วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โครงการสมัชชาป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม

นายปฐม สาธิตานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีเปิด "โครงการสมัชชาป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม" จัดโดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองในการป้องกันและแก้ไขปัญหา พร้อมกับสร้างแกนนำให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในชุมชนเบื้องต้นได้ โดยมีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด กรรมการผู้ทรงวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด คณะอนุกรรมการสหวิชาชีพจังหวัด คณะกรรมการส่งเสริมความประพฤตินักเรียน นักศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เข้าร่วมเสวนาและระดมความคิดเห็นในการหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวจำนวนมาก

สืบเนื่องมาจากปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น ปัจจุบันเป็นปัญหาสำคัญ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางประเพณีวัฒนธรรมสังคม รวมทั้งความเชื่อทางเพศที่ผิดๆ ซึ่งการตั้งครรภ์ไม่พร้อมอาจก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวและสังคม เนื่องจากสภาพความไม่พร้อมของบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบทั้งสองฝ่าย ปัญหาการปรับตัว ฐานะ วุฒิภาวะ ความรับผิดชอบ การทะเลาะเบาะแว้ง ย่อมทำให้เกิดปัญหาภายในครอบครัวตลอดจนการหมดโอกาสในการเรียนต่อ เพราะต้องรับภาระหน้าที่ความเป็นพ่อแม่ก่อนวัยอันควร ซึ่งมีผลต่อการสร้างรากฐานการดำเนินชีวิตตามสังคมที่ยอมรับได้

ดังนั้นการเรียนรู้และเข้าใจผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ไม่พร้อม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ต่อพฤติกรรมทางเพศจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชุมพร เป็นองค์กรขับเคลื่อนการทำงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 จึงได้จัดโครงการเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในสังคมต่อไป 

กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวิชาการ ภายใต้ชื่อ “ภาคภูมิ...ยินดี ศักดิ์ชาวชุมพร”

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 57 สำนักงานเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวิชาการ ภายใต้ชื่อ "ภาคภูมิ...ยินดี ศักดิ์ชาวชุมพร” ครั้งที่ 4 โดยได้รับเกียรติจาก นายเกษม สดงาม ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เดินทางมาเป็นประธานพร้อมด้วย นายวัลลพ สงวนนาม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 โดยนักเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียน ในสังกัดเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ กว่า 600 คน

ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่ศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 ได้พัฒนาคุณภาพการศึกษา ภายใต้แนวคิดหลักการเชื่อโยงนโยบายสู่การปฏิบัติ เร่งพัฒนาคุณภาพอย่างเป็นระบบ ด้วย 8 จุดเน้นสู่ระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ครบถ้วนการประเมิน จัดให้มีการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษาโดยเครือข่ายสถานศึกษา จัดกลุ่มคุณภาพโรงเรียน ประเมินความพึงพอใจอย่างรอบด้าน บรรลุเป้าหมายความสำเร็จ "เด็กชุมพรวันนี้ เก่งดีถ้วนหน้า” ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 เพื่อนำเสนอผลงานของนักเรียนที่ได้เข้าร่วมประกวดและแข่งขันในงานศิลปะหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 63 และเผยแพร่ความก้าวหน้าทางวิชาการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของครูและนักเรียน รวมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับชาติ ซึ่ง ชุมพรเขต 1 ได้รับรางวัลเหรียญทองสูงสุดระดับชาติ ไม่นับนักเรียนร่วม 35 เหรียญทอง 15 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง และหากนับนักเรียนร่วมด้วย จะได้เป็นลำดับที่ 2 ระดับชาติ 44 เหรียญทอง 17 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง

ทั้งนี้ภายในงานได้จัดกิจกรรมหลายอย่าง อาทิ การจัดนิทรรศการและการสาธิตผลงานทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของนักเรียนที่ผ่านการประกวดและการแข่งขันระดับชาติมาแสดงผลงาน การเสวนาทางวิชาการของครูผู้สอนที่พัฒนานักเรียนจนประสบความสำเร็จ และการมอบโล่และเกียรติบัตรสำหรับ 34 โรงเรียนที่ได้รับรางวัลระดับชาติ 

สำรวจเส้นทางการจราจรสายใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดของถนนสายรอบเกาะสมุย

 รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุยนำทีมสำรวจเส้นทางการจราจรสายใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดของถนนสายรอบเกาะสมุย

วันนี้ ( 27 ก.พ.57 ) นายสุธรรม สามทอง รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย กล่าวขณะนำทีมสำรวจเส้นทางการจราจรสายใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางการจราจร และเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดของถนนสายรอบเกาะสมุยด้วยปัจจุบันเกาะสมุยมีปัญหาการจราจรติดขัดมากขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนมากนิยมเช่ารถยนต์เพื่อขับไปเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ บวกกับถนนรอบเกาะสมุยเป็นถนนที่รถวิ่งได้สองเลนเท่านั้นจึงเกิดปัญหาการจราจรติดขัดอย่างมาก โดยเฉพาะเส้นทางถนนสายรอบเกาะ คือเส้นทางบริเวณบ้านแม่น้ำจนถึงถนนเส้นทางฝั่งเฉวงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างมาก

เทศบาลนครเกาะสมุยจึงได้ลงสำรวจเส้นทางการจราจรสายใหม่ที่ตัดถนนจากแม่น้ำซอย1 ไปจนถึงถนนเส้นละไมซึ่งขณะนี้ได้มีการออกสำรวจติดตั้งป้ายจราจร และป้ายบอกสถานที่ตำแหน่งท่องเที่ยวหลักๆ โดยเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด

สำหรับเส้นทางสายใหม่ที่ลงสำรวจนั้น ปกติจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวบ้างส่วนได้มีการใช้เส้นทางอยู่แล้วแต่ยังไม่มากนักเนื่องจากหลายคนยังไม่รู้จักเส้นทางซึ่งหลังจากมีการติดตั้งป้ายจราจรเสร็จสิ้นแล้ว เทศบาลนครเกาะสมุยก็จะมีแผนประชาสัมพันธ์ในการเปิดเส้นทางสายใหม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับรู้ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง  

พังงา แล้งอย่างหนักในรอบ 8 ปี เกษตรจังหวัดเตรียมขอพระราชทานฝนหลวงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

จังหวัดพังงา ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักในรอบ 8 ปี เกษตรจังหวัดเตรียมขอพระราชทานฝนหลวงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

นายยรรยง วัฒนศรี เกษตรจังหวัดพังงา กล่าวใน พื้นที่หลายแห่งในจังหวัดพังงาประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วง และเกิดภัยแล้งต่อเนื่องมานานกว่า 3 เดือน ทำให้พื้นที่การเกษตรหลายแห่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก รวมทั้งเกิดอัคคีภัยเผาผลาญไม้ผล และไม้ยืนต้นเสียหายแล้วหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในอำเภอตะกั่วป่า อำเภอเมืองพังงา อำเภอท้ายเหมือง และอำเภอคุระบุรี ซึ่งความแห้งแล้งทำให้เกิดไฟป่าเผาต้นยางพารา และต้นปาล์มน้ำมันได้รับความเสียหายไปแล้วไม่น้อยกว่า 800 ไร่ ทั้งนี้ จึงได้แจ้งเตือนให้เกษตรกรเฝ้าระวังอัคคีภัย และหาทางป้องกันไว้เป็นการด่วน รวมทั้งให้จัดหาแหล่งน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง เพื่อป้องกันความเสียหายทางด้านการเกษตรอีกด้วย

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคเกษตรขณะนี้คือ พืชขาดแคลนน้ำ จะทำให้ผลผลิตลดต่ำลง ซึ่งจังหวัดพังงา มีพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ประกอบด้วย ยางพารา จำนวน 807,834 ไร่ ปาล์มน้ำมัน จำนวน 153,392 ไร่ ไม้ผล จำนวน 69,903 ไร่ เพื่อเป็นการแก้ไข และลดความรุนแรงของปัญหา ทางจังหวัดพังงาได้ส่งรายงานสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงที่เกิดขึ้นในจังหวัดพังงาตั้งแต่ปลายปี 2556 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ส่งผลกระทบต่อน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ถึงอธิบดีฝนหลวงและการบินเกษตรเพื่อขอความอนุเคราะห์พิจารณาปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่จังหวัดพังงาต่อไป

จังหวัดสตูล จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ประจำปี ๒๕๕๗

(๒๗ ก.พ.๕๖) นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดสตูล ประจำปี ๒๕๕๗ ณ ห้องประชุมโต๊ะหยงกง ศาลากลางจังหวัดสตูล

ทั้งนี้จังหวัดสตูล ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งประจำปี ๒๕๕๗ เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้ง ด้วยการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อการเลี้ยงสัตว์ และน้ำเพื่อการเกษตร สาระสำคัญการประชุม จังหวัดได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสตูล รวบรวมข้อมูล เตรียมขอฝนหลวง จากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งได้มาจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ เป็นการเฉพาะ ณ กองบิน ๕๖ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป พร้อมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานในจังหวัด อาทิ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล กองพันทหารราบที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๕ หน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ ๔๕ สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสตูล แขวงการทางสตูล เป็นต้น จัดสรร รถบรรทุกน้ำ/เครื่องจักร เพื่อช่วยเหลือปัญหาภัยแล้ง โดยมีสำนักงานการประปาภูมิภาคสาขาสตูล สนับสนุนน้ำประปาให้แก่ส่วนราชการที่มาขอรับเพื่อนำไปแจกจ่ายราษฎรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค โดยผู้ได้รับความเดือดร้อนสามารถสอบถามรายละเอียดเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล โทรศัพท์ ๐-๗๔๗๒-๒๑๒๑–๒

เครือข่ายประชาสัมพันธ์สงขลา เยี่ยมชม ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อ.คลองหอยโข่ง ตามโครงการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

วันนี้ (27 ก.พ.57) ที่ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อ.คลองหอยโข่ง  จ.สงขลา สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรมเวทีเสวนาและศึกษาดูงานโครงการตามพระราชดำริ เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจ พระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยมี สมาชิกอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน (อปม.) และสื่อมวลชนของจังหวัดสงขลา กว่า 50 คน เข้าร่วมกิจกรรม

นายดำรง เศวตพรหม ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลากล่าวว่า การศึกษาดูงานฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริฯ เป็นกิจกรรมตามโครงการตามพระราชดำริ เพื่อประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา ได้รับมอบหมายจากกรมประชาสัมพันธ์ ในการจัดกิจกรรมโครงการเพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจ พระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความตระหนักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหา กษัตริย์ไทย

สมาชิกอาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน (อปม.) และสื่อมวลชน ซึ่งเป็นเครือข่ายประชาสัมพันธ์ของจังหวัดสงขลา ที่มาเยี่ยมชมศึกษาดูงานในครั้งนี้ สามารถนำ ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการศึกษาดูงานครั้งนี้ ไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สู่ชุมชน สู่ประชาชนอย่างกว้างขวางต่อไป

สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ดูงานแหล่งเรียนรู้ในการทำอาชีพทางการเกษตร อาทิ พื้นที่แปลงเกษตร นาข้าว งานประมง งานปศุสัตว์ งานพืชผัก พืชไร่ ไม้ผล งานเพาะเห็ด งานปรับปรุงดิน เป็นต้น และในภาคบ่ายกิจกรรมเสวนาแนวทางการนำความรู้ที่ได้รับจากการดูงานโรงการ ฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อไป

ผู้ว่าฯ สงขลา เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดสงขลา พร้อมมอบเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ”

ที่ศาลากลาง จ.สงขลา อ.เมืองสงขลา วันนี้ (27 ก.พ.) นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดสงขลา พร้อมเป็นประธานมอบเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมประชุม จำนวนกว่า 200 คน    

ในโอกาสนี้ นายกองตรี จิรโรจน์ สำแดง ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย ได้มีประกาศว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดนอัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ประดิษฐานบนเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” และต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” แก่ผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน เพื่อมอบแก่ผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ และผู้ประกอบคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อกิจการกองอาสารักษาดินแดน และประเทศชาติเป็นส่วนรวมสมควรได้รับการยกย่องเป็นพิเศษ

กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดน จึงได้มีประกาศเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2556 มอบเครื่องหมาย “รักษาดินแดนยิ่งชีพ” แก่ นายศิลปชัย เรือนสูง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง นายอำเภอคลองหอยโข่ง

พระราชทานเพลิงศพ กปปส.ยะลา เหยื่อสลายการชุมนุม มวลชนนับ 1,000 เข้าร่วมไว้อาลัย

วันที่ 27 ก.พ. 57 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ฌาปณสถาน ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.อ.เพิ่มศักดิ์ พวงสาโรจน์ หัวหน้าคณะทำงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คณะที่ 1 เป็นประธานในพิธี พระราชทานเพลิงศพ นายศรัทธา แซ่ด่าน แกนนำ กปปส.ยะลา จ.ยะลา ที่ถูกยิงเสียชีวิต จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมทางการเมือง ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 18 ก.พ.57 ที่ผ่านมา โดยมีนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล สว.ปัตตานี ญาติและมวลชน กปปส.ยะลา กว่า 2,000 คน เข้าร่วม ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าโศกเสียใจของญาติพี่น้อง และมวลชนผู้ร่วมอุดมการณ์

โอกาสนี้ ด.ญ.อัญมนี แซ่ด่าน บุตรสาว ได้อ่านสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานหีบเพลิง แก่ นายศรัทธา แซ่ด่าน ซึ่งนับเ ป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม เป็นเกียรติอันสูงสุดแก่ผู้วายชนม์ และวงศ์ตระกูลแซ่ด่านอย่างหาที่สุดมิได้  จากนั้นประธานในพิธีได้มอบธงชาติ และมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวจำนวนหนึ่ง

สำหรับนายนายศรัทธา แซ่ด่าน เกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2513 ที่ต.ตะเครียะ อ.ระโนด จ.สงขลา เป็นบุตรของคุณพ่อแดงและคุณแม่ขิน แซ่ด่าน มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา 12 คน เป็นบุตรคนที่ 8 ของครอบครัว สมรสกับนางจงจิตร แซ่ด่าน มีบุตร 3 คน สำหรับนายศรัทธา แซ่ด่าน อดีตเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสะเตงนอก เมื่อปี 2551 เป็นประธานชมรมเยาวชนสัมพันธ์ในชุมชนสวนส้มยะลา จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน และทำหน้าที่เป็น ผบ.ร้อยอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) ในโครงการพระราชดำริ ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ วาระสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ได้เข้าร่วมชุมนุม กปปส.กับมวลมหาชน ณ กรุงเทพมหานคร และถูกยิงที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า จากการสลายการชุมนุม และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ก.พ.57 (เวลา 18.30 น.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ได้เป็นประธานในพิธีสวดอภิธรรมศพนายศรัทธา แซ่ด่าน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือส่วนตัวจำนวนหนึ่งให้กับนางจงจิตร แซ่ด่าน ครอบครัวผู้สูญเสีย


