สำหรับการประชุมในครั้งนี้  เป็นการเตรียมความพร้อมการแข่งขันวิ่งมาราธอนนานาชาติ ลากูน่า ภูเก็ต ครั้งที่ 9 ประจำปี 2557 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2557  บริเวณโรงแรมกลุ่มลากูน่า ภูเก็ต  ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต  โดยเป็นการประสานความร่วมมือกับคณะกรรมการจัดงานภาครัฐ   ทั้งในด้านการเตรียมเส้นทางการแข่งขัน  การรักษาความปลอดภัย  การปฐมพยาบาล  การเชียร์ให้กำลังใจนักกีฬาและการประชาสัมพันธ์  การอำนวยความสะดวก ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมให้การสนับสนุน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและกีฬาของจังหวัดภูเก็ต

นายสงคราม  ไกรสนธิ์  ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน กล่าวว่า  การแข่งขันมาราธอนนานาชาติ ลากูน่า ภูเก็ต มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวเชิงบูรณาการด้านกีฬาและร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน  รวมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต   ศิลปวัฒนธรรมของภาคใต้ให้กับนักวิ่งมาราธอนชาวต่างชาติให้รู้จักเพิ่มมากขึ้น  รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนากีฬาวิ่งมาราธอนของประเทศไทย  ให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ  ทั้งด้านการจัดการแข่งขันและด้านศักยภาพของนักกีฬา  รวมถึงส่งเสริมแนวคิดการเข้าแข่งขันกีฬาเพื่อความสุขและร่วมเป็นหนึ่งในประสบการณ์สำคัญ  นอกจากนี้ยังเป็นการจุดประกายการเล่นกีฬาให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างเสริมสุขภาพและหันมาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และส่งเสริมการตระหนักถึงการแข่งขันกีฬาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยการแข่งขันดังกล่าว แบ่งการแข่งขันออกเป็นวิ่งมาราธอน ระยะทาง 42 กิโลเมตร/  วิ่งฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21 กิโลเมตร/ วิ่ง  ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร/เดินวิ่งเพื่อสุขภาพ ระยะทาง 5 กิโลเมตร และวิ่งยุวชนระยะทาง 2 กิโลเมตร ตั้งเป้ามีนักวิ่งเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 5,000  คน

อำเภอเมืองพังงา จัดงานสายสัมพันธ์ชุมชนครั้งที่ ๔ ออกพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนชุมชนชายค่าย และรับฟังปัญหาความต้องการของประชาชนในพื้นที่

เพื่อให้การสงเคราะห์ ช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ด้อยโอกาสและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับประชาชน เมื่อเวลา ๑๗.๐๐น. (วันที่ ๒๙ เม.ย. ๕๗) องค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงาจึงร่วมกับเทศบาลเมืองพังงา สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงา ศูนย์พัฒนาสังคมหน่วยที่ ๓๓ จังหวัดพังงา สำนักงานพลังงานจังหวัดพังงา สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดพังงา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานชุมชนสายสัมพันธ์ครั้งที่ ๔ ออกพบปะเยี่ยมเยียน รับฟังความคิดเห็นปัญหาความต้องการของชุมชนชายค่าย จัดเลี้ยงอาหารค่ำ พร้อมทั้งมอบผ้าขาวม้าและถุงยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ ณ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพตำบลท้ายช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา

นายก้องเกียรติ วงศ์หนองเตย สมาชิกสภา อบจ.พังงา ประธานคณะกรรมการจัดงาน กล่าวว่า ทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้นำนิทรรศการ กิจกรรมการให้บริการ การสาธิตงานด้านอาชีพออกหน่วยให้บริการแบบถึงพื้นที่ ทั้งนี้ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพังงามีชุมชน ๑๒ ชุมชน โดยคณะกรรมการได้กำหนดจัดงานสายสัมพันธ์เป็นประจำทุกเดือน หมุนเวียนไปเดือนละชุมชนจนครบทั้ง ๑๒ ชุมชน เนื่องจากบางชุมชนมีประชากรอยู่กันแออัด โดยเฉพาะผู้พิการ คนชรา ผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาส ประชาขนในชุมชนไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะพูดคุยและไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์การบริการและข่าวสารจากหน่วยงานราชการ




ศรัณยา  สันติราชัย /ข่าว
   
   

สมาคมแม่บ้านมหาดไทย มอบทุนการศึกษาแก่บุตรของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน,บุตรของข้าราชการ/พนักงานของส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗

วันนี้ (๓๐ เมษายน ๒๕๕๗) เวลา ๑๐.๐๐ น. ที่ห้องรับรองจังหวัด (ศาลากลางจังหวัดพังงา) สมาคมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพังงา ได้จัดกิจกรรมมอบทุนการศึกษาแก่บุตรของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนและบุตรของข้าราชการ/พนักงานของส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ โดยได้มอบหมายให้นางทัศนา เทพี รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพังงา เป็นผู้มอบทุนการศึกษาดังกล่าวในครั้งนี้

สำหรับทุนการศึกษาประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗ สมาคมแม่บ้านมหาดไทยได้จัดสรรเงินจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาทให้แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพังงาพิจารณาจัดสรรให้แก่บุตรของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน,บุตรของข้าราชการ/พนักงานของส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๐ ราย ๆ ละ ๒,๐๐๐ บาท ให้แก่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา – ระดับอุดมศึกษา ที่มีความประพฤติดี ตั้งใจเรียนแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อได้นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง




ศรัณยา สันติราชัย /ข่าว

พังงาเดินหน้าประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกร โครงการแก้ไขปัญหายางพารา ทั้งระบบ ปี 2557 ”

นายยรรยง วัฒนศรี เกษตรจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหายางพารา ดำเนินการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรชาวสวนยางพารา โดยจะให้ความช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตเป็นเงินสด อัตราไร่ละ 2,520 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ ตามพื้นที่เปิดกรีดจริง และต้นยางมีอายุไม่เกิน 25 ปี จ่ายเงินผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) และขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารากับสำนักงานเกษตรอำเภอ เมื่อเสร็จสิ้นระยะเวลาการขึ้นทะเบียน (15 ตุลาคม 2556) ปรากฏว่าจังหวัดพังงามีเกษตรกรไปขึ้นทะเบียน จำนวน 21,322 ราย ในจำนวนนี้มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องและได้ส่งข้อมูลให้คณะกรรมการตรวจสอบแปลงในระดับตำบล จำนวน 15,882 ราย พื้นที่เปิดกรีด 245,584.37 ไร่ ผลการตรวจแปลงผ่าน 14,495 ราย 19,432 แปลง ส่งข้อมูลให้คณะกรรมการตรวจสอบไม่ได้ จำนวน 5,440 ราย เนื่องจากที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ เอกสารสิทธิ์เป็น ภบท.5 ภบท.6 ภบท.11 ไม่มีหน่วยงานรับรอง ซึ่งขณะนี้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับเงินช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตแล้ว จำนวน 12,537 ราย 16,876 แปลง พื้นที่เปิดกรีด 160,863.75 ไร่ เป็นเงิน 405,376,650 บาท

นายยรรยง วัฒนศรี เกษตรจังหวัดพังงา กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวแต่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือตามมติ ครม. ให้เกษตรกรที่ผ่านการตรวจสอบรับรองพื้นที่เปิดกรีดแล้ว หากตรวจสอบข้อมูล ณ สำนักงานเกษตรอำเภอที่ไปขึ้นทะเบียน พบว่า รายชื่อได้ส่งไป ธ.ก.ส.แล้ว และไม่มีข้อผิดพลาดต้องแก้ไข สามารถนำหมายเลขบัตรประชาชนไปตรวจสอบรายชื่อด้วยตนเอง ณ ธ.ก.ส.สาขาที่เปิดบัญชี เพื่อรอรับเงินโอนเข้าบัญชีตามลำดับต่อไป ส่วนเกษตรกรที่ผ่านการตรวจสอบรับรองพื้นที่เปิดกรีดแล้ว แต่รายชื่อยังไม่ได้ส่งไปให้ ธ.ก.ส. แสดงว่าเป็นเกษตรกรในกลุ่มที่อยู่ระหว่างการเสนอ ครม.เพื่อขออนุมัติวงเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม เนื่องจากวงเงินงบประมาณเดิมที่ ครม.อนุมัติไว้แล้ว ไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี 2557 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ และสำนักงาน-เกษตรจังหวัดพังงา โทรศัพท์ 0 7648 1466, 0 7648 1467




ส.ปชส.พังงา

“เกษตรพังงา ร่วมกับมหาวิยาลัยราชภัฏภูเก็ต พัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรเพื่อเข้าสู่ตลาดอาเซียน”


ปัจจุบันการผลิตสินค้าให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค มีอัตราการแข่งขันสูงสำหรับสินค้าด้านอาหาร สำนักงานเกษตรจังหวัดพังงาได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง จึงได้ร่วมมือกับมหาวิยาลัยราชภัฏภูเก็ตจัดอบรมกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าแปรรูปที่จดทะเบียนเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จำนวน 90 คน และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระดับอำเภอ/จังหวัด ณ ห้องประชุมโรงแรมภูงา อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา เพื่อให้ความรู้ด้านการพัฒนากระบวนการผลิต รูปแบบ คุณภาพและบรรจุภัณฑ์ ให้มีเอกลักษณ์ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค สามารถแข่งขันในตลาดได้ เป็นการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรเพื่อเข้าสู่ตลาดอาเซียน

นายยรรยง วัฒนศรี เกษตรจังหวัดพังงา กล่าวว่า สิ่งสำคัญนอกเหนือจากคุณภาพความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น อย. มอก. มผช. ฮาลาล สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคคือ บรรจุภัณฑ์ นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติในการคุ้มครองสินค้าแล้ว ความสวยงาม ดึงดูดใจ ผลิตภัณฑ์จากวัสดุ ที่ย่อยสลายง่ายและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็เป็นสิ่งประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน

สำหรับการอบรมในครั้งนี้มีนายสุชาติ พึ่งมั่น ประธานสาขาทรัพยากรการบัญชี นายพิภพ สมเวที ประธานสาขาวิชาการเป็นผู้ประกอบการ และนางปิยวรรณ คำกลัด อาจารย์ประจำสาขาวิชาการบัญชี เป็นวิทยากรให้ความรู้

