วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สตูล เตรียมจัดงานตลาดนัดวัฒนธรรม สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสตูลร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสตูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือเตรียมความพร้อมการจัดงานตลาดนัดวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ภายใต้กิจกรรมมหกรรม นครี สโตย ครั้งที่ ๔ ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสตูล อ.เมือง จ.สตูล โดยมีนายประยูร รัตนเสนีย์ เป็นประธาน ซึ่งการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับงานมหกรรมวัฒนธรรม นครี สโตย จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๔ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของท้องถิ่นจังหวัดสตูล ให้คงอยู่กับจังหวัดสตูลสืบไป กิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ บริเวณลานวัฒนธรรมจังหวัดสตูล หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ คฤหาสน์กูเด็นสตูล อ.เมือง จ.สตูล



กนกพิชญ์ / ข่าว
ส.ปชส.สตูล

สำนักงานขนส่งจังหวัดตรัง ประกาศนายทะเบียนจังหวัดตรัง เรื่อง รถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีติดต่อกันครบสามปี ตาม พรบ.รถยนต์ พ.ศ. 2522

ประกาศนายทะเบียนจังหวัดตรัง
เรื่อง  รถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีตคิดต่อกันครบสามปี
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522
***********

ตามที่พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 ให้รถคันที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี การจดทะเบียนเป็นอันระงับไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35/3 แห่งพระราชบัญญัติรถุยนต์ พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 นายทะเบียนจังหวัดตรัง จึงขอประกาศ ดังนี้
        1. ให้เจ้าของรถทีทะเบียนถูกระงับตามบัญชีแนบท้ายประกาศ ส่งคืนแผ่นป้ายทะเบียนรถและนำใบคู่มือจดทะเบียนรถมาแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อบันทึกหลักฐานการระงับทะเบียนรถภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้แจ้งและปิดประกาศฉบับนี้
        2. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว เจ้าของรถที่ทะเบียนถูกระงับรายใด ไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งพันบาท และนายทะเบียน ผู้ตรวจการ หรือผู้ที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกมอบหมายมีอำนาจยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถได้
        3. สำหรับภาษีรถที่ค้างชำระ เจ้าของรถยังมีหน้าที่ต้องเสียภาษีที่ค้างให้ครบถ้วน พร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละหนึ่งต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ แต่สามารถขอผ่อนชำระภาษีที่ค้างได้   รายละเอียดปรากฏตามรายงานรถที่ทะเบียนเป็นอันระงับเนื่องจากค้างชำระภาษีติดต่อกันครบ 3 ปี ระหว่างวันที่ 1 เมษายน  พ.ศ. 2557 ถึงวันที่ 30 เมษายน  พ.ศ. 2557

                 จึงประกาศเพื่อทราบโดยทั่วกัน

                                  ประกาศ  ณ  วันที่   15 พฤษภาคม  พ.ศ. 2557

                        
                                                (นายสุภกิจ  ชิณณะเสถียร)
                                                  นายทะเบียนจังหวัดตรัง

ประกาศองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เรื่อง หลักประกันสัญญาครบกำหนดจ่ายคืน

ด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ได้ตรวจสอบหลักประกันสัญญาซึ่งครบกำหนดจ่ายคืนแล้ว แต่ไม่มีผู้ยื่นเรื่องขอรับหลักประกันสัญญาคืนกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง จำนวน 30 ราย คือ

1. ธนาคารออมสิน สาขาย่านตาขาว  ค่าเช่าที่ดิน อ.ย่านตาขาว   จำนวน เงิน 6,352 บาท
2. สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (นครศรีฯ) เช่าที่ดิน ที่ตั้งศูนย์ประสานงาน
    ป่าไม้ตรัง ถ.พระราม 6 อ.เมือง จ.ตรัง  จำนวนเงิน 1,518 บาท
3. นางเรวดี  สุนทรนนท์ ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว จำนวน 761 บาท
4. นายพีระศักดิิ์ ว่องวชิรพาณิชย์ ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว จำนวนเงิน 761 บาท
5. นายอนันต์  แซ่หลี ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว จำนวนเงิน  761 บาท
6. นายปกรณ์ศักดิ์  เก้าเอี้ยน ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว จำนวนเงิน 761 บาท
7. นางปุ๋ย อาชานนท์ ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว  จำนวนเงิน 761 บาท
8. นายบุญรอด ศรีเพชร ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว  จำนวนเงิน 761 บาท
9. นายธวัช อุดมคณารัตน์ ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว  จำนวนเงิน 761 บาท
10. นายสมพล เลิศศิลารัตน์ ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว  จำนวนเงิน 761 บาท
11. นายบุญชวน ศรีเพชร ค่าเช่าที่ดิน ถ.พิศาลใกล้กับ ธ.ออมสินย่านตาขาว
      จำนวนเงิน 1,323 บาท
12. นางรสกร พรมรัตนพันธ์ ค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสถานีขนส่ง  จำนวนเงิน 360 บาท
13. นายมาโนชญ์  อุยสุย เค่าเช่าท่าเทียบเรือบ้านตะแสะ จำนวนเงิน 4,560 บาท
14. น.ส.กัญญ์ชลา  ศรีจันทร์ ค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสถานีขนส่ง จำนวนเงิน 150 บาท
15. นางกิ้มเง็ก กังแฮ  ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว  จำนวนเงิน 761 บาท
16. นายชาติพงศ์  สุนทรนนท์ ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว   จำนวนเงิน 761 บาท
17.นายชาติพงศ์  สุนทรนนท์ ค่าเช่าที่ดิน 13 คูหา อ.ย่านตาขาว  เลขที่ 9
     จำนวนเงิน 507 บาท
18. น.ส.สุดารัตน์  สุวัชรังกูล ค่าอาคาร เลขที่ 2/32 ชั้น 17 คูหา ถ.พิศาล
      จำนวนเงิน 2,258 บาท
19. นายวิทยา เพ่งเจริญธรรม ค่าเช่าอาคารเลขที่ 26/1 จำนวนเงิน 2,258 บาท
20. นายกรอังกูร ประเสริฐกร ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 26/6 จำนวนเงิน 2,258 บาท
21. นายบุญชัย สินวรพันธ์ ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 26/7 จำนวนเงิน 2,258 บาท
22. นายสมพงษ์  ปราณจันทร์ ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 26/2 จำนวนเงิน 2,485 บาท
23. นายอุทัย  ไทรงาม ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 2/7 จำนวนเงิน 2,485 บาท
24. นายสุทีพ  เก้าเอี้ยน  ค่าเช่าอาคารศูนย์จำหน่ายอาหารและสินค้าพื้นเมือง
      ของอบจ.ตรัง ม.11 ต.สุโสะ อ.ปะเหลียน จำนวนเงิน 3,960 บาท
25. นางกัลยา  ศรีรอด ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 1/4 จำนวนเงิน 2,160 บาท
26. นายทนงศักดิ์  คณนาธรรม ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 1/5  จำนวนเงิน 2,160 บาท
27. นางวัลภา สุทธิเมธากร ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 1/6  จำนวนเงิน 2,160 บาท
28.นางปรณี ณ นคร ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 1/3  จำนวนเงิน 2,160 บาท
29. นางนิรามัย วีระสกุล ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 1/2  จำนวนเงิน 2,160 บาท
30. นายวรพจน รองเดช ค่าเช่าอาคาร เลขที่ 1/7  จำนวนเงิน 2,160 บาท

ดังนั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง จึงประกาศให้ผู้วางหลักประกันสัญญาทั้ง 30 ราย ดังกล่าว ไปยื่นเอกสารขอรับหลักประกันสัญญาคืนกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2557 ในวันและเวลาราชการ หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านไม่มีติดต่อขอรับหลักประกันสัญญาคืน องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังจะดำเนินการริบหลักประกันสัญญาของท่านเข้าเป็นรายได้องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังต่อไป

                 จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

                                            ประกาศ ณ  วันที่   19  พฤษภาคม  พ.ศ.  2557


                                                         นายกิจ  หลีกภัย
                                           นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง
   
   

สำนักงานจัดหางานจังหวัดตรัง ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงาน "วันนัดพบแรงงานด้วยระบบไอีและมหกรรมอาชีพ" 11-12 มิถุนายน 2557 ณ หอประชุมเมือง (ทุ่งท่าลาด) อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

สำนักงานจัดหางานจังหวัดตรัง ร่วมกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครศรีธรรมราช และสำนักงานจัดหางานจังหวัดพัทลุง ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงาน "วันนัดพบแรงงานด้วยระบบไอีและมหกรรมอาชีพ" วันที่ 11-12 มิถุนายน 2557 ณ หอประชุมเมือง (ทุ่งท่าลาด) อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

กิจกรรมภายในงาน

- รับสมัครงานกับสถานประกอบการกว่า 50 แห่ง 3,000 อัตรา
- แสดงผลงานครูแนะแนวอาชีพเด่น
- ทดสอบความถนัดทางอาชีพและภาษาอังกฤษเพื่อการสมัครงาน
- ชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากกลุ่มอาชีพอิสระสินค้า OTOP
- ประกวดโครงการอาชีพนักเรียน นักศึกษา
- สาธิตและฝึกปฏิบัติจริงอาชีพอิสระฟรี 20 อาชีพ
- แข่งขันตอบปัญหาอาชีพ
- คลินิกแรงงาน

 ผู้สนใจลงทะเบียนสมัครงานล่วงหน้าได้ที่
http://www.doe.go.th/jobnakhonsithammarat

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดตรัง โทรศัพท์ 075-214027-8
   

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดข้ามเขตจังหวัด ตั้งแต่ 2 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป

 นางสาวศิริพร  ลิ่มปิติกุล พัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ ไม่ว่าจะตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครหรือในจังหวัดใด ซึ่งเดิมจะต้องไปยื่นขอจดทะเบียนที่จังหวัดนั้นให้สามารถยื่นขอจดทะเบียน ณ หน่วยงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งสิ่้น 87 แห่ง โดยตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร  จำนวน 7 แห่ง  ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-6 (ปิ่นเกล้า พหลโยธิน รัชดาภิเษก สุรวงศ์  บางนา และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา) และในส่วนภูมิภาคที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด จังหวัดละ 1 แห่ง รวมถึงสาขาของสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญอีก 4 แห่ง คือ แม่สอด เมืองพัทยา หัวหิน และเกาะสมุย

ยกเว้น การขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจกิารซึ่งมีกฏหมายพิเศษควบคุม ได้แก่ หลักทรัพย์ คลังสินค้า ห้องเย็น ไซโล นายหน้าประกันภัย บริหารสินทรัพย์ ให้ยื่นขอจดทะเบียน ณ  สำนักงานบริการจดทะเบียน ดังต่อไปนี้
1. ห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัด ทีมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นขอจดทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (สนามบินน้ำ)
2. ห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยุ่ในเขตจังหวัดใด ให้ยื่นขอจดทะเบียนที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดซึ่งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่

นายกเทศมนตรีนครตรัง ทุ่มงบประมาณจัดซื้อเครื่องเล่นสนามสร้างความสุขแก่เด็ก

นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง เปิดเผยว่า เทศบาลนครตรังได้ให้ความสำคัญด้านสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก จึงได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องเล่นสนามภายในสวนสาธารณะในเขตเทศบาลนครตรัง ทั้งนี้เครื่องเล่นสนามถือว่าเป็นสื่ออย่างหนึ่งในการพัฒนาทักษะชีวิตให้กับ เด็ก การสร้างสรรค์จินตนาการ การได้ฝึกการทรงตัว การออกกำลังกาย สร้างสนุกสนานเพลิดเพลิน ทำให้เด็กคลายเครียดได้ดี ที่ผ่านมาเครื่องเล่นสนามของเทศบาลนครตรังที่บริการอยู่มีสภาพเสื่อมโทรมไป ตามกาลเวลาเนื่องจากใช้งานมานานกว่า 10 ปี และไม่มีความปลอดภัย ดังนั้น ทางเทศบาลนครตรังจึงได้จัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องเล่นสนามใหม่จำนวน 23 รายการ เพื่อติดตั้งยังสวนสาธารณะในเขตเทศบาลนครตรัง 3 จุด ได้แก่ 1. สวนสาธารณะอนุสาวรีย์ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ 2. สวนสาธารณะกะพังสุรินทร์ 3. สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 (เขาแปะช้อย) โดยเครื่องเล่นใหม่ที่ได้ติดตั้งจะเน้นรูปทรง สีสันที่สวยงาม ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ และเครื่องเล่นสนามต้องเหมาะสมตามวัยของเด็ก นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวอีกว่า จากการติดตั้งเครื่องเล่นสนามเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ปรากฏว่ามีผู้ปกครองให้ความสนใจนำบุตร หลานมาเล่นเครื่องเล่นจำนวนมาก ซึ่งต่างก็ได้รับความสุขและเป็นการส่งเสริมกิจกรรมภายในครอบครัว ใช้เวลาแห่งความสุขด้วยกันอีกทางหนึ่ง

จ.ตรัง ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการภูมิรักษ์ พิทักษ์สายน้ำ

ที่ห้องประชุมพระยารัษฎา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง นายสาธร นราวิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการภูมิรักษ์ พิทักษ์สายน้ำ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในขณะนี้ จะเริ่มต้นเข้าในช่วงฤดูฝน ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม 2557 ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จังหวัดตรังจะมีฝนตกหนักเป็นประจำทุกปี ทำให้เกิดอุทกภัย สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งทรัพย์สินทางราชการและทำให้ประชาชนที่ประสบภัยได้รับผลกระทบทั้งทางด้านทรัพย์สิน ร่างกาย และจิตใจ

โดยกิจกรรมที่สำคัญได้แก่ การปรับภูมิทัศน์ การขุดลอกคู คลอง แม่น้ำ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำเสีย และน้ำแล้งของจังหวัดตรัง โดยความร่วมมือในหลายหน่วยงานทั้งภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาลนครตรัง กองกำลังพลฝ่ายทหาร ผู้ถูกคุมประพฤติเรือนจำจังหวัดตรัง สมาชิก อส.กองร้อย อส.จ.ตง. สมาชิก ทส.ปช. กอ.รมน.จว.ตรัง ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ร่วมกัน นายสาธร นราวิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้จะให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจเส้นทางในการดำเนินการปรับภูมิทัศน์ โดยจะเริ่มตั้งแต่คลองไพไปจนถึงคลองนางน้อยในเขตเทศบาลนครตรัง ทั้งนี้เพื่อจะประสานขอเครื่องมือเครื่องใช้ไปยัง อบจ. เทศบาล ในการดำเนินการ และกิจกรรมดังกล่าวนับเป็นกิจกรรมที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการป้องกันและช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือปริมาณน้ำฝนให้ไหลลงสู่ลำห้วยลำคลองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และจะทำให้บ้านเรือน เรือกสวน ไร่นา ของประชาชนพ้นจากวิกฤติภาวะน้ำท่วมฉับพลันได้ในระดับหนึ่ง และได้กำชับให้หน่วยงานรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน

พลังงานจังหวัดตรัง จัดโครงการรณรงค์สื่อประชาสัมพันธ์ 7 วัน 7 พฤติกรรมลดโรคร้อน

นายอำนาจ คงทอง พลังงานจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2555 ที่ประชุม ครม.เห็นชอบมาตรการประหยัดพลังงานทั้งการลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันของภาครัฐ ที่ให้ทุกภาคส่วนราชการลดใช้พลังงานลงอย่างน้อย 100% โดยกำหนดแนวทางให้เป็นมาตรการบังคับและให้มีผลทันที ซึ่งหาดลดการใช้พลังงานลงได้ตามเป้าหมายจะทำให้ลดการใช้พลังงานลงเป็นมูลค่าถึง 1,619 ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงพลังงาน จึงเห็นสมควรให้มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายประหยัดพลังงาน สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนในการใช้พลังงานของประเทศต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการเปลี่ยนโลกทุกวัน และเพื่อกระตุ้นให้เกิดนิสัยลดใช้พลบังงานทั้ง 77 จังหวัด ทั้งนี้จะดำเนินการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว ในวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2557 เวลา 17.00 น. ณ ลานกิจกรรมถนนคนเดินจังหวัดตรัง (สถานีรถไฟ) จึงขอเชิญสื่อมวลชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว สามารถติดต่อได้ที่ คุณบุญสรานันท์ ฤทธิรักษ์ หมายเลข 093-5648016 ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2557
   

ประกันสังคม จัดโครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ งานประกันสังคมต่อผู้ประกันตน


สำนักงานประกันสังคมปฏิบัติการเชิงรุก เปิดเวทีเสวนาโครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมต่อผู้ประกันตน ชี้แจงความรู้ ความเข้าใจในสิทธิประโยชน์ให้กับนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สื่อมวลชนท้องถิ่นในจังหวัดพังงา

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 พ.ค.2557 ณ โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก จังหวัดพังงานางสมทรง ศิริรักษ์ ผู้ตรวจราชการกรมและโฆษกสำนักงานประกันสังคม เป็นประธานเปิดงาน โครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ งานประกันสังคมต่อผู้ประกันตน โดยมี นายชัยวัฒน์ พันธ์พานิช ผู้อำนวยการสำนักสิทธิประโยชน์ นายชวลิต อาคมธน ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง นายพนัส ไทยล้วน ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์สารนิเทศ นายภูมา ธรรมกุล ประกันสังคมจังหวัดภูเก็ต ประกันสังคมจาก 14 จังหวัดภาคใต้ และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม

นางสมทรง ศิริรักษ์ ผู้ตรวจราชการกรมและโฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ประกันสังคมได้จัดโครงการ “เผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานประกันสังคมต่อผู้ประกันตน” ในระหว่างวันที่ 21-22 พฤษภาคม 2557 เปิดเวทีเสวนามีวิทยากรเข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วยผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายลูกจ้างผู้แทนสถานพยาบาล และสื่อมวลชนใน 14 จังหวัดได้แก่ จังหวัดพังงา กระบี่ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี สงขลา ตรัง พัทลุง สตูล ปัตตานี นราธิวาส และยะลา มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ความรู้ ความเข้าใจ และตอบปัญหาในเรื่องกฎหมายและสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน พร้อมเชิญกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย อาสาสมัครประกันสังคม และนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนในสถานประกอบการ ตลอดจนผู้แทนสถานพยาบาล และสื่อมวลชน ทั้งนี้การจัดเสวนาโครงการฯดังกล่าว เพื่อบูรณาการรับรู้ในเรื่องงานประกันสังคมของนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจถึงหน้าที่และสทธิประโยชน์อันพึงมีได้ตามกฎหมายกองทุนประกันสังคม กฎหมายกองทุนเงินทดแทน และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสำนักงานประกันสังคมอีกด้วย

ลูกจ้างและผู้ประกันตนท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับงานประกันสังคม สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่/จังหวัด/สาขาที่ท่านสะดวก หรือ โทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)

บ้านนาหมื่น ต. กมลา ร่วมประกวดหมู่บ้านชุมชนสะอาด ปราศจากลูกน้ำยุงลายจังหวัดภูเก็ต

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (26 พ.ค. 57) คณะกรรมการประกวดหมู่บ้านท้องถิ่นสะอาดปราศจากลูกน้ำยุงลายจังหวัดภูเก็ตได้ลงพื้นที่บ้านนาเหนือ ม. 2 ต. กมลา อ.กะทู้ เพื่อประเมินให้คะแนนผลการดำเนินงานและรับฟังรายละเอียดจากผู้นำชุมชน อสม. ประชาชนในหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการประกวดหมู่บ้าน ชุมชน ท้องถิ่นสะอาดปราศจากยุงลายมีหมู่บ้านส่งเข้าประกวด รวม 5 ตำบล แยกเป็น อ.เมือง 2 ตำบล อ. กะทู้ 1 ตำบล และ อ. ถลาง 2 ตำบล โดยทางคณะกรรมการจะมีการคัดเลือก 1 ชุมชน ชนะเลิศ การประกวดในระดับจังหวัด

ทั้งนี้ในส่วนของตำบลกมลาเป็นตำบลที่ปราศจากการเสียชีวิตของไข้เลือดออกเป็นระยะเวลา 6 ปี และเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งและมีการคิดนำภูมิปัญญาชาวบ้านในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคไข้เลือดออก  บ้านนาหมื่น ต. กมลา ร่วมประกวดหมู่บ้านชุมชนสะอาด ปราศจากลูกน้ำยุงลายจังหวัดภูเก็ต

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 26 พ.ค. 57 คณะกรรมการประกวดหมู่บ้านท้องถิ่นสะอาดปราศจากลูกน้ำยุงลายจังหวัดภูเก็ตได้ลงพื้นที่บ้านนาเหนือ ม. 2 ต. กมลา อ.กะทู้ เพื่อประเมินให้คะแนนผลการดำเนินงานและรับฟังรายละเอียดจากผู้นำชุมชน อสม. ประชาชนในหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการประกวดหมู่บ้าน ชุมชน ท้องถิ่นสะอาดปราศจากยุงลายมีหมู่บ้านส่งเข้าประกวด รวม 5 ตำบล แยกเป็น อ.เมือง 2 ตำบล อ. กะทู้ 1 ตำบล และ อ. ถลาง 2 ตำบล โดยทางคณะกรรมการจะมีการคัดเลือก 1 ชุมชน ชนะเลิศ การประกวดในระดับจังหวัด

ทั้งนี้ในส่วนของตำบลกมลาเป็นตำบลที่ปราศจากการเสียชีวิตของไข้เลือดออกเป็นระยะเวลา 6 ปี และเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งและมีการคิดนำภูมิปัญญาชาวบ้านในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคไข้เลือดออก

วิทยาลัยเสนาธิการทหาร ศึกษาดูงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดภูเก็ต

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ที่ ห้องประชุมศูนย์ประชุมกลุ่มภาคใต้ฝั่งอันดามัน ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นาย ไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้บรรยายสรุป เรื่อง “ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด” แก่นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ โดยมี พล.อ.ท. ปรีชา ประดับมุข ผู้บัญชาการวิทยาลัยเสนาธิการทหาร พล.ร.ต. ชัยสินธุ์ ญาดี ร.น. รองผู้บัญชาการวิทยาลัยเสนาธิการทหาร น.อ. สิทธิพิชัย บุนนาค อาจารย์ที่ปรึกษา วสท.สปท. ตลอดจนคณะอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษา จำนวน 112 คน เข้าร่วมฟังบรรยาย

นายไมตรี กล่าวว่า  จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดขนาดเล็กมี3อำเภอเนื้อที่ไม่มากมีประชากรที่มี สำเนาทะเบียนบ้านเพียงประมาณ4แสนกว่าคนแต่ถ้ารวมนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าวที่มีจำนวนประมาณ1แสนคนด้วยแล้วจะมีประชากรมากกว่า1ล้านคน  ซึ่งจะเห็นว่าใน แต่ละปีจังหวัดภูเก็ตจะมีนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศทั่วโลกเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในแต่ละปีซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นอันดับ1และทางประเทศจีนกำลังจะมาตั้งกงสุลในจังหวัดภูเก็ตเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตละจังหวัดในกลุ่มอันดามัน  ในส่วนของสนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ตก็ได้มีการขยายหลุมจอดเครื่องบินเพิ่มขึ้นตลอดจนอาคาร ผู้โดยสารและที่จอดรถเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาใช้บริการสนามบินโดยในช่วงวันปกติก็จะมีประมาณ3หมื่นคนต่อวันแต่ในช่วงหน้าไฮซีซั่นก็ประมาณกว่า4หมื่นคนต่อวันซึ่งในแต่ละวันก็ยังมีเที่ยวบินที่บินตรงจากต่างประเทศมายังสนามบินนานาชาติอีกหลายเที่ยวบินต่อวัน  ซึ่งจากการเติบโตอย่างรวดเร็วด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตทำให้มีรายได้ต่อหัวของประชาชนมากอยู่ในอันดับต้นๆของประเทศ แต่ปัญหาต่างๆก็ตามมาเช่นกันปัญหาการจราจรติดขัดรวมทั้งปัญหาสาธารณูปโภคอื่นๆเนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมืองในการรองรับการท่องเที่ยว   แต่ทั้งนี้ทางจังหวัดได้มีการวางแผนในการแก้ปัญหามาโดยตลอดเพื่อให้จังหวัดภูเก็ต มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปในทุก ๆด้าน

สำหรับการศึกษาดูงานภูมิประเทศพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 23 – 29 พฤษภาคม 2557 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ ในการนำไปประกอบการศึกษาให้กับนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหารต่อไป


วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ตำรวจภูธรกะทู้ จับผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์จาก ออสเตรีย

ตำรวจภูธรกะทู้ จับผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ มาจาก ออสเตรีย มูลค่าสูงถึง 13 ล้านบาท

เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 20 พฤษภาคมนี้พล.ต.ต.วิญณุ ม่วงแพรศรี รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8สั่งการให้ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยพ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะทู้ และ พ.ต.ท.คุณเดช ณหนองคาย รองผู้กำกับการสืบสวน พ.ต.ท.สุทธิชัย เทียนโพธิ์ สารวัตรสืบสวนและชุดจับกุมนำหมายจับของพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ ที่ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา 3 ฉบับคือเลขที่ 304/2557 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2557 คดีหมายเลขดำ ที่ จ.2/2557 คดีหมายเลขที่แดง ที่ จ.2/2557 ให้ทำการจับกุมผู้ต้องหารายนายเดทเลฟ เกอร์ฮาร์ดฮิวเออร์ (Detlef Gerhard Hewer)

สำหรับนายเดทเลฟ เกอร์ฮาร์ดฮิวเออร์ อายุ 49 ปี ประกอบอาชีพเป็นช่างเครื่องยนต์ หรือประกอบธุรกิจถ่ายภาพทางอากาศ โดยใช้เครื่องบินเล็กบังคับในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ตสัญชาติ เยอรมัน ถือหนังสือเดินทางเลขที่321301611 C4KL9RGP6โดยผู้ต้องหาข้ามชาติ รายนี้ ได้ มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์และฉ้อโกง ทรัพย์สินผู้อื่น จากประเทศสาธารณรัฐออสเตรียหลบหนีมากบดานที่ หมู่บ้านพนาสนธิ์ เลขที่ 6/83 ถนนวิชิตสงคราม หมู่ที่ 6 ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต

สำหรับผู้ต้องหารายนี้มีความผิดฐานยักยอกฉ้อโกง ทรัพย์สินผู้อื่น เป็นเงินสูงถึงประมาณ 13 ล้านบาท จากประเทศสาธารณรัฐออสเตรีย และ หลบหนีมากบดานในพื้นที่ ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาและยังอาศัยในหมู่บ้านพนาสนธิ์ ที่ถูกจับกุมได้ขณะพักผ่อน อยู่ที่บ้านพักหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงนำหมายเข้าทำการจับกุม และ นำตัว มาสอบสวน ลงประจำวัน ที่สถานีตำรวจภูธรกะทู้ก่อนจะนำตัว ขึ้นเครื่องบินส่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศ ส่งตัว เป็นผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป

ตร.ถลาง ภูเก็ต จับกุมผู้ต้องหายาบ้าพร้อมยาบ้า 7,455 เม็ด อาวุธสงครามพร้อมกระสุน

ตร.ถลาง ภูเก็ต จับกุมผู้ต้องหายาบ้าพร้อมยาบ้า 7,455 เม็ด ปืนอาก้า และปืนลูกซองสั้นอย่างละ1กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง

วันที่ 21 พ.ค. 57  ที่ สภ.ถลาง พ.ต.อ. อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท. พิศิษฐ์ ชื่นเพ็ชร รองผกก.สส.สภ.ถลาง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ถลาง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายศรันยู สาลี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/11 ม.4 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลาง
 1.ยาบ้า จำนวน 7,455 เม็ด
 2.อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก
 3.อาวุธปืนยาวชนิด AK 47 (อาก้า) จำนวน 1 กระบอก
 4.เครื่องกระสุนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 6 นัด
 5.เครื่องกระสุนปืนขนาด 5.56 (เอ็ม16) จำนวน 5 นัด
 6.อุปกรณ์การเสพยาบ้า จำนวน 1 ชุด
 7.โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 2 เครื่อง และยี่ห้อโนเกีย จำนวน 1 เครื่อง
 8.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีดำ หมายเลขทะเบียน กนษ 629 ภูเก็ต จำนวน 1 คัน
 9.กล่องเหล็กทรงสี่เหลี่ยม ขนาด 17x26 เซ็นติเมตร จำนวน 1 กล่อง
 10.เงินสด จำนวน 4,600 บาท

โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณ ขนำไม่เลขที่ บริเวณป่าชายเลน ม.4 บ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงพฤติการณ์ในการจับกุม สืบเนื่องเมื่อวันที่ 20 พ.ค.57 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายกฤษฎา หรือเอ๋ ใจหาญ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในลักษณะเป็นผู้จำหน่ายกำลังจะเดินทางไปรับยาเสพติดที่ขนำแห่งหนึ่งริมป่าชายเลนบ้านพารา ต.ป่าคลอก จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปซุ่มสังเกตการณ์ จนกระทั่งเวลา 15.45 น. นายกฤษฎา ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กนษ 629 ภูเก็ต มายังขนำดังกล่าว โดยนายกฤษฎาได้เดินเข้าไปในขนำดังกล่าวซึ่งภายในขนำได้มีผู้ชาย 2 คนนั่งรออยู่ภายในแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จู่โจมบุกเข้าไปในขนำดังกล่าว แต่ชายทั้ง 3 คน ได้วิ่งหลบหนีข้ามคลองริมป่าชายเลนไปอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าหน้าที่สามารถวิ่งไล่จับกุมได้ 1 คน คือ นายศรันยู สาลี ส่วน 2 คนที่หลบหนีไปได้คือ นายกฤษา ใจหาญและนายอดิศักดิ์ หอมหวน (ทราบชื่อภายหลัง) จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายศรันยูไปตรวจค้นภายในขนำ ปรากฏว่า พบยาบ้าจำนวน 38 ถุง รวม 7,455 เม็ด และยังพบของกลางอื่นๆ อีกมากมาย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว นายศรัณยู ไปสอบสวนเพิ่มที่ สภ.ถลาง โดย นายศรันยู เปิดเผยว่า ยาเสพติดดังกล่าวและของอื่นๆ เป็นของนายดำ ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ที่นำมาให้ นายกฤษฎาและนายอดิศักดิ์ จำหน่ายให้กับวัยรุ่นในพื้นที่อ.ถลาง อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง อันเป็นความผิดฐาน ร่วมกับพวกที่หลบหนีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมายและร่วมกับพวกที่หลบหนีมีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ในเบื้องต้น นายศรันยู ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหายาบ้าและของกลางอื่นๆ ไม่ใช่ของตนเอง ซึ่งตนเองเพียงไปซื้อเท่านั้นตร.ถลาง ภูเก็ต จับกุมผู้ต้องหายาบ้าพร้อมยาบ้า 7,455 เม็ด ปืนอาก้า 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง 

เร่งตรวจสอบผู้บุกรุกในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถระยะที่ 4 อีก 8 เป้าหมาย