ยุทธนา จันทร์วิมาน  ส.ปชส.ยะลา

ศอ.บต.หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันหามาตรการการเสริมสร้างความปลอดภัย และความเข้มแข็งของหมู่บ้านในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้บ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อการสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในภาพรวม โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนเป้าหมายอ่อนแอที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสงขลา นายอำเภอ ป้องกันจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อปรึกษาหารือร่วมกำหนดมาตรการการเสริมสร้างความปลอดภัยและความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชนในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 (เวลา 14.30 น) ณ ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารเอนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)  โดยมีพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักประสานนโยบายสังคมจิตวิทยา  และผู้อำนวยการสำนัก/กอง ศอ.บต. เข้าร่วมประชุม

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นนั้น ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันทำอย่างไรให้ประชาชนมีความปลอดภัย รวมถึงการสร้างหลักประกันและหามาตรการเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น โดยเฉพาะกับผู้บริสุทธิ์และกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ เช่น พระ ครู เด็ก สตรี คนชรา ให้พวกเขามีความปลอดภัย ขณะเดียวกันจะต้องจัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปพูดคุยกับพระเพื่อลดความหวาดระแวง และไม่อยากให้ชาวบ้านเชื่อข่าวลือ และนำข่าวลือเป็นข้อเท็จจริง การจะพิสูจน์ว่าใครกระทำผิดจะต้องมีพยาน หลักฐานให้ชัดเจน ถ้ายังไม่ชัดเจนอย่าเพิ่งสรุปว่าเป็นการกระทำของใคร ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย อยากให้คนในหมู่บ้านสร้างความเข้มแข็งในแต่ละกลุ่มให้สามารถดูแลตนเองได้ โดยให้อยู่กันอย่างพี่น้องกันเพื่อจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทางภาครัฐก็จะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน เข้าไปพบปะเยี่ยมเยียน เพื่อช่วยกันบริหารความรู้สึกของชาวบ้าน ที่สำคัญคือ เราจะทำอย่างไรให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจและนึกถึงเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอันดับแรก เมื่อมีเรื่องเดือดร้อน ที่สำคัญ หน่วยงานของภาครัฐเองก็ต้องปฏิบัติและดูแลพื้นที่ของตนอย่างเข้าใจและเข้าถึง ด้วยเช่นกัน

สสค. จัดโครงการพี่ร้องให้น้องได้เรียนครั้งที่ 2 เข้ากองทุนพี่ร้องให้น้องเรียน ก.ย.57 นี้

นายสุธี อารีย์พงศ์  ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลบ้านสามกอง กล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) คณะกรรมการปฎิรูปการเรียนรู้จังหวัดภูเก็ต และกลุ่มศิลปินแกรมมี่ จัดมหกรรมคอนเสิร์ต “พี่ร้องให้น้องได้เรียน The Musical ตอน สมองสองข้างสร้างสรรค์เมืองภูเก็ตเรา” ภายใต้โครงการ ส่งเสริมความสามารถพิเศษด้านงานศิลป์ Natural & Cultural Art in Phuket เพื่อระดมทุนก่อตั้ง “มูลนิธิสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต” และสร้างกองทุน” พี่ร้องให้น้องได้เรียนเพื่อเป็นที่ปรึกษาทิศทางของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษาให้เยาวชนเมืองภูเก็ตโดยมีศิลปินเข้าร่วมมากมาย เช่นอาจารย์ สังคม  ทองมี ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ ซึ่งจะจัดขึ้นที่ แอฟโฟร์ไดท์ คาบาเร่โชว์ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 15 เดือนกันยายน 2556ที่ผ่านมาซึ่งได้จัดตั้ง กองทุนพี่ร้องให้น้องได้เรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
โดยในครั้งนี้ทางคณะผู้จัดมีความประสงค์ต้องการจัดโครงการพี่ร้องให้น้องได้เรียนครั้งที่ 2 ขึ้นในเดือนกันยายน 2557 ขึ้นอีกครั้ง โดยนำศิลปินด้านศิลปะเช่นอาจารย์ สังคม  ทองมี มาให้ความรู้แก่เยาวชนภูเก็ตในด้านการศึกษาศิลปะ อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เยาวชนภูเก็ตมีความสามารถพิเศษและสนใจงานศิลปะแขนงอื่นๆได้รับการส่งเสริมอีกด้วย นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าวแล้วสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) คณะกรรมการปฎิรูปการเรียนรู้จังหวัดภูเก็ต และกลุ่มศิลปินแกรมมี่ ยังร่วมกันสอนทักษะให้ผู้เรียนสามารถฝึกปฎิบัติทางวิชาศิลปะให้มีความรู้ใหม่ๆ ใช้เวลาว่าให้เกิดประโยชน์รู้จักการทำงานเป็นทีม และเป็นการกระตุ้นให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันมาสนใจการส่งเสริมให้ลูกหลานของตนพัฒนาสมองซีกขวามากขึ้นอีกด้วย

ภูเก็ตเจ้าภาพบาสเกตบอลนักเรียนเฉลิมพระเกียรติฯ ชิงแชมป์ประเทศไทย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.พ.57 นายธัชชเวชว์   จันทร์สุขศรี ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 14 เป็นประธานการประชุมคระกรรมการแข่งขันบาสเกตบอลนักเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าศิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2557  รอบชิงชนะเลิศแห่งประแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 28 ส.ค.-4 ก.ย. 57 โดยมี นายสาโรจน์  อังคลาพิลาส นายกสมาคมกีฬาภูเก็ต
นายเกียรติศักดิ์ ปิลวาสน์  อุปนายกสมาคมกีฬาภูเก็ต นายอุเทน  จิตต์สำรวย ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีภูเก็ต  นายชลำ  อรรถธรรม ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายเกียรติศักดิ์  กล่าวว่า  การแข่งขันบาสเกตบอลนักเรียนถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าศิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ “SPONSOR  THAILAND  CHAMPIONSHIP” นับว่าเป็นการพัฒนากีฬาบาสเกตบอลที่สำคัญของประเทศไทยเพราะเป็นการจัดการแข่งขันระดับรากหญ้า ปูพรหมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เป็นเสาหลักที่จะสร้างนักกีฬาบาสเกตบอลตั้งแต่ระดับเยาวชน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ความเป็นเลิศในระดับทีมชาติต่อไปในอนาคต ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังโครงการอันได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้สนับสนุนภาคเอกชนอันได้แก่ เครื่องดื่มเกลือแร่สปอนเซอร์ ได้เข้าไปอยู่ในใจของนักกีฬา เพราะจัดได้ว่าโครงการแข่งขันบาสเกตบอลหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน 12 ปี และในปีนี้ปีที่ 13 เปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าร่วมแข่งขันได้ทั่วทุกคน ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

นายธัชชเวชว์  กล่าวว่า ทางเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 14 ร่วมกับโรงเรียนสตรีภูเก็ตจัดการแข่งขันบาสเกตบอลนักเรียนเฉลิมพระเกียรติฯ ชิงแชมป์ประเทศไทยและชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าศิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพ จึงได้จัดการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันและได้มอบหมายงานให้แต่ละฝ่ายร่วมกันรับผิดชอบ ซึ่งทีมที่เข้าแช่งขันในครั้งนี้เป็นระดับนักเรียนทั้งหมด ที่สำคัญยังเป็นการมอบการเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้ศึกษานอกห้องเรียนในด้านการกีฬา

การแข่งขันเทควันโดนานาชาติภูเก็ต แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557 ที่จังหวัดภูเก็ต 3 พ.ค.57 นี้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.พ.57 ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับนายสาโรจน์  อังคลาพิลาส นายกสมาคมกีฬาจังหวัดภูเก็ต นางกิระนุช  ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา และคณะผู้จัดการแข่งขันเทควันโดนานาชาติภูเก็ต แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557 เนื่องในโอกาสเข้าหารือการจัดการแข่งขันกีฬาดังกล่าว

นางกิระนุช กล่าวว่า การแข่งขันเทควันโดนานาชาติภูเก็ต แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557
จะจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 2557 ที่ศูนย์กีฬาเทศบาลนครภูเก็ต โรงยิมเนเซียม 4000 ที่นั่ง โดยมี โค้ช เช ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทยและทีมเอเชียเข้าร่วมชมและเป็นกรรมการตัดสิน ซึ่งการแข่งขัน กีฬาในระดับนานาชาติจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มพูนกีฬาให้มีความคลาสสิค และสู่ความเป็นเลิศ นักกีฬาจะได้เพิ่มพูนทักษะ รวมถึงกรรมการได้มีความก้าวสู่นานาชาติด้วย

นางกิระนุช ยังกล่าวต่ออีกว่า การจัดการแข่งขันในครั้งนี้ มี 10 ประเทศ โดยมีการตอบรับคำเชิญมาแล้วจำนวน 5 ประเทศได้แก่ จีน รัสเซีย เกาหลี มาเลเซีย ญี่ปุ่น และทีมนักกีฬาไทยจากทั่วทุกภูมิภาค
ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภูเก็ต สมคมเทควันโดแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดภูเก็ต และภาคเอกชน ที่ให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขันในครั้งนี้

สำหรับการแข่งขันเทควันโดนานาชาติภูเก็ต แชมป์เปี้ยนชิพ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2557ในครั้งนี้ผู้สนใจสามารถ สมัครด้วยตนเองทางออนไลน์ ส่งเอกสารสมัคร ทางอีเมล์ ที่
phuketintertkd@gmail.com ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2557

เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 เร่งพัฒนาท่าเรือท่องเที่ยวภาคใต้ฝั่งอันดามัน รับเออีซี

นายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 รับผิดชอบ 6 จังหวัดอันดามัน ประกอบด้วย ภูเก็ต พังงา กระบี่ สตูล ตรัง และระนอง กล่าวว่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค  ที่ 5 เดินหน้าพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ 6 จังหวัด พร้อมขุดลอกร่องน้ำ รับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ทั้งยังรองรับเออีซี ในปี 2558 ที่จะมีนักท่องเที่ยวและประชาชนในประเทศต่างๆ เดินทางเข้ามายังไทยเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้  กรมเจ้าท่ามีโครงการรับประกันร่องน้ำหลักทั่วประเทศ 15 ร่องน้ำ สำหรับ 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน    มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน โดยร้อยละ 70 หรือกว่า 7 ล้านคนท่องเที่ยวทางน้ำหรือทางทะเล ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายหากไม่มีการควบคุมที่ดี หรือขาดความเป็นระเบียบ ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 จึงกำหนดมาตรการความปลอดภัยให้กับ สนง.เจ้าท่าทั้ง 6 แห่งนำไปปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยจะต้องไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสสำหรับการท่องเที่ยวทางน้ำ รวมทั้งการสร้างความปลอดภัยให้กับเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว, เรือขนส่งข้ามฟาก, เรือขนส่งสินค้า และเรือประมง โดยมาตรการสำคัญเริ่มจากการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการเจ้าของเรือโดยสารที่บริการรับส่งนักท่องเที่ยวที่มีกว่า 5,000 ลำใน 6 จังหวัดตระหนักถึงความปลอดภัย และมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม  พร้อมสร้างเครือข่ายคอยร่วมเฝ้าระวัง การกำหนดมาตรฐานเรือ อุปกรณ์ประจำเรือ เจ้าหน้าที่ควบคุมเรือ เจ้าหน้าที่ประจำเรือที่จะต้องผ่านการทดสอบและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีการจัดโซนนิ่งการให้บริการด้านการท่องเที่ยวเช่น จุดจอดเรือ จุดห้ามจอดเรือ จุดดำน้ำ เป็นต้น


อบจ.ตรัง รับสมัครพนักงานจ้าง จำนวน 7 ตำแหน่ง 11 อัตรา

 องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง มีความประสงค์รับสมัครพนักงานจ้าง จำนวน 7 ตำแหน่ง 11 อัตรา ดังนี้
1. ผู้ช่วยนักวิชาการเกษตร จำนวน 2 อัตรา
2. ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี จำนวน 2 อัตรา
3. ผู้ช่วยนายช่างสำรวจ จำนวน 1 อัตรา
4. ผู้ช่วยนายช่างเขียนแบบ จำนวน 1 อัตรา
5. พนักงานขับรถยนต์ จำนวน 3 อัตรา
6. พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดเบา จำนวน 1 อัตรา
7. พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดหนัก จำนวน 1 อัตรา

ผู้ประสงค์จะสมัคร ขอใบสมัครและยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานด้วยตนเอง ได้ที่สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ระหว่างวันที่ 17-25 มีนาคม 2557 ในวันและเวลาราชการ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง โทร. 075-218262 ต่อ 250 ในวันและเวลาราชการ  หรือที่เว็บไซต์  www.trangpao.go.th 

ธ.ก.ส. ตรัง ร่วมกับศาลจังหวัดตรัง จัดโครงการไกล่เกลี่ยประสานใจ ห่วงใยเกษตรกรเพื่อไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องศาล

ที่ศาลจังหวัดตรัง นางวันเพ็ญ กีรติกฤติยานนท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดโครงการ ไกล่เกลี่ยประสานใจ ห่วงใยเกษตรกร ซึ่งจัดขึ้นเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกร ระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ร่วมกับศาลจังหวัดตรัง ทั้งนี้ปัญหาหนี้สินของเกษตรกร มาจากการประสบภัยพิบัติต่าง ๆ และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้เกษตรกรลูกหนี้ของธนาคารจำนวนมาก ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ดัง นั้นทาง ธ.ก.ส.ตรัง ร่วมกับศาลจังหวัดตรัง จึงร่วมกันได้จัดโครงการดังกล่าว โดยนำกระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดีมาใช้ในการระงับข้อพิพาท และสนับสนุนให้ประชาชน ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมทางเลือก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ระหว่างเกษตรกรและธนาคาร และนอกจากได้ร่วมกันแก้ปัญหาหนี้สิ้นแล้วยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนา คุณภาพชีวิตแก่เกษตรกร และลดปริมาณคดีที่จะเข้าสู่ศาลอีกด้วย


ปศุสัตว์จังหวัดตรัง เตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ให้จัดเตรียมอาหารสัตว์ โดยเฉพาะหญ้า ที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งทางปศุสัตว์ได้จัดเตรียมหญ้าแห้ง จำนวน 50 ตัน หญ้าสด 300ไร่ และเวชภัณฑ์ยารักษาโรค ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร

นายธวัช อุดมคณารัตน์ ปศุสัตว์จังหวัดตรัง กล่าวว่าในช่วงนี้เข้าสู่ช่วงหน้าแล้ง จึงขอเตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ให้จัดเตรียมหญ้าที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหญ้าแห้งหรือหญ้าหมัก เกษตรกรควรจัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการขาดแคลนอาหารสัตว์ ถ้าหากเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนอาหารสัตว์ให้แจ้งมาที่สำนักงานปศุสัตว์ เนื่องจากทางปศุสัตว์ได้ประสานงานร่วมกับสถานีพัฒนาอาหารสัตว์ตรัง จัดเตรียมหญ้าแห้งไว้คอยช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 60 ตันและหญ้าสด จำนวน 300ไร่ คาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ถ้าหากไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน จะแจ้งไปยังสำนักงานปศุสัตว์ เขต 9 จังหวัดสงขลา ซึ่งได้จัดเตรียมหญ้าแห้งไว้คอยช่วยเหลือเกษตรหรผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้อาจจะรุนแรงมากกง่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ทั้งนี้เพื่อความไม่ประมาทจึงเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับความเดือดร้อน หากเกษตรกรเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ จอให้แจ้งที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอหรือที่สำรักงานปศุสัตว์จังหวัดตรังได้วันและเวลาราชการ

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 1ตำบล ในอำเภอ ปะเหลียน จังหวัดตรัง ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

นายอำนวย จันทรัฐ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดตรังในขณะนี้ว่าทางสำนักงาน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 1ตำบล คือตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน ประชาชนเดือดร้อน 9 หมู่บ้าน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเกิดฝนทิ้งช่วงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้แหล่งน้ำทางธรรมชาติแห้งขอด ประชาชนได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานของทางราช ทั้งนี้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ได้ประกาศให้พื้นที่ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติแล้วและพร้อมประสานงานร่วมกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นนำรถบรรทุกน้ำอุปโภคบริโภคออกช่วยเหลือประชาชนที่กำลัง ได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ และขอให้ทุกอำเภอเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชน เนื่องจากคาดว่าในปีนี้สถานการณ์ภัยแล้งจะมีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา

มรภ.นครศฯ เชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสมทบทุนสร้างพระพุทธสิหิงค์ องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช สร้างพระพุทธสิหิงค์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้งบ 20 ล้านบาท ยังขาดอีก 6 ล้านบาท เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุน

ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช/อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ได้ก่อสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ไว้ เพื่อเป็นที่สักการบูชาของคณาจารย์ นักศึกษา และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่เชิงเขามหาชัย ภายในมหาวิทยาลัย ชื่อว่า “พระพุทธสิหิงค์ราชภัฏนครศรีธรรมราช” โดยจำลองแบบพระพุทธสิหิงค์สกุลช่างนครศรีธรรมราชเป็นแบบก่อสร้าง ขนาดหน้าตักกว้าง 9.84 เมตร สูง 26.00 เมตร นับเป็นพระพุทธสิหิงค์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท

ผศ.ฉัตรชัย กล่าวว่า สำหรับวัตถุประสงค์การก่อสร้างพระพุทธสิหิงค์องค์นี้มีสามประการ คือ ประการแรกเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยความกว้างหน้าตัก 9 เมตร 84 เซนติเมตร หมายถึง สร้างในรัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ประการที่สองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องในวาระครบ 2,600 ปี แห่งตรัสรู้และชนะหมู่มาร ประการสุดท้าย เพื่อเป็นอุทยานการเรียนรู้และปฏิบัติบูชาพระพุทธศาสนา ตลอดถึงเรียนรู้พระพุทธศาสนาประจำถิ่น ประวัติพระพุทธสิหิงค์ และประวัติจตุคามรามเทพที่ละเอียดและชัดเจนที่สุดในประเทศไทย ณ โถงฐานพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งคณะกรรมการได้ดำเนินการก่อสร้างมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะยังขาดงบประมาณอยู่ 6 ล้านบาท ดังนั้นคณะกรรมการจังได้กำหนดจัดพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างพระพุทธสิหิงค์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม 2557 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช โดยมีนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธี จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินทำบุญสร้างพระพุทธสิหิงค์ ในลักษณะพุ่มผ้าป่าสามัคคี หรือ บริจาคผ่านธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช บัญชีเงินฝากออมทรัพย์เลขที่ 520-2-05575-1 ชื่อบัญชี “พระพุทธสิหิงค์ราชภัฏนครศรีธรรมราช” หรือส่งธนาณัติในนาม ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ สั่งจ่าย ปณ เขามหาชัย 80280 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.08 9981 7299 หรือ รศ.วิมล ดำศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช โทร. 08 3107 9644

ผู้ว่าฯ นครฯเตือนข้าราชการ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรพกพาอาวุธปืน

ผู้ว่าฯ นครฯเตือนข้าราชการ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรพกพาอาวุธปืน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดเพื่อลดปัญหาอาชญากรรม

วันนี้ (27 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในระหว่างเป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ครั้งที่ 2/2557 ว่าการก่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมักจะใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ ดังนั้น จึงขอฝากหัวหน้าส่วนราชการ ไปบอกกล่าวผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ให้ระมัดระวังในการพกพาอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุอันควรด้วย เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเข้มงวดเรื่องอาวุธปืนเป็นพิเศษ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม

พ.ต.อ.อดุลย์ ธนะชัยขันธ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ในรอบเดือนที่ผ่านมามีการจับกุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ได้ 224 ราย แยกเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน 81 ราย ไม่มีทะเบียน 123 ราย และเครื่องกระสุน 20 ราย ส่วนคดีสำคัญที่ใช้อาวุธปืนก่อเหตุ จำนวน 2 คดี อยู่ในพื้นที่ สภ.ลานสกา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วทั้งสองคดี ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้ต้องหาบุคคลเดียวกัน ในส่วนของการแพร่ระบาดของยาเสพติดยังไม่ลดลง เจ้าหน้าที่ยังคงเข้มงวดในการปราบปรามต่อไป

เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุได้จ่ายเงินชดเชยค่าปัจจัยการผลิตให้แก่ชาวสวนยางพาราแล้วกว่า 95 %

นายสมนึก เหมมณี เกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา ด้วยการจ่ายเงินชดเชยค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 2,520 บาท นั้น ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2556 จนถึงปัจจุบัน ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางพารา ทั้งสิ้น 118,782 ครัวเรือน บันทึกข้อมูลเข้าระบบได้ 114,847 ครัวเรือน จำนวนแปลง 199,407 แปลง จากการตรวจสอบความถูกต้อง ออกตรวจสอบแปลง และออกใบรับรองได้จำนวน 95,423 ครัวเรือน จำนวนแปลง 159,450 แปลง ส่งรายชื่อให้ ธ.ก.ส.เพื่อเบิกจ่ายเงินให้เกษตรกรแล้วจำนวน 90,825 ครัวเรือน จำนวนแปลง 150,668 แปลง เนื้อที่รวม 958,808.25 ไร่ คิดเป็นเงิน 2,416,197,420 บาท ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้โอนเงินให้เกษตรกรแล้วจำนวน 2,094 ,824,970บาท ยังไม่โอนประมาณ 321 ล้านบาท เนื่องจากข้อมูลบางส่วนผิดพลาดโอนไม่ได้ เช่น เลขที่บัญชีผิด ชื่อตัว ชื่อนามสกุล ตัวการันต์ ตัวสะกดผิด ซึ่งกำลังแก้ไข ส่วนเกษตรกรอีก 4,598 ครัวเรือน ที่ยังไม่ได้ส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. นั้น อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ในภาพรวมการจ่ายเงินให้เกษตรกรชาวสวนยางพาราของจังหวัดนครศรีธรรมราช คิดเป็นร้อยละ 95 ซึ่งสูงกว่าทุกจังหวัด

นายอภินันท์ ซื่อธานวุงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขอให้เกษตรจังหวัด
นครศรีธรรมราช เร่งดำเนินการแก้ไขข้อมูลเกษตรกรที่ผิดพลาดโดยเร็วที่สุด เพื่อจัดส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อโอนเงินให้แก่เกษตรกรต่อไป อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ทุ่มเทการทำงานจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

พาณิชย์นครศรีธรรมราช ระบุโครงการรับจำนำข้าวปี 56/57 ของภาคใต้เริ่ม 1 ต.ค.56- 31 พ.ค.57

วันนี้ (27 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายบริรักษ์ ชูสิทธิ์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในที่ประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 2/2557 ว่า การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวปี ฤดูการผลิต ปี 56/57 ตามนโยบายของรัฐบาล เฉพาะในส่วนของภาคใต้การเปิดรับจำนำข้าวนาปี เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2556 – 30 พฤษภาคม 2557 ส่วนภาคอื่นสิ้นสุดโครงการวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งนครศรีธรรมราชเป็น 1 ใน 3 ของจังหวัดภาคใต้ที่ดำเนินโครงการรับจำนำข้าว และมีประมาณผลผลิตข้าวมากที่สุดของภาคใต้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการเปิดรับจำนำเนื่องจากผลผลิตยังออกสู่ตลาดน้อย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ลงไปตรวจความพร้อมของโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการแล้ว

พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สำหรับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวฤดูการผลิตปี 55/56 ที่ผ่านมา มีข้าวนาปีเข้าร่วมโครงการ 94,000 ตัน ข้าวนาปรัง 79,000 ตัน เบิกจ่ายงบประมาณให้เกษตรกร 2,582 ล้านบาท

นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขอให้นายอำเภอ และผู้กำกับการสถานีตำรวจ ลงไปสอดส่องดูแลโกดังเก็บข้าวสารที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวด้วย เพื่อป้องกันการถูกงัดกุญแจซึ่งอาจจะทำให้ข้าวสารสูญหายได้ รวมทั้งให้เฝ้าระวังเพลิงไหม้ด้วย

ผู้ว่าฯนครฯ สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง

ผู้ว่าฯนครฯ สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนให้งดเว้นการเผาซังข้าว เผาหญ้า

วันนี้ (27 ก.พ.57)  ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวในระหว่างเป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ครั้งที่ 2/2557 ว่าขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช มีแนวโน้มการเกิดปัญหาภัยแล้งมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ลงไปสำรวจข้อมูลพื้นที่เสี่ยงประสบภัยแล้ง ไฟป่า และอัคคีภัย แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา โดยจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เกษตรจังหวัด ปภ.จังหวัด/ ทสจ. /องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยดูแลประชาชน ให้งดเว้นการเผาตอซังข้าว การเผาหญ้า ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้ไฟล่ามทุ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินได้ และหมอกควันยังได้ส่งผลกระทบต่อการใช้รถใช้ถนน และสุขภาพด้วย ในส่วนของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด หรือ ทสจ.นครศรีธรรมราช ขอให้ไปจัดประชุมซักซ้อมความเข้าใจเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับไฟป่าในพื้นที่รอบป่าพรุควนเคร็งและพื้นที่อื่น ๆ ด้วย

ผวจ.นครศรีฯ กำชับส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ

ผวจ.นครศรีฯ กำชับส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่หอการค้านครศรีธรรมราช เป็นเจ้าภาพจัดประชุมหอการค้า 14 จังหวัดภาคใต้

วันนี้ (27 ก.พ.57)  ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ครั้งที่ 2/2557 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม โดยคลังจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รายงานการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 ว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับงบประมาณรวม 14,983 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว 10,517 ล้านบาท แยกเป็นงบประจำ 12,700 ล้านบาท เบิกจ่าย 9,911 ล้านบาท งบลงทุน 2,281 ล้านบาท เบิกจ่าย 606 ล้านบาท ส่วนงบพัฒนาจังหวัด แยกเป็นงบประจำ 54.41 ล้านบาท เบิกจ่าย 4.39 ล้านบาท คิดเป็น 8.07 % งบลงทุน 132 ล้านบาท ยังไม่มีการเบิกจ่าย ภาพรวมงบพัฒนาจังหวัด 186 ล้านบาท เบิกจ่าย 4.39 ล้านบาท คิดเป็น 2.36 %

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณจึงขอเร่งรัดให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณเร่งขออนุมัติรายละเอียดโครงการ และก่อหนี้ผูกพัน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านค่าใช้จ่ายภาครัฐ นอกจากนี้ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ช่วยรับเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสัมมนาในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนำงบประมาณมาใช้จ่ายในพื้นที่ นอกจากนี้จังหวัดได้กำหนดจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวหรืองานอีเว้นท์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย

นางสาววาริน ชิณวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการประเมินภาวะเศรษฐกิจของประเทศของสภาหอการค้าไทย ในครึ่งปีหลังอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP น่าจะติดลบประมาณ 2-3 % เป็นผลมาจากปัญหาการท่องเที่ยว สินค้าการเกษตร การส่งออก และปัญหาการเมือง ส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ธุรกิจบ้านจัดสรร ค้าปลีก เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ เป็นต้น เนื่องจากรายได้หลักครัวเรือนมาจากด้านเกษตร ทั้งยางพารา ข้าว และสินค้าเกษตรทุกตัวราคาไม่สูงขึ้น

ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า ระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม 2557 หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับมอบหมายจากหอการค้าไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมหอการค้า 14 จังหวัดภาคใต้ ณ โรงแรมทวินโลตัสนครศรีธรรมราช เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของภาคใต้ รวมทั้งจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น เปิดคลินิก SMEs เพื่อให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบปัญหา การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน เป็นต้น

นราธิวาสคาดแล้งหนักในรอบ 4 ปี ขณะที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลุ่มน้ำโก-ลก ทำแผนจัดสรรน้ำลงพื้นที่การเกษตรช่วยเหลือชาวนา

( 26 ก.พ. 57 )  นายแวมามุ แวหะมะ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลุ่มน้ำโก-ลก เปิดเผยว่า ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสปีนี้ถือว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งหนักที่สุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากในเดือนกุมภาพันธ์นี้ในพื้นที่ยังไม่มีปริมาณฝนตกลงมาแต่อย่างใด ซึ่งจากปีที่ผ่านมาจะมีปริมาณน้ำฝน 400 มม. ซึ่งทางจังหวัดได้มีการจัดทำแผนป้องกันภัยแล้งให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นย้ำในพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกการเกษตร ขณะที่ทางโครงการฯเองได้มีการดำเนินการจัดสรรน้ำในพื้นที่รับผิดชอบทั้งเขต อ.ตากใบ และ อ.สุไหงโก-ลก โดยมีการติดตั้งเครื่องสูบ 8 ตัวสูบน้ำจากคลองมูโน๊ะลงพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดงเพื่อป้องกันไฟไหม้ป่าซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าแล้ง

ขณะที่การจัดสรรน้ำของโครงการฯครั้งนี้ ได้ดำเนินการอย่างดีทำให้พื้นที่ทำนากว่าหมื่นไร่ของ อ.ตากใบ ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปัจจุบันข้าวหอบกระดังงาสามารถออกรวงและรอการเก็บเกี่ยว