เทศกาลสงกรานต์ปี ๕๗ จังหวัดพังงาไร้ผู้เสียชีวิต

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๗ วันอันตราย ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา จังหวัดพังงาประสบผลสำเร็จด้านรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ความปลอดภัย จนทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตในห้วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้จากข้อมูลเปรียบเทียบสถิติการเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๔ – ๒๕๕๗ เป็นต้นมา ในปีพ.ศ. ๒๕๕๔ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ๓๑ ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ ๓๒ ราย เสียชีวิต ๑ ราย ปี ๒๕๕๕ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ๓๑ ครั้ง มีผู้บาดเจ็บจำนวน ๓๙ ราย ผู้เสียชีวิต ๑ ราย ปี ๒๕๕๖ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ๒๑ ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ ๒๖ ราย ผู้เสียชีวิต ๓ ราย และปี๒๕๕๗ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ๑๗ ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ ๒๐ ราย ผู้เสียชีวิต ๐ ราย ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากการไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถย้อนศร ขณะที่ยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุยังคงเป็นรถมอเตอร์ไซค์มากที่สุด ส่วนจุดที่เกิดอุบัติเหตุเป็นทางตรงและทางโค้ง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวัน ตั้งแต่ ๑๒.๐๑ -๑๖.๐๐ น. กลางคืน ตั้งแต่ ๑๖.๐๑-๒๐.๐๐น. และผู้บาดเจ็บส่วนมากเป็นเยาวชนอายุระหว่าง ๑๕-๑๙ปี คิดเป็นร้อยละ ๒๐% ของผู้บาดเจ็บทั้งหมด

ทั้งนี้จากสถิติของการเกิดอุบัติเหตุของจังหวัดพังงา ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๔ เป็นต้นมา จำนวนครั้งที่เกิดอุบัติและผู้บาดเจ็บลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้จังหวัดพังงาเป็นที่ยอมรับจากจังหวัดต่างๆ ถึงมีขีดความสามารถด้านการรณรงค์ความปลอดภัย จนทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว




ศรัณยา สันติราชัย /ข่าว

เทศบาลนครตรัง จัดประชุมเวทีประชาคมท้องถิ่นในการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล

ที่โรงแรมธรรมรินทร์ธนา อ.เมือง จ.ตรัง นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเวทีประชาคมท้องถิ่นในการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้บริหารเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล ประชาคมท้องถิ่น ส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุมชนในเขตเทศบาล 70 ชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นกรอบในการกำหนดทิศทางการพัฒนาและเพื่อให้มีแผนพัฒนาสามปีเป็นเครื่องมือทางการบริหารและกรอบแนวทางในการดำเนินงาน โดยมุ่งไปสู่การแก้ไขปัญหาความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งในการจัดโครงการครั้งนี้ นอกจากจะมีการชี้แจงกรอบการดำเนินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเทศบาลนครตรัง (พ.ศ.2558-2563) และแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2558-2560)

โดยจะพิจารณากำหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเทศบาลนครตรัง อันประกอบด้วย วิสัยทัศน์ พันธกิจ ประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนา เป้าประสงค์พร้อมตัวชี้วัด และแนวทางการพัฒนาพร้อมตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัดตรัง ยุทธศาสตร์การพัฒนา อปท.ในเขตจังหวัดตรัง นโยบายของผู้บริหารเทศบาลนครตรัง ทั้งนี้จะเป็นการระดมความคิดเห็นปัญหาความต้องการของประชาคมท้องถิ่นและชุมชน โดยจะดำเนินการเสนอแผนงาน/โครงการ นอกจากนี้จะคัดเลือกผู้แทนประชาคมท้องถิ่นเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการในองค์กรจัดทำแผนพัฒนา ได้แก่ คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล คณะกรรมการพัฒนาเทศบาล และคณะกรรมการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาเทศบาล

โครงการหมู่บ้านถือศีล 5 เป็นหนึ่งในกิจกรรมเทศกาลวันวิสาขบูชาโลกของจังหวัดตรัง

นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติ ดังที่เคยได้ยินกันอยู่เสมอว่า ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ผู้คนต่างให้ความสำคัญและปฏิบัติตามหลักคำสอนขององค์สัมมาสัมมาพุทธเจ้าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นหลักในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะ "ศีล” อันเป็นความตั้งใจรักษาและหลักปฏิบัติที่ไม่ทำให้เดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น และเป็นหลักแห่งความประพฤติที่จะทำให้เกิดความสะอาดทางกาย และวาจา โดยเฉพาะ ศีล 5 ซึ่งเป็นพื้นฐานของพุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกคน ที่ต้องยึดถือและปฏิบัติ เพราะช่วยควบคุมความประพฤติมิให้พลาดพลั้งในอบายมุขต่าง ๆ นานา ซึ่งจัดอยู่ในระดับศีลธรรมอันเป็นมูลฐานที่จะนำไปสู่ความสงบของจิตใจ หากความสะอาดทางกายและวาขาไม่มีแล้ว เราก็ไม่สามารถทำจิตใจให้สงบลงไปได้เลย ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้กล่าวอีกว่า ในการจัดโครงการหมู่บ้านถือศีล 5 นี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมของเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและสร้างความตระหนักให้พุทธศาสนิกชนนำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา การปฏิบัติตามหลักศีล 5 สู่วิถีชีวิตประจำวัน และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการจัดตั้ง "หมู่บ้านถือศีล 5” ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของจังหวัดตรัง ตลอดจนเพื่อยกย่อง สรรเสริญพุทธศาสนิกชน ผู้นำชุมชนที่ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาไปพัฒนาตนเอง ครอบครัว และสังคม อันจะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป รวมทั้งส่งผลให้สังคมในหมู่บ้าน เป็นสังคมที่มีแต่ความสุข ความเจริญและความก้าวหน้าในสังคมต่อไป

ผู้ปกครอง ในจังหวัดตรังพาบุตรหลานซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนรับเปิดเทอม ในขณะที่ยอดการจำหน่ายลดลงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ประกอบการยังจำหน่ายเสื้อผ้าตามราคาของกระทรวงพาณิชย์

บรรยากาศการจำหน่ายชุดนักเรียนในจังหวัดตรัง ผู้ปกครองต่างนำบุตรหลานมาเลือกซื้อชุดและอุปกรณ์การเรียนเพื่อเตรียมตัว รับการเปิดเทอมที่จะมาถึง ซึ่งทางเจ้าของร้านจำหน่ายชุดนักเรียนกล่าวว่าได้มีลูกค้ามาเลือกซื้อชุดตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยราคาชุดนักเรียนชั้นอนุบาล ราคาชุดละ 300 บาท ชั้นประถมศึกษา ราคาชุดละ 400 บาท ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ราคาชุดละ 400 บาท ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ราคาชุดละ 500 บาท ในส่วนของการจำหน่ายกระเป๋านักเรียนนั้นขายไม่ค่อยดี เนื่องจากทางโรงเรียนแต่ละโรงเรียนให้ใช้กระเป๋าของโรงเรียน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และเปิดเทอมปีนี้ทางร้านมียอดการจำหน่ายลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 40 เนื่องจากประชาชนมีกำลังลดลง สาเหตุมาจากยางพาราซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญมีราคาตกต่ำ ประชาชนที่มีอาชีพกรีดยางพารามีรายได้ลดต่ำลงเป็นอย่างมาก จึงทำให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตามทางร้านจำหน่ายเสื้อผ้าชุดนักเรียนบอกว่าไม่ได้มีการปรับราคาค่าชุดนักเรียนแต่อย่างใด เนื่องจากต้องปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่ขอความร่วมมือไม่ให้ปรับราคาชุดนักเรียน เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดประชุมแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต สร้างความรู้ความเข้าใจแก่สื่อมวลชนในพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการประชาสัมพันธ์ ในสถานการณ์ที่อาจจะเกิดภัยพิบัติ หรือสาธารณภัยขึ้นในพื้นที่

วันนี้ (30 เม.ย.57)  ที่โรงแรมราวดี อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการประชุมแก้ไขปัญหาสาธารณภัยและภาวะวิกฤต ซึ่งสำนักงาน ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กำหนดจัดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมและซักซ้อมความเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติด้านประชาสัมพันธ์เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัยในรูปแบบต่างๆ โดยนางเสาวลักษณ์ แหละบัง ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าการจัดประชุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ที่ได้เกิดภัยพิบัติต่างๆ มากมายทั้งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เช่น อุทกภัย วาตภัย และภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ เช่น อัคคีภัย ภัยจากสารเคมี ซึ่งผลที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง สร้างความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ ของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยิ่ง สื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ เป็นบุคลากรที่มีความสำคัญในการสร้างความเข้าใจ สร้างความตระหนัก แก่ประชาชน ถึงผลของภัยต่างๆ โดยการประชาสัมพันธ์เตรียมความพร้อม ทั้งก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และการฟื้นฟูภายหลังภัยสงบ ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อม และซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติ ให้สามารถประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนดำเนินการไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอน วิธีการ และแนวทางปฏิบัติของภาครัฐ ในการป้องกัน แก้ไขปัญหา และฟื้นฟูเยียวยา ลดความสูญเสียและผลกระทบที่เกิดจากสาธารณภัยและวิกฤติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะที่นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ“แนวทางการป้องกัน แก้ไขและรับมือสาธารณภัยของจังหวัดนครศรีธรรมราช” โดยระบุว่าจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสาธารณภัยและภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ มีการกำหนดมาตรการการป้องกันโดยได้แต่งตั้งและมอบหมายผู้เกี่ยวข้องเป็นคณะทำงานในด้านต่างๆ จำนวน 7 ด้านเพื่อดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนและผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างทันท่วงที มีการควบคุมสถานการณ์อย่างถูกวิธี รณรงค์ให้ประชาชนใช้น้ำในด้านต่างๆ อย่างถูกต้อง ให้คำแนะนำชี้แจงถึงแนวทางการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุ ซึ่งได้รับความร่วมมือด้วยดีจากพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่/ชุมชน มีการจัดทำฝายชะลอน้ำ ทำนบกันน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อการบริหารจัดการน้ำต้นทุน โดยขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว จำนวน 32 หาง ในพื้นที่ 8 อำเภอ คืออำเภอสิชล พระพรหม ลานสกา พรหมคีรี ฉวาง ชะอวด และอำเภอพิปูน ประชาชนได้รับประโยชน์ ประมาณ 10,000 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังได้สำรวจและจัดทำเพิ่มเติมในพื้นที่ 10 อำเภอ จำนวน 137 หมู่บ้าน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์ประมาณ 50,000 ครัวเรือน

สำหรับการประชุมสัมมนาครั้งนี้ มีสื่อมวลชนทุกสาขาในพื้นที่ ตลอดทั้งเครือข่ายอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน สื่ออาสาและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านประชาสัมพันธ์ของภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมจำนวน 50 คน โดยมี นายธนวัฒน์ เรืองเดช นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายสุรชัย อักษรวงศ์ หัวส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช ให้ความรู้และพูดคุยถึงทักษะในการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันและรับมือสาธารณภัยรูปแบบต่างๆ ตลอดทั้งการปฏิบัติงานในสถานการณ์จริง
  


