ด้วยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งให้จังหวัดพังงา ทราบถึง สภาวะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาซึ่งคาดว่าในช่วงวันที่ 21-25 มิถุนายน 2557 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัด ปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีกระแสลมพัดสอบเข้าหากันในหลายระดับบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ทำให้มี ฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังสภาวะฝนตกหนักและลมแรงต่อไปอีก
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินโคลนถล่ม อันเกิดจากสภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรง จากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ อาจเกิด น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย อาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงให้อำเภอดำเนินการดังนี้
1. แจ้งให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเล ที่ราบต่ำริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขา และพื้นที่เสี่ยงภัย ของจังหวัดทราบเกี่ยวกับภัยอันเกิดจากฝนตกหนักและคลื่นลมแรงให้เตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากภัยธรรมชาติ ในระยะนี้ โดยให้ประชาสัมพันธ์ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน และเครือข่ายวิทยุสมัครเล่น สถานีโทรทัศน์ ให้ครอบคลุมพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น อาสาสมัครในท้องที่ และให้ชาวเรือประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ 2. ให้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม เฝ้าระวัง และตรวจสอบเส้นทาง เขื่อนฝาย อ่าง คันกั้นน้ำ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีประชาชนใช้บริการ เป็นจำนวนมาก พื้นที่เขตอุตสาหกรรม รวมทั้งพื้นที่ของเอกชน ถ้าไม่มีความมั่นคงแข็งแรง พิจารณาแล้วเป็นอันตรายให้ดำเนินการแก้ไขโดยด่วน รวมทั้งให้ใช้ประโยชน์จาก มิสเตอร์เตือนภัย ที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยงภัย ช่วยแจ้งเหตุเตือนภัย
3. ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนป้องกันภัยฯ ของจังหวัด ให้สามารถช่วยเหลือประชาชนหากเกิดสถานการณ์ขึ้นในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
4. หากสถานการณ์ที่เกิดมีความรุนแรงเกินที่จะรับมือได้ ให้แจ้งขอความช่วยเหลือจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา โทรศัพท์หมายเลข 076-460607 ต่อไป
วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557
สโมสรโรตารีมอบอาคารโรงเรือนเลี้ยงไก่ไขเพื่อสนับสนุนอาหารกลางวันเยาวชน
ที่โรงเรียนวันเขาวิเศษ อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ประธานพิธีการส่งมอบอาคารโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ ที่ปลูกสร้างโดยสโมสรโรตารี่ตรังร่วมกับบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ สโมสรโรตารี่จากประเทศมาเลเซีย และใต้หวัน โรงพยาบาลตรังรวมแพทย์ ส่งมอบให้โรงเรียนวัดเขาวิเศษ เพื่อสนับสนุนอาหารกลางวันแก่เยาวชน นาย พิทักษ์พงษ์ ชัยคช นายกสโมสรโรตารีตรัง กล่าวว่า สโมสรโรตารี เกิดจากการรวมตัวของบุคคลในสาขาธุรกิจและวิชาชีพต่าง ๆ ที่มีศรัทธาต่ออุดมการณ์ของโรตารี่ ผนึกกำลังกันก่อตั้ง สโมสรโรตารี่ เพื่อสร้างความสนิทสนมและเป็นเปิดโอกาสให้สมาชิกได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วน รวม ส่งเสริมมาตรฐานจริยธรรมอันสูงส่งในธุรกิจและวิชาชีพต่าง ๆ ยกย่องคุณค่าของอาชีพทั้งปวงที่มีประโยชน์ต่อสังคม สนับสนุนให้โรตารี่นำอุดมการณ์แห่งการบำเพ็ญประโยชน์ไปใช้ในธุรกิจ ในชีวิตส่วนตัว และในชุมชน ส่งเสริมความเข้าใจ ไมตรีจิต และสันติภาพระหว่างกันด้วยมิตรภาพของนักธุรกิจและวิชาชีพให้บริการเพื่อ มนุษยชาติ สนับสนุนมาตรฐานจริยธรรมในทุกวิชาชีพ
ซึ่งสโมสรโรตารี่ตรังจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2527 ได้มีการจัดพิธีสถาปนาคณะกรรมการชุดแรก เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2527 โดยมี นายพีรพัชร สัตยพันธ์ เป็นนายกก่อตั้งโรตารี ในช่วงปีที่ผ่านมา ได้มีกิจกรรมในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเช่น การสร้างมุ้งลวดให้กับเด็กอนุบาลทั้งจังหวัดตรัง การสร้างระบบน้ำดื่มสะอาดให้เด็กในโรงเรียน และในวันนี้ได้มีนายสุปรี เบ้าสิงห์สวย กรรมการและเลขานุการมูลนิธิพัฒนาชีวิตและชนบท นายแพทย์สงวน คุณาพร ผู้ว่าการภาค 3330 โรตารี่สากล ต่างร่วมพิธีเปิดป้านโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข เพื่อสนับสนุนอาหารกลางวันให้กับนักเรียน โรงเรียนเขาวิเศษ อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น 551 คน เปิดสอนตั้งแต่ชั้น ป1 – ป.6 ซึ่งโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่บำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคมโดยเฉพาะเยาวชนของจังหวัดตรัง ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี สโมสรโรตารี่ตรัง
ซึ่งสโมสรโรตารี่ตรังจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2527 ได้มีการจัดพิธีสถาปนาคณะกรรมการชุดแรก เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2527 โดยมี นายพีรพัชร สัตยพันธ์ เป็นนายกก่อตั้งโรตารี ในช่วงปีที่ผ่านมา ได้มีกิจกรรมในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเช่น การสร้างมุ้งลวดให้กับเด็กอนุบาลทั้งจังหวัดตรัง การสร้างระบบน้ำดื่มสะอาดให้เด็กในโรงเรียน และในวันนี้ได้มีนายสุปรี เบ้าสิงห์สวย กรรมการและเลขานุการมูลนิธิพัฒนาชีวิตและชนบท นายแพทย์สงวน คุณาพร ผู้ว่าการภาค 3330 โรตารี่สากล ต่างร่วมพิธีเปิดป้านโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข เพื่อสนับสนุนอาหารกลางวันให้กับนักเรียน โรงเรียนเขาวิเศษ อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น 551 คน เปิดสอนตั้งแต่ชั้น ป1 – ป.6 ซึ่งโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่บำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคมโดยเฉพาะเยาวชนของจังหวัดตรัง ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี สโมสรโรตารี่ตรัง
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง สำรวจพื้นที่พรุละหมาดเพื่อปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของนาโต๊ะหมิง
ที่บริเวณพรุละหมาด ตำบลนาโต๊ะหมิง อำเภอเมืองตรัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกสำรวจบริเวณพรุละหมาด ตำบลนาโต๊ะหมิง เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุง พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของตำบล และ จังหวัดตรัง นายประสพ ทองย้อย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาโต๊ะหมิง กล่าวว่า พรุละหมาด เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่สวนสาธารณะของตำบลนาโต๊ะหมิง เดิมเป็นที่ลุ่มที่มีบึงน้ำขนาดเล็กและใหญ่ใกล้เคียง ต่อมาในปี 2534 สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทใช้งบประมาณกว่า 13 ล้าน ในการขุดให้เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาให้กับหมู่บ้านใกล้เคียง และยังเป็นแหล่งสัตว์น้ำอีกหลายชนิดนอกจากนี้ สวนสาธารณะแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และเป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมและประเพณีที่สำคัญของตำบลอีกแห่งของนาโต๊ะหมิง ประชาชนในตำบลต่างสนับสนุนและให้ความร่วมมือองค์การบริหารส่วนตำบลในการช่วยกันดูแลและพัฒนาแหล่งน้ำและสวนสาธารณะแห่งนี้ เพราะนอกจากจะเป้นสถานที่ท่องเที่ยวของตำบลแล้ว พระละหมาดนั้นเป็นสายเลือดหรือลมหายใจของตำบลด้วย เพราะมีน้ำดับในการผลิตน้ำประปาในการหล่อเลี้ยงชุมชนอีกด้วย
จ.ตรัง บวงสรวงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ อดีตเจ้าเมืองตรัง เตรียมพร้อมจัดงานทำบุญเมืองตรัง เพื่อการปรองดองสมานฉันท์ ตามนโยบาย คสช.
ที่อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) อดีตเจ้าเมืองตรัง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการจัดงานทำบุญเมืองตรัง เพื่อการปรองดองสมานฉันท์ ตามนโยบาย คสช. ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จังหวัดตรังได้กำหนดจัดกิจกรรมทำบุญเมืองตรัง ขึ้นที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง โดยจะมีพิธีบวงสรวงพระราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นการเสริมดวงเมืองและเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับเมืองตรัง หลังจากเกิดสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการปิดล้อมสถานที่ราชการภายในศาลากลางจังหวัดตรังเป็นเวลานานหลายเดือน
จนกระทั่งกลับคืนสู่สภาวะปกติ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สำหรับกิจกรรมทำบุญเมืองตรังนั้น จะมีขึ้นโดยในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน เวลา 18.00 น. จะมีพิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตาบ้านเมืองและเสริมดวงพี่น้องชาวตรัง จะมีพิธีสวดภาณยักษ์ มีการนั่งปรก อธิษฐานจิต โดยพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดตรัง นำโดย พระครูโอภาส ธรรมวิมล (อาจารย์นวล) วัดแจ้ง ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง และในวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายนนี้ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั้งจังหวัด และเป็นการสร้างคุณค่า ให้กำลังใจ บำรุงขวัญ สร้างจิตสำนึกในการเป็นพลเมืองดีระหว่างประชาชน และแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษผู้สร้างเมืองตรังอีกด้วย โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีการนิมนต์พระภิกษุสามเณรจากวัดและสำนักสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดตรัง จำนวน 219 รูป เข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธ อีกทั้งยังมีการประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์และอิสลามด้วย โดยจะเริ่มพิธีบวงสรวงพระราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ในเวลา 08.00 น. ด้วยการรำมโนราห์ถวาย จากนั้นจะพิธีสงฆ์ เพื่อสวดเจริญพระพุทธมนต์ฯ และร่วมทำบุญอนุโมทนา โดยพระเดชพระคุณพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และกิจกรรม ต่าง ๆ มากมาย อาทิ การเล่นเกมส์ การประกวดร้องเพลง คืนความสุขให้ประเทศไทย อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี นอกจากนี้ยังมีการแจกถุงยังชีพ 1,000 ถุง อีกด้วย จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทุกศาสนาเข้าร่วมกิจกรรม มาร่วมทำบุญเสริมดวงเมืองด้วยกัน เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และขอให้พี่น้องชาวตรังทุกคนให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยมุ่งหวังคืนความสุข ความปรองดอง รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
จนกระทั่งกลับคืนสู่สภาวะปกติ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สำหรับกิจกรรมทำบุญเมืองตรังนั้น จะมีขึ้นโดยในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน เวลา 18.00 น. จะมีพิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตาบ้านเมืองและเสริมดวงพี่น้องชาวตรัง จะมีพิธีสวดภาณยักษ์ มีการนั่งปรก อธิษฐานจิต โดยพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดตรัง นำโดย พระครูโอภาส ธรรมวิมล (อาจารย์นวล) วัดแจ้ง ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง และในวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายนนี้ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั้งจังหวัด และเป็นการสร้างคุณค่า ให้กำลังใจ บำรุงขวัญ สร้างจิตสำนึกในการเป็นพลเมืองดีระหว่างประชาชน และแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษผู้สร้างเมืองตรังอีกด้วย โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีการนิมนต์พระภิกษุสามเณรจากวัดและสำนักสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดตรัง จำนวน 219 รูป เข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธ อีกทั้งยังมีการประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์และอิสลามด้วย โดยจะเริ่มพิธีบวงสรวงพระราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ในเวลา 08.00 น. ด้วยการรำมโนราห์ถวาย จากนั้นจะพิธีสงฆ์ เพื่อสวดเจริญพระพุทธมนต์ฯ และร่วมทำบุญอนุโมทนา โดยพระเดชพระคุณพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และกิจกรรม ต่าง ๆ มากมาย อาทิ การเล่นเกมส์ การประกวดร้องเพลง คืนความสุขให้ประเทศไทย อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี นอกจากนี้ยังมีการแจกถุงยังชีพ 1,000 ถุง อีกด้วย จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทุกศาสนาเข้าร่วมกิจกรรม มาร่วมทำบุญเสริมดวงเมืองด้วยกัน เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ และขอให้พี่น้องชาวตรังทุกคนให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยมุ่งหวังคืนความสุข ความปรองดอง รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
เอกอัครราชทูตจีนและคณะเดินทางเที่ยวชมวัดในเตา อ.ห้วยยอด ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเป่าทอง โดยหลวงพ่อประสูติ เพื่อเสริมสิริมงคลเมตตามหานิยม
วันนี้ (21 มิ.ย.) เวลา 08.00 น. ท่านหนิง ฟู่ซุ่ย (MR Ning Fukui) เอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พร้อม คณะ และ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภา พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง นายชาลี กางอิ่ม อดีตนายกเทศมนตรีนครตรัง และคณะเดินทางไปบวงสรวงอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี คอซิมบี้ ณ ระนอง อดีตเจ้าเมืองตรัง ตามหมายกำหนดการที่เดินทางมาเยือนจังหวัดตรัง อย่างไม่เป็นทางการ เป็นไปตามประเพณีของแขกบ้านแขกเมืองที่เดินทางมาจังหวัดตรัง ที่ทางเจ้าภาพจะจัดให้มีการกราบไหว้สักการะกันเป็นธรรมเนียมประเพณี จากนั้น ท่านเอกอัครราชฑูต หนิง ฟู่ขุย และคณะเดินทางไปยัง วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของเจ้าอาวาสวัดที่มีจริยวัตรงดงาม และมีความรู้ด้านคาถาอาคม โดยมี พระอาจารย์ประสูติ ปิยธัมโม (หลวงพ่อประสูติ) เจ้าอาวาสวัดในเตา เป็นผู้ลง วิชานะหน้าทอง ด้วยการเป่าทองลงหน้าผาก เป็นสิริมงคลใก้กับญาติโยม เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต ทำให้เกิดความมีเมตตามหานิยม หลังจากที่ ท่านหนิง ฟู่ซุ่ย (MR Ning Fukui) เอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เดินทางมาถึงวัดในเตา ได้เข้ากราบมนัสการหลวงพ่อประสูติ ถวายปัจจัย
จากนั้น พระอาจารย์ประสูติได้ทำพิธีลงนะหน้าทอง ให้กับ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภา ท่านหนิง ฟู่ซุ่ย (MR Ning Fukui) เอกอัคราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และคณะที่ติดตาม สร้างความตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากแผ่นทองที่นำมาปิดบริเวณหน้าผาก หายเข้าไปในศีรษะ โดยปราศจากร่องรอยแต่อย่างใดทั้งนี้นอกจากจะเป็นการเสริมความเป็นศิริมงคลให้กับชีวิตแล้ว แผ่นทองคำแท้ที่นำมาเสกเข้าศีรษะ ยังช่วยในการรักษาโรคร้ายหลายโรค รวมทั้งทำให้ผิวพรรณ หน้าตาผ่องใสอีกด้วย ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจาก ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย เดินทางมาเยี่ยมชมวัดในเตา และร่วมพิธีลงนะหน้าทองกันเป็นจำนวนมากอีกด้วย ขณะที่ พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า แม้ว่าการเดินทางมาเยือนจังหวัดตรัง ของท่านหนิง ฟู่ซุ่ย (MR Ning Fukui) เอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มาเป็นการส่วนตัวไม่เป็นทางการ แต่เนื่องจากท่านเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ จึงจำเป็นที่จะต้องอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยให้กับท่านและคณะอย่างเข้มงวด ตนจึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่ท่านพำนักอยู่ในจังหวัดตรัง พร้อมจัดชุดตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดตรัง ทุกจุด ทุกแห่งที่ท่านและคณะผ่าน เพื่อให้ท่านได้เที่ยว เยือนจังหวัดตรัง ด้วยความปลอดภัยและเดินทางกลับอย่างมีความสุข
จากนั้น พระอาจารย์ประสูติได้ทำพิธีลงนะหน้าทอง ให้กับ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภา ท่านหนิง ฟู่ซุ่ย (MR Ning Fukui) เอกอัคราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และคณะที่ติดตาม สร้างความตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากแผ่นทองที่นำมาปิดบริเวณหน้าผาก หายเข้าไปในศีรษะ โดยปราศจากร่องรอยแต่อย่างใดทั้งนี้นอกจากจะเป็นการเสริมความเป็นศิริมงคลให้กับชีวิตแล้ว แผ่นทองคำแท้ที่นำมาเสกเข้าศีรษะ ยังช่วยในการรักษาโรคร้ายหลายโรค รวมทั้งทำให้ผิวพรรณ หน้าตาผ่องใสอีกด้วย ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจาก ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และ อินโดนีเซีย เดินทางมาเยี่ยมชมวัดในเตา และร่วมพิธีลงนะหน้าทองกันเป็นจำนวนมากอีกด้วย ขณะที่ พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า แม้ว่าการเดินทางมาเยือนจังหวัดตรัง ของท่านหนิง ฟู่ซุ่ย (MR Ning Fukui) เอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มาเป็นการส่วนตัวไม่เป็นทางการ แต่เนื่องจากท่านเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ จึงจำเป็นที่จะต้องอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยให้กับท่านและคณะอย่างเข้มงวด ตนจึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่ท่านพำนักอยู่ในจังหวัดตรัง พร้อมจัดชุดตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดตรัง ทุกจุด ทุกแห่งที่ท่านและคณะผ่าน เพื่อให้ท่านได้เที่ยว เยือนจังหวัดตรัง ด้วยความปลอดภัยและเดินทางกลับอย่างมีความสุข
เอกอัครราชฑูตจีนและคณะอดีตรองประธานวุฒิสภาเยือนตรัง ประทับใจวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวตรังรวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว พร้อมสนับสนุนดึงนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจีนลงทุนในตรัง
ที่ จ.ตรัง ท่านหนิง ฟู่ขุย (MR Ning Fukui) เอกอัคราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และคณะ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภา พร้อมคณะ เดินทางมาเยี่ยมจังหวัดตรัง โดยมี นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง นายชาลี กางอิ่ม อดีตนายกเทศมนตรีนครตรัง นางวิไลพร พิตรปรีชา กรรมการผู้จัดการโรงแรมเรือรัษฎา จ.ตรัง นายแพทย์สมชัย เจียรนัยศิลป์ รองประธานหอการค้าจังหวัดตรัง พร้อมผู้ประกอบการนักธุรกิจจังหวัดตรัง ให้การต้อนรับ ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ของ ท่านหนิง ฟู่ขุย (MR Ning Fukui) และคณะมาเยือนจังหวัดตรังอย่างไม่เป็นทางการระหว่างวันที่ 19-21มิถุนายน นี้ นายสุรชัย กล่าวว่า ตนและคณะอดีตวุฒิสภาพร้อม ท่านหนิง ฟู่ขุย และเจ้าหน้าที่จากสถานฑูตจีนประจำประเทศไทย มาเยือนจังหวัดตรัง เพื่อแนะนำให้ได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง และเพื่อให้ได้เห็นถึงความพร้อมของจังหวัดตรัง ในอันที่จะรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางมาเที่ยวจังหวัดตรัง เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากชื่อเสียงของจังหวัดตรังยังไม่เป็นที่รู้จักของนัก ท่องเที่ยวชาวจีนมากนัก ทั้งๆที่จังหวัดตรังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆหลายแห่ง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวทางภาคใต้ของประเทศไทย จะนึกถึงจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก หรือไม่ก็กระบี่หรือพังงา จังหวัดตรังแทบจะไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวจีนเลย จึงได้เชื้อเชิญ ท่านฑูตมาเที่ยวจังหวัดตรังดู เพื่อจะได้ช่วยกันเผยแพร่และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง และจะได้รู้ว่าจังหวัดตรังมีความพร้อมทั้งทางด้านแหล่งท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวก ที่เป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวในเชิงนิเวศ เชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อจังหวัดตรังในระยะยาวต่อไป ทาง ด้านท่านหนิง ฟู่ขุย กล่าวว่า ตนมีประทับใจในเรื่องของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวจังหวัดตรังที่ ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีแบบเรียบง่ายไว้ได้ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ที่ผ่านเส้นทางที่งดงาม
อีกทั้งยังประทับใจในเรื่องของอาหาร รวมถึงข้อมูลที่มีการถ่ายทอดให้ท่านฑูตได้รับทราบว่า จังหวัดตรังมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จังหวัดตรัง จึงเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารจีน และพร้อมที่จะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวจังหวัดตรัง และสนับสนุนด้านการลงทุนในประเทศไทยโดยด้วยการสนับสนุนให้บริษัทลงทุนทั้ง หลายในจีนได้มาลงทุนในเรื่องของการแปรรูปผลผิตทางการเกษตรในภาคใต้รวมทั้ง จังหวัดตรังด้วย ประเทศจีนเข้าท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ที่สำคัญตนจะนำประสบการณ์ของการมาเยือนจังหวัดตรังในครั้งนี้เอาไปเผยแพร่ แนะนำให้กับกลุ่มนักท่องเทียวจีนให้รู้จักจังหวัดตรัง
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากชื่อเสียงของจังหวัดตรังยังไม่เป็นที่รู้จักของนัก ท่องเที่ยวชาวจีนมากนัก ทั้งๆที่จังหวัดตรังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆหลายแห่ง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวทางภาคใต้ของประเทศไทย จะนึกถึงจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก หรือไม่ก็กระบี่หรือพังงา จังหวัดตรังแทบจะไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวจีนเลย จึงได้เชื้อเชิญ ท่านฑูตมาเที่ยวจังหวัดตรังดู เพื่อจะได้ช่วยกันเผยแพร่และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง และจะได้รู้ว่าจังหวัดตรังมีความพร้อมทั้งทางด้านแหล่งท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวก ที่เป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวในเชิงนิเวศ เชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อจังหวัดตรังในระยะยาวต่อไป ทาง ด้านท่านหนิง ฟู่ขุย กล่าวว่า ตนมีประทับใจในเรื่องของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวจังหวัดตรังที่ ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีแบบเรียบง่ายไว้ได้ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ที่ผ่านเส้นทางที่งดงาม
อีกทั้งยังประทับใจในเรื่องของอาหาร รวมถึงข้อมูลที่มีการถ่ายทอดให้ท่านฑูตได้รับทราบว่า จังหวัดตรังมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จังหวัดตรัง จึงเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารจีน และพร้อมที่จะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวจังหวัดตรัง และสนับสนุนด้านการลงทุนในประเทศไทยโดยด้วยการสนับสนุนให้บริษัทลงทุนทั้ง หลายในจีนได้มาลงทุนในเรื่องของการแปรรูปผลผิตทางการเกษตรในภาคใต้รวมทั้ง จังหวัดตรังด้วย ประเทศจีนเข้าท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ที่สำคัญตนจะนำประสบการณ์ของการมาเยือนจังหวัดตรังในครั้งนี้เอาไปเผยแพร่ แนะนำให้กับกลุ่มนักท่องเทียวจีนให้รู้จักจังหวัดตรัง
วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่ ฝึกอบรมทำโคมไฟและงานศิลป์ สร้างอาชีพ สร้างงาน ห่างไกลยาเสพติด ให้กับเยาวชน
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่ฝึกอบรมทำโคมไฟและงานศิลป์ สร้างอาชีพ สร้างงาน ห่างไกลยาเสพติด ให้กับเยาวชน
วันนี้ 20 มิถุนายน 2557 เวลา 13.30 น.นายผดุงศักย์ ขุนเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมการทำโคมไฟในฝันและงานศิลป์ สร้างงาน ณ.ห้องปลายพระยา ศาลากลางหลังใหม่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่เยาวชนได้ห่างไกลยาเสพติด และเป็นวิทยากร ครู ก. ของจังหวัดกระบี่ เพื่อที่จะนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับเยาวชน
นายผดุงศักย์ ขุนเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าปัจจุบันปัญหาขยะนับเป็นปัญหาที่สำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขโดยเฉพาะขวดพลาสติก ถ้าหากมีการนำกลับมาใช้ใหม่ก็จะเกิดประโยชน์มากมายทางสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่จึงได้เชิญวิทยากรที่มีความรู้ ความชำนาญ ความสามารถ มาบรรยายพร้อมภาคปฏิบัติให้กับเยาวชนในจังหวัดกระบี่จำนวน 10 คน เพื่อเป็นครู ก.นำความรู้ที่ได้จากการอบรมและปฏิบัติในวันนี้ไปถ่ายทอดให้กับเยาวชนที่สนใจ สำหรับวัสดุที่ใช้ในการอบรมและฝึกสอนทางสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่จะเป็นผู้จัดหามาให้ทั้งหมด โดยรูปแบบในการทำจะใช้ขวดพลาสติกที่ใช้แล้วนำมาผลิตเป็นโคมไฟรูปแบบต่างๆอย่างสวยงาม ใช้เวลาในการอบรมจำนวน 1 วัน
วันนี้ 20 มิถุนายน 2557 เวลา 13.30 น.นายผดุงศักย์ ขุนเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมการทำโคมไฟในฝันและงานศิลป์ สร้างงาน ณ.ห้องปลายพระยา ศาลากลางหลังใหม่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่เยาวชนได้ห่างไกลยาเสพติด และเป็นวิทยากร ครู ก. ของจังหวัดกระบี่ เพื่อที่จะนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับเยาวชน
นายผดุงศักย์ ขุนเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าปัจจุบันปัญหาขยะนับเป็นปัญหาที่สำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขโดยเฉพาะขวดพลาสติก ถ้าหากมีการนำกลับมาใช้ใหม่ก็จะเกิดประโยชน์มากมายทางสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่จึงได้เชิญวิทยากรที่มีความรู้ ความชำนาญ ความสามารถ มาบรรยายพร้อมภาคปฏิบัติให้กับเยาวชนในจังหวัดกระบี่จำนวน 10 คน เพื่อเป็นครู ก.นำความรู้ที่ได้จากการอบรมและปฏิบัติในวันนี้ไปถ่ายทอดให้กับเยาวชนที่สนใจ สำหรับวัสดุที่ใช้ในการอบรมและฝึกสอนทางสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่จะเป็นผู้จัดหามาให้ทั้งหมด โดยรูปแบบในการทำจะใช้ขวดพลาสติกที่ใช้แล้วนำมาผลิตเป็นโคมไฟรูปแบบต่างๆอย่างสวยงาม ใช้เวลาในการอบรมจำนวน 1 วัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ออกเยี่ยมเยียนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุทำให้บ้านพัง
ที่ บริเวณริมหาดเกาะลิบง อำเภอกันตัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ออกเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพให้พี่น้องประชาชนที่เกาะลิบงซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่ถูกคลื่นขนาดใหญ่ ชัดจนพนังกั้นน้ำทะเลชายฝั่ง และบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายในช่วงสัปดาห์ก่อน จากการที่มีน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับคลื่นทะเลมีลมกรรโชกแรง จนทำพนังกั้นน้ำทะเลชายฝั่งพังเสียหาย นอกจากนั้นบ้านเรือนประชาชนที่ใกล้กัลป์ชายฝั่งถูกพายุและน้ำทะเลพัดจนกระเบื้องแตก จำนวนหลายหลัง ในเบื้องต้นองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลิบงได้ให้ความช่วยเหลือไปบ้าง ในในขณะนี้ ชาวบ้านกำลังผวาจะถูกคลื่นซัดบ้านหายไปในทะเล จนต้องขนย้ายเข้าของหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย เพราะขณะนี้พนังกั้นน้ำทะเลชายฝั่งได้พังเสียหายไปเกือบหมด และในบางจุดพนังกั้นน้ำทะเลชายฝั่งหักทรุดฝังจมใต้พื้นทราย และบางส่วนโผล่ให้เห็นแต่คานของพนังกับเสาปูนยาวเป็นแนว ส่วนพื้นดินใต้คานเขื่อนถูกคลื่นซัดหายไปหมดแล้ว แม้ชาวบ้านจะช่วยกันนำกระสอบทรายและก้อนหินมาวางเสริมเพิ่มความแข็งแกร่ง เป็นแนวยาวหลังเขื่อนแต่ก็ต้านความรุนแรงของคลื่นไม่ไหว จนขณะนี้พื้นดินถูกกัดเซาะเข้ามาหลังแนวเขื่อนประมาณ 5 เมตร ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง จะได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปผลความเสียหายทุกส่วน เพื่อจะได้หาแนวทางสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมแซม ในเบื้องต้นขณะนี้ได้มอบถุงยังชีพและวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมให้กับพี่น้องประชาชน เพราะในขณะนี้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันมีกำลังแรง ทำให้มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวประมงควรงดเว้นการทำประมงเป็นการชั่วคราว เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ ไว้ด้วย
ผวจ.ตรัง นำส่วนราชการลงพื้นที่ออกบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนอำเภอวังวิเศษ
ที่โรงเรียนบ้านทุ่งใหญ่ ตำบลท่าสะบ้า อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นางณัฐพิสุทธิ์ เหมทานนท์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรังพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดตรัง ได้ออกหน่วยบริการจังหวัดเคลื่อนที่ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน ในการนำบริการของส่วนราชการต่าง ๆ มาให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่พร้อมทั้งเยี่ยมเยียนและรับทราบปัญหาข้อขัดข้องจากชาวบ้าน อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง โครงการ จังหวัดเคลื่อนที่ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” เป็นโครงการที่ส่วนราชการต่าง ๆ ออกมาให้บริการประชาชนในพื้นที่ เช่น การบริการด้านการแพทย์ ด้านการเกษตร ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ด้านสวัสดิการสังคม ด้านแรงงาน และอื่น ๆ โดยแต่ละหน่วยงานจะมีเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ คอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา พร้อมทั้งสื่อแผ่นพับหรืออื่น ๆ ที่ให้ความรู้แก่ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม
นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ และเหล่ากาชาดจังหวัดตรังมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้สูงอายุ 100 ชุด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอให้พ่อแม่ได้ช่วยกันดูแลลูกหลาน สวมกอดลูกวันละครั้งเป็นอย่างน้อยเป็นการสร้างความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะเป็นเกราะป้องกันภัยยาเสพติดให้กับบุตรหลานของเราด้วย และในวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายนนี้ จังหวัดตรังจัดพิธีทำบุญเมืองตรัง เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดตรัง ด้วย จึงขอให้พี่น้องประชาชนท่านใดที่ไม่ติดภารกิจเกินไป เชิญร่วมกันทำบุญเมืองตรัง ครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งจะมีคณะสงฆ์ของจังหวัดตรังจำนวน 200 รูป เจริญพระพุทธมนต์ มีพิธีสวด ดูอาห์ของศาสนาอิสลาม พิธีนมัสการอธิษฐานจิตขอพระพระผู้เป็นเจ้า และกิจกรรมอื่น ๆ อีกหลายกิจกรรม เพื่อเป็นการสร้างความปรองดองของชนในชาติด้วย
นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ และเหล่ากาชาดจังหวัดตรังมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้สูงอายุ 100 ชุด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอให้พ่อแม่ได้ช่วยกันดูแลลูกหลาน สวมกอดลูกวันละครั้งเป็นอย่างน้อยเป็นการสร้างความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะเป็นเกราะป้องกันภัยยาเสพติดให้กับบุตรหลานของเราด้วย และในวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายนนี้ จังหวัดตรังจัดพิธีทำบุญเมืองตรัง เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดตรัง ด้วย จึงขอให้พี่น้องประชาชนท่านใดที่ไม่ติดภารกิจเกินไป เชิญร่วมกันทำบุญเมืองตรัง ครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งจะมีคณะสงฆ์ของจังหวัดตรังจำนวน 200 รูป เจริญพระพุทธมนต์ มีพิธีสวด ดูอาห์ของศาสนาอิสลาม พิธีนมัสการอธิษฐานจิตขอพระพระผู้เป็นเจ้า และกิจกรรมอื่น ๆ อีกหลายกิจกรรม เพื่อเป็นการสร้างความปรองดองของชนในชาติด้วย
ทภ. 4 จัดแข่งขันจักรยานทางไกลการกุศล Tour of Srivichai
พ.อ.คนึง บุญมณี หัวหน้าสำนักงานกีฬากองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 4 ร่วมกับ จังหวัดนครศรีธรรมราช อบจ.นครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ หอการค้าจังหวัด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัด ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช และชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช ได้จัดแข่งขันจักรยานทางไกลนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 2 Tour of Srivichai ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 21- 22 มิถุนายนนี้ ณ สนามบินกองทัพภาคที่ 4 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชน เยาวชนออกกำลังกาย ห่างไกลจากปัญหายาเสพติด และเพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปมอบให้แก่ทหารหรือครอบครัวที่อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
สำหรับประเภทการแข่งขัน ได้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทเสือหมอบ ระยะทาง 120 กิโลเมตร ประเภทเสือภูเขา ระยะทาง 120 กิโลเมตร และประเภทจักรยานทั่วไปพิชิตเส้นทาง
สำหรับกิจกรรมในวันที่ 21 มิ.ย.57 คณะผู้จัดงานยังได้จัดกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายเพื่อเอาใจสำหรับผู้ที่รักและสนใจการขี่รถจักรยาน โดย จัดการประกวดจักรยานโบราณ จักรยานสวยงาม การแข่งขันจักรยานสามล้อ การแสดงการขี่จักรยานผาดโผน Extream จากทีมกรุงเทพ กิจกรรมนันทนาการล่ารางวัล การแสดงแอโรบิก รำอวยพร ระบบศรีวิชัย การแสดงบนเวที และรำวงเวียนครก จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 21-22 มิถุนายนนี้ ณ สนามบินกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธจังหวัดนครศรีธรรมราช
สำหรับประเภทการแข่งขัน ได้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทเสือหมอบ ระยะทาง 120 กิโลเมตร ประเภทเสือภูเขา ระยะทาง 120 กิโลเมตร และประเภทจักรยานทั่วไปพิชิตเส้นทาง
สำหรับกิจกรรมในวันที่ 21 มิ.ย.57 คณะผู้จัดงานยังได้จัดกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายเพื่อเอาใจสำหรับผู้ที่รักและสนใจการขี่รถจักรยาน โดย จัดการประกวดจักรยานโบราณ จักรยานสวยงาม การแข่งขันจักรยานสามล้อ การแสดงการขี่จักรยานผาดโผน Extream จากทีมกรุงเทพ กิจกรรมนันทนาการล่ารางวัล การแสดงแอโรบิก รำอวยพร ระบบศรีวิชัย การแสดงบนเวที และรำวงเวียนครก จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 21-22 มิถุนายนนี้ ณ สนามบินกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธจังหวัดนครศรีธรรมราช
จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป
จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป “รู้รัก สามัคคี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์”
จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป “รู้รัก สามัคคี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” 20-22 มิถุนายน 2557 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัด ชมการแสดงดนตรีกองทัพภาคที่ 4 รำวงเวียนครก จำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป สินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ชิมอาหารอร่อย ๆ พร้อมบริการตัดผมฟรี มีประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก
เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้( 20 มิ.ย.57) ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช(หลังเก่า)นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป “รู้รัก สามัคคี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ซึ่งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ประจำพื้นที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ ศปป.กอ.รมน.จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วม ศปป.กอ.รมน.กองทัพภาคที่ 4 เทศบาลนครนครศรีธรรมราช และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 มิถุนายน 2557 เพื่อคืนความสุขให้ชาวนครศรีธรรมราช และแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีปรองดองของชาวนครศรีธรรมราช โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้กล่าวนำปฏิญาณตนในการร่วมกันสร้างความสามัคคีปรองดอง จะเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า ร่วมจับมือเป็นวงกลมซ้อนกันหลายวงและรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ร่วมกันร้องเพลงสามัคคีชุมนุม เพลงสดุดีมหาราชา และเพลงชาติ จากนั้นมีการมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรตัดผมชาย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41(พลตรีพีรพล วิริยากุล) พบปะประชาชนเพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงเจตนารมณ์และนโยบายของ คสช.ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ
สำหรับกิจกรรม ภายในงานจะมีการแสดงดนตรีของทหาร มณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 รำวงเวียนครก การออกบู๊ธ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์โอทอป สินค้าธงฟ้าราคาประหยัด พร้อมเลือกชิมอาหารอร่อย ๆ และน้ำดื่มฟรี นอกจากนี้มีการบริการตัดผมฟรีให้แก่ผู้เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2557 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช(หลังเก่า)โดยพร้อมเพรียงกัน
จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป “รู้รัก สามัคคี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” 20-22 มิถุนายน 2557 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัด ชมการแสดงดนตรีกองทัพภาคที่ 4 รำวงเวียนครก จำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป สินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ชิมอาหารอร่อย ๆ พร้อมบริการตัดผมฟรี มีประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก
เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้( 20 มิ.ย.57) ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช(หลังเก่า)นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดงานสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป “รู้รัก สามัคคี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ซึ่งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ประจำพื้นที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือ ศปป.กอ.รมน.จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วม ศปป.กอ.รมน.กองทัพภาคที่ 4 เทศบาลนครนครศรีธรรมราช และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 มิถุนายน 2557 เพื่อคืนความสุขให้ชาวนครศรีธรรมราช และแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีปรองดองของชาวนครศรีธรรมราช โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้กล่าวนำปฏิญาณตนในการร่วมกันสร้างความสามัคคีปรองดอง จะเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า ร่วมจับมือเป็นวงกลมซ้อนกันหลายวงและรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ร่วมกันร้องเพลงสามัคคีชุมนุม เพลงสดุดีมหาราชา และเพลงชาติ จากนั้นมีการมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรตัดผมชาย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41(พลตรีพีรพล วิริยากุล) พบปะประชาชนเพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงเจตนารมณ์และนโยบายของ คสช.ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ
สำหรับกิจกรรม ภายในงานจะมีการแสดงดนตรีของทหาร มณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 รำวงเวียนครก การออกบู๊ธ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์โอทอป สินค้าธงฟ้าราคาประหยัด พร้อมเลือกชิมอาหารอร่อย ๆ และน้ำดื่มฟรี นอกจากนี้มีการบริการตัดผมฟรีให้แก่ผู้เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2557 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช(หลังเก่า)โดยพร้อมเพรียงกัน
พังงาจัดพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดสนับสนุนนโยบายของ คสช. ระหว่าง๑๗-๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๗
วันนี้ ๒๐ มิ.ย. ๕๗ เวลา ๐๕.๓๐ น. จังหวัดพังงานำโดย นายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา จัดพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดและเพื่อสนับสนุนนโยบายของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในด้านรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ณ ลานหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองพังงา โดยพีธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดครั้งนี้ ตำรวจภูธรเมืองพังงาได้บูรณาการร่วมกันระหว่างสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด อาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดพังงา และอาสาสมัครภาคประชาชน จำนวน ๓๐๐ นาย
พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ตามแผนปฏิบัติการ ๖ มาตรการเร่งด่วนตามคำสั่ง คสช.ที่ ๔๑/๒๕๕๗ เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ของตำรวจภาค ๘ ในห้วงวันที่ ๙ มิถุนายน -๙ กรกฎาคม ๕๗ โดยกำหนดมาตรการและแนวทางในการสกัดกั้น ปราบปราม จับกุม และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ให้ปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน/ชุมชน เป้าหมายพื้นที่แพร่ระบาดและพักยาเสพติด เพื่อจับกุมผู้ค้ารายย่อยที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนกดดันผู้เสพยาเสพติดให้สมัครใจเข้าสู่การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพให้มากที่สุดและสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญและเครือข่ายเชื่อมโยงผู้มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทั้งนี้การระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของของยาเสพติดในพื้นที่พังงาจัดขึ้นระหว่าง๑๗-๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ นี้.
พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ตามแผนปฏิบัติการ ๖ มาตรการเร่งด่วนตามคำสั่ง คสช.ที่ ๔๑/๒๕๕๗ เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ของตำรวจภาค ๘ ในห้วงวันที่ ๙ มิถุนายน -๙ กรกฎาคม ๕๗ โดยกำหนดมาตรการและแนวทางในการสกัดกั้น ปราบปราม จับกุม และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ให้ปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน/ชุมชน เป้าหมายพื้นที่แพร่ระบาดและพักยาเสพติด เพื่อจับกุมผู้ค้ารายย่อยที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนกดดันผู้เสพยาเสพติดให้สมัครใจเข้าสู่การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพให้มากที่สุดและสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญและเครือข่ายเชื่อมโยงผู้มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทั้งนี้การระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของของยาเสพติดในพื้นที่พังงาจัดขึ้นระหว่าง๑๗-๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ นี้.
พังงาจัดพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดสนับสนุนนโยบายของ คสช. ระหว่าง๑๗-๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๗
วันนี้ ๒๐ มิ.ย. ๕๗ เวลา ๐๕.๓๐ น. จังหวัดพังงานำโดย นายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา จัดพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดและเพื่อสนับสนุนนโยบายของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในด้านรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ณ ลานหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองพังงา โดยพีธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดครั้งนี้ ตำรวจภูธรเมืองพังงาได้บูรณาการร่วมกันระหว่างสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด อาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดพังงา และอาสาสมัครภาคประชาชน จำนวน ๓๐๐ นาย
พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ตามแผนปฏิบัติการ ๖ มาตรการเร่งด่วนตามคำสั่ง คสช.ที่ ๔๑/๒๕๕๗ เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ของตำรวจภาค ๘ ในห้วงวันที่ ๙ มิถุนายน -๙ กรกฎาคม ๕๗ โดยกำหนดมาตรการและแนวทางในการสกัดกั้น ปราบปราม จับกุม และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ให้ปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน/ชุมชน เป้าหมายพื้นที่แพร่ระบาดและพักยาเสพติด เพื่อจับกุมผู้ค้ารายย่อยที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนกดดันผู้เสพยาเสพติดให้สมัครใจเข้าสู่การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพให้มากที่สุดและสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญและเครือข่ายเชื่อมโยงผู้มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทั้งนี้การระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของของยาเสพติดในพื้นที่พังงาจัดขึ้นระหว่าง๑๗-๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ นี้.
พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ตามแผนปฏิบัติการ ๖ มาตรการเร่งด่วนตามคำสั่ง คสช.ที่ ๔๑/๒๕๕๗ เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ของตำรวจภาค ๘ ในห้วงวันที่ ๙ มิถุนายน -๙ กรกฎาคม ๕๗ โดยกำหนดมาตรการและแนวทางในการสกัดกั้น ปราบปราม จับกุม และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ให้ปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้าน/ชุมชน เป้าหมายพื้นที่แพร่ระบาดและพักยาเสพติด เพื่อจับกุมผู้ค้ารายย่อยที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนกดดันผู้เสพยาเสพติดให้สมัครใจเข้าสู่การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพให้มากที่สุดและสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญและเครือข่ายเชื่อมโยงผู้มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทั้งนี้การระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของของยาเสพติดในพื้นที่พังงาจัดขึ้นระหว่าง๑๗-๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ นี้.