นายแวมามุ แวหะมะ  กล่าวอีกด้วยว่า ทางชลประทานนราธิวาสได้ทำการปิดประตูระบายน้ำทุกแห่งเพื่อให้มีน้ำกักเก็บไว้สำหรับสำรองในช่วงฤดูแล้งนี้ด้วย ซึ่งคาดว่าภัยแล้งในปีนี้ถึงจะหนักกว่าทุกครั้งแต่เชื่อว่าในพื้นที่จะยังคงจัดสรรน้ำให้กับการเกษตรได้ เนื่องจากมีการวางแผนล่วงหน้าแล้ว @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

ผู้ว่านราฯประชุมความมั่นคง เน้นย้ำเร่งติดตามคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน พร้อมฟังแนวทางการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ต่อประชาชน

( 27 ก.พ. 57 ) นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งประกอบด้วยกองกำลัง 3 ฝ่ายตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง โดยมีการประชุมเป็นประจำทุกเดือนเพื่อติดตามความคืบหน้าด้านงานความมั่นคง ซึ่งในครั้งนี้มีการจัดประชุมที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวีดนราธิวาส

ในที่ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้ติดตามสอบถามความคืบหน้าคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งเหตุคนร้ายลอบยิงครอบครัวมะมัน ในพื้นที่ อ.บาเจาะ เหตุยิงผู้รับเหมาในพื้นที่ อ.ระแงะ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ร่วมก่อเหตุด้วย มีการเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่รายงานความคืบหน้าเป็นระยะ รวมถึงแจ้งข่าวให้ประชาชนทราบเนื่องจากอยู่ในความสนใจของประชาชน

นอกจากนี้ในที่ประชุมมีการติดตามรับฟังแนวทางการทำงานเพื่อป้องกันดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน

ขณะที่การดำเนินการด้านการข่าวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีการแจ้งเตือนว่าในพื้นที่ยังคงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่เตรียมก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ ทั้งตามจุดตรวจ ฐานปฏิบัติ ซึ่งขอให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มและเฝ้าระวัง รวมถึงเตรียมพร้อมตลอดเวลา @import url(http://contentcenter.prd.go.th/CuteSoft_Client/CuteEditor/Load.ashx?type=style&file=SyntaxHighlighter.css);@import url(/admin/cuteeditor.css);



นำเสนอโดย  โสรายา สาเรป

พังงามอบโล่ประกาศเชิดชูเกียรติปราชญ์เกษตรจังหวัด ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ เป็นคนดีของสังคม

วันนี้ 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา ก่อนวาระการประชุมประจำเดือนคณะกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด สำนักงาน กกต.จังหวัดพังงา ได้มอบโล่และกระเช้าดอกไม้ให้แก่ นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.พังงา เพื่อขอบคุณท่านที่ได้อนุญาตให้ใช้สถานที่ศูนย์ราชการ สำหรับก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดพังงา จากนั้น นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้เป็นประธานมอบโล่เชิดเกียรติแก่ปราชญ์เกษตรของจังหวัดพังงา จำนวน 3 ราย ซึ่งประกอบด้วย นายอเนก จีวะรัตน์ สาขาปราชญ์เศรษฐกิจพอเพียง นายวิจา ส้มจันทร์ สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น และนายสมพงษ์ พรผล สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนและเครือข่าย ซึ่งทั้ง 3 ราย ได้สร้างคุณูปการด้านการเกษตรให้แก่จังหวัดพังงามาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน เป็นผู้ทรงภูมิปัญญาด้านการเกษตรในจังหวัดพังงา และเป็นผู้ที่มีคุณความดี มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ สมควรได้รับการดูแลด้านสวัสดิการจากภาครัฐ และสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ความสามารถสู่สังคม

สำนักเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา มอบรถจักยานยนต์ให้กับผู้โชคดีถูกรางวัลสลากการกุศลกาชาดประจำปี 2557

วันนี้เวลา 09.00 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วยนางสุคนธ์ เจริญกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา นายไชยวัฒน์ เทพี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายอนุภาพ รอดขวัญ ยอดขวัญระบำ นายอำเภอคุระบุรี และเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา ร่วมมอบรถจักรยานยนต์ให้กับผู้โชคดี ถูกรางวัลสลากการกุศลกาชาดประจำปี 2557 ที่ ณ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา อ.เมือง จ.พังงา

นางสุคนธ์ เจริญกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา กล่าวว่า จังหวัดพังงาได้กำหนดจัดงานประจำปีและงานกาชาดจังหวัดพังงาเป็นประจำทุกปี สำหรับปี 2557 นี้จัดขึ้นระหว่าง 30 มกราคม -8 กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางหลังเก่า รวม 10 วัน 10 คืน ทั้งนี้เพื่อหารายได้ไว้ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติและผู้ยากไร้ขาดแคลนทุนทรัพย์และกิจกรรมสาธารณกุศลอื่น โดยในคืนสุดท้าย( 8 ก.พ. 57) ได้ทำการหมุนวงล้อออกสลากการกุศลบัตรกาชาดประจำปี ซึ่งรางวัลที่ 1 มี 1 รางวัล รถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน กระบะ แคป 2.5 รางวัลที่ 2 มี 3 รางวัล รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 110 ซีซี รางวัลที่ 3 มี 5 รางวัล สร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท รางวัลที่ 4 มี 25 รางวัล โทรทัศน์จอแบน LCD 32 นิ้ว และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ของรางวัลมูลค่า 500 บาท

สำหรับกิจกรรมวันนี้ เป็นการมอบรางวัลที่ 2 ซึ่งมี 3 รางวัล ให้กับผู้โชคดีจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายสมหมาย จินดา ชาวบ้าน ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง, นายเผด็จศักดิ์ เอี่ยมสกุล อยู่ ต.ท้ายช้าง อ.เมือง, และนางลัดดา เกิดกอบ อยู่ ต.ป่ากอ อ.เมือง ส่วนรางวัลที่ 1 รถยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน กระบะ แคป 2.5 นั้น ไม่มีผู้ถูกรางวัล และรางวัลอื่นๆ ก็มีผู้โชคดีที่ถูกรางวัลทยอยมารับไปเกือบหมดแล้ว

ทำขวัญข้าวบูชาแม่โพสพ

เกษตรกรในตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จัดพิธีทำขวัญข้าว เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมการทำนาให้คงอยู่กับชาวนาตลอดไป

ที่ทุ่งนาบ้านหลักโยชน์ ตำมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงวันนี้(๒๖ ก.พ.๕๗) นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยนางปาริชาติ ศรีวิพัฒน์ รองอธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวารินทร์ บุษบรรณ ที่ปรึกษากรมการข้าว ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และเกษตรกรชาวนาในตำบลมะกอกเหนือ ได้ร่วมกันประกอบพิธีทำขวัญข้าวสังข์หยด(GI) ผดุงวัฒนธรรมข้าวขึ้น เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมการทำนาของชาวพัทลุง ให้เป็นมรดกทางปัญญาแก่คนรุ่นหลังสืบไป

ทั้งนี้การทำขวัญข้าวถือเป็นพิธีกรรมสำคัญของชาวนา ที่แสดงออกถึงความกตัญญูและความเคารพต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะข้าวถือเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ให้อยู่รอด และเชื่อว่าข้าวที่ชาวนาหรือมนุษย์ทั้งหลายนำมาบริโภคนั้น เกิดจากความกรุณาของพระแม่โพสพ เทพนารีผู้รักษาข้าว ดั้งนั้นเมื่อจะทำการอันใดเกี่ยวข้องกับข้าว ทั้งการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว หรือเก็บข้าวขึ้นยุ้งฉาง ต้องทำพิธีบูชาแม่โพสพเสมอ เช่น ในฤดูเพาะปลูก ชาวนาทั่วไปจะทำพิธีแรกไถ แรกหว่าน ส่วนราชสำนักจะทำพิธีพืชมงคลและจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งเป็นพิธีที่ทำในภาพรวมของประเทศ ซึ่งหากชาวนาผู้ปลูกข้าวได้ทำพิธีเซ่นสรวงบูชาที่ถูกต้อง เป็นที่พึงพอใจแก่แม่โพสพ และเทวดาผู้ดูแลไร่นา ผลผลิตข้าวก็จะออกมาสมบูรณ์ สิ่งรบกวนต่าง ๆ เช่น หนู นก แมลงต่าง ๆ แม้แต่ไฟ ก็จะไม่มาเบียดเบียน และเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวหรือชาวนาเรียกว่าข้าวสุกรวง ก่อนทำการเก็บเกี่ยวจะต้องมีการทำขวัญข้าวก่อน โดยมีการทำบายศรีและอาหารคาวหวาน ให้ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านทำพิธีสาธยายคำบูชาพระแม่โพสพ จากนั้นจึงให้เจ้าของนาเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งในอดีตชาวนาพัทลุงจะใช้แกรฺะเป็นอุปกรณ์ตัดข้าวทีละรวงแล้วนำมาผูกรวมเป็นกำเรียกว่าเลียงข้าว เมื่อได้เลียงข้าวก็จะนำไปจัดเก็บเป็นลอมไว้ในยุ้งฉาง หรือเรือนข้าว สิ้นฤดูเก็บเกี่ยวเรียบร้อยจึงทำขวัญข้าวอีกครั้งหนึ่ง

จะเห็นว่าการทำขวัญข้าวเป็นเรื่องของการสรรเสริญและบูชาพระคุณของแม่โพสพเป็นหลักสำคัญ ซึ่งมีตำนานกล่าวขานไว้มากและมีส่วนเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาอย่างใกล้ชิด การประพฤติต่อข้าวไม่ว่าจะเป็นการกินหรือการทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อเมล็ดข้าวหรือรวงข้าวจะต้องขอขมาทุกครั้ง เพราะชาวนาเชื่อว่าแม่โพสพเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะเมื่อข้าวสุกรวง ขวัญของแม่โพสพจะมาสถิตในรวงข้าว ช่วงเวลาดังกล่าวแม้แต่พระอาทิตย์ยังไม้กล้าข้ามหัวแม่โพสพ จึงเป็นที่มาของตะวันอ้อมข้าว

สำหรับในส่วนของจังหวัดพัทลุง ถือเป็นจังหวัดที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำมาแต่โบราณ เนื่องจากอยู่ในเขตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกข้าว ดังนั้นจังหวัดพัทลุงจึงเป็นพื้นที่ที่มีพันธุ์ข้าวพื้นเมืองมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เช่น ข้าวเฉี้ยง ข้าวหัวนา ข้าวหนวยเขือ ข้าวเล็บนก ข้าวยาโค ข้าวเบาน้ำค้าง เป็นต้น และที่มีชื่อเสียงที่สุดขณะนี้คือข้าวสังข์หยด เพราะเป็นข้าวที่มีคุณประโยชน์สูงกว่าข้าวทั่วไป มีเส้นใยสูง มีสารอาหารบางชนิดที่บริโภคประจำแล้วจะช่วยชะลอความแก่ ป้องกันโรคมะเร็งในลำไส้ และเป็นพันธุ์ข้าวที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์พันธุ์แรกของไทย เป็นที่นิยมของผู้บริโภคอย่างมาก

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เริ่มมาตรการตรวจยึด จับกุม ดำเนินคดี ตามกฎหมาย การบุกรุกป่าสงวน ต.หงษ์เจริญ ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร วันพฤหัสบดีที่ 27ก.พ.นี้

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนล่าง) จะดำเนินการตรวจยึด จับกุม ดำเนินคดี ตามกฎหมาย พื้นที่ที่ทำการบุกลุกป่าสงวน จำนวน 4 แปลง รวมพื้นที่ 64 ไร่ ในพื้นที่ บริเวณ ต.หงษ์เจริญ ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

โดยพร้อมกันเวลา 08.30 น วันพฤหัสบดีที่ 27ก.พ. 57 . ที่ หน้าสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร (ตามแผนที่ที่แนบมา) หมู่7 บ้านดวงดี ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร สอบถามเพิ่มเติม โทร.077-640-628

ผู้ว่าฯชุมพร มอบเงินชวยเหลือ อส.ที่ประสบภัยน้ำท่วม

ผู้ว่าฯชุมพร มอบเงินให้กับ อส.เพื่อช่วยเหลือหลังประสบภัยน้ำท่วมบ้านพังเสียหาย เมือวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่

นายเลิศพรชัย ไชยฤทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายชัยธวัช ศิวบวร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร นำนายวิลาศ กุยุคำ นายนันทชัย ดวงสวัสดิ์ และนายภิญโญ นิสภา ซึ่งเป็นสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร เข้ารับมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ จำนวนรายละ 1 หมื่นบาท จากนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมกับการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน แก่เจ้าหน้าที่

โดยก่อนหน้าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าน้ำท่วมในพื้นที่ ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลวังไผ่ และอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดชุมพร ซึ่งมวลกระแสน้ำมีจำนวนมากและแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่ไม่สามารถขนย้ายสิ่งของหนีขึ้นที่สูงได้ทัน ทำให้จมน้ำเสียหายเป็นจำนวนมาก และบ้ายพักอาศัยของประชาชนบางหลังถูกน้ำป่าซัดพังเสียหาย เช่นเดียวกับนายวิลาศ กุยุคำ นายนันทชัย ดวงสวัสดิ์ และนายภิญโญ นิสภา ซึ่งประสบภัยถูกน้ำป่าไหลหลากซัดบ้านพังเสียหายบางส่วน โดยในช่วงเกิดเหตุ อส.ทั้งสาม ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม

ในโอกาสเดียวกันนายพีระศักดิ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กล่าวให้กำลังใจและขอบใจในการปฏิบัติหน้าที่ในการเสียสละส่วนตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี ตามมีภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ การบริการประชาชน การปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ สนับสนุนฝ่ายปกครอง รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ 

รองแม่ทัพภาคที่ 4 นำคณะตรวจเยี่ยมโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดชุมพร

พลตรี นพวงษ์ สุรวิชัย รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ในโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ ในพื้นที่บ้านคลองเพรา ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย และภัยแล้ง

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 พลตรี นพวงษ์ สุรวิชัย รองแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ในโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ ในพื้นที่บ้านคลองเพรา ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร โดยมีนายวชิระ พันดุสะ นายอำเภอทุ่งตะโก นายสัมฤทธิ์ รุ่งช่วง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะโก  นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ ซึ่งหลังจากนั้นได้ร่วมกันปลูกหญ้าแฝก ตามแนวสองฝั่งคันคลองเพรา เพื่อเป็นการป้องกันการพังทลายของดิน ตามแนวพระราชดำริ

โครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาล ที่ดำเนินการโดยกองทัพภาคที่ 4 รับผิดชอบแหล่งน้ำครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดชุมพร, นครศรีธรรมราช, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา และจังหวัดนราธิวาส จำนวนทั้งสิ้น 11 แผน เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย และภัยแล้ง โดยพื้นที่การเกษตรได้รับผลประโยชน์ กว่า 102,000 ไร่ และพี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์ กว่า 52,000 คน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 ส่งผลให้ชวยลดปัญหาด้านอุทกภัย และภัยแล้ง ได้จริง และในปีนี้จึงได้ดำเนินการต่อจากปีที่ผ่านมา