กรมอุทยานฯเดินหน้าตรวจสอบผู้บุกรุกในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถระยะที่ 4 อีก 8 เป้าหมาย ขณะที่หัวหน้าอุทยานฯเตรียมย้ายเข้ารับตำแหน่งใหม่ในกรมป่าไม้ ยืนยันไม่ได้ถูกกดดันจากนายทุน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 พ.ค.57 ภายในที่ทำการอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นาย สมัคร ดอนนาปี ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ พร้อมด้วยนาย ชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานฯสิรินาถ แถลงภาพรวมความคืบหน้าโครงการตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ทั้ง 3 ระยะ

นายสมัคร ดอนนาปี ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ กล่าว ขณะนี้ การดำเนินการตรวจสอบทั้ง 4 ระยะที่ผ่านมามีความคืบหน้าเป็นลำดับ โดยสามารถสรุปได้เป็นระยะคือ ระยะที่ 1 จำนวน 11 เป้าหมาย รวม 524 ไร่ ระยะที่2 จำนวน 9 เป้าหมาย รวม 701 ไร่ ระยะที่ 3 จำนวน 6 เป้าหมาย 20 แปลง เนื้อที่รวม 320 ไร่ และในระยะที่ 4 จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ 185 ไร่ รวมทั้งหมดดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีไปแล้ว 1,755ไร่ ขณะที่การเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ต่อกรมที่ดินฯ ซึ่งพบว่ามีความชัดเจนแล้วว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบจำนวนกว่า 500 ไร่ รวมถึงการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบทั้งหมด ได้แก่เจ้าพนักงานที่ดิน นักวิชาการที่ดิน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดอำเภอ และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆซึ่งกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบ

จากนั้นผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ ร่วมปล่อยแถวเจ้าหน้าที่กรมอุทยานกว่า 100 นาย ลงพื้นที่เข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายในระยะที่ 4 อีกจำนวน 8 เป้าหมาย พร้อมแจ้งความดำเนินดำเนินคดีกับผู้บุกรุก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ 5 เป้าหมายแรกตั้งอยู่บริเวณชายหาดในทอน ต.สาคู ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ได้แก่ร้านอาหารบ้านราตรี ร้านอาหารอันโตนีโอ ร้านอาหารมาดากัสกา ร้านอาหาร คาเฟ่ อัลลาดิน และร้านอาหารเยลโล่ คาเฟ่2 ซึ่งมีการก่อสร้างเป็นร้านอาหารลักษณะถาวร ก่อสร้างห้องน้ำ ตั้งโต๊ะอาหาร ร่ม สำหรับให้บริการนักท่องเที่ยว ปิดกั้นทางลงชายหาด และทั้งที่จุดดังกล่าว องค์การบริหารส่วนตำบลสาคูได้เข้ามาจัดระเบียบชายหาด และทำข้อตกลงกับผู้ประกอบการในพื้นที่ไม่ให้มีการก่อสร้างในลักษณะถาวร จึงเชิญตัวเจ้าของมาพูดคุยในเบื้องต้นเพื่อรวบรวมหลักฐาน ก่อนจะแจ้งบังคับใช้มาตรา 22 เพื่อสั่งให้มีการรื้อถอนภายในระยะเวลาที่กำหนด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบในเป้าหมายที่ 6 ที่ตั้งของสถานประกอบการ ธุรกิจดำน้ำของบริษัท อควา ไดร์ฟเวอร์ส จำกัด ซึ่งถัดไปจากชายหาดประมาณ 300 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานฯสิรินาถจึงให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบพร้อมทั้งรวบรวมหลักฐาน ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบในเป้าหมายที่ 7 อีก 1 จุด บริเวณรอยต่อของต.สาคูและต.เชิงทะเล ซึ่งเป็นสวนยางเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่เศษ มีการก่อสร้างบ้านพักจำนวน 2 หลัง และมีร่องรอย การขุดหลุมเตรียมก่อสร้างบ้านพักอีกจำนวนมาก จุดนี้เอง มีผู้แสดงตนเป็นลูกจ้างเฝ้าสวนยาง เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบถาม ส่วนอีก1 เป้าหมาย ที่เจ้าหน้าที่จะแจ้งความดำเนินคดีคือถนนทางเข้าโรงแรมเพนนิซูล่า (โรงแรมร้าง) ต. สาคู ซึ่งมีการดำเนินคดีไปแล้วก่อนหน้า เพื่อสกัดกั้นการบุกรุกพื้นที่ป่าสมบูรณ์ที่นายทุนเตรียมออกเอกสารสิทธิ์อีกนับร้อยไร้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะมีการรวบรวมหลักฐานให้ครบทั้งหมด 8 เป้าหมาย ก่อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกฯตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 16 (1) (4) (13) ต่อพนักงานสอบสวน

 ส่วนกรณีที่จะมีการโยกย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถนั้น นาย ชีวะภาพ ชีวะธรรม ตนได้รับคำสั่งให้ไปรับตำแหน่งในกรมป่าไม้เพื่อดูแลในภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ถูกกดดันจากนายทุนแต่อย่างไร โดยจะเดินทางไปรับตำแหน่งในวันที่ 22 พ.ค.นี้ และจะไม่มีผลกระทบกับการดำเนินการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ ในเขตอุทยานสิรินาถแต่อย่างใด และฝากไปยังหัวหน้าอุทยานฯสิรินาถคนใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินการต่อ ต้องกล้าที่จะดำเนินคดีฯ เพราะต้องเจอกับภาวะกดดันจากคนบางกลุ่ม และต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เพราะอาจมีการหยิบยื่นผลประโยชน์เข้ามาในหลายด้าน

ไต๋ก๋งเรือทูน่าชาวไต้หวันเสียชีวิตภายในเรือ คาดว่าน่าจะเกิดจากโรคประจำตัว

พบศพไต๋ก๋งเรือทูน่าชาวไต้หวันนอนเสียชีวิตภายในเรือ คาดว่าน่าจะเกิดจากโรคประจำตัว หลังออกเรือจับปลาทูน่ามาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ได้รับแจ้งจากเรือประมงปลาทูน่าชื่อ ซินซุนฟาง ด้วยได้เกิดเหตุไต่ก๋งเรือนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนของเรือลำดังกล่าว โดยจะนำศพมาขึ้นที่บริเวณท่าเรือศุลกากรจังหวัดภูเก็ต หลังจากรับแจ้งจึงประสานไปยังตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตพร้อมเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย ร.ต.ท. ภฤศธร อยู่ทอง ร.ต.ท. ฐาปนันท์ อัครกันทรากร รองสารวัตรตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต

โดยเวลา 10.35 น. เรือลำดังกล่าวได้เข้าจอดเทียบท่า ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต จึงได้ลงไปภายในเรือและเข้าไปภายในห้องนอนพบศพ นาย CHEN JUNG FU อายุ 54 ปี สัญชาติไต้หวัน สภาพนอนหงายสวมเสื้อแขนสั้น สวมกางเกงขายาว จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลวิชระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

จากการสอบทราบว่า ผู้ตายเป็นไต๋ก๋งเรือปลาทูน่าลำดังกล่าว โดยมีโรคประจำหลายโรค ซึ่งได้ออกไปหาปลาทูน่าตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 57 ที่ผ่านมา โดยในวันเปิดเหตุเรือลำดังกล่าวครบกำหนดที่จะนำปลามาขึ้นที่แพปลา แต่ระหว่างเดินทางกลับ นาย CHEN JUNG FU ได้นอนอยู่ภายในห้องนอน แต่ลูกเรือชาวประมงได้ไปปลุกให้ตื่นมาขับเรือต่อ ปรากฏว่าได้เสียชีวิตแล้ว จึงได้ประสานทางบริษัทให้ติดเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตมารับศพในที่สุดเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากโรคประจำตัว พร้อมประสานญาติให้มารับศพเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พบปะข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 พฤษภาคม 2557 นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการทำงานของข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ในสังกัด สปข. 5 และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน โดยมี นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางพิชญา เมืองเนาว์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในสังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 และประชาสัมพันธ์จังหวัดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนให้การต้อนรับ ณ ร้านอาหารกันเอง

การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง แม้บ้านเมืองจะมีความขัดแย้ง แต่การทำงานของเจ้าหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์ ก็ได้มีการทำงานในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้แก่ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองและในท้องถิ่นของตนเองอย่างถูกต้องเที่ยงตรงและรวดเร็ว รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับข้าราชการผู้ปฏิบัติงานอยู่ในส่วนภูมิภาค ตลอดจนเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแก่คนในองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนมากที่สุดในเรื่องของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของสื่อในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์

สตูลจัดกิจกรรมคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ พร้อมออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนพื้นที่ละงู เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ

วันนี้ (๒๒ พ.ค. ๕๗) นายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธาน เปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ และกิจกรรมออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่ประชาชน เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ สนามด้านหน้าข้างสระน้ำหนองปันหยา บ้านปากละงู ม.๒ ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล

ภายในงานมีกิจกรรมโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ กิจกรรมสนับสนุนโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว มีบริการตรวจรักษาโรคแก่ผู้ป่วยในพื้นที่ มีการออกร้านจำหน่ายสินค้า การจัดนิทรรศการจากหน่วยงานต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน มีการมอบทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส จำนวน ๒๐ ทุน ทั้งนี้สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล มอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค บริโภค และแจกแว่นฟรีแก่ผู้สูงอายุอีกด้วย

โอกาสนี้ นายดำรงค์ ดีสกูล นายอำเภอละงู กล่าวว่า อำเภอละงู อยู่ห่างจากจังหวัด ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น ๖ ตำบล จำนวน ๖๑ หมู่บ้าน มีครัวเรือน จำนวน ๒๐,๖๖๘ ครัวเรือน ประชากร จำนวน ๗๐,๓๙๕ คน อาชีพของราษฎรส่วนใหญ่ ประกอบด้วย การทำประมงชายฝั่ง เกษตรกรรม ค้าขาย และการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อำเภอละงู ยังประสบปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาการท่องเที่ยว ขาดการบริหารจัดการที่ดี ปัญหาพื้นที่ทำกินอยู่ในเขตป่าสงวนและอุทยาน และปัญหาคุณภาพชีวิตและสังคม เช่น แรงงานต่างด้าว ปัญหายาเสพติด เป็นต้น ทำให้เกิดอุปสรรคในการพัฒนาพื้นที่อำเภอละงู แต่ก็ไม่ได้วิตกกังวล เนื่องจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมีการดำเนินการแก้ไขแต่ละปัญหาอย่างต่อเนื่อง และหากไม่สามารถแก้ไขได้ก็จะเร่งนำปัญหาเข้าที่ประชุมปรึกษาทางจังหวัด เพื่อจัดทำเป็นนโยบายแก้ปัญหาระดับจังหวัดต่อไป



กนกพิชญ์ / ข่าว

พังงา ฝึกอบรมลดกลุ่มเสี่ยงนอกสถานศึกษาต้านภัยยาเสพติด หลักสูตรเยาวชนอาสารักษาดินแดนต้านภัยยาเสพติด รุ่น ๑/๒๕๕๗

นายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า การสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับเร่งดำเนินการควบคุมพื้นที่เสี่ยงและพัฒนาเยาวชนนอกสถานศึกษาให้เป็นพลังในการพัฒนาสังคมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กลุ่มเป้าหมายคือเด็กและเยาวชนเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มใหญ่ในสังคมปัจจุบัน ที่ได้รับอิทธิพลและผลกระทบจากปัญหา หากเด็กและเยาวชนขาดภูมิคุ้มกันและขาดการอบรมดูแลชี้แนะอย่างใกล้ชิดจากผู้ปกครอง ก็อาจทำให้ค่านิยม ทัศนคติรวมทั้งพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานอันดีงามของสังคมได้ ขณะนี้ปัญหาเชิงสังคมและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น การแก้ไขปัญหาและทางออกของสังคมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ รวมทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม รวมถึงสื่อมวลชนจะต้องมีบทบาทและทำหน้าที่ อย่างเข้มแข็งและเข้มข้น ในการนำพาให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างจริงจังและเป็นระบบ จึงจำเป็นต้องให้เด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นผู้ที่รู้ เข้าใจและสัมผัสปัญหา เป็นผู้ช่วยแจ้งเตือนเพื่อน ๆ ให้รู้เท่าทันและห่างไกลจากภัยต่าง ๆ อีกทั้งช่วยแจ้งผู้ใหญ่ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อที่จะช่วยกัน สร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับสังคม และที่สำคัญจะได้ช่วยกันป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมและยั่งยืน

ผลที่ได้จากการฝึกอบรม คาดว่าเยาวชนที่เข้ารับการอบรมครั้งนี้ จำนวน ๖๑ คน ได้รับความรู้ แล้วนำความรู้ที่ได้ไปขยายผล ให้เพื่อน ๆ และผู้ใหญ่ได้รับทราบจะได้ช่วยกันป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป

คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดพังงา ประชุมติดตามสอดส่องโครงการตามแผนปฏิบัติราชการของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๗

นางอรวรรณ ขุมทรัพย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๗ เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดพังงา เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพังงา

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๗ กล่าวว่า การประชุมเน้นติดตามเรื่องสืบเนื่องจากการประชุมครั้งก่อน( ๒๓ มกราคม ๕๗) ในสามประเด็น คือ โครงการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของ ก.ธ.จ.ปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ,โครงการสัมมนาเครือข่ายภาคประชาชนของ ก.ธ.จ.ปีงบประมาณ ๒๕๕๗ และการสอดส่องโครงการตามแผนปฏิบัติราชการของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๗

โครงการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของ ก.ธ.จ.พังงา เป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับบทบาท ภารกิจ อำนาจหน้าที่ ตลอดจนผลการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ธ.จ. ตามระเบียบให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปให้เกิดการรับรู้ ตระหนักถึงความสำคัญ รวมทั้งให้การยอมรับในบทบาทหน้าที่และการดำเนินงานของ ก.ธ.จ.

สำหรับ โครงการสัมมนาเครือข่ายภาคประชาชนของ ก.ธ.จ. เพื่อสร้างเครือข่ายภาคประชาชนและกำหนดแนวทางในการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง ก.ธ.จ.และเครือข่ายภาคประชาชนให้สามารถเป็นกลไกในการสอดส่องหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดโดยการเสริมสร้างเครือข่ายให้มีความเข้มแข็งและเปิดโอกาสให้เครือข่ายได้เข้ามามีส่วนร่วมสอดส่องและสนับสนุนการดำเนินงานของ ก.ธ.จ.