พังงาสนธิกำลังจู่โจมตรวจค้นเรือนจำเพื่อระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดสนับสนุนนโยบายของ คสช. ผลจากการตรวจค้นไม่พบยาเสพติดและสิ่งของต้องห้าม
ตำรวจภูธรเมืองพังงาได้บูรณาการร่วมกันระหว่างสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดพังงา เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัด อาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดพังงา และอาสาสมัครภาคประชาชน จำนวน ๓๐๐ นาย จู่โจมตรวจค้นเรือนจำเพื่อระดมกวาดล้างการแพร่ระบาดของยาเสพติดสนับสนุนนโยบายของ คสช. เมื่อเวลา ๐๕.๔๕ น.วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยตรวจค้นนักโทษ จำนวน ๘๐๔ คน เรือนนอนชาย แดนขังหญิง โรงงานช่างไม้ ห้องสุขา โรงทออวน สูทกรรมและห้องนอนจ่ายนอก ผลจากการตรวจค้นไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งของต้องห้าม
นายนิกร จันทร์อำไพ นายอำเภอเมืองพังงา กล่าวว่า ผวจ.พังงามอบหมายนโยบายสำคัญในการปราบปรามหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย เรือนจำจังหวัดพังงาเป็นเป้าหมายหนึ่งที่ลงพื้นที่ตรวจค้นโดยเจ้าหน้าที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติการเป็นอย่างดี
พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจค้นในเรือนจำเป็นการ X-ray ทุกตารางนิ้วเพื่อค้นหายาเสพติดแต่ก็ไม่พบยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายหรือสิ่งของต้องห้ามแต่อย่างใด สืบเนื่องจากเรือนจำพังงามีความเข้มงวดเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง
ทางด้านนายกาญจน์ สุนทรเดชา ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพังงา กล่าวว่า พื้นที่ราชทัณฑ์พังงาได้เน้นย้ำเรื่องการตรวจค้นเป็นประจำทุกวัน และได้ร่วมบูรณาการกับทางตำรวจ ปกครอง ตรวจค้นให้บ่อยขึ้น สิ่งที่ราชทัณฑ์ปฏิบัติประจำคือการตรวจค้นอย่างเข้มงวดและตรวจปัสสาวะ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือให้บรรลุวัตถุประสงค์ผลลัพธ์ต้องไม่มียาเสพติดในเรือนจำจังหวัดพังงา
นายนิกร จันทร์อำไพ นายอำเภอเมืองพังงา กล่าวว่า ผวจ.พังงามอบหมายนโยบายสำคัญในการปราบปรามหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย เรือนจำจังหวัดพังงาเป็นเป้าหมายหนึ่งที่ลงพื้นที่ตรวจค้นโดยเจ้าหน้าที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติการเป็นอย่างดี
พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจค้นในเรือนจำเป็นการ X-ray ทุกตารางนิ้วเพื่อค้นหายาเสพติดแต่ก็ไม่พบยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายหรือสิ่งของต้องห้ามแต่อย่างใด สืบเนื่องจากเรือนจำพังงามีความเข้มงวดเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง
ทางด้านนายกาญจน์ สุนทรเดชา ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพังงา กล่าวว่า พื้นที่ราชทัณฑ์พังงาได้เน้นย้ำเรื่องการตรวจค้นเป็นประจำทุกวัน และได้ร่วมบูรณาการกับทางตำรวจ ปกครอง ตรวจค้นให้บ่อยขึ้น สิ่งที่ราชทัณฑ์ปฏิบัติประจำคือการตรวจค้นอย่างเข้มงวดและตรวจปัสสาวะ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือให้บรรลุวัตถุประสงค์ผลลัพธ์ต้องไม่มียาเสพติดในเรือนจำจังหวัดพังงา
จังหวัดพังงาเตรียมจัดงานสมโภชอัฐิเจดีย์พระบริรักษ์ภูธรอดีตเจ้าเมืองพังงา ผู้ทำนุบำรุงรักษาและพัฒนาบ้านเมืองพังงาให้เป็นรากฐานของความเจริญจนถึงปัจจุบัน
นายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการดำเงินงานบูรณปฏิสังขรณ์อัฐเจดีย์พระยาบริรักษ์ภูธร ณ วัดสราภิมุข (วัดสระ) อ.เมืองพังงา เพื่อเตรียมจัดงานพิธีสมโภชอัฐิเจดีย์พระยาบริรักษ์ภูธร (แสง ณ นคร และขำ ณ นคร) อดีตเจ้าเมืองพังงา ผู้เป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการบุกเบิกสร้างบ้านสร้างเมือง ดูแลทุกข์สุขและความสงบเรียบร้อยของราษฎร ส่งผลให้เมืองพังงามีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
จังหวัดพังงาเป็นจังหวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน บ้านเมืองสงบร่มเย็น ผู้คนมีความผาสุก ตั้งมั่นอยู่ในศิละรรมอันดีงามด้วยคุณูปการของบรรพชนที่ได้ก่อสร้างเมืองไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ดำรงอยู่อย่างผาสุกมาจนถึงทุกวันนี้ พระยาบริรักษ์ภูธร (แสง ณ นครและขำ ณ นคร) อดีตเจ้าเมืองพังงา ผู้บุกเบิกและปรับปรุงระบบการทำภาษีเหมืองแร่ แบบเหมาเหมือง และพัฒนาบ้านเมืองให้รุ่งเรืองจนได้รับคำชมเชยจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จประพาสเมืองพังงา เมื่อปี ๒๔๑๔ และ พ.ศ. ๒๔๓๓ ว่าเป็นผู้ว่าราชการเมืองพังงา ที่มีระเบียบแบบแผน ทำนุบำรุงรักษาบ้านเมืองดีทำนุบำรุงรักษาและพัฒนาบ้านเมืองพังงาให้เป็นรากฐานของความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีต มีระเบียบแบบแผน และเป็นผู้รอบรู้ราชการดี เมื่อถึงแก่อสัญกรรม(พระยาบริรักษ์ภูธร) ยังปรากฏอัฐิเจดีย์ของท่านทั้งสองตั้งอยู่ที่วัดสราภิมุข อ.เมืองพังงา มาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์และรักษามรดกทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดพังงารวมทั้งส่งเสริมพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพังงา จังหวัดจึงร่วมกับคณะลูกหลานเจ้าเมืองพังงา หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวจังหวัดพังงา กำหนดพิธีสมโภชงานดังกล่าวในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ วัด สราภิมุข (วัดสระ) อ.เมือง จ.พังงา โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ฯ เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์
จังหวัดพังงาเป็นจังหวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน บ้านเมืองสงบร่มเย็น ผู้คนมีความผาสุก ตั้งมั่นอยู่ในศิละรรมอันดีงามด้วยคุณูปการของบรรพชนที่ได้ก่อสร้างเมืองไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ดำรงอยู่อย่างผาสุกมาจนถึงทุกวันนี้ พระยาบริรักษ์ภูธร (แสง ณ นครและขำ ณ นคร) อดีตเจ้าเมืองพังงา ผู้บุกเบิกและปรับปรุงระบบการทำภาษีเหมืองแร่ แบบเหมาเหมือง และพัฒนาบ้านเมืองให้รุ่งเรืองจนได้รับคำชมเชยจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จประพาสเมืองพังงา เมื่อปี ๒๔๑๔ และ พ.ศ. ๒๔๓๓ ว่าเป็นผู้ว่าราชการเมืองพังงา ที่มีระเบียบแบบแผน ทำนุบำรุงรักษาบ้านเมืองดีทำนุบำรุงรักษาและพัฒนาบ้านเมืองพังงาให้เป็นรากฐานของความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีต มีระเบียบแบบแผน และเป็นผู้รอบรู้ราชการดี เมื่อถึงแก่อสัญกรรม(พระยาบริรักษ์ภูธร) ยังปรากฏอัฐิเจดีย์ของท่านทั้งสองตั้งอยู่ที่วัดสราภิมุข อ.เมืองพังงา มาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์และรักษามรดกทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดพังงารวมทั้งส่งเสริมพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพังงา จังหวัดจึงร่วมกับคณะลูกหลานเจ้าเมืองพังงา หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวจังหวัดพังงา กำหนดพิธีสมโภชงานดังกล่าวในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ วัด สราภิมุข (วัดสระ) อ.เมือง จ.พังงา โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ฯ เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์
ผู้ผ่านการฝึกอบรมจากโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองฝ่ายปกครองจังหวัดพังงาตามโครงการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพยาเสพติดจังหวัดพังงาประจำปี ๒๕๕๗ มีทัศนคติแนวคิดเรื่องยาเสพติดในทางที่ดีขึ้น
นายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานในพิธีปิดการอบรม และมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้เข้ารับการอบรม โครงการค่ายบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพยาเสพติด จังหวัดพังงา ปี ๒๕๕๗ ณ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดพังงา อำเภอทับปุด โดยมี นายอำเภอทับปุด ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดพังงา แขกผู้มีเกียรติ ทีมวิทยากรจากสาธารณสุขจังหวัดพังงา สำนักงาน ปปส.ภาค ๘ ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดพังงา ครูพี่เลี้ยงจากที่ทำการปกครองจังหวัดพังงา และ ผู้เข้ารับการอบรม เข้าร่วมในพิธีปิด
นายไพศาล ศรีเทพ ป้องกันจังหวัดพังงา กล่าวว่า การอบรมในครั้งนี้ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย รู้จักคุณค่าของตนเอง สร้างเป้าหมายในชีวิต ลดความขัดแย้งในครอบครัว และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยการอบรมใช้เวลา ๑๔ คืน ๑๕ วัน ระหว่าง ๕ มิถุนายน ถึง ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีผู้ผ่านการอบรม จำนวน ๕๘ คน
ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า ขอให้กำลังใจผู้เข้ารับการอบรมทุกคน ขอให้เข้มแข็ง อดทน มั่นคง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่วิถีชีวิตที่ดีงาม เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคม ครอบครัว และประเทศชาติต่อไป
หนึ่งในผู้เข้ารับการฝึกอบรม กล่าวว่า จากการที่ได้เข้าค่ายถึงครึ่งเดือนทำให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดมากขึ้นและไม่ขอกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จะกลับไปประกอบอาชีพให้เป็นที่พึ่งของพ่อแม่ครอบครัวต่อไป
นายไพศาล ศรีเทพ ป้องกันจังหวัดพังงา กล่าวว่า การอบรมในครั้งนี้ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย รู้จักคุณค่าของตนเอง สร้างเป้าหมายในชีวิต ลดความขัดแย้งในครอบครัว และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยการอบรมใช้เวลา ๑๔ คืน ๑๕ วัน ระหว่าง ๕ มิถุนายน ถึง ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ มีผู้ผ่านการอบรม จำนวน ๕๘ คน
ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า ขอให้กำลังใจผู้เข้ารับการอบรมทุกคน ขอให้เข้มแข็ง อดทน มั่นคง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่วิถีชีวิตที่ดีงาม เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคม ครอบครัว และประเทศชาติต่อไป
หนึ่งในผู้เข้ารับการฝึกอบรม กล่าวว่า จากการที่ได้เข้าค่ายถึงครึ่งเดือนทำให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดมากขึ้นและไม่ขอกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จะกลับไปประกอบอาชีพให้เป็นที่พึ่งของพ่อแม่ครอบครัวต่อไป
ตำรวจ ภูธรจังหวัดสงขลา มอบอินทผลัมให้แก่ ผู้แทนมัสยิด ข้าราชการตำรวจ และพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามในจังหวัดสงขลา ในช่วงเดือนรอมฏอนที่จะถึงนี้
วันนี้ (20 มิ.ย. 57) ที่มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย พันเอกวรพล วรพันธ์ เสนาธิการ มทบ. 42 และ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจ ภูธรจังหวัดสงขลา ร่วมกันมอบอินทผาลัมให้แก่มัสยิดและพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามใน จังหวัดสงขลา ได้แก่ ผู้แทนกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ผู้แทนชมรมอิหม่านอำเภอต่าง ๆ ผู้แทนสมาพันธ์ ผู้แทนสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และข้าราชการตำรวจที่นับถือศาสนาอิสลาม กว่า 2,700 กล่อง
นาย กฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นศาสนกิจที่ฝึกฝนให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจ ความอดทน ความเสมอภาค ความสามัคคี ความสมานฉันท์ ซึ่งในปีนี้การเริ่มถือศีลอดจะเริ่มในวันที่ 27 หรือ 28 มิถุนายนนี้ ตามประกาศจุฬาราชมนตรี
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวขอบคุณ ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญ การประกอบศาสนกิจ ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม จึงได้จัดมอบผลอินทผาลัม ให้แก่มัสยิดต่าง ๆ ในจังหวัดสงขลา ได้รับประทานในช่วงถือศีลอด และเพื่อให้ผู้ที่ถือศีลอดในเดือนรอนฎอนได้ถือปฏิบัติตามแบบฉบับของท่าน ศาสดาได้อย่างสมบูรณ์ และมีพลานามัย สุขภาพแข็งแรง สามารถถือศีลอดได้ลุลวงตลอดทั้งเดือนด้วยดี และขอให้พี่น้องชาวไทยมุสลิม ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงถือศีลอดในเดือนรอมฎอนด้วยความยำเกรงต่อองค์อัลเลาะห์ ขอให้องค์อัลเลาะห์ให้พรพี่น้องมุสลิมได้ทำแต่สิ่งดี ๆตลอดทั้งเดือนรอนฎอน
นาย กฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นศาสนกิจที่ฝึกฝนให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจ ความอดทน ความเสมอภาค ความสามัคคี ความสมานฉันท์ ซึ่งในปีนี้การเริ่มถือศีลอดจะเริ่มในวันที่ 27 หรือ 28 มิถุนายนนี้ ตามประกาศจุฬาราชมนตรี
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวขอบคุณ ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญ การประกอบศาสนกิจ ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม จึงได้จัดมอบผลอินทผาลัม ให้แก่มัสยิดต่าง ๆ ในจังหวัดสงขลา ได้รับประทานในช่วงถือศีลอด และเพื่อให้ผู้ที่ถือศีลอดในเดือนรอนฎอนได้ถือปฏิบัติตามแบบฉบับของท่าน ศาสดาได้อย่างสมบูรณ์ และมีพลานามัย สุขภาพแข็งแรง สามารถถือศีลอดได้ลุลวงตลอดทั้งเดือนด้วยดี และขอให้พี่น้องชาวไทยมุสลิม ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงถือศีลอดในเดือนรอมฎอนด้วยความยำเกรงต่อองค์อัลเลาะห์ ขอให้องค์อัลเลาะห์ให้พรพี่น้องมุสลิมได้ทำแต่สิ่งดี ๆตลอดทั้งเดือนรอนฎอน
จังหวัดสตูลจัดกิจกรรมการออกหน่วยบริการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนในเขตพื้นที่ หมู่ ๑๑ บ้านปาล์มไทย ต.ควนกาหลง
นายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล นำเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการต่างๆ ร่วมกิจกรรมการออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ครั้งที่ ๖ ประจำปี ๒๕๕๗ เพื่อนำบริการเชิงรุกไปบริการประชาชนในท้องที่ห่างไกลทุรกันดาร ณ ศาลาอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน บ้านปาล์มไทย หมู่ที่ ๑๑ ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล
ภายในงานมีกิจกรรมจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ บูธนิทรรศการ การจำหน่ายสินค้า OTOP แจกพันธุ์กล้าไม้แก่เกษตรกร การรับชำระภาษีรถประจำปี การสาธิตการประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น จากนั้นมีการมอบเงินสงเคราะห์และทุนการศึกษาแก่เด็กที่ด้อยโอกาส จำนวน ๒๐ ทุน และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสตูลยังได้มอบข้าวสารและแว่นตาแก่ผู้สูงวัยในพื้นที่อีกด้วย
สำหรับตำบลควนกาหลง มีครัวเรือน ๔,๙๕๕ ครัวเรือน ๑๑ หมู่บ้าน ประชากร ๑๔,๒๓๐ คน ราษฎรประกอบอาชีพเกษตรกรรม สวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน สวนผลไม้ เลี้ยงสัตว์ ประชากรส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธประมาณร้อยละ ๖๐% ศาสนาอิสลามประมาณร้อยละ ๔๐% ไม่มีความขัดแย้งทางด้านเชื้อชาติศาสนา ดำรงชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็ยังคงมีปัญหาในพื้นที่ ได้แก่ ปัญหาเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ทำกิน ที่อยู่อาศัย ปัญหาความต้องการหน่วยงานรับผิดชอบเกี่ยวกับป่าไม้ตั้งสำนักงานบริเวณน้ำตกดาวกระจาย ปัญหาการก่อสร้างถนนลาดยางสายบ้านส้านแดงถึงแค้มป์ขี้พร้า และปัญหาการขยายเขตไฟฟ้าเข้าน้ำตกดาวกระจาย ซึ่งทางจังหวัดรับทราบปัญหาและจะนำเสนอที่ประชุมระดับเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป
ภายในงานมีกิจกรรมจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ บูธนิทรรศการ การจำหน่ายสินค้า OTOP แจกพันธุ์กล้าไม้แก่เกษตรกร การรับชำระภาษีรถประจำปี การสาธิตการประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น จากนั้นมีการมอบเงินสงเคราะห์และทุนการศึกษาแก่เด็กที่ด้อยโอกาส จำนวน ๒๐ ทุน และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสตูลยังได้มอบข้าวสารและแว่นตาแก่ผู้สูงวัยในพื้นที่อีกด้วย
สำหรับตำบลควนกาหลง มีครัวเรือน ๔,๙๕๕ ครัวเรือน ๑๑ หมู่บ้าน ประชากร ๑๔,๒๓๐ คน ราษฎรประกอบอาชีพเกษตรกรรม สวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน สวนผลไม้ เลี้ยงสัตว์ ประชากรส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธประมาณร้อยละ ๖๐% ศาสนาอิสลามประมาณร้อยละ ๔๐% ไม่มีความขัดแย้งทางด้านเชื้อชาติศาสนา ดำรงชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็ยังคงมีปัญหาในพื้นที่ ได้แก่ ปัญหาเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน ทำกิน ที่อยู่อาศัย ปัญหาความต้องการหน่วยงานรับผิดชอบเกี่ยวกับป่าไม้ตั้งสำนักงานบริเวณน้ำตกดาวกระจาย ปัญหาการก่อสร้างถนนลาดยางสายบ้านส้านแดงถึงแค้มป์ขี้พร้า และปัญหาการขยายเขตไฟฟ้าเข้าน้ำตกดาวกระจาย ซึ่งทางจังหวัดรับทราบปัญหาและจะนำเสนอที่ประชุมระดับเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป
กนกพิชญ์ / ข่าว
ส.ปชส.สตูล
ส.ปชส.สตูล
หอการค้าจังหวัดจัดงานสตูลฟันแฟร์ ส่งเสริมการลงทุนหวังกระตุ้นเศรษฐกิจสตูลเปิดประตูสู่อาเซียน
นายวิทชัย อรุณอร่ามศักดิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดสตูล จัดงาน "สตูลฟันแฟร์” ครั้งที่ ๓ ประจำปี ๒๕๕๗ ในวันที่ ๑๙ - ๒๑ มิ.ย. นี้ ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดสตูล เพื่อส่งเสริมการค้า พัฒนาเศรษฐกิจ และให้ความรู้ด้านธุรกิจ เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สมาชิก และผู้ประกอบการทั่วไปภายในจังหวัดสตูล อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และระดับประเทศต่อไป โดยมีนายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธาน
กิจกรรมต่างๆ ภายในงาน อาทิ การจำหน่ายและแสดงสินค้าจากผู้ประกอบการรายย่อย การจำหน่ายสินค้า OTOP กิจกรรมบนเวที การประกวดร้องเพลง การแสดงศิลปะพื้นบ้าน บูธของธนาคารรัฐและพาณิชย์ บูธของชมรมประกันภัย ธุรกิจประกันสุขภาพ ธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจเฟรนไชน์ เป็นต้น
โอกาสนี้ นายวิทชัย อรุณอร่ามศักดิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดสตูล กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการในจังหวัดสตูล มีช่องทางให้การจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนมีการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคการประกอบธุรกิจ แนะนำอาชีพใหม่ๆ ในรูปแบบแฟรนไชส์ที่กำลังเป็นที่นิยม เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดสตูล และสามารถพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในจังหวัด เพื่อเป็นการยกระดับขีดความสารถสู่การแข่งขันในตลาดสากล และเป็นจุดเริ่มต้นการเปิดประตูสู่อาเซียนในอนาคตต่อไป
กิจกรรมต่างๆ ภายในงาน อาทิ การจำหน่ายและแสดงสินค้าจากผู้ประกอบการรายย่อย การจำหน่ายสินค้า OTOP กิจกรรมบนเวที การประกวดร้องเพลง การแสดงศิลปะพื้นบ้าน บูธของธนาคารรัฐและพาณิชย์ บูธของชมรมประกันภัย ธุรกิจประกันสุขภาพ ธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจเฟรนไชน์ เป็นต้น
โอกาสนี้ นายวิทชัย อรุณอร่ามศักดิ์ ประธานหอการค้าจังหวัดสตูล กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการในจังหวัดสตูล มีช่องทางให้การจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนมีการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคการประกอบธุรกิจ แนะนำอาชีพใหม่ๆ ในรูปแบบแฟรนไชส์ที่กำลังเป็นที่นิยม เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดสตูล และสามารถพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการในจังหวัด เพื่อเป็นการยกระดับขีดความสารถสู่การแข่งขันในตลาดสากล และเป็นจุดเริ่มต้นการเปิดประตูสู่อาเซียนในอนาคตต่อไป
กนกพิชญ์ / ข่าว
ส.ปชส.สตูล
ส.ปชส.สตูล
ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เร่งดำเนินการแผนสร้างความปรองดองสมานฉันท์ระหว่างภาครัฐกับประชาชน ตามนโยบายของ คสช.
นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลและผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดสตูล เชิญหัวหน้าส่วนราชการ แกนนำท้องถิ่นจาก ๗ อำเภอ ตำรวจ ทหาร และแกนนำทางการเมืองทุกฝ่ายกว่า ๑๐๐ คน ร่วมดื่มกาแฟยามเช้า ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด อ.เมือง จ.สตูล เพื่อร่วมปรึกษาหารือในการปรองดองสมานฉันท์ระหว่างภาครัฐกับประชาชน ตามประกาศของ คสช.ที่ ๒๒/๒๕๕๗ ซึ่งได้มอบหมายภารกิจสำคัญเร่งด่วนของประเทศในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ และแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนในระดับพื้นที่ เสริมสร้างความรักความสามัคคีปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้สังคมไทยและปฏิรูปการเมือง ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนทุกฝ่าย
โอกาสนี้ นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในวันนี้ จะดำเนินการขับเคลื่อนและเร่งรัดให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอำเภอ ได้เร่งดำเนินการให้เกิดผลชัดเจน ซึ่งขณะนี้หน่วยงานทั้งระดับจังหวัดและอำเภอต่างๆ ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว มีการจัดกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เน้นสร้างจิตสำนึก ในความรักความสามัคคี จากนั้นจะมีการจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงเจตนารมณ์และแนวทางดำเนินงานตามนโยบายของ คสช. เพื่อก่อให้เกิดความสงบสุขในจังหวัดสตูลต่อไป
กนกพิชญ์ / ข่าว
ส.ปชส.สตูล
ส.ปชส.สตูล
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557
การประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียครั้งที่ 4 ที่จังหวัดภูเก็ต
วันที่ 19 มิ.ย. 57 ที่โรงแรมเดอะเวสทิน สิเหร่เบย์ รีสอร์ท แอนด์สปา ภูเก็ต กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Bi-annual Meeting of the Indian Ocean Rim Association (IORA) Committee of Senior Officials) ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 19-20 มิ.ย. 57 โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียเข้าร่วมจำนวน 80 คน
นายชุตินทร คงศักดิ์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียมีขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก โดยประเด็นหลักที่มีการหารือร่วมกันได้แก่ ความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล การปราบปรามโจรสลัด การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การจัดการการประมง การลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศวิชาการและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย การท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเด็กและสตรี โดยคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสจะนำผลจากการประชุมเสนอเพื่อพิจารณาในที่ประชุมสภารัฐมนตรีกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 14 ในเดือนตุลาคม 2557 ที่เมืองเพิร์ท ออสเตรเลีย
สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือแบบไตรภาคีทั้งในระดับรัฐบาล เอกชน และวิชาการระหว่างประเทศสมาชิกในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ปัจจุบันมีประเทศสมาชิก 20 ประเทศ ครอบคลุมออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาตะวันออก
สำหรับไทย กรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียถือว่าเป็นหนึ่งในกรอบความร่วมมือที่เป็นกลไกในการส่งเสริมลู่ทางการค้าการลงทุน การประมงอย่างยั่งยืนและการเชื่อมโยงการคมนาคมทางทะเลของไทย เนื่องจากภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง มีประชากรรวมประมาณเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรโลกและเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ โดยเฉพาะทรัพยากรประมง ส่วนภูเก็ตถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดการประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสในครั้งนี้เนื่องจากตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ดังนั้น การจัดการประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ จึงเป็นการประชาสัมพันธ์ศักยภาพของภูเก็ตในเรื่องความพร้อมที่จะรองรับการจัดประชุมระดับนานาชาติ ตลอดจนประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในกลุ่มประเทศกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
นายชุตินทร คงศักดิ์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียมีขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก โดยประเด็นหลักที่มีการหารือร่วมกันได้แก่ ความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล การปราบปรามโจรสลัด การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การจัดการการประมง การลดความเสี่ยงของภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศวิชาการและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย การท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเด็กและสตรี โดยคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสจะนำผลจากการประชุมเสนอเพื่อพิจารณาในที่ประชุมสภารัฐมนตรีกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 14 ในเดือนตุลาคม 2557 ที่เมืองเพิร์ท ออสเตรเลีย
สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือแบบไตรภาคีทั้งในระดับรัฐบาล เอกชน และวิชาการระหว่างประเทศสมาชิกในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ปัจจุบันมีประเทศสมาชิก 20 ประเทศ ครอบคลุมออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาตะวันออก
สำหรับไทย กรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียถือว่าเป็นหนึ่งในกรอบความร่วมมือที่เป็นกลไกในการส่งเสริมลู่ทางการค้าการลงทุน การประมงอย่างยั่งยืนและการเชื่อมโยงการคมนาคมทางทะเลของไทย เนื่องจากภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง มีประชากรรวมประมาณเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรโลกและเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ โดยเฉพาะทรัพยากรประมง ส่วนภูเก็ตถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดการประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสในครั้งนี้เนื่องจากตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ดังนั้น การจัดการประชุมคณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ จึงเป็นการประชาสัมพันธ์ศักยภาพของภูเก็ตในเรื่องความพร้อมที่จะรองรับการจัดประชุมระดับนานาชาติ ตลอดจนประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจังหวัดภูเก็ตให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในกลุ่มประเทศกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
เกษตรจังหวัดภูเก็ตจัดสัมมนาและเจรจาเชื่อมโยงธุรกิจโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต เพื่อหวังให้สับปะรดภูเก็ตให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 มิ.ย.57 ที่โรงแรมภูเก็ตการ์เด้นท์ ถ.บางกอก ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง
จ.ภูเก็ต นายสงกรานต์ ภักดีคง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดการสัมมนาและเจรจาเชื่อมโยงธุรกิจโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต โดยมี นายสนิท พลปัถพี เกษตรจังหวัดภูเก็ต เกษตรกรในจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายสนิท กล่าวว่า สับปะรดภูเก็ต เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดภูเก็ตมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างจากสับปะรดในแหล่งอื่น คือ รสหวาน กรอบ กลิ่นหอม เนื้อสีเหลืองตลอดทั้งผล เนื้อใยน้อย แกนผลกรอบรับประทานได้ จากคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งเป็นผลผลิต ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ทำให้ได้รับการคุ้มครองและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการสับปะรดภูเก็ต แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 สำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต ได้รับงบประมาณตามแผนพัฒนาจังหวัด ดำเนินงานโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต เพื่อพัฒนาและสร่งความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดภูเก็ต พัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดสับปะรดภูเก็ต ให้เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในระบบการควบคุมคุณภาพและข้อตกลงของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต ตาม พรบ. คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ.2546 และเพื่อประชาสัมพันธ์พืชเศรษฐกิจประจำถิ่น รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตที่มีคุณภาพ การพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดภูเก็ต และการสัมมนาพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต
นายสนิท กล่าวต่ออีกว่า สำหรับสับปะรดภูเก็ตเป็นตัวสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก และเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
ด้าน นายสงกรานต์ กล่าวว่า สับปะรดภูเก็ตเป็นพืชของดีเมืองภูเก็ต ที่ควบคู่กับการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางธรรมชาติและผสมผสานภูมิปัญญาที่สืบทอดมานาน และเป็นที่น่ายินดีที่สับปะรดภูเก็ตได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ได้รับการคุ้มครองทางทรัพย์สินและภูมิปัญญาของเกษตรกร ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ.2558 จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มตัว ทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูเก็ต และผู้ประกอบการสับปะรดภูเก็ตอย่างมาก
สำหรับการพัฒนาสับปะรดภูเก็ต จะต้องมียุทธศาสตร์ในหลาย ๆ ด้าน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กระบวนการผลิต จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของ พรบ.คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ต้องผ่านมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย และรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสับปะรดภูเก็ต ความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ เกษตรกรจะต้องรวมกลุ่มวางแผนการผลิตและการตลาดร่วมกัน มีข้อกำหนดและเงื่อนไขของกลุ่มเป็นแนวทางปฏิบัติ ในเรื่องการตลาด ปัจจุบันยังไม่มีแหล่งหรือจุดจำหน่ายสับปะรดภูเก็ตที่ปลูกในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะเลยแยกแยะไม่ได้ว่าผลผลิตใดเป็นสับปะรดภูเก็ต ผลผลิตใดเป็นสับปะรดจากแหล่งอื่น ดังนั้นควรจะจัดตั้งจุดจำหน่ายสับปะรดภูเก็ตเฉพาะ ในการวางแผนการตลาด ต้องมองถึงรูปแบบการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิต รูปแบบการจำหน่าย รวมทั้งการส่งออกต่างประเทศด้วย การประชาสัมพันธ์ เป็นช่องทางหนึ่งที่จะส่งเสริมให้สับปะรดภูเก็ตมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น การพัฒนาสับปะรดภูเก็ต ในเชิงบูรณาการทุกหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะเป็นแนวทางที่สำคัญที่จะผลักดันให้สับปะรดภูเก็ตก้าวหน้ายิ่งขึ้น
จ.ภูเก็ต นายสงกรานต์ ภักดีคง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดการสัมมนาและเจรจาเชื่อมโยงธุรกิจโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต โดยมี นายสนิท พลปัถพี เกษตรจังหวัดภูเก็ต เกษตรกรในจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายสนิท กล่าวว่า สับปะรดภูเก็ต เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดภูเก็ตมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างจากสับปะรดในแหล่งอื่น คือ รสหวาน กรอบ กลิ่นหอม เนื้อสีเหลืองตลอดทั้งผล เนื้อใยน้อย แกนผลกรอบรับประทานได้ จากคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งเป็นผลผลิต ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ทำให้ได้รับการคุ้มครองและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการสับปะรดภูเก็ต แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 สำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต ได้รับงบประมาณตามแผนพัฒนาจังหวัด ดำเนินงานโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต เพื่อพัฒนาและสร่งความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดภูเก็ต พัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดสับปะรดภูเก็ต ให้เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในระบบการควบคุมคุณภาพและข้อตกลงของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต ตาม พรบ. คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ.2546 และเพื่อประชาสัมพันธ์พืชเศรษฐกิจประจำถิ่น รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตที่มีคุณภาพ การพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดภูเก็ต และการสัมมนาพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต
นายสนิท กล่าวต่ออีกว่า สำหรับสับปะรดภูเก็ตเป็นตัวสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก และเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
ด้าน นายสงกรานต์ กล่าวว่า สับปะรดภูเก็ตเป็นพืชของดีเมืองภูเก็ต ที่ควบคู่กับการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางธรรมชาติและผสมผสานภูมิปัญญาที่สืบทอดมานาน และเป็นที่น่ายินดีที่สับปะรดภูเก็ตได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ได้รับการคุ้มครองทางทรัพย์สินและภูมิปัญญาของเกษตรกร ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ.2558 จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มตัว ทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูเก็ต และผู้ประกอบการสับปะรดภูเก็ตอย่างมาก
สำหรับการพัฒนาสับปะรดภูเก็ต จะต้องมียุทธศาสตร์ในหลาย ๆ ด้าน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กระบวนการผลิต จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของ พรบ.คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ต้องผ่านมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย และรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสับปะรดภูเก็ต ความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ เกษตรกรจะต้องรวมกลุ่มวางแผนการผลิตและการตลาดร่วมกัน มีข้อกำหนดและเงื่อนไขของกลุ่มเป็นแนวทางปฏิบัติ ในเรื่องการตลาด ปัจจุบันยังไม่มีแหล่งหรือจุดจำหน่ายสับปะรดภูเก็ตที่ปลูกในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะเลยแยกแยะไม่ได้ว่าผลผลิตใดเป็นสับปะรดภูเก็ต ผลผลิตใดเป็นสับปะรดจากแหล่งอื่น ดังนั้นควรจะจัดตั้งจุดจำหน่ายสับปะรดภูเก็ตเฉพาะ ในการวางแผนการตลาด ต้องมองถึงรูปแบบการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิต รูปแบบการจำหน่าย รวมทั้งการส่งออกต่างประเทศด้วย การประชาสัมพันธ์ เป็นช่องทางหนึ่งที่จะส่งเสริมให้สับปะรดภูเก็ตมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น การพัฒนาสับปะรดภูเก็ต ในเชิงบูรณาการทุกหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะเป็นแนวทางที่สำคัญที่จะผลักดันให้สับปะรดภูเก็ตก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจัดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์สื่อมวลชนภูเก็ต
เมื่อคืนวันที่ 18 มิ.ย. 57 ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ พล.ต.ท. ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นประธานเปิดการสร้างสรรค์สื่อมวลชนและตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยมี พล.ต.ต. กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายบุญรัตน์ อภิวันทนากร ประธานชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สื่อมวลชนเข้าร่วม
พล.ต.ต. กระจ่าง กล่าวว่า ภายหลังตนเองได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้มารักษาราชการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต แต่ยังไม่มีโอกาสได้พบปะกับสื่อมวลชนภูเก็ต เนื่องจากภารกิจด้านการจัดระเบียบแท็กซี่ป้ายดำและกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ซึ่งกระบวนการดำเนินงานคืบหน้าไปมาก จึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนภูเก็ตที่เป็นองค์กรที่คอยขับเคลื่อนการทำงานให้กับประชาชนได้รับทราบ อย่างไรก็ตามในบางโอกาส การทำงานระหว่างสื่อมวลชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะไม่เข้าใจกันบ้างถือเป็นเรื่องปกติเหมือนลิ้นกับฟัน แต่เมื่อมีการพูดคุยกันด้วยเหตุผลและแนวทางการปฏิบัติงานทุกฝ่ายก็เข้าใจตรงกัน
พล.ต.ต. กระจ่าง กล่าวว่า ภายหลังตนเองได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้มารักษาราชการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต แต่ยังไม่มีโอกาสได้พบปะกับสื่อมวลชนภูเก็ต เนื่องจากภารกิจด้านการจัดระเบียบแท็กซี่ป้ายดำและกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ซึ่งกระบวนการดำเนินงานคืบหน้าไปมาก จึงมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนภูเก็ตที่เป็นองค์กรที่คอยขับเคลื่อนการทำงานให้กับประชาชนได้รับทราบ อย่างไรก็ตามในบางโอกาส การทำงานระหว่างสื่อมวลชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะไม่เข้าใจกันบ้างถือเป็นเรื่องปกติเหมือนลิ้นกับฟัน แต่เมื่อมีการพูดคุยกันด้วยเหตุผลและแนวทางการปฏิบัติงานทุกฝ่ายก็เข้าใจตรงกัน
ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมทหาร ฝ่ายปกครองจังหวัด อาสาสมัครรักษาดินแดน และอาสาสมัครประชาชน กว่า 350 คน ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 18-24 มิ.ย.นี้ สนับสนุนนโยบาย คสช. เพื่อให้เกิดความสงบ สร้างความปรองดองสมานฉันท์ขึ้นในประเทศ
เมื่อเวลา 16.00 น. เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่บริเวณลานจอดรถสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ท. ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย นาย ไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต. กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รอง ผบช.ภ.8 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.อ.สมชาย โปณะทอง ผู้บังคับการศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 41 จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมเป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม เพื่อสนับสนุนนโยบายของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยปรองดอง สมานฉันท์ขึ้นในประเทศ
โดยทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้บูรณาการร่วมกับสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครองจังหวัด กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต ตำรวจสันติบาลภูเก็ต กองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอเมือง และจังหวัดภูเก็ต และอาสาสมัครภาคประชาชน รวมกว่า350 คน ร่วมระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 18-24 มิ.ย.57 โดยมีเป้าหมายเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดที่จะนำมาใช้สร้างความรุนแรงในพื้นที่
พล.ต.ท. ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เข้าควบคุมการบริหารประเทศ เพื่อยับยั้ง และยุติความรุนแรงที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้นก็ได้มีการขอความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และประชาชน ทุกฝ่ายในการสร้างความสามัคคี เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความสงบ ปรองดอง สมานฉันท์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่อาจไม่หวังดีต่อประเทศชาติพยายามดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดความไม่สงบขึ้น ตามที่ได้ปรากฏในข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่มีความคิดเห็นแตกต่าง และมีแนวโน้มที่จะมีการระดมแนวร่วมออกมาเคลื่อนไหวหรือจัดกิจกรรมในช่วงวันที่ 19-21 มิ.ย.57 ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์และนโยบาย และอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายดังกล่าวของหัวหน้า คสช.และเพื่อให้การดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงได้กำหนดระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่18-24 มิ.ย.นี้ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดที่จะนำมาใช้สร้างความรุนแรงในพื้นที่
โดยทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้บูรณาการร่วมกับสถานีตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครองจังหวัด กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต ตำรวจสันติบาลภูเก็ต กองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอเมือง และจังหวัดภูเก็ต และอาสาสมัครภาคประชาชน รวมกว่า350 คน ร่วมระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 18-24 มิ.ย.57 โดยมีเป้าหมายเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดที่จะนำมาใช้สร้างความรุนแรงในพื้นที่
พล.ต.ท. ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 กล่าวว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เข้าควบคุมการบริหารประเทศ เพื่อยับยั้ง และยุติความรุนแรงที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้นก็ได้มีการขอความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และประชาชน ทุกฝ่ายในการสร้างความสามัคคี เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความสงบ ปรองดอง สมานฉันท์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่อาจไม่หวังดีต่อประเทศชาติพยายามดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดความไม่สงบขึ้น ตามที่ได้ปรากฏในข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่มีความคิดเห็นแตกต่าง และมีแนวโน้มที่จะมีการระดมแนวร่วมออกมาเคลื่อนไหวหรือจัดกิจกรรมในช่วงวันที่ 19-21 มิ.ย.57 ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์และนโยบาย และอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายดังกล่าวของหัวหน้า คสช.และเพื่อให้การดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงได้กำหนดระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่18-24 มิ.ย.นี้ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดที่จะนำมาใช้สร้างความรุนแรงในพื้นที่
จังหวัดภูเก็ต ร่วมลงนามความร่วมมือกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด บันทึกศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับศูนย์ประสานงานเฝ้าระวังรักษาความสงบสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต จัดประชุมสร้างความเข้าใจ ปรองดองสมานฉันท์ ครู บุคลากรและเครือข่ายทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต
วันที่ 19 มิ.ย.57 ที่ห้องประชุมพระพิทักษ์ โรงแรมเมโทรโพล อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ครู บุคลากร และเครือข่ายทางการศึกษาในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม จำนวน 1,250 คน
นายไมตรี ได้มอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานภายใต้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. แก่ผู้เข้าร่วมในครั้งด้วยกิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักเป็นพลเมืองดี มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ให้เกิดขึ้นในโรงเรียนและหน่วยงาน รวมถึงเพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้ดำรงชีวิตบนพื้นฐานของความพอเพียงน้อมนำโครงการพระราชดำริมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเพื่อปลูกฝังและเสริมสร้างกระบวนการคิดซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาสังคมให้เกิดความรักความสามัคคี ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