กองทัพภาคที่ 4 โดย กองพันทหารช่างที่ 5 ได้ดำเนินการโครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลตะโก ซึ่งตำบลตะโกมีพื้นที่ ทั้งหมด 127 ตารางกิโลเมตร จำนวน 14 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝน และต้องประสบภัยแล้ง ในช่วงระยะฝนทิ้งช่วง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากอยู่เป็นประจำทุกปี ทางกองทัพภาคที่ 4 จึงได้เห็นปัญหา และให้ความสำคัญในปัญหาดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับกองทัพบกมีนโยบายในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา จึงให้การสนับสนุนงบประมาณ ด้วยการขุดลอกคูคลอง ใน หมู่ 2 หมู่ 3 ระยะทางกว่า 1200 เมตร เป็นการเบื้องต้น เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและเป็นแหล่งน้ำ เพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภค ต่อไป 

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศสถานการณ์ไฟป่าปี 2557

นายขจรศักดิ์ ละอองเทพ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร เปิดเผยเนื่องจากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศจากภาวะโลกร้อน ทำให้การคาดการณ์สภาวะอากาศ และสถานการณ์ไฟป่าในระยะยาวทำได้ยากมาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้มีประกาศ ขอความร่วมมือเฝ้าติดตามสถานการณ์ไฟป่าปี 2557 อย่างใกล้ชิด

ด้วยอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการตรวจติดตามสภาพภูมิอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา และการวิเคราะห์ข้อมูล ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของไฟป่าในปัจจุบันโดยเฉพาะการสะสมของเชื้อเพลิง ที่ส่งผลให้การเกิดไฟป่าในแต่ละครั้งมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และสืบเนื่องจากความผันผวนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ของสภาพภูมิอากาศโลกอันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ทำให้การคาดการณ์สภาวะอากาศ และสถานการณ์ไฟป่าในระยะยาวทำได้ยากมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฝ้าติดตามสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ไฟป่าปี 2557 จึงขอความร่วมมือดังนี้
1.ให้งดเว้นการจุดไฟในป่าโดยเด็จขาด ตั้งแต่เดือนมาราคม – พฤษภาคม 2557
2.หากกำจัดเชื้อเพลิงในพื้นที่เกษตรกรรมหรือพื้นที่อื่นๆ ใกล้เขตพื้นที่ป่า จะต้องทำแนวกันไฟ และควบคุมไฟมิให้ไฟลามเข้าป่า
3.หากพบเห็นไฟไหม้ป่า โปรดแจ้งหน่วยงานควบคุมไฟป่าในพื้นที่ หรือโทรสายด่วน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
4.ติดตามความผันผวนของสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์วิกฤติมลภาวะหมอกควันไฟปกคลุมพื้นที่ โดยเฉพาะหากมีความกดอากาศสูงแผ่ปกคลุมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เป็นเวลานาน เกิดสภาวะที่เรียกว่า Subsidence Inversion กักควันและไออากาศร้อนจนไม่สามารถลอยขึ้นไปสู่บรรยากาศที่สูงขึ้น ทำให้ควันไฟกระจายคละคลุ้งอยู่ใกล้ระดับพื้นดิน ดังเช่น วิกฤติหมอกควันไฟในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในปีที่ผ่านมา 

อำเภอเกาะสมุยจัดกิจกรรมซ้อมแผนป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล ตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำในพื้นที่แล้ว 5 จุด

อำเภอเกาะสมุยจัดกิจกรรมซ้อมแผนป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล เพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวจากการจมน้ำ ขณะที่มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำในพื้นที่แล้ว 5 จุด

เวลา 10.30 น.(วันนี้ 26 ก.พ.57 ) อำเภอเกาะสมุย ร่วมกับเทศบาลนครเกาะสมุย มูลนิธิเกาะสมุย กู้ชีพ กู้ภัย อำเภอเกาะสมุย โรงพยาบาลในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย และผู้ประกอบการโรงแรมในอำเภอเกาะสมุย ร่วมประชุมและจัดกิจกรรมซ้อมแผนป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล ณ โรงแรมพาราไดซ์สมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายทนงศักดิ์ สมวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอเกาะสมุย กล่าวจากที่อำเภอเกาะสมุยได้เกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการจมน้ำบ่อยครั้ง ซึ่งล่าสุดได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เสียชีวิตจากการจมน้ำเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยจึงได้ร่วมกันประชุมหามาตรการป้องกันโดยการจัดทำแผนและฝึกซ้อมแผนป้องกันอุบัติเหตุทางทะเล เพื่อไม่ให้เกิดการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวจากการจมน้ำ โดยขณะนี้ได้มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำในพื้นที่แล้ว 5 จุด โดยเน้นพื้นที่เสี่ยง คือบริเวณชายหาดเฉวง  ในการจัดทำแผนป้องกัน และการตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของนักท่องเที่ยว โดยเทศบาลนครเกาะสมุยจะสนับสนุน ให้มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจมน้ำเป็นการถาวรในอนาคตต่อไป

โครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหมู่ 5 ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี

จังหวัดสุราษฎร์ธานีจัด สัมมนา ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหมู่ 5 ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี

ดร.กฤษณัส สุรกิตย์ ผู้เชี่ยวชาญแหล่งน้ำด้านการมีส่วนร่วม ม.เกษตรศาสตร์ ในฐานะที่ปรึกษาของกรมเจ้าท่า ในโครงการ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณหมู่ 5 ต.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี กล่าวตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าชนะ อ.ท่าชนะ ได้มีหนังสือขอนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานโครงการก่อสร้าง แนวกันคลื่นป้องกันน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งเพื่อช่วยเหลือราษฎร ม. 5 ต.ท่าชนะ ซึ่งประสบความเดือดร้อนจากปัญหา การกัดเซาะชายฝั่ง สำนักราชเลขาธิการได้ประสานมายังสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร. จากนั้น กปร. ได้ประสานงานขอความอนุเคราะห์ต่อกรมเจ้าท่า ผู้เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ ให้การข้อเท็จจริง ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไข

ดร.กฤษณัส ได้กล่าวถึงขึ้นตอนการดำเนินการจากการสำรวจรวจเบื้องต้น พื้นที่ดังกล่าวเป็นร่องน้ำที่สำคัญมีท่าเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ และเรือประมงได้ใช้หลบคลื่นลม ปัจจุบันชายฝั่งประสบปัญหาการกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างริมชายฝั่งได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยที่ชายหาดได้ถดถอยและหายไปกว่า 20 เมตร แล้ว

นครศรีธรรมราช จัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย สร้างความสมานฉันท์ ปรองดองของคนในสังคม

นครศรีธรรมราช จัดอบรมวิทยากรระดับตำบล เพื่อเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย สร้างความสมานฉันท์ ปรองดองของคนในสังคม ขณะเดียวกันขอคนไทยได้นำหลักธรรมคำสอนทางศาสนาของแต่ละศาสนามาเป็นแนวทางปฏิบัติ พร้อม ๆ กับปรับ แนวคิด และมีอคติต่อกัน

นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผย  ด้วยขณะนี้จังหวัดได้จัดอบรมวิทยากรระดับตำบลโครงการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย โดย สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช รับผิดชอบดำเนินการ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการประสานและติดตามผลดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ ปคอป. ได้จัดให้มีเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน – 28 กรกฎาคา 2556 ที่ผ่านมา และได้ทำการสรุป แล้วมอบให้ กระทรวงมหาดไทย โดย กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย ด้วยการฝึกอบรมวิทยากรระดับจังหวัด ระดับตำบล เพื่อนำไปขยายผลในพื้นที่หมู่บ้าน และชุมชน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย ที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน , ผู้นำชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลละ 3 คน รวม 489 คน เข้ารับการอบรม ซึ่งหลังจากการฝึกอบรมแล้ว วิทยากรระดับตำบล จะกลับไปจัดเวทีเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกในระดับหมู่บ้าน / ชุมชน ทั่วทั้งจังหวัด เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ของคนในสังคม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวถึงแนวทางที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศ คือ ทุกฝ่ายจะต้องนำหลักคำสอนของศาสนาที่ตนเองนับถือไปแก้ปัญหา และปรับความคิดในการ ลด ละ เลิก อคติ พร้อมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเสียชีวิตของเด็ก 3 ราย และประณามว่าเป็นการกระทำที่เลวร้าย

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลบางแก้ว คว้ารางวัลเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการ ในงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดระนอง

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลบางแก้ว คว้ารางวัลเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการ ในงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดระนอง

นายพินิจ บุญเลิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานเปิดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี 2557 ณ อาคารอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง โดยมีกลุ่มเกษตรกร และกลุ่มสหกรณ์จากทั้งจังหวัดระนอง เข้าร่วมงานจำนวนมาก ทั้งนี้ขบวนการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดระนอง ร่วมกับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดระนอง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อถวายสักการระและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย และเป็นการส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร ได้ตระหนักถึงคุณค่าและศรัทธาในระบบสหกรณ์ ตลอดจนเพื่อประชาสัมพันธ์งานสหกรณ์ให้สาธารณชนได้ทราบทั่วกัน โดยได้มีพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย และมอบรางวัลแก่กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มสหกรณ์ ที่มีผลงานดีเด่นในด้านต่าง ๆ อาทิกลุ่มเกษตรกรที่มีผลงานดีเด่นในการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่กลุ่มเกษตรกรทำสวนมะมุ รางวัลสหกรณ์ดีเด่นระดับภาค ได้แก่ร้านสหกรณ์โรงพยาบาลระนอง จำกัด และรางวัลกลุ่มที่มีความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการ ของจังหวัดระนอง ได้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลบางแก้ว สังกัดสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ระนอง จำกัด และกลุ่มเกษตรกรทำสวนบางแก้ว

นอกจากนี้ในช่วงบ่ายยังมีการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร และการออกร้านของกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จและเป็นต้นแบบที่ดีของสหกรณ์จังหวัดระนอง

เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เข้าพบปะ ผู้ว่าฯสงขลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ด้านความมั่นคงของจังหวัดสงขลา ในโอกาสมาเยือนพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

วันนี้ (26 ก.พ.57) ที่ห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นาง คัทญา โนร์ดโกร์ด เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (KATJA CHR.NORDGAARD   Ambassador) พร้อมด้วย นายเอริค สเวดาล อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (ERIK SVEDAHL Minister Counsellor) และ   คุณศิริกานต์ สุนทรผดุงสิน เลขานุการเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เข้าพบ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีหมายเดินทางมาเยือนจังหวัดสงขลา ยะลา และปัตตานี ระหว่างวันที่ 26 – 28 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมี ป้องกันจังหวัดสงขลา หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดสงขลา จ่าจังหวัดสงขลา และคณะ ร่วมให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลด้านความมั่นคงและข้อมูลด้านเศรษฐกิจใน พื้นที่จังหวัดสงขลาอีกด้วย

เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เข้าพบปะ ผู้ว่าฯสงขลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ด้านความมั่นคงของจังหวัดสงขลา ในโอกาสมาเยือนพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

วันนี้ (26 ก.พ.57)  ที่ห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นาง คัทญา โนร์ดโกร์ด เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (KATJA CHR.NORDGAARD   Ambassador) พร้อมด้วย นายเอริค สเวดาล อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย (ERIK SVEDAHL Minister Counsellor) และ   คุณศิริกานต์ สุนทรผดุงสิน เลขานุการเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย เข้าพบ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อรับทราบสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีหมายเดินทางมาเยือนจังหวัดสงขลา ยะลา และปัตตานี ระหว่างวันที่ 26 – 28 กุมภาพันธ์ 2557 โดยมี ป้องกันจังหวัดสงขลา หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดสงขลา จ่าจังหวัดสงขลา และคณะ ร่วมให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลด้านความมั่นคงและข้อมูลด้านเศรษฐกิจใน พื้นที่จังหวัดสงขลาอีกด้วย

ผู้ว่ายะลา ระบุ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติงานบนพื้นฐานของข้อมูลที่เป็นความจริง ต้องระมัดระวังในการปฏิบัติงาน อย่าสร้างเงื่อนไขกับประชาชน เพราะอาจจะทำให้การแก้ปัญหาในพื้นที่ยากขึ้น

26 ก.พ.57 นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ในส่วนของ จ.ยะลา หลังจากที่เกิดเหตุในพื้นที่บ่อยครั้ง ใน ส่วนพื้นที่เ กพงต่อการเกิดเหตุร้าย ตนเองได้กำชับให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุด ชคต. และ ชุด ชรบ.ในแต่ละพื้นที่ ได้เข้าร่วมกับกำลังของทหาร ตำรวจ เพื่อให้การปฏิบัติงานในพื้นที่ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะว่าในแต่ละพื้นที่ กำนัน และ ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง อส. ต่างก็รู้จักสภาพในพื้นที่ดี แต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อส.ก็ยังขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัตงาน ยังไม่สามารถเทียบเท่ากำลังทหาร หรือ ตำรวจ ตนเองกำชับและให้มีการทบทวน มีการฝึกอบรมตามวงรอบในแต่ละปี รวมทั้งได้ขอความร่วมมือจากหน่วยทหาร และ ตำรวจ ในการเข้ามาทำการฝึก ด้วยการปฏิบัติจริง และตนเองก็ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในแต่ละพื้นที่แสวงหาความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ควบคู่กับการทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน รวมทั้งหาข่าวสารข้อมูลที่มีความชัดเจน และ ถูกต้อง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ยะลา หลายต่อหลายเหตุการณ์ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ และ ชาวบ้านเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมทั้งทรัพย์สิน ได้รับความเสียหาย ทางจังหวัดได้มีการดำเนินการ ทำความเข้าใจ รวมทั้งเสาะหาข้อมูลจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ว่าจริงๆแล้วเกิดจากสาเหตุใด และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาตามข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ในส่วนแรก ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับกองกำลังเจ้าหน้าที่ ให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้สร้างความเป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน เจ้าหน้าที่จะต้องไม่กระทำในส่วนที่ผิดกฎหมาย หรือ ไปสร้างความไม่เป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุการณ์กับพี่น้องประชาชน ก็ได้มีข่าวลือออกมาอย่างต่อเนื่องว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ หน่วยนั้น สังกัดนั้น แต่การตอบโต้ของกลุ่มคนร้าย กลับไม่ได้ตอบโต้ต่อหน่วยที่ถูกพาดพึงหรือถูกกล่าวหาแต่อย่างใด โดยการตอบโต้ของคนร้ายกลับไปเกิดขึ้นกับหน่วย หรือ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง และได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่บริสุทธิ์ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว มีแต่จะทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งทำให้ผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบ ในส่วนนี้ก็ต้องเร่งทำความเข้าใจกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกองกำลังต่างๆ ที่ปฏิบัติงาน รวมทั้งพี่น้องประชาชน ว่าในการกระทำอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้น ให้มีการหาข้อมูลที่มีความชัดเจน ถูกต้อง เพื่อที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีการกวดขันจับกุมคนร้ายที่กระทำความผิด แต่ในการกวดขันจับกุมก็ต้องพึงระวังอย่างยิ่งว่า อย่าได้ไปกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือ ญาติ แต่ขอให้ไปกระทำการกวดขันจับกุมคนร้าย ที่ก่อเหตุร้ายจริงๆ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว หากกระทำต่อบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะเป็นการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นต่อไปอย่างไม่มีวันจบ