ส่วนการสอดส่องโครงการตามแผนปฏิบัติราชการของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๗ จำนวน ๖ โครงการ งบประมาณ ๓๙,๔๕๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย ๑. โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดพังงา งบประมาณ ๑๐,๒๐๐,๐๐๐ บาท ๒.โครงการพัฒนาศักยภาพสถานบริการสุขภาพเพื่อรองรับภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพและการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา งบประมาณ ๙,๗๕๐,๐๐๐ บาท ๓.โครงการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดพังงา งบประมาณ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๔.โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวิถีชุมชน งบประมาณ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๕.โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาทและโครงการบริหารจัดการทรัพยากรประมงสู่ความสมดุลและยั่งยืน งบประมาณ ๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ ๗ ในฐานะประธานกรรมการธรรมาภิบาล จังหวัดกระบี่ (ก.ธ.จ.กระบี่) ได้กำหนดให้มีการประชุม ก.ธ.จ. กระบี่ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗


ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ ๗ ในฐานะประธานกรรมการธรรมาภิบาล จังหวัดกระบี่ (ก.ธ.จ.กระบี่) ได้กำหนดให้มีการประชุม ก.ธ.จ. กระบี่ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗

วันนี้ 21 พฤษภาคม 2557 เวลา 09.30 น. นางอรวรรณ ขุมทรัพย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต ๗ ประธานกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดกระบี่ เป็นประธานในการประชุม ก.ธ.จ. กระบี่ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

วาระการประชุมที่สำคัญในครั้งนี้ได้มีวาระการตรวจติดตามโครงการที่ได้รับอนุมัติงบประมาณและดำเนินการในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ได้แก่โครงการที่ได้รับอนุมัติงบประมาณในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ( ครม.สัญจร ครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕) โครงการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉินและภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตที่ดีและการท่องเที่ยว(ตึกอุบัติเหตุ) โรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ โครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามอำนาจของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์) โครงการย้ายสถานีเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงระบบ AM พร้อมเสาและสายอากาศ คลื่นความถี่ ๗๒๐ KHz (เพื่อออกอากาศชั่วคราว) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดกระบี่เป็นหน่วยรับผิดชอบ

นอกจากนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดสรรงบประมาณให้กับ ก.ธ.จ.กระบี่ เพื่อจัดทำโครงการ จำนวน ๒ โครงการ คือโครงการประชาสัมพันธ์การทำงานของ ก.ธ.จ. กระบี่ งบประมาณ ๓๐,๐๐๐ บาท ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการโปสเตอร์ ประกอบด้วย ภาพถ่ายคณะกรรมการฯ อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ที่อยู่ (ฝ่ายบุคคล กธจ.กระบี่ และเบอร์โทรศัพท์) โดยขอความร่วมมือสถานีวิทยุและเคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นเพื่อจัดรายการตามความเหมาะสมจัดทำสมุดคู่มือ (บันทึก) ขนาด A๕ (หากมีงบประมาณเพียงพอ) และโครงการสร้างเครือข่ายคณะกรรมการธรรมาธิบาลจังหวัดกระบี่ งบประมาณ ๖๐,๐๐๐ บาท ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ นายเอกณัฐ บุญยัง จัดทำโครงการ และกำหนดจัดทำโครงการภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ และกำหนดผู้เข้าอบรม จำนวน ๕๐ คน โดยให้ ก.ธ.จ. แต่ละท่านเป็นผู้คัดเลือกเครือข่ายเดิมและจัดหาเครือข่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผู้เข้าอบรมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้


อำนวย ใจเกลี้ยง ภาพ/ข่าว



จังหวัดกระบี่ ประชุมชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การปฎิบัติตามการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฏอัยการศึก พ.ศ.2557

วันนี้ 21 พฤษภาคม 2557 เวลา 10.00 น. นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเกี่ยวข้องกับการปฎิบัติตามการประกาศใช้กฎอัยการศึก ณ.ห้องประชุมพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางหลังใหม่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ พนักงานอัยการ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 150 คน นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าการประชุมในครั้งนี้

เพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ทั่วราชอาณาจักร เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ในส่วนราชการ และประชาชนถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกอย่างถูกต้อง เพื่อจุดประสงค์ของการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และเพื่อทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมืองมิให้เกิดความแตกแยก

ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการจะก่อความรุนแรงให้ยุติการกระทำ ขอความร่วมมือผู้ใด หรือหน่วยงานใดที่มีการปลุกปั่น ยุยง ชักชวนให้เกิดความวุ่นวาย หรือก่อให้เกิดเหตุเผชิญหน้า การใช้สื่อใดๆ ไม่ควรเลือกข้าง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้เกิดความเข้าใจที่ผิด และไม่ควรดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ให้กำชับเวรยามให้เข้มงวดเรื่องดูแล และรักษาความปลอดภัยอาคาร สำนักงานอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากมีความเคลื่อนไหว หรือสถานการณ์ใดๆ ที่จะส่อเค้าให้เกิดความผิดปกติเกิดขึ้น ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบตลอด 24 ชั่วโมง และยังได้กำชับให้ทุกภาคส่วนได้ปฏิบัติตามประกาศกฎอัยการศึก และแนวทางการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยในระยะนี้จะมีการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่เข้มเป็นพิเศษในหลายพื้นที่ เพื่อสกัดกั้นอาวุธ และสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ


อำนวย ใจเกลี้ยง ภาพ /ข่าว

ประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ แจงสื่อ นำเสนอข่าวด้วยความรอบคอบ ช่วงประกาศกฎอัยการศึก


เวลา 13.00 น.วันที่ 21 พ.ค. 57 ที่ห้องประชุมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ นายนายวีระพงษ์ ไวทยวงศ์สกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ เป็นประธานประชุมชี้แจงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทั้ง โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ในการนำเสนอข่าวในช่วงของการประกาศกฎอัยการศึก โดยมีนายสุรินทร์ รักษาแก้ว ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศจังหวัดกระบี่ และสื่อมวนชนทุกแขนง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายวีระพงษ์ ไวทยวงศ์สกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนในช่วงของการประกาศกฎอัยการศึก ขอให้สื่อมวลชนเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น โดยให้ปฎิบัติตามประกาศกฎอัยการศึกอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้มีการประกาศเป็นระยะๆ สำหรับในส่วนของสถานีวิทยุ ก็ให้มีการเชื่อมสัญญาณกับสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในการถ่ายทอดสัญญาณต่างๆนอกเหนือจากรายการปกติ และจากการตรวจสอบสถานีวิทยุ กว่า 40 สถานี ของจังหวัดกระบี่ ยังไม่พบการกระทำผิดกฎอัยการศึกแต่อย่างใด


หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่



เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เดินเท้ากว่า5 กิโลเมตร บุกเข้ารื้อถอนต้นยางพาราและปาล์มน้ำมัน กว่า 1 พันต้น ในพื้นที่บุกรุกเขตอุทยานฯ ท้องที่ ม.6 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ใกล้เขาหงอนนาคแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เนื้อที่กว่า20 ไร่ หลังถูกลักลอบบุกรุกแผ้วถาง และปลูกปาล์มน้ำมัน


เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เดินเท้ากว่า5 กิโลเมตร บุกเข้ารื้อถอนต้นยางพาราและปาล์มน้ำมัน กว่า 1 พันต้น ในพื้นที่บุกรุกเขตอุทยานฯ ท้องที่ ม.6 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ใกล้เขาหงอนนาคแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เนื้อที่กว่า20 ไร่ หลังถูกลักลอบบุกรุกแผ้วถาง และปลูกปาล์มน้ำมัน

วันที่ 22 พ.ค. 57 นายไชยธัช บุญภูพันธ์ตันติ หัวหน้าหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พร้อมด้วยนายบุญแนม ช่วยระดม ผช .หัวหน้าอุทยานฯ ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ อุทยานฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. รวมกว่า10 นาย เข้ารื้อถอนทำลายปาล์มน้ำมัน อายุ 1-2 ปี ในพื้นที่บุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ม.6 ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ รวม 3 แปลง เนื้อที่กว่า 20 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่รื้อถอนทำลายต้นยางพารา ทั้งหมด 1,143 ต้น และต้นปาล์มน้ำมันอีก 15 ต้น รวมทั้งหมด 1,158 ต้น ตามประกาศ มาตรา 22 แห่งพ.ร.บ.อุทยาน พ.ศ. 2504 หลังพบมีการลักลอบเซาะร่องป่า ปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมัน เพื่อจับจองพื้นที่ แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิด

นายไชยธัช กล่าว่า พื้นที่ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียน และได้เข้าตรวจสอบ เมื่อปี 2551 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2556 พบว่ามีการบุกรุก โดยการแผ้วถางป่า ก่อนนำพันธุ์ยางพาราและปาล์มน้ำมัน เข้ามาปลูกจนเต็มพื้นที่ แต่ระหว่างเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าตรวจสอบ ผู้กระทำผิดก็ได้หลบหนีไปก่อนแล้ว จึงได้ยึดพื้นที่ และประกาศตามมาตรา 22 แห่งพ.ร.บ.อุทยานฯ เพื่อให้เจ้าของที่ดินมาแสดงตัว แต่หลังผ่านไป3 เดือน ปรากฎว่าไม่มีใครมาแสดงตัว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้ารื้อถอนทำลาย และฟื้นฟูสภาพป่าต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่เดินทางเป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร โดยใช้เวลานานกว่า1 ชั่วโมง กว่าจะเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเส้นทางลำบาก อยู่บนพื้นที่ลาดบนภูเขา ใกล้กับ เขาหงอนนาคแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ คาดว่าจะมีการปลูกอาสินเพื่อจับจองพื้นที่ เพื่อขายต่อให้นายทุน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนต่อไป


หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่



ศาลจังหวัดตรัง ร่วมกับธนาคารออมสินเขตตรัง จัดโครงการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท สร้างโอกาสก่อนฟ้อง

ที่บริเวณหน้าอาคารศาลจังหวัดตรัง นายทวีศักดิ์ นคนันท์ รองผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท สร้างโอกาสก่อนฟ้อง ธนาคารออมสินเป็นสถาบันการเงินที่สนับสนุนด้านการเงินแก่ลูกค้าทั่วไป แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพสูงขึ้น และจากสถานการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติภายในประเทศ ทำให้ลูกหนี้ของธนาคารมีขีดความสามารถในการชำระหนี้ลดลง หรือมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ กรณีดังกล่าวหากไม่ได้รับการแก้ไข ธนาคารจำเป็นจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งวิธีการดังกล่าวอาจเป็นการซ้ำเติมลูกหนี้ได้ ดังนั้น ศาลจังหวัดตรังร่วมกับธนาคารออมสินเขตตรังจัดโครงการดังกล่าวขึ้น โดยการนำระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้ในการประนีประนอมระหว่างลูกหนี้และธนาคารออมสิน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้แทนการฟ้องคดีต่อศาล อันเป็นการบรรเทาและให้ความช่วยเหลือทั้งลูกหนี้และธนาคาร อีกทั้งเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของคู่ความโดยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้ ตลอดจนลูกหนี้ธนาคารออมสินในจังหวัดตรังที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามสัญญา จำนวน 350 ราย จะได้รับการแก้ไขสภาพหนี้ โดยผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจต่อการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ครั้งนี้

ที่ จ.ตรัง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 7 ประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตรวจ และติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว (ทุ่งคลองสน)

ที่ห้องประชุมศรีตรัง ศาลากลางจังหวัดตรัง นางอรวรรณ ขุมทรัพย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 7 ลงพื้นที่ที่จังหวัดตรัง เพื่อติดตามการดำเนินงาน และประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตรัง ครั้งที่ 2/2557 โดยมี นายกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง พร้อมเครือข่ายด้านต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมเพื่อนำเสนอปัญหาต่าง ๆ และในช่วงบ่ายลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการที่ได้รับอนุมัติงบประมาณในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ครั้งที่ 3/2555 จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 20มีนาคม 2555) โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว(ทุ่งคลองสน) ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา

ซึ่งมีองค์การบริหารส่วนจ.ตรังรับผิดชอบ โดยงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาทั้งสิ้น 24,799,000 บาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างระบบท่อจ่ายน้ำประปา/หอถังสูง/หอถังน้ำใส/โรงสูบน้ำ/งานรายละเอียดเฉพาะแห่งจุดจ่ายน้ำ 1-3 / อาคารเก็บสัมภาระนักท่องเที่ยว / อาคารที่พักนักท่องเที่ยว /อาคารห้องน้ำสาธารณะ / อาคารสำนักงานและบริการข้อมูล / งานภูมิทัศน์ / ระบบสาธารณูปโภคและทดสอบคุฯสมบัติของชั้นดิน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้างได้ประมาณร้อยละ 53.26 และจะเสร็จสิ้นตามสัญญาประมาณเดือนกันยายน 2557 นี้ โดยจากการติดตามโครงการฯ นางอรวรรณ ขุมทรัพย์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 7 กล่าวว่าพอใจและได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการตามที่ขอรับจัดสรรงบประมาณ สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว(ทุ่งคลองสน) มีหน้าท่ากว้าง 16 เมตร ยาว 38 เมตร มีสะพานเข้าสู่ท่าเทียบเรือยาว 36 เมตร พร้อมทั้งมีจุดลงเรือรอบหน้าท่าทั้งหมด 8 จุด ทำให้เรือท่องเที่ยวสามารถเทียบท่าได้ครั้งละอย่างน้อย 8 ลำ นักท่องเที่ยวจึงไม่ต้องปีนป่ายระหว่างลำเรือเพื่อลงเรืออีกลำหนึ่ง ก่อให้เกิดความสะดวกต่อนักท่องเที่ยวและสะดวกต่อการขนถ่ายสัมภาระ และหากการพัฒนาท่าเรือแห่งนี้เสร็จสมบูรณ์ จะมีการนำเสนอให้ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวทราบถึงศักยภาพดังกล่าวของ จ.ตรัง ในเวทีระดับชาติและในระดับนานาชาติต่อไป

อบจ.ตรัง จัดโครงการอบรมสัมมนาเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.ตรัง

ที่โรงแรมวัฒนา พาร์ค อำเภอเมืองตรัง นายกิจ หลีกภัย นายก อบจ.ตรัง ในนามประธานเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.ตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมสัมมนาเครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.ตรัง ซึ่งประกอบด้วยอบจ.ตรัง เทศบาล จำนวน 22 แห่ง และอบต. จำนวน 77 แห่ง รวม 100 องค์กร โดยในการประชุม นายกอบจ.ตรัง ประธานสภาอบจ.ตรัง และนายประมวล โอบอ้อม หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการผลิต สำนักงานเกษตร จ.ตรัง ร่วมกันมอบรางวัลผู้ชนะโครงการประกวดปลูกไม้ยืนต้น ไม้ดอกไม้ประดับ เขตสองข้างทาง ตามโครงการพัฒนาเมืองตรังให้น่าอยู่ ปี 2556 ซึ่ง อบจ.ตรังร่วมกับสำนักงานเกษตร จ.ตรังดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านร่วมมือร่วมใจกันปลูกไม้ยืนต้นแซมด้วยดอกไม้ประดับ สองข้างทาง และการมีส่วนร่วมของชุมชนและองค์กรในการพัฒนาหมู่บ้านในชนบท ให้มีความสวยงาม สะอาด ร่มรื่น สร้างความประทับใจแก่ผู้สัญจรผ่านไปมา หรือผู้ที่มาพักผ่อนในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ใน จ.ตรัง ซึ่งในปี 2556 อบจ.ตรัง สนับสนุนงบประมาณ 3 แสนบาทดำเนินโครงการฯ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 20 สายถนน ในพื้นที่ 6 อำเภอ ผลการพิจารณาตัดสินของคณะกรรมการฯ มีดังนี้ รางวัลที่ 1 ถนนสายต้นโหนด-รัษฎา,ต้นโหนด-ต้นเลียบ บ้านกลางเหนือ หมู่ที่ 7 ตำบลควนเมา อ.รัษ ฎา รับรางวัลเงินสด 8 หมื่นบาท พร้อมโล่รางวัล /รางวัลที่ 2 ถนนสายบ้านทุ่งแดด-ควนพญา บ้านทุ่งแดด หมู่ที่ 1 ตำบลบางกุ้ง อำเภอห้วยยอด รับเงินรางวัล 6 หมื่นบาท พร้อมโล่รางวัล / รางวัลที่ 3 ถนนสายหลังเขา-นาตาล่วง บ้านหลังควน หมู่ที่ 21 ตำบลเขาวิเศษ อำเภอวังวิเศษ รับรางวัลเงินสด 3 หมื่นบาท พร้อมโล่รางวัล และรางวัลชมเชย อันดับ 1 จำนวน 6 รางวัล รับรางวัลเงินสดรางวัลละ 1หมื่นบาทพร้อมโล่รางวัล รางวัลชมเชย อันดับ 2 จำนวน 5 รางวัล รับรางวัลเงินสดรางวัลละ 8 พันบาทพร้อมโล่รางวัล