อุไรวรรณ/ข่าว

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

ผู้ ว่าฯสงขลา มอบเงินรางวัลนักกีฬาและผู้ฝึกสอน พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่ชมรมกีฬาดีเด่น และมอบประกาศเกียรติคุณให้กับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา จากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ กีฬาคนพิการแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 – 2557


วันนี้ (29 เม.ย.57) ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายกฤษฎา    บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบเงินรางวัลนักกีฬาและผู้ฝึกสอน พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่ชมรมกีฬาดีเด่น และมอบประกาศเกียรติคุณให้กับนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา จากการแข่งขันกีฬาแห่ง ชาติ กีฬาคนพิการแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 – 2557 ในโอกาสประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ประจำเดือนเมษายน ของจังหวัดสงขลา

นายพิทักษ์ สุวรรณวงค์ นักวิชาการส่งเสริมกีฬา สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จังหวัดสงขลา โดย ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดสงขลา และสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ กีฬาคนพิการแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 – 2557 ผลปรากฏว่า จังหวัดสงขลา ได้รับเหรียญรางวัล จากการแข่ง ดังนี้

การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 18 – 29 มี.ค. 2556 ณ จังหวัดมหาสารคาม ได้รับเหรียญทอง 4 เหรียญ ชนิดกีฬากอล์ฟ เทนนิส , เปตอง และกีฬามวยปล้ำ , เหรียญเงิน 5 เหรียญ ชนิดกีฬามวยปล้ำ ,ยกน้ำหนัก 2 เหรียญ ยิงปืน และกีฬาวูซู และเหรียญทองแดง 6 เหรียญ ชนิดกีฬากอล์ฟ, เปตอง 2 เหรียญ ,มวยปล้ำ,ยกน้ำหนัก และยิงปืน รวมเงินรางวัลที่ได้รับทั้งสิ้น 136,200 บาท

การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 5 – 15 มกราคม 2557 ณ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับเหรียญทอง 1 เหรียญ ชนิดกีฬาเทนนิส เหรียญเงิน 4 เหรียญ ชนิดกีฬาเปตอง ,ฟุตซอล มวยปล้ำ และกีฬาสนุกเกอร์ และเหรียญทองแดง 8 เหรียญ ชนิดกีฬา กรีฑา, เทนนิส บิลเลียด มวลปล้ำ 2 เหรียญ ยูโด 2 เหรียญ และกีฬาเอ๊อกซ์ตรีม รวมเงินรางวัลทั้งสิ้น 118,600 บาท

การแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 10 -14 กุมภาพันธ์ 2557 ณ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับเหรียญทอง 7 เหรียญ ชนิดกรีฑา 6 เหรียญ และกีฬาเปตอง เหรียญเงิน 3 เหรียญ ชนิดกีฬากรีฑา 2 เหรียญ และกีฬาเปตอง และเหรียญทองแดง 3 เหรียญ ชนิดกีฬากรีฑา เชปัคตะกร้อ และกีฬาว่ายน้ำ รวมเงินรางวัลทั้งสิ้น 183,600 บาท

การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 13 – 23 มีนาคม 2557 ณ จังหวัดศรีษะเกษ ได้ รับเหรียญทอง 3 เหรียญ ชนิดกีฬาบริดจ์ 2 เหรียญ และกีฬาปันจักสีลัต เหรียญเงิน 12 เหรียญ ชนิดกีฬากรีฑา 4 เหรียญ บริดจ์ ปันจักสีลัต 2 เหรียญ เทควันโด , บริดจ์ 2 เหรียญ , ปันจักสีลัต เปตอง 2 เหรียญ มวลปล้ำ 2 เหรียญ ยกน้ำหนัก ยูโด 2 เหรียญ และกีฬาวูซู รวมเงินทั้งสิ้น 209,900 บาท

จากการได้รับเหรียญในการแข่งขันกีฬาดังกล่าว จังหวัดสงขลา โดย ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา ร่วมกีบมูลนิธิเพื่อการพัฒนากีฬาจังหวัดสงขลา และมูลนิธิกีฬาจังหวัดสงขลา    (ชิต นิลพานิช) ได้มอบเงินรางวัลให้กับนักกีฬาและผู้ฝึกสอนที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา ดังนี้

เหรียญทอง เหรียญละ 10,000 บาท , เหรียญเงิน เหรียญละ 5,000 บาท และเหรียญทองแดง เหรียญละ 3,000 บาท ส่วนเงินรางวัลค่าเหรียญผู้ฝึกสอน จะได้รับ 40% ของแต่ละเหรียญรางวัล

และในโอกาสเดียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ชมรมกีฬาดีเด่น จังหวัดสงขลา ซึ่งมีผลงานจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ,คนพิการแห่งชาติ และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2556 – 2557 อีกด้วย

จังหวัดสงขลา เปิดโครงการนำร่องการช่วยเหลือพี่น้อง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ "เสน่ห์ถิ่นแดนใต้" ขับเคลื่อนงานออกแบบ เตรียมความพร้อมเปิด AEC

เช้าวันนี้ (29 เม.ย. 57) เวลา 09.00 น. ที่ โรงแรมบีพีสมิหลา บีช โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท อ.เมืองสงขลา นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดโครงการนวัตกรรมของที่ระลึกสำหรับการท่องเที่ยวในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริมและเปิดช่องทางการตลาดสินค้าของที่ระลึกใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ 3 กุล่ม คือ อาหาร ผ้า/เครื่องแต่งกาย และของใช้ที่ระลึก ได้รับการพัฒนาศักยภาพและมีความสามารถเชื่อมโยงตลาดในและต่างประเทศ ภายในงานจัดให้มีการเสวนา "แนวโน้มการพัฒนาสินค้าที่ระลึกด้วยเสน่ห์ถิ่นแดนใต้" และให้คำปรึกษาการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ อาทิ การพัฒนาผลิตสินค้าที่ระลึก การพัฒนาฉลาก/ บรรจุภัณฑ์ และการพัฒนาสื่อส่งเสริมการตลาด

นายประสาทสุข นิยมราษฎร์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง มีศักยภาพและอัตลักษณ์แตกต่างที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว จังหวัดสงขลาและสตูล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ต่างมีภูมิปัญญาท้องถิ่นทีเป็นเสน่ห์ให้มิตรประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียมาเยือนได้เสมอ การพัฒนาสินค้าที่ระลึกเพื่อตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ จึงมีความสำคัญ และจะทำให้ธุรกิจการผลิตสิ่งทอ อาหาร และของตกแต่งต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าที่ระลึกในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีศักยภาพและมีความยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีการแข่งขันด้านการตลาดสูงมาก



ยุสรา วาจิ//ข่าว
จิรพัฒน์ วงศ์กระจ่าง//ภาพ

จังหวัดสตูล ฝึกอบรมการป้องกันและระงับอัคคีภัยโดยใช้ถังเคมีดับเพลิงขั้นต้น รองรับการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด ประจำปี ๒๕๕๗

( ๒๘ เม.ย.๕๗) สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล จัดฝึกอบรมการป้องกันและระงับอัคคีภัยโดยใช้ถังเคมีดับเพลิงขั้นต้น ให้แก่เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่ปฏิบัติงานภายในศาลากลางจังหวัด ณ บริเวณลานด้านหน้าศาลากลางจังหวัด จัดกิจกรรมสาธิตการใช้ถังเคมีดับเพลิงระงับเหตุจากถังแก๊สหุงต้ม สาธิตการกู้ชีพ และนิทรรศการเครื่องมือกู้ชีพต่าง ๆ โดยมีนายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมชมการสาธิตการใช้ถังเคมีดับเพลิงในครั้งนี้ด้วย

นายสำเริง วงศ์มุณีวรณ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล กล่าวว่า จังหวัดสตูลได้มีการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พร้อมรับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น ทั้งทางด้านบุคลากร ยานพาหนะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ กำหนดฝึกซ้อมจำนวน ๓ ครั้ง ได้แก่วันที่ ๒๘ เมษายน เป็นการฝึกอบรมการป้องกันระงับอัคคีภัย การใช้ถังเคมีดับเพลิงขั้นต้น วันที่ ๑ พฤษภาคม ฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะและการฝึกซ้อมแผนเฉพาะหน้าที่ ณ โรงแรมพินนาเคิลวังใหม่ และวันที่ ๘ พฤษภาคม จะเป็นการฝึกซ้อมแผนเต็มรูปแบบ โดยมีการสมมุติเหตุการณ์เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ณ บริเวณอาคารศาลากลางจังหวัดสตูล หลังเก่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าระงับเหตุ และให้ความช่วยเหลืออพยพผู้ประสบภัยไปยังที่ปลอดภัย และนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งในการฝึกซ้อมแผนครั้งนี้จะมีการประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ และผู้เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ ทั้งหน่วยพยาบาล หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย การประสานขอรับการสนับสนุนรถดับเพลิง การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และด้านอื่น ๆ เพื่อนำผลการฝึกซ้อมฯ มาประเมินและวิเคราะห์จุดบกพร่องต่าง ๆ ให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง

ราคายางตกต่ำลงมาจากสต็อกยางของจีนและของไทย

 รักษาการ ผอ.สกย. ระบุว่าเหตุที่ราคายางตกต่ำลงมาจากสต็อกยางของจีนและของไทยเอง ยังมีอยู่จำนวนมาก

นายประสิทธิ์ หมีดเส็น รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เปิดเผยในโอกาสที่มาตรวจติดตามการดำเนินงานของ สกย.สุราษฎร์ธานีถึงสาเหตุที่ทำให้ราคายางพาราตกต่ำลง ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการยางจากต่างประเทศลดลง สต็อกยางที่ตกค้างอยู่มีจำนวนมากเกินความต้องการของภาคอุตสาหกรรมยางล้อ โดยสต็อกยางในประเทศไทยมี 200,000 ตัน และสต็อกยางในประเทศจีนมีอีก 300,000 กว่าตัน รวมกันแล้วยังมีสต็อกยางถึง 500,000 กว่าตัน เป็นอุปสรรคในการปรับตัวสูงขึ้นของราคายางพารา

รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางกล่าวถึงองค์ประกอบที่จะทำให้ราคายางพาราสูงขึ้น มีหลายปัจจัย ทั้งเรื่องสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ปริมาณยางในตลาด อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเราด้วย เป็นส่วนสำคัญต่อการปรับตัวขึ้นของราคายางพารา

กองกำลังเทพสตรี สกัดจับแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 71 คน ลักลอบเข้าเมืองทางชายแดนไทย-พม่า

ทหารชุด ฉก.ร.25 ระนอง กองกำลังเทพสตรี สกัดจับแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 71 คน ลักลอบเข้าเมืองทางชายแดนไทย-พม่า หลบซ่อนตัวในสวนปาล์ม รอนายหน้าส่งต่อไปทำงานต่างจังหวัด เตรียมขยายผลติดตามรวบผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนี

พ.ต.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผบ.ร้อย ร.2521 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี พร้อมด้วยกำลังทหาร 15 นาย เข้าตรวจสอบสวนปาล์มน้ำมัน บริเวณบ้านหินใหญ่ หมู่ 8 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี จ.ระนอง ภายหลังจากที่ได้มีการสกัดจับรถกระบะอีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน บล 5630 สุราษฎร์ธานี บรรทุกแรงงานต่างด้าวชาวพม่ามาเต็มคัน แต่คนขับหลบหนีไปได้ จึงนำนายหน้าชาวพม่ามาสอบถาม ทราบว่าขบวนการลักลอบค้าแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ได้นำแรงงานเถื่อนเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในสวนปาล์มดังกล่าวเพื่อรอทยอยส่งไป ทำงานตามโรงงาน สถานประกอบการไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ รวมไปถึงประเทศมาเลเซีย จึงเข้าทำการปิดล้อมสามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้ทั้งหมด เป็นชาวพม่าแยกเป็นชาย จำนวน 55 คน หญิง จำนวน 16 คน รวม 71 คน และพบรถกระบะอีซูซุอีกหนึ่งคัน หมายเลขทะเบียน บจ 8317 พังงา อยู่ในบริเวณสวนปาล์ม มีกระเป๋าแรงงานเต็มกระบะ คนขับอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีรอดไปได้

มาตรการควบคุมถังก๊าซหุงต้ม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


สำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน แจ้งว่ามาตรการควบคุมถังก๊าซ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ นำมาคัดแปลงประกอบเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดทำโครงการ PTT Composite Plus ลงใต้ใส่ใจคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้บริโภค เพื่อตอบสนองนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการสร้างความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของผู้บริโภคในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแลกเปลี่ยนถังเหล็ก ปตท. ขนาด ๑๕ กิโลกรัม (กก.) ให้เป็นถังคอมโพสิต ขนาด ๑๑ กิโลกรัม ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ (ไม่รวมค่าน้ำก๊าซ) เงื่อนไขการแลกเปลี่ยน เฉพาะถังเหล็ก ปตท. ขนาด ๑๕ กก. สภาพพร้อมใช้งาน ผู้ใช้สิทธิ์ต้องแสดงบัตรประชาชน ที่ระบุมีถิ่นที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส สามารถใช้สิทธิ์ได้เพียง ๑ ใบ ต่อ ๑ บัตรประชาชน เท่านั้น

สถานที่ดำเนินการแลกเปลี่ยน ร้านค้าก๊าซที่ ปตท. กำหนดจำนวน ๔๒ แห่ง ส่วนจังหวัดยะลามี ๑๓ แห่ง แบ่งเป็นอำเภอเมือง ๕ แห่ง โรงบรรจุก๊าซ หจก.ยะลาสหพันธ์แก๊ส  ร้านเจริญกิจพาณิชย์ ร้านเลิศรส  ร้านเขมิกา สมนึก  ร้านครูตั๋ม อำเภอบันนังสตา ๑ แห่ง ร้านฟารีดาการไฟฟ้า อำเภอยะหา ๑ แห่ง ร้านพรชัย ไชยจรัส อำเภอธารโต ๑ แห่ง ร้านปรีชา รัตนโชติกานนท์ อำเภอเบตง ๒ แห่ง ร้านแสงดีการไฟฟ้า ร้านวุฒิชัยพาณิชย์ อำเภอกรงปินัง ๑ แห่ง ร้านรอแอเม๊าะ มีตามี  อำเภอกาบัง ๑ แห่ง ร้านนางจิรวรรณ ดาวกระจาย อำเภอรามัน ๑ แห่ง ร้านนายรอซาดี โมงสะเอะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป – วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗


โรสนาเดียร์  ซาดา ส.ปสช.ยะลา ข่าว

พิจารณารับรางวัลอนุสรณ์สงขลานครินทร์ ประจำปี ๒๕๕๗

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ขอเชิญเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับรางวัลอนุสรณ์สงขลานครินทร์ ประจำปี ๒๕๕๗ เพื่อรับพระราชทานโล่เกียรติยศในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และจะได้รับรางวัล ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งการประกาศเกียรติคุณ เป็นผู้อุทิศตน เสียสละ เพียรพยายามในการดำเนินงานให้สำเร็จ แสดงถึงการอุทิศตน ความเสียสละ เพียรพยายามนอกเหนือจากความรับผิดชอบในหน้าที่การงานปกติ เป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น ไม่มีประวัติเสื่อมเสียทั้งด้านส่วนตัวและหน้าที่การงานอาชีพ เป็นบุคคลสัญชาติไทย ที่มีกำหนดหรือภูมิลำเนาในภาคใดก็ได้ มีผลงานที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ภาคใต้

ผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อควรเป็นบุคคลที่ประพฤติตนตามแนวทางพระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมราชชนก ที่ว่า “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านธรรมมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์”

สามารถส่งข้อมูลของบุคคลที่ประสงค์จะเสนอชื่อพร้อมประวัติและผลงานของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลอนุสรณ์สงขลานครินทร์ ประจำปี ๒๕๕๗ ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยตรง ภายในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มเสนอชื่อได้ที่ www.yala.go.th หัวข้อประชาสัมพันธ์



โรสนาเดียร์  ซาดา ส.ปชส.ยะลา ข่าว

เรือนจำภูเก็ต นำกิจกรรมลูกเสือ พัฒนาด้านคุณธรรม จริยธรรม สร้างทัศนะที่ดีต่อสังคม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ เรือนจำจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือวิชาสามัญขั้นความรู้เบื้องต้น (คุณคือคนสำคัญ) โดยมี นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ. เมืองภูเก็ต  เจ้าหน้าที่ วิทยากร และสมาชิกลูกเสือ เนตรนารี เข้าร่วม

นายระพินทร์ กล่าวว่า  กรมราชทัณฑ์ มีภารกิจในการควบคุม บำบัด ฟื้นฟูและแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง เพื่อคืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคม โดยกำหนดกลยุทธ์ว่า ผู้ต้องขังได้รับการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังติดยาเสพติดได้รับการบำบัดฟื้นฟู จึงได้ดำเนินการจัดการศึกษาทั้งวิชาสามัญ วิชาชีพการศึกษาตามอัธยาศัย ตลอดจนอบรมในลักษณะต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะด้านคุณธรรมและจริยธรรม ด้านการปลูกฝังให้ผู้ต้องขังเป็นผู้เสียสละ ทำตนให้เป็นประโยชน์มีระเบียบวินัยในตนเอง ให้ผู้ต้องขังเห็นคุณค่าในตนเอง มีความรับผิดชอบ สามารถทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อีกทั้งปลูกฝังให้มีความเคารพยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

สำหรับโครงการฝึกอบรมวิชาผู้กำกับลูกเสือวิชาสามัญขั้นความรู้เบื้องต้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 เมษายน- 2 พฤษภาคม 2557 มีผู้ต้องขังเข้าร่วม จำนวน 80 คน เพื่อให้ผู้ต้องขังทั้งชายและหญิง ได้มีความรู้ความเข้าใจ เรื่องของลูกเสือไทย ลูกเสือโลก ตลอดจนการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคต เป็นการเสริมสร้างศรัทธา และทัศนคติที่ดีต่อกิจกรรมลูกเสือ เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความสามัคคี ความเป็นผู้มีระเบียบวินัย เสียสละ มีทัศนคติที่ดีต่อสังคมและรู้จักตนเองสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อให้ผู้ต้องขังได้มีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ยึดมั่นในกฎ คำปฏิญาณตนของลูกเสือ และสามารถนำไปใช้ปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อปลูกฝังกล่อมเกลาให้ผู้ต้องขัง มีจิตใจเมตตา เสียสละ มีสัมพันธภาพอันดีกับเพื่อนมนุษย์ทั่วไป


พ่อเมืองภูเก็ตดึงทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาการปิดถนนประท้วงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเมืองท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 29 เม.ย. 57  ที่ห้องประชุมศาลากลางภูเก็ต นายไมตรี  อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมหารือวาระยามเช้า โดยมี ดร.สมหมาย  ปรีชาศิลป์  และนายสมเกียรติ   สังข์ขาวสุทธิรักษ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดภุเก็ต นายสรธรรม  จินดา รองนายก อบจ. ภูเก็ต พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม

นายไมตรี  กล่าวตอนหนึ่งว่า กรณีปัญหาการปิดถนนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเกิดขึ้นถึง 2 แห่ง โดยที่แรกที่บ้านหมากปรก ต. ไม้ขาว อ. ถลาง และครั้งที่ 2 ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต. วิชิต อ. เมืองภูเก็ต ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้ถนนสัญจรไปมา อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้ง 2 แห่ง หัวหน้าส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้กระทบกับการท่องเที่ยวน้อยที่สุด โดยในส่วนของการแก้ปัญหาถนนทางโค้งเจ้าฟ้าตะวันตกมอบให้แขวงการทางภูเก็ต ร่วมกับเทศบาลตำบลวิชิตเข้าไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน ขณะที่การปิดถนนบ้านหมากปรกในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย. 57) เวลา 19.00 น. ที่มัสยิดบ้านหมากปรก ผวจ.ภูเก็ตจะนำส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ภาคประชาชน มาหารือทำความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก

กรมควบคุมมลพิษจัดอบรมการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแก่ หน่วยงานภาครัฐท้องถิ่นและรัฐวิสหกิจหวังให้การจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการของหน่วยงานเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น

วันที่ 29 เม.ย. 57  ที่ ดวงจิตรีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดภูเก็ต นายสุวิทย์ รัตติยวงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นประธานกล่าวเปิดอบรมและชี้แจงนโยบายการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ โดยมี นายถาวร   จิรพัฒนโสณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ตร่วมเป็นวิทยากร มีตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย หน่วยงานในกำกับของรัฐ  และองค์การมหาชน เข้าร่วม

นายสุวิทย์ กล่าวว่า เพื่อให้การจัดฝึกอบรมวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กรมควบคุมมลพิษจึงได้จัดทำแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ.2556 – 2559 ขึ้น และได้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 และอยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี โดยในแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ. 2551 – 2554 ซึ่งขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วม ขณะเดียวกันจะขยายผลสู่การปฎิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ มหาลัย หน่วยงานในกำกับของรัฐ และองค์การมหาชน เพื่อส่งเสริมให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตและการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กว้างขวางขึ้น และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่กระบวนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนในทุกๆ ภาคส่วน กรมควบคุมมลพิษจึงได้จัดฝึกอบรมวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครั้งนี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงการวิธีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานภาครัฐรวมทั้งขยายผลตามเป้าหมายในแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมปีพ.ศ.2556 – 2559 และหวังว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นเกิดการปฎิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปสู่องค์กรต่างๆ ตามแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างฯ