สำหรับวาระการประชุมในครั้งนี้ นอกจาก การมอบนโยบายภายใต้การบริหารราชการของ คสช. โดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังประกอบด้วย Road Map การปฏิบัติงานการจัดการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ตโดยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต /บทบาทสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต พร้อมกันนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมยังได้ร่วมร้องเพลงประสานเสียงเพลงสามัคคีชุมนุม และกล่าวคำปฏิญาณการสร้างความปรองดองสมานฉันท์อีกด้วย
นายไมตรี ได้มอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานภายใต้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. แก่ผู้เข้าร่วมในครั้งด้วยกิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักเป็นพลเมืองดี มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ให้เกิดขึ้นในโรงเรียนและหน่วยงาน รวมถึงเพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้ดำรงชีวิตบนพื้นฐานของความพอเพียงน้อมนำโครงการพระราชดำริมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเพื่อปลูกฝังและเสริมสร้างกระบวนการคิดซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาสังคมให้เกิดความรักความสามัคคี ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
สำหรับวาระการประชุมในครั้งนี้ นอกจาก การมอบนโยบายภายใต้การบริหารราชการของ คสช. โดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยังประกอบด้วย Road Map การปฏิบัติงานการจัดการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ตโดยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต /บทบาทสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต พร้อมกันนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมยังได้ร่วมร้องเพลงประสานเสียงเพลงสามัคคีชุมนุม และกล่าวคำปฏิญาณการสร้างความปรองดองสมานฉันท์อีกด้วย
จังหวัดภูเก็ต ร่วมลงนามความร่วมมือกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด บันทึกข้อตกลงร่วมกันเป็นผู้นำในการดำเนินงานโครงการทูบีนัมเบอร์วันเพื่อสังคมภูเก็ตอยู่ดี มีสุข
วันที่ 19 มิ.ย. 57 ที่โรงเรมเมโทรโพล นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายชลำ อรรถธรรม ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกันที่จะเป็นผุ้นำในการดำเนินงานโครงการ ทูบีนัมเบอร์วัน โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อสังคมภูเก็ตอยู่ดี มีสุข เด็กและเยาวชน ปลอดภัย เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เก่ง ดี มีความสุขและไม่พึ่งยาเสพติด
นายชลำ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตน้อมรับโครงการทูบีนัมเบอร์วัน (โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด) ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีมาดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 ภายใต้แนวคิด “เป็นหนึ่งไยม่พึ่งยาเสพติด” แต่การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดจากสังคมไทยไม่สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้ด้วยการทำงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่ทุกองค์กร ทุกฝ่ายต้องร่วมช่วยกันและรวมมตัวกันของผู้มีความตั้งใจที่จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะทำให้เกิดพลัง ในการร่วมกันป้องกันปัญหายาเสพติดอย่างเข้มแข็ง
สำหรับหน่วยงานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ตที่ร่วมบันทึกข้อตกลงมี 8 กลุ่ม เครือข่ายรวม 49 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยเนื้อหาของข้อตกลงร่วมกันระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต คือ ร่วมกันดำเนินงานโครงการทูบีนัมเบอร์วันในฐานะจังหวัดทูบีนัมเบอร์วันต้นแบบระดับเพชร เพื่อให้สังคมภูเก็ต อยู่ดี มีสุข เด็กและเยาวชนปลอดภัย เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เก่งดีและมีสุข โดยมีระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามและสามารถขยายเวลาโดยความเห็นชอบร่วมกัน
นายชลำ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตน้อมรับโครงการทูบีนัมเบอร์วัน (โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด) ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีมาดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 ภายใต้แนวคิด “เป็นหนึ่งไยม่พึ่งยาเสพติด” แต่การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดจากสังคมไทยไม่สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้ด้วยการทำงานขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่ทุกองค์กร ทุกฝ่ายต้องร่วมช่วยกันและรวมมตัวกันของผู้มีความตั้งใจที่จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จะทำให้เกิดพลัง ในการร่วมกันป้องกันปัญหายาเสพติดอย่างเข้มแข็ง
สำหรับหน่วยงานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ตที่ร่วมบันทึกข้อตกลงมี 8 กลุ่ม เครือข่ายรวม 49 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยเนื้อหาของข้อตกลงร่วมกันระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต คือ ร่วมกันดำเนินงานโครงการทูบีนัมเบอร์วันในฐานะจังหวัดทูบีนัมเบอร์วันต้นแบบระดับเพชร เพื่อให้สังคมภูเก็ต อยู่ดี มีสุข เด็กและเยาวชนปลอดภัย เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เก่งดีและมีสุข โดยมีระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามและสามารถขยายเวลาโดยความเห็นชอบร่วมกัน
พ่อเมืองภูเก็ตนำเวทีกาแฟยามเช้าเสริมกิจกรรมปรองดองสมานฉันท์ส่วนราชการ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. 57 ที่โรงแรมเมโทรโพลภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานร่วมกิจกรรมกาแฟยามเช้า โดยมีนายชลำ อรรถธรรม ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา เข้าร่วม
นายชลำ กล่าวว่า กิจกรรมกาแฟยามเช้า เป็นนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ต้องการให้หัวหน้าส่วนราชการได้มาพบปะสร้างความปรองดองแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือน โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ของปี 2557 เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต เป็นเจ้าภาพโดยเจ้าภาพครั้งต่อไป ที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพ อย่างไรก็ตามการพบปะของหัวหน้าส่วนราชการถือเป็นสิ่งที่ดี ที่จะใช้เวลาก่อนปฏิบัติราชการมาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น นำสู่การช่วยเหลือ รับทราบความเคลื่อนไหวแต่ละส่วนราชการ ที่สำคัญช่วงนี้อยู่ในช่วงการปรองดอง การใช้เวทีกาแฟยามเช้าจึงเป็นเป็นอีกแนวนโยบายหนึ่งของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ส่วนราชการไปจัดกิจกรรมในสังคมและชุมชนที่รับผิดชอบ
นายชลำ กล่าวว่า กิจกรรมกาแฟยามเช้า เป็นนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ต้องการให้หัวหน้าส่วนราชการได้มาพบปะสร้างความปรองดองแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือน โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ของปี 2557 เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต เป็นเจ้าภาพโดยเจ้าภาพครั้งต่อไป ที่ทำการปกครองจังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพ อย่างไรก็ตามการพบปะของหัวหน้าส่วนราชการถือเป็นสิ่งที่ดี ที่จะใช้เวลาก่อนปฏิบัติราชการมาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น นำสู่การช่วยเหลือ รับทราบความเคลื่อนไหวแต่ละส่วนราชการ ที่สำคัญช่วงนี้อยู่ในช่วงการปรองดอง การใช้เวทีกาแฟยามเช้าจึงเป็นเป็นอีกแนวนโยบายหนึ่งของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างความเข้าใจและให้ส่วนราชการไปจัดกิจกรรมในสังคมและชุมชนที่รับผิดชอบ
จัดหางานจังหวัดภูเก็ตจัดงานนัดพบตลาดเงินเชิงคุณภาพ “e-jobs@phuket 2014” ประจำปี 2557ตำแหน่งงานว่าง จำนวน 610 ตำแหน่ง กว่า 3,905 อัตรา
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 มิ.ย.57 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต นาย ไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานนัดพบตลาดเงินเชิงคุณภาพ จังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2557 ภายใต้ชื่อ “e-jobs@phuket 2014” ซึ่งจัดโดย สำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันนี้ 19 – 20 มิ.ย.57 นี้ โดยมี นาง เยาวภา พิบูลย์ผล จัดหางานจังหวัดภูเก็ต นายสุทธิพงศ์ สายสาคเรศ แรงงานจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ. อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้ว่างงาน เข้าร่วม
นางเยาวภา กล่าวถึงการจัดงานวัตถุประสงค์การจัดงานครั้งนี้ว่า เพื่อเพิ่มโอกาสการมีงานทำให้แก่ ผู้ประสงค์จะหางานทำ ผู้ว่างงาน ผู้ถูกเลิกจ้างงาน ผู้ต้องการเปลี่ยนงาน และผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ รวมทั้งให้ผู้สมัครงานได้ทราบแหล่งการจ้างงาน แนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อนำไปเป็นแนวทางเตรียมตัวเข้าสู่ การจ้างงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับการจัดงานนัดพบตลาดแรงงานในครั้งนี้ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาให้บริการสมัครงานซึ่งผู้สมัครงานสามารถสมัครงานล่วงหน้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องเสียเวลากรอกแบบขึ้นทะเบียนหางานและใบสมัครงานเหมือนการจัดงานนัดพบแรงงานที่ผ่านมา ในส่วนของนายจ้างที่เข้าร่วมสามารถประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานว่างที่ต้องการรับสมัครงานได้ล่วงหน้าผ่านอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน และเรียกดูประวัติของผู้สมัครงานกลับไปพิจารณาคัดเลือกใหม่ได้ ทำให้ผู้สมัครงาน นายจ้างได้รับความสะดวก ลดขั้นตอน ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการสมัครงานอีกด้วย
นางเยาวภา กล่าวต่ออีกว่า การ “e-jobs@phuket 2014” ในครั้งนี้ มีนายจ้างมาเข้าร่วมสัมภาษณ์ในงาน จำนวน 50 บริษัท นายจ้างไม่มาสัมภาษณ์ 13 บริษัท ตำแหน่งงานว่าง จำนวน 610 ตำแหน่ง 3,905 กว่าอัตรา โดยมีผู้สมัครงานลงทะเบียนล่วงหน้าทางอินเตอร์เน็ตก่อนวันงาน จำนวน 596 คน และคาดว่าผู้สมัครงานสามารถบรรจุงานได้ทันทีประมาณ 300 คน ซึ่งนายจ้างที่เข้าร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นประเภทโรงแรมและการท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจรถยนต์ บริการด้านสปา และอื่น ๆ
นอกจากการรับสมัครงานแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานสร้างรายได้ให้แก่ผู้มาร่วมงาน เช่น การทดสอบความทางอาชีพ แนะแนวอาชีพ การเขียนใบสมัครงาน เทคนิคการสัมภาษณ์งาน การให้ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน การสาธิตการประกอบอาชีพอิสระที่น่าสนใจ 7 อาชีพ ประกอบด้วย การทำซูชิ การทำส้มตำผลไม้ การประดิษฐ์สิ่งของจากไหมพรม การดัดลูกโป่ง การประดิษฐ์งานรีไซเคิลจากขวดพลาสติก การตัดเย็บกระเป๋าสตางค์จากเศษผ้า การทำถุงหอมดับกลิ่น เป็นต้น
ด้าน นายไมตรี อินทุสต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวฝากถึงผู้ที่มาสมัครงาน ว่า ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น ตั้งใจ ใส่ใจ ฝ่าฟันอุปสรรค และสู้อย่างไม่ถอยในการการทำงาน เพื่อที่จะให้ทำงานออกมามีประสิทธิภาพและจะได้มีอาชีพการงานที่ก้าวหน้าตลอดไป
นางเยาวภา กล่าวถึงการจัดงานวัตถุประสงค์การจัดงานครั้งนี้ว่า เพื่อเพิ่มโอกาสการมีงานทำให้แก่ ผู้ประสงค์จะหางานทำ ผู้ว่างงาน ผู้ถูกเลิกจ้างงาน ผู้ต้องการเปลี่ยนงาน และผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ รวมทั้งให้ผู้สมัครงานได้ทราบแหล่งการจ้างงาน แนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อนำไปเป็นแนวทางเตรียมตัวเข้าสู่ การจ้างงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับการจัดงานนัดพบตลาดแรงงานในครั้งนี้ได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาให้บริการสมัครงานซึ่งผู้สมัครงานสามารถสมัครงานล่วงหน้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องเสียเวลากรอกแบบขึ้นทะเบียนหางานและใบสมัครงานเหมือนการจัดงานนัดพบแรงงานที่ผ่านมา ในส่วนของนายจ้างที่เข้าร่วมสามารถประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานว่างที่ต้องการรับสมัครงานได้ล่วงหน้าผ่านอินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน และเรียกดูประวัติของผู้สมัครงานกลับไปพิจารณาคัดเลือกใหม่ได้ ทำให้ผู้สมัครงาน นายจ้างได้รับความสะดวก ลดขั้นตอน ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการสมัครงานอีกด้วย
นางเยาวภา กล่าวต่ออีกว่า การ “e-jobs@phuket 2014” ในครั้งนี้ มีนายจ้างมาเข้าร่วมสัมภาษณ์ในงาน จำนวน 50 บริษัท นายจ้างไม่มาสัมภาษณ์ 13 บริษัท ตำแหน่งงานว่าง จำนวน 610 ตำแหน่ง 3,905 กว่าอัตรา โดยมีผู้สมัครงานลงทะเบียนล่วงหน้าทางอินเตอร์เน็ตก่อนวันงาน จำนวน 596 คน และคาดว่าผู้สมัครงานสามารถบรรจุงานได้ทันทีประมาณ 300 คน ซึ่งนายจ้างที่เข้าร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นประเภทโรงแรมและการท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจรถยนต์ บริการด้านสปา และอื่น ๆ
นอกจากการรับสมัครงานแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานสร้างรายได้ให้แก่ผู้มาร่วมงาน เช่น การทดสอบความทางอาชีพ แนะแนวอาชีพ การเขียนใบสมัครงาน เทคนิคการสัมภาษณ์งาน การให้ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน การสาธิตการประกอบอาชีพอิสระที่น่าสนใจ 7 อาชีพ ประกอบด้วย การทำซูชิ การทำส้มตำผลไม้ การประดิษฐ์สิ่งของจากไหมพรม การดัดลูกโป่ง การประดิษฐ์งานรีไซเคิลจากขวดพลาสติก การตัดเย็บกระเป๋าสตางค์จากเศษผ้า การทำถุงหอมดับกลิ่น เป็นต้น
ด้าน นายไมตรี อินทุสต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวฝากถึงผู้ที่มาสมัครงาน ว่า ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น ตั้งใจ ใส่ใจ ฝ่าฟันอุปสรรค และสู้อย่างไม่ถอยในการการทำงาน เพื่อที่จะให้ทำงานออกมามีประสิทธิภาพและจะได้มีอาชีพการงานที่ก้าวหน้าตลอดไป
เกษตรจังหวัดภูเก็ตจัดสัมมนาและเจรจาเชื่อมโยงธุรกิจโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต เพื่อหวังให้สับปะรดภูเก็ตให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 มิ.ย.57 ที่โรงแรมภูเก็ตการ์เด้นท์ ถ.บางกอก ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง
จ.ภูเก็ต นายสงกรานต์ ภักดีคง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดการสัมมนาและเจรจาเชื่อมโยงธุรกิจโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต โดยมี นายสนิท พลปัถพี เกษตรจังหวัดภูเก็ต เกษตรกรในจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายสนิท กล่าวว่า สับปะรดภูเก็ต เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดภูเก็ตมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างจากสับปะรดในแหล่งอื่น คือ รสหวาน กรอบ กลิ่นหอม เนื้อสีเหลืองตลอดทั้งผล เนื้อใยน้อย แกนผลกรอบรับประทานได้ จากคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งเป็นผลผลิต ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ทำให้ได้รับการคุ้มครองและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการสับปะรดภูเก็ต แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 สำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต ได้รับงบประมาณตามแผนพัฒนาจังหวัด ดำเนินงานโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต เพื่อพัฒนาและสร่งความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดภูเก็ต พัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดสับปะรดภูเก็ต ให้เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในระบบการควบคุมคุณภาพและข้อตกลงของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต ตาม พรบ. คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ.2546 และเพื่อประชาสัมพันธ์พืชเศรษฐกิจประจำถิ่น รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตที่มีคุณภาพ การพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดภูเก็ต และการสัมมนาพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต
นายสนิท กล่าวต่ออีกว่า สำหรับสับปะรดภูเก็ตเป็นตัวสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก และเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
ด้าน นายสงกรานต์ กล่าวว่า สับปะรดภูเก็ตเป็นพืชของดีเมืองภูเก็ต ที่ควบคู่กับการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางธรรมชาติและผสมผสานภูมิปัญญาที่สืบทอดมานาน และเป็นที่น่ายินดีที่สับปะรดภูเก็ตได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ได้รับการคุ้มครองทางทรัพย์สินและภูมิปัญญาของเกษตรกร ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ.2558 จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มตัว ทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูเก็ต และผู้ประกอบการสับปะรดภูเก็ตอย่างมาก
สำหรับการพัฒนาสับปะรดภูเก็ต จะต้องมียุทธศาสตร์ในหลาย ๆ ด้าน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กระบวนการผลิต จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของ พรบ.คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ต้องผ่านมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย และรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสับปะรดภูเก็ต ความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ เกษตรกรจะต้องรวมกลุ่มวางแผนการผลิตและการตลาดร่วมกัน มีข้อกำหนดและเงื่อนไขของกลุ่มเป็นแนวทางปฏิบัติ ในเรื่องการตลาด ปัจจุบันยังไม่มีแหล่งหรือจุดจำหน่ายสับปะรดภูเก็ตที่ปลูกในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะเลยแยกแยะไม่ได้ว่าผลผลิตใดเป็นสับปะรดภูเก็ต ผลผลิตใดเป็นสับปะรดจากแหล่งอื่น ดังนั้นควรจะจัดตั้งจุดจำหน่ายสับปะรดภูเก็ตเฉพาะ ในการวางแผนการตลาด ต้องมองถึงรูปแบบการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิต รูปแบบการจำหน่าย รวมทั้งการส่งออกต่างประเทศด้วย การประชาสัมพันธ์ เป็นช่องทางหนึ่งที่จะส่งเสริมให้สับปะรดภูเก็ตมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น การพัฒนาสับปะรดภูเก็ต ในเชิงบูรณาการทุกหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะเป็นแนวทางที่สำคัญที่จะผลักดันให้สับปะรดภูเก็ตก้าวหน้ายิ่งขึ้น
จ.ภูเก็ต นายสงกรานต์ ภักดีคง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดการสัมมนาและเจรจาเชื่อมโยงธุรกิจโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต โดยมี นายสนิท พลปัถพี เกษตรจังหวัดภูเก็ต เกษตรกรในจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายสนิท กล่าวว่า สับปะรดภูเก็ต เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดภูเก็ตมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างจากสับปะรดในแหล่งอื่น คือ รสหวาน กรอบ กลิ่นหอม เนื้อสีเหลืองตลอดทั้งผล เนื้อใยน้อย แกนผลกรอบรับประทานได้ จากคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งเป็นผลผลิต ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ทำให้ได้รับการคุ้มครองและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการสับปะรดภูเก็ต แต่จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 สำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต ได้รับงบประมาณตามแผนพัฒนาจังหวัด ดำเนินงานโครงการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต เพื่อพัฒนาและสร่งความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดภูเก็ต พัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดสับปะรดภูเก็ต ให้เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในระบบการควบคุมคุณภาพและข้อตกลงของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต ตาม พรบ. คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ.2546 และเพื่อประชาสัมพันธ์พืชเศรษฐกิจประจำถิ่น รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตที่มีคุณภาพ การพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสับปะรดภูเก็ต และการสัมมนาพัฒนาศักยภาพพืชเศรษฐกิจสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สับปะรดภูเก็ต
นายสนิท กล่าวต่ออีกว่า สำหรับสับปะรดภูเก็ตเป็นตัวสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก และเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดภูเก็ตอีกด้วย
ด้าน นายสงกรานต์ กล่าวว่า สับปะรดภูเก็ตเป็นพืชของดีเมืองภูเก็ต ที่ควบคู่กับการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ถือได้ว่าเป็นมรดกทางธรรมชาติและผสมผสานภูมิปัญญาที่สืบทอดมานาน และเป็นที่น่ายินดีที่สับปะรดภูเก็ตได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ทำให้ได้รับการคุ้มครองทางทรัพย์สินและภูมิปัญญาของเกษตรกร ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ.2558 จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มตัว ทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูเก็ต และผู้ประกอบการสับปะรดภูเก็ตอย่างมาก
สำหรับการพัฒนาสับปะรดภูเก็ต จะต้องมียุทธศาสตร์ในหลาย ๆ ด้าน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กระบวนการผลิต จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของ พรบ.คุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ต้องผ่านมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย และรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของสับปะรดภูเก็ต ความเข้มแข็งของกลุ่มเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ เกษตรกรจะต้องรวมกลุ่มวางแผนการผลิตและการตลาดร่วมกัน มีข้อกำหนดและเงื่อนไขของกลุ่มเป็นแนวทางปฏิบัติ ในเรื่องการตลาด ปัจจุบันยังไม่มีแหล่งหรือจุดจำหน่ายสับปะรดภูเก็ตที่ปลูกในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะเลยแยกแยะไม่ได้ว่าผลผลิตใดเป็นสับปะรดภูเก็ต ผลผลิตใดเป็นสับปะรดจากแหล่งอื่น ดังนั้นควรจะจัดตั้งจุดจำหน่ายสับปะรดภูเก็ตเฉพาะ ในการวางแผนการตลาด ต้องมองถึงรูปแบบการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิต รูปแบบการจำหน่าย รวมทั้งการส่งออกต่างประเทศด้วย การประชาสัมพันธ์ เป็นช่องทางหนึ่งที่จะส่งเสริมให้สับปะรดภูเก็ตมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น การพัฒนาสับปะรดภูเก็ต ในเชิงบูรณาการทุกหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะเป็นแนวทางที่สำคัญที่จะผลักดันให้สับปะรดภูเก็ตก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นำคณะทำงานตรวจร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต เข้มงวดเจ้าของร้านปฏิบัติตามกติกา ห้ามให้เยาวชนใช้บริการเกินเวลากำหนดพบหากทำผิดซ้ำซาก อาจถูกเพิกถอนใบอนุญาต
เมื่อคืนวันที่ 18 มิ.ย.57 นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นำคณะทำงานประเมินร้านเกมส์ ออกตรวจร้านเกมส์และร้านอินเตอร์เน็ตในจังหวัดภูเก็ต เพื่อป้องปรามอบายมุข และให้เด็ก เยาวชน ปฏิบัติตามกติกาของทางราชการ ซึ่งคณะทำงานประกอบด้วยนายเสรี พาณิชย์กุล ปลัดจังหวัดภูเก็ต
นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมด้วย นางสาว ศิริวรรณ ตั้นพันธ์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และอาสมัครร่วมเป็นคณะทำงานในการออกตรวจ
นายไมตรี กล่าวถึงการออกตรวจร้านเกมส์ในครั้งนี้ว่า จังหวัดภูเก็ต โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบดูแลการออกใบอนุญาตรวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต ได้กำหนดแผนการออกตรวจร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต โดยร่วมกับฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัคร รวมถึงคณะตัวแทนจากเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดภูเก็ต ร่วมออกตรวจในครั้งนี้ เพื่อมุ่งหวังป้องปรามอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้น และเพื่อให้เด็กนักเรียนอยู่ในกฎกติกาของทางราชการ