หลังจากนั้นเป็นวาระการพบผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาฯและปลัดฯ โดยนายสำราญ เก้าเอี้ยน นักวิชาการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นชำนาญการพิเศษ สำนักงานท้องถิ่นจ.ตรัง /นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง เพื่อทำความเข้าใจและสร้างความมั่นใจเรื่องบ่อขยะ โดยยืนยันว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 25 แห่งในจ.ตรัง ซึ่งเคยนำขยะมาทิ้งที่บ่อขยะกับเทศบาลนครตรัง จะได้ใช้บริการตามปกติภายในต้นเดือนมิ.ย. 2557 ขณะนี้เทศบาลนครตรังอยู่ในระหว่างว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดขยะ มาดำเนินการกำจัดขยะเก่า และกำจัดขยะใหม่ ให้ถูกต้องตามที่เทศบาลนครตรังกำหนด นายกอบจ.ตรัง ได้เสนอแนวคิดการกำจัดขยะโดยวิธีเผา ซึ่งจะมีการศึกษาดูงานวิธีการทำลายขยะในรูปแบบที่เหมาะสมของบริษัทต่างๆ เพื่อนำมาสรุปและจัดทำโครงการสมทบงบประมาณกับองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นที่สามารถคัดแยกขยะได้เป็นระบบ และมีพื้นที่ในการดำเนินการ และพูดถึงโครงการสมทบงบประมาณถนนเครือข่ายในอัตรา 60: 40 ซึ่งบูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน โดยปี 2557 อบจ.ตรัง สรุปโครงการสมทบงบประมาณร่วมกับอบต. ทั้งสิ้น 21 สายถนน เป็นระยะทาง 18,756 กิโลเมตร รวมงบประมาณดำเนินการร่วมกันทั้งสิ้น 76,212,000 บาท แยกเป็นของอบจ.ตรัง จำนวน 45,727,200 บาท และของอบต.จำนวน 30,484,800 บาท

จังหวัดตรัง ดำเนินตามคำสั่ง กอ.รส.ในการเร่งขจัดอาวุธสงคราม ยาเสพติด และปัญหาอาชญากรรม ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันการนำอาวุธสงครามมาก่อเหตุ

หลังจากที่นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปรับนโยบายจาก กอ.รส. เกี่ยวกับการกวดขันในเรื่องของอาวุธสงคราม ยาเสพติด คดีอุกฉกรรจ์ และเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ เพื่อความสงบเรียบร้อย ผลปรากฏว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรังก็สามารถพร้อมด้วย พ.ต.อ ชัยรัตน์ กาญจนเนตร ผู้กำกับการ สภ.เมืองตรัง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมแกงค์โจรกรรมรถจักรยานยนต์ที่ออกก่อเหตุในพื้นที่ สภ.เมืองตรัง จำนวน 6 คน ประกอบด้วย 1 นายเจริญหรือต้น สุภารัตน์ อายุ 22ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/9 ม.4 ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง 2.นายมนัสหรือแบงค์ สมประสงค์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ถ.รัษฎาอุทิศ2 อ.กันตัง จ.ตรัง และผู้ต้องอีก 4 คน ซึ่งเป็นเยาวชน พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 7 คัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายเจริญ ในคดียาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้า 1,811เม็ด ที่บ้านเลขที่ 42/9 ม.4 ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง และตรวจยึดที่รับซื้อไว้ด้วยการแลกกับยาบ้า จำนวน 2 คัน ขยายผลจนสามารถติดตามตัวนายมนัสได้และติดตามตัวผู้กระทำผิดซึ่งเป็นเยาวชนอีก 4 คน ตรวจยึดรถได้เพิ่มอีก 4 คัน โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่งบางคันเอามาขับขี่เองและบางคันนำไปแลกกับยาบ้ามาเสพ รวมไปถึงการแถลงการณ์จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมอาวุธปืนสงครามคือนายนพพล สุวารีย์ อายุ 28ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/1หมู่ที่ 2 ต.วังวน อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนเอ็ม 16 พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 30นัด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ในพื้นที่ ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง

นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ปี 2556 ได้อีกจำนวน 2คน คือ นายพูพีรณัฐ ตะนากรณ์ อายุ 29 ปี และนายธีรศักดิ์ ดำเขียว อายุ 38 ปี โดยทั้งสองคน อยู่บ้านเลขที่ 55/5 ม.5ต.นาโยงใต้ ตามหมายจับของศาลจังหวัดตรัง ในข้อหาร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยได้ไตร่ตรองเอาไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
   

นายก อบต.สวนหลวงมอบกระเบื้องช่วยเหลือประชาชนเหตุสาธารณภัยลมกระโชกแรงในพื้นที่ต.สวนหลวง

 เมื่อพุธ ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลสวนหลวง นายบุญยืน ประทุมมาศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวน พร้อมด้วย นายอรุณ แก้วช่วย รองนายก อบต.สวนหลวง มอบกระเบื้องให้ความช่วยเหลือครอบครัว นางหวง ปานมี ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเลขที่ ๔๖๒ หมู่ที่ ๓ ตำบลสวนหลวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากหลายสัปดาห์ ที่ผ่านมาได้เกิดลมพายุอย่างรุนแรงในเขตตำบลสวนหลวง ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก

นายบุญยืน ประทุมมาศ กล่าว่า“เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลสวนหลวง มีงบประมาณเพื่อช่วยเหลือราษฎรผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุสาธารณภัยลมกระโชกแรง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๓๕ ข้อ ๑๒ (๑) ข้อ ๒๗ (๖) แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่๙ พ.ศ.๒๕๕๓ ที่สามารถให้ความช่วยเหลือขั้นต้นได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ” ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวประชาชนในพื้นที่ตำบลสวนหลวงได้รับความเดือดร้อน ประมาณ ๑๒ ครัวเรือน



นายพิชัย ชูกลิ่น // ศูนย์ข่าวประชาสัมพันธ์ อบต.สวนหลวง // รายงาน

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดโครงการเทิดทูนสถาบัน

จังหวัดนครศรีธรรมราชจัดโครงการเทิดทูนสถาบัน และหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนชาวอำเภอท่าศาลา ที่วัดโคกตะเคียน

วันนี้ (22 พ.ค.57 ) นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดโครงการ“เทิดทูนสถาบัน และหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ประจำเดือนพฤษภาคม 2557 แก่ชาวอำเภอท่าศาลา ที่วัดโคกตะเคียน หมู่ที่ 4 ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา โดยจัดให้มีพิธีทางศาสนาทอดผ้าป่าเพื่อนำปัจจัยถวายวัดโคกตะเคียน เป็นเงิน 51,500.- บาท จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเปิดกรวยกระทงดอกไม้ กล่าวนำปฏิญาณตนเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามโครงการเทิดทูนสถาบัน มีหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียนและประชาชน เข้าร่วมพิธี โดยปฏิญาณว่าจะร่วมกันเทิดทูนและป้องป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล โดยผู้เข้าร่วมพิธีได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดโอกาสให้นายสุระ สุรวัฒนากุล นายอำเภอท่าศาลา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นเสนอปัญหาและความต้องการของประชาชน เพื่อนำไปสู่การเยียวยาแก้ไขต่อไป

โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวพบปะกับหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่ได้ฉีกรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ซึ่งทางกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กอ.รส. ได้มีคำสั่งฉบับที่ 10 ห้ามข้าราชการ เจ้าหน้าที่พลเรือนและประชาชน พกพาหรือใช้อาวุธสงครามและวัตถุระเบิดโดยเด็ดขาด จึงขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย หากกระทำความผิดจะถูกจับกุมดำเนินคดีต้องขึ้นศาลทหาร

ต่อจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ ได้มอบทุนการศึกษาแก่เด็กเล็ก นักเรียนด้อยโอกาส มอบเครื่องอุปโภคบริโภคเครื่องนุ่งห่มแก่ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส มอบอุปกรณ์กีฬาให้โรงเรียน และตรวจเยี่ยม หน่วยงานภาครัฐทุกกระทรวง กรม ภาคเอกชนที่ออกให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่ตำบลสระแก้ว และพื้นที่ใกล้เคียงไปรับบริการจำนวนมาก สำหรับการโครงการหน่วยบำบัดทุก บำรุงสุขฯครั้งต่อไป ในวันที่ 4 มิถุนายน 2557 ให้บริการประชาชนที่วัดป่าหวาย ตำบลเชียรเขา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ โดยให้บริการแก่ชาวอำเภอท่าศาลา

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ฯ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ โดยให้บริการแก่ชาวอำเภอท่าศาลา ณ วัดโคกตะเคียน

วันนี้ (22 พ.ค.57) นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ โดยให้บริการแก่ชาวอำเภอท่าศาลา ณ วัดโคกตะเคียน ต.สระแก้ว ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราชได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ร่วมกันจัดขึ้นโดยบูรณาการร่วมกับโครงการหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขสร้างรอยยิ้มให้แก่ประชาชน เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตร สามารถเข้าถึงบริการทางวิชาการ และได้รับการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรอย่างครบวงจร เช่น คลินิกพืช คลินิกสัตว์ คลินิกประมง คลินิกดิน คลินิกบัญชี คลินิกสหกรณ์ คลินิกกฎหมาย (ส.ป.ก.) คลินิกชลประทาน เป็นต้น รวมทั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปของกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก

กระทรวงทรัพย์ฯจัดประชุมวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ปี 2557

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดประชุมวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ปี 2557 ระหว่างวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2557 ณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์นครศรีธรรมราช
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้(22 พ.ค.57) ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ดร.วิจารย์ สิมฉายา รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุม วันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ปี 2557 เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพของเกาะ(Island Biodiversity) ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-224 พฤษภาคม 2557 โดยมีว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต้อนรับ และ รศ.ดร.ก้าน จันทร์พรหมมา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสังคม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวรายงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพของเกาะ และความหลากหลายทางชีวภาพทางภาคใต้ของประเทศไทย เพื่อเผยแพร่พันธกรณี มติการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนแผนกลยุทธ์สำหรับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพระยะ ค.ศ. 2011-2020( พ.ศ. 2554 - 2563) อีกทั้งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพให้ดำรงอยู่และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม และเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ งานวิจัยด้านความหลากหลายทางงชีวภาพทางภาคใต้ และความหลายหลายทางชีวภาพของเกาะ สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ องค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ นักวิจัย ครู อาจารย์ นิสิต นักศึกษา นักเรียน และประชาชนทั่วไปที่สนใจ ประมาณ 300 คน โดยมีการบรรยาย การอภิปราย การนำเสนอผลงานทางวิชาการ การจัดแสดงนิทรรศการและการศึกษาดูงานนอกสถานที่

รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ความหลากหลายทางชีวภาพของเกาะ เป็นหนึ่งในเจ็ดโปรแกรมงานหลักภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ในขณะที่ประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐชายฝั่งที่มีเกาะอยู่จำนวนมากทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จากข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รายงานว่าประเทศไทยมีเกาะจำนวน 936 เกาะ กระจายอยู่ใน 19 จังหวัด โดยในพื้นที่อ่าวไทยมีจำนวน 374 เกาะ และฝั่งทะเลอันดามันมีจำนวน 562 เกาะ ซึ่งหลายพื้นที่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยหรือแหล่งวางไข่ของชนิดพันธุ์ที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ เช่น เการะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่มีความสำคัญระหว่างประเทศหรือ แรมซาร์ไซต์ เป็นแหล่งวางไข่ของเต่าตนุ และเต่ากระ ซึ่งอยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ดังนั้น มนุษย์จึงควรให้ความสนใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยการสร้างความตระหนักและร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้ยั่งยืน เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพเหล่านั้นและดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อย่างกลมกลืนตลอดไป

ทั้งนี้ วันที่ 22 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ (International Day for Biological Diversity) โดยในปี ค.ศ. 2014 สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพได้กำหนดหัวข้อคือ ความหลากหลายทางชีวภาพของเกาะ (Island Biodiversity)

วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมตรังนำสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช เข้ารื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่รุกล้ำในเขตพื้นที่

นายสมัคร ดอนนาปลี ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วย นายจีระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5(นครศรีธรรมราช) , ดร.มาโนช วงศ์สุรีย์รัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานประมาณ 200 นาย ได้ทำการเข้าถอนต้นยางพารา ปาล์มและอินทผาลัมที่มีการปลูกบุกรุกที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมในพื้นที่อำเภอกันตังจำนวน 5,080 ต้น บนเนื้อที่กว่า 70ไร่ จำนวน 7 จุด ประกอบด้วย บริเวณบ้านไสเตย ม.7 ต.บ่อน้ำร้อน เนื้อที่ประมาณ26 ไร่ ,บ้านไสน้ำเต้า ม.2 ต.บางสัก เนื้อที่ประมาณ 12ไร่,บ้านควนตุ้งกู ม.3 ต.บางสัก เนื้อที่ประมาณ 10ไร่,บ้านคลองไม้แดงเหนือ ม.8 ต.บ่อน้ำร้อน เนื้อที่ประมาณ 8ไร่, บ้านหน้าควน ม.4 ต.บางสัก เนื้อที่ประมาณ 1ไร่, บ้านควนน้ำซับ ม. 5 ต.ไม้ฝาด เนื้อที่ประมาณ 7ไร่ ,บ้านหาดยาว ม.6 เนื้อที่ประมาณ 25ไร่ มูลค่าไร่ละ 150,000 มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ได้มีการเข้ารื้อถอนท่อประปาที่มีความยาวประมาณ 800 เมตรบริเวณ ม.5 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ซึ่งท่อประปาดังกล่าวส่งน้ำใช้อุปโภคบริโภคยังโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอสิเกา ซึ่งจะทำให้โรงแรมดังกล่าวไม่มีน้ำให้บริการนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้บริการ

นายสมัคร ดอนนาปลี ผู้อำนวยการสำนักงานอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้กล่าวว่า การเข้ารื้อถอนต้นยางพารา ปาล์ม อินทผาลัม รวมไปถึงท่อประปาในครั้งนี้ก็เนื่องจากได้มีการปลูกและก่อสร้างบุกรุกเข้ามาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องได้เข้ากระทำการตามกฎหมายไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่อย่างใดจึงอยากให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการเข้าใจ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้มีการแจ้งและพูดคุยกันล่วงหน้า แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับหรือการแก้ไขแต่อย่างใด

สถานีพัฒนาที่ดินตรัง เชิญชวนรณรงค์ให้มีการอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยการใช้หญ้าแฝก

นางจิราพรรณ ชัชวาลชัยพรรณ ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินตรัง กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาและรณรงค์การใช้ หญ้าแฝก เพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ ตลอดจนเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรดินและการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากหญ้าแฝกเป็นพืชมหัศจรรย์ที่มีรากยาวหยั่งลึกแผ่กระจายเสมือนเป็น กำแพงธรรมชาติที่ช่วยป้องกันปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาดำเนินการและถ่ายทอดสู่เกษตรกรอย่างกว้างขวาง