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตำบลป่าคลอก จังหวัดภูเก็ต เยี่ยมเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง และติดตามผลงานการวิจัยพัฒนาสาหร่ายพวงองุ่นตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรภูเก็ต

เมื่อวันที่  28 เม.ย.57 นายไมตรี  อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต  ลงพื้นที่ตำบลป่าคลอกเพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้ง ที่ฟาร์มสาธิต หมู่ที่ 2 บ้านบางแป ต.ป่าคลอก อ.ถลางและศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต อ.ถลาง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการพัฒนากุ้งในจังหวัดภูเก็ต ตามยุทธศาสตร์การเกษตรของจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายธวัช ศรีวีระชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต พร้อมด้วย นายเกียรติคุณ  เจริญสวรรค์  ประมงจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม  โดยมีชมรมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งจังหวัดภูเก็ตให้การต้อนรับ

นายไมตรี อินทุสุต กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งในครั้งนี้ ว่า กุ้งนั้นถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ฝั่งอันดามันทั้ง ภูเก็ต  พังงา  กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล โดยในแต่ละปีสามารถผลิตกุ้งได้ถึงปีละกว่า 1 แสนตัน เป็นผลผลิตรวมถึงครึ่งหนึ่งของประเทศซึ่งเป็นจีดีพีเศรษฐกิจทางประมงของจังหวัดภูเก็ต ถึงร้อยละ 4   และเกษตรอื่น ๆ ร้อยละ 3 เนื่องจากกุ้งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีราคาสูงมาก

อย่างไรก็ตาม  ตั้งแต่ต้นปี 2556  เป็นต้นมา ความต้องการบริโภคกุ้งมีจำนวนลดลง  เนื่องจากประเทศไทยและอาเซียนประสบปัญหาจากโรคตายด่วน หรือ อีเอ็มเอส  ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาทางด้านการผลิต  จากเดิมที่สามารถผลิตกุ้งได้วันละ 5,000 กิโลกรัม  เหลือเพียง 2,000 กิโลกรัมต่อวัน และในปัจจุบันเหลือเพียง 500 กิโลกรัมต่อวันเท่านั้น ลดลงถึงร้อยละ 60 - 70  โดยสภาวการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ

ดังนั้นในวันนี้ถือโอกาสมาดูความคืบหน้าของการพัฒนากุ้งในจังหวัดภูเก็ต  ได้รับรายงานว่า จากผู้ที่เกี่ยวข้องว่า  ทางภูเก็ตมีชมรมผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งทั้งสิ้นจำนวน 55 ราย  โดยเพาะเลี้ยงกุ้งจำนวน 77 บ่อ โดย ร้อยละ 60 จะอยู่ในพื้นที่ตำบลป่าคลอก สำหรับการแก้ปัญหาในเรื่องของโรค EMS นั้น ทางเกษตรกร  มีการเพาะจุลินทรีย์ และนำมาขยาย  เห็นว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเป็นการรักษาคุณภาพน้ำด้วย   อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความเสียหาย  มีการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบโซเซียนเมิร์ส  สำหรับเพื่อร่วมภาคีเพาะเลี้ยงกุ้งด้วย

นอกจากนั้น การลงพื้นที่ในครั้งนี้  ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมบริเวณแปลงเพาะพันธ์สาหร่ายพวงองุ่นหรือ สาหร่ายเม็ดพริก  ที่บริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต อีกด้วย  ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตพร้อมจะสนับสนุนงบประมาณ  และส่งเสริมให้ทางศูนย์ ฯ ขยายพันธุ์สาหร่ายดังกล่าว และส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปเพาะเลี้ยงในฟาร์มกุ้ง  เพื่อเป็นทางเลี้ยงใหม่สำหรับเกษตรกร ในการเสริมการเพาะเลี้ยงกุ้ง โดยสามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้

ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต แจงรอบ 7 เดือนมีเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค 26 เรื่อง ได้ข้อยุติ 5 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นคดีซื้อขายที่ดินและบ้านจัดสรร

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2557 ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2557 โดยมีนายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายเกรียงศักดิ์ สุขสมบูรณ์ ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

สำหรับการประชุมครั้งนี้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนมายังคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน 7 เรื่อง ได้ข้อยุติ 1 เรื่อง และส่ง สคบ. กลางพิจารณา 6 เรื่อง

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 จนถึงวันที่ 29 เมษายน 2557  คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคทั้งหมด จำนวน 26 เรื่อง อยู่ระหว่างการดำเนินการ 21 เรื่อง ดำเนินการได้ข้อยุติ จำนวน 5 เรื่อง แยกเป็นเรื่องของ การไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา 13 เรื่อง ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า จำนวน 11 เรื่องและไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโฆษณา จำนวน 2 เรื่อง รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ผู้บริโภค จำนวน 10 ราย ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคดีที่เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน บ้านจัดสรร คอนโนมิเนียม เป็นต้น

อย่างไรก็ตามจากเรื่องร้องเรียนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทางคณะกรรมการได้มีการดำเนินการทุกเรื่อง โดยเชิญผู้ร้อง ผู้ถูกร้องมาพูดคุยกันเพื่อหาข้อสรุป และหลาย ๆ เรื่องสามารถตกลงกันได้ ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนเรื่องที่ไม่สามารถตกลงกันได้ก็ให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

จังหวัดพังงา จัดประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการ ติดตามผลความก้าวหน้าการปฏิบัติราชการของหน่วยงานต่างๆในรอบเดือนเมษายน ๒๕๕๗

วันนี้ (๒๙ เม.ย. ๕๗) เวลา ๐๙.๓๐ น. นายธำรงค์ เจริญกุลผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหากิจ นายอำเภอ และองค์กรภาคเอกชน (การประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการ) ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานเข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้เพื่อสรุปภารกิจการ ติดตามผลความก้าวหน้าการปฏิบัติราชการของหน่วยงานต่างๆในรอบเดือนที่ผ่านมา รวมถึงปัญหา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาข้อคิดในการปฏิบัติราชการ

สำหรับระเบียบวาระการประชุมที่สำคัญในครั้งนี้ ประกอบด้วย การเตรียมจัดงานรัฐพิธีถวายราชสดุดีเนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี ๒๕๕๗ การจัดงานสมโภช "รูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม” ระหว่างวันทา ๓-๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ วัดบางทรายน้อย หมู่ที่ ๗ ต.มะลุ่ย อ.ทับปุด การจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองพังงา ประจำปี ๒๕๕๗ ในวันที่ ๓ พ.ค. และ การเปิดรับคำขอรับจัดสรรเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน

พังงาประสบภัยแล้ง กปภ.สาขาท้ายเหมือง แจ้งงดจ่ายน้ำประปาเป็นการชั่วคราว พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วน

การประปาส่วนภูมิภาคสาขาท้ายเหมือง ของดจ่ายน้ำประปาเป็นการชั่วคราว ในเขตพื้นที่ ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง ตำบลนาเตย ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งฝนไม่ตกทิ้งช่วงเป็นเวลานานกว่าปกติทำให้ไม่ สามารถทำการผลิตน้ำประปาได้ จึงมีความจำเป็นต้องของดจ่ายน้ำเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2557 เป็นต้นไป และการประปาส่วนภูมิภาคสาขาท้ายเหมืองร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาคเขต 4 กองระบบจำหน่าย ทำการแจกจ่ายน้ำโดยรถน้ำของ กปภ. พร้อมด้วยรถน้ำของหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลอย เทศบาลตำบลโคกกลอย องค์การบริหารส่วนตำบลนาเตย เทศบาลตำบลท้ายเหมือง องค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมือง ทั้งนี้การประปาส่วนภูมิภาคสาขาท้ายเหมืองได้รับงบประมาณเร่งด่วน 140,000.-บาท (เงินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) เพื่อทำการติดตั้งโรงสูบน้ำดิบชั่วคราวบริเวณสะพานนาเตย หมู่ที่ 7 ตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ถ้าแล้วเสร็จภายใน 7 วัน จะสามารถสูบ-จ่ายน้ำประปาได้เป็นช่วงเวลา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเขตพื้นที่จ่ายน้ำของการประปาส่วน ภูมิภาคสาขาท้ายเหมืองต่อไป



ส.ปชส.พังงา

สำนักงานขนส่งจังหวัดตรัง ประกาศนายทะเบียนจังหวัดตรัง เรื่อง รถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีติดต่อกันครบ 3 ปี

ประกาศนายทะเบียนจังหวัดตรัง
เรื่อง  รถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีตคิดต่อกันครบสามปี
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522
***********

ตามที่พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 ให้รถคันที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี การจดทะเบียนเป็นอันระงับไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35/3 แห่งพระราชบัญญัติรถุยนต์ พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 นายทะเบียนจังหวัดตรัง จึงขอประกาศ ดังนี้
        1. ให้เจ้าของรถทีทะเบียนถูกระงับตามบัญชีแนบท้ายประกาศ ส่งคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถและนำใบคู่มือจดทะเบียนรถมาแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อบันทึกหลักฐานการระงับทะเบียนรถภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้แจ้งและปิดประกาศฉบับนี้
        2. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เจ้าของรถที่ทะเบียนถูกระงับรายใด ไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งพันบาท และนายทะเบียน ผู้ตรวจการ หรือผู้ที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกมอบหมายมีอำนาจยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถได้
        3. สำหรับภาษีรถที่ค้างชำระ เจ้าของรถยังมีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่ค้างให้ครบถ้วน พร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ แต่สามารถขอผ่อนชำระภาษีที่ค้างได้   รายละเอียดปรากฏตามรายงานรถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีติดต่อกันครบ 3 ปี ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม  พ.ศ. 2557 ถึงวันที่ 31 มีนาคม  พ.ศ. 2557

จึงประกาศเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ประกาศ  ณ  วันที่   18  เมษายน  พ.ศ. 2557

                        
                                                (นายสุภกิจ  ชิณณะเสถียร)
                                                  นายทะเบียนจังหวัดตรัง