ซึ่งการออกตรวจในครั้งนี้ สอดคล้องกับกิจกรรมการปล่อยแถวเพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 18 - 24 มิถุนายน 2557
สำหรับร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ตที่ขออนุญาตเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ.2552 ข้อ 8 (1-8) ในจังหวัดภูเก็ต นั้น ปัจจุบันมีจำนวน 320 ร้าน โดยในครั้งนี้คณะดำเนินงานทำการสุ่มตรวจ จำนวน 8 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเยาวราช ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
โดยผลการตรวจปรากฏว่า มีร้านเกมส์ที่เปิดให้บริการบางร้านไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน กระทำความผิดด้วยการเปิดให้เยาวชนเข้ามาใช้บริการเกินเวลาที่กำหนดคือ เยาวชนอายุ 15 ปี สามารถใช้บริการได้ถึงเวลา 20.00 น. ส่วนเยาวชนอายุ 18 ปี สามารถใช้บริการได้ถึงเวลา 22.00 น. สำหรับเจ้าของร้านที่กระทำผิดในครั้งนี้ทางวัฒนธรรมจังหวัดมีมาตรการลงโทษในเบื้องต้นด้วยการว่ากล่าวตักเตือน ทั้งนี้หากมีการกระทำความผิดซ้ำอีก จะทำการภาคทัณฑ์ด้วยการปิดให้บริการชั่วคราวและหากยังมีการกระทำความผิดซ้ำซากจะทำการเพิกถอนใบอนุญาต ในที่สุด
นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมด้วย นางสาว ศิริวรรณ ตั้นพันธ์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และอาสมัครร่วมเป็นคณะทำงานในการออกตรวจ
นายไมตรี กล่าวถึงการออกตรวจร้านเกมส์ในครั้งนี้ว่า จังหวัดภูเก็ต โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบดูแลการออกใบอนุญาตรวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต ได้กำหนดแผนการออกตรวจร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต โดยร่วมกับฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัคร รวมถึงคณะตัวแทนจากเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดภูเก็ต ร่วมออกตรวจในครั้งนี้ เพื่อมุ่งหวังป้องปรามอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้น และเพื่อให้เด็กนักเรียนอยู่ในกฎกติกาของทางราชการ
ซึ่งการออกตรวจในครั้งนี้ สอดคล้องกับกิจกรรมการปล่อยแถวเพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 18 - 24 มิถุนายน 2557
สำหรับร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ตที่ขออนุญาตเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ.2552 ข้อ 8 (1-8) ในจังหวัดภูเก็ต นั้น ปัจจุบันมีจำนวน 320 ร้าน โดยในครั้งนี้คณะดำเนินงานทำการสุ่มตรวจ จำนวน 8 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเยาวราช ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
โดยผลการตรวจปรากฏว่า มีร้านเกมส์ที่เปิดให้บริการบางร้านไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน กระทำความผิดด้วยการเปิดให้เยาวชนเข้ามาใช้บริการเกินเวลาที่กำหนดคือ เยาวชนอายุ 15 ปี สามารถใช้บริการได้ถึงเวลา 20.00 น. ส่วนเยาวชนอายุ 18 ปี สามารถใช้บริการได้ถึงเวลา 22.00 น. สำหรับเจ้าของร้านที่กระทำผิดในครั้งนี้ทางวัฒนธรรมจังหวัดมีมาตรการลงโทษในเบื้องต้นด้วยการว่ากล่าวตักเตือน ทั้งนี้หากมีการกระทำความผิดซ้ำอีก จะทำการภาคทัณฑ์ด้วยการปิดให้บริการชั่วคราวและหากยังมีการกระทำความผิดซ้ำซากจะทำการเพิกถอนใบอนุญาต ในที่สุด
จังหวัดกระบี่ ออกหน่วยจังหวัดเคลื่อนที่อำเภอเกาะลันตา
วันนี้ 19 มิถุนายน 2557 นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดโครงการจังหวัดกระบี่ออกหน่วยจังหวัดเคลื่อนที่ ประจำปี 2557 ณ ศูนย์เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งโคกแค บ้านร่าหมาด อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยมีนายนายสมควร ขันเงิน ปลัดจังหวัดกระบี่กล่าวรายงาน
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าจังหวัดกระบี่การออกหน่วยจังหวัดเคลื่อนที่ประจำปี2557 มีวัตถุประสงค์เพื่อออกให้บริการและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางราชการแก่ประชาชน ตลอดจนรับทราบปัญหาความต้องการของประชาชน โดยในการออกหน่วยจังหวัดเคลื่อนที่ในครั้งนี้ได้กำหนดให้มีการประชุมหารือแนวทางการแก้ไข เรื่องปัญหาที่ดินทำดินและปัญหาแหล่งน้ำ ในพื้นที่ตำบล หมู่บ้าน เพื่อนำไปกำหนดแผนงาน/โครงการสำหรับให้ช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร่งด่วน จังหวัดกระบี่ได้จัดให้มีโครงการจังหวัดกระบี่เคลื่อนที่เป็นประจำทุกปี สำหรับปีงบประมาณ 2557 กำหนดดำเนินการในทุกอำเภอๆละ 1 ครั้ง รวม 8 ครั้งเพื่อนำการให้บริการ ตลอดจนการนำส่วนราชการระดับจังหวัดลงพื้นที่เพื่อรับทราบสภาพปัญหา และร่วมแก้ไขปัญหาสำคัญของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อันจะทำให้เกิดสัมพันธภาพ และภาพลักษณ์ที่ดีระหว่างภาครัฐกับประชาชน
สำหรับการออกหน่วยงานบริการจังหวัดกระบี่เคลื่อนที่ ประจำปีงบประมาณ 2557 ได้ปรับปรุงการดำเนินการ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งได้วางระบบการจัดการให้ชัดเจและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้กำหนดให้มีกลุ่มกิจกรรมจำนวน 5 กิจกรรมได้แก่กิจกรรม “ ร่วมคิด ร่วมทำ “ เป็นการจัดเสวนาของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกในการ แก้ไขปัญหาสำคัญของประชาชน ซึ่งประเด็นที่หารือในแต่ละครั้งอาจจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ สำหรับประเด็นที่หารือในวันนี้ ได้หยิบยกประเด็นปัญหาเรื่อง “แหล่งน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค” ซึ่งเป็นเรื่องปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนอำเภอเกาะลันตาขึ้นมาพิจารณา เพื่อสรุปเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้ส่วนกลาง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาดำเนินการต่อไป กิจกรรมที่สอง “สินค้าเยี่ยม เต็มเปี่ยมบริการ” ได้นำสินค้าคุณภาพ ราคาประหยัด มาจำหน่าย โดยมีปริมาณสินค้ามากพอต่อความต้องการของประชาชน นอกจากนั้นยังมีการให้บริการของหน่วยงานต่างๆระดับจังหวัด หรือภาคเอกชน จำนวนหลายหน่วยงานโดยเฉพาะการจัดการใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์ ซึ่งจาการสำรวจพบว่าประชาชนในทุกอำเภอมีความต้องการมากที่สุด มาร่วมออกหน่วยให้บริการกิจกรรมที่สาม “ประชาอุ่นใน” ลักษณะกิจกรรมเป็นการสงเคราะห์คนชราผู้ด้อยโอกาสหรือ ผู้ยากจนในพื้นที่ กิจกรรมที่ สี่ “สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมประเพณี” เป็นการส่งเสริมการแสดงออกซึ่งประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น การสร้างความรู้ความเข้าใจหรือหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง รวมทั้งการแสดง หรือ จำหน่ายและให้ความรู้ เกี่ยวกับสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์และกิจกรรมที่ ห้า “องค์ความรู้” เป็นการจัดนิทรรศการ หรือแสดงนวัตกรรมเพื่อให้ความรู้กับประชาชน ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้มุ่งเน้นองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดกระบี่ คือ ปาล์มน้ำมันและยางพารา
หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
สำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวไร่ผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันอายุ 1-3 ปี ก่อนได้รับผลผลิต
สำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวไร่ผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันอายุ 1-3 ปี ก่อนได้รับผลผลิต
วันนี้ 19 มิถุนายน 2557 นายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เป็นประธาน เปิดโครงการปลูกข้าวไร่ผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันอายุ 1-3 ปี ก่อนได้รับผลผลิต ณ.หมู่ที่ 2 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยมีนายบุญพาศ รักนุ้ย นายอำเภออ่าวลึก กล่าวรายงาน
นายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในแต่ละปีจังหวัดกระบี่มีเกษตรกรที่โค่นล้มยางพาราเพื่อปลูกใหม่ปีละกว่า 18,000 ไร่ และมีปาล์มน้ำมันที่มีอายุมากกว่า 20 ปี จำนวน 203,382 ไร่ ที่พร้อมจะโค่นล่มเพื่อปลูกใหม่ทดแทน ซึ่งเมื่อเกษตรกรโค่นล้มยางและปาล์มน้ำมันเพื่อปลูกใหม่ทดแทนนั้นหากไม่มีอาชีพอื่นเสริมก็จะขาดรายได้ในช่วงที่ยางและปาล์มน้ำมันยังไม่ให้ผลผลิต ทางจังหวัดกระบี่จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเหล่านี้ทำการปลูกพืชแซมในสวนยางและปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน
โดยการให้เกษตรกรปลูกข้าวไร่แซมในสวนยางและปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่อายุไม่เกิน 3 ปี ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่ 2,000 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 400 กว่าราย โดยจังหวัดสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บางส่วนให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,200 กิโลกรัมจึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์การปลูกข้าวไร่ขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์และผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่โดยโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวไร่แซมยางพาราและปาล์มน้ำมันตามนโยบายดังกล่าวของจังหวัดกระบี่ ในเนื้อที่ 200 ไร่ กระจายอยู่ในทุกตำบล โดยสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่ คือ พันธุ์ข้าวจ้าวหอมดอกข่า และข้าวเหนียวช่อไม้ไผ่ แก่เกษตรกรที่ร่วมโครงการ สำหรับการจัดรณรงค์การปลูกข้าวไร่ในวันนี้นั้นได้จัดให้มีการลงแขกปลูกข้าวไร่ในแปลงของเกษตรกรที่ร่วมโครงการ อันเป็นการอนุรักษ์และดำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตแห่งการเอื้ออาทรและการช่วยเหลือกันของสังคมไทยในอดีตอีกด้วย
วันนี้ 19 มิถุนายน 2557 นายกฤช รังสิเสนา ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เป็นประธาน เปิดโครงการปลูกข้าวไร่ผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันอายุ 1-3 ปี ก่อนได้รับผลผลิต ณ.หมู่ที่ 2 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ โดยมีนายบุญพาศ รักนุ้ย นายอำเภออ่าวลึก กล่าวรายงาน
นายไชยยุทธ์ ขุนฤทธิ์แก้ว เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในแต่ละปีจังหวัดกระบี่มีเกษตรกรที่โค่นล้มยางพาราเพื่อปลูกใหม่ปีละกว่า 18,000 ไร่ และมีปาล์มน้ำมันที่มีอายุมากกว่า 20 ปี จำนวน 203,382 ไร่ ที่พร้อมจะโค่นล่มเพื่อปลูกใหม่ทดแทน ซึ่งเมื่อเกษตรกรโค่นล้มยางและปาล์มน้ำมันเพื่อปลูกใหม่ทดแทนนั้นหากไม่มีอาชีพอื่นเสริมก็จะขาดรายได้ในช่วงที่ยางและปาล์มน้ำมันยังไม่ให้ผลผลิต ทางจังหวัดกระบี่จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเหล่านี้ทำการปลูกพืชแซมในสวนยางและปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่ เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน
โดยการให้เกษตรกรปลูกข้าวไร่แซมในสวนยางและปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่อายุไม่เกิน 3 ปี ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่ 2,000 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 400 กว่าราย โดยจังหวัดสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่บางส่วนให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,200 กิโลกรัมจึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์การปลูกข้าวไร่ขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์และผลักดันนโยบายขับเคลื่อนการฟื้นฟูอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตข้าวจังหวัดกระบี่โดยโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวไร่แซมยางพาราและปาล์มน้ำมันตามนโยบายดังกล่าวของจังหวัดกระบี่ ในเนื้อที่ 200 ไร่ กระจายอยู่ในทุกตำบล โดยสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่ คือ พันธุ์ข้าวจ้าวหอมดอกข่า และข้าวเหนียวช่อไม้ไผ่ แก่เกษตรกรที่ร่วมโครงการ สำหรับการจัดรณรงค์การปลูกข้าวไร่ในวันนี้นั้นได้จัดให้มีการลงแขกปลูกข้าวไร่ในแปลงของเกษตรกรที่ร่วมโครงการ อันเป็นการอนุรักษ์และดำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตแห่งการเอื้ออาทรและการช่วยเหลือกันของสังคมไทยในอดีตอีกด้วย
หน่วยงานที่แจ้งประชาสัมพันธ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
จังหวัดตรัง จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนกลยุทธการบริหารทรัพยากรบุคคล
ที่โรงแรมเรือรัษฎา อำเภอเมืองตรัง นายสาธร นราวิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ประธานพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนกลยุทธการบริหารทรัพยากรบุคคลจังหวัดตรัง ในระยะ 4 ปี(2557-2560) เพื่อปรับปรุงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด ให้สามารถขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ นายนิมิตร นิลวัตร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง กล่าวว่า สถานการณ์ของบ้านเมือง ในขณะนี้ ทุกฝ่ายก็กำลังขับเคลื่อนเพื่อไปสู่การปฏิรูปทุกรูปแบบ โดยเฉพาะภาคราชการ เป้าหมายก็คือการกินดีอยู่ดี และประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับประชาชน และการจัดทำแผนกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนแผนเพื่อให้มีการพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด ปี 2557-2560 เพื่อเป็นการสร้างสร้างความเข้มแข็งในการบริหารทรัพยากรบุคคลและเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ตามแนวทาง HR Scorecard โดยการระดมสมองเพื่อคิดหาแนวทางในการปฏิรูประบบบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อไปสู่การจัดทำแผนคนที่มีประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับริบทของประเทศ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม กว่า 80 คน ใช้ระยะเวลา 18-19 มิถุนายน 2557
เทศบาลนครตรังจัดประชุมสภาเทศบาลนครตรังสมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2557
ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครตรัง มีการประชุมสภาเทศบาลนครตรังสมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2557 มีระเบียบวาระการประชุม 7 วาระ โดยเรื่องที่น่าสนใจคือ วาระที่ 5 เรื่องขอเสนอญัตติขอความเห็นชอบยืมเงินสะสมเทศบาลเพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการสถานธนานุบาล จำนวน 10 ล้านบาท และวาระที่ 6 ขอเสนอยัตติกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขารักษ์จันทน์ จังหวัดตรัง จำนวน 50 ล้านบาท นายกอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง ได้มอบหมายให้นายเกรียงศักดิ์ รัตนสิมานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครตรัง เป็นผู้เสนอญัตติแทน เรื่องขอเสนอญัตติขออนุมัติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำชี้แจงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 รายการค่าปรับปรุงผิวจราจรและรางระบายน้ำ ค.ส.ล. ถนนไทรงาม ซอยข้างร้านสิริบรรณ(สำนักงานช่าง ) ซึ่งคำชี้แจงงบประมาณเดิมว่า ปรับปรุงผิวจราจรแอสฟัล
ติกคอนกรีต กว้าง 6.00-11.00 เมตร ความยาวประมาณ 520.00 เมตร หรือพื้นที่ไม่น้อยกว่า 4190 ตารางเมตร –ก่อสร้างรางระบายน้ำ ค.ส.ล. กว้าง 0.50 เมตร ลึกเฉลี่ย 0.50 เมตร พื้นที่ด้านบนเป็น รางตื้น มีฝาปิดเปิดทุกระยะ7.00 เมตร หรือตามสภาพพื้นที่ความยาวทั้งสองข้างไม่น้อยกว่า 1,010 ตารางเมตร คำชี้แจ้งงบประมาณที่ขออนุมัติแก้ไขเปลี่ยนแปลงว่า ปรับปรุงผิวจราจรเป็นถนน ค.ส.ล.หนา 0.15 เมตร กว้าง6.00-11.00 เมตร ความยาวประมาณ 520.00 เมตร หรือพื้นที่ไม่น้อยกว่า 4,190 ตารางเมตร –ก่อสร้างรางระบายน้ำ ค.ส.ล. กว้าง 0.50 เมตร ลึกเฉลี่ย 0.50 เมตร พื้นที่ด้านบนเป็น รางตื้น มีฝาปิดเปิดทุกระยะ7.00 เมตร หรือตามสภาพพื้นที่ความยาวทั้งสองข้างไม่น้อยกว่า 1,010.00 เมตร ในทีประชุมสภาฯเห็นชอบให้มีการอนุมัติเปลี่ยนแปลงคำชี้แจ้งดังกล่าว จากนั้นได้มีการขอเสนอญัตติอนุมัติโอนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ไปตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่จำนวน 150,000 บาท ในหมวดค่าครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้างของสำนักการศึกษา เพื่อการจัดซื้อเครื่องปั๊มน้ำบาดาล จำนวน 1 ชุด ใช้ในสนามกีฬาเทศบาลนครตรัง โดยโอนลดจาก แผนงานการศึกษา งานระดับก่อนวัยเรียนและประถมศึกษา หมวดค่าใช้สอยประเภท รายจ่ายเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติราชการที่ไม่เข้าลักษณะรายจ่ายหมวดอื่นๆ โครงการรณรงค์ป้องกันยาเสพติดโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครตรัง ตั้งจ่ายไว้ที่ 895,000 บาท งบประมาณก่อนโอน จำนวน 671,081.50 บาท โดยขอโอนลดจำนวน 150,000 บาท งบประมาณหลังโอน 521,081.50 บาท โอนลดได้เนื่องจากโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้นายอภิชิตฯได้ชี้แจงในการตั้งกระทู้ถามของของสมาชิกสภาเทศบาลที่ว่า มีความจำเป็นเพียงไรกับการซื้อเครื่องปั๊มน้ำ แล้วของเดิมเสียจริงหรือไม่ นายอภิชิตฯกล่าวว่า"เครื่องปั๊มน้ำบาดาลปัจจุบันได้เสียจริง ทางเทศบาลฯได้ให้สำนักการศึกษา หาวิธีแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า ด้วยวิธีการเช่าปั๊มน้ำบาดาลจากบริษัทเอกชน เพื่อให้รถดับเพลิงหรือรถบรรทุกน้ำของเทศบาลฯสามารถเติมน้ำอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ ซึ่งเครื่องเก่าไม่สามารถซ่อมให้กลับมาใช้งานได้”ทั้งนี้ในที่ประชุม สภาฯเห็นชอบอนุมัติโอนเงินฯได้
ติกคอนกรีต กว้าง 6.00-11.00 เมตร ความยาวประมาณ 520.00 เมตร หรือพื้นที่ไม่น้อยกว่า 4190 ตารางเมตร –ก่อสร้างรางระบายน้ำ ค.ส.ล. กว้าง 0.50 เมตร ลึกเฉลี่ย 0.50 เมตร พื้นที่ด้านบนเป็น รางตื้น มีฝาปิดเปิดทุกระยะ7.00 เมตร หรือตามสภาพพื้นที่ความยาวทั้งสองข้างไม่น้อยกว่า 1,010 ตารางเมตร คำชี้แจ้งงบประมาณที่ขออนุมัติแก้ไขเปลี่ยนแปลงว่า ปรับปรุงผิวจราจรเป็นถนน ค.ส.ล.หนา 0.15 เมตร กว้าง6.00-11.00 เมตร ความยาวประมาณ 520.00 เมตร หรือพื้นที่ไม่น้อยกว่า 4,190 ตารางเมตร –ก่อสร้างรางระบายน้ำ ค.ส.ล. กว้าง 0.50 เมตร ลึกเฉลี่ย 0.50 เมตร พื้นที่ด้านบนเป็น รางตื้น มีฝาปิดเปิดทุกระยะ7.00 เมตร หรือตามสภาพพื้นที่ความยาวทั้งสองข้างไม่น้อยกว่า 1,010.00 เมตร ในทีประชุมสภาฯเห็นชอบให้มีการอนุมัติเปลี่ยนแปลงคำชี้แจ้งดังกล่าว จากนั้นได้มีการขอเสนอญัตติอนุมัติโอนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 ไปตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่จำนวน 150,000 บาท ในหมวดค่าครุภัณฑ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้างของสำนักการศึกษา เพื่อการจัดซื้อเครื่องปั๊มน้ำบาดาล จำนวน 1 ชุด ใช้ในสนามกีฬาเทศบาลนครตรัง โดยโอนลดจาก แผนงานการศึกษา งานระดับก่อนวัยเรียนและประถมศึกษา หมวดค่าใช้สอยประเภท รายจ่ายเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติราชการที่ไม่เข้าลักษณะรายจ่ายหมวดอื่นๆ โครงการรณรงค์ป้องกันยาเสพติดโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครตรัง ตั้งจ่ายไว้ที่ 895,000 บาท งบประมาณก่อนโอน จำนวน 671,081.50 บาท โดยขอโอนลดจำนวน 150,000 บาท งบประมาณหลังโอน 521,081.50 บาท โอนลดได้เนื่องจากโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้นายอภิชิตฯได้ชี้แจงในการตั้งกระทู้ถามของของสมาชิกสภาเทศบาลที่ว่า มีความจำเป็นเพียงไรกับการซื้อเครื่องปั๊มน้ำ แล้วของเดิมเสียจริงหรือไม่ นายอภิชิตฯกล่าวว่า"เครื่องปั๊มน้ำบาดาลปัจจุบันได้เสียจริง ทางเทศบาลฯได้ให้สำนักการศึกษา หาวิธีแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า ด้วยวิธีการเช่าปั๊มน้ำบาดาลจากบริษัทเอกชน เพื่อให้รถดับเพลิงหรือรถบรรทุกน้ำของเทศบาลฯสามารถเติมน้ำอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ ซึ่งเครื่องเก่าไม่สามารถซ่อมให้กลับมาใช้งานได้”ทั้งนี้ในที่ประชุม สภาฯเห็นชอบอนุมัติโอนเงินฯได้
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อติดตามผลและมอบนโยบายกำชับปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดเข้มงวด ในการปราบปรามบ่อนการพนัน อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติดและปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า
ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผช.ผบ.ตร(ปป7) เป็นประธานในการติดตามผลการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง และผู้กำการตำรวจภูธรทั้ง 16 แห่งร่วมรับฟังและรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่อย่างละเอียด พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า หลังจากที่ทางตำรวจภูธรจังหวัดตรัง รับมอบนโยบายการจับกุมการเล่นพนันฟุตบอลโลก จึงออกคำสั่งให้ตำรวจในพื้นที่ปกครองทั้ง 16 แห่ง ดำเนินการในทันที่ มีผลการจับกุมจาก สภ.เมือง 1 ราย พร้อมของกลางโพย 89 ใบ ในพื้นที สภ.กันตัง จับกุม 2 ราย โดยแต่โรงพักจะมีการจัดชุดตรวจค้นจับกุม มีการจัดทำแผนที่บ้านของเจ้ามือไว้เพื่อสะดวกในการเข้าตรวจค้นจับกุม ไปพร้อมๆกับประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นถึงโทษของการเล่นพนันฟุตบอล ที่เหลืออีก 14 สถานียังไม่มีเจ้ามือรับแทงพนันบอลแต่อย่างใด
ซึ่งการรับพนันแทงบอลจะอาศัยสื่อออนไลน์ ด้วยการเช่าโรงแรมเป็นรายวัน มีการเคลื่อนย้ายทุกวัน ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กำลังติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในรอบ 8 เดือน จับกุมอาวุธปืนธรรมดา 417 กระบอก กระสุน 2,300นัด อาวุธสงคราม 8 กระบอก กระสุน 125 นัด และระเบิด 2ลูก รวมถึงยาเสพติดที่มีการแสดงตัวเลขการจับกุม จำนวนมากถึง 4,239 คดีผู้ต้องหา 4,571 คนพร้อมของกลาง ยาบ้า 178,440 เม็ด ยาไอซ์ 2,205,192 กรัม,กัญชาแห้ง1.215 กิโลกรัม,กัญชาสด 10.163 กิโลกรัม สารละเหย 3 กระป๋อง และการยึดทรัพย์มูลค่ามากถึง 40,353,828 บาท ด้าน พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผช.ผบ.ตร. กล่าวว่า ในช่วงนี้มีการออกคำสั่งให้มีการระดมกวาดล้างหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งลงมาปล่อยแถวการระดมกวาดล้าง โดยในวันที่ 18 มิถุนายน เวลา 16.00น.จะมีการปล่อยแถวกวาดล้างพร้อมกันทั้งประเทศ จากการสั่งการเรื่องประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยในชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของประชาชน และการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงจัดให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ตั้งแต่วันที่ 18-24 มิถุนายน 2557 เป้าหมายการกวาดล้างคือ ยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด ในส่วนของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าปฏิบัติการได้เกินเป้า ตาม 5 ตัวชี้วัด เป้าหมายที 2 คือการกดดันป้องกันปราบปรามบุคคลสถานที่สื่อออนไลน์ การจัดกิจกรรมที่นำไปสู่การสร้างความแตกแยกในพื้นที่ วิธีปฏิบัติให้ติดตามสืบสวนหาข่าวมุ่งเน้นการสร้างความสามัคคี รวมทั้งมาตรการจุดตรวจจุดสกัด เพื่อตรวจสอบกลุ่มเป้หมายอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอย่างจริงจัง
ซึ่งการรับพนันแทงบอลจะอาศัยสื่อออนไลน์ ด้วยการเช่าโรงแรมเป็นรายวัน มีการเคลื่อนย้ายทุกวัน ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กำลังติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในรอบ 8 เดือน จับกุมอาวุธปืนธรรมดา 417 กระบอก กระสุน 2,300นัด อาวุธสงคราม 8 กระบอก กระสุน 125 นัด และระเบิด 2ลูก รวมถึงยาเสพติดที่มีการแสดงตัวเลขการจับกุม จำนวนมากถึง 4,239 คดีผู้ต้องหา 4,571 คนพร้อมของกลาง ยาบ้า 178,440 เม็ด ยาไอซ์ 2,205,192 กรัม,กัญชาแห้ง1.215 กิโลกรัม,กัญชาสด 10.163 กิโลกรัม สารละเหย 3 กระป๋อง และการยึดทรัพย์มูลค่ามากถึง 40,353,828 บาท ด้าน พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผช.ผบ.ตร. กล่าวว่า ในช่วงนี้มีการออกคำสั่งให้มีการระดมกวาดล้างหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งลงมาปล่อยแถวการระดมกวาดล้าง โดยในวันที่ 18 มิถุนายน เวลา 16.00น.จะมีการปล่อยแถวกวาดล้างพร้อมกันทั้งประเทศ จากการสั่งการเรื่องประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยในชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของประชาชน และการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงจัดให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ตั้งแต่วันที่ 18-24 มิถุนายน 2557 เป้าหมายการกวาดล้างคือ ยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด ในส่วนของกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้รับรายงานเบื้องต้นว่าปฏิบัติการได้เกินเป้า ตาม 5 ตัวชี้วัด เป้าหมายที 2 คือการกดดันป้องกันปราบปรามบุคคลสถานที่สื่อออนไลน์ การจัดกิจกรรมที่นำไปสู่การสร้างความแตกแยกในพื้นที่ วิธีปฏิบัติให้ติดตามสืบสวนหาข่าวมุ่งเน้นการสร้างความสามัคคี รวมทั้งมาตรการจุดตรวจจุดสกัด เพื่อตรวจสอบกลุ่มเป้หมายอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอย่างจริงจัง
ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง เข้าร่วมโครงการจัดทำมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ (มยส.) ถือเป็นธนาคารแห่งเดียวที่สมัครเข้าร่วมโครงการ และยังถือเป็น “ธนาคารสีขาว” ปลอดยาเสพติด
ที่ห้องประชุม สำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดตรัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง นายภาณุมาศ ตั้นซู่ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดตรัง พร้อมด้วย นางชลิตา พัฒนกิจ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดตรัง และ นายธรรมวุฒิ ชูมาก นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชำนาญการ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง ร่วมจัดโครงการจัดทำมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ (มยส) โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดตรัง ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง และ สำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในธนาคาร ซึ่ง ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง ถือเป็นธนาคารแห่งแรกและแห่งเดียวที่เข้าร่วมโครงการ เนื่องจากมีพนักงานในสกัดของสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดตรังให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 300 คน
ทั้งนี้ทางด้าน นายภาณุมาศ ตั้นซู่ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดตรัง กล่าวว่า ปัจจุบัน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในวงกว้างทั้งใน ด้านสุขภาพ อาชญากรรม การเมือง เศรษฐกิจและสังคม รัฐบาลในทุกยุคทุกสมัย ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดย รัฐบาลได้กำหนดในการแก้ไขปัญหายาเพสติดเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกภาคส่วนในสังคมต้องมีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง โดยกำหนดให้มียุทธศาสตร์ "พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ด้วยการรวมพลังทุกภาคส่วนเป็นพลังแผ่นดินในการต่อสู่กับยาเสพติด ส่วน ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง ก็ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ทางสังคม ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าที่เข้าใช้บริการ จึงสมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ธนาคารแห่งนี้เป็นธนาคารแห่งแรกที่ได้รับมาตรฐาน "โครงการธนาคารสีขาว” อีกด้วย
นอกจากนี้ทางด้าน นายธรรมวุฒิ ชูมาก นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชำนาญการ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง กล่าวว่า ผลจากการตรวจปัสสาวะของพนักงานในสังกัดของสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง นั้น ไม่มีการตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วงแม้แต่รายเดียว ซึ่งถือเป็นธนาคารที่ได้รับมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) โดยถือเป็นธนาคารแห่งเดียวในจังหวัดตรังที่เข้าร่วมโครงการอย่างสมัครใจ และมีระบบเฝ้าระวังปัญหาอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกันทางด้าน นางชลิตา พัฒนกิจ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดตรัง กล่าวว่า ทางกรม สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ดำเนินโครงการโรงงานสีขาว ตั้งแต่ปี 2544 ต่อมาได้พัฒนาเกณฑ์ การดำเนินงานโครงการโรงงานสีขาวให้เข้าสู่ระบบมาตรฐาน โดยการจัดทำมาตาฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส) เพื่อเป็นเกณฑ์ให้สถานประกอบกิจการใช้ในการตรวจสอบและประกาศแสดงตนเองว่า เป็นสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติสอดคล้องกับมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติดในสาถนประกอบกิจการ และเป็นเกณฑ์พิจารณาให้การรับรองมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดใน สถานประกอบกิจการต่อไป
ทั้งนี้ทางด้าน นายภาณุมาศ ตั้นซู่ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดตรัง กล่าวว่า ปัจจุบัน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในวงกว้างทั้งใน ด้านสุขภาพ อาชญากรรม การเมือง เศรษฐกิจและสังคม รัฐบาลในทุกยุคทุกสมัย ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดย รัฐบาลได้กำหนดในการแก้ไขปัญหายาเพสติดเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกภาคส่วนในสังคมต้องมีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง โดยกำหนดให้มียุทธศาสตร์ "พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ด้วยการรวมพลังทุกภาคส่วนเป็นพลังแผ่นดินในการต่อสู่กับยาเสพติด ส่วน ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง ก็ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ทางสังคม ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าที่เข้าใช้บริการ จึงสมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้ธนาคารแห่งนี้เป็นธนาคารแห่งแรกที่ได้รับมาตรฐาน "โครงการธนาคารสีขาว” อีกด้วย
นอกจากนี้ทางด้าน นายธรรมวุฒิ ชูมาก นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชำนาญการ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12/1 ตรัง กล่าวว่า ผลจากการตรวจปัสสาวะของพนักงานในสังกัดของสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง นั้น ไม่มีการตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วงแม้แต่รายเดียว ซึ่งถือเป็นธนาคารที่ได้รับมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) โดยถือเป็นธนาคารแห่งเดียวในจังหวัดตรังที่เข้าร่วมโครงการอย่างสมัครใจ และมีระบบเฝ้าระวังปัญหาอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกันทางด้าน นางชลิตา พัฒนกิจ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดตรัง กล่าวว่า ทางกรม สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ดำเนินโครงการโรงงานสีขาว ตั้งแต่ปี 2544 ต่อมาได้พัฒนาเกณฑ์ การดำเนินงานโครงการโรงงานสีขาวให้เข้าสู่ระบบมาตรฐาน โดยการจัดทำมาตาฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส) เพื่อเป็นเกณฑ์ให้สถานประกอบกิจการใช้ในการตรวจสอบและประกาศแสดงตนเองว่า เป็นสถานประกอบกิจการที่ปฏิบัติสอดคล้องกับมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติดในสาถนประกอบกิจการ และเป็นเกณฑ์พิจารณาให้การรับรองมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดใน สถานประกอบกิจการต่อไป
นายกอบจ.ตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it center)
ที่โรงเรียนนาโยงวิทยาคม ตำบลโคกสะบ้า อำเภอนาโยง นายกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it center) ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 15-22 มิ.ย. 2557 โครงการซ่อมสร้างเพื่อชุมชนจัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้บริการซ่อมสร้าง แนะนำ ถ่ายทอดความรู้ในการดูแลรักษา และพัฒนาทักษะช่างชุมชนให้สามารถซ่อมบำรุงอุปกรณ์เครื่องประกอบอาชีพ และเครื่องใช้ในครัวเรือน ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับชุมชนในการถ่ายทอดความ รู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นการส่งเสริมการสร้างมูลค่าและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน อย่างเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืน
โดยส่งผลดีต่อประชาชนดังนี้ ถ่ายทอดความรู้ให้ประชาชนรู้จักการใช้และดูแลรักษา และพัฒนาทักษะช่างชุมชนให้สามารถซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพและเครื่องใช้ในครัวเรือน/สร้างความร่วมมือระหว่างสถาน ศึกษากับชุมชนในการถ่ายทอดความรู้ พัฒนาสุขอนามัยพื้นฐาน พัฒนานวัตกรรมต่อยอดเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ชุมชน เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตภัณฑ์ของชุมชน/ลดรายจ่ายของประชาชนโดยการยืด อายุการใช้งานเครื่องมือ เครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบอาชีพ และเครื่องมืออุปกรณ์ดำรงชีวิตประจำวันของครัวเรือนและลดการกู้ยืมเงินนอก ระบบที่นำมาใช้ในการดูแล รักษา และซ่อมเครื่องมืออุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ สำหรับนักเรียน นักศึกษาเป็นการเพิ่มประสบการณ์ และความเชื่อมั่นให้กับนักเรียน นักศึกษา ในการออกปฏิบัติงานในชุมชน/สร้างแหล่งปฏิบัติงานจริงให้นักเรียน นักศึกษา มีทักษะ ความสามารถ และมีความพร้อมในการประกอบอาชีพอิสระต่อไป รวมถึงผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้ประชาชนได้รับความรู้เรื่องการบำรุงรักษา และซ่อมบำรุงเบื้องต้น/ชุมชนได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนากระบวนการผลิตและช่างชุมชนได้รับการพัฒนาและยกระดับ โดยการเพิ่มทักษะในการปฏิบัติจริงกับทีมช่างซ่อมประจำศูนย์ซ่อมสร้างชุมชน ในการให้บริการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือ เครื่องจักร ในการประกอบอาชีพ และเครื่องใช้ในครัวเรือนของชุมชนอย่างยั่งยืน
โดยส่งผลดีต่อประชาชนดังนี้ ถ่ายทอดความรู้ให้ประชาชนรู้จักการใช้และดูแลรักษา และพัฒนาทักษะช่างชุมชนให้สามารถซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพและเครื่องใช้ในครัวเรือน/สร้างความร่วมมือระหว่างสถาน ศึกษากับชุมชนในการถ่ายทอดความรู้ พัฒนาสุขอนามัยพื้นฐาน พัฒนานวัตกรรมต่อยอดเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ชุมชน เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตภัณฑ์ของชุมชน/ลดรายจ่ายของประชาชนโดยการยืด อายุการใช้งานเครื่องมือ เครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบอาชีพ และเครื่องมืออุปกรณ์ดำรงชีวิตประจำวันของครัวเรือนและลดการกู้ยืมเงินนอก ระบบที่นำมาใช้ในการดูแล รักษา และซ่อมเครื่องมืออุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ สำหรับนักเรียน นักศึกษาเป็นการเพิ่มประสบการณ์ และความเชื่อมั่นให้กับนักเรียน นักศึกษา ในการออกปฏิบัติงานในชุมชน/สร้างแหล่งปฏิบัติงานจริงให้นักเรียน นักศึกษา มีทักษะ ความสามารถ และมีความพร้อมในการประกอบอาชีพอิสระต่อไป รวมถึงผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้ประชาชนได้รับความรู้เรื่องการบำรุงรักษา และซ่อมบำรุงเบื้องต้น/ชุมชนได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนากระบวนการผลิตและช่างชุมชนได้รับการพัฒนาและยกระดับ โดยการเพิ่มทักษะในการปฏิบัติจริงกับทีมช่างซ่อมประจำศูนย์ซ่อมสร้างชุมชน ในการให้บริการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือ เครื่องจักร ในการประกอบอาชีพ และเครื่องใช้ในครัวเรือนของชุมชนอย่างยั่งยืน
พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดอบรมการคุ้มครองช่วยเหลือผู้สูงอายุในภาวะภัยพิบัติ
ที่โรงแรมธรรมรินทร์ธนา อำเภอเมืองตรัง นายอมรเศรษฐ์ สุวรรณมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ประธานพิธีเปิดการอบรมให้ความรู้โครงการขับเคลื่อนงานโครงข่ายการคุ้มครอง ทางสังคม การป้องกันและช่วยเหลือผู้สูงอายุในภาวะภัยพิบัติ ให้กับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา โครงสร้างประชากรของประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อันเนื่องมาจากอัตราการเกิดลดลง ความเจริญก้าวหน้าทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทำให้ประชากรสูงอายุ และมีอายุยืนยาวขึ้น คาดว่าปี 2573 จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 คือ ในอีก 20 ปีข้างหน้า จะมีผู้สูงอายุ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ได้สร้างความตระหนักร่วมกันถึงผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งต่อหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้อง
โดยสำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ(สท.) ได้ดำเนินงานโครงการโครงข่ายการคุ้มครองทางสังคม "การสร้างหลักประกันคุ้มครองชีวิตผู้สูงอายุและทุกคนล่วงหน้าในสถานการณ์ที่มีภัยพิบัติ” เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สิน ปัจจัยในการประกอบอาชีพ และวิถีชีวิตทำให้ลดความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ ซึ่งได้ทดลองดำเนินการไปแล้วที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จนสามารถจัดทำระบบเตรียมการป้องกันภัยและช่วยเหลือผู้สูงอายุในสถานการณ์ที่มีภัยพิบัติ "ระบบ 3+1 เพื่อชีวิตทุกคนปลอดภัย” สำหรับจังหวัดตรังมีเป้าหมาย 10 อำเภอ 84 ตำบล ที่จะต้องดำเนินการ โดยในครั้งนี้จะเป็นการให้ความรู้และแนวทางป้องกันและช่วยเหลือผู้สูงอายุในภาวะภัยพิบัติ ในเบื้อง เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งสุท้ายก็คือ การป้องกันในชีวิต ทรัพย์สิน วิถีชีวิต ของทุกคนนั้นเอง
โดยสำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ(สท.) ได้ดำเนินงานโครงการโครงข่ายการคุ้มครองทางสังคม "การสร้างหลักประกันคุ้มครองชีวิตผู้สูงอายุและทุกคนล่วงหน้าในสถานการณ์ที่มีภัยพิบัติ” เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สิน ปัจจัยในการประกอบอาชีพ และวิถีชีวิตทำให้ลดความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ ซึ่งได้ทดลองดำเนินการไปแล้วที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จนสามารถจัดทำระบบเตรียมการป้องกันภัยและช่วยเหลือผู้สูงอายุในสถานการณ์ที่มีภัยพิบัติ "ระบบ 3+1 เพื่อชีวิตทุกคนปลอดภัย” สำหรับจังหวัดตรังมีเป้าหมาย 10 อำเภอ 84 ตำบล ที่จะต้องดำเนินการ โดยในครั้งนี้จะเป็นการให้ความรู้และแนวทางป้องกันและช่วยเหลือผู้สูงอายุในภาวะภัยพิบัติ ในเบื้อง เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งสุท้ายก็คือ การป้องกันในชีวิต ทรัพย์สิน วิถีชีวิต ของทุกคนนั้นเอง
ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ลงชื่อเข้าตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด ตามโครงการโรงพักสีขาวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สภ.เมืองตรัง จำนวน 265 นาย เข้าร่วมลงชื่อและตรวจปัสสาวะ ตามโครงการโรงพักสีขาว เพื่อหาสารเสพติดในปัสสาวะ หากมีการตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วงทางเจ้าหน้าที่จะทำการส่งไปตรวจยังศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ตรัง เพื่อตรวจหาประเภทของสารเสพติด ซึ่งถ้าเป็นสารเสพติดจริงก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำผิด สำหรับโครงการโรงพักสีขาว ในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการป้องปราม ไม่ให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองตรัง เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นการเสพ การค้า หรือกรณีใดๆ โดยหากพบว่ามีข้าราชการตำรวจในสังกัดคนใดเข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและทางอาญา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและสังคม ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนาย
คณะกรรมการแผนพัฒนาขับเคลื่อน”แผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติ”จัดการประชุมสมัชชาคุณธรรมความซื่อตรงแห่งชาติ เพื่อฟื้นฟูสังคมสู่คุณธรรม
ที่โรงแรมวัฒนาพาร์ค นายอมรเศรษฐ์ สุวรรณมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดงานสมัชชาคุณธรรมความซื่อตรงเครือข่ายชุมชนจังหวัดตรัง ครั้งที่ 1 โครงการขับเคลื่อน”แผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติ พ.ศ.2557 – 2559 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผ่านการจัดเวทีสมัชชาคุณธรรมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นแนวทางการฟื้นฟูสังคมไทยด้วยคุณธรรมในพื้นที่ระดับตำบล จังหวัด ภูมิภาค สนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนชุมชนเพื่อบำบัดเยียวยาและฟื้นฟูพัฒนาคุณธรรมในพื้นที่ รวมทั้งเป็นการสร้างเครื่องมือเพื่อสำรวจสภาพปัญหาความแตกแยก ความเหลื่อมล้ำของชุมชน และประสานความความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เป้าหมายเพื่อการทำงานด้านการฟื้นฟูคุณธรรมร่วมกัน โดยกิจกรรมในการสัมมนาในครั้งนี้ได้มีการชี้แจงความเป็นมาของแผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติและแนวทางการฟื้นฟูคุณธรรมของสังคมไทยสู่ความปรองดองสมานฉันท์ และการประชุมกลุ่มย่อย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุม 120 คน
ผบ.จทบ.ทส. ประชุมผู้ค้าตลาดสถานีคนเดิน สถานีรถไฟตรัง เพื่อขจัดปัญหาข้อขัดแย้ง
ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง พล.ต.สนอง คงยั่งยืน ผบ.จทบ.ทส. นายสาธร นราวิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคณะกรรมการฝ่ายอำนวยการและผู้ค้าตลาดสถานีคนเดิน สถานีรถไฟตรัง โดยมีเพื่อขจัดปัญหาข้อขัดแย้ง ที่กลุ่มผู้ค้าได้มีหนังสือร้องเรียนให้ช่วยแก้ไขปัญหาการกระทบกระทั่งกันเอง เนื่องจากการบริหารจัดการภายของกลุ่มผู้ค้าเอง ตลาดสถานีคนเดิน สถานีรถไฟตรัง เป็นตลาดถนนคนเดินที่ตั้งบริเวณหน้าสถานีรถไฟตรัง ได้เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2552 เปิดทำการเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 17.30 – 22.00 น. เป็นตลาดสินค้าที่มีสินค้าอีกประเภทไม่เหมือนตลาดอื่น ๆ เช่นสินค้าโอทอบ อาหารพื้นบ้าน สินค้าทำมือ ทีมีผู้ค้าประมาณ 100 ราย มีการจัดหมวดหมู่ของสินค้าและประเภทสินค้าอย่างชัดเจน เป็นตลาดที่ขึ้นชื่อของจังหวัดตรัง เพราะตั้งอยู่ในบริเวณที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศสามารถแวะชม ซื้อหาได้สะดวก กลุ่มผู้ค้าได้แต่งตั้งตัวแทนในการบริหารจัดการตลาดจนสามารถนำผลกำไรมาจัดกิจกรรมเพื่อคืนกำไรแก่สังคมได้พอสมควร ในระยะหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการหลายท่าน จนทำให้การบริหารจัดการภายในเกิดความขัดแย้ง ระหว่างกลุ่มผู้ค้าด้วยกันเองรวมทั้งผู้รับสัมปทานจากการรถไฟแห่งประเทศไทยเจ้าของพื้นที่ จนมีการร้องเรียนปัญหาไปยัง ผบ.จทบ.ทส.(ที่รับผิดชอบดูแลตรัง กระบี่ และอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามคำสั่ง คสช.)
จากปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มผู้ค้าเดิมที่เริ่มก่อตั้งตลาด กลุ่มผู้ค้ารายใหม่ กลุ่มผู้ค้าขาจร ทำให้ฝ่ายทหาร(ผบ.จทบ.ทส.) ได้นัดประชุมหารือเพื่อสะสางปัญหาในหลายครั้ง ทั้งตัวแทนกลุ่มผู้ค้า และตัวแทนของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการยุติปัญหาต่าง ๆ คณะกรรมการ(ส่วนราชการและกลุ่มพ่อค้า) ได้มีมติให้นับหนึ่งใหม่ทั้งระบบ แต่ยังให้โอกาสผู้ค้ารายเดิมเป็นหลัก มีการร่างระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่หมด มีบทลงโทษที่ชัดเจน ซึ่งจะมีคณะกรรมการฝ่ายอำนวยการที่มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการการจัดบริหารจัดการตลาด ที่คัดเลือกจากกลุ่มผู้ค้า 9 คน ที่จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เนื่องจากในสัญญาสัมปทาน การการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังสงวนสิทธิ์ให้จังหวัดตรัง ในการควบคุมดูแล โดยผู้ค้าทุกรายต้องอยู่ภายใต้กฎกติกาเดียวกันและอยู่ในการควบคุมดูแลของคณะกรรมการฝ่ายอำนวยการของจังหวัด ในเบื้องต้นคือไปสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน ระหว่างการรถไฟฯกับผู้รับสัมปทาน โดยผู้กลุ่มผู้ค้าที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมดต่างได้คัดเลือกตัวทายของกลุ่มจำนวน 9 คน พร้อมทั้งยอมรับระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ฉบับใหม่ และกรรมการชุดใหม่จะเริ่มปฏิบัติได้เมื่อผู้ว่าราชการ จังหวัดตรังได้มีคำสั่งแต่งตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มผู้ค้าเดิมที่เริ่มก่อตั้งตลาด กลุ่มผู้ค้ารายใหม่ กลุ่มผู้ค้าขาจร ทำให้ฝ่ายทหาร(ผบ.จทบ.ทส.) ได้นัดประชุมหารือเพื่อสะสางปัญหาในหลายครั้ง ทั้งตัวแทนกลุ่มผู้ค้า และตัวแทนของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการยุติปัญหาต่าง ๆ คณะกรรมการ(ส่วนราชการและกลุ่มพ่อค้า) ได้มีมติให้นับหนึ่งใหม่ทั้งระบบ แต่ยังให้โอกาสผู้ค้ารายเดิมเป็นหลัก มีการร่างระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่หมด มีบทลงโทษที่ชัดเจน ซึ่งจะมีคณะกรรมการฝ่ายอำนวยการที่มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการการจัดบริหารจัดการตลาด ที่คัดเลือกจากกลุ่มผู้ค้า 9 คน ที่จะต้องได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เนื่องจากในสัญญาสัมปทาน การการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังสงวนสิทธิ์ให้จังหวัดตรัง ในการควบคุมดูแล โดยผู้ค้าทุกรายต้องอยู่ภายใต้กฎกติกาเดียวกันและอยู่ในการควบคุมดูแลของคณะกรรมการฝ่ายอำนวยการของจังหวัด ในเบื้องต้นคือไปสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน ระหว่างการรถไฟฯกับผู้รับสัมปทาน โดยผู้กลุ่มผู้ค้าที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมดต่างได้คัดเลือกตัวทายของกลุ่มจำนวน 9 คน พร้อมทั้งยอมรับระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ฉบับใหม่ และกรรมการชุดใหม่จะเริ่มปฏิบัติได้เมื่อผู้ว่าราชการ จังหวัดตรังได้มีคำสั่งแต่งตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เทศบาลนครตรังเปิดงานแข่งขันทักษะทางวิชาการ “นครตรังวิชาการ” ระดับภาคใต้ ครั้งที่ 10
ที่ลานอเนกประสงค์ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาตรัง นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดงานแข่งขันทักษะทางวิชาการ "นครตรังวิชาการ” ระดับภาคใต้ ครั้งที่ 10 โดยมี นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวรายงาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีนโยบายในการจัดงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น โดยจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์การจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพ และขีดความสามารถในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความรู้ความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน แบ่งการจัดกิจกรรมเป็น 2 ระดับ คือ ระดับภาคและระดับประเทศ ซึ่งในปีการศึกษา 2557 เทศบาลนครตรัง ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพดำเนินการโครงการจัดงานการแข่งขันทักษะทางวิชาการ ระดับภาคใต้ ครั้งที่ 10 ภายใต้ชื่อ "นครตรังวิชาการ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานการจัดการศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ประชาชนทั่วไปและหน่วยงานอื่น ๆ ได้รับทราบถึงศักยภาพ และขีดความสามารถในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 14 จังหวัดภาคใต้ และเพื่อกระตุ้นให้ อปท.พัฒนาศักยภาพในการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานยิ่งขึ้น
โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน 2557 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 14,000 คน จาก 14 จังหวัดภาคใต้ นอกจากจะมีการแข่งขันทักษะทางวิชาการ ยังจะมีการจัดนิทรรศการของ อปท.ต่าง ๆ 26 องค์กร อีกด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้กล่าวว่า จังหวัดตรังและเทศบาลนครตรัง มีความยินดีที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานได้แสดงความสามารถทางวิชาการ ทักษะวิชาชีพ ทักษะการแสดงบนเวที การประกวดและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านวิชาการและมีศักยภาพในด้านศิลปะการแสดง รวมถึงการประดิษฐ์คิดค้นต่าง ๆ ที่สามารถพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพสูงขึ้นได้จริง ทั้งเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพการจัดการศึกษาให้เป็นไปในทิศทางที่พึงประสงค์ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมของเด็กและเยาวชน โดยใช้กลไกทางการศึกษาเป็นตัวนำเพื่อก้าวสู่การเป็นพลเมืองอาเซียนในปีพุทธศักราช 2558 ตามแผนงานของประชาคมอาเซียนต่อไป
โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน 2557 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 14,000 คน จาก 14 จังหวัดภาคใต้ นอกจากจะมีการแข่งขันทักษะทางวิชาการ ยังจะมีการจัดนิทรรศการของ อปท.ต่าง ๆ 26 องค์กร อีกด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้กล่าวว่า จังหวัดตรังและเทศบาลนครตรัง มีความยินดีที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานได้แสดงความสามารถทางวิชาการ ทักษะวิชาชีพ ทักษะการแสดงบนเวที การประกวดและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านวิชาการและมีศักยภาพในด้านศิลปะการแสดง รวมถึงการประดิษฐ์คิดค้นต่าง ๆ ที่สามารถพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพสูงขึ้นได้จริง ทั้งเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพการจัดการศึกษาให้เป็นไปในทิศทางที่พึงประสงค์ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมของเด็กและเยาวชน โดยใช้กลไกทางการศึกษาเป็นตัวนำเพื่อก้าวสู่การเป็นพลเมืองอาเซียนในปีพุทธศักราช 2558 ตามแผนงานของประชาคมอาเซียนต่อไป
จังหวัดนครศรีธรรมราช เตรียมพร้อมจัดงานประเพณีเทศกาลบุญสารทเดือนสิบฉลองพระบรมธาตุสู่มรดกโลกและกาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำปี 2557 ระหว่าง 17-26 กันยายน 2557 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด)
วันนี้ (19 มิ.ย.57) ที่ห้องประชุมราชสีห์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานนุวงศ์ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงานประเพณีเทศกาลบุญสารทเดือนสิบฉลองพระบรมธาตุสู่มรดกโลกและกาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ประจำปี 2557 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในระหว่าง 17-26 กันยายน 2557 ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 ทุ่งท่าลาด ทั้งนี้เพื่อสืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชน ความรักสามัคคีในหมู่คณะ และสนับสนุนการขับเคลื่อนเพื่อให้วัดพระธาตุวรมหาวิหารจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของภาคใต้
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของงานในหลายอย่างเพื่อให้สอดคล้องและมีความเหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น โดยจะมีการออกแบบพื้นที่จัดงานเพื่อให้เป็นรูปแบบเดียวกัน มีความกระชับ เป็นสัดส่วนและสามารถใช้พื้นที่จัดงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในส่วนของกิจกรรมภายในงาน จะประกอบด้วย กิจกรรมด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ลูกหลานชาวเมืองนครได้ร่วมภาคภูมิใจ และกิจกรรมภาคบันเทิง ที่จะสร้างความประทับใจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยเฉพาะการจัดประกวดหฺมฺรับ เพื่อชิงรางวัลหฺมฺรับทองคำพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และริ้วขบวนแห่หฺมฺรับของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มพลังมวลชนและสถานศึกษาในพื้นที่ ที่จะกำหนดให้มีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา เพื่อเคลื่อนไปตามถนนราชดำเนิน จากบริเวณสนามหน้าเมือง ไปยังวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของงานในหลายอย่างเพื่อให้สอดคล้องและมีความเหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น โดยจะมีการออกแบบพื้นที่จัดงานเพื่อให้เป็นรูปแบบเดียวกัน มีความกระชับ เป็นสัดส่วนและสามารถใช้พื้นที่จัดงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในส่วนของกิจกรรมภายในงาน จะประกอบด้วย กิจกรรมด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ลูกหลานชาวเมืองนครได้ร่วมภาคภูมิใจ และกิจกรรมภาคบันเทิง ที่จะสร้างความประทับใจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยเฉพาะการจัดประกวดหฺมฺรับ เพื่อชิงรางวัลหฺมฺรับทองคำพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และริ้วขบวนแห่หฺมฺรับของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มพลังมวลชนและสถานศึกษาในพื้นที่ ที่จะกำหนดให้มีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา เพื่อเคลื่อนไปตามถนนราชดำเนิน จากบริเวณสนามหน้าเมือง ไปยังวัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ
จังหวัดสงขลา จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ครั้งที่ 2 โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณหาดสมิหลา ถนนชลาทัศน์ อ.เมืองสงขลา
วันนี้ (19 มิ.ย. 57) ที่โรงแรมราชมังคลา พาวิลเลี่ยน อ.เมือง จ.สงขลา กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ร่วมกับ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียครั้งที่ 2 ตามโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและ สำรวจออกแบบโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณหาดสมิหลา ถนนชลาทัศน์ อ.เมือง จ.สงขลา เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ กับประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ได้รับทราบถึงความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้เป็นขั้นตอนการพิจารณาเลือกรูปแบบโครงการ ที่เป็นแนวทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหาดสมิหลา ถนนชลาทัศน์ โดยมี นางจินตวดี พิทยเมธากูล ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการประชุม
นายอารยัน รัตนพันธุ์ ผู้แทนกรมเจ้าท่า กล่าวว่า การจัดประชุมแสดงความคิดเห็น จะดำเนินการประชุม 3 ครั้ง การประชุมวันนี้เป็นการนำเสนอแนวทางเลือกในการแก้ไขปัญหา มุ่งเน้นแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งแล้วรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้ครอบคลุมประเด็น ต่าง ๆ ที่เป็นการตอบโจทย์ที่แท้จริงของหาดสมิหลา โดยมีข้อมูลสภาพแวดล้อมปัจจุบันของชายหาด เป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบการตัดสินใจเลือกแนวทางการป้องกันการกัดเซาะชายหาดฯ
สำหรับแนวทางเลือกที่สถาบันวิจัยฯมีความเห็นว่าเหมาะสมกับพื้นที่โครงการ มีทางเลือกทั้งหมด 7 แนวทาง คือ ปล่อยไว้ไม่ต้องทำอะไร ,เสริมทรายชายหาด,เสริมทรายชายหาดและก่อสร้างหัวหาดเทียม,ก่อสร้างสันดอนทรายใต้น้ำและเสริมทรายชายหาด,ก่อสร้างสันดอนทรายใต้น้ำ เสริมทรายชายหาดและก่อสร้างหัวหาดเทียม,ก่อสร้างโดมปะการังเทียมและเสริมทรายชายหาดและ ก่อสร้างโดมปะการังเทียม เสริมทรายชายหาดและก่อสร้างหัวหาดเทียม
ซึ่งการนำเสนอแนวทาง ทั้ง 7 แนวทางนี้ จะอธิบายผลดีผลเสียให้ผู้เข้าประชุมรับทราบ เพื่อจะนำข้อเสนอการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของทางเลือก ที่ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียมีส่วนร่วมพิจารณาตัดสินใจร่วมกันว่าเป็นทาง เลือกที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพหาดสมิหลา ในการประชุมครั้งต่อไป
นายอารยัน รัตนพันธุ์ ผู้แทนกรมเจ้าท่า กล่าวว่า การจัดประชุมแสดงความคิดเห็น จะดำเนินการประชุม 3 ครั้ง การประชุมวันนี้เป็นการนำเสนอแนวทางเลือกในการแก้ไขปัญหา มุ่งเน้นแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งแล้วรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้ครอบคลุมประเด็น ต่าง ๆ ที่เป็นการตอบโจทย์ที่แท้จริงของหาดสมิหลา โดยมีข้อมูลสภาพแวดล้อมปัจจุบันของชายหาด เป็นข้อมูลพื้นฐานประกอบการตัดสินใจเลือกแนวทางการป้องกันการกัดเซาะชายหาดฯ
สำหรับแนวทางเลือกที่สถาบันวิจัยฯมีความเห็นว่าเหมาะสมกับพื้นที่โครงการ มีทางเลือกทั้งหมด 7 แนวทาง คือ ปล่อยไว้ไม่ต้องทำอะไร ,เสริมทรายชายหาด,เสริมทรายชายหาดและก่อสร้างหัวหาดเทียม,ก่อสร้างสันดอนทรายใต้น้ำและเสริมทรายชายหาด,ก่อสร้างสันดอนทรายใต้น้ำ เสริมทรายชายหาดและก่อสร้างหัวหาดเทียม,ก่อสร้างโดมปะการังเทียมและเสริมทรายชายหาดและ ก่อสร้างโดมปะการังเทียม เสริมทรายชายหาดและก่อสร้างหัวหาดเทียม
ซึ่งการนำเสนอแนวทาง ทั้ง 7 แนวทางนี้ จะอธิบายผลดีผลเสียให้ผู้เข้าประชุมรับทราบ เพื่อจะนำข้อเสนอการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของทางเลือก ที่ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียมีส่วนร่วมพิจารณาตัดสินใจร่วมกันว่าเป็นทาง เลือกที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพหาดสมิหลา ในการประชุมครั้งต่อไป
ชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางจังหวัดชุมพรเกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ เป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติ
ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางจังหวัดชุมพร ระบุปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ เป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติ
นายศุภวัตร กาญจน์อดิเรกลาภ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางจังหวัดชุมพร กล่าวถึงปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ เป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติที่ พบได้ในช่วงต้นฤดูฝนของทุกปี ซึ่งบางปีรุนแรงทำให้ ปลา และสัตว์ทะเล ตาย ได้ โดยล่าสุดเกิดขึ้นที่ บริเวณหาดทุ่งวัวแล่น หมู่ 8 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังจากทำการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นผลมาจาก ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ หรือ ปรากฏการณ์น้ำเขียว โดยฝนที่ตกลงมาจะซะล้างเอาสิ่งปฏิกูลจากน้ำจืดลงไปสู่น้ำทะเล ทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอน (สาหร่ายขนาดเล็ก) ซึ่งจะเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่าแพลงก์ตอนบูม เนื่องจากมีปริมาณธาตุอาหารสูงและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เมื่อแพลงก์ตอนมากขึ้น ก็จะทำให้น้ำขาดออกซิเจน ขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น จึงทำให้สัตว์น้ำในทะเลอยู่ไม่ได้และหนีขึ้นฝั่ง จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น
ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ จะเกิดขึ้นทุกปีตามแนวชายฝั่ง ส่วนจะเกิดเป็นระยะเวลายาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ ซึ่งบางปีอาจจะเกิดขึ้นเป็นช่วงระยะเวลาสั้น และจากหายไปเองโดยธรรมชาติ
นายศุภวัตร กาญจน์อดิเรกลาภ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลางจังหวัดชุมพร กล่าวถึงปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ เป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติที่ พบได้ในช่วงต้นฤดูฝนของทุกปี ซึ่งบางปีรุนแรงทำให้ ปลา และสัตว์ทะเล ตาย ได้ โดยล่าสุดเกิดขึ้นที่ บริเวณหาดทุ่งวัวแล่น หมู่ 8 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังจากทำการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นผลมาจาก ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ หรือ ปรากฏการณ์น้ำเขียว โดยฝนที่ตกลงมาจะซะล้างเอาสิ่งปฏิกูลจากน้ำจืดลงไปสู่น้ำทะเล ทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอน (สาหร่ายขนาดเล็ก) ซึ่งจะเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่าแพลงก์ตอนบูม เนื่องจากมีปริมาณธาตุอาหารสูงและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เมื่อแพลงก์ตอนมากขึ้น ก็จะทำให้น้ำขาดออกซิเจน ขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น จึงทำให้สัตว์น้ำในทะเลอยู่ไม่ได้และหนีขึ้นฝั่ง จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น
ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ จะเกิดขึ้นทุกปีตามแนวชายฝั่ง ส่วนจะเกิดเป็นระยะเวลายาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ ซึ่งบางปีอาจจะเกิดขึ้นเป็นช่วงระยะเวลาสั้น และจากหายไปเองโดยธรรมชาติ
เทศบาลตำบลคึกคักช่วยเหลือบ้านเรือนและสถานประกอบการที่เสียหายจากกรณีพายุพัดซัดคลื่นเข้าฝั่ง
จากกรณีพายุพัดซัดคลื่นเข้าฝั่งบริเวณเขาหลัก ทำให้บ้านเรือนและสถานประกอบการเสียหายหลายหลัง ขณะนี้เทศบาลตำบลคึกคักได้ออกให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
จากเหตุการณ์ฝนตกหนักประกอบกับคลื่นลมแรง ได้พัดกระหน่ำทำให้บ้านเรือน ตลอดจนสถานประกอบการบริเวณบ้านปากวีป บ้านบางขยะ บ้านบางเนียง บ้านคึกคัก ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ได้รับความเสียหายนั้น ขณะนี้ทางเทศบาลตำบลคึกคัก นำโดยนายสวัสดิ์ ตันเก่ง นายกเทศมนตรี ฯ / นายสิริธร บัวแก้ว รองนายกฯ พร้อมทีมบริหาร ออกให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
จากที่ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงที่ผ่านมา จึงต้องมีการจัดชุดเฉพาะกิจของเทศบาล หรือชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อเฝ้าระวัง พร้อมออกให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงที เช่น ออกให้บริการตัดกิ่งไม้ที่โค่นล้มใส่บ้านเรือนและขวางทางถนน เตรียมกระสอบทรายไว้ทำเขื่อนกั้นน้ำ นอกจากนี้ยังได้ออกประกาศให้พี่น้องประชาชนขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมงหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระมัดระวังสภาวะฝนตกหนักและลมแรงต่อไปอีก 1-2 วัน
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กในทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
จากเหตุการณ์ฝนตกหนักประกอบกับคลื่นลมแรง ได้พัดกระหน่ำทำให้บ้านเรือน ตลอดจนสถานประกอบการบริเวณบ้านปากวีป บ้านบางขยะ บ้านบางเนียง บ้านคึกคัก ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ได้รับความเสียหายนั้น ขณะนี้ทางเทศบาลตำบลคึกคัก นำโดยนายสวัสดิ์ ตันเก่ง นายกเทศมนตรี ฯ / นายสิริธร บัวแก้ว รองนายกฯ พร้อมทีมบริหาร ออกให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
จากที่ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงที่ผ่านมา จึงต้องมีการจัดชุดเฉพาะกิจของเทศบาล หรือชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อเฝ้าระวัง พร้อมออกให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างทันท่วงที เช่น ออกให้บริการตัดกิ่งไม้ที่โค่นล้มใส่บ้านเรือนและขวางทางถนน เตรียมกระสอบทรายไว้ทำเขื่อนกั้นน้ำ นอกจากนี้ยังได้ออกประกาศให้พี่น้องประชาชนขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมงหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระมัดระวังสภาวะฝนตกหนักและลมแรงต่อไปอีก 1-2 วัน
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กในทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
ทัพภาคที่ 4 จัดระเบียบสังคม กวาดล้างการกระทำผิดกฎหมายให้เรียบร้อยก่อน เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมก่อนดำเนินการตามโรดแมป
คสช. ได้มี โร้ดแมป เดินหน้าประเทศไทย 3 ขั้นตอน และ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 41/2557เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพื่อให้การบริหารราชการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและสังคมโดยรวม
พลตรีนพวงศ์ สุระวิชัย รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงทั้งสองเรื่องเป็นสิ่งที่ต้องทำตามลำดับ เพื่อสร้างสภาวะความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคม
การดำเนินการต่าง ๆ นั้น คสช. สั่งการให้บูรณาการการทำงานร่วมกัน ของทุกฝ่าย
พลตรีนพวงศ์ สุระวิชัย รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงทั้งสองเรื่องเป็นสิ่งที่ต้องทำตามลำดับ เพื่อสร้างสภาวะความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในสังคม
การดำเนินการต่าง ๆ นั้น คสช. สั่งการให้บูรณาการการทำงานร่วมกัน ของทุกฝ่าย
ฝนหนัก ลมแรง บ้านเรือนเสียหาย กำแพงกั้นชายหาดเขาหลักโดนคลื่นซัด พังเสียหาย
พังงาเจอฝนหนัก ลมแรง บ้านเรือนเสียหาย กำแพงกั้นชายหาดเขาหลักโดนคลื่นซัด พังเสียหาย
นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เปิดเผย หลังจากฝนตกหนัก และมีลมกระโชกแรง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพังงา ระหว่างวันที่ ๑๓ – ๑๔ มิถุนายน ที่ผ่านมา จากการสำรวจ พบประชาชนได้รับผลกระทบใน ๔ อำเภอ คือ
๑) อำเภอท้ายเหมือง มีบ้านเรือนเสียหาย ที่ตำบลท้ายเหมือง ๑๐ หลัง, ตำบลทุ่งมะพร้าว ๕ หลัง, ตำบลนาเตย ๒๐ หลัง, ตำบลลำภี ๒ หลัง, สวนยางพาราเสียหายที่ ตำบลนาเตย ประมาณ ๑๕ ไร่และที่ตำบลลำภี ประมาณ ๒ ไร่
๒) อำเภอตะกั่วป่า มีบ้านเรือนเสียหาย ที่ตำบลบางม่วง ๕ หลัง, ตำบลคึกคัก ๕ หลัง และตำบลบางนายสี ๑๐ หลัง
๓) อำเภอคุระบุรี มีบ้านเรือนเสียหาย ๓๐ หลัง และ
๔) อำเภอตะกั่วทุ่ง ที่ตำบลโคกกลอย ซึ่งอยู่ในระหว่างสำรวจ
ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวในส่วนของบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอำเภอ ได้ให้การช่วยเหลือ โดยการมอบอุปกรณ์ในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายแล้ว และประสาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา สำนักงานบำรุงทาง สำนักงานทางหลวงชนบท และภาคเอกชน ติดตามสถานการณ์และเตรียมเครื่องจักรกลและอุปกรณ์พร้อมรับสถานการณ์ต่อไป โดยแจ้งเตือนและเตรียมความพร้อมรับอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในระยะ ๑๖ - ๑๘ มิถุนายนนี้
สำหรับ ที่บริเวณชายหาดบางเนียง ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้เกิดคลื่นยักษ์ความสูงไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซัดเข้าถล่มตลอดแนวชายฝั่งเขาหลัก ทำให้รีสอร์ทริมหาดและร้านค้าตลอดแนวชายหาดประมาณ 13 กิโลเมตร ได้รับผลกระทบจากคลื่น รวมทั้งลมพายุที่ทำให้บ้านเรือนและร้านค้าเสียหายจำนวนมาก จนต้องเร่งซ่อมกำแพงกั้นคลื่นที่เริ่มมีการแตกหักร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เปิดเผย หลังจากฝนตกหนัก และมีลมกระโชกแรง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพังงา ระหว่างวันที่ ๑๓ – ๑๔ มิถุนายน ที่ผ่านมา จากการสำรวจ พบประชาชนได้รับผลกระทบใน ๔ อำเภอ คือ
๑) อำเภอท้ายเหมือง มีบ้านเรือนเสียหาย ที่ตำบลท้ายเหมือง ๑๐ หลัง, ตำบลทุ่งมะพร้าว ๕ หลัง, ตำบลนาเตย ๒๐ หลัง, ตำบลลำภี ๒ หลัง, สวนยางพาราเสียหายที่ ตำบลนาเตย ประมาณ ๑๕ ไร่และที่ตำบลลำภี ประมาณ ๒ ไร่
๒) อำเภอตะกั่วป่า มีบ้านเรือนเสียหาย ที่ตำบลบางม่วง ๕ หลัง, ตำบลคึกคัก ๕ หลัง และตำบลบางนายสี ๑๐ หลัง
๓) อำเภอคุระบุรี มีบ้านเรือนเสียหาย ๓๐ หลัง และ
๔) อำเภอตะกั่วทุ่ง ที่ตำบลโคกกลอย ซึ่งอยู่ในระหว่างสำรวจ
ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวในส่วนของบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอำเภอ ได้ให้การช่วยเหลือ โดยการมอบอุปกรณ์ในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายแล้ว และประสาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา สำนักงานบำรุงทาง สำนักงานทางหลวงชนบท และภาคเอกชน ติดตามสถานการณ์และเตรียมเครื่องจักรกลและอุปกรณ์พร้อมรับสถานการณ์ต่อไป โดยแจ้งเตือนและเตรียมความพร้อมรับอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในระยะ ๑๖ - ๑๘ มิถุนายนนี้
สำหรับ ที่บริเวณชายหาดบางเนียง ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้เกิดคลื่นยักษ์ความสูงไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซัดเข้าถล่มตลอดแนวชายฝั่งเขาหลัก ทำให้รีสอร์ทริมหาดและร้านค้าตลอดแนวชายหาดประมาณ 13 กิโลเมตร ได้รับผลกระทบจากคลื่น รวมทั้งลมพายุที่ทำให้บ้านเรือนและร้านค้าเสียหายจำนวนมาก จนต้องเร่งซ่อมกำแพงกั้นคลื่นที่เริ่มมีการแตกหักร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
กาชาดจังหวัดระนองช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่เสี่ยง
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง ยืนยันกาชาดพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยธรรมชาติในทุกพื้นที่ ย้ำให้ทุกคนเตรียมความพร้อมและไม่ประมาท โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง
นางเสาวนีย์ จำปาเทศ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง กล่าวถึงประชาชนจังหวัดระนองที่ประสบวาตภัยในช่วง 13 ถึง 14 มิถุนายนที่ผ่านมาขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ประสบเหตุ กับภัยธรรมชาติที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ในส่วนความช่วยเหลือกาชาดจังหวัดระนอง ได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพ 35 ชุด ให้ผู้ประสบวาตภัยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่เกาะคณฑี หมู่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง ซึ่งมีบ้านเรือนราษฎรเสียหาย 35 หลังคาเรือน และพื้นที่เกาะสินไห ที่ประสบวาตภัยเช่นกัน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ทางกาชาดจังหวัดระนองได้จัดส่งถุงยังชีพจำนวน 40 ชุด เป็นการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยทั้งหมดได้ถึงมือผู้ประสบภัยแล้ว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังและดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ โดยหากมีเหตุฉุกเฉิน สามารถติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดังนี้
กู้ภัยจังหวัดระนอง 077-811100
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง 077-800191
กาชาดจังหวัดระนอง 077-821522
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนองยังกล่าว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ที่ประสบภัยพิบัติ และอยากให้ทุกคนเตรียมความพร้อม ซักซ้อมความเข้าใจและวิธีปฏิบัติหากเกิดภัยพิบัติ ซึ่งที่ผ่านมาทางกาชาดจังหวัดระนอง ก็ได้ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการให้ความรู้ในวิธีการเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติต่าง ๆ พร้อมกันนี้ยังได้ย้ำเตือนให้ประชาชนในชุมชน เน้นความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ง่ายขึ้น
นางเสาวนีย์ จำปาเทศ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนอง กล่าวถึงประชาชนจังหวัดระนองที่ประสบวาตภัยในช่วง 13 ถึง 14 มิถุนายนที่ผ่านมาขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่ประสบเหตุ กับภัยธรรมชาติที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ในส่วนความช่วยเหลือกาชาดจังหวัดระนอง ได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพ 35 ชุด ให้ผู้ประสบวาตภัยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่เกาะคณฑี หมู่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง ซึ่งมีบ้านเรือนราษฎรเสียหาย 35 หลังคาเรือน และพื้นที่เกาะสินไห ที่ประสบวาตภัยเช่นกัน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ทางกาชาดจังหวัดระนองได้จัดส่งถุงยังชีพจำนวน 40 ชุด เป็นการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยทั้งหมดได้ถึงมือผู้ประสบภัยแล้ว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังและดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ โดยหากมีเหตุฉุกเฉิน สามารถติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดังนี้
กู้ภัยจังหวัดระนอง 077-811100
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง 077-800191
กาชาดจังหวัดระนอง 077-821522
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดระนองยังกล่าว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ที่ประสบภัยพิบัติ และอยากให้ทุกคนเตรียมความพร้อม ซักซ้อมความเข้าใจและวิธีปฏิบัติหากเกิดภัยพิบัติ ซึ่งที่ผ่านมาทางกาชาดจังหวัดระนอง ก็ได้ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการให้ความรู้ในวิธีการเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติต่าง ๆ พร้อมกันนี้ยังได้ย้ำเตือนให้ประชาชนในชุมชน เน้นความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกัน ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ง่ายขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)