ดังนั้น เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ค่อนข้างลาดชัน ได้ใช้ประโยชน์พื้นที่โดยการปลูกยางพารา ซึ่งส่วนใหญ่การใช้ประโยชน์พื้นที่มาแล้วนั้น ปัญหาของพื้นที่เหล่านี้ไม่เพียงแต่เรื่องการชะล้างพังทลายของดินเพียงอย่างเดียว เรื่องของความอุดมสมบูรณ์ของดินก็เป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไข ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกร และจากการดำเนินโครงการปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อป้องกันการชะล้างการพังทลายของดินนั้น ที่ผ่านมาเห็นผลชัดเจนของพื้นที่ที่มีลักษณะความแตกต่างระหว่างพื้นที่ที่ไม่ได้ปลูกหญ้าแฝกจะมีร่องที่ถูกน้ำกัดเซาะ แต่สำหรับพื้นที่ที่ปลูกหญ้าแฝกจะไม่มีร่องน้ำไม่มีการชะล้างพังทลายของดิน หรืออาจมีบ้างแต่น้อย ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินตรัง ได้กล่าวอีกว่า ด้วยสภาพภูมิอากาศของจังหวัดตรังขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งหญ้าแฝกสามารถช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และหากเป็นหน้าแล้ง หญ้าแฝกก็จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดินอีกด้วย หากประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่สนใจขอรับการสนับสนุนกล้าหญ้าแฝก สามารถติดต่อขอพันธุ์กล้าหญ้าแฝกได้ที่ สถานีพัฒนาที่ดินตรัง เลขที่ 98/1 หมู่ 1 ต.บ้านควน อ.เมืองตรัง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 075-501059 ในวันเวลาราชการ

ศาลจังหวัดตรัง จัดโครงการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท สร้างโอกาสก่อนฟ้อง

นางสาวสุธิรา วิสารทพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรม พ.ศ.2557-2560 ยุทธศาสตร์ที่ 1 เสริมสร้างการอำนวยความยุติธรรมให้มีมาตรฐานระดับสากล เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม และให้ประชาชนเข้าถึงศาลยุติธรรมได้โดยง่าย กลยุทธ์ 1.2 ส่งเสริมและพัฒนาระบบการระงับข้อพิพาททางเลือกด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เพื่ออำนวยความยุติธรรมทางเลือกแก่ประชาชน และประธานศาลฎีกาได้กำหนดนโยบาย ส่งเสริมการระงับข้อพิพาททางเลือก อันเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีทางเลือกเพื่อระงับหรือยุติข้อพิพาทด้วยความพอใจของทุกฝ่าย พัฒนาระบบและกระบวนการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการไกล่เกลี่ยให้เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย และสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมทางเลือกเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาข้อพิพาท จากสภาพปัญหาของลูกหนี้ธนาคารออมสิน การนำระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมาใช้ในการประนีประนอมระหว่างลูกหนี้และธนาคารออมสิน เป็นการบรรเทาและให้ความช่วยเหลือทั้งลูกหนี้และธนาคาร อีกทั้งเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของคู่ความโดยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ศาลจังหวัดตรังร่วมกับธนาคารออมสินเขตตรัง จึงได้จัดโครงการ "ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท สร้างโอกาสก่อนฟ้อง” เพื่อนำผู้เป็นลูกหนี้ธนาคารเข้าสู่ระบบการไกล่เกลี่ยแทนการฟ้องคดีขึ้น โดยได้กำหนดจัดโครงการดังกล่าวในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 09.00 น. ณ บริเวณหน้าอาคารศาลจังหวัดตรัง ถนนพัทลุง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง

นายกเทศมนตรีนครตรัง ติดตามความคืบหน้าในการจัดการบ่อขยะ คาดไม่เกิน 4 เดือนสามารถดำเนินการได้ทั้งหมด

นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง นายเกรียงศักดิ์ รัตนสิมานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครตรัง พร้อมด้วยประธานสภาเทศบาลนครตรัง สมาชิกสภาเทศบาลนครตรัง ลงพื้นที่บ่อขยะเทศบาลนครตรัง (ทุ่งแจ้ง) เพื่อติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการกำจัดขยะสะสม ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่าบริเวณโรงเรือน เดิมมีขยะกองสูงได้ถูกจัดการให้เป็นพื้นที่โล่ง รถขยะและเครื่องจักรหนัก สามารถเข้าออกได้สะดวก มีการนำรถดูดโคลนมาทำการดูดโคลนในทางระบายน้ำเพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างสะดวก อีกทั้งได้ระดมเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเก็บกวาดขยะมูลฝอยโดยรอบตัวอาคารโรงเรือน ด้านนายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวว่า หลังจากที่เทศบาลนครตรังได้ทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่ในการกำจัดขยะที่สะสมมานานกว่า 5 ปี บัดนี้สามารถดำเนินการแล้วเสร็จไปมากกว่า 10 % ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองพอใจมากและเร็วกว่าที่คิด สำหรับตนเองมองว่าถ้าไม่มีอุปสรรคเรื่องสภาพภูมิอากาศฝนไม่ตกลงมาจะสามารถดำเนินการกำจัดขยะสะสมให้เรียบร้อยภายใน 4 เดือน ในการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นที่เกิดจากก๊าชมีเทนสะสมในกองขยะ ได้สั่งการให้นำน้ำหมักชีวภาพหรือ อีเอ็ม ที่เทศบาลนครตรังมีอยู่มาฉีดอย่างต่อเนื่อง และได้สั่งน้ำหมักชีวภาพ ที่มีคุณภาพในการดับกลิ่นมาเพิ่มเติม เพื่อระดมฉีดดับกลิ่นเหม็นบรรเทาทุกข์ให้พี่น้องประชาชนที่มีบ้านเรือนติดบ่อขยะ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เตรียมแผนในการรณรงค์คัดแยกขยะในชุมชน ซึ่งจะดำเนินการใน 3 ชุมชนนำร่องที่มีความพร้อม และขยายสู่ทั้ง 70 ชุมชนของเทศบาลนครตรัง รวมถึงในโรงเรียน เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดขยะต่อไปในอนาคต

ขนส่งตรัง เริ่มใช้หลักสูตรการอบรมและทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถฉบับเข้มข้น ดีเดย์ 1 มิถุนายนนี้

นายสุภกิจ ชิณณะเสถียร ขนส่งจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน พบว่า สาเหตุสำคัญของอุบติเหตุทางถนน ยังคงเกิดจากการขาดวินัย และสำนึกที่ดีในการขับขี่ รวมถึงการขาดความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน และความรอบรู้ในการขับรถอย่างปลอดภัย ดังนั้นกรมการขนส่งทางบก จึงได้พัฒนาหลักสูตรการอบรมเพื่อขอรับใบอนุญาตขับรถ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตร ให้ครอบคลุมถึงการขับรถอย่างปลอดภัยในสถานการณ์ต่าง ๆ ข้อควรระวัง และจุดบกพร่อง ที่ผู้ขับขี่อาจละเลยหรือมองข้าม พร้อมเพิ่มจำนวนข้อสอบเป็น 50 ข้อ โดยผู้ผ่านการทดสอบภาคทฤษฎี ต้องผ่านเกณฑ์การสอบร้อยละ 90 จากเดิมกำหนดข้อสอบไว้ 30 ข้อ เกณฑ์ผ่านเพียงร้อยละ 75 เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานความรู้ความเข้าใจของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ ทั้งนี้ จะนำข้อสอบที่ใช้หมุนเวียนในการทดสอบภาคทฤษฎี จำนวนทั้งหมด 1,000 ข้อ ออกเผยแพร่ทางเว็บไซด์ www.dlt.go.th เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่จะเข้าทดสอบได้ศึกษาด้วยตนเอง โดยแนวทางการอบรมและทดสอบด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป

ขนส่งจังหวัดตรัง กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีผู้ประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับบุคลากรและสถานที่ของสำนักงานขนส่งจังหวัดตรังแล้ว อาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ต้องรอคิวอบรมและทดสอบเป็นเวลานาน ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน กรมการขนส่งทางบก จึงได้มอบหมายให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดประสานและซักซ้อมความเข้าใจกับสถานการศึกษาภาครัฐที่มีมาตรฐาน และมีความพร้อมภายในจังหวัด เพื่อดำเนินการจัดอบรมภาคทฤษฎีว่าด้วยรถยนต์ (กรณีการขอรับใบอนุญาตขับรถใหม่ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ) โดยอาจไม่มีค่าใช้จ่าย หรือหากมี ก็ให้คิดอัตราค่าอบรมได้ไม่เกินอัตราที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ซึ่งในส่วนของสำนักงานขนส่งจังหวัดตรัง ได้ติดต่อประสานกับสถาบันการศึกษาแล้ว จำนวน 6 แห่ง และมีสถาบันการศึกษาตอบรับเพื่อดำเนินการอบรมทฤษฎีภาคแทนกรมการขนส่งทางบกแล้ว จำนวน 2 แห่ง คือ วิทยาลัยสารพัดช่างตรัง และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดตรัง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำ MOU ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการอบรมจากสถาบันดังกล่าว สามารถนำหลักฐานมาแสดงเพื่อเข้ารับการทดสอบข้อเขียนและทดสอบขับขี่รถกับสำนักงานขนส่งจังหวัดตรังได้ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ผ่านการอบรม
   

นายกอบต.สวนหลวง นำทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ จัดกิจกรรมโครงการเข้าวัดพัฒนาคุณธรรม

เมื่อเช้าวันพุธ ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ณ วัดพังยอม หมู่ที่ ๙ ตำบลสวนหลวง นายบุญยืน ประทุมมาศ นายก อบต.สวนหลวง นางสุภาพันธ์ นาคแป้น ปลัด อบต. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ร่วมกิจกรรมโครงการเข้าวัดพัฒนาคุณธรรม เพื่อให้คณะผู้บริหาร สมาชิกอบต. และพนักงานได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนในการเข้าไปทำบุญในวัดทุกวันพระ เกิดความสงบสุข ความร่มเย็นทั้งในด้านสุขภาพ ด้านจิตใจ และสามารถนำธรรมะที่ได้รับไปใช้และเผยแพร่ให้กับชุมชนตลอดจนลูกหลานของตนให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจะทำให้สามารถพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไปอีกทางหนึ่ง กิจกรรมเริ่มตั้งแต่ชาวบ้านในพื้นที่ นำสวดมนต์ไหว้พระทำวัตรเช้า ร่วมถวายภัตตาหารเพล และ จตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนชาวตำบลสวนหลวงเป็นจำนวนมาก



นายพิชัย ชูกลิ่น // ศูนย์ข่าวประชาสัมพันธ์ อบต.สวนหลวง // รายงาน

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมติดตามการเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงงานโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

วันนี้(21 พ.ค.57) ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมติดตามการเตรียมการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงงานโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระหว่างวันที่ 26 – 27 มิถุนายน 2557 โดยมีว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสายเมือง วิรยศิริ ที่ปรึกษาศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระหว่างวันที่ 26 – 27 มิถุนายน 2557 โดยมีการเตรียมพื้นที่เสด็จทรงงานหลัก 3 จุด คือ พื้นที่นาข้าว นากุ้ง และป่าจาก ซึ่งเป็นการอยู่ร่วมกันของราษฎรในพื้นที่นิเวศน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ตามปฏิญญาขนาบนาก ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง พื้นที่ส่งเสริมการผลิตข้าวครบวงจรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังตามแนวพระราชดำริ บ้านอ่าวตะเคียน หมู่ที่ 7 ต.ชะเมา อ.ปากพนัง พื้นที่ป่าพรุเสม็ดขาว หมู่ที่ 11 ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ ซึ่งจากการติดตามการเตรียมการของศูนย์อำนวยการฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องค่อนข้างจะสมบูรณ์แล้วว่าแต่ละจุดจะมีการนำเสนออะไรบ้าง เช่น ปฏิญญาขนาบนาก ก่อนจะมีโครงการพระราชดำริน้ำเค็มรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่น้ำจืด จนทำการเกษตรไม่ได้ พื้นที่ได้รับความเสียหาย แต่หลังจากมีโครงการพระราชดำริ มีประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ที่ปากพนังแล้วมีการแบ่งพื้นที่น้ำเค็ม น้ำกร่อย น้ำจืดอย่างชัดเจน มีการบริหารจัดการน้ำให้อยู่ร่วมกันได้ จนสามารถประกอบอาชีพได้ และราษฎรไม่มีความขัดแย้งกัน สอดคล้องกับศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอ่าวตะเคียน เมื่อก่อนเป็นพื้นที่ที่ปลูกข้าวไม่ได้เนื่องจากน้ำเค็มรุกล้ำไปถึง หรือถ้าปลูกได้ก็ปีละครั้งเดียว ผลผลิตที่ได้น้อย แต่ปัจจุบันประสบความสำเร็จสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง และเพาะปลูกเป็นเมล็ดพันธุ์ขายได้ราคาดี ส่วนในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ซึ่งเป็นการสนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการให้พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังกลับมาเป็นอู่ข้าวอู่น้ำเหมือนในอดีต

จากนั้นปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรวิสาหกจิชุมชนข้าวซ้อมมือบ้านเพิง หมู่ที่ 4 ต.บ้านเพิง อ.ปากพนัง ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง “ข้าวยาโค” ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพดินเปรี้ยวและน้ำกร่อย ให้ผลผลิตไร่ละ 300-400 กิโลกรัม ซึ่งศูนย์วิจัยข้าวนครศรีธรรมราช ได้เข้าไปส่งเสริมการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์และขยายพื้นที่ปลูกให้มากขึ้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมชี้แจง ทำความเข้าใจการประกาศใช้กฎอัยการศึก

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมชี้แจง ทำความเข้าใจการประกาศใช้กฎอัยการศึก แก่หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในจังหวัด โดยขอให้ปฏิบัติตามคำสั่งและประกาศของกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กอ.รส.อย่างเคร่งครัด

เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (21 พ.ค.57) ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก แก่หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ตำรวจภูธร นายอำเภอ หัวหน้าหน่วยงานส่วนกลาง หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และผู้เกี่ยวข้อง โดยมีการอธิบายสร้างความเข้าใจถึงความจำเป็นในการประกาศใช้กฎอัยการศึก รวมทั้งการปฏิบัติตามประกาศ คำสั่งฉบับต่าง ๆ ของ กอ.รส.