ปชส.ตรัง นำสื่อมวลชนและเครือข่าย จัดเวทีเสวนาและศึกษาดูงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนพอเพียง ตามโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง โดย นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง นำคณะสื่อมวลชนทุกแขนงและเครือข่ายอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านพร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 30 คน ทัศนศึกษาดูงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจชุมชนพอเพียงบ้านในกอย ของนายนัน ชูเอียด ณ บ้านเลขที่ 217 หมู่ที่ 9 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ตามโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และจัดกิจกรรมเวทีเสวนา "สื่อมวลชนกับการประชาสัมพันธ์โครงการพระราชดำริ” นายนัน ชูเอียด ประธานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านในกอย ได้กล่าวว่า ศูนย์การเรียนรู้บ้านในกอยแห่งนี้ แรกเริ่มมีปัญหาจากการประกอบอาชีพในการทำสวนยาง ซึ่งขณะนั้นยางแผ่นมีราคาตำต่ำ แกนนำกลุ่มและสมาชิกมีแนวคิดหาวิธีการที่เหมาะสมในการประกอบอาชีพ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ จึงได้ริเริ่มปลูกยางพาราพันธุ์ดีแทนที่นา การนำสละพันธุ์เนินวงษ์จากจังหวัดจันทบุรีเข้ามาปลูก สร้างรายได้จนสามารถปลูกทดแทนการทำสวนยางพารา หรือการปลูกพืชผสมผสานในที่ดินสวนยางพาราได้ จนถึงปัจจุบันนี้นอกจากชุมชนบ้านในกอยสามารถพึ่งพาตนเองได้แล้ว ยังเป็นต้นแบบในการเรียนรู้ให้กับชุมชนอื่น ๆ สถานศึกษา และหน่วยงานที่สนใจ เข้าชมและให้ความรู้ได้ตลอดเวลา

สำหรับการปลูกพืชแซมยางนั้น ทางศูนย์ฯ ได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักเหมียงแซมยางเสริมรายได้ โดยในพื้นที่ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน มีเกษตรกรปลูกแซมยางกว่า 300 ไร่ ซึ่งเป็นการปลูกแบบปลอดสารพิษ สามารถเก็บขายได้กิโลกรัมละ 50 บาท กิ่งตอนกิ่งละ 10 บาท กิ่งตอนชำถุงละ 20 บาท ซึ่งถือเป็นรายได้เสริมแก่เกษตรกรชาวสวนยาง อีกทั้งการปลูกผักเหมียงในสวนยางยังสามารถสร้างความชุ่มชื้นทำให้ต้นยางให้น้ำยางในปริมาณที่มากกว่าในพื้นที่อื่น อีกทั้งขณะนี้ สละพันธุ์เนินวงษ์มีรสชาติที่หวานอร่อย ซึ่งขายในราคากิโลกรัมละ 50 บาท ซึ่งทำรายได้ให้ปีละ 70,000-100,000 บาท นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ได้ทดลองปลูกต้นอินทผาลัม เพื่อเป็นรายได้เสริม รวมทั้งจะขยายพื้นที่ปลูกสละพันธุ์สุมาลีในเนื้อที่ 8 ไร่ และในอนาคตจะขยายให้เต็มพื้นที่ที่ตนมีอยู่ 50 ไร่ นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมเวทีเสวนา "สื่อมวลชนกับการประชาสัมพันธ์โครงการพระราชดำริ ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ณ บ้านเขาชัน ย้อนรอยประวัติศาสตร์รัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2432 คราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสพัทลุง ได้ทรงเสด็จจับกรจงที่บ้านเขาชัน จ.พัทลุง เพื่อนำไปเลี้ยง และใช้บ้านเขาชันและหมู่เกาะสี่ เกาะห้า เป็นที่ประทับส่วนพระองค์และ พระราชโอรส ปัจจุบันบริเวณที่เสด็จจับกรจง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ทั้งนี้ นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า เพื่อให้สื่อมีความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ในอันที่จะได้นำความรู้ไปปรับใช้สำหรับตัวเอง ทราบบทบาทหน้าที่ของสื่อ ในการหาช่องทางที่จะนำเสนอสิ่งที่ได้จากการศึกษาดูงานไปสู่ประชาชน ให้ประชาชนมีสติอยู่กับปัญหาได้ นอกจากนี้สื่อยังมีโอกาสมาสัมผัสเรียนรู้ ทราบถึงปัญหา การแก้ปัญหา สิ่งดึงดูดใจนำมาปรับใช้ นำไปเผยแพร่ได้อย่างถูกต้อง ให้ผู้รับสื่อนำไปใช้ได้ นำเสนอข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนหยิบไปใช้ได้ซึ่งจะทำให้สื่อได้เกิดมุมมองใหม่ มีแนวคิดที่กว้างไกลออกไป อีกทั้งนำไปขยายผลและเผยแพร่พระราชกรณียกิจ พร้อมทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน

กำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ตำบลลำภูรา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบางดี และครูโรงเรียนบางดีวิทยา ในการซ่อมแซมอุปกรณ์การเรียน นำของเก่ามาปรับปรุงใหม่ เพื่อเตรียมก่อนเปิดเทอม

นายสนิท ชูเมือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ขอความร่วมช่วยเหลือจากพันเอกฐนิตพนธ์ หงส์วิไล ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ตำบลลำภูรา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ขอกำลังทหารมาช่วยเหลือในการซ่อมแซมอุปกรณ์การเรียนให้กับนักเรียนที่โรงเรียนบางดีวิทยาคม หมู่ที่ 10 ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง หลังได้รับหนังสือขอความร่วมมือจึงได้สั่งการให้ร้อยโทบุญส่ง ทองมาก รองผู้บังคับกองร้อยสนับสนุนการรบ นำกำลังพลจำนวน 10 นาย ไปช่วยองค์การบริหารส่วนตำบลบางดีและครูโรงเรียนบางดีวิทยาคม โดยการนำโต๊ะ เก้าอี้ ที่ชำรุดใช้งานไม่ได้ มาทำการซ่อมแซมและทาสีใหม่ ซึ่งมีโต๊ะที่ชำรุดจำนวนมาก การที่นำโต๊ะ เก้าอี้ มาเก่ามาทาสีและซ่อมแซมใหม่ ทำให้ทางโรงเรียนประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อโต๊ะ เก้าอี้ ใหม่ได้จำนวนมาก

นอกจากนี้ทางพระวิเชียร สุทธิญาโน เจ้าอาวาสที่พักสงฆ์ถ้ำพญานาคราช อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ได้บริจาคเงินช่วยเหลือโรงเรียน 3หมื่นบาท ในการซื้ออุปกรณ์ที่นำมาซ่อมแซมให้กับโรงเรียน ทั้งนี้โรงเรียนบางดีวิทยาคม เปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มีนักเรียน จำนวน 375 คน คณะครูและนักการภารโรง จำนวน 30 คน ส่วนที่เด็กเรียนที่เดินทางมาเรียนนั้นเป็นเด็กนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอดและเด็กที่มาจาก อำเภอบางยัน จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากอยู่ใกล้และเป็นเขตรอยต่อระหว่างจังหวัด การที่หน่วยทหารเข้ามาช่วยเหลือทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่าวนท้องถิ่นและโรงเรียน สร้างความดีใจให้กับโรงเรียนเป็นอย่างมาก

อบจ.ตรังจัดโครงการฝึกอบรมเทคนิคการลับมีดกรีดยางให้กับชาวบ้านบนเกาะมุกด์ ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง

ที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนบ้านเกาะมุกด์ หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จ.ตรัง นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจ.ตรัง นายสิทธิ หลีกภัย เลขานุการนายกอบจ.ตรัง เจ้าหน้าที่กองแผนและงบประมาณ อบจ.ตรัง และผู้ใหญ่บ้าน เป็นประธานและร่วมในพิธีเปิดการฝึกอบรม "หลักสูตรเทคนิคการลับมีดกรีดยางพารา” รุ่นที่ 8 ประจำปีงบประมาณ 2557 โดยองค์การบริหารส่วนจ.ตรัง ได้ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจ.ตรัง จัดทำโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ในปีงบประมาณ 2557 จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นอีก มีเป้าหมายในการฝึกอบรม จำนวน 3,000 คน จำนวน 30 รุ่น แบ่งการฝึกอบรมเป็นรุ่นๆละ 100 คน ใช้เวลาฝึกอบรม 1 วัน สำหรับครั้งนี้มีเข้าร่วมการฝึกอบรมจำนวน 100 คน โดยสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจ.ตรัง เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการถ่ายทอดให้ความรู้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมครั้งนี้ทางองค์การบริหารส่วนจ.ตรังเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้กรีดยางพาราให้เป็นนักลับมีดกรีดยางที่มีฝีมือ เรียกว่า "ช่างลับมีดกรีดยางมือชีพ”

โดยทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการลับมีดกรีดยาง การดูแลรักษาสวนยางพาราที่ถูกต้อง ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งโค่นต้นยางเพื่อปลูกแทนรอบใหม่ และที่สำคัญคือทุกคนจะได้ทราบหลักการกรีดยางอย่างน้อย 4 ประการคือ การลับมีดอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพส่งผลให้มีปริมาณน้ำยางในการกรีดต่อครั้งสูง,การกรีดอย่างไรให้น้ำยางมากที่สุด,กรีด ยางอย่างไรให้ต้นยางเสียหายน้อยที่สุดและกรีดได้นานที่สุดและกรีดยางอย่างไร จึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทั้งนี้นอกจากความรู้และเทคนิคต่างๆแล้ว ผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับมีดกรีดยางและหินลับมีดคนละ 1 ชุดเพื่อนำไปฝึกปฏิบัติจริง สำหรับเกาะมุกด์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลชื่อดังแห่งหนึ่งของจ.ตรัง การเดินทางต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะเพียงอย่างเดียว ใช้เวลาจากท่าเรือโดยสารประมาณ 25-30 นาที มีประชาชนประกอบอาชีพทำสวนยางพารากว่าร้อยละ 50 ของประชากรบนเกาะ หรือกว่าพันคน

นายกอบจ.ตรัง ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านบนเกาะมุกด์ หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง นายสิทธิ หลีกภัย เลขานุการนายกอบจ.ตรัง ลงพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านเกาะมุกด์ ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านจากนายอนุชา กึกก้อง ผู้ใหญ่บ้าน นายอะเหร็น พระคง ประธานชมรมประมงพื้นบ้าน จ.ตรัง และชาวบ้านในพื้นที่ โดยปัญหาเร่งด่วนคือขาดแหล่งน้ำกิน น้ำใช้ในช่วงฤดูแล้ง ชาวบ้านเดือดร้อนหลายร้อยครัวเรือน / ปัญหาการบริหารจัดการขยะ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพอนามัยและภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และปัญหาถนนหนทาง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อบจ.ตรัง จะส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ เพื่อแก้ปัญหาต่อไป