นายนิแอ  สามะอาลี / ภาพข่าว

ปราชญ์ชาวบ้าน จ.ยะลา ชี้ การเจรจาสันติภาพ ล้มเหลว ชาวบ้านมองเพียงแค่ละครตบตา แต่เหตุการณ์ร้ายยังเกิดขึ้นทุกวัน

จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ก่อเหตุลอบวางระเบิด ลอบยิง ลอบวางเพลิง และก่อเหตุกวนในรูปแบบต่างๆ สร้างความปั่นป่วน ทำให้มีเจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ถึงแก่ชีวิตและได้รับบาดเจ็บ หลายราย รวมทั้งทรัพย์สินก็ได้รับความเสียหาย

นายคลองธรรม แซ่เจน ปราชญ์ชาวบ้าน จ.ยะลา ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามการแก้ปัญหาสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สงบลงไปสักระยะหนึ่ง แต่มาในระยะหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ตนเองมองว่ามีสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในหลาย ๆ สาเหตุ โดยประการแรก ตนเองและคนในพื้นที่มองว่าอาจจะมาจากรัฐบาลกลาง เนื่องจากในขณะนี้รัฐบาลกลางของประเทศไทยอยู่ในช่วงของรอยต่อรัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่ การบังคับใช้กฎหมาย หรือการสั่งการในด้านต่างๆ ในการให้ข้าราชการปฏิบัตินำงบประมาลงมาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีข้อติดขัด รัฐบาลมีก็เหมือนไม่มีรัฐบาล รัฐบาลมีก็เหมือนว่าไม่ได้ทำงาน รัฐบาลมีก็เหมือนรัฐบาลที่เป็นง่อย ไม่สามารถสั่งการให้กับข้าราชการในพื้นที่ได้ปฏิบัติตามได้อย่างเต็มที่ ประการถัดมาก็น่าจะมาจากข้าราชการในพื้นที่บางหน่วย หรือ บางส่วนเกิดอาการที่เรียกว่าเกียร์ว่าง ไม่รู้ว่าจะเดินหน้า หรือ ถอยหลัง เนื่องจากนโยบายในส่วนกลางไม่มีความชัดเจน และเกรงกลัวว่าถ้ารัฐบาลชุดใหม่มา จะมีแนวนโยบายที่มีความขัดแย้งกัน จึงเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถที่จะปฏิบัติการได้อย่างสะดวกกว่าก่อนหน้านี้ ประกอบกับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความสับสน โดยเฉพาะในเรื่องของการเจรจาสันติภาพในประเทศมาเลเซียในช่วงที่ผ่านมา คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มองว่าเป็นเพียงละครตบตาประชาชน ทำให้การปฏิบัติงาน หรือการกระทำอะไรต่างๆของภาครัฐในปัจจุบัน ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ และเกิดความระแวงสงสัย ในสิ่งที่รัฐบาลนำนโยบายมาแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นความจริงใจของรัฐบาล หรือ เป็นการสร้างภาพ เป็นละครตบตาประชาชน

ปราชญ์ชาวบ้าน จ.ยะลา ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการบังคับใช้กฎหมายของทางราชการ ยังไม่มีความเป็นธรรม และมีความถูกต้องต่อส่วนรวม หรือ ต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ายังมีการเลือกปฏิบัติ คนที่มีอิทธิพล หรือ คนที่มีอำนาจในสังคม ก็มักจะได้รับการยกเว้นในการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนผู้ที่ด้อยโอกาส และผู้ที่ไม่มีหนทาง ก็มักจะถูกกฎหมายกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับใช้กฎหมาย นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมด ในข้อเท็จจริงแล้ว การบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่ถูกต้องและเป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชนจึงทำให้ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นแบบลูกโซ่ หรือแบบงูกินหางแก้ไม่ตรงจุดเหตุการณ์ต่างๆก็เลยบานปลายยากที่จะแก้ไขได้


ยุทธนา จันทร์วิมาน ส.ปชส. ยะลา

ชาวสหกรณ์ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระรูป “พระบิดาการสหกรณ์” เนื่องใน วันสหกรณ์แห่งชาติประจำปี 2557

เมื่อเวลา 10.00 น.  วันที่ 26 ก.พ.57 ที่สำนักงานสหกรณ์ยูเนียนเคหะรัษฎาภูเก็ต จำกัด นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระรูปพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เนื่องในวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี 2557 โดยมีนายภาวัต ศุภสุวรรณ ประธานกรรมการดำเนินการ  สหกรณ์ยูเนียนเคหะรัษฎาภูเก็ต จำกัด นายประคอง รักษ์วงศ์ พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนสหกรณ์ และแขกผู้มีเกียรติ รวมถึงคณะครู โรงเรียนรับโล่ เนื่องในวันดังกล่าวเข้าร่วมในพิธี

นายภาวัต กล่าวว่า  เพื่อร่วมสดุดีพระบิดาการสหกรณ์ไทย เนื่องในโอกาสวันสหกรณ์แห่งชาติ ซึ่งเป็นวันที่ชาวสหกรณ์รวมใจกันน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ที่ทรงริเริ่ม ทดลองจัดตั้งสหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จำกัดสินใช้ ขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 และทรงส่งเสริมให้มีการแพร่ขยายอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ไปทั่วประเทศ ยังประโยชน์ให้เกษตรกร และสมาชิกสหกรณ์มีคุณภาพที่ดีขึ้น และเป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศสืบเนื่องมา

สำหรับในส่วนของจังหวัด ขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดภูเก็ต ได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันสหกรณ์หลายอย่าง ทั้งจัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตร พิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระรูปพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ “พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย” ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 9 นอกจากนั้น ยังมีพิธีทางศาสนาอิสลาม และพิธีกล่าวสดุดีพระบิดาการสหกรณ์ไทย

ด้านนายไมตรี กล่าวว่า  พระราชวรวงค์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ขณะทรงรับตำแห่งเป็นอธิบดีกรมพาณิชย์และสถิติพยากรณ์ ทรงเล็งเห็นว่าวิธีช่วยกู้ฐานะชาวนาให้พ้นจากภาวะหนี้สินพอกพูนได้นั้น คือการจัดตั้งสหกรณ์  ทรงส่งเสริมให้มีระเบียบข้อบังคับและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อควบคุมการตรวจสอบบัญชี การรับส่งเงิน และแนะนำวิธีการดำเนินงานสหกรณ์รวมทั้งมีการพัฒนาสหกรณ์จนเกิดการก่อตั้งสหกรณ์อย่างแพร่หลาย ด้วยพระปรีชาสามารถส่งผลให้เกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์พ้นจากภาวะหนี้สิน มีทุนในการประกอบอาชีพ มีความเป็นอยู่ที่พอมีพอกิน ก่อให้เกิดผลดีในการพัฒนาประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระเกียรติคุณอย่างยิ่งใหญ่ที่ควรค่าต่อการน้อมระลึกถึง

เทศบาลนครภูเก็ตพัฒนาบุคลากรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมแลกเปลี่ยนหลักสูตรกระบวนการเกี่ยวกับนิติบัญญัติและการเมืองการปกครองกับประเทศสหรัฐอเมริกา

วันที่ 26 ก.พ. 57 ที่ห้องประชุมเทศบาลนครภูเก็ต ดร.สมหมาย  ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พญ. ทัศนีย์  เอกวานิช รักษาการผู้อำนวยการกองการแพทย์ เทศบาลนครภูเก็ต  นางสาวดวงเดือน
นกทวี  ผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน เทศบาลนครภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับ Ms. Robyn Undleme ,Project Manager ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิตวิทยาการสมรสและครอบครัว และ Ms. Connie Puiclpher ,System Planner  ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสถาปัตย์ผังเมืองและการจัดการประชาคมด้านผังเมือง จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในโอกาสที่ได้เดินทางมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนตามหลักสูตรแลกเปลี่ยนกระบวนการที่เกี่ยวกับนิติบัญญัติและการเมืองการปกครอง

สำหรับหลักสูตรแลกเปลี่ยน กระบวนการที่เกี่ยวกับนิติบัญญัติและการเมืองการปกครอง เป็นหลักสูตรที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้าใจสังคมอเมริกามากขึ้นและเรียนรู้กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยมีผู้เข้าอบรมรวม 2 รุ่น จาก 3 ประเทศ คือประเทศไทย ประเทศนิวซีแลนด์และประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับประเทศไทยมีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน2 รุ่น รุ่น ที่ 1 จำนวน 4 คน ได้แก่ ดร.อรทัย  ก๊กผล จากสถาบันประปกเกล้า  พญ.ทัศนีย์  เอกวานิช จากสำนักงานเทศบาลนครภูเก็ต  นายติณวัฒน์  สุวรรณปริก  จากสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ และ
นางแอนนา    เดวิส  จากสำนักงานเทศบาลตำบลสะเดา  รุ่นที่ 2 จำนวน 2 คน คือ นายวา  จักรคม จากสำนักงานจังหวัดอุดรธานี และนางสาวอาภากร  ไตรเรกพันธุ์ จากสำนักงานเทศบาลนครสงขลา

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุงร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง จัดเวทีเสวนา "ร้อยรวมดวงใจเพื่อใต้สันติสุข” เพื่อสร้างความเข้าใจและข้อเท็จจริงถึงปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แก่ เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และสื่อมวลชน

เมื่อวันที่ ๒๑ ก.พ.๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่ห้องประชุมอาคารอเนกประสงค์เทศบาลนครตรัง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง ร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังได้จัดกิจกรรมเสวนา "ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข” เพื่อสร้างความเข้าใจและข้อเท็จจริงถึงปัญหาในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ แก่ เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ และสื่อมวลชน ก่อนนำไปขยายผลประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบถึงสถานการณ์ นโยบายและทิศทางการแก้ปัญหาของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง นายสุอีน สูบเด็น รองประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตรัง นางปิยาณี เพชรศรีช่วง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ศูนย์ตรัง และดำเนินรายการโดยนายสุรเชษฐ์ สุทธิกุล นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง

 ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์เล็งเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้เป็นนโยบายเร่งด่วนโดยกำหนดเป้าหมาย "จะเร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นหลักปฏิบัติในแนวทางสันติวิธี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ จึงได้ร่วมมือกับผู้นำศาสนา ฝ่ายวิชาการ และเครือข่ายสื่อมวลชนในจังหวัด จัดเวทีเสวนา " ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข” เพื่อให้เป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ ทัศนคติ พร้อมความคิดเห็นในความเป็นอยู่ และการดำรงชีวิต ตามหลักศาสนา เพื่อนำสังคมสู่ความสันติสุข

การจัดเสวนา "ร้อยรวมใจเพื่อใต้สันติสุข”ของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรังในครั้งนี้ มีสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้นจำนวน ๓๐ คน พร้อมทั้งได้มีการถ่ายทอดเสียงผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดตรัง คลื่นความถี่ เอฟเอ็ม ๙๐.๒๕ เมกกะเฮิร์ต และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพัทลุง รับสัญญาณเสียง ทางคลื่นความถี่ เอฟเอ็ม ๙๘.๐๐ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบอีกด้วย

อบจ.พังงาเปิดโครงการอบรมความรู้ การจัดการการเรียนการสอน วิทยากรสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดพังงา

ที่ห้องประชุมปันหยี โรงแรมภูงา อ.เมืองพังงา นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายก อบจ.พังงา เป็นประธานเปิดโครงการอบรมความรู้ ทักษะและเพิ่มประสิทธิภาพ การจัดการเรียนการสอน ของวิทยากรสอนศาสนาอิสลามของจังหวัดพังงา โดยมีนายอะหมัด และเยาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพังงา นายปราโมทย์ แหล่ทองคำ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย นายสุนทร ขันภักดี ผอ.กลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สพป.พังงา พร้อมด้วยวิทยากรสอนศาสนาอิสลามจากอำเภอต่างๆเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายก อบจ.พังงา กล่าวว่า โครงการนี้จัดขึ้นจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน ฝึกทักษะการจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง สร้างเจตคติที่ดีต่อผ็สอนด้วยกัน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีสาระหลักสูตรประกอบด้วย บทบาทของครูฟัรดูอีนกับความคาดหวังของสังคม จริยธรรมของครูสอนศาสนาอิสลาม เทคนิคและวิธีการสอนตามแบบอย่างท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล) การแก้ไข ปัญหา การเรียนการสอน และการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ มีการจัดกิจกรรมกลุ่มเชิงปฏิบัติการ รวมเวลา 2 วัน 1 คืน โดยมีคณะวิทยากรเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ทางด้านศาสนาและการศึกษา จากสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพังงาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพังงา

สโมสรโรตารี่พังงาร่วมกับสมาคมยิงปืนเขาช้างจัดการแข่งขันยิงปืนการกุศล หารายได้ช่วยสโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ที่สานมยิงปืนสมาคมยิงปืนเขาช้าง ต.นบปริง อ.เมืองพังงา นายพรเทพ พัฒนพิชัย นายกสโมสรโรตารี่พังงา เป็นประธานเปิดการแข่งขันยิงปืนการกุศลหารายได้ช่วยเหลือสโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน โดยมี นายวุฒิพงศ์ หัตถพรนายกสมาคมยิงปืนเขาช้าง นายฑีฆาวุฒิ บุนนาค เลขานุการสโมสรโรตารีพังงา นักกีฬายิงปืนและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายพรเทพ พัฒนพิชัย นายกสโมสรโรตารี่พังงา เปิดเผยว่า สโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนดีบุกพังงาวิทยายน ได้รับการลงนามอนุมัติอย่างเป็นทางการในสารตราตั้ง โดยประธานโรตารี่สากล เมื่อปี พ.ศ.2553 และมีสโมสรโรตารี่พังงา เป็นสโมสรอุปถัมภ์ การจัดตั้งสโมสรอินเตอร์แรคท์นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเพิ่มความรู้ความสามารถ และพัฒนาศักยภาพของสมาชิกทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน โดยมีโครงการที่สำคัญคือ ค่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ ค่ายอาสาพัฒนาชนบท และมีนโยบายเน้นในเรื่องของการศึกษาเป็นสำคัญ เพื่อมุ่งหวังสร้างโอกาสให้แก่เยาวชน ได้มีการพัฒนาฝึกฝนการเป็นผู้นำ และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมต่อไปในอนาคต ซึ่งในการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งนั้น จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ดังนั้นสโมสรโรตารีพังงาจึงต้องจัดกิจกรรมการกุศลเพื่อจัดหารายได้มาช่วยเหลือในการดำเนินกิจกรรมต่างๆให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อไป