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึก ไม่ใช่การปฏิวัติ แต่เป็นภาวะความจำเป็นในการใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ปลอดภัยแก่บ้านเมือง ส่วนรัฐบาลยังคงบริหารประเทศต่อไปได้ ขณะนี้ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองกำลังร่วมกันหาทางออกของประเทศอยู่ ขอให้ข้าราชการทำงานตามอำนาจหน้าที่ในการดูแลประชาชน และขอให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ กอ.รส.อย่างเคร่งครัดด้วย ส่วนการเสนอข่าว การแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่าง ๆ ทุกแขนง ทั้งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุชุมชน สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อสังคมออนไลน์ ขอให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ กอ.รส. เช่นเดียวกัน โดยขอให้สำนักงาน กสทช. และตำรวจภูธรจังหวัดไปตรวจสอบดูแล

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กอ.รส.ยังได้ออกคำสั่งฉบับที่ 10 ห้ามข้าราชการ เจ้าหน้าที่พลเรือนและประชาชน พกพาหรือใช้อาวุธสงครามและวัตถุระเบิดโดยเด็ดขาด จึงขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย แต่หากหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องใช้อาวุธสงครามในการปฏิบัติงาน ขอให้ทำหนังสือหารือไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ส่วนการตั้งด่าน จุดสกัดเพื่อตรวจค้นยาเสพติด อาวุธสงคราม และสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ให้รายงานแม่ทัพภาคที่ 4 ทราบด้วยเช่นกัน

ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ ตั้งฐานปฏิบัติการฝนหลวงที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57

นายประสพ พรหมมา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ เปิดเผยว่า ปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งมีฐานปฏิบัติการ 3 แห่ง คือ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สามารถเพิ่มปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ต่าง ๆ ได้เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะฐานปฏิบัติการฝนหลวง จ.สงขลา สามารถบินปฏิบัติการทำฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำในป่าพรุโต๊ะแดงให้มีระดับสูงขึ้นขึ้น สามารถป้องกันไฟป่าและรักษาระบบนิเวศน์ป่าพรุให้พ้นภาวะวิกฤติได้ ประกอบกับขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ทางศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้จึงได้ย้ายฐานปฏิบัติการฝนหลวงสงขลาไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยตั้งฐานปฏิบัติการ ณ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป เพื่อบินปฏิบัติการทำฝนหลวงในเขตพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากปัจจุบันยังมีปริมาณน้ำฝนที่ยังไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร และน้ำต้นทุนในแหล่งกักเก็บน้ำยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาสภาพอากาศที่แห้งแล้งและร้อนจัด โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง และพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง จึงเป็นเป้าหมายหลักสำคัญในการเพิ่มปริมาณน้ำในป่าพรุให้เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและรักษาระบบนิเวศน์ป่าพรุ และป้องกันการรุกล้ำของน้ำเค็มในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง

ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ กล่าวว่า ฐานปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครศรีธรรมราช มีเครื่องบินแบบกาซ่า จำนวน 2 ลำ สามารถบรรทุกสารเคมีขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงได้ลำละ 1 ตันต่อเที่ยว ซึ่งสภาพอากาศในขณะนี้มีความเหมาะสมในการปฏิบัติการทำฝนหลวง ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นไป จนถึงกลางเดือนสิงหาคม 2557 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ด้วยว่ามีมากน้อยเพียงใด

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สนามกีฬาติณสูลานนท์ สนามฟุตบอลใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ที่ใช้เป็นสนามเหย้าของทีมสงขลา ยูไนเต็ด กกท. ได้ถ่ายโอนให้ อบจ.สงขลา ดูแลแล้ว

พิธีการส่ง - รับมอบ สนามกีฬาติณสูลานนท์สงขลา ได้จัดให้มีขึ้น เมื่อเย็นวันนี้ (12 พ.ค. 57 ) โดยมี นายจำนงค์ เสนาจิตร์ ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4 ผู้ส่งมอบ ให้กับ นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เป็นผุ้รับมอบ โดยมี นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานสักขีพยาน ในพิธีส่ง – รับมอบสนามกีฬาติณสูลานนท์สงขลา ในครั้งนี้

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3/2557 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมี นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบ เรื่องการถ่ายโอนภารกิจดูแลสนามกีฬาติณสูลานนท์ให้กับองค์การบริการส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนของจังหวัดสงขลาทุกกลุ่ม ทุกระดับ องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนได้รับประโยชน์จากการใช้สนามกีฬาในการฝึกซ้อม และรองรับการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติต่อไป อันจะส่งผลต่อการพัฒนาการกีฬาของจังหวัดในภาพรวม โดยองค์การบริการส่วนจังหวัดสงขลายินดีสนับสนุนงบประมาณชดเชยค่าอาคารหรือสิ่งก่อสร้างในส่วนที่เป็นทรัพย์สินของการกีฬาแห่งประเทศไทย ตามบัญชีมูลค่าที่เป็นจริง เพื่อให้การดำเนินการให้สนามกีฬาติณสูลานนท์ เป็นสนามกีฬาระดับนานาชาติอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยต่อไป
สำหรับ สนามกีฬาติณสูลานนท์สงขลา แห่งนี้ เริ่มก่อสร้างครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2538 เป็นสนามกีฬาแห่งแรกของจังหวัดสงขลา และภาคใต้ มีความจุในการชมกีฬาของผู้เข้าชม ประมาณ 35,000 ที่นั่ง สนามแห่งนี้ ยังเคยผ่านการจัดแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 เมื่อปี พ.ศ. 2541 และในปัจจุบัน ใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลสงขลา และ สโมสรฟุตบอลวัวชน ยูไนเต็ด อีกด้วย



จิรพัฒน์ วงศ์กระจ่าง /ข่าว
ชิดนัย แก้วมณีโชติ/ภาพ

ม.เกษตรศาสตร์ นำเครื่องโอโซนใช้ทดสอบแก้ปัญหาน้ำเสีย ซ.พะเนียง ต.รัษฎา

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม 2557 ที่ บ่อบำบัดน้ำเสีย ซ.พะเนียง ต.รัษฎา ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ชมการสาธิตโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบริเวณคลองรัษฎาโดยเทคโนโลยีโอโซนและสนามแม่เหล็ก โดยมี นายเกษม สุขวารี ทรัพยาการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต นายกนก นาแก้ว  บุคลากรจากศูนย์ปฏิบัติการวิศวกรรมการพลังงานและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วม

นายกนก กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ร่วมกันพัฒนาเครื่องปรับสภาพน้ำเสีย ซึ่งหลักการทำงานจะมี 3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1. การสร้างอุโมงค์สนามแม่เหล็ก  หลักการคือในโลกนี้มีสสารโมเลกุลแม้แต่โปรตีน คาร์โบไฮเรตก็จะมีโมเลกุล ถ้าเอาโมเลกุลน้ำเสียผ่านเข้าไปในอุโมงค์สนามแม่เหล็ก ก็จะทำการเรียงโมเลกุลของตะกอนในสารแขวงลอย เมื่อตะกอนในสารแขวงลอย เรียงโมเลกุลก็จะเกิดอำนาจในสนามแม่เหล็ก แล้วตะกอนก็จะเกาะตัวกันเร็วขึ้น ขั้นที่ 2. การแยกโมเลกุลของน้ำ ซึ่งประกอบด้วยไฮโดรเจนกับออกซิเจน เมื่อแยกโมเลกุลเราจะได้ออกซิเจนที่บริสุทธิ์แทนที่การเอาอากาศใส่ในน้ำ เพราะฉะนั้นการเติมออกซิเจนลงในน้ำเป็นการเพิ่มดีโอ ซึ่งเป็นหลักการของสิ่งแวดล้อม และขั้นที่ 3. การนำอากาศที่เราหายใจโดยทั่ว ๆไปมาผลิตเป็นโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรค ปกติบ่อบำบัดน้ำเสียที่มีอยู่ในประเทศไทยจะไม่มีการฆ่าเชื้อโรค ดังนั้นจังหวัดภูเก็ตได้เริ่มนำโอโซนเข้ามาใช้ในการบำบัดน้ำเสียเพียงอย่างเดียวจาก 1 ใน 3 ของทั้งหมดที่ใช้ ทั้งนี้เชื้อโรคที่ฆ่าได้ก็คือ โคลีฟอม เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย เมื่อฆ่าเชื้อโรคแล้วสีน้ำก็จะใสขึ้น ทั้งสามขั้นตอนนี้ตรงตามมาตรฐานของสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ ปริมาณน้ำทั้งหมด ซึ่งปริมาณน้ำที่ใช้ในบำบัดทั้งหมด ขึ้นอยู่กับคาบิสซีดีของเครื่อง เนื่องจากเครื่องได้ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในการทดลอง ถ้าหากมีการเพิ่มจำนวนน้ำมากขึ้น ก็ต้องมีการเพิ่มกำลังเครื่องมือในการผลิตขึ้นด้วย โดยผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทางจังหวัดต้องการใช้ติดตั้งจริง โดยจะมีการพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน ดร. สมหมาย กล่าวว่า ปัญหาน้ำเสียในบริเวณ ซ.พะเนียง ต.รัษฎา ขณะนี้ทางจังหวัดได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปแก้ไขโดยเฉพาะเจ้าของพื้นที่ เทศบาลตำบลรัษฎา และเทศบาลนครภูเก็ต ร่วมกันตั้งงบประมานเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อย่างไรก็ตามการนำเครื่องโอโซนในการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นการทดลองรูปแบบหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เป็นการใช้สนามแม่เหล็กขึ้นมาเป็นเครื่องมือใหม่ และยังเป็นการทอลองอยู่ในขณะนี้  ถือเป็นอีกแนวทางที่น่าจะไปปรับใช้ในการบำบัดน้ำเสียได้

สยามสปอร์ต หนุนอุปกรณ์กีฬา ให้เยาวชนภูเก็ต โครงการ “40 ปี สยามสปอร์ต พลานุภาพกีฬาโลก”

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 12 พ.ค. 57 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีรับมอบหนังสือ “40 ปี ภาพนี้มีเรื่องเล่า” พร้อมอุปกรณ์กีฬา อาทิ ลูกฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ฯลฯ จากตัวแทนสยามสปอร์ต โดยนายธนวัต อ่องเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เส้งโห ภูเก็ต จำกัด และมีนาวาเอกกฤษฎา รัตนสุภา รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต และนายวิรัช พาที ผู้อำนวยการศูนย์กีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นเกียรติ ในพิธีรับมอบดังกล่าว

นายธนวัต อ่องเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เส้งโห ภูเก็ต จำกัด กล่าวว่า การมอบหนังสือ และอุปกรณ์กีฬาดังกล่าว เป็นกิจกรรมหนึ่งใน โครงการ “40 ปี สยามสปอร์ต พลานุภาพกีฬาโลก” ของบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทย ที่มีฝันและอยากเดินตามรอยนักกีฬาฮีโร่ เติบโตสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ โดยมี บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นผู้สนับสนุนหลัก ร่วมด้วย รถยนต์โตโยต้า ไอ-โมบาย รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เอสซีจี และเอฟบีที ร่วมสนับสนุน สำหรับจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดสุดท้าย ที่ทางสยาม สปอร์ต ได้เดินทางไปจัดกิจกรรมดังกล่าว ให้แก่โรงเรียนและสถานศึกษา ใน 77 จังหวัดทั่วไทย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-12 พ.ค.57

ทีม “ฮันเตอร์ ภูเก็ต” แชมป์ พูล เทเบิ้ลล์ ประเทศไทย เข้าพบรองผู้ว่าฯ ขอกำลังใจก่อนเดินทางไปแข่งขัน ในรายการ ‘VNEA World Championship’ ในระหว่างวันที่ 22-31 พ.ค.นี้ ณ เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

วันที่ 12 พ.ค.57 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นักกีฬาจากทีม “ฮันเตอร์ ภูเก็ต” ซึ่งเป็นนักกีฬา พูล เทเบิ้ลล์ นำโดย นายมู่ซา พูนสัก ผู้จัดการทีม พร้อมด้วย นายประสิทธิ์ แจ่มจันทร์ กัปตันทีม และลูกทีม ได้เข้าพบ น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อรายงานตัวและขอกำลังใจจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ก่อนเดินทางไปร่วมแข่งขันในรายการ ‘VNEA World Championship’ ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ณ เมือง ลาส เวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา วันที่ 22 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 นี้ มีนาวาเอกกฤษฎา รัตนสุภา รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดภูเก็ต และนายวิรัช พาที ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต ร่วมให้กำลังใจด้วย

นายประสิทธิ์ แจ่มจันทร์ กัปตันทีม กล่าวว่า วันนี้ได้เข้าพบรองผู้ว่าฯ ในโอกาสที่พวกตนได้แชมป์ Pool ในรายการ “VNEA Pool League Phuket” ซึ่งจัดขึ้นโดย บริษัท ไทยแลนด์ พูล เทเบิ้ลล์ จำกัด ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน 2556 ถึงวันที่ 20 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมาที่ จ.ภูเก็ต และได้เป็นตัวแทนคนไทยไปแข่งที่สหรัฐอเมริกา จึงได้เดินทางเข้าพบท่านรองผู้ว่าฯ ดังกล่าว เพื่อขอโอวาท

 “การได้มาของแชมป์ ดังกล่าว สืบเนื่องจากทาง ภูเก็ต พูล เทเบิ้ลล์ ได้จัดให้มีการแข่งขันเพื่อค้นหาแชมป์ของแต่ละประเทศ เพื่อให้ไปพบกับ 128 ประเทศทั่วโลก ซึ่งใช้เวลาในการแข่งขันประมาณ 5 เดือนเศษ และเราก็ได้เป็นหนึ่งใน 128 ทีม ที่ได้ไปแข่งที่อเมริกา ซึ่งเป็นการแข่งขันในระดับสมัครเล่นโลก เราก็มีความดีใจที่ได้ไปแข่ง ได้เป็นตัวแทนของคนไทย พวกเราไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้แชมป์หรือไม่ แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด”  นายประสิทธิ์ กล่าวในที่สุด

คณะกรรมการกลั่นกรองและประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญจังหวัดภูเก็ต พร้อมพิจารณาเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำส่วนราชการบริหารส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต

วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม 2557 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญจังหวัดภูเก็ตและคณะกรรมการพิจารณาเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำส่วนราชการบริหารส่วนภูมิภาคจังหวัดภูเก็ต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ครั้งที่ 2 โดยมีนางละอองดาว คมสัน หัวหน้าสถิติจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ ตามระเบียบ กฎหมาย หลักเกณฑ์การพิจารณาการประเมินการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือนสามัญในจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2557 กฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ.2552 มีหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว20 ลงวันที่ 3 กันยายน 2552 ตามระดับตำแหน่งและผลงานให้ตรงกับหลักเกณฑ์ในการประเมินผลตามกรอบของการคำนวณช่วงเงินเดือนสำหรับปรับเลื่อนเงินเดือนในแต่ละระดับตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามกรอบการประเมินผลและให้เข้ากับเกณฑ์ที่กำหนดไว้

ภูเก็ต เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชา

วันที่ 12 พ.ค. 57 นางสาวธัชสริญญ์   ฤทธิโชติ   นักวิชาการศาสนาชำนาญการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต   ได้กล่าวว่า เนื่องในวันวิสาขบูชาที่จะมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 มติมหาเถรสมาคมกำหนดให้วัดทุกวัดจัดกิจกรรมเนื่องในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ซึ่งตรงกับวัน ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือวันพระพุทธตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6  องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศรับรองให้วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญสากล ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของโลก เนื่องด้วยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย และประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เป็นพุทธมามกะ มีความเคารพบูชาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ มีหลักธรรมอันประเสริฐเป็นหลักควบคุมจิตใจ ส่งเสริมสติสัมปชัญญะให้ละเว้นชั่ว กลัวบาป และประพฤติดี   

สำหรับจังหวัดภูเก็ตสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ตเป็นหน่วยงานหลักในการจัดกิจกรรมร่วมกับเจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต โดยให้วัดทุกวัดจัดกิจกรรม ในวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2557 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้เด็ก เยาวชน ประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และประพฤติปฏิบัติตน เป็นคนดีมีคุณธรรม จริยธรรม นำหลักคำสอนไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และเพื่อส่งเสริมเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จรรโลงสังคมไทยให้เป็นสังคมที่ดี และสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของชาวพุทธ ซึ่งในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาเองก็ร่วมกับวัดวิชิตสังฆาราม ได้จัดให้มีกิจกรรม เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. มีการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ การเจริญพระพุทธมนต์ การแสดงพระธรรมเทศนา การบรรยายธรรม และพิธีเวียนเทียนในเวลา 19.00 น.