จ.ตรัง เตรียมจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557

ที่ห้องประชุมหาดเจ้าไหม ศาลากลางจังหวัดตรัง ชั้น 5 นายนิพันธ์ ศิริธร ปลัดจังหวัดตรัง เป็นประธานในการประชุมหารือการจัดกิจกรรมสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก จังหวัดตรังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี 2557 ระหว่างวันที่ 11-17 พฤษภาคม 2557 โดยกำหนดแนวทางการจัดกิจกรรมมากมาย อาทิ การรณรงค์ให้พุทธศาสนิกชนแต่งกายด้วยชุดสีขาว หรือชุดปฏิบัติธรรมโดยพร้อมเพรียงกัน และรณรงค์การลด ละ เลิกอบายมุข การประดับธงทิวตามอาคารบ้านเรือน ร้านค้า สถานที่ราชการ การเจริญจิตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ การแสดงตนเป็นพุทธมามกะบูชา เนืองในเทศกาลวันวิสาขบูชาโลก การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ การเดิน-วิ่งสมาธิ การจัดนิทรรศการ เป็นต้น การอุปสมบทหมู่ 199 รูป (จังหวัดละ 2 รูป) ระหว่างวันที่ 4-19 พฤษภาคม 2557 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งนี้ วันวิสาขาบูชาเป็นวันที่มีความสำคัญยิ่งทางพุทธศาสนา ที่ทุภาคส่วนจะต้องให้ความสำคัญและร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันดังกล่าวอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการส่งเสริมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญมั่นคงสืบไป

จังหวัดกระบี่ มอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจำนวน 3 ราย


จังหวัดกระบี่มอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจำนวน 3 ราย

วันนี้ 29 เมษายน 2557 เวลา 09.30 น.ณ ห้องประชุมพนมเบญจา ชั้น ๕ ศาลากลางจังหวัดกระบี่(หลังใหม่)นายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนเมษายน 2557 โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เข้าร่วมประชุมประมาณ 150 คน มีวาระก่อนการประชุมประจำเดือนที่สำคัญได้แก่การมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่นจำนวน 3 รายได้แก่ นายโกวิท ดารารักษ์ สังกัดสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่ นางเอมอร ปิติ สังกัดโรงเรียนอนุบาลกระบี่ และนายโมทฐดล หนูเชื้อ สังกัดที่ทำการปกครองจังหวัดกระบี่

สำหรับแนวทางในการทำงานของข้าราชที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้มีแนวทางจนได้รับคัดเลือกเป็นข้าราชการดีเด่นส่วนใหญ่ว่า เป็นการทำงานที่เน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงานจะลง พื้นที่บ่อยเพื่อรับทราบปัญหา พร้อมทั้งมีการจัดเวทีประชาคม เพื่อรับฟังความคิดเห็น ของประชาชน ให้มีการแสดงออกมากที่สุด ให้ชาวบ้านรู้สึกว่าเป็นเจ้าของชุมชนอย่างแท้จริง สำหรับผลงานที่ดีเด่นที่ผ่านมาก็จะเป็นการให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องที่สำคัญ เช่นเศรษฐกิจพอเพียง โดยจะพยายามบอกกับชาวบ้านถึงการลดรายจ่าย สร้างรายได้ ให้รู้จักประหยัดอดออม รณรงค์ให้มีการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ครบทุกหมู่บ้าน รวมทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชน จัดให้มีการเรียนรู้เทคโนโลยีที่เหมาะสม จนประสบผลสำเร็จให้ประชาชนในจังหวัดกระบี่มีความรู้สึกรักจังหวัดกระบี่ ให้ปลอดจากยาเสพติด

สัมภาษณ์ นายโมทฐดล หนูเชื้อ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดกระบี่



หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่

ขนส่งจังหวัดกระบี่ ตั้งเป้าประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย ปี 57 หมวดอักษร กฉ ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท


ขนส่งจังหวัดกระบี่ ตั้งเป้าประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย ปี 57 หมวดอักษร กฉ ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท

นายวรวุฒิ มาอินทร์ ขนส่งจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าสำนักงานขนส่งจังหวัดกระบี่กำหนดจัดให้มีการประมูลหมายเลขทะเบียนรถซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยมของประชาชนหรือป้ายเลขสวย ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หมวดอักษร กฉ ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม 57 -1 มิถุนายน 57 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ห้องนพรัตน์ธารา โรงแรมมาริไทม์ ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ โดยหมายเลขทะเบียนรถที่จะนำมาประมูลครั้งนี้ มีจำนวน 301 หมายเลข และแผ่นป้ายทะเบียนรถทั่วไป

โดยพื้นหลังป้านทะเบียนจะเป็นภาพกราฟฟิคที่โดดเด่นสวยงาม แสดงถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดกระบี่ ซึ่งจะเป็นรูปเขาขนาบน้ำ และทะเบียนรถยนต์ที่ได้จากการประมูลจะเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ที่ประมูลได้ สามารถนำไปขายต่อ หรือมอบให้บุคคลอื่นก็ได้ สำหรับเงินรายได้ที่ได้จากการประมูลทั้งหมดจะนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อใช้ในการรณค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือผู้พิการจากการใช้รถใช้ถนน เป็นการให้ผู้ร่วมประมูลหมายเลขทะเบียนเลขสวย เป็นผู้สร้างกุศลอีกทางหนึ่ง

สำหรับปี 57 นี้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดกระบี่ได้ตั้งเป้าประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย ปี 57 หมวดอักษร กฉ ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท โดยเงินที่ได้ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ประโยชน์เพื่อช่วยเหลือสังคม

ผู้ที่สนจะเข้าร่วมประมูลสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 57 ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดกระบี่ และวันที่ 31 พฤษภาคม 57 -1 มิถุนายน 57 สามารถลงทะเบียนได้ที่ บริเวณสถานที่จัดการประมูล ณ ห้องนพรัตน์ธารา โรงแรมมาริไทม์ ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 075-611288 และ 075611856




หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

กรมเจ้าท่า ร่วมกับ จังหวัดสงขลา เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 เพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ตามโครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบเพื่อก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลา แห่งที่ 2 ในพื้นที่อำเภอจะนะ

วันนี้ (28 เม.ย. 57) ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา นายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมด้วย นายทวีวุฒิ สังข์ศิริ นายอำเภอจะนะ เป็นประธานเปิดการสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 1 โครงการศึกษาทบทวนและสำรวจออกแบบเพื่อก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลา แห่ง 2 เพื่อให้ประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามามีส่วนร่วมการเสนอข้อคิดเห็น เพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยมีประชาชนในพื้นที่ กว่า 200 คน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและคัดค้านการก่อสร้าง

นายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลา แห่งที่ 1 (สิงหนคร)ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2531 และมีปริมาณตู้สินค้าที่ท่าเทียบเรือขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงมีความจำเป็นต้องมีแผนรองรับการขยายตัวของท่าเรือน้ำลึกสงขลา และเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือน้ำลึกบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าไทยตอนล่าง ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยมีแนวทางการพัฒนาท่าเรือให้ได้มาตรฐานเรือขนส่งสินค้า สามารถเข้าจอดเทียบท่าเพื่อขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ประหยัดเวลา และสามารถเชื่อมโยงการขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย และชายฝั่งทะเลอันดามัน รวมถึงการเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งสินค้าไปยังกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญ ๆ

ก่อนหน้านี้ กรมเจ้าท่าได้ว่าจ้างที่ปรึกษา ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อก่อสร้างท่าเรือชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่าง ในช่วงปี พ.ศ.2549 – 2552 และได้ข้อสรุปว่า พื้นที่บริเวณตำบลนาทับ อ.จะนะ มีความเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นท่าเรือน้ำลึกสงขลา แห่งที่ 2 โดยที่ปรึกษาได้ดำเนินการออกแบบเบื้องต้น ท่าเทียบเรือ เขื่อนกันคลื่น ร่องน้ำทางเดินเรือ ถนนทางเข้าอาคารประกอบ และระบบสาธารณูปโภค ต่าง ๆ แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ มูลค่าการก่อสร้างรวมทั้งสิ้นประมาณ 11,000 ล้านบาท

การดำเนินการในวันนี้ เป็นขั้นตอนของการศึกษาทบทวนความเหมาะสม สำรวจ และออกแบบรายละเอียดโรงการ รวมทั้งศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ พร้อมทั้งจัดให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และให้องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพได้พิจารณาให้ความเห็นประกอบก่อนที่จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กฎหมายกำหนด

สำหรับบรรยากาศการแสดงความคิดเห็นในวันนี้ มีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ ไม่เห็นด้วย และคัดค้านการก่อสร้างท่าเรือน้ำสงขลา แห่งที่ 2 เนื่องจากในพื้นที่ อ.จะนะ ได้มีการตั้งโรงไฟฟ้าจะนะ และโรงแยกก๊าชฯ อยู่ในพื้นอยู่แล้ว ซึ่งชาวบ้านได้รับผลกระทบในการประกอบอาชีพทางการประมง และสวนยางพารา และนอกจากนี้ยังมีกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่นและภาคีเครือข่าย ได้แจกใบปลิวเพื่อสร้างความรู้ให้แก่ชาวบ้านที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ด้วยว่า “ท่าเรือมาแล้วมันกระทบบ้านเรายังไง” ความว่า เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มิใช้เรือประมงแบบบ้านเรา ขนาดของเรือที่มีแรงสั่นสะเทือนทางน้ำ ไม่มีสัตว์น้ำที่ไหนอาศัยอยู่ได้ตามปกติ จะมีคราบน้ำมันและน้ำเสียที่ถ่ายลงมาจากเรือลงสู่ทะเล ชาวประมงไม่สามารถออกเรือหาปลาได้อย่างปกติ และเมื่อมีท่าเรือน้ำลึกเกิดขึ้น อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก็จะเกิดขึ้นตามมาแน่นอน เพราะ อ.จะนะมีทั้งโรงแยกก๊าชฯ และโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นวัตถุดิบ และพลังงาน พร้อมสำหรับการสร้างนิคมอุตสาหกรรม และท้ายสุด บทเรียนจากชลบุรี พบว่าหากมีการสร้างโครงการท่าเรือน้ำลึกระยะที่ 1 ได้ ระยะ 2 3 4 ก็จะตามมาเต็มพื้นที่ชายฝั่งทะเลจะนะอย่างแน่นอในอนาคตต่อไป

จังหวัดเคลื่อนที่พังงาออกหน่วยให้บริการประชาชนแบบถึงพื้นที่ ณ หมู่บ้านเกาะไม้ไผ่ ตำบลเกาะปันหยี

จังหวัดพังงา โดยนายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นำคาราวานหน่วยงานภาครัฐและเอกชนลงพื้นที่หมู่บ้านเกาะไม้ไผ่ ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เพื่อออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ที่ห่างไกลและถิ่นทุรกันดารพร้อมพบปะเยี่ยมเยียน รับทราบปัญหาความต้องการของประชาชนแบบถึงพื้นที่

นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนได้พบปะเยี่ยมเยียนประชาชน รับทราบปัญหา ความต้องการในเรื่องต่างๆ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงมากำหนดแนวทางพัฒนาจังหวัดต่อไป นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านเกาะไม้ไผ่ มอบถุงยังชีพแก่ผู้สูงอายุและผู้ยากไร้อีกด้วย สำหรับหมู่บ้านเกาะไม้ไผ่ ตำบลเกาะปันหยี มีราษฎรอาศัยอยู่ ๒๓๗ ครัวเรือน ประมาณ ๗๐๐ คน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก ส่วนสภาพปัญหาความต้องการของประชาชนที่จังหวัดได้ลงพื้นที่เพื่อรับทราบในครั้งนี้ ประกอบด้วยปัญหาหลักๆคือ ปัญหาไฟฟ้าแสงสว่างที่ยังไปไม่ถึง ซึ่งยังต้องใช้เครื่องปั่นไฟ ปัญหาค่าน้ำประปาแพง ปัญหาบุคลากรครูมีน้อย ปัญหา รพ.สต.มีอุปกรณ์เครื่องมือไม่เพียงพอ ปัญหาการสัญจรเนื่องจากคลองตื้นเขินทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทั้งนี้ทางจังหวัดจะนำปัญหาความต้องการดังกล่าวมาร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขต่อไป



ศรัณยา  สันติราชัย ภาพ/ข่าว

จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดนครศรีธรรมราช (กรอ.จว.นศ.)

วันนี้ (28 เมษายน 2557) ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดนครศรีธรรมราช (กรอ.จว.นศ.) ครั้งที่ 1/2557 โดยมีว่าที่ร้อยตรีฐิตวัฒน เชาวลิต นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม รายงานสถานการณ์ด้านต่าง ๆ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ

นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เนื่องจากข้าวในลุ่มน้ำปากพนังราคายังไม่มีเสถียรภาพราคาในวันนี้อยู่ที่ 5,500 บาท ราคาซื้อขายที่ชาวนาได้ แต่ราคาที่จำนำอยู่ที่ 14,000-15,000 บาท แต่ปัญหาคือ ขณะนี้สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงคือโครงการรับจำนำข้าวว่ายังคงมีอยู่หรือไม่ ในเรื่องข้าวทางจังหวัดได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยการแต่งตั้งคณะทำงานขณะนี้มีอยู่หลายฝ่าย ทั้งคณะทำงานการจัดทำแนวทางการพัฒนาข้าว คณะกรรมการการกำกับดูแลการจำนำข้าวของจังหวัด คณะทำงานขับเคลื่อนเพื่อปฏิรูปการผลิตข้าว นอกจากนี้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการบริหารจัดการสินค้าข้าวอย่างยั่งยืน ซึ่งในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช คณะทำงานทั้ง 4 คณะจะมาประชุมหารือร่วมกันขับเคลื่อนการทำงานไปพร้อมกันอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ทางเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนในเรื่องของข้าวขึ้น โดยกำหนดพื้นที่โซนนิ่ง และสถานที่ทำการการผลิตและการตลาด โดยการทำงานให้พิจารณาจากพื้นที่ปลูก พันธุ์ข้าวที่เหมาะสม ปริมาณในการบริโภคในจังหวัดกี่เปอร์เซ็น ส่งโรงสีกี่เปอร์เซ็น และเหลือข้าวอีกกี่เปอร์เซ็น ส่วนในปีงบประมาณ 2557 ได้ตั้งโครงการดำเนินงานในเรื่องของการส่งเสริมด้านการผลิต การบริโภค และการแปรรูปเพื่อจำหน่ายของกลุ่มในขณะเดียวกันบริหารจัดการการให้ความรู้ในเรื่องของการแปรรูป และการตลาดด้วย

นางสาววาริน ชินวงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช สรุปสถานการณ์เศรษฐกิจของจังหวัดนครศรีธรรมราช และ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร-สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช-พัทลุง) สู่การปฏิบัติในปี 2557-2558 ซึ่งรายได้ของภาคใต้จาก 3 กลุ่ม คือ กลุ่มอ่าวไทย กลุ่มอันดามัน และจังหวัดชายแดนใต้ ฝั่งอ่าวไทยมีรายได้สูงสุด รองลงมาฝั่งอันดามัน และ จังหวัดชายแดนใต้ รายได้ของฝั่งอ่าวไทยมาจากภาคการเกษตรมากที่สุด รองลงมาคือด้านการท่องเที่ยว ขณะที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รายได้สูงสุดมาจากภาคการเกษตร การปฏิบัติในปี 2557-2558 ในโครงการเกษตรยั่งยืน โครงการส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางเกษตรทั้งในและต่างประเทศ จะมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพและเอกภาพใน 3 มิติสำคัญทางการเกษตร และเศรษฐกิจทางการเกษตรร่วมกันของกลุ่มอ่าวไทย คือ ส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การกระจายองค์ความรู้และรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนการดูแลการผลิต ส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ ดูแลระดับราคาสินค้าเกษตร มุ่งพัฒนากระจายสินค้าการตลาดและระดับราคาผลผลิต นอกจากนี้ยังมีแผนการดำเนินงานในปี 2557-2558 ของกลุ่มอ่าวไทยชูผลิตภัณฑ์ข้าว ข้าวพื้นเมือง โดยมีเป้าประสงค์สร้างมูลค่าและห่วงโซ่ราคาของผลิตภัณฑ์ข้าว ซึ่งเป็นข้าวพื้นเมืองของฝั่งอ่าวไทย ทั้ง พัทลุง สงขลา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ภายใต้ชื่อ “ข้าวอ่าวไทย”

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังติดตามความก้าวหน้าของการจัดหาสถานที่ก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ซึ่งปัจจุบันมีเพียงแห่งเดียวคือที่บริเวณตลาดหัวอิฐ ที่เปิดให้บริการมานานทำให้เริ่มแออัดดังนั้น ที่ประชุม กรอ.จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงเห็นสมควรให้มีการก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่สองขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของเมือง เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว โดยให้ขนส่งจังหวัดเป็นประธานคณะทำงาน และมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนภาคเอกชน เป็นคณะทำงาน โดยให้ไปศึกษาถึงความเหมาะสมว่าสมควรก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะทำงานและอยู่ระหว่างดำเนินการ



พรรณี กลสามัญ/ภาพ-ข่าว

งหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยเป็นธรรม

วันนี้ (28 เมษายน 2557) ณ ห้องประชุมปฏิบัติการ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 1 ประจำปี 2557 โดยมีคณะกรรมการ หัวหน้าส่วนราช ผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม รับทราบสถานการณ์และการดำเนินคุ้มครองผู้บริโภค ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 – 23 เมษายน 2557โดยคณะทำงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคโดยนำข้อร้องเรียนมาดำเนินการแก้ไขปัญหา ให้คำปรึกษาปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ไกล่เกลี่ยเรื่องราวร้องทุกข์ ตรวจสอบพฤติการณ์การประกอบธุรกิจ เผยแพร่การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งการจัดสัมมนาและ ประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า นโยบายการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภคส่วนภูมิภาค รัฐบาลให้ความสำคัญและถือเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยให้อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยและเป็นธรรมในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการสามารคปกป้องตนเองมิให้ถูกละเมิดสิทธิ โดยการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจจัดตั้งองค์กรอิสระผู้บริโภคบังคับใช้มาตรการกฎหมายที่ให้การคุ้มครองผู้บริโภคโดยเคร่งครัดรวมทั้งการใช้กลไกทางกฎหมายในการป้องกัน สำหรับปัญหาที่ทุกภาคส่วนจะต้องหาแนวทางในการแก้ไขในการประชุมในวันนี้ คือ ปัญหาการปลอมบนข้าสาร ปัญหาข้าวหอมมะลิปลอม, ปัญหาราคาเนื้อหมูมีราคาแพง และปัญหาของผู้บริโภคที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีนำรถยนต์เข้าซ่อมที่อู่ซ่อมรถยนต์ทางอู่คิดค่าซ่อมแพงเกินจริง



พรรณี กลสามัญ/ภาพ-ข่าว

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม สืบหาบุคคลสูญหาย

ด้วยศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดนครพนม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ได้รับแจ้งจาก นายพิชิต  บุตรบุรี อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 10 ตำบลพนอม อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นพี่ชาย (ต่างมารดา) ของนายธวัช บุตรบุรี อายุ 38 ปี เกิดวันที่ 7 พฤศจิกายน 2519 แจ้งว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 นายธวัช บุตรบุรี ได้ไปเที่ยวงานประเพณีพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม และได้หายตัวไป ไม่สามารถติดต่อไป ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด เนื่องจากนายธวัช  มีอาการป่วยต้องกินยาคลายเครียด ที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ เป็นประจำ เกรงว่าอาจถูกล่อลวงไปในทางเสียหายหรืออาจตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์

เพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพ หากผู้ใดมีข้อมูล เบาะแส หรือพบเห็นบุคคลดังกล่าว กรุณาแจ้งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) ชั้น 1 หมายเลขโทรศัพท์ 042-511506, 042-511022 รหือ นางมลีจัน บุตรบุรี (มารดา) หมายเลขโทรศัพท์ 087-9167022, นายพิชิต  บุตรบุรี (พี่ชายต่างมารดา) หมายเลขโทรศัพท์ 081-1839961 หรือศูนย์ช่วยเหลือสังคม OSCC 1300

จังหวัดชุมพร จัดงานรัฐพิธีถวายราชสดุดีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

วันที่ (25 เม.ย. 57) เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมเทศบาลเมืองชุมพร นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ร่วมกันวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ และถวายราชสดุดีต่อพระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณพระองค์ท่านที่ทรงพระปรีชาสามารถกล้าหาญเด็ดเดี่ยวสร้างความเป็นเอกราชให้แก่ชาติไทย และเพื่อเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้วันที่ 25 เมษายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และกำหนดให้ส่วนราชการทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ พร้อมกันทั่วประเทศ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระวิสุทธิกษัตริย์ (พระราชธิดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัยและสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ.2098 ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก

โดยมีพระเชษฐภคินี คือ พระสุพรรณกัลยา และพระอนุชาคือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (องค์ขาว) และทรงเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2133 โดยทรงครองสิริราชสมบัติ 15 ปี จึงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2148 รวมพระชนมพรรษา 50 พรรษา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เป็นคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ด้วยการทรงอุทิศพระวรกายทำราชการสงคราม เกือบตลอดรัชสมัย พระบรมเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์นั้นแผ่ไพศาล ทำให้อริราชศัตรูเกิดความยำเกรงในอำนาจ ส่งผลให้แผ่นดินไทยร่มเย็นเป็นสุขว่างจากการศึกสงคราม เป็นเวลาถึง 100 ปีเศษ โดยทรงกอบกู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพม่าตอนใต้ทั้งหมด นั่นคือ จากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทางด้านตะวันตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใต้ตลอดไปถึงแหลมมลายู ส่วนทางด้านทิศเหนือได้แผ่พระราชอำนาจไปถึงฝั่งแม่น้ำโขงโดยตลอด ซึ่งรวมถึงรัฐไทใหญ่บางรัฐ ทำให้แผ่นดินไทยดำรงความเป็นชาติเอกราช มาตราบจนทุกวันนี้