ปภ.นครศรีฯ ขอความร่วมมือเลี่ยง หรือระมัดระวังในการเผาไร่ช่วงหน้าแล้ง

ปภ.นครศรีฯ ขอความร่วมมือเลี่ยง หรือระมัดระวังในการเผาไร่ช่วงหน้าแล้ง

นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึง การเตรียมความพร้อมในการรับมือปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเตรียมรับภัยแล้งและไฟป่า ในทุกตำบล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมในเรื่องยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือในการช่วยเหลือ ขณะที่ทาง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เตรียมเครื่องสูบน้ำ ขนาด 15 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง และรถบรรทุกน้ำ จำนวน 50 คัน ซึ่งพร้อมให้การช่วยเหลือทันที แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีประชาชน หรือหน่วยงานใดร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งสามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 075 – 358 440 ตลอด 24 ชั่วโมง

หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า ได้ขอความร่วมมือเกษตรกรให้ใช้ความระมัดระวังในการเผาหญ้า เพื่อทำสวน ทำไร่ ในช่วงหน้าร้อน รวมถึงการเผาป่า เพื่อหาสัตว์ป่ามาขาย โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง เพราะเกรงเกิดไฟไหม้ป่า จากสภาพแห้งแล้ง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันและบรรเทาความเสียหายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทำการปิดกั้นน้ำไม่ให้ไหลออกจากป่าพรุ เพื่อหล่อเลี้ยงป่าพรุไว้ให้นานที่สุด

จ.นครศรีธรรมราช ดึงเยาวชนร่วมเป็นพลังแผ่นดิน ร่วมป้องกันยาเสพติด

จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดค่ายเยาวชนนครศรี คนดีพลังแผ่นดิน เพื่อร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

วันนี้ (26 ก.พ.57) ที่ศูนย์บริการร่วมเพื่อการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดโครงการค่ายเยาวชนนครศรี คนดีพลังแผ่นดิน ซึ่งอำเภอปากพนังร่วมกับศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปากพนัง และสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดขึ้น เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ฝึกอาชีพ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ลดระดับปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่ให้หมดไปหรือลดน้อยลง โดยมีเยาวชนจากทุกตำบลของอำเภอปากพนังเข้าร่วมโครงการจำนวน 81 คน

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า เยาวชนถือเป็นอนาคตที่สำคัญของประเทศชาติ หากเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายอื่น ๆ ก็จะทำให้อนาคตที่สดใสต้องดับวูบลง ดังนั้นสิ่งที่เยาวชนต้องเตรียมให้พร้อมมี 3 อย่าง คือ ความแข็งแรงของร่างกาย หาคำตอบได้จากหลักโภชนาการที่รับประทานเข้าไป ต้องเอาสิ่งที่ดีมีประโยชน์เข้าไปในร่างกาย เช่น อาหารการกิน อากาศ แต่หากเอาสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น ยาเสพติด เหล้า บุหรี่ เข้าไปก็จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ ทรุดโทรม ด้านสติปัญญา ต้องรู้จักคิด ต้องคิดและจินตนาการในสิ่งที่ดี รู้จักควบคุมอารมณ์ ซึ่งหาคำตอบได้จากการเรียนทั้งในและนอกระบบ หรือเรียนรู้จากผู้อื่นที่มีประสบการณ์ และด้านจิตใจ ต้องมีจิตใจงดงาม คิดดีทำดี เมื่อร่างกายเรามีความเข้มแข็ง มีความรู้มีสติปัญญา ก็จะทำให้จิตใจของเรามีความเข้มแข็ง รู้จักผิดชอบ ชั่วดีด้วย ไม่คล้อยตามต่อสิ่งที่ยั่วยุต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ตัวเราไม่ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดและอบายมุขต่าง ๆ การจัดค่ายเยาวชนนครศรี คนดีพลังแผ่นดิน เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้ร่วมคิดร่วมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชน สำหรับแนวทางในการปฏิบัติราชการของจังหวัดได้กำหนดวาระสร้างสรรค์เกี่ยวกับเยาวชนไว้ 2 ประการ คือ ประการแรก การสร้างอนาคตเยาวชนโดยยกระดับคุณภาพการศึกษา พัฒนาเด็กและเยาวชนสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และสร้างสรรค์อย่างแท้จริง และประการที่สองคือ การสร้างสังคมให้เข้มแข็ง โดยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่ออนาคตที่ดีต่อลูกหลานของเราในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน โดยการดำเนินงานตามนโยบายและวาระแห่งชาติของรัฐบาล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหาตามแนวทาง 3 มิติ คือ การป้องกัน การปราบปราม และการบำบัดรักษา 

ป.ป.ส.ภาค 8 จับมือ ศพส.จ.นครศรีธรรมราช ติวเข้มแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

ป.ป.ส.ภาค 8 จับมือ ศพส.จ.นครศรีธรรมราช ติวเข้มแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พื้นที่เป้าหมายเฝ้าระวังสูงสุด ตามแผนปฏิบัติการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน

วันนี้ (26 ก.พ.57) ที่ศาลาการเปรียญวัดมุขธารา ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการอบรมนำหมู่บ้าน/ชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พื้นที่เป้าหมายเฝ้าระวังสูงสุด ตามแผนปฏิบัติการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 8 ร่วมกับศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช(ศพส.จ.) และ ศพส.อ.เมืองนครศรีธรรมราช จัดขึ้น เพื่อยุติสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความสงบสุขของประชาชนและสังคมให้ได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องและยั่งยืน โดยให้พลังแผ่นดินทุกภาคส่วนของสังคมร่วมมือกันลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด จนไม่ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีแกนนำหมู่บ้านชุมชน จำนวน 3 แห่ง คือ คือ ชุมชนมะขามชุม เทศบาลนครศรีธรรมราช บ้านปากน้ำปากนคร หมู่ที่ 1 ต.ปากนคร และ บ้านนางพระยา หมู่ที่ 3 ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช จำนวน 60 คน เข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นพื้นที่เฝ้าระวังยาเสพติดสูงสุดตามแผนปฏิบัติการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืนของสำนักงานเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และได้กำหนดยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดเป็นแนวทางในการดำเนินงาน โดยสำนักงานเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ประกาศพื้นที่เฝ้าระวังยาเสพติดสูงสุด 16,408 ชุมชนทั่วประเทศ พร้อมจัดลำดับ 50 ชุมชนที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งในพื้นที่ภาค 8 มีจำนวน 5 ชุมชน โดยอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 3 ชุมชน และสุราษฎร์ธานี 2 ชุมชน โดยในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้แทน ป.ป.ส.ภาค 8 ร่วมกับ ศพส.จ. /ศพส.อ.เมืองนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตชด. ตำรวจภูธร อปท.เป็นต้น ได้แต่งตั้งคณะทำงานประสานการปฏิบัติพื้นที่ ชุดปฏิบัติการจิตวิทยามวลชน เพื่อออกปฏิบัติงานในพื้นที่เป้าหมาย 3 ชุมชน รวมทั้งการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พร้อมทั้งมีการค้นหาแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนเพื่อร่วมกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้าน/ชุมชนของตนเอง จึงได้มีการจัดอบรมแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดขึ้นใช้ระยะเวลา 2 วัน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา มีสถิติการจับกุมคดียาเสพติดรวมทั้งสิ้น 12,648 คดี ผู้ต้องหา 13,990 คน โดยเฉลี่ยในแต่ละเดือนมีการจับกุมคดียาเสพติด 1,054 คดี มีการนำผู้เสพเข้าสู่ระบบการบำบัดในทุกระบบรวม 14,429 คน ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนและต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

โรงพยาบาลตรัง ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มพูนทักษะด้านการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยการพูด อ่าน ฟัง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

 นายแพทย์ชัยยุทธ  ศักดิ์ศรชัย   ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตรัง  เปิดเผยว่า     ด้วยกลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลตรัง จัดโครงการเพิ่มพูนทักษะด้านการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ โดยการพูด อ่าน ฟัง     ระหว่างวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 -  วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม 2557 เวลา 18.30 -20.00 น. ณ ห้องประชุมเฟื่องฟ้า โรงพยาบาลตรัง จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 30 คน   รุ่นที่ 1 เฉพาะวันจันทร์และวันพุธ, รุ่นที่ 2 เฉพาะวันอังคารและวันพฤหัสบดี    

โรงพยาบาลตรังจึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลตรัง หมายเลขโทรศัพท์ 075-581563

จ.ตรังจัดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี 2557 ครั้งที่ 9

ที่โรงพลศึกษา สนามกีฬาเทศบาลนครตรังทุ่งแจ้ง ถนนตรัง-สิเกา นายอมรเศรษฐ์ สุวรรณมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันสหกรณ์แห่งชาติจังหวัดตรัง ประจำปี 2557 ครั้งที่ 9 โดยมี นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน รองประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง กล่าวรายงาน โดยการจัดงานในครั้งนี้เพื่อรำลึกถึงพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ผู้ทรงริเริ่มให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวนา เพราะข้าวเป็นสินค้าสำคัญของประเทศ แต่ขณะเดียวกันชาวนากลับมีหนี้สินมากมาย ทำนาได้ข้าวเท่าใดก็ต้องขายใช้หนี้เกือบหมด จนได้รับสมญานามว่า "พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย" และเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกได้ตระหนักถึงคุณค่า ศรัทธา และเชื่อมั่นในระบบสหกรณ์ นับตั้งแต่มีการตั้งสหกรณ์แห่งแรกขึ้นในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 จนถึงปัจจุบันนี้ ที่ครบรอบ 98 ปี สหกรณ์ได้พัฒนาและมีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์งานด้านการสหกรณ์ให้เผยแพร่สู่สาธารณชน อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยให้องค์กรสหกรณ์มีบทบาทในการช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ให้ตระหนักถึงความสำคัญของงานด้านการสหกรณ์ ช่วยให้สมาชิกสหกรณ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสอดคล้องกับแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมการวางดอกไม้เพื่อสักการะพระบิดาสหกรณ์ไทย กิจกรรมการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ เพื่อเชื่อมความสามัคคีและขวัญกำลังใจในการทำงานร่วมกันต่อไปตามอุดการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ ในการก้าวไปสู่จุดหมายการพัฒนาขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดตรัง ให้เกิดความเข้มแข็งเจริญก้าวหน้าต่อไป

คณะกรรมการศาลเจ้า ปุ่น เถ้า กง จังหวัดตรัง ร้องทุกข์ หลังเกิดปัญหาเจ้าของที่ดินปิดเส้นทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้า และการเจรจาไม่เป็นผล

(26 ก.พ.57)  ที่ศาลเจ้าปุ่นเถ้ากง วังตอ อ.เมืองตรัง นายมานิต วงษ์สุรีย์รัตน์ ประธานกรรมการศาลเจ้าปุ่น เถ้า กง เขตเทศบาลนครตรัง ถนนวังตอเลียบทางรถไฟ พร้อมด้วยประชาชนในเขตวังตอ ได้เข้าร้องกับผู้สื่อข่าวกรณีทางเข้าศาลเจ้าที่ถูกเจ้าของที่ดินเดิมปิดทาง เข้า ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อเจ้าของที่ดินได้ทำการก่อสร้างปิดเส้น ทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้า โดยนายมานิตย์ กล่าวว่า ศาลเจ้าปุ่น เถ้า กง นั้นถือเป็นศาลเจ้าแห่งแรกในจังหวัดตรัง ที่มีอายุในการจัดตั้งเป็นเวลา 143 ปี โดยได้ทำการขึ้นทะเบียนกับกรมการปกครอง ตั้งแต่ปี 2478 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 78 ปี และในสมัยนั้น เจ้าของที่ดินเดิมในเว้นที่ส่วนหนึ่งกว้างประมาณ 10 เมตร ไว้ให้เป็นทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้า ด้วยการก่อกำแพงกั้นอาณาเขต ระหว่างศาลเจ้ากับเจ้าของที่ดินเดิม ซึ่งที่ผ่านมา ทั้งนี้พื้นที่อีกด้านของศาลเจ้าติดกับคลองน้ำเจ็ด และ ที่ดินป่ารกชันของกรมเจ้าท่า และเมื่อทำการขออนุญาตไปยังกรมเจ้าท่าแล้ว ทางกรมเจ้าท่าก็ไม่อนุญาตเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเจรจาพูดคุยเพื่อขอความเห็นใจกับเจ้าของที่ดิน ปัจจุบันถือเป็นทายาท รุ่นที่ 3 ซึ่งเจ้าของที่ดินอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของโฉนดที่ดินที่ถืออยู่ และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีคำตอบที่ชัดเจน โดยล่าสุดทางคณะกรรมการศาลเจ้าได้ประสานงานไปยังอำเภอเมืองตรัง ในฐานะผู้ดูแลตามกรมการปกครอง เพื่อจะมอบหมายในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยในช่วงนี้ได้ขอร้องให้เจ้าของที่ดินเดิม ระงับการก่อสร้างไว้ชั่วคราวก่อน เพื่อจะได้ร่วมกันหาทางออกต่อไป

ผู้ว่าฯชุมพร มอบเงินชวยเหลือ อส.ที่ประสบภัยน้ำท่วม

ผู้ว่าฯชุมพร มอบเงินให้กับ อส.เพื่อช่วยเหลือหลังประสบภัยน้ำท่วมบ้านพังเสียหาย เมือวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่

นายเลิศพรชัย ไชยฤทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายชัยธวัช ศิวบวร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร นำนายวิลาศ กุยุคำ นายนันทชัย ดวงสวัสดิ์ และนายภิญโญ นิสภา ซึ่งเป็นสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพร เข้ารับมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยธรรมชาติ จำนวนรายละ 1 หมื่นบาท จากนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมกับการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน แก่เจ้าหน้าที่

โดยก่อนหน้าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าน้ำท่วมในพื้นที่ ตำบลบ้านนา ตำบลขุนกระทิง ตำบลวังไผ่ และอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดชุมพร ซึ่งมวลกระแสน้ำมีจำนวนมากและแรง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่ไม่สามารถขนย้ายสิ่งของหนีขึ้นที่สูงได้ทัน ทำให้จมน้ำเสียหายเป็นจำนวนมาก และบ้ายพักอาศัยของประชาชนบางหลังถูกน้ำป่าซัดพังเสียหาย เช่นเดียวกับนายวิลาศ กุยุคำ นายนันทชัย ดวงสวัสดิ์ และนายภิญโญ นิสภา ซึ่งประสบภัยถูกน้ำป่าไหลหลากซัดบ้านพังเสียหายบางส่วน โดยในช่วงเกิดเหตุ อส.ทั้งสาม ได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม

ในโอกาสเดียวกันนายพีระศักดิ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ให้กล่าวให้กำลังใจและขอบใจในการปฏิบัติหน้าที่ในการเสียสละส่วนตนเพื่อช่วยเหลือ ผู้อื่น ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี ตามมีภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือ การบริการประชาชน การปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ สนับสนุนฝ่ายปกครอง รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รองผู้ว่านครฯ แนะให้นำหลักศาสนาใช้ในการแก้ปัญหาสู่ทางออกของประเทศ

จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดอบรมวิทยากรเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ของคนในสังคม ขณะที่ นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช แนะให้ทุกฝ่ายนำหลักคำสอนของศาสนาที่ตนเองนับถือ ไปใช้ในการแก้ปัญหา เชื่อว่า จะนำไปสู่ทางออกของประเทศได้

เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน , ผู้นำชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตำบลละ 3 คน รวม 489 คน เข้ารับการอบรม ซึ่งหลังจากการฝึกอบรมวันนี้ วิทยากรระดับตำบล จะกลับไปจัดเวทีเผยแพร่ผลการจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกในระดับหมู่บ้าน / ชุมชน ทั่วทั้งจังหวัด เพื่อสร้างความสมานฉันท์ ปรองดอง ของคนในสังคม

จังหวัดนครศรีธรรมราช ดำเนินการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน 154 พื้นที่ สนับสนุนงบประมาณกว่า 57 ล้าน 4 แสนบาท

 พัฒนาศักยภาพคณะกรรมการฯ ขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช
                       
ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติงานสนับสนุนในพื้นที่ และการพัฒนาศักยภาพเพื่อขับเคลื่อนกองทุน วันที่ (25 ก.พ. 57) ที่ ศูนย์วิทยพัฒน์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีคณะกรรมการและอนุกรรมการ จำนวน 3 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช คณะอนุกรรมการประเมินผลและกลั่นกรองกองทุนสวัสดิการชุมชน และคณะอนุกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรสวัสดิการชุมชน ตลอดจนภาคีหน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่และคณะกรรมการระดับชาติ เข้าร่วมกว่า 60 คน

ทั้งนี้การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสร้างความเข้าใจในทิศทาง/แนวทางการสนับสนุนพื้นที่ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งเพื่อสร้างแรงจูงใจในการขับเคลื่อนให้เกิดกองทุนสวัสดิการชุมชน ให้ครอบคลุมทั้ง 184 พื้นที่ ทั้งนี้จากสรุปผลการดำเนินงาน คณะกรรมการและอนุกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชน จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนไปแล้วทั้งสิ้น 154 พื้นที่ และยังอยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 30 พื้นที่ จากจำนวนพื้นที่ดำเนินการทั้งหมด 184 พื้นที่ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากนโยบาย 1 : 1 : 1 ไปแล้ว จำนวน 142 พื้นที่ เป็นเงินกว่า 57 ล้าน 4 แสนบาท ยอดสมาชิกกองทุน จำนวน 116,600 คน

พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ ถูกนายทุนบุกรุกทำลาย

ชาวบ้านแจ้ง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ ถูกนายทุนบุกรุกทำลายป่า

ชาวบ้านแจ้งอำเภอ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ ถูกนายทุนบุกรุกทำลายป่าและนำไม้ไปขาย ซึ่งเป็นป่าที่ชาวบ้านชวยกันปลูกทดแทน เพื่อฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำ โดยมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

นายคฑาวุธ พิมพ์ศักดิ์ ปลัดอำเภอปะทิว พร้อมกำลัง อส.กว่า 20 นาย เดินทางเข้าตรวจผืนป่าต้นน้ำ ป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะ เขต ม.6 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลังจากได้รับได้รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านว่าผืนป่าดังกล่าวได้มีนายทุน ได้บุกรุกแผ้วถางป่า

โดยพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่บนภูเขา เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าฝ่าสวนยางพาราของชาวบ้าน ลึกเข้าไปประมาณ กว่า 1 กิโลเมตร พบว่าต้นไม้จำนวนมาก ซึ่งเป็นต้นกระถินเทพา และกระถินณรงค์ ขนาดต้นไม่ต่ำกว่า 1 คนโอบ จำนวนไม่ต่ำกว่า 3,000 ต้น ถูกตัดโค่นล้มระเนระนาด จนไม่เหลือสภาพความเป็นป่าธรรมชาติให้ลงเหลืออยู่อีกเลย โดยต้นไม้บางต้น ใบไม้ยังเขียวบ่งบอกเพิ่งถูกโค่นไปได้ไม่นาน และบางส่วนถูกตัดขนาดความยาวประมาณ 4 เมตร นำมาเรียงกองเพื่อเตรียมขนย้ายออกจากพื้นที่ไป จึงทำการยึดไว้เป็นของกลางเพื่อเป็นหลักฐานในการสืบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับผืนป่าแห่งนี้ ได้รับบรรจุเข้าเป็นป่าสงวนแห่งชาติน้ำตกกะเปาะเมื่อ ปี พ.ศ.2516 เนื่องจากพบว่า เป็นป่าที่มีไม้หลากหลายชนิดอุดมสมบูรณ์อีกผืนหนึ่งของจังหวัดชุมพร ประกอบกับผืนป่าแห่งนี้เป็นป่าต้นน้ำ ที่หล่อเลี้ยงชุมชนใน อ.ท่าแซะ และอ.ปะทิว จ.ชุมพร ทำให้ชาวบ้านได้เกิดความหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก

เทศบาลนครเกาะสมุยได้จัดตั้งศูนย์บริการสาธารณสุข ( บางรักษ์ ) ดูแลส่งเสริมสุขภาพประชาชน

เทศบาลนครเกาะสมุยให้บริการศูนย์บริการสาธารณสุข เพื่อให้บริการประชาชนในการตรวจรักษาพยาบาลเบื้องต้น และดูแลส่งเสริมสุขภาพของประชาชน

นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเกาะสมุยกล่าวที่เทศบาลนครเกาะสมุยได้จัดตั้งศูนย์บริการสาธารณสุข ( บางรักษ์ ) ณ อาคารศูนย์บริการสาธารณสุข เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา หมู่ที่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสวมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้น เพื่อให้บริการประชาชนในการตรวจรักษาพยาบาลเบื้องต้น ดูแลส่งเสริมสุขภาพประชาชน ดูแล ควบคุม และฟื้นฟูโรค โดยทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้บริการตรวจรักษาโรค ตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ และมีพยาบาลให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทุกวันในเวลาราชการ ทันตกรรมเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น – 15.00 น.

ส่วนในวันเสาร์ – อาทิตย์ มีการออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยของโรงพยาบาลหมื่นเตียง สำหรับกำหนดการของการให้บริการแต่ละวันมีดังต่อไปนี้

วันจันทร์ –ตรวจโรคทั่วไป โดยพยาบาลเวชปฏิบัติ ,
วันอังคาร-รับฝากครรภ์ และตรวจโรคทั่วไป โดยพยาบาลเวชปฏิบัติ,ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก,
วันพุธ – ฉีดวัคซีนเด็กทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน,
วันพฤหัสบดี – คัดกรองโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิต โดยแพทย์จากโรงพยาบาลเกาะสมุย
วันศุกร์ – ตรวจโรคทั่วไป โดยพยาบาลเวชปฏิบัติ

จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี 2557

จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี 2557

นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยตามที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น 1 ใน 65 จังหวัด เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ตามยุทธศาสตร์/มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี 2557 ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในช่วงฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2557 รวมทั้งการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัย เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จังหวัดฯจึงได้จัดตั้ง ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2557 ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจังหวัดได้จัดทำ แผนเฉพาะกิจ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังกล่าวที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย และมีแนวโน้ม จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้งของทุกปี โดยเฉพาะไฟป่าในพื้นที่ป่าไม้เขตป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าพรุ ซึ่งการเกิดไฟป่าดังกล่าวมีสาเหตุมาจากธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์ ที่ได้ส่งผลความเสียหายต่อสภาพแวดล้อม ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และภาครัฐ

ดังนั้นหากประชาชนพบเห็นการเกิดอัคคีภัย หรือไฟป่า สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร. 075 – 358 440 หรือ หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกิดเหตุ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่า

โครงการขยายจุดบริการเพื่อรับคำร้องและดำเนินการเบื้องต้น ณ สถานีตำรวจภูธรจังหวัด

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการประชาชน ตามโครงการขยายจุดบริการเพื่อรับคำร้องและดำเนินการเบื้องต้น ณ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่

วันที่ (25 ก.พ.2557) ว่าที่ร้อยตรี ธนกร สถานานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองพยานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการประชาชน ณ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ตามโครงการจัดตั้งการขยายจุดบริการในการรับคำขอค่าตอบแทนผู้เสียหาย ในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลย ในคดีอาญา พ.ศ.๒๕๔๔ นำร่อง ณ สถานีตำรวจภูธร ๔๕ แห่งทั่วประเทศ โดยจัดส่งเจ้าหน้าที่จำนวน 1 คน ไปปฎิบัติงาน ณ สถานีตำรวจภูธร ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงจุดบริการรับคำร้อง การขอรับเงินกรณีตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา การแจ้งความและยื่นขอใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.๒๕๔๔ ได้อย่างทันท่วงทีและเป็นไปอย่างยุติธรรม

ผอ.ภูเก็ตระบุ กกต.กลางไม่ได้สั่งการใดๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งทดแทน

ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ตระบุว่า กกต.กลางไม่ได้สั่งการใดๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งทดแทน

นายกิตติพงษ์ เที่ยงคุณากฤต ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดภูเก็ตกล่าว  ด้วยจังหวัดภูเก็ต เป็น 1 ใน 8 หรือ ใน 28 เขตเลือกตั้ง ที่ประสบปัญหาการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.ล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือ กปปส.ภูเก็ต ปิดล้อมสถานที่เลือกตั้งรวมทั้งไม่สามารถจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ได้เหมือนกัน เพราะ กปปส.ภูเก็ต ปิดล้อม สถานีตำรวจภูธรถลางไม่ให้เอาบัตรเลือกตั้ง ส.ส.ไปส่งหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่2และกปปส.ชุมพร ปิดกั้น ที่ทำการไปรษณีย์ชุมพรจนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำเอาบัตรเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ออกมาได้เช่นเดียวกัน และจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีกำหนดการอะไรทั้งสิ้น หรือทาง กกต.กลาง ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวสั่งการใดๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทดแทน ทั้งวันที่ 26 มกราคมและวันที่ 2 กุมภาพันธ์

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ กกต.ภูเก็ตรวมทั้ง ผู้ที่ต้องการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 แจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เพราะกลุ่มผู้ที่ปิดกั้นศาลาประชาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จนไม่สามารถรับสมัครได้ มีเพียงนายจิรายุส ทรงยศ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 ที่สามารถสมัครได้เท่านั้น เรื่องนี้ ไม่มีความคืบหน้าเช่นเดียวกัน รวมทั้ง การปิดกั้นไม่ให้ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ตและประชาชนต่างจังหวัด ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า วันที่ 26 มกราคม ในชั้นพนักงานสอบสวนไม่มีความที่ดำเนินการคืบหน้าด้วย ตลอดจนนายทรงศิริ ไกรเลิศ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ หมายเลข 40 ของพรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต ชาวจังหวัดภูเก็ต รวมทั้ง ตัวแทนพรรคเพื่อไทยและประชาชน ที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีบุคคล ที่เป็นแกนนำ ปิดกั้นที่สถานีตำรวจภูธรถลาง แล้ว ประมาณ 5-6 คน ปัจจุบันพนักงานสอบสวน กำลังสืบสวน สอบสวน และเรียกตัวบุคคลที่เข้าไปพัวพันในเหตุการณ์ ปิดกั้น มาให้ปากคำแล้ว

ชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว ยื่นเรื่องขอเทศบาลนครภูเก็ตชะลอการรื้อถอนอาคารแบดมินตัน

ชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว เข้ายื่นหนังสือขอให้ทางผู้บริหารเทศบาลนครภูเก็ตชะลอการรื้อถอนอาคารแบดมินตัน

เมื่อเวลา 10.00 น วันที่ (25 ก.พ.57) ที่ห้องประชุมอาคารพัสดุเทศบาลนครภูเก็ต พ.ต.อ.วีรวัฒน์ จันทร์วิจิต ที่ปรึกษาชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว เข้ายื่นหนังสื่อขอให้ทบทวนและชะลอการรื้ออาคารชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียวนครภูเก็ต ต่อนายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต โดยมีสมาชิกชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียวเข้าร่วมกว่า 100 คน

ตามประกาศเทศบาลนครภูเก็ต มีความประสงค์จะขายทอดตลาดเศษวัสดุ ไม้ สังกะสี และอื่น ๆ ที่จะได้จากการรื้ออาคารโรงเรียน โดยกำหนดให้ผู้ประสงค์จะเข้าทอดตลาด ลงทะเบียนในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ระหว่างเวลา 09.00 น. – 10.30 น. และประมูลขายทอดตลาดในวันเดียวกัน ทางชมรมแบดมินตันบ้านบางเหนียว พร้อมกับสมาชิกชมรม ฯ ทุกคน ได้ประชุมและมีมติร่วมกันว่า ขอให้ทางเทศบาลนครภูเก็ตได้ทบทวนและชะลอการรื้อถอนอาคารโรงเรียนเนื่องจากทางเทศบาลยังไม่มีการจัดสถานที่ออกกำลังกายให้กับสมาชิกและพร้อมทั้งยังไม่มีการแจ้งให้ทราบว่าจะมีการรื้อถอนอาคารเพื่อขายทอดตลาด

ทางชมรมแบดมินตันย้ายออกจากอาคารดังกล่าวเมือทางเทศบาลนครภูเก็ตได้จัดเตรียมโครงการสร้างอาคารเรียนใหม่เสร็จเรียบร้อย มีแบบแปลนก่อสร้างที่ชัดเจน มีงบประมาณในการก่อสร้างพร้อมและได้รับการอนุมัติโครงการให้ก่อสร้างจากสภาเทศบาลนครภูเก็ต รวมทั้งมีการประกาศเปิดขายซองประมูลการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่โดยทางชมรมจะรื้อถอนทรัพย์สินให้เสร็จภายใน 15 วัน นับแต่ทางเทศบาลมีการเปิดขายซองประมูลอาคารเรียนใหม่ที่สร้างทดแทน ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้นำไปหารือกับนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้มีการชะลอการรื้อถอนอาคารดังกล่าวแล้ว