ทั้งนี้เนื่องจากวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา คนไทยถือเป็นพุทธศาสนิกชน จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมทำบุญตักบาตร เข้าวัดแสดงตนเป็นพุทธมามกะ และทำกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมกันทุกวัดในจังหวัดภูเก็ต

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดพิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน เนื่องในวันวิสาขบูชาวันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2557

เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (12 พ.ค.57) ที่ศาลา 100 ปี วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีสมโภชผ้าพระบฏพระราชทาน จำนวน 5 ผืน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2557 ประกอบด้วย ผ้าพระบฏพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และผ้าพระบฏพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี โดยมีพระเทพวินยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช(ธ)/เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีหัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชนที่พร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสีขาวร่วมในพิธี

และในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ค.57) วันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก เวลา 06.30 น. ประกอบพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ ณ ลานโพธิ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เวลา 16.30 น. ประกอบพิธีอัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทาน จำนวน 5 ผืน โดยริ้วขบวนเคลื่อนจากศาลา 100 ปี วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ไปยังบริเวณลานโพธิ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อประกอบพิธีถวายผ้าพระบฏพระราชทาน นำขึ้นห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันวิสาบูชา สำคัญสากลของโลก ประจำปี 2557 โดยมีนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด นครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธี จึงขอเชิญชวนชาวนครศรีธรรมราชทุกหมู่เหล่าร่วมในพิธีทำบุญตักบาตร เวลา 06.30 น. และร่วมพิธีถวายผ้าพระบฏพระราชทานเวลา 16.30 น. ณ ลานโพธิ์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยพร้อมเพรียงกัน หลังจากนั้นจะมีพิธีบูชาเวียนเทียน รอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช โดยขอให้แต่งกายด้วยชุดสีขาว

ชาวสวนยางตรัง นำพืชผลไม้มาปลูกแซมในสวนยางเพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำยาง และสร้างรายได้เสริมได้เป็นอย่างดี

นางประกาย กลิ่นจันทร์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 8 ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เปิดเผยว่า จากความคิดว่าครอบครัวมีสวนยางพาราแค่ 6 ไร่ ทำอย่างไรจึงจะได้น้ำยางมากๆ เพื่อเป็นรายได้ให้ครอบครัว จนกระทั่งเมื่อหลายปีก่อนได้ไปร่วมศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดนราธิวาส และมีวิธีเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่สวนยางพาราได้ตลอดทั้งปี จึงปลูกพืชคลุมดินและนำระกำและสละมาปลูกร่วมในสวนยางพารา นางประกาย เปิดเผยต่อว่า แม้ชาวสวนคนอื่นๆ คิดว่าไม่ได้ผล เพราะจะเป็นการแย่งอาหารของต้นยางพารา และการดูแลรักษายางพาราจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นจึงไม่นิยมปลูกกัน แต่กลับพบว่าปัจจุบันผลผลิตน้ำยางพาราเพิ่มขึ้นกว่าปกติถึง 2-3 เท่า และสามารถกรีดยางในช่วงหน้าแล้งได้ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันระกำและสละก็สร้างรายได้ให้ครอบครัวเดือนละประมาณ 13,000 บาท นอกจากนี้ยังได้นำผักเหมียง ผักพื้นเมืองของภาคใต้มาปลูกร่วมในสวนยางพาราจนประสบความสำเร็จ โดยมีรายได้เดือนละ 4-5 พันบาท และเป็นที่ต้องการของตลาดมากทั้งใบและกิ่งตอนเพื่อขยายพันธุ์ ทั้งนี้การนำความรู้เข้ามาประยุกต์ใช้ในสวนยางพารา ทำให้ครอบครัวตัวเองและเกษตรกรรายอื่นๆ หันมาปลูกตามจนมีรายได้มากขึ้น และสามารถเป็นแปลงตัวอย่างให้กับชาวสวนยางพาราทั่วไปได้มาศึกษาหาความรู้ นำไปปลูกในสวนของตนเองต่อไปด้วย

อบจ.ตรัง จัดโครงการฝึกอบรมเทคนิคการลับมีดกรีดยางให้กับชาวบ้านในตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง จ.ตรัง

ที่อาคารเอนกประสงค์ อาคารเรียนเก่าโรงเรียนบ้านนาหาร หมู่ที่ 6 ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง จ.ตรังนายสิทธิ หลีกภัย เลขานุการนายก อบจ.ตรัง นายทวี สัตยาไชย ที่ปรึกษานายก อบจ.ตรัง เป็นประธานและร่วมในพิธีเปิดการฝึกอบรม "หลักสูตรเทคนิคการลับมีดกรีดยางพารา” รุ่นที่ 12 ประจำปีงบประมาณ 2557 โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ได้ร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดตรัง จัดทำโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ในปีงบประมาณ 2557 จึงได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นอีก มีเป้าหมายในการฝึกอบรม จำนวน 3,000 คน จำนวน 30 รุ่น แบ่งการฝึกอบรมเป็นรุ่นๆละ 100 คน ใช้เวลาฝึกอบรม 1 วัน สำหรับครั้งนี้มีเข้าร่วมการฝึกอบรมจำนวน 100 คน โดยสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.ตรัง เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการถ่ายทอดให้ความรู้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมครั้งนี้ทางองค์การบริหารส่วน จ.ตรังเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้กรีดยางพาราให้เป็นนักลับมีดกรีดยางที่มีฝีมือ เรียกว่า "ช่างลับมีดกรีดยางมือชีพ” โดยทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการลับมีดกรีดยาง การดูแลรักษาสวนยางพาราที่ถูกต้อง ตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งโค่นต้นยางเพื่อปลูกแทนรอบใหม่ และที่สำคัญคือทุกคนจะได้ทราบหลักการกรีดยางอย่างน้อย 4 ประการคือ การลับมีดอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพส่งผลให้มีปริมาณน้ำยางในการกรีดต่อครั้งสูง,การกรีดอย่างไรให้น้ำยางมากที่สุด,กรีด ยางอย่างไรให้ต้นยางเสียหายน้อยที่สุดและกรีดได้นานที่สุดและกรีดยางอย่างไร จึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทั้งนี้นอกจากความรู้และเทคนิคต่างๆแล้ว ผู้เข้าร่วมการอบรมจะได้รับมีดกรีดยางและหินลับมีดคนละ 1 ชุดเพื่อนำไปฝึกปฏิบัติจริง

สสจ.ตรัง จัดงานวันรณรงค์ความดันโลหิตสูงโลก ตามคำขวัญ “Know Your Blood Pressure”

นายแพทย์วิฑูรย์ เหลืองดิลก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก รายงานว่าทั่วโลกมีผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมากถึงพันล้านคน ซึ่งสองในสามของจำนวนนี้อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลก 1 คน ใน 3 คนมีภาวะความดันโลหิตสูง และประชากรวัยผู้ใหญ่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็พบ มี 1 คนใน 3 คน ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงเช่นกัน และได้คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2568 ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วทั้งโลกจะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง 1.56 พันล้านคน และจากข้อมูลสถิติ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี พ.ศ.2555 มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุความดันโลหิตสูง เป็นจำนวน 3,684 คน สถานการณ์ป่วยและเข้ารับการรักษาในสถานบริการสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขด้วยโรคความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกภาค เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2544 และปี 2555 พบว่า อัตราผู้ป่วยในต่อประชากรแสนคนด้วยโรคความดันโลหิตสูง เพิ่มจากจำนวน 156,442 ราย เป็น 1,009,385 ราย ถือว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นกว่า 5.46 เท่า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง ได้กล่าวอีกว่า จากข้อมูลดังกล่าวถึงภาระโรค อันตราย และปัจจัยเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง สมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลก

จึงได้มีการกำหนดวันความดันโลหิตสูงโลก เป็นวันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อจะสื่อสารสร้างกระแสให้ประชาชนตื่นตัวต่อโรคความดันโลหิตสูง โดยเน้นการป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหัวใจ โรคไต ที่มีสาเหตุจากโรคความดันโลหิตสูง และเพื่อการส่งข้อมูล การป้องกัน การคัดกรอง และการดูแลรักษาไปสู่สาธารณสุข โดยในปีนี้คำขวัญเพื่อการรณรงค์จากสมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลก คือ "Know Your Blood Pressure” ท่านทราบระดับความดันโลหิตของท่านหรือไม่ ดังนั้น ขอแนะนำประชาชนถึงวิธีปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ดังนี้ 1.ใช้ชีวิตกระฉับกระเฉงอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน การทำสวน การทำงานบ้าน การออกกำลังกาย เป็นต้น 2.เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้รสหวานน้อย 3.ลดการรับประทานอาหารผ่านกระบวนการ อาหารสำเร็จรูป อาหารหมักดอก 4.จำกัด การบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และ 5.งดสูบบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ด้วย นอกจากนี้ความเครียดและอายุที่เพิ่มขึ้น ก็อาจส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกิจกรรมงานวันรณรงค์ความดันโลหิตสูงโลก ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2557 ณ โรงพยาบาลตรัง โดยมีกิจกรรมงานบริการคัดกรองความเสี่ยง บริการตรวจวัดความดันโลหิตสูง ตรวจประเมินสัดส่วนไขมัน งานนิทรรศการ สาธิต/ชิมฟรี น้ำสมุนไพรลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ลดไขมันในลำไส้ สาธิตเมนูอาหารต้านโรค อาหารแลกเปลี่ยน อาหารบำบัดโรคความดันโลหิตสูง จากทีมโภชนาการ

สถิติจังหวัดชุมพร ออกสัมภาษณ์สถานประกอบการและครัวเรือนตัวอย่าง ประจำเดือน พฤษภาคม 2557

สำนักงานสถิติจังหวัดชุมพร  ดำเนินการสำรวจข้อมูลโครงการต่างๆ โดยให้เจ้าหน้าที่ออกสัมภาษณ์สถานประกอบการและครัวเรือนตัวอย่างในพื้นที่จังหวัดชุมพร ประจำเดือน พฤษภาคม 2557 ดังนี้

โครงการสำรวจครัวเรือน จำนวน 4 โครงการ ได้แก่
          1  โครงการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ.2557
          2  โครงการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร พ.ศ. 2557
          3  โครงการสำรวจการใช้พลังงานของครัวเรือน พ.ศ. 2557
          4  โครงการสำรวจสุขภาพจิตคนไทย พ.ศ. 2557

โครงการสำรวจสถานประกอบการ จำนวน 4 โครงการได้แก่
          1  โครงการสำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสถานประกอบการ พ.ศ.2557
          2  โครงการสำรวจสถานภาพการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย พ.ศ. 2557
          3  โครงการสำรวจธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการ พ.ศ. 2557
          4  โครงการสำรวจการประกอบกิจการโรงแรมและเกสต์เฮาส์ พ.ศ. 2557

สำหรับภาครัฐ ใช้ในการวางแผนและกำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ในส่วนภาคเอกชน เป็นเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการวางแผนตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน บริหารและควบคุมการดำเนินกิจการ ใช้เป็นฐานข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน รวมไปถึงยังสามารถนำไปศึกษาวิเคราะห์ต่อยอดสร้างนวัตกรรม เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจและขยายตลาดฐานข้อมูลลูกค้าให้เหมาะสมตรงเป้าหมายมากขึ้น

สำนักงานสถิติจังหวัดดำเนินการสำรวจ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. 2550 จึงขอความร่วมมือจากสถานประกอบการและครัวเรือนที่ตกเป็นตัวอย่างของการสำรวจ โปรดเสียสละเวลาตอบข้อคำถามแก่เจ้าหน้าที่ ตามความเป็นจริง และขอให้มั่นใจว่าข้อความ หรือข้อมูลที่ได้รับในแบบสอบถาม จะเก็บไว้เป็นความลับอย่างเคร่งครัด และไม่นำไปเปิดเผยเป็นรายกิจการหรือรายบุคคลแต่จะนำไปใช้ประมวลผลเสนอเป็นยอดรวมเท่านั้น

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศเตือนผู้รับอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราว (สป.2)

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับรายงานว่า ผู้รับใบอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราว (สป.2) เลี้ยงดูสัตว์ป่าคุมครองตามบัญชีแนบท้ายใบอนุญาตฯ ในลักษณะไม่เหมาะสม โดยนำสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าวไปเลี้ยงดูในสถานที่อื่นที่มิใช่สถานที่ตามใบอนุญาตฯ และผู้เลี้ยงดูสัตว์ป่าคุ้มครองนั้นมิใช่เป็นผู้รับใบอนุญาตฯ แต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอแจ้งให้ทราบว่า ผู้รับใบอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราว (สป.2) ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวง และวิธีการครอบครอง สัตว์ป่าคุ้มครอง และซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง

โดยใบอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราวและการออกใบรับรองการครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2550 ดังนี้

1. ต้องเลี้ยงดูสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตฯ และดูแลสัตว์ป่าคุ้มครองด้วยความเอาใจใส่ในสภาพอันสมควรและปลอดภัยตามชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น

2. ในกรณีมีความจำเป็นต้องนำสัตว์ป่าคุ้มครองไปเก็บไว้ ณ สถานที่อื่นที่มิใช่สถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตฯ ให้ยื่นเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเมื่ออธิบดีได้ให้ความเห็นชอบการย้ายสถานที่แล้ว จึงจะดำเนินการย้ายได้

ดังนั้น หากผู้รับใบอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราว(สป.2) ไม่เลี้ยงดูสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในสถานที่ที่กำหนด หรือย้ายสัตว์ป่าคุ้มครองไปยังสถานที่อื่นโดยยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีอาจเป็นความผิดตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และถูกเพิกถอนใบอนุญาติฯฉบับดังกล่าวได้

กรณีมีความประสงค์ขอรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงดู หรือการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองเพิ่มเติม โปรดติดต่อส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าโทรศัพท์ 02-5794621 หรือ 02-5790666 ต่อ 1631,1632 หรือ http://www.dnp.go.th/Dnplaw_main.asp 

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังวิทยาเขตชุมพร จัดโครงการอบรม หลักสูตร Micro M.B.A. KMITL-PCC รุ่นที่ 1

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณ ทหารลาดกระบังวิทยาเขตชุมพร เขตรอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร จัดโครงการอบรม หลักสูตร Micro M.B.A. KMITL-PCC รุ่นที่ 1  เรื่อง ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจอย่างเข้มข้นเพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอา เซียน (AEC) ซึ่งเป็นการบรรยาย และปฏิบัติการแบบเข้มข้น 45 ชั่วโมง เรียนเฉพาะวันเสาร์ ในรายวิชาด้านบริหารธุรกิจ 5 วิชา วิชาละ 1 ครั้ง  ครั้งละ 6 ชั่วโมง และค้นคว้าอิสระ 3 ชั่วโมง

ผศ.ดร.เผชิญชัยภัต ไชยสิทธิ์ รักษาการแทนรองอธิการบดี  เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการเปลี่ยนของสังคมโลกมากมาย ทุกส่วนของการดำเนินชีวิตล้วนแล้วแต่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น องค์กรต่างๆต้องอาศัยศาสตร์ทางด้านการบริหารจัดการ เพื่อการพัฒนากำลังคนในด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ที่ส่งผลให้องค์กรให้มีความเข้มแข้ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้องค์กรอยู่ได้อย่างยังยืนในระดับท้องถิ่น และในระดับนานาชาติ รวมถึงยังเป็นการรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในฐานะที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังวิทยาเขตชุมพร เขตรอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร หลักสูตรบริหารธุรกิจ เป็นสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ได้ตระหนักถึงความต้องการดังกล่าว จึงจัดโครงการฝึกอบรมทางวิชาการเรื่อง ความรู้เรื่องการบริหารธุรกิจอย่างเข้มข้น เพื่อการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน สำหรับผู้ประกอบการผู้บริหาร และบุคคลทั่วไป ซึ่งเรียกว่า หลักสูตร Micro M.B.A.  ขึ้น

ซึ่งหลักสูตรดังกล่าว ต้องการให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจด้านการบริหารธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมในท้องถิ่น  เพื่อการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในด้านการปฏิบัติงานทางธุรกิจทั่วไป เกี่ยวกับงานทรัพยากรบุคคล การวางแผนการผลิต การบัญชีและการเงิน การตลาด ตลอดจนการใช้ภาษาอังกฤษ ในการทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในธุรกิจโดยตรง รวมทั้งการสร้างเครือข่ายในการทำงานธุรกิจร่วมกันอุตสาหกรรมอื่นๆ  ได้อีกด